ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ★ Chapter - 05
Deceive ,,, 05 ~*
"ซีวอนฮยอง"
ร่างสูงเจ้าของชื่อไม่รั้งรอให้คนตัวเล็กทำอะไรไปมากกว่านั้น ลำแขนยาวโอบกระชับร่างที่ดูบอบบางขึ้นก่อนจะตวัดสายตาไปยังร่างสูงโปร่งในเครื่องแบบเดียวกันกับคนที่อยู่ในอ้อมกอด ซีวอนเอ่ยคำขอโทษที่ตัวเองเป็นเหตุให้เกิดเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้นก่อนจะประคองคนในอ้อมกอดที่ไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าไรนักไปยังรถยนต์คันหรู
"เดี๋ยวสิ! นั่นนายจะไปไหน" เป็นฮยอกแจที่ก้าวเข้าไปรั้งคนตัวสูงให้หันกลับมา สายตาที่ซีวอนมองไปยังคยูฮยอนน้องชายของเขามันพอจะคาดเดาอารมณ์ของคนตัวสูงได้ไม่ยาก แล้วคนในอ้อมกอดนั่นอีกทำไมถึงได้ดูรักและห่วงใยขนาดนั้น
"ฉันจะพาน้องฉันกลับบ้าน.. ขอโทษด้วยที่ทำให้เธอและน้องชายของเธอตกใจ" ว่าพลางเลื่อนสายตาคมไปยังร่างสูงโปร่งของคนอายุน้อยที่ก้มหัวตอบกลับมาเช่นกัน
"แต่ฮยองครับ.." ซองมินเอ่ยขึ้นทำลายความอึดอัดตรงหน้าพร้อมกับช้อนนัยน์ตาหวานขึ้นมองใบหน้าคมของผู้ปกครองที่ยังคงเรียบนิ่งอยู่ เขารู้ว่าซีวอนฮยองกำลังโกรธและเสียใจที่เขาต้องเจ็บตัวแต่เขายังไม่อยากจากอีกคนไปโดยไม่ได้กล่าวขอบคุณที่ช่วยเหลือเขาในวันนี้
"เรากลับไปคุยกันที่บ้านนะ"
ไม่รั้งรอให้คนตัวเล็กได้อิดออดอีก ซีวอนพาคนในอ้อมกอดให้เข้าไปนั่งในตัวรถ ก่อนจะอ้อมกลับมายังฝั่งคนขับ นัยน์ตากลมหมองเศร้าของคนเป็นน้องยังคงทอดมองออกไปข้างหน้า ผ่านกระจกรถกั้นไปยังคนที่กำลังมองกลับมาที่เขาเช่นกัน
"เข้าบ้านกันเถอะ.." ทงเฮที่ยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าเอ่ยเรียกสติน้องชายทั้งสองคนที่ยังคงยืนมองรถยนต์คันนั้นขับเคลื่อนออกไป คยูฮยอนถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะก้าวต่อไปยังกระเป๋านักเรียนสีชมพูคุ้นตา มือเรียวเกี่ยวมันขึ้นมาก่อนจะเดินเข้าบ้านไปไม่สนใจบุคคลแปลกหน้าที่ยืนอยู่ข้างพี่ชายคนโตต่างจากฮยอกแจที่พอทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติก็ต้องสะดุ้งตกใจเพราะจำคนคนนี้ได้ขึ้นใจ
"ค... คุณ!"
"ฮยอกแจเข้าบ้านไปสิ" ทงเฮเอ่ยเสียงเฉียบขาดพร้อมกับดันหลังน้องชายคนรองให้เดินตามคนเล็กไป ร่างบางพยักหน้ารับแต่ก็ยังไม่วายหันกลับมามองคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างๆพี่ชายสลับกับการก้าวเดินผ่านประตูรั้วเข้าไป
"นี่คุณอย่าเพิ่งยั่วโมโหนะ!" พอหันกลับมาหาคนตัวสูงบ้างร่างบางก็รีบพูดดักเพราะกลัวว่าคนที่กำลังคลี่ยิ้มจะสรรหาวาจามาทำให้เขาปวดหัวอีกระลอก คิบอมส่ายหัวช้าๆมองคนตัวเล็กที่ดูเหมือนจะต้องรับผิดชอบทุกอย่างภายในครอบครัวทั้งที่อายุก็เพิ่งจะเท่านี้เอง
"ใครบอกว่าฉันจะยั่วนาย.. นายต่างหากยั่วฉัน ทำหน้าซีดแบบนี้จะอ้อนให้ประคองเข้าบ้านใช่มั้ย" ไม่พูดเปล่าคนตัวสูงขยับเข้าซ้อนร่างบอบบางพร้อมกับวางมือทั้งสองข้างลงบนหัวไหล่เล็กของคนที่ได้แต่โวยวายออกมา
"หน้าฉันบอกแบบนั้นที่ไหนเล่า ปล่อยนะ!" ความรู้สึกเมื่อหลังบางแนบชิดเข้ากับอกกว้างมันกลับทำให้รู้สึกปลอดภัยและอบอุ่น เรื่องที่พบเจอมาค่อยๆมลายหายไป แต่ว่าก็ไม่อยากอยู่ในอ้อมกอดของคนคนนี้นานๆเหมือนกัน
เขาไม่อยากตกหลุมพรางของคนไม่จริงใจ...
"ถ้าดิ้นอีกนะ ฉันรวบขานายแล้วอุ้มเข้าบ้านจริงๆด้วย!"
สุดท้ายก็ต้องยอมให้อีกคนประคองเข้าบ้าน เพราะความจริงแล้วทงเฮแทบจะไม่เหลือเรี่ยวแรงในการทรงตัวตั้งแต่เห็นว่าน้องชายเซล้มลงไปที่ฟุตบาท ไหนจะความรู้สึกกังวลมากมายที่กำลังกดทับตัวของเขาอยู่
พวกเขาต้องผ่านช่วงเวลาของความเปลี่ยนแปลงนี้ไปให้ได้...
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารที่มีแขกแปลกหน้าผ่านไปด้วยดี ฮยอกแจอดลอบมองท่าทีของพี่ชายกับคนที่เป็นเจ้าหนี้รายใหม่ของครอบครัวไม่ได้ ในตอนนี้คนตัวเล็กกำลังรู้สึกผิดเมื่อได้รับรู้ว่าทงเฮกำลังจะจากบ้านไปทำงานต่างถิ่นเพราะช่วยเขาให้หลุดรอดจากความผิดที่ไม่ได้ตั้งใจกระทำนั้น คยูฮยอนเองก็เช่นกัน เด็กหนุ่มก็ไม่พลาดที่จะเก็บรายละเอียดของคนที่ก้าวเข้ามาในชีวิตพี่ชายอย่างหลักเลี่ยงไม่ได้ แต่ท่าทีของคิบอมที่ถึงแม้ทงเฮจะชอบบอกว่าไม่จริงใจแต่สำหรับคยูฮยอนแล้วเขาคิดว่าคิมคิบอมคนนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายนัก
เมื่อส่งแขกที่พี่ชายคนโตไม่ได้เต็มใจต้อนรับกลับไปแล้วต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันเข้าห้อง ทงเฮทิ้งตัวลงบนเตียงกว้างทันทีที่จัดเตรียมของสำหรับวันพรุ่งนี้เสร็จ ร่างบางภายใต้ชุดนอนสีฟ้าอ่อนเบิกตามองเพดานกว้างอย่างเลื่อนลอย
"เข้ามาสิ"
เสียงเคาะประตูดังขึ้นฉุดคนที่จมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองให้กลับมาสนใจบานประตูที่เปิดกว้างออก ฮยอกแจในชุดนอนสีส้มอ่อนก้าวเข้ามาพร้อมกับคยูฮยอนที่อยู่ในชุดนอนเช่นกันต่างกันที่ในมือเรียวนั้นมีเครื่องเล่นเกมส์แบบพกพาติดมือมาด้วย
"พวกนายมีอะไรเหรอ.." ทงเฮเปลี่ยนมานั่งมองคนที่เพิ่งขยับตัวเข้ามาในห้องเขาอย่างพร้อมเพรียง ปกติฮยอกแจกับคยูฮยอนไม่ค่อยร่องรอยกันเท่าไร แต่เมื่อเห็นทั้งคู่ดูจะสามัคคีกันเข้ามาหาเขามันจึงทำให้อดแปลกใจไม่ได้
"ทงเฮต้องไปจริงๆเหรอ.." ฮยอกแจปีนขึ้นมาบนเตียงพร้อมกับเกี่ยวแขนพี่ชายที่อายุห่างกันไม่เท่าไรจนติดเรียกชื่อกันอย่างไม่มีคำนำหน้า
"นั่นสิครับ ทำไมฮยองต้องไปด้วย เราช่วยกันทำงานแล้วค่อยๆใช้หนี้เขาไม่ได้หรือไง" ต่างจากคยูฮยอนที่อายุห่างกันค่อนข้างมาก ร่างโปร่งนั่งลงบนพื้นที่ว่างข้างพี่ชายคนรองก่อนจะถามออกมาพร้อมกับเสริมความคิดเห็นของตัวเองลงไปด้วย
"ไม่ได้หรอก.. ฮยองทำสัญญากับเขาแล้ว อีกอย่างพวกนายสองคนก็ยังเรียนอยู่ คงไม่มีเวลามาทำงานหาเงินไปใชหนีเขาหรอก"
"งั้นให้ฉันไปแทนทงเฮนะ ฉันต่างหากที่เป็นคนก่อเรื่อง" มือเล็กสั่นเรียวแขนของพี่ชาย ฮยอกแจรู้สึกผิดอยู่เต็มอกเมื่อนึกไปถึงค่ำคืนนั้น
"ไม่ได้.. นายเรียนอีกแค่เทอมเดียวก็จะจบอยู่แล้วนะฮยอกแจ"
"งั้นผม.. ผมมันไม่ค่อยมีประโยชน์อยู่แล้ว"
"คยูฮยอน! นายต้องเรียนหนังสือ! พวกนายลืมแล้วเหรอว่าสิ่งสำคัญที่สุดที่พ่อกับแม่เราปรารถนาจะได้เห็นคืออะไร"
ทันที่ที่เสียงสั่นพร่านั้นเงียบลงหยาดน้ำใสที่พยายามกักเก็บเอาไว้มาตลอดทั้งวันก็พังทลายลง ฮยอกแจกอดร่างที่สั่นเทาของพี่ชายตัวเองเอาไว้พร้อมกับพึมพำขอโทษก่อนจะไม่อาจกักเก็บน้ำตาของตนเอาไว้ได้เช่นกัน คยูฮยอนก้มหน้ามองเตียงกว้างของพี่ชายพร้อมกับนิ่งเงียบไปทันทีที่นึกถึงบุคคลอันเป็นที่รักซึ่งจากไปอย่างไม่มีวันกลับมาได้อีกแล้ว
สิ่งที่เหลือเอาไว้มีเพียงบ้านหลังใหญ่กับทรัพย์สินเพียงน้อยนิดที่กำลังจะหมดไปหากแต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ทั้งสามใช้ยึดเหนี่ยวเอาไว้คือความรักความอบอุ่นที่ทั้งสองท่านมอบให้ตลอดช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่ด้วยกัน
"ถ้าอย่างนั้นเราสองคนอยู่ที่นี่จะช่วยกันทำงานพิเศษ ทงเฮจะได้ไม่ต้องเหนื่อยคนเดียว"
ฮยอกแจดึงคยูฮยอนมากอดพร้อมกับกระชับอ้อมแขนที่เกี่ยวเอาไว้กับพี่ชายคนโตนั้นแน่นขึ้นไปอีก ทงเฮพยักหน้าใบหน้าหวานที่เจิ่งนองไปด้วยหยาดน้ำตาเบาๆพร้อมกับระบายยิ้มออกมาเมื่อทอดมองขึ้นไปยังกรอบรูปครอบครัวขนาดใหญ่ที่ตั้งเอาไว้บนหัวเตียง
ก่อนทั้งสามจะเข้านอนบนเตียงกว้างเดียวกัน... เป็นคืนสุดท้ายก่อนจากลา
-:- Deceive -:-
ร่างสูงเดินผ่านประตูรั้วของโรงเรียนด้วยท่าทีปกติเหมือนทุกวันแต่กลับเรียกสายตาแปลกๆจากเหล่าเพื่อนร่วมโรงเรียนที่หันกลับไปซุบซิบและจ้องมองกลับมาที่เขา คยูฮยอนหยุดฝีเท้าลงก่อนจะก้มหาความผิดปกติของตัวเอง คิ้วเรียวสวยเลิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อไม่เห็นมีสิ่งใดผิดปกติไปจากเดิม เครื่องแบบนักเรียนก็เรียบร้อยดี... ติดอยู่แค่ว่า ...
คยูฮยอนสะพายกระเป๋านักเรียนสองใบซึ่งอีกใบนึงเป็นสีชมพูหวานๆ
"คยูฮยอน~ ตกลงมึงกับซองมิน.."
"อะไร!!"
ร่างสูงกระชากเสียงตัดประโยคของเพื่อนที่รุดเข้ามาหาเมื่อเจ้าตัวนั่งลงบนเก้าอี้ประจำ เพราะรู้สึกหงุดหงิดเป็นทุนเดิมอยู่แล้วที่มีแต่ผู้คนจ้องมองและซุบซิบนินทาพอเข้ามาในห้องก็เหวี่ยงกระเป๋าสีชมพูนั้นไปยังที่ว่างข้างกายของเจ้าของกระเป๋าที่ยังมาไม่ถึง
"ก็ไม่มีอะไร ทำไมมึงต้องหงุดหงิดขนาดนี้ด้วยวะ"
"ก็กูเบื่อ.. แค่ชื่อยังไม่อยากได้ยิน"
"อ้าว~ กูนึกว่าคบกันซะอีก.."
กำลังจะอ้าปากปฏิเสธอาจารย์ประจำวิชาแรกก็เดินเข้ามาเสียก่อน ทุกสายตาของคนที่หันกลับมาฟังการสนทนาของคนหลังห้องจำต้องหันกลับไปอย่างสุดแสนเสียดาย คยูฮยอนถอนหายใจหน่ายๆเพราะไม่รู้ว่าทำไมคนอื่นถึงได้เข้าใจกันไปแบบนั้น
ทั้งที่เขากับไอ้คุณหนูอะไรนั่นไม่ได้มีท่าทีทำนองนั้นเลย...
เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงแต่ก็ไร้วี่แววของเจ้าของกระเป๋า ก็ไม่ได้อยากจะสนใจอะไรนักแต่มันก็อดแปลกใจไม่ได้ คยูฮยอนเหล่กระเป๋าข้างกายหลายต่อหลายครั้งราวกับว่ามันจะส่งเสียงตอบคำถามที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาได้
ทำไมถึงไม่มาเรียน...
"เฮ้ยย คยูฮยอน~ ไปต่อที่เดิมกันมั้ยวะ"
"ไม่ล่ะ.. กูมีธุระ"
จนกระทั่งเลิกเรียนก็ยังไร้วี่แววของคนที่มักเข้ามาวุ่นวายในชีวิต คยูฮยอนแยกทางกับกลุ่มเพื่อนที่พากันมุ่งหน้าไปยังเกมส์เซ็นเตอร์มาที่ป้ายรถเมล์หน้าโรงเรียน ในมือเรียวยังคงมีกระเป๋านักเรียนสีชมพูหวานให้คนได้มองตามเป็นระยะ คนตัวสูงทอดถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนจะกระโดดขึ้นรถเมล์คันใหญ่ที่เพิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้า
แตกต่างจากทุกวันตรงที่มันไม่ใช่รถเมล์สายที่ผ่านทางบ้านของเขา...
-:- Deceive -:-
ร่างเล็กขาวจัดยืนพะว้าพะวงอยู่หน้าบริษัทโฆษณาอันดับต้นๆของประเทศ ทั้งที่ยังไม่ถึงเวลานัดของนักศึกษาฝึกงานแต่อีฮยอกแจก็รีบออกจากบ้านมาด้วยความรู้สึกตื่นเต้น อยากจะเริ่มต้นการหาประสบการณ์ในบริษัทที่มีชื่อเสียง และที่สำคัญทางบริษัทมีนโยบายรับพนักงานใหม่ถ้าหากเขาทำได้ดีตอนที่ฝึกงานก็อาจมีโอกาสได้บรรจุเป็นพนักงานประจำ การได้ทำงานที่นี่คงสามารถช่วยทงเฮแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของพวกเขาได้พอสมควร
"ฮยอกแจสู้!"
นัยน์ตาเรียวก้มมองหน้าปัดของนาฬิกาเรือนเล็กบนข้อมือขาวก่อนจะให้กำลังใจตัวเองด้วยประโยคนั้น คนตัวเล็กสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด จัดเสื้อเชิ้ตสีขาวแบบสุภาพให้เข้าที่ก่อนจะก้าวผ่านประตูดีไซส์ทันสมัยเข้าไปเพื่อเปิดโลกนอกห้องเรียนของตน
"ขอโทษนะครับ.. ผมมาพบคุณซีวอน"
มือเรียวกระชับแฟ้มในอ้อมอกก่อนจะก้าวเข้าไปยังแผนกประชาสัมพันธ์เพื่อแจ้งจุดประสงค์ของตน บริษัทนี้มีเพียงแค่สองชั้นเท่านั้นแต่ภายในดูเรียบหรูและกว้างขวาง อีกทั้งยังทำให้รู้สึกโล่งโปร่งสบายสมกับเป็นบริษัทที่เน้นทำผลงานทางด้านความคิดสร้างสรรค์ คนตัวเล็กมองไปรอบๆก่อนจะหันกลับมาสนใจคำถามของพนักงานเสียงหวาน
"นัดเอาไว้หรือเปล่าคะ"
"ครับ.. ผมชื่ออีฮยอกแจ"
"งั้นรอสักครู่นะคะ"
พนักงานสาวส่งยิ้มให้ก่อนจะทำการติดต่อให้ฮยอกแจได้พบกับเจ้าของบริษัทซึ่งเขาก็เคยได้ยินเพียงแค่ชื่อเสียงเรียงนามเท่านั้น เหตุที่ได้มาฝึกงานที่นี่เพราะอาจารย์ที่ปรึกษาของเขาเป็นคนแนะนำและก็ดูเหมือนจะเป็นโชคดีของฮยอกแจเพราะบริษัทของคุณซีวอนตอบรับนักศึกษาให้เข้ามาฝึกงานเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น
"เชิญคุณฮยอกแจที่ชั้นสองเลยค่ะ"
หญิงสาวยืนขึ้นผายมือให้ฮยอกแจได้เห็นว่ควรจะเดินไปทางใด คนตัวเล็กก้มหัวให้คนที่ให้การช่วยเหลือก่อนจะเดินไปตามทิศทางนั้น บันไดไม่สูงนักเชื่อมต่อจากพื้นชั้นล่างไปยังบริเวณชั้นสองที่ดูเหมือนว่าจะมีห้องทำงานเพียงแค่ห้องเดียวเท่านั้น ฮยอกแจก้าวตามขั้นบันไดขึ้นมาหยุดที่โต๊ะทำงานหน้าห้องที่มีป้ายติดเอาไว้ว่าประธานบริษัทของหญิงสาวที่ดูจัดจ้านซึ่งกำลังง่วนอยู่กับการจัดการเอกสารกองโต
"ขอโทษครับ..ผมอีฮยอกแจ มาขอพบคุณซีวอน ไม่ทราบว่าผมเข้าไปได้เลยมั้ยครับ" ฮยอกแจเอ่ยถามคนตรงหน้าอย่างมีมารยาทแต่สายตาที่ละจากกองเอกสารมายังเขานั้นมันพอจะอนุมานได้อยู่ว่าไม่ค่อยจะเป็นมิตรอย่างที่ควร
"เธอใช่มั้ย.. นักศึกษาที่จะมาฝึกงานที่นี่"
"ใช่ครับ!" ฮยอกแจตอบรับด้วยเสียงที่ค่อนข้างแข็งกระด้าง ในเมื่ออีกคนแสดงกิริยาที่เป็นการดูถูกเขาด้วยการมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อน คนอย่างอีฮยอกแจน่ะยอมให้ใครมาดูหมิ่นไม่ได้หรอกนะ
"บอสยังไม่ว่างมาคุยกับเด็กฝึกงานอย่างเธอหรอก ไปนั่งรอตรงนั้นก่อน อีกอย่างฉันกำลังยุ่ง~" ใบหน้าสวยที่เชิดใส่คนตัวเล็กทำให้คนที่มีความอดทนต่ำอยู่แล้วรู้สึกไม่พอใจ ฮยอกแจจับจ้องคนตรงหน้าไม่วางตาก่อนจะตอบโต้กลับไปด้วยวาจาสุภาพแต่น้ำเสียงก็แสดงออกเช่นกันว่าไม่เป็นมิตร
"แต่ผมนัดกับคุณซีวอนไว้เวลานี้ครับ"
"เอ๊ะ~ ก็บอกว่าบอสไม่ว่าง นั่นเธอจะทำอะไรน่ะ!" หญิงสาวลุกขึ้นมาคว้าคนตัวเล็กเอาไว้แทบไม่ทันเมื่อเห็นว่ามือขาวๆนั้นเอื้อมไปผลักประตู ฮยอกแจสะบัดคนที่เข้ามาขัดขวางตัวเองออกจนอีกคนกระเด็นไป รอยยิ้มร้ายกรีดขึ้นบนใบหน้าสวยของคนที่มีชัยเหนือกว่าก่อนจะก้าวผ่านเข้าไปยังห้องทำงานของคนที่ตนได้นัดเอาไว้
"คุณซีวอนครับผมอีฮยอกแจมาจาก... นาย!!"
-:- Deceive -:-
เรือเฟอร์รี่สีขาวค่อยๆเคลื่อนเข้าเทียบท่าของเกาะส่วนตัวของผู้ที่โดยสารมา คิบอมก้าวลงมายืนอยู่บนชายหาดกว้างที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา นัยน์ตาคมตวัดมองร่างเล็กที่ยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติงตั้งแต่ที่เรือของเขาทอดสมอลงไปในพื้นน้ำสีฟ้าใส
"ทงเฮ... อีทงเฮ!"
เสียงเรียกที่แว่วผ่านโสตประสาททำให้คนตัวเล็กที่ยืนทอดมองผืนทรายกว้างจำต้องสะดุ้งตัว กลีบปากอิ่มเม้นแน่นก่อนจะเลื่อนนัยน์ตาสีน้ำตาลสวยไปยังคนที่ยังคงยืนทอดมองมา ทงเฮค่อยๆพาตัวเองลงจากเรือโดยสารที่พาเขาข้ามเกาะน้อยใหญ่มาหยุดอยู่บนเกาะเล็กๆแต่สวยงามไม่แพ้ใคร
"นี่คุณปล่อยฉันนะ!"
"ก็นายมันชักช้าเสียเวลา"
ทันทีที่เท้าบางเหยียบลงบนผืนทรายร่างน้อยก็จำต้องปลิวไปตามแรงฉุดดึงของคนที่เข้ามากอบกุมข้อมือเล็ก ทงเฮฝืนตัวเองไม่ให้อีกคนได้กระทำตามใจ ลมทะเลที่พัดผ่านใบหน้าหวานไปไม่ได้ทำให้รู้สึกสดชื่นเลยสักนิด ในตอนนี้ร่างกายกลับร้อนวูบวาบขึ้นมาเสียเฉยๆเมื่อคนที่เป็นฝ่ายควบคุมจังหวะการเดินหันกลับมาจดจ้องใบหน้าหวานจนคนถูกมองจำต้องเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อหลบสายตาคมมีเสน่ห์นั้น
"จะพาฉันไปไหน คุณน่าจะอธิบายอะไรๆให้ฉันเข้าใจบ้าง ไม่ใช่เอะอะก็ลากกันแบบนี้" ได้ทีก็ขอต่อว่าคนที่เหมือนจะนิ่งฟังเสียงหวานที่หลุดพ้นออกมาจากกลีบปากบางสีระเรื่อ
"ถ้าไม่อยากให้ลาก งั้นฉันอุ้ม~"
"ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อย ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ!"
คนตัวเล็กโวยวายลั่นหาดที่เงียบสงบเมื่อเท้าบางลอยขึ้นเหนือผืนทรายขาว คนตัวสูงโอบกระชับรอบเอวเล็กของคนที่ตนจับอุ้มพาดบ่า คิบอมหัวเราะอย่างอารมณ์ดีผสานไปกับเสียงโวยวายอย่างที่ไม่สามารถทำอะไรอย่างอื่นได้ของคนที่โดนลิดรอนอิสรภาพ ร่างสูงก้าวยาวๆผ่านชายหาดนั้นมาจนถึงบ้านพักชั้นเดียวที่ห่างออกมาจากตัวโรงแรมที่อยู่ถัดไปไม่ไกลก่อนจะวางร่างเล็กที่ยังไม่ยอมหยุดดิ้นรนลงกับพื้นหน้าบ้าน
"คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม" ทงเฮหอบเล็กน้อยเนื่องจากความเหน็ดเหนื่อยที่เกิดขึ้นระหว่างการต่อต้านร่างสูง ใบหน้าหวานชื้นเหงื่อจับจ้องคนที่เปิดประตูบ้านอย่างเคืองโกรธที่อีกคนไม่มีท่าทีจะหันกลับมาสนใจตอบคำถามบ้างเลย
"ฉันพูดกับคุณอยู่นะ!"
"รู้แล้ว~ นายจะโวยวายให้มันได้อะไร ถ้าฉันไม่พานายมาที่นี่แล้วนายจะนอนที่ไหนล่ะอีทงเฮ นอนรอน้ำทะเลขึ้นที่ชายหาดเลยดีมั้ย!"
กลีบปากเล็กขยับเปิดขึ้นแต่ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาอีก ทงเฮได้แต่โมโหอยู่ในใจที่ไม่สามารถตอบโต้อีกคนได้ ก่อนจะค่อยๆก้าวตามคนที่ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟานิ่มด้วยท่าทางเมื่อยล้า
"แล้วที่นี่ที่ไหน ฉันต้องทำอะไร ได้เงินเดือนเท่าไร ต้องทำงานให้คุณนานแค่ไหน "
"ทีละคำถามได้มั้ย ฉันยอมให้นายถามทั้งคืนเลยล่ะ"
"คุณ!"
ถ้าคิบอมใช้เพียงวาจาล่อแหลมทงเฮก็คงไม่โวยวายออกมาอีก แต่นี่มือหนากลับรั้งให้ร่างบางตกลงมานั่งบนตักแถมยังเลื่อนลำแขนยาวโอบกระชับรอบเอวบางไม่ยอมให้ดิ้นหนีอีก คนตัวเล็กจึงได้แต่ผลักดันอกกว้างและทำเสียงฮึดฮัดอยู่ในลำคอเพื่อแสดงออกให้อีกคนเห็นว่ากำลังไม่พอใจกับการกระทำแบบนี้
"คำตอบของคำถามแรกคือ.. ที่นี่บ้านฉัน" ดูเหมือนคิบอมกำลังสนุกกับการกลั่นแกล้งให้อีกคนทำตัวไม่ถูก ลมร้อนๆที่รินรดแก้มเนียนใสกำลังทำให้ใบหน้าหวานนั้นแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อซึ่งมันก็ดูน่ารักน่ามองจนคนตัวสูงอดยิ้มไม่ได้
"แล้วยังไงอีก!" พยายามเบี่ยงหน้าให้พ้นจากใบหน้าคมที่เกือบจะแนบชิดกันอยู่แล้ว ทงเฮเกลียดคิบอมก็ตรงที่นอกจากจะกลั่นแกล้งให้ร่างกายเขาผิดปกติแล้วยังชอบมาทำให้หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะไปด้วย
"ให้ทำอะไรยังไงเนี่ยขอคิดดูอีกที~" คิบอมหัวเราะน้อยๆเมื่อเห็นว่าอีกคนหน้าง้ำลงเพราะคำตอบของเขา ก่อนจะค่อยๆคลายอ้อมแขนออกและแน่นอนว่าอีกคนไม่รีรอที่จะลุกขึ้นจากตักกว้างแต่กระนั้นมือบางก็ยังถูกอีกคนเอื้อมจับไว้อยู่ดี
"นายนอนห้องนี้แล้วกัน" คิบอมพาร่างบางก้าวมายังห้องเล็กๆห้องหนึ่ง ทงเฮสะบัดมือออกจากการกอบกุมนั้นก่อนจะก้าวเข้ามายังห้องสีขาวสว่างที่พอเปิดผ้าม่านบนหัวเตียงออกก็สามารถมองเห็นท้องทะเลกว้างไกลได้ ริมฝีปากอิ่มแต้มยิ้มบางๆให้กับภาพเบื้องหน้าก่อนจะหุบยิ้มแล้วหันกลับมาหาคนที่กำลังยืนมองตนอยู่
"ถ้าคุณยังไม่รู้ว่าจะให้ฉันทำอะไร งั้นฉันขอเวลาส่วนตัวก่อนแล้วกัน" ประโยคที่เหมือนจะเป็นการบอกให้รู้ว่าต้องการอยู่คนเดียวไม่ได้ทำให้คนตัวสูงหันหลังกลับไปอย่างที่คิด ทงเฮเบิกตากว้างเมื่ออีกคนกลับปิดประตูห้องที่เปิดค้างเอาไว้เมื่อครู่ลงก่อนจะเดินช้าๆเข้ามาในห้องที่จะเป็นของเขาชั่วคราว
"กลับห้องคุณไปสิ ไปนอนคิดก่อนแล้วกันว่าจะให้ฉันทำอะไร" ถ้าทำได้ทงเฮอยากจะเข้าไปผลักหลังกว้างให้ออกจากห้องแต่ทางที่ดีเขาไม่ควรเข้าใกล้ร่างกายของคนที่เขาไม่เคยเอาชนะได้เลยจะดีกว่า
"ก็นี่ไงกำลังจะกลับห้อง"
"พูดอะไรของคุณ.. ฉัน.. ฉันไม่นอนห้องเดียวกับคุณนะ!" รีบโวยวายออกมาเพราะกลัวว่ามันจะเป็นความจริง ขืนให้เขาอยู่ร่วมห้องกับคนที่จ้องจะเอาเปรียบกันเขาคงมีชีวิตที่เป็นสุขได้หรอก
"โวยวายเหมือนอยากจะนอนด้วยกันเลยนะ" คิบอมก้าวเข้าหาร่างเล็กที่ก้าวถอยหลังไปจนติดเตียงเล็กๆ ทงเฮเม้มกลีบปากแน่นเมื่อเห็นว่าอีกคนกำลังจะถึงตัวและเขาก็ไม่สามารถหลบหลีกไปทางไหนได้อีกแล้ว นัยน์ตากลมปิดแน่นลงทันทีเมื่อถูกคนตัวสูงเอื้อมคว้าเอวบางและรั้งร่างกายเข้าหาตัว
"เอาเป็นว่านายอดทนนอนคนเดียวไปก่อนนะ ไว้ถึงเวลาเราค่อยมานอนด้วยกัน" คิบอมพูดกลั้วเสียงหัวเราะก่อนจะปล่อยลมร้อนๆลงบนเปลือกตาที่ปิดแน่น คิบอมปล่อยร่างที่สั่นอยู่ในอกเขาออก
"คุณมันบ้า.." ร่างเล็กที่เพิ่งถูกปล่อยให้เป็นอิสระทรุดนั่งลงบนเตียงกว้างพร้อมกับพึมพำเบาๆให้กับแผ่นหลังที่กำลังเคลื่อนจากไป แต่ก็ต้องเบิกตากว้างอีกครั้งเมื่อคิบอมไม่ได้กลับออกไปทางประตูที่เข้ามา ร่างสูงกลับเปิดประตูเล็กๆข้างตู้เสื้อผ้าที่เคลื่อนย้ายไม่ได้ ก่อนจะหายเข้าไปยังช่องทางเล็กๆที่เปิดกว้างออก
ทงเฮลุกจากเตียงไปยังประตูเล็กๆที่มีมู่ลี่กั้นเอาไว้ก่อนจะถอนหายใจยาวเมื่อเข้าใจแล้วว่ามันคงเป็นประตูที่เชื่อมไปสู่อีกห้องนึง และสิ่งที่ทำให้ทงเฮอยากจะร้องไห้ก็คือทางฝั่งของเขามันไม่มีกลอนล็อค ตู้เสื้อผ้าก็เป็นแบบเคลื่อนย้ายไม่ได้ อีกอย่างทิศทางของบานประตูเมื่อถูกผลักดันออกมันแสดงให้เห็นแล้วว่า...
คิมคิบอมจะเข้ามาในห้องนอนของทงเฮเมื่อไรก็ได้ที่ต้องการ!!
TBC. ~*
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์นะคะ~
แล้วเจอกันค่าาาาาาาาา
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น