ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลืมรักร้าย

    ลำดับตอนที่ #2 : ความจริงที่เจ็บปวด 1.5

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.21K
      20
      20 มี.ค. 57

    “นี่นังนัท แกออกไปไหนมาห๊ารู้ไหมว่าฉันหิวจะตายอยู่แล้ว”

    เสียงดังเอะอะโวยวายดังมาจากบ้านไม้ท้ายซอยเหมือนอย่างเช่นทุกวัน เด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักผิวพรรณขาวผ่องอายุเพียงเจ็ดขวบ กำลังยืนก้มหน้าก้มตาอยู่ข้างหน้าบ้านมือน้อยๆหอบหิ้วทุกอาหารไว้เต็มสองมือ แต่ดูเหมือนคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ของเด็กน้อยยังไม่พอใจเดินโซเซออกมารอหนูน้อยพร้อมกับไม้เรียวข้างหน้าบ้าน กลิ่นเหล้าจากกายเธอเหม็นคลุ้งไปทั่วรวมทั้งเสียงของเธอที่ดังเอะอะไปไกลทำให้ชาวบ้านแถวนั้นออกมายืนดูเหตุการณ์กันยกใหญ่ด้วยความเวทนาหนูน้อยยิ่งนัก เพราะภาพตรงหน้านั้นเกิดขึ้นอยู่ปล่อยครั้ง

    “แกไปไหนมาห๊านังนัท ฉันบอกให้แกออกไปหาข้าวให้ฉันกินแล้วทำไมกลับมาเอาป่านนี้”

    “หนู...หนูไปช่วยหลวงตาล้างจานมาจ๊ะแม่วันนี้มีงานกฐินที่วัดจ๊ะแม่...”

    “แหมแม่นักบุญแม่พระจริงๆเลยนะแก งานบ้านงานช่องที่บ้านตัวเองมีเกลื่อนไปหมดยังไปสะเออะช่วยชาวบ้านเขาอีก แล้วไหนล่ะข้าวฉันห๊า”

    “นี่จ๊ะแม่วันนี้มีเยอะแยะเลยนะจ๊ะหลวงตาแบ่งมาให้เยอะเลยจ๊ะ”

    “แล้วท่านให้เงินแกมารึเปล่า แกไปช่วยงานเขาเขาก็ต้องให้เงินแกบ้างบ้างสิไหนฉันดูสิเงินอยู่ไหน อย่าให้ฉันรู้นะว่าแกแอบเอาเงินไปซ้อนโดยไม่ได้บอกฉัน ฉันจะตีแกให้ตายเลย”

    หนูน้อยถูกกระชากแขนผู้เป็นแม่ลือค้นหาเงินตามตัวเด็กน้อยอย่างบ้าคลั่งแต่สุดท้ายก็ไม่เจอ

    “ไม่มี...ไม่มี แกต้องเอาเงินไปซ้อนแน่เลยใช่ไหม ใช่ไหม นังนัท! วันนี้ฉันจะตีแกให้ตายเลยโทษฐานที่แกกล้าซ้อนเงินกับฉัน นี่แหนะ....”

    เพลี้ย!!!!

    “หยุดนะอีอ้อยนี่แกจะตีนังนัทมันให้ตายเลยหรือยังไง มันอุสาออกไปขอข้าวหลวงตาที่วัดมาให้เอ็งกินทุกวันแถมยังออกไปรับจ้างรอยมาลัยมาเลี้ยงเอ็งอีก มีแต่เอ็งนั้นแหละที่วันๆไม่ทำอะไรเอาแต่กินเหล้า”

    คุณป้าจันที่อยู่บ้านข้างๆที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่นานทนไม่ไหวจึงต้องมาดึงตัวหนูน้อยไปแอบข้างหลังของตัวเองเพราะกลัวว่าหนูน้อยจะถูกตีตายไปสะก่อน

    “อีแก่แกอย่ามายุ่งเรื่องของแม่ลูกเขา นังนี่มันเนรคุณแอบซ้อนเงินกับฉัน รู้ไหมว่าฉันต้องเลี้ยงมันมายากลำบากมากแค่ไหนตั้งแต่เด็กๆ”

    “ข้าก็ไม่ได้อยากจะเสือกนักหรอกนะโว้ยถ้าไม่ใช่เพราะทนเห็นแม่เลวๆอย่างเอ็งทารุณลูกไม่ได้ และอรกอย่างข้าก็ไม่เห็นเอ็งจะลำบากอะไรวันๆเห็นเอาแต่ด่าแต่ตีมัน แล้วก็นอนจมกองเหล้า นี่หรือว่ะแม่ แต่จะว่าไปแล้วนังนัทมันก็หน้าตาผิวพรรณไม่ได้คล้ายเอ็งเลย หรือว่ามันไม่ใช่ลูกเอ็งว่ะเอ็งถึงทำกับมันแบบนี้”

    “อีแก่บ้าแกเอาอะไรมาพูดห๊า นังนัทมันเป็นลูกฉันแกอย่ามามั่ว แต่ถ้าแกอยากได้นังนี่ไปเลี้ยงดูอุ้มชูนักละก็ก็เอามันไปเลยฉันยกให้ แล้วอย่าเอามาคืนนะเอาไปเลี้ยงกันให้ดีเลยไป!!!!

    ว่าแล้วเธอก็เดินเข้าบ้านไป หนูน้อยทำท่าจะวิ่งตามไปแต่ก็ถูกคุณป้าจันข้างบ้านดึงเองไว้ก่อน

    “นังนัทข้าว่าอย่าพึ่งตามมันไปเลยรอให้มันหายบ้าก่อนขืนเอ็งเข้าไปตอนนี้เอ็งได้ถูกมันตีตายแน่ๆ แล้วนี้กินข้าวกินปลามารึยังไปช่วยงานที่วันเขาน่ะ”

    หนูน้อยที่มีคาบน้ำตานองหน้าส่ายหน้าน้อยก่อนจะเอามือปาดน้ำตาออก

    “ข้าว่าแล้วไงเอ็งคงจะห่วงอีอ้อยกลัวมันจะรอกินข้าวละสิท่าเลยไม่ได้กินข้าวกินปลา ไปไปกินบ้านข้าก่อนแล้วเดี๋ยวข้าจะทำแผลให้ดูสิมันเป็นแม่ภาษาอะไรตีลูกมาได้แรงๆจนเขียวช้ำไปหมด บ้างทีข้ายังคิดเลยว่ามันน่ะไม่ใช่แม่ของเอ็ง หน้าตาผิวพรรณละก็ก็ไม่เห็นจะมีส่วนไหนที่คล้ายที่เหมือน ท่าทางจิตใจก็ต่างราวฟ้ากับเหว เอาไปบอกใครว่าเป็นแม่ลูกกันเขาก็คงจะไม่เชื่อทั้งนั้น.....”

    หนูน้อยทำหน้าสลดลงทันทีจนป้าจันนึกสงสารนี่คงเป็นปมในใจของหนูน้อยสินะก็ใครจะไม่คิดบ้างล่ะถูกคนที่เรียกได้ว่าเป็นแม่ทำร้ายทารุณถึงขนาดนี้ขนาดหมามันยังไม่คิดจะรังแกลูกมันเลย

    “อย่าคิดมากเลยนะนังนัทข้ามันแกแล้วก็พูดไปเรื่อย เข้าบ้านข้าก่อนเถอะจะได้หาอะไรกิน แม่เอ็งเขาคงดูแลตัวเองได้ ได้ข้าวไปตั้งถุงใหญ่แล้วหนิ”

    หนูน้อยยังมองไปยังประตูบ้านตนก่อนที่จะเดินตามไปโดยดี

    หลังจากที่นังทานข้าวกันได้ไม่นานก็มีคนมาเรียกหนูน้อยอยู่ที่หน้าบ้านของป้าจันทำให้หนูน้อยออกไปดู

    “นี่นัทไปช่วยป้ารอยมาลัยที่ตลาดหน่อยสิลูกวันนี้มีลูกข้ามาสั่งเอาไว้เยอะเลย สงสัยจะดึกล่ะวันนี้ ช่วยป้าหน่อยได้ไหม”

    “ได้จ๊ะ ป้าจันจ๊ะหนูขอบคุณนะจ๊ะป้าที่ให้ข้าวหนูกิน หนูไปช่วยป้าเนียนก่อนนะจ๊ะป้า”

    “ไปเถอะ...เอ็งนี่มันเป็นเด็กดีจริงๆเลยนะนังนัท ถ้าข้าเป็นแม่เอ็งคงชื่นใจ”

    หนูน้อยยิ้มรับก่อนที่จะวิ่งตามป้าเนียนออกไปที่ตลาด

    หนูน้อยนั่งรอยมาลัยอย่างตั้งใจหวังว่าวันนี้คงจะได้เงินกลับไปให้ผู้เป็นแม่ได้เยอะกว่าทุกครั้งแน่ๆเพราะวันนี้งานดูจะเยอะกว่าทุกครั้ง แต่แล้ว....

    “นี่ๆนัทๆเอ็งรีบกลับบ้านเอ็งเร็วเข้า บ้านเอ็นน่ะไฟไหม้ใหญ่แล้ว”

    “แม่!!!

    หนูน้อยร้อยวางทุกอย่างวิ่งกลับบ้านด้วยความตื่นกลัว หนูน้อยกลัวเหลือเกินว่าแม่ของเธอจะยังอยู่ในบ้าน เพราะเวลานี้แม่ของเธอมักจะกินเหล้าและเมาหลับไปทุกวัน พอถึงที่หน้าบ้านหนูน้อยก็ตกใจสุดขีดเมื่อเห็นสภาพของเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำมากแค่ไหน เธอทำท่าจะถลาเข้าไปแต่ถูกป้าจันข้างบ้านกอดเอาไว้ก่อน

    “แม่!!!!! แม่!!!!

    “อย่าเข้าไปนัทอย่าเข้าไปอีอ้อยมันไม่รอดแล้ว....”

    “ฮือฮือฮือ...แม่!!! ไม่แม่นัทจะเข้าไปช่วยแม่ปล่อยนัทปล่อย....”

    “โธ่นัทเอ่ย....”

    เมื่อเพลิงไหม้มอดดับลงตำรวจก็เข้าไปสืบหาต้นเหตุของเพลิงไหม้สรุปได้ว่าเป็นเพราะอุบัติเหตุ และเมื่อตำรวจสอบปากคำหนูน้อยก็คาดเดาว่าวันนั้นอ้อยคงจะกินเหล้าแล้วเมาหลับไปจนไม่รู้ว่าตัวเองตอนที่ไปแตะโดนยากันยุงที่จุดอยู่ที่ปลายเท้าทำให้เกิดไฟลุกไหม้ขึ้น เมื่อสืบดูประวัติของอ้อยดูก็ไม่ญาติมิตรที่ไหนของเธอเลยและอีกเรื่องที่แปลกก็คือน้องนัทหรือ นัทชา นั้นไม่มีการแจ้งเกิดหรือประวัติเอกสารส่วนตัวใดๆเลย ไม่รู้ว่าทำไมอ้อยถึงไม่ทำเอกสารอะไรให้หนูน้อยแต่เมื่อเธอมาตายจากไปโดยไม่มีญาติมิตรที่ไหน ทางตำรวจจึงต้องส่งตัวหนูน้อยวัยเจ็ดขวบไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า บ้านอุ่นรัก ตั้งแต่เหตุการณ์เพลิงไหม้ที่ทำให้หนูน้อยต้องสูญเสียผู้เป็นแม่ไปก็ทำให้เธอยิ่งกลายเป็นคนเก็บตัวและไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจามากขึ้นไปอีก แต่เพราะความน่ารักของเธอทำให้คนที่มาเยี่ยมเยียนบ้านอุ่นรักสนใจรับเลี้ยงอุปการะหลายคน ทำให้เธอเป็นที่อิจฉาของบรรดาเด็กๆที่อยู่มาก่อนหน้านั้นและมักจะโดนกลั่นแกล้งอยู่เสมอ แต่หนักที่สุดก็คือวันที่เธอถูกเด็กๆในบ้านอุ่นรักผลักเธอตกบ่อน้ำในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนแทบจะเอาตัวเองไม่รอด โชคดีที่วายุเด็กในบ้านอุ่นรักเช่นเดียวกันกับเธอมาช่วยไว้

    “เป็นอะไรรึเปล่า.... ทำไมปล่อยให้พวกนั้นมันแกล้งเธออยู่ได้โง่รึเปล่า คนเราเกิดเป็นคนถ้าไม่สู้อะไรเลยแล้วจะอยู่ได้ยังไง”

    “แคะๆๆ”

    “เธอชื่อนัทใช่ไหม ฉันชื่อวายุ....”

    “อืม...”

    “นี่เธอพูดเป็นรึเปล่า เวลาคนเขาแนะนำตัวเธอก็ต้องแนะนำตัวกลับสิหรือไม่เวลาที่คนเขาช่วยเหลืออะไรไว้ก็ควรที่จะเอ่ยคำขอบคุณบ้าง”

    “ขอบใจนะ”

    “ไม่ได้เป็นใบ้หนิ... ไปเข้าบ้านกันตัวเปียกขนาดนี้เดี๋ยวก็ไม่สบายตายกันพอดี”

    วายุเป็นเด็กผู้ชายอายุสิบสี่ปีเขาเติบโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าบ้านอุ่นรักนี่ตั้งแต่เกิดเพราะพ่อกับแม่ของเขาได้หนีไปตั้งแต่เขายังจำความไม่ได้ เขาเป็นคนที่เงียบๆและไม่ค่อยจะมีเพื่อนเหมือนกับนัทชา ตั้งแต่วันนั้นทั้งสองคนก็สนิทสนมกันมากขึ้นไม่ว่าที่ไหนมีวายุก็ต้องมีนัทชาที่นั้น และเมื่อวายุเรียนจบปริญญาตรีเขาก็พาเธอไปเที่ยวทะเลอย่างที่เคยสัญญากันเอาไว้ด้วยเงินเก็บที่เขานั้นเก็บสะสมมาตอนทำงานพิเศษ

    “ว้าว..... สวยจังค่ะพี่วายุขอบคุณนะค่ะที่พานัทมาเที่ยว”

    “ก็เราสัญญากันเอาไว้แล้วหนิ แล้วพี่จะผิดสัญญากับเราได้ยังไง.... นัทพี่มีอะไรจะให้นัทด้วยนะ”

    “อะไรหรอค่ะพี่วายุ แค่พี่พานัทมาเที่ยวนัทก็ดีใจมากแล้วไม่ต้องให้อะไรนัทหรอกค่ะ”

    “แต่พี่อยากจะให้นัทนะ”

    วายุเอื้อมมือไปคว้ามือเรียวของหญิงสาวขึ้นมาก่อนกดจูบลงไปที่มือเนียนนุ่มของเธอ และบรรจงสวมแหวนทองคำขาวที่ประดับเพชรเม็ดเล็กๆลงไปที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธอ แววตาของเขาบ่งบอกถึงความรักที่มีต่อเธอมานานตั้งแต่วันแรกที่เขานั้นได้พบเจอเธอถึงแม้ตอนนั้นเธอจะอายุได้เพียงเจ็ดขวบเท่านั้น ใครจะมาหาว่าเขานั้นรักเด็กเขาก็ไม่ว่าเพราะเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในใจของเขาเท่านั้น

    “พี่วายุ....”

    นัทชาพูดอะไรไปไม่ได้มากกว่านี้เธอโผเข้ากอดเขาเอาไว้แน่นก่อนจะร้องไห้ออกมา

    “ขอบคุณค่ะพี่วายุ... นัทรักพี่นะค่ะ”

    “พี่ก็รักนัท... เราจะมีกันและกันแบบนี้ตลอดไปนะ พี่สัญญา”

    “ค่ะ...พี่วายุรู้ไหมว่าพี่วายุเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของนัท สัญญาแล้วนะค่ะว่าเราจะไม่ทิ้งกันอย่าทิ้งนัทไปไหนนะค่ะเพราะนัทคงจะอยู่ไม่ได้แน่ๆถ้าพี่วายุทิ้งนัทไป”

    “ไม่มีทางอยู่แล้วคนดี.... พี่จะไม่มีวันทิ้งเรา”

    เขาเอ่ยตอบสัญญาเสียงนุ่มก่อนจะกดจูบลงไปที่ริมฝีปากอิ่ม จากที่ตอนแรกเป็นจูบที่แสนหอมหวานกลับกลายเป็นจูบที่เรียกร้องและเร้าร้อนทั้ง สองมอบความรักให้แก่กันและกันด้วยหัวใจ นัทชามีความสุขเปี่ยมล้นที่เธอนั้นได้เป็นผู้หญิงของคนที่เธอรักเต็มตัวแล้ว ในที่สุดชีวิตที่โหดร้ายและอ้างว้างของเธอก็ไม่ต้องเหงาและโดดเดี่ยวอีกต่อไปเพราะเธอจะมีเขาคนนี้เดินเคียงคู่ด้วยกันไปตลอดกาล

    เมื่อกลับมาจากไปเที่ยวกันได้ไม่นานวายุก็ได้งานที่เชียงใหม่ทำให้เขาต้องย้ายไปทำงานที่นั้นวันที่หญิงสาวไปส่งเขาที่สถานีรถไฟเธอมีท่าทีเศร้าสร้อยมากจนเขานั้นนึกสงสารอยู่ไม่น้อยเธอคงจะเหงามากที่ไม่ได้เจอหน้าเขาปล่อยเหมือนอย่างแต่ก่อน

    “พี่ไปทำงานนะครับคนดีเอาไว้พี่มีเวลาพี่จะมาหานัทนะ”

    “นัทไม่อยากให้พี่วายุไปเลย นัทกลัว นัทกลัวว่าพี่นัทจะมีใคร อย่าไปเลยนะค่ะ นะค่ะพี่วายุ”

    “นัท...ไม่เอาหน้าอย่าคิดมากแบบนี้สิพี่ไม่ชอบเลยนะนัทพี่ไปทำงานนะไม่ได้ไปทำอย่างอื่น อย่างงองแงได้ไหม”

    “แต่นัทกลัวนิค่ะ เพราะเราต้องอยู่ไกลกันแบบนี้แถมนานๆทีจะได้เจอกันครั้งหนึ่งอีก”

    “นัท! งานนี้มันสำคัญกับพี่มานะนัท นัทก็รู้ใช่ไหมว่ามันเป็นอนาคตของพี่”

    “แล้วอนาคตของเราละค่ะพี่วายุเอาไปไว้ไหน”

    “นั้นอย่ามาโวยวายไร้สาระแบบนี้ได้ไมพี่ไม่ชอบ... ตอนนี้นัทยังเรียนมัธยมอยู่นะแล้วเราจะมาอยู่ด้วยกันได้ยังไงล่ะนัท นัทมีเหตุผลบ้างสิ พี่ก็ต้องทำงานแล้วนัทก็ต้องเรียนหนังสือเราไม่ได้เกิดมามีพ่อมีแม่มีครอบครัวค่อยเป็นฐานให้เราเหมือนคนอื่นนะนัท ถ้าเรายังไม่สร้างทุกอย่างด้วยตัวเองมัวแต่มาจมปลักกันอยู่สองคนแบบนี้แล้วอนาคตของเราจะเป็นยังไง”

    นัทชาเงียบไปเมื่อสิ่งที่วายุพูดออกมาก็เป็นความจริง ใช่ทั้งเขาและเธอไม่ได้มีครอบครัวเหมือนอย่างคนอื่นเขาและทุกอย่างก็ต้องสร้างด้วยตัวเองเธอจะมานั่งงองแงไร้เหตุผลแบบนี้ไม่ได้ เพราะไม่มีอะไรได้มาโดยไม่ต้องดิ้นรนต่อสู้เธอเองก็ต้องทำอย่างเขาเช่นกัน เพื่ออนาคตของทั้งเขาและเธอ เธอจะอดทนและจะพยายามตั้งใจเรียนเพื่อเขา

    “นัทขอโทษค่ะพี่วายุ นัทสัญญาค่ะว่านัทจะไม่งี่เง่าแบบนี้อีกแล้ว พี่วายุอย่าโกรธนัทนะค่ะ นัทสัญญาค่ะว่านั้นจะตั้งใจเรียนเพื่ออนาคตของเราสองคน แต่พี่วายุต้องสัญญานะค่ะว่าจะไม่ไปมองสาวๆที่ไหนต้องรักนัทคนเดียวนะค่ะ”

    “นี่นัทไม่เชื่อใจพี่เหรอ นัทเห็นพี่เป็นคนยังไง”

    “พี่วายุ.... ไม่ค่ะนัทเชื่อใจพี่ว่ายุนัทรักพี่วายุนะค่ะ”

    วายุที่เริ่มรู้สึกรำคาญกับความเซ้าซี้ของนัทชาก็รีบทำท่าจะเดินขึ้นรถไฟไปแต่เธอกลับวิ่งเข้ามากอดที่ข้างหลังของเขาเสียก่อน

    “พี่วายุนัทเชื่อใจพี่วายุนะ ขอร้องอย่าทิ้งนัทไปนะค่ะนัทไม่เหลือใครแล้วจริงๆ”

    จากที่รู้สึกรำคาญพอโดนเธอกอดและพูดด้วยน้ำเสียงหน้าสงสารแบบนี้เขาก็เริ่มใจอ่อนหันมากอดเอตอบ

    “พี่ก็รักนัทนะ แต่นัทต้องเป็นเด็กดีรู้ไหมถ้าพี่ว่างเมื่อไรพี่จะมาหานะ ถ้านัทคิดถึงพี่นัทก็โทรหาพี่ได้ตลอดเวลาเลยรู้ไหม พี่มีนัทเป็นเมียแค่คนเดียวและรักนัทเพียงคนเดียวนัทเชื่อพี่นะ อย่าคิดมากเดี่ยวก็หน้าแกหรอก”

    “ค่ะนัทเชื่อพี่วายุ นัทจะรอพี่วายุนะ...”

    ทั้งสองเอ่ยลากันด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป คนหนึ่งกำลังก้าวไปสู้อนาคตใหม่สังคมใหม่อย่างที่ตัวเองฝันใฝ่ไว้ แต่อีกคนกลับอยู่เพื่อรอวันที่จะได้พบเจอกันอีกครั้งเพื่อมาสร้างอนาคตร่วมกันตามที่สัญญากันเอาไว้โดยไม่รู้เลยว่าการรอคอยครั้งนี้มันจะเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×