ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    We are ...คือ เรารักกัน [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #69 : Special From PhuM

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 44.3K
      190
      19 ธ.ค. 54

     










    Special  From Phum






     

    "ถ้ามึงชอบกูจริงก็จีบกูให้ได้แล้วกัน" ตั้งแต่เกิดมาผมจำได้ว่าเคยจีบผู้หญิงไม่ถึงสามคนเพราะคนอย่างผมมีคนเข้าหาก่อนเสมอ ผมไม่เคยคิดเลยว่าวันนึงตัวเองจะต้องตามจีบผู้ชาย แถมไอ้ผู้ชายคนที่ว่ามันยังเป็นเบ๊ผมอีกต่างหาก แต่จะทำไงได้ล่ะก็ในเมื่อผมชอบไอ้เตี้ยไปแล้วนี่ ก็ต้องจีบอย่างที่มันสั่ง

     



    เตี้ยมันต่างจากคนอื่นๆที่ผมเคยคุยเคยเดทด้วย ทุกครั้งที่ผมโทรหามัน ทุกครั้งที่ชวนมันไปเที่ยว ชวนไปกินข้าว เหมือนผมกำลังช่วยเพื่อนผมไม่ต้องปั้นแต่งคำพูดให้สวยหรูดูดี ไม่ต้องพยายามทำตัวเป็นผู้นำ ไม่ต้องสร้างภาพเป็นสุภาพบุรุษ ผมแค่เป็นตัวของผมเองแค่นั้นและมันทำให้ทุกครั้งที่ผมอยู่กับพีมผมรู้สึกสบายใจ

     



    ไอ้เตี้ยมันทำให้วันธรรมดาๆของผมมีรอยยิ้ม แค่มันเลี้ยงไอติมกะทิถ้วยละไม่กี่บาท แถมยังแย่งถั่วแย่งขนุนของผมไปกินอีก ไร้ซึ่งความโรแมนติกแต่มันก็ทำให้ผมได้รู้ว่าทุกๆวันต่อจากนี้มันจะเป็นวันพิเศษสำหรับผมเสมอถ้าผมยังมีไอ้เตี้ยคนนี้อยู่ด้วยกัน

     


    พีมมันจะทำทุกอย่างตามที่มันอยากทำ แสดงออกในแบบที่มันเป็น แม้มันจะประกาศโต้งๆว่าให้ผมจีบ แต่มันก็ไม่ได้พยายามทำอะไรให้ผมรักเลย มันยังเฮฮา ปากหมา ก๋ากั่น ด่าเจ็บอย่างเดิม เพราะนั่นคือนิสัยของพีมที่ไม่ได้ปรุงแต่ง พีมแสดงออกอย่างธรรมชาติเสมอและความเป็นธรรมชาติของมันก็ทำให้ผมหลงรัก

     



    ในวันที่ผมได้จูบพีมครั้งแรกความรู้สึกยังเหมือนเพิ่งเกิดขึ้น จูบแรกของเรา จูบแรกของพีมรู้มั้ยครับว่าไอ้เตี้ยมันน่ารักมาก หึหึ ปากสีส้มๆของมันที่มักพ่นแต่คำด่า พอได้ลองสัมผัสมันให้ความรู้สึกเหมือนเวลาที่ได้จิบนมอุ่นๆ มันนุ่มลิ้น หอมหวานและบริสุทธิ์ ให้ความรู้สึกดีจนผมไม่อยากจะห่าง

     

     

    ชีวิตของผมที่ผ่านมาผมเคยทำเรื่องไม่ดีมามาก ยิ่งเรื่องชกต่อยมันเกือบเป็นชีวิตประจำวันของผม แต่ผมก็ไม่เคยหาเรื่องใครก่อนยกเว้นไอ้พวกที่คิดอยากลองดี ผมก็ไม่ขัดศรัทธาที่ตอบโต้มันกลับเพราะชีวิตของผมผมคือคนกำหนดจะเป็นจะตายก็ตัวผมเท่านั้นที่มีสิทธิ์ตัดสิน จนวันที่มีมือเล็กๆข้างนั้นดึงชายเสื้อของผมไว้ตาใสๆของมันมองมาที่ผมเหมือนอยากจะอ้อนวอน

     





    "วันนี้แค่ชก มึงอาจจะแค่ปากแตก แต่ถ้าวันนึงมันมากกว่านี้ละ ถ้าพวกมันลอบกัดอยากเอาคืนมึงบ้าง ถึงขั้นเอาชีวิต แล้วจะทำยังไง คิดบ้างดิวะ........ กูก็แค่เป็นห่วงมึง"

     




    และผมก็รู้แล้วว่าผมควรจะมีชีวิตอยู่ เพื่อใคร ผมไม่ลังเลเลยที่จะขอพีมเป็นแฟน ถึงบรรยากาศมันจะไม่ค่อยโรแมนติกเท่าไร ไม่มีของขวัญแทนใจซักชิ้นก็ตาม แค่มีมือของมันที่เกาะชายเสื้อผมบนจักรยานเก่าๆ



    "พีมเป็นแฟนกูนะ" ผมจำได้ว่าตัวเองเขินแค่ไหนตอนที่พูดคำนั้น หัวใจเต้นแรงแค่ไหนตอนที่รอฟังคำตอบ ขามันสั่นจนแทบปั่นจักรยานไม่ไหวดีที่ไม่ได้มองหน้ากันไม่งั้นผมคงโดนไอ้เตี้ยมันแซวยับ




    และแค่คำว่า"อืม"แค่อืมสั้นๆจากปากพีม ผมก็แทบจะทิ้งรถแล้วดึงมันมากอดแน่นๆ

     



    เราเป็นแฟนกันแล้ว

     




    ผมรู้ว่าตัวเองไม่ใช่ผู้ชายโรแมนติก แต่ก็อยากทำอะไรให้ไอ้เตี้ยมันประทับใจ ผมซื้อว่านหางจระเข้ให้ไอ้พีมหัวเราะจนผมนึกโมโห แต่พอผมบอกเหตุผลมันก็ตอบแทนด้วยจูบหวาน คุ้มนะ หึ

     


     

    จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ปีกว่าๆแล้วที่ชีวิตผมมีคนเตี้ยๆมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ ไอ้เตี้ยมันก็ไม่เคยเปลี่ยนจากวันแรกเลย เคยบ้า เคยรั่ว เคยปากหมา ยิ้มง่าย ขี้เขินยังไงมันก็ยังเหมือนเดิม แต่คนที่ไม่เหมือนเดิมคือตัวผมเอง พีมทำให้ผมเข้าใจอะไรมากขึ้น มีมุมมองใหม่ๆให้ชีวิต รวมถึงเรื่องครอบครัว

     



    ผมกับพ่อไม่ได้ทะเลาะกัน แต่ก็เหมือนไม่สนิทกันเท่าที่ควรเพราะอะไรนั้นมันเป็นเรื่องยากที่จะอธิบาย มันเป็นความรู้สึกที่ถูกสะสมมาตั้งแต่ผมยังเด็ก ผมรู้ว่าพ่อรักผมมากและผมก็รักพ่อมากเหมือนกันแต่เพราะสิ่งที่ผมพบเจอมันยังชัดเจนทั้งความเหงาที่ต้องอยู่คนเดียว ความเจ็บปวดที่เหมือนถูกทอดทิ้งไว้เพียงลำพัง

     



    จนวันที่ผมมีไอ้เตี้ย มันบอกบ่อยๆว่าการให้อภัยก็เหมือนการให้ความรักถ้ารักพ่อจริงก็ต้องให้อภัยท่านได้อ้อมกอดเล็กๆของพีมแทบจะกอดผมไม่ถึงด้วยซ้ำ แต่มันก็อุ่นพอที่จะทำให้ผมลองเปิดใจกับพ่ออีกครั้งและไม่ว่าต่อไปชีวิตผมจะต้องเจอกับเรื่องอะไรผมก็รู้จะมีใครอีกคนคอยอยู่ข้างๆผมเสมอ

     


    ผมเคยเดินทางท่องเที่ยวไปเกือบทุกมุมโลกแต่ไม่คิดเลยว่า "หัวหิน"จะเป็นที่ที่ผมชอบมากที่สุด ครั้งแรกที่ผมเดินทางด้วยรถไฟธรรมดา แต่ว่ามันก็พิเศษเพราะผมมีพีมร่วมเดินทาง เพราะเป็นครั้งแรกที่ผมได้ไปเที่ยวกับคนรัก เป็นครั้งแรกที่ผมได้ "กอด" พีม

     



    พีมอาจจะไม่ได้ตัวนุ่มนิ่มเอวคอดแบบผู้หญิง แต่ไอ้เตี้ยมันตัวเล็กกว่าผู้ชายทั่วไป ยิ่งเทียบกับผมพีมก็ดูจะเล็กกว่ามาก ข้อมือข้อเท้าก็ยิ่งเล็ก ด้วยร่างกายของเราที่ต่างกัน เวลาที่พีมถูกผมกอดตากลมๆของมันมักคลอด้วยน้ำตาใสๆ ผิวของพีมขาวเหมือนครีมเค้ก หอมเหมือนอยู่ในร้านเบเกอรี่ เป็นกลิ่นหอมอ่อนๆที่ผมชอบ ชอบจนอยากสัมผัสไม่ห่าง



     

    พีมมันอาจจะไม่ถึงกับใสซื่อแต่มันก็ไม่ประสากับเรื่องนี้ พีมมันขี้อายมาก บางทีเหมือนจะถอยหนีแต่มือกลับรั้งตัวผมไว้ให้แนบชิด บางครั้งเหมือนจะกล้าแต่ก็กลัว ทั้งน่าสงสารและชวนให้เอ็นดู และคงไม่ใช่เรื่องแปลกใช่มั้ยที่ผมจะทะนุถนอมพีมที่สุด

     



    เซ็กส์กับเมคเลิฟมันต่างกัน เซ็กส์ผมจะทำกับใครก็ได้เพราะมันแค่ปลดปล่อยความใคร่แต่กับพีมมันไม่ใช่ แม้ช่วงเวลานั้นจะผ่านไปแต่ผมยังสัมผัสได้ถึงความสุขที่เราได้ทำร่วมกันและไม่ว่าเราจะเคยกอดกันมากี่ครั้ง ทุกครั้งที่ได้กอดพีมมันก็ยังเหมือนครั้งแรกเสมอ และมันก็ยังเขินผมเหมือนเดิมและนั่นก็เป็นเสน่ห์ที่ทำให้ผมยิ่งหลงมันขึ้นทุกวัน

     



    ถ้ามีโอกาสผมสัญญาว่าจะพาพีมกลับไปหัวหินทุกปี และที่นั่นจะเป็นสถานที่ที่อยู่ในความทรงจำของเราสองคนเสมอ

     




    ผมเป็นคนหวงของ ของที่เป็นของผมใครก็ไม่มีสิทธิ์แตะ ยิ่งพีมคือคนสำคัญผมก็ยิ่งหวง จนอาจจะดูเหมือนว่าผมบังคับพีม ผมอยู่เหนือพีม ผมชนะพีม แต่ความจริงไม่ใช่ คนที่ชนะทุกอย่างคือพีมต่างหาก ผมไม่ให้พีมห่างสายตาเพราะกลัวจะมีคนมาใกล้พีม ผมเอาแต่ใจเพราะอยากให้พีมสนใจ อยากจะรู้ว่าผมยังเป็นคนสำคัญสำหรับมัน ผมแพ้ไอ้เตี้ยทุกอย่าง

     



    พีมมันไม่ค่อยรู้ตัวหรอกว่ามันก็เป็นที่สนใจของคนอื่นๆ เห็นแบบนี้ไอ้พีมมีผู้หญิงมาชอบมันเยอะเหมือนกัน ผู้หญิงสมัยนี้นี่ก็แปลกทำไมหันมาชอบผู้ชายหน้าจืดๆกันนักวะ และก็ไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่มาชอบมัน ผู้ชายก็ใช่ย่อย เวลาไปเดินเที่ยวที่ไหนก็ตามผมจะแสดงออกให้รู้เลยว่าไอ้เตี้ยที่เดินข้างๆกูน่ะมันมีผัวแล้ว

     



    แต่แม่งก็ยังจะมอง ใจนึงผมก็ภูมิใจนะที่แฟนผมน่ารักจนคนสนใจเพราะธรรมชาติของผู้ชาย ถ้ามีอะไรดีๆอยู่กับตัวก็อยากอวดอยากโชว์เป็นธรรมดา แฟนผมน่ารักผมจะพาไปอวดคนอื่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เส้นที่ผมขีดไว้คือมองได้แค่ตา ถ้าคิดจะแตะละก็.....หึ

     



    เหมือนไอ้เหี้ยนั่นที่เคยชวนพีมไปเป็นนายแบบ ต่อให้ผมกำลังอยู่กับสิ่งที่ชอบ แต่ก็ไม่มีอะไรที่ผมชอบมากไปกว่าพีมเพราะฉะนั้นไอ้เตี้ยมันจะอยู่ในสายตาผมตลอดเวลา ซึ่งคนสมองช้าอย่างมันก็ไม่ค่อยรู้ตัวหรอก



    ผมเห็นไอ้หน้าม่อนั่นมองพีมตั้งแต่เราเดินเข้ามาในร้านกล้อง เพื่อนมันชวนคุยมันก็เอาแต่มองพีมพอดีเบียร์โทรมาหาผมเลยออกไปคุย หันกลับมาอีกทีไอ้เตี้ยกำลังโดนจีบ ไงล่ะคิดว่าผมจะปล่อยให้มันห่างตาห่างตัวได้มั้ยไอ้เตี้ยน่ะ


     

    ผมรู้ดีว่าไอ้พวกเพื่อนๆในคณะของผมมันนิสัยยังไง หลังจากเป็นแฟนกันผมเลยไม่ให้พีมมาแถววิศวะแต่บางครั้งมันก็เลี่ยงไม่ได้เพราะบางวิชาผมก็เรียนถึงทุ่มสองทุ่มจะให้พีมกลับไปก่อนก็กลัวว่ามันจะเหงาที่ต้องอยู่ห้องคนเดียว ผมเลยให้มันมารอที่คณะแต่ไม่ให้ลงจากรถมันก็บ่นว่าผมหวงเว่อร์ หึ ลองมาเป็นกูแล้วมึงจะรู้ไอ้เตี้ย

     


    ผมไม่ได้คิดว่าพีมเป็นผู้หญิงที่จะต้องคอยปกป้องดูแลตลอดเวลา ผมรู้ว่ามันดูแลตัวเองได้แต่ว่ามันเป็นคนที่ผมรักผมถึงได้หวงได้ห่วง ถึงจะไม่มีใครมาทำอันตรายมันแต่การอยู่ใกล้ๆกันก็น่าจะดีกว่าใช่มั้ยครับ หึ

     

     


    กลุ่มเพื่อนๆผมก็บ่นว่าไม่พาแฟนมาเที่ยวที่คณะบ้าง ใครๆก็พูดถึงว่าพีมมันน่ารัก เอ๋อๆดี ไอ้เตี้ยมันค่อนข้างมีชื่อเสียงในคณะผมอาจจะเป็นเพราะมันเป็นแฟนผมหรืออาจเป็นเพราะเหตุการณ์ที่ผมสั่งทำโทษพวกปี2ที่กล้ามาจีบมัน และไอ้เด็กปี1ที่ลองดีชมไอ้พีมว่าน่ารักตอนรับน้อง พีมก็เลยดังข้ามวัน และไอ้เด็กนั่นก็ดันกลายมาเป็นหลานรหัสผมซะได้ เจอหน้าผมทีไรมันก็ถามหาแต่ป้าสะใภ้ สุดจะกวนตีน

     




    เคยมีครั้งนึงที่พีมมารอผมที่คณะ นานจนมันทนไม่ไหวมันเลยเดินหาผมซะทั่วทั้งที่วันนั้นอากาศร้อนมากจนแสบผิว มันมาจ๊ะเอ๋กับพวกผมตรงมุมตึกพอดี สภาพมันตอนนั้นชวนให้ยิ้มเลย ตาโตๆของมันตวัดมองผมแบบหาเรื่อง แก้มใสๆของมันเป็นสีแดงเพราะถูกแดดเลีย เหงื่อเม็ดเล็กเกาะตามไรผม ถึงมันจะทำหน้าบึ้งหน้างอแต่มันก็น่ารัก เพื่อนผมส่งเสียงแซวไอ้เตี้ยจนมันเขินผมก็ได้แต่มองมันแล้วหัวเราะ

     





    น่ารักไม่มีใครเกินจริงๆนะมึงไอ้เตี้ย

     

     

     

     

    "ฮัลโหล พีม อยู่ไหน"นี่อาจจะเป็นคำพูดที่ผมพูดบ่อยที่สุด ผมโทรเช็คตลอดว่าพีมมันอยู่ไหน ทำอะไรกับใคร

     



    (หน้าคณะ กร๊ากก ฮ่าๆๆ สาดโจแม่งฮัลโหลๆภูมิ ฮะๆ) ผมเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหู รู้สึกอยากจะหักคอไอ้คนที่หัวเราะมีความสุข ไอ้เตี้ยมักเป็นแบบนี้เสมอ มันหัวเราะ มันยิ้มได้ทุกเวลา อย่างกับว่าโลกนี้ไม่มีเรื่องน่าเศร้า แต่ผมไม่ชอบเลยไอ้คนที่ชื่อโจถึงจะรู้ว่าเป็นเพื่อนก็เถอะ


    "ใคร โจ"


    (หา?อ่อ เพื่อนที่คณะกู ไม่มีอะไร น้องภูมิไม่ต้องวอรี่ โอเค๊ฮ่าๆ) หึ มันสามารถนะที่ทำให้ผมโมโหและยิ้มได้ในเวลาใกล้ๆกันพีมมันเป็นคนตลก อารมณ์ดีได้ทั้งวันแต่มันชอบทำหน้างงๆบางครั้งผมพูดอะไรกับมันก็ต้องพูดหลายๆครั้งและต้องคอยถามย้ำว่าเข้าใจมั้ยที่พูดทำไมทำหน้ามึนๆ มันก็จะตอบกลับว่า



    "เข้าใจดิ กูไม่ได้โง่นะเว้ย ทำหน้างงนี่หมายความว่าว่ากูไม่เข้าใจรึไง" เอ่อ มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นไม่ใช่หรอครับ



    เวลาอยู่ด้วยกันเราจะมีฉายาที่เรียกกันตามแต่อารมณ์ บางครั้งพีมอารมณ์ดีมันก็เรียกผมว่า แห้ง หล่อ หมี เตง โข่ง แบ๊ว แต่ถ้ามันอารมณ์ไม่ดีมันก็เรียก เหี้ยภูมิ หึหึ ส่วนผมมีคำเรียกพีมไม่กี่คำ ก็เรียกมันว่า ป่องบ้าง เอ๋อบ้าง ลิง ปลาทอง

     


    เพราะนอกจากมันจะขี้ลืมยิ่งกว่าปลาทองหน้าพีมยังเหมือนปลาทองอีกต่างหาก หึหึ แก้มป่องๆตาโตๆ โคตรเหมือน พีมมันเป็นคนที่กระพริบตาช้า แล้วเวลาที่มันคิดอะไรไม่ออกมันก็จะจ้องอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งนานๆถึงจะกระพริบตาที แล้วยิ่งเวลาโกรธนะไอ้เตี้ยมันยิ่งตาโต แก้มก็ป่องจนเหมือนจะแตก ดูแล้วตลกดี ที่บอกว่าผมชอบคนตาโตก็จริง แต่คนตาโตที่ผมรักก็มีแค่ไอ้เตี้ยนี่คนเดียว

     

     

    สีดำคือสีที่ผมชอบ เสื้อผ้าของใช้เกือบทุกอย่างก็เป็นสีดำแต่พีมชอบสีขาว สีดำกับสีขาวอาจจะดูเหมือนสิ่งที่อยู่ตรงข้ามกัน แต่ถ้าลองมองให้ดีสีขาวกับสีดำมักถูกจับมาคู่กันเสมอ เพราะมีสีดำถึงรู้ว่าความสะอาดบริสุทธิ์ของสีขาวมันสวยงามมากแค่ไหน

     


    และในเมื่อความชอบไม่เหมือนกันผมก็ยินดีจะทำในสิ่งที่ไอ้เตี้ยมันชอบ ผมไม่ได้เปลี่ยนความชอบของตัวเอง พีมไม่ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตผม มันไม่ได้ทำให้ผมเป็นคนใหม่ ผมยังเป็นภูมิคนเดิม ถึงแม้ว่าผมอาจจะอ่อนโยนขึ้น ยิ้มบ่อยขึ้น ใจดีขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะแคร์ทุกคนบนโลกอย่างมันนะ ความใจดีของผมไม่ได้เผื่อแผ่ใคร ผมใจดีกับพีมแค่คนเดียว

     


    ผมตกแต่งห้องใหม่โดยเปลี่ยนทุกอย่างเป็นโทนสีขาวสว่างตา ที่จริงผมคิดเรื่องนี้มาซักพักแล้วแค่ยังหาโอกาสไม่ได้ จนพีมไปออกค่ายศิลปะผมถึงได้ลงมือทำ ของทุกชิ้น ต้นไม้ทุกต้นผมเลือกเอง ผมอาจจะไม่ได้เรียนออกแบบมาโดยตรง ห้องที่จัดใหม่อาจจะไม่สวยเท่าไร เพราะผมไม่มีความรู้ทางด้านนี้ หลักการเดียวที่ผมมีในหัวคือตกแต่งในแบบที่พีมน่าจะชอบ และไอ้เตี้ยก็ดูจะชอบใจกับห้องใหม่ที่ผมเซอร์ไพรส์ ผมเองก็ชอบ "เตียง" ใหม่มากเหมือนกัน หึ

     


    เมื่อก่อนผมไม่ค่อยโกนหนวดมันขึ้นมาก็ปล่อยไว้แบบนั้นเพราะไม่ได้ใส่ใจเรื่องรูปร่างหน้าตามาก ผมไม่ใช่ไอ้เชนนะที่จะต้องหน้าเป๊ะตลอดเวลา แต่พอเป็นแฟนกับพีม ผมก็ชอบกอดชอบหอมมัน เคยมีตุ๊กตาตัวโปรดหรือเคยกอดอะไรแล้วไม่อยากปล่อย อะไรที่เราไม่ได้กอดแลัวจะนอนไม่หลับเคยเป็นมั้ยครับ สำหรับผมสิ่งๆนั้นก็คือไอ้เตี้ย


    แต่พอหอมเสร็จผมสังเกตว่าแก้มมันจะเป็นริ้วแดงๆเพราะโดนหนวดทิ่ม หรือบางทีกำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มมันก็ดันขำคิกๆขึ้นมาซะก่อน

     



    "กูจั๊กจี๋ ฮ่าๆ อื้อออ" มันน่าหมั่นเขี้ยวใช่มั้ยครับ

     

    ช่วงปิดเทอมของทุกปีผมต้องไปอิตาลีไปอยู่กับคุณปู่ เมื่อก่อนผมไปอยู่นานๆได้ไม่เห็นเป็นไร แต่กับตอนนี้มันไม่เหมือนกัน ตอนนี้ผมมีพีมการที่เราต้องห่างกันมันเป็นช่วงเวลาที่ทรมานที่สุด ผมไม่เคยห่างพีมไกลๆแบบนี้ ผมคิดห่วงมันไปสารพัด ผมไม่อยู่ก็ไม่รู้จะฝากใครดูแล มันจะนอนดึกมั้ย จะไปเที่ยวที่ไหน จะมีใครมายุ่งวุ่นวายกับมันรึเปล่า

     


    และยิ่งกว่านั้นคือความคิดถึง แต่ผมก็ต้องทำเหมือนเข้มแข็งให้พีมได้พึ่งพิง ทั้งที่ความจริงผมอยากจะกลับมากอดมันทุกครั้งได้ได้ยินเสียงผ่านโทรศัพท์ และผมขอสัญญาเลยว่า นี่จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เราสองคนจะต้องอยู่ห่างกันแบบนี้

     

     

    ไอ้เตี้ยมันจะชอบอ้อนเวลาที่เหงา ผมอยากจะกลับมาอยู่ข้างๆแต่ก็ทำไม่ได้ จนวันที่ผมรอคอยก็มาถึง ก่อนวันที่ผมจะเดินทางกลับผมโทรบอกให้เบียร์จองไฟลท์บินจากกรุงเทพไปเชียงใหม่ เพราะผมจะไปหาพีมทันทีที่ขาผมแตะพื้นดินเมืองไทย แต่เบียร์มันห้ามไว้บอกว่าให้รอไปรถตู้ไปด้วยกันเที่ยวด้วยกันยกกลุ่ม ผมก็ต้องยอม ไม่ใช่ผมยอมเชื่อฟังเบียร์แต่ผมขัดฟ่างไม่ได้ต่างหาก

     


    ผมตั้งใจหอบความรักความคิดถึงมาหาพีมถึงเชียงใหม่ แต่ภาพแรกที่ต้อนรับผมคือคนที่ผมไม่คิดว่าจะได้เห็นมันอยู่ที่นี่ ที่บ้านแฟนผม เห็นไอ้คลื่นอยู่ใกล้ชิดพีม อย่าให้พูดเลยว่าผมรู้สึกยังไง ไม่รู้ว่าเจ็บ ผิดหวัง โกรธอันไหนมันมากกว่ากัน  แต่ที่รู้ตอนนั้นคืออยากจะฆ่าใครซักคน

     


    พีมดูจะตกใจมากที่เห็นผม ไม่รู้ว่ามันตกใจที่ผมกลับมาเซอร์ไพรส์หรือว่าตกใจที่ผมมาเจอมันอยู่กับไอ้คลื่น ผมเองก็ค่อนข้างจะมั่นใจว่าถ้าตอนนั้นไม่ใด้อยู่ในบ้านพีม ผมจะซัดหน้าไอ้คลื่นแน่ๆ และถ้าพีมบอกผมซักคำว่าไอ้คลื่นมาหา ผลมันก็จะไม่ออกมาเป็นแบบนี้ แบบที่พีมต้อง "เจ็บตัว"

     


    ผมไม่ได้ใจกว้างเป็นคนดีที่จะยอมให้คนที่ชอบแฟนผมมาอยู่ใกล้ๆและผมก็ไม่ได้เกลียดไอ้คลื่นแต่แค่กลัวกลัวว่าพีมจะรักคนดีอย่างมัน ที่ผมยอมให้มันมาวนเวียนอยู่ข้างๆพีมเพราะผมอยากให้พีมสบายใจ ไอ้เตี้ยมันเป็นพวกแคร์คนอื่นกว่าตัวเอง คิดเผื่อความรู้สึกของคนอื่นไปทั่ว

     


    ผมรู้ว่ามันไม่อยากให้ผมกับไอ้คลื่นมีปัญหากัน มันไม่อยากให้ผมคิดมากและไม่อยากทำร้ายความรู้สึกไอ้คลื่น อีกอย่างผมเองก็เชื่อว่าคลื่นมันเป็นลูกผู้ชายพอที่จะไม่ทำอะไรมากไปกว่าการแอบรัก แต่อะไรสำคัญมากไปกว่าความจริงที่ว่า คนที่พีมรักคือ ผม



    ถ้าลองคิดอีกมุมการมีไอ้คลื่นก็ดีเหมือนกันเผื่อว่าซักวันที่ผมต้องไปไหนไกลๆอย่างน้อยก็จะมีคนที่ดูแลพีมได้ ไม่ให้ไอ้พวกแมงหวี่แมงวันมากวน



    สัญญาระหว่างผมกับคลื่นก็คือ จะทำทุกอย่างเพื่อให้พีมสบายใจ ความสุขของพีมคือข้อตกลงของผมกับไอ้คลื่น

     

     

    ตั้งแต่วันที่ผมขอไอ้เตี้ยเป็นแฟนผมก็สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำให้พีมเสียใจ จะทำให้มันมีความสุข จะทำให้ทุกวันเป็นวันที่ดีของเราแต่สุดท้ายผมก็กลายเป็นคนที่ทำให้พีมเจ็บซะเอง ถึงจะบอกว่าไม่ตั้งใจ เรื่องระหว่างผมกับหม่อมมันเป็นแค่อดีต แต่ความผิดครั้งนั้นมันยังทำให้ผมเกลียดตัวเองทุกครั้งที่นึกถึง

     


    วันนั้นผมก็กลับมารับพีมไม่ทันตามสัญญา ยิ่งฝนเริ่มลงเม็ดผมก็ยิ่งขับเร็ว ผมแหกกฎจราจรทุกข้อเท่าที่จะทำให้ผมไปหาพีมเร็วขึ้นจนเกือบชนกับรถคันอื่นถึงสามครั้ง ผมกลับมาถึงหน้าพารากอนฝนเริ่มตกหนัก มองอะไรแทบไม่เห็น บางประตูยังไม่ปิด

     


    ถึงความเป็นไปได้ที่พีมจะยังอยู่ข้างในมันน้อยนิดแต่ผมก็ยังจะตามหาพีม วิ่งไปทุกชั้นเท่าที่เวลายังพอเหลือ ผมถูก รปภกักตัวไว้จนเกือบมีเรื่องกัน แต่ใครสน พอห้างปิดผมก็วิ่งหาข้างนอกเผื่อพีมจะหลบฝนอยู่ที่ป้ายรถเมล์ ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออกรู้แค่ว่าต้องหาพีมให้เจอ ผมวิ่งไปถึงเซ็นทรัลเวิร์ล หาจนทั่วก็ไม่มี โทรเข้าคอนโดก็ไม่มีคนรับ

     


    ผมกลัว มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนหายใจไม่ออก ทั้งห่วงทั้งกลัวว่ามันจะเป็นอะไร ถึงพีมจะโตมาในกรุงเทพแต่มันไม่มีเงินติดตัวซักบาทโทรศัพท์ก็อยู่กับผม แล้วพีม ไปอยู่ที่ไหน ผมตัดสินใจกลับไปหาที่คอนโด แต่จะมีได้ยังไงในเมื่อกุญแจห้องก็อยู่ที่ผมเหมือนกัน

     


    ผมสบถด่าตัวเองตลอดทางจากคอนโดไปบ้านพีม ผมโมโหตัวเองที่เพิ่งคิดได้ว่าพีมคงจะกลับบ้าน ผมอาจจะไร้มารยาทที่ย่องขึ้นบ้านแฟนยามวิกาลและเข้าห้องโดยไม่ขออนุญาต เพียงแค่เปิดประตูเข้าไปเห็นไอ้เตี้ยนอนขดอยู่ใต้ผ้านวมผืนใหญ่ เห็นคนที่ผมเป็นห่วงนอนหลับ เห็นว่ามันปลอดภัยดีความเจ็บหนึบๆก็ดูจะจางหาย เจอแล้ว ในที่สุดกูก็เจอมึงแล้วพีม แต่ความเจ็บยิ่งกว่าก็วิ่งชนใจผมจนชาเมื่อพีมมันเพ้อว่าปวดหัว ผมยิ่งเกลียดตัวเอง




    "ขอโทษ" คือคำๆเดียวที่สามารถแทนความรู้สึกของผมในตอนนี้ อยากให้พีมรู้ว่าผมเสียใจที่ทำให้มันไม่สบาย ขอโทษที่ทิ้งมันไว้คนเดียว ขอโทษที่ทำให้เจ็บปวดแบบนี้ ผมกอดพีมไว้และจะไม่มีวันปล่อยไปไหนอีกเด็ดขาด

     



    ผมชอบหยอกไอ้เตี้ยบ่อยๆว่าจะให้พ่อไปสู่ขอ ถ้ามันไม่ด่ากลับมามันก็จะกวนตีนว่าค่าตัวร้อยล้าน หึ แต่วันที่อยู่กระบี่ท่ามกลางท้องฟ้า ดวงดาว และทะเล อาจจะเป็นเพราะบรรยากาศหรืออะไรก็ตามแต่ที่ทำให้ผมขอพีมแต่งงาน ตอนนั้นอยู่ดีๆก็รู้สึกอยากอยากดูแล อยากใช้ชีวิตกับคนๆนี้ไปทั้งชีวิตผมเลยพูดออกไปตามที่รู้สึก

     



    "พีม แต่งงานกันนะ" มันเงยหน้ามองผม ตากลมๆของมันเบิกกว้าง ก่อนจะกระพริบปริบๆและจบด้วยการตบหัวผมแรงๆ



    "มึงเมา?" หมดมู้ดเลยแม่ง "อย่ามาหาทีเผลอกับกู สาดดดด เรียนยังไม่จบกูไม่ยอมจดทะเบียนสมรสก่อนได้ใบปริญญาหรอกโว้ย"  หึหึนี่แหละครับไอ้เตี้ยของผมบ๊องได้ทุกเวลา ผมรู้ว่ามันเขินแต่ชอบโวยวายกลบเกลื่อน ผมเลยขอหมั้นไว้ก่อน ที่ชายหาดนั่นแหละ หึ

     


     

    ช่วงเวลาที่ผ่านมา ช่วงเวลาที่ผมมีพีมเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต มันคือช่วงเวลาที่ดีที่สุด ทุกๆเช้าผมจะตื่นมาพร้อมรอยยิ้ม ยิ้มเพียงแค่เจอไอ้เตี้ยแก้มป่องนอนหลับด้วยท่าแปลกๆอยู่ข้างๆผม พีมมันคิดว่าตัวเองตื่นเช้ากว่าผม แต่มันไม่รู้หรอกว่ากว่าที่มันจะลืมตาขึ้นมา ผมนอนดูหน้ามันจนอิ่มไปไม่รู้กี่รอบ



    ทุกๆเช้าเราจะแย่งห้องน้ำกัน ทั้งที่มันมีสองห้อง ผมกับพีมยืนแปรงฟันพร้อมกันทั้งตอนเช้าและก่อนจะนอน ไอ้พีมมันชอบชวนคุยเวลาแปรงฟัน ชอบหัวเราะ เวลาพีมอาบน้ำบางวันมันจะมัดผมเป็นจุกน้ำพุ บางวันก็ใส่ที่คาดผมเพราะผมข้างหน้ามันยาวถ้าไม่คาดไว้จะเปียก แล้วมันก็ชอบมัดให้ผมด้วย บอกว่าจะได้เสมอภาค





    "ไอ้อันแอ่ง แค่กๆ"



    "แปรงเสร็จค่อยเล่าก็ได้" ผมใช้หลังมือเช็ดมุมปากพีมที่เลอะฟองสีขาว มันยิ้มแฉ่ง ผมให้พีมอาบน้ำก่อน ผมก็มาทำอาหารเช้าง่ายๆสำหรับเราสองคน ปกติผมไม่ชอบทานข้าวเช้าแต่ข้าวเช้ามันมีประโยชน์จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย เพราะฉะนั้นพีมต้องกินและผมก็แค่กินเป็นเพื่อน

     



    บางวันผมก็ทำข้าวต้ม บางวันก็แซนวิช หรือเบรคฟาสท์ง่ายๆ อย่างไข่ดาว แฮม ขนมปัง เพราะผมก็ไม่ได้เก่งเรื่องอาหารซักเท่าไร สำหรับคนที่ไม่เคยทำอะไรอย่างผมให้มาฝึกเข้าครัวก็อาจจะยาก แต่มันก็คงไม่ยากเกินกว่าความพยายามที่ผมจะทำเพื่อคนรักหรอก



    และมื้อเช้าที่ขาดไม่ได้ก็คือนมที่พีมต้องกิน ผมไม่ได้หวังว่ามันจะช่วยให้พีมตัวโตขึ้น เพราะมันคงหยุดเจริญเติบโตตั้งแต่ม.4แล้วมั้ง หึหึ แต่อะไรที่มีประโยชน์และดีต่อสุขภาพผมก็ให้ไอ้เตี้ยมันกินหมดนั่นแหละ

     



    ของที่มีราคาไม่ได้หมายความว่ามันจะมีคุณค่าทางจิตใจเสมอไป ของที่ผมเคยได้เคยมีคือสิ่งที่ช่วยยืนยัน เพราะงั้นผมถึงอยากหาเงินเองทำงานเองเพื่อจะได้บอกพีมได้เต็มปากว่าแหวนวงนี้คือสิ่งที่แทนใจผมจริงๆ



    ทุกคืนที่ผมกลับห้องดึกพีมจะหลับอยู่บนโซฟา ผมรู้ว่ามันรอ รู้ว่าพีมเป็นห่วงแต่ผมก็ต้องแข็งใจ และผลที่ได้ผมก็ภูมิใจมากๆ ไอ้เตี้ยมันเลยมาแก้แค้นผมในวันเกิดผมล่ะมั้ง 



    วันเกิดปีนี้เป็นปีที่ผมจะไม่ลืมเลยว่าไอ้เตี้ยมันทำไว้แสบแค่ไหน ปกติพีมจะมีเหตุผลเสมอไอ้เรื่องงี่เง่านี่มันไม่เคยเลย เวลามีปัญหาอะไรพีมจะคิดถึงผมก่อนด้วยซ้ำแต่วันนั้นผมอธิบายอะไรมันก็ไม่ฟัง เอาแต่เงียบ

     



    ผมทรมานมากตอนที่ไม่มีมัน จะไปหาก็ไม่ได้เพราะฟ่างลากไปอยู่บ้านด้วยกัน ครอบครัวผมจัดงานวันเกิดให้แต่ผมก็ไม่มีอารมณ์จะเสวนากับใครหน้าไหนทั้งนั้น มีแค่หน้าไอ้พีมที่ผมคิดถึง

     



    พอกลับมาห้องด้วยสภาพที่เหมือนซากศพ ก่อนจะมาที่ห้องผมแอบแวะไปหาพีมที่บ้านแต่ไม่มีใครอยู่เลยซักคน ผมกำลังจะเดินเข้าห้องนอนแต่ภาพในทีวีก็ฉายขึ้นมาซะก่อน ภาพและข้อความแทนความรู้สึกเหล่านั้น คนสำคัญของผมทำให้เลยนะ



     

    ผมไม่ใช่คนที่จะเสียน้ำตากับอะไรง่ายๆแต่คงไม่นับรวมครั้งนี้ ผมเงยหน้ามองคนที่หอบเค้กก้อนโตที่หน้าตาแปลกๆมายื่นให้ตรงหน้า ผมจ้องหน้าคนที่ผมคิดถึงและอยากกอดอยู่ทุกคืน ผมอยากจะมองให้ชัดๆเพราะอยากยืนยันว่ามันกลับมาแล้วจริงๆ



     

    วันนั้นพีมน่ารักมากเสื้อที่มันใส่ทำเอาผมเผลอหัวเราะด้วยความเขิน ทั้งดอกไม้และสมุนเท็ดดี้แบร์ของมันแต่ไม่ว่าจะมีของขวัญกี่พันกี่ร้อยชิ้น พีมก็จะเป็นของขวัญที่มีค่าที่สุดของผมไปทุกๆปี แต่มีเรื่องนึงที่ผมสงสัย จนถึงตอนนี้ผมก็ยังงงไม่หายว่าไอ้เตี้ยมันเอาลูกโป่งขึ้นไปติดบนเพดานได้ยังไง หึหึ


     

    ตั้งแต่วันแรกที่เราได้รักกัน ผมไม่คิดว่าชีวิตนี้จะรักใครได้มากขนาดนี้ ไม่ต้องถามหรอกว่ารักมากแค่ไหน ไอ้เตี้ยที่ผมรักมันยังเฮอาบ้าบอไปวันๆ มองโลกใบนี้เป็นสีขาว ดีกับคนอื่นไปทั่ว ผมคิดว่าความโชคดีที่สุดของชีวิตนอกจากเรื่องครอบครัว เรื่องเพื่อนๆที่อยู่ข้างๆผมเสมอ ก็คือการได้มาเจอกับพีม ได้อยู่ด้วยกัน และเราได้รักกัน




    ถึงมันจะเตี้ย โง่บ้างบางเวลา ปากหมาเกือบทุกเวลา กวนตีน และติงต๊องจนผมต้องลุ้นว่าแต่ละวันมันจะสรรหาอะไรมาถาม ลุ้นว่ามันจะทำอะไร ชีวิตผมมีสีสันก็เพราะมีมันคอยป่วนอยู่ใกล้ๆ

     




    เรื่องราวความรักของผมกับพีมอาจจะเป็นเพียงเศษเซี้ยวเล็กๆของเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากมายบนโลกใบนี้ มันอาจไม่ยิ่งใหญ่เป็นตำนานให้ใครได้กล่าวขานหรือจดจำ แต่มันก็เป็นเรื่องราวที่ผมกับพีมรัก เราได้ร่วมสร้างความทรงจำ ประสบการณ์ต่างๆมาด้วยกัน และเราก็ยังจะอยู่เคียงข้างกันแบบนี้ไปอีกนานแสนนานเท่าที่ผมยังหายใจ....ผมก็จะรักไอ้เตี้ยคนนี้ให้ดีที่สุด







     

     

    .....................ภูมิ

     

     

     

     

     

     



     

    -         คุณพระคุณเจ้า รู้สึกหลงน้องภูมิจมมิดหัวเลยค่ะ  อร้างงงง เลิฟยูภูมินทร์ อิจซี่ซัมวัน ชริส์ๆ ไอ้พีมชนะใสๆเอาจริงๆเลยนะตั้งแต่ผ่านมาหลายสิบตอน ตอนนี้เป็นอะไรที่ตาลเขินมาก อร้ายยยย บิดอยู่หน้าคอม อ๋อยยยย ภูมิ น่าร้อกอ้อตอนนี้ถือเป็นตอนเรทที่สุดเท่าที่วีอาร์เคยมีมา กร้ากกกก ใครที่หวัง NC ไว้ก็คงต้องทำใจนะคะ ตาลได้พยายามแล้ว แต่ก็ไม่สามารถ T^Tและต่อให้รวมเล่มตาลก็คิดว่าไม่มีNCในเล่มแน่นอน ต้องขอโทษล่วงหน้านะคะ เค้ามาได้เท่านี้จริงๆ ดราม่ากับNCมันมีไว้ฆ่าอีทะเลหัวใจจริงๆคร๊า




     

    -         มีคนอ่านถามว่าเรื่องนี้มีตอนจบรึยังหรือแต่งไปเรื่อยๆ คำตอบก็คือ มีแล้วจ้า ตาลเป็นคนประหลาดที่สะสมตอนจบไว้ตั้งแต่เริ่มเรื่อง อิอิ เพราะฉะนั้นวางใจได้นะคะว่าได้อ่านจนจบแน่นอน แค่ไม่รู้ว่าเมื่อไรแค่นั้นเอง ฮ่าๆ


     

     

    -         เห็นหลายๆคนบอกว่ามีเพื่อนมีพี่มีน้องที่นิสัยคล้ายๆไอ้ปันคล้ายๆน้องเต้ยฮ่าๆ พวกท่านโชคดีแล้วล่ะค่ะ แล้วก็เห็นเม้นน้องคนนึงบอกว่าเคยเจอเหตุการณ์คล้ายๆน้องนมปั่นกะพี่ดินสอ พี่ตาลอ่านแล้วกรี๊ดมาก แต่น้องคนนั้นชื่อแตงโมปั่นใช่มั้ยคะ ตอนนี้ความสัมพันธ์คืบหน้าไปถึงไหนมาอัพเดทบ้างน๊า


     

    -         สุดท้ายก็ต้องขอบคุณทุกๆกำลังใจนะคะ แล้วก็มีคุณแม่ของน้องๆแวะมาอ่านมาให้กำลังใจด้วย ขอบพระคุณคุณแม่มากๆนะคะ(คุณแม่แอบวัยรุ่นนะเนี่ยฮ่าๆ) แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าจ้า

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×