คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : R 1 8 ll Once the Intersection' กาลครั้งหนึ่งของคนแปลกหน้า ; reborn x hibari - 1st
… คนสองคน ที่เพียงเดินสวนทางกัน จะจดจำกันได้ยาวนานสักเท่าไหร่…
Once the Intersection :1st
… คนสองคน ที่เพียงเดินสวนทางผ่านกัน จะจดจำกันได้ยาวนานสักเท่าไหร่นะ…
สุ่มเสียงหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางความสงัดภายในโถงทางเดินที่กว้างขวางของชั้นผู้บัญชาการสูงสุด ฐานทัพวองโกเล่ ไม่ปรากฏสิ่งมีชีวิตใดนอกจากร่างโปร่งของผู้ชายในชุดสูทและเสื้อเชิ้ตสีม่วง เสียงย่ำเท้ามาตามทางเดินพรมกำมะหยี่สีแดงของเขายังคงมีจังหวะคงที่ไม่เสื่อมคลาย ดวงตาสีนิลของชายหนุ่มนาม’ฮิบาริ เคียวยะ’ ตวัดไปยังจุดมุ่งหมายคือประตูไม้บานใหญ่ ตกแต่งหรูหราด้วยสไตล์ยุโรปเฉกเช่นเดียวกับเฟอร์นิเจอร์ต่างๆในทั่วบริเวณชั้นนี้ที่คงมีแหล่งที่มาเดียวกัน ฮิบาริแสดงอาการทางสีหน้าขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อตระหนักได้ว่าตนกำลังจะต้องเข้าไปสุมหัวกับสัตว์กินพืชอย่างหลีกเลี่ยงไมได้ ก่อนที่จะส่งเสียงเคาะประตูบานหนาแล้วเปิดเข้าไปทันทีโดยไม่รอให้เจ้าของห้องอนุญาต
ชายหนุ่มกวาดสายตาไปรอบห้องทำงานบอสวองโกเล่ เมื่อไม่ปรากฏเห็นบุคคลที่ตามหา เขาจึงนั่งลงบนโซฟาตัวหนึ่งจากที่มีอยู่สองตัวในห้องนี้ พยายามไม่ให้ความสนใจกับอีกร่างที่สิงสถิตอยู่ในห้องนี้มาก่อน
“เจ้าสึนะไปเข้าห้องน้ำ” เสียงเข้มของคนเป็นนักฆ่าดังขึ้น เขาเหยียดกายนั่งไขว่ห้างพร้อมเอามือท้าวที่โซฟาฝั่งตรงข้าม พลางจ้องมองบุคคลที่มักจะทำเป็นเมินใส่ผู้อื่นเสมอ สายตาเย็นเยียบของผู้มาใหม่ทำให้เขายกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
“ยิ้มอะไร” ฮิบาริจ้องมองไปยังอีกฝ่ายอย่างไม่หวั่นเกรง
“ไม่ท้าฉันสู้แล้วหรือไง?” รีบอร์นขึ้นเสียงสูงเป็นประโยคคำถาม เขามองเอกสารในมือของอีกฝ่าย เดาในใจเล่นๆว่าคงขึ้นมาส่งงานสึนะ เพราะคงไม่มีเหตุผลอื่นที่จะทำให้คนรักสันโดษอย่างผู้พิทักษ์เมฆาขึ้นมาเหยียบที่นี่ได้
“ผมไม่มีอารมณ์ และไม่สนใจจะสู้กับนาย เจ้าหนู” ร่างบางกว่ายังคงเรียกอีกคนด้วยสรรพนามอย่างที่เคยเรียกในอดีต แม้ว่าในวันนี้เจ้าหนูที่เขาเคยให้ความสนใจจะกลายเป็นนักฆ่าที่ไร้เทียมทาน และดูเหมือนจะยิ่งห่างไกลทั้งฝีมือและประสบการณ์ แน่นอนว่าเขารู้สึกไม่ชอบใจนักกับการที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถเอาชนะคนตรงหน้าได้
รีบอร์นไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ดวงตาดำขลับของอดีตอัลโกบาเลโน่ยังคงจ้องตรงมาและฮิบาริเองก็ไม่ได้หลบหนีมัน ไม่รู้เพราะเหตุใดเขาจึงรู้สึกว่ามันเหมือนกับเป็นเหตุการณ์ที่ฉายซ้ำๆ สถานการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อน หลายต่อหลายครั้งที่พวกเขาสบตากัน และปล่อยให้มันเช่นนั้นต่อไปโดยไร้ซึ่งบทสนทนา เสียงเดาะลิ้นของร่างสูงดังขึ้นหลังจากที่พวกเขาเงียบกันไปนาน ก่อนที่จะมีเสียงบิดลูกบิดจากประตูตามมา
“โทษทีที่มาช้า ข้างล่างมีปัญหากันนิดหน่อย” บอสวองโกเล่หันไปพูดกับร่างของคนที่คุยธุระด้วยค้างไว้ แล้วก็ต้องเสียววันหลังวูบเมื่อหันไปเจอะกับสายตาที่ดูไม่ค่อยสบอารมณ์ของผู้พิทักษ์ของตน
“อ่า คุณฮิบาริ มารอนานรึยังครับเนี่ย เดี๋ยวผมหาข้อมูลที่จะใช้ให้นะครับ” สึนะที่บัดนี้มีสถานะคือผู้เป็นนายรีบกุลีกุจอค้นโต๊ะทำงานที่ไม่ค่อยเรียบร้อยนักของตัวเอง
“งั้นฉันไปก่อนล่ะ ไว้จะมาคุยด้วยใหม่ เจ้าห่วย” ผู้เป็นครูบอกลาลูกศิษย์ก่อนจะเหลือบไปมองอีกคนที่ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น
“อ๋อ ใช่ รีบอร์น เบียงกี้ถามหาอยู่แน่ะ” สึนะว่าเสียงดังอย่างเพิ่งนึกออก
“อืม” เขาตอบรับสั้นๆ ก่อนจะเดินจากไป ไม่ทิ้งไว้แม้คำอำลา
ยามหัวค่ำของถนนเส้นเล็กๆในเมืองนามิโมริ รถสปอร์ตสีดำคันงามแล่นโฉบเฉี่ยวมาจอดอยู่ที่ข้างบ้านแบบญี่ปุ่นหลังใหญ่ที่ดูเงียบสงบ ฮิบาริดับเครื่องลงจากรถอย่างไม่รีบร้อน เขาพินิจมองดูบ้านที่เหมือนจะไม่ได้กลับมาแสนนาน ทุกวันนี้เขากินอยู่ที่ฐานทัพวองโกเล่ที่แบ่งสร้างเป็นส่วนฐานของเขาเอง นานๆจะได้กลับมาสักที อย่างเช่นวันนี้ที่เขานึกครึ้มอยากมาเอาของสักสองสามอย่าง เข้าไปไม่นานร่างโปร่งก็พาตัวเองออกมาอีกครั้ง จัดการสตาร์ทรถและเข้าเกียร์ถอยแต่ก่อนที่จะได้บึ่งทะยานไปสายตาคมเฉียบก็สะดุดเข้ากับเงาตะคุ่มๆบางอย่างในความมืดทางผ่านทางกระจกหลัง ผู้พิทักษ์เมฆาฉวยไปหยิบกระชับทอนฟาคู่กายก่อนจะลงจากรถคันหรู เสียงฝีเท้าของอีกฝ่ายเบาบางจนแทบไม่รู้ตำแหน่ง เขาตวัดสายตาไปรอบพยายามจับจิตสังหารแต่กลับไม่รู้สึกถึงมัน หรือบางทีอาจไม่ใช่ศัตรู..,.
“เดินดุ่มๆเข้ามาหาคนที่อาจเป็นศัตรู หละหลวมเกินไปหน่อยนะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นในความมืดและแน่นอนว่าเขาจำมันได้ดี คำสบประมาททำให้หัวคิ้วขมวดหม่น แต่ฮิบาริก็เลือกที่จะลดอาวุธในมือลง
“นายอาจไม่ทันคิดว่าฉันมองเห็นนาย ในขณะที่นายมองไม่เห็นฉัน หรือไม่ทันคิดว่าฉันสามารถฆ่านายได้ด้วยอาวุธระยะไกล ก่อนที่นายจะหาฉันเจอและฟาดทอนฟาใส่ฉันเสียอีก” คราวนี้เสียงของอีกฝ่ายดังขึ้นพร้อมกับร่างที่ดูแปลกไปจากคราวที่พบเจอเมื่อช่วงหลายเดือนที่แล้วเล็กน้อย มือของร่างสูงสับไกปืนไปมาคล้ายกับจะย้ำคำพูดของตน
“ไม่ต้องมาสอนผม” เสียงของฮิบาริเย็นเฉียบบ่งบอกถึงอารมณ์ที่เริ่มจะคุกรุ่น
“มีน้ำโหแล้วหรือไง” ชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีเหลืองที่บัดนี้ไม่มีเสื้อสูทคู่กายกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“ผมไม่สู้กับคนเจ็บหรอกนะ” พูดพลางเดินเข้าไปกระชากแขนอีกฝ่ายที่บัดนี้มีรอยเลือดสีแดงชุ่มโชกขึ้นมาดูแผลอย่างไม่คิดปรานี
“ไม่ต้องห่วง ฉันก็แค่คนที่เดินสวนทางมาเท่านั้น” รีบอร์นบอกปัดก่อนจะเดินสวนไป
“ผมไม่อยากให้มีใครมาตายหน้าบ้าน” ประโยคที่ดังขึ้นทำให้ดวงตาสีดำขลับหรี่ลงเล็กน้อย มองไปยังอีกคนที่เดินกลับไปดับเครื่องรถยนต์ เขาแค่นหัวเราะในลำคอกับตัวเองท่ามกลางแสงไฟถนน ก่อนจะเดินตามร่างที่บางกว่าเข้าบ้านไป
อดีตอัลโกบาเลโน่นั่งเปลือยท่อนบนชันเข่าปฐมพยาบาลตัวเองอยู่บนโซฟาในห้องที่ปูด้วยเสื่อทาทามิ ซึ่งเขาเข้าใจว่าคงเป็นห้องนอนสำหรับแขก กลิ่นเลือดและแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อกระจายไปทั่ว นัยน์ตาสีรัตติกาลมองผ่านประตูบานเลื่อนแบบญี่ปุ่นที่ถูกเปิดทิ้งไว้ไปยังแผ่นหลังของเจ้าของบ้านที่กำลังนั่งหันหลังจิบชาในชุดยูกาตะอยู่ในห้องรับแขก
‘แผลนายแค่กระสุนถาก ไม่ได้เจาะทะลุ คงทำแผลเองได้’ เจ้าของบ้านว่าไว้เช่นนั้น เขาจึงต้องนั่งทำแผลเองคนเดียว นักฆ่าหนุ่มพยายามคิดหาเหตุผลที่ตนมานั่งอยู่ตรงนี้ นึกถึงใบหน้าหญิงสาวผมสีชมพูผู้เป็นพี่สาวของผู้พิทักษ์วายุ โกคุเดระ ฮายาโตะ ซึ่งเขาบอกว่าจะไปหาอีกฝ่าย คิดไปคิดมามันก็ไม่มีเหตุผลใดๆ
“ช่วยพันผ้านี่ให้ที มันไม่ถนัด” อรุณหนุ่มส่งเสียงไปยังห้องรับแขก ไม่นานอีกฝ่ายก็เดินมาพร้อมนั่งลงตรงหน้า มือที่ดูขาวซีดในแสงไฟสลัวจับผ้าพันไปมาอย่างไม่ได้ประณีตเท่าไหร่นัก ใบหน้าหล่อเหลาของฮิบาริทำให้รีบอร์นนึกชมเล็กน้อย เหมือนพวกเขาไม่ได้เจอกันมาแสนนาน ดวงตาสีนิลตวัดขึ้นมองท้าทายสายตาที่มองมาอย่างไม่เกรงกลัว เป็นอีกครั้งที่พวกเขาไร้ซึ่งบทสนทนา ท่ามกลางความเงียบงัน สองร่างยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น สายตาที่สอดประสานไม่ใช่ความเคียดแค้น ไม่ใช่ความหวานเชื่อม เป็นเพียงความรู้สึกที่เหมือนจะไม่มีความรู้สึก ไม่สามารถอธิบายได้ และไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมพวกเขาไม่อาจละสายตาไปจากอีกฝ่ายได้
เหมือนว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานอย่างเปล่าประโยชน์ เสียงลมหายใจของทั้งคู่กระชั้นถี่ขึ้น ดึงสติของแต่ละคนให้กลับมา ดวงตาของฮิบาริหลุบลงเล็กน้อยเมื่อใบหน้าของทั้งคู่ใกล้กันมากขึ้น ดวงตาสีนิลเสมองไปยังแผ่นอกของอีกฝ่ายที่กระเพื่อมขึ้นลงอย่างเป็นจังหวะ อยู่ดีๆเขาก็รู้สึกถึงความชื้นเหงื่อของตัวเองและผละออกมาอย่างไม่มีสาเหตุ
“ผมจะไปเอาที่นอนมาให้” ฮิบาริลุกขึ้นช้าๆพร้อมกับฉวยเอากล่องปฐมพยามบาลไปด้วย เท้าที่กำลังจะก้าวผ่านประตูถูกหยุดด้วยคำพูดที่ทำให้ทุกอย่างเงียบลงอีกครั้ง
“จะชวนฉันนอนด้วยรึไง”
...บัดนั้นเองที่เจ้าของบ้านก้าวเท้าออกไป โดยยังไม่ได้ให้คำตอบกลับมา…
______________________________________
คู่แปลกกกกกก!?! (บอกจะแต่งRL ตอนแรกแต่ไปๆมาๆลงเอยที่คู่นี้แทน เพราะคิดพล็อตRLไม่ออก!)
เป็นเรื่องแรกของฟิคสั้นที่มีภาคต่อ ฮา แต่งไปแต่งมามันยาวค่ะเลยต้องตัดตอน
ชอบคู่นี้ ชอบบรรยากาศของฟิคนี้จัง มันอึมครึม อึดอัด แต่ลึกซึ้ง(?) ดี
เดี๋ยวมาต่อกับภาคจบค่ะ คาดว่าจะมีเอ็นซีที่ค่อนข้างร้อนแรง(?) หรืออาจไม่มีก็ได้(?) อยู่ที่การตัดสินใจของคุณเคียว ฮา :)
ความคิดเห็น