คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : CHAPTER 2
ตึกสูงกว่า30ชั้นตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางกรุงโซลประเทศเกาหลี เป็นที่ทำการของบริษัท PK GROUP ชื่อที่ถูกตั้งขึ้นตามผู้ก่อตั้งบริษัท ปาร์ค กูยอน….
ประตูห้องทำงานของประธานบริษัทคนปัจจุบันถูกดึงกระชากเปิดออกตามด้วยเสียงปิดดังสนั่น ผู้มาเยือนนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับที่นั่งประจำตำแหน่งของมารดา มือทั้งสองข้างถูกยกขึ้นมากุมขมับที่กำลังเต้นตุบตามอารมณ์ของเจ้าของ
“ซูโฮ ทำไมเรื่องมันเป็นแบบนี้ ลูกต้องอธิบายมาเดี๋ยวนี้!”
ผู้เป็นแม่ที่ยืนรออยู่แล้วหันมาตวาดลูกชายคนโตทันทีที่คุยธุระทางโทรศัพท์เสร็จ หญิงสาวนั่งลงกับเก้าอี้ประจำตำแหน่งที่ใช้ทำงานอยู่ประจำรอฟังเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากบุตรชายคนโตซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึง รองประธานบริษัท
“ผมขอโทษครับแม่ ผมไม่คิดว่าคุณลุงแทซองจะทำกับเราแบบนี้”
ซูโฮเงยหน้าขึ้นสบตากับมารดาเป็นครั้งแรกตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในห้อง ดวงตาที่มีแววใจดีอยู่เสมอหม่นหมองกว่าครั้งไหนๆ ชายหนุ่มกำลังผิดหวัง ผิดหวังกับตัวเองที่ไว้ใจใครง่ายๆเพียงเพราะว่าชายคนนั้นทำงานในบริษัทนี้มานานตั้งแต่รุ่นคุณพ่อ
“ลูกไว้ใจคนอื่นให้ทำงานใหญ่แบบนี้ได้หรือไงซูโฮ” หญิงสาวพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น
“………………”
“ทั้งที่แม่กำชับลูกนักหนาว่าให้ดูแลเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แต่ลูกก็ยังไว้ใจให้ลุงแทซองดูแล ลูกรู้มั้ยว่าบริษัทของเราต้องเสียหายไปมากแค่ไหน”
“………………..”
ซอนยอลลุกขึ้นจากเก้าอี้ มือบางกำแน่นเข้าหากันพยายามระงับอารมณ์เกรี้ยวกราด แต่มันช่างทำได้ยากเหลือเกิน เมื่อเห็นลูกชายเอาแต่นั่งเงียบ
“1หมื่นล้านวอน ซูโฮ ถ้าลูกไม่รู้แม่จะบอกให้ มูลค่าสินค้าที่ลี แทซองลักลอบนำออกไปจากคลังสินค้าเราโดยที่ไม่มีใครในบริษัทที่ไว้ใจได้ระแคะระคายกันแม้แต่น้อย เพราะคำสั่งของลูกที่ยกการตัดสินใจทั้งหมดให้ลุงแทซอง”
“……………….”
“นี้ยังไม่รวมความเสียหายที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้นะซูโฮ บริษัทคู่ค้าของเราเริ่มทยอยกันยกเลิกสัญญาที่เคยทำไว้ แม่ไม่อยากจะคิดว่าต่อไปข้างหน้าบริษัทของเราจะเสียหายมากแค่ไหนเมื่อเราไม่มีสินค้าจะส่งให้เค้าตามสัญญา”
“แม่ครับ ของที่เรากักตุนไว้ในคลังสินค้ามัน…”
“มันเสียหายทั้งหมด เพราะเงินที่ต้องนำมาใช้ในการดูแลสินค้าไม่ให้เน่าเสีย ถูกยักยอกออกจากบริษัทมากกว่าครึ่ง ฝีมือใครแม่คงไม่ต้องพูดชื่อนั้นอีกนะซูโฮ”
ก่อนที่ลูกชายจะได้เอ่ยวิธีแก้ปัญหาออกมา หญิงสาวก็ตัดความหวังนั้นลงทันที ความเสียหายที่เกิดขึ้นมันมากมายกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
“แม่ครับ ผมขอโทษ ผมผิดเอง ผม…”
ซูโฮไม่มีคำจะแก้ตัวนอกจากคำขอโทษ เงินที่ตัดสินใจไปกู้ธนาคารมาเพื่อนำมาลงทุนทำธุระกิจครั้งนี้ เขาและแม่หวังไว้ว่ามันจะทำกำไรให้บริษัทมหาศาล แต่มันก็สลายไปในพริบตา เพราะเขา เพราะเขาคนเดียว….
“ลูกกลับไปได้แล้ว กลับไปคิดหาวิธีแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น พรุ่งนี้ลูกต้องเข้าบริษัทแต่เช้า”
“แม่ครับ….”
“ออกไป… ตามอินฮยองให้แม่ด้วย”
หญิงสาวไม่สนใจฟังสิ่งที่ลูกชายกำลังจะพูด ชื่อเลขาส่วนตัวถูกเอ่ยขึ้นเพื่อตัดประเด็นสนทนา ร่างบางทิ้งตัวลงกับเก้าอี้ ก้มหน้าสนใจแฟ้มงานที่อยู่ตรงหน้า
ซูโฮลุกขึ้นจากเก้าอี้เมื่อผู้เป็นแม่พูดจบ ชายหนุ่มโค้งตัวให้มารดาก่อนจะหันหลังเดินออกไปจากห้อง
ซอนยอลเงยหน้าขึ้นมาจากสิ่งที่อ่านอยู่ จ้องมองแผ่นหลังของบุตรชายคนโตที่กำลังเดินจากไปจนลับสายตา
ซูโฮไม่เหมาะสมกับการบริหารงานบริษัท ถึงแม้จะเรียนจบด้วยเกรดเฉลี่ยที่ดีมากแค่ไหนแต่ก็เก่งเพียงแค่ทางทฤษฎี ซึ่งมันแตกต่างกับทางปฏิบัติโดยสิ้นเชิง ลูกชายคนโตของหล่อนขาดความเด็ดขาด ตันสินใจงานใหญ่ๆได้ไม่ดีนัก ดูจากข้อผิดพลาดเล็กๆน้อยๆที่ผ่านมา แต่ซอนยอลก็ปล่อยให้เรื่องราวมันผ่านไป จนเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น
ลูกชายคนโตที่เป็นความหวังหนึ่งเดียวของหล่อนอ่อนแอเกินไป ข้อนี้หล่อนรู้ดี แล้วใครล่ะที่จะมาสืบทอดบริษัทแห่งนี้บริษัทที่สามีของหล่อนสร้างขึ้นมาด้วยความยากลำบาก
‘ชานยอล…’
ชื่อของลูกชายคนเล็กโผล่เข้ามาในความคิด แต่ก็ต้องถูกผลักออกจากสมองทันทีเมื่อคำนึงได้ว่าชานยอลจบการศึกษามาจากคณะนิเทศศาสตร์ ไม่มีแม้แต่ทฤษฎีที่เกียวกับงานบริหาร
ทันใดนั้นเองประตูที่เพิ่งถูกปิดลงก็ถูกกระชากเปิดออกอีกครั้ง ร่างของอินฮยอนเลขาส่วนตัวปรากฎเข้าสู่สายตาพร้อมกับข่าวร้ายที่ซอนยอลหวังว่าจะไม่ได้ยินมัน
“บริษัทCP กับบริษัท เนงมยอน กรุ๊ป โทรเข้ามายกเลิกสัญญาทั้งหมดแล้วนะคะท่านประธาน”
ปากกาเล่มสวยที่ซอนยอลถืออยู่ในมือล่วงหล่นลงสู่พื้นทันทีเมื่อจบประโยคนั้น
ดวงตาคมเข้มจ้องมองหัวข้อข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ธุระกิจ ข่าวการขาดทุนของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการส่งออกอาหารอย่าง PK GROUP ปรากฎสู่สายตา ริมฝีปากยกยิ้มอย่างพอใจเมื่ออ่านข้อความนั้นจบ อู๋ อี้ ฟาน โยนหนังสือพิมพ์นั้นลงกับโต๊ะ ยกแก้วกาแฟที่แม่บ้านเพิ่งนำมาวางไว้ขึ้นมาจิบ กิริยาทุกอย่างตกอยู่ภายตาสายตาคมดุจเหยี่ยวของผุ้เป็นมารดา
“ลูกคิดว่ายังไงบ้างกับข่าวนี้”
รอยยิ้มที่ยากจะได้เห็นของลูกชายคนเดียวของตนทำให้เหม่ยหลิงรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก นั้นหมายความว่าความคิดของหล่อนกับลูกชายจะต้องไปในทางเดียวกัน
“ผมจะส่งคนเข้าไปคุยกับทางPK Group สัปดาห์หน้าครับคุณแม่”
“เร็วกว่านี้หน่อยได้มั้ย? เอาเป็นสุดสัปดาห์นี้เลยแล้วกัน แม่กลัวคนอื่นจะชิงตัดหน้าเราไปเสียก่อน”
เหม่ยหลิงเสนอทางที่รวดเร็วกว่าด้วยกลัวว่าจะพลาด ถ้าการเจรจาครั้งนี้สำเร็จมันจะสร้างกำไรให้ตระกูลอู๋ได้อย่างมหาศาล
“แล้วแต่แม่ครับ”
ชายหนุ่มผุ้มีใบหน้าหล่อจัดเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ หมุนแก้วกาแฟในเมื่อเล่นเหมือนกำลังใช้ความคิด
“อื้มม เอาตามนั้น แล้วธุระกิจในฮ่องกงเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ดีครับ คาสิโน่ของเราทำกำไรได้มากกว่าปีที่แล้ว10เท่า แต่คู่แข่งก็มากขึ้นพอดู”
ธุระกิจของตระกูลอู๋มีมากจนไม่สามารถนิยามได้ว่าแท้จริงแล้วเป็นบริษัททางด้านอะไร ทั้งธุระกิจถูกกฎหมายหรือผิดกฎหมายตระกูลอู๋ก็มีไว้ในเครือของตระกูลไม่ว่าจะเป้น โรงแรม ห้างสรรพสินค้า สิ่งพิมพ์ ส่งออกหรือขนส่งต่างๆ แม้กระทั่งการทำธุระกิจบ่อนกาสิโน่และสถานบันเทิงในฮ่องกงและจีน ก็เป็นของตระกูลอู๋เกือบทั้งหมด มีเพียงธุระกิจเดียวเท่านั้นที่ยังไม่เคยผ่านมือของคนในตระกูล ธุระกิจอาหาร……
“แล้วมีปัญหาอะไรหรือเปล่า แม่หมายถึงเรื่องเขตปกครองน่ะ”
“ผมให้อี้ชิงจัดการเรื่องนี้แล้วครับ มีปัญหานิดหน่อยแต่เราจัดการได้เรียบร้อยแล้ว เสียคนไปสองสามคน แต่ก็ถือว่าไม่ได้เสียหายอะไรมาก”
“ดีมากอู๋ฟาน ถ้าเราได้บริษัท PK Groupมาอยู่ในเครือ มันจะทำกำไรให้บริษัทเราได้ปีล่ะมหาศาล รู้ใช่มั้ย? ว่าแม่หวังกับมันมากแค่ไหน”
“ทราบครับ บริษัท PK Groupต้องเป็นของเรา”
“ดีมาก ลูกของแม่เก่งจริงๆ อู๋ฟานไม่เคยทำให้แม่ต้องผิดหวัง ไปทำงานเถอะจ๊ะ”
จบคำพูดของมารดาชายหนุ่มก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้คว้ากระเป๋าเอกสารมาถือไว้ในมือ โค้งตัวบอกลามารดา ขายาวเก้าออกมาจากห้องอาหารของคฤหาสน์เดินตรงไปยังรถที่มีคนขับรถประจำตำแหน่งยืนรออยู่ แต่ก่อนจะถึงเป้าหมาย เสียงแหลมเล็กของหญิงสาวก็ทำให้คนที่กำลังเดินต้องหยุดชะงัก
“คุณอู๋ฟานคะ พี่ลืมสูทค่ะ”
“……ขอบใจมาก เพ่ยฟาง”
“คุณคริสครับ คุณอี้ชิงโทรมาบอกว่ารออยู่ที่ทำงานแล้วครับ”
ชื่อเรียกอย่างเป็นทางการของตนช่วยเตือนสติของเขาว่าควรจะไปทำงานได้แล้ว ชายหนุ่มคว้าสูทสีดำจากมือขาวซีดของเด็กในบ้านมาถือไว้ ก่อนจะก้าวขึ้นรถทันที
“ไปที่บริษัทเลย”
“พี่ซูโฮ เป็นอะไรหรือครับ ชานยอลเห็นพี่ทำหน้าเครียดแบบนี้มาหลายวันแล้วนะ”
ชายหนุ่มเอ่ยถามพี่ชายขณะที่กำลังทานอาหารกลางวันด้วยกันในร้านอาหารใกล้กับบริษัท วันนี้ชานยอลมีเรียนแค่ครึ่งวัน เมื่อเรียนเสร็จแล้วจึงรีบขับรถตรงมายังบริษัทเพื่อมารับพี่ชายไปทานข้าวด้วยกัน แม่ของพวกเขาไม่ว่างอีกตามเคย
“บริษัทมีปัญหานิดหน่อยน่ะ”
“จริงหรือครับ อื้มม ไม่เป็นไรหรอกฮะ เดี๋ยวมันก็ผ่านไปได้ พี่ซูโฮเก่งจะตาย”
พูดพลางหยิบแก้วทรงสวยที่บรรจุน้ำหวานสีดำขึ้นดื่ม ส่งยิ้มสดใสให้กับคนที่กำลังทำสีหน้าที่ชานยอลยากจะเข้าใจ
“ไม่หรอก พี่ไม่ได้เก่งอะไรเลย ไม่ได้เรื่องด้วยซ้ำ” ซูโฮพูดเสียงแผ่ว
“ไม่เอานะครับ อย่าพูดอย่างนั้น สำหรับชานยอลแล้วพี่ซูโฮเก่งที่สุด อย่าเครียดเลยนะฮะ ทานข้าวกันเถอะ นานๆทีเราจะได้ทานข้าวด้วยกัน นะฮะ”
พูดพลางตักอาหารหน้าตาน่าทานวางลงในจานให้พี่ชาย แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน ซูโฮหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามองดูหน้าจอก่อนจะรีบกดรับสายอย่างร้อนรน
“ครับแม่ ผมกำลังทานข้าวกับชานยอลฮะ ไม่ไกลครับ อยู่ใกล้ๆบริษัทนี้เอง ครับๆ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
“มีอะไรหรือฮะ”
คนอายุน้อยกว่าเอ่ยถามขึ้นทันทีที่พี่ชายวางสาย คิ้วสวยขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย อย่าบอกนะว่าต้องรับกลับไปทำงาน นี้เพิ่งพักได้ไม่ถึง30นาทีด้วยซ้ำ
“พี่ต้องกลับไปบริษัทน่ะ ชานยอลจะทานต่อก็ได้นะ เดี๋ยวพี่ไปแท็กซี่เอง”
“ไม่เอาครับ เดี๋ยวชานยอลไปส่ง จะได้เจอกับแม่ด้วย”
ไม่นานชายหนุ่มทั้งสองก็มาถึงห้องทำงานของมารดา บรรยากาศในห้องทำงานช่างตึงเครียดเสียจนชานยอลสัมผัสได้
“มาด้วยเหรอชานยอล วันนี้ไม่มีเรียนหรือไง”
คำทักทายของมารดาที่ไม่มีรอยยิ้มใจดีส่งมาพร้อมเหมือนทุกครั้งที่พบหน้า ทำให้คนถูกถามรู้สึกไม่สบายใจ
“ไม่มีชานยอลมีเรียนตอนเช้า แม่ทานข้าวหรือยังฮะ”
“ยังจ๊ะ แม่ยังไม่หิว พวกลูกทานกันมาแล้วใช่มั้ย”
“ฮะ ผมกับพี่ซูโฮทานมาแล้ว ชานยอลคิดถึงแม่จังเลย”
ชายหนุ่มสวมกอดร่างผอมของมารดา ซบหน้าลงกับไหล่บางนั้น ซอนยอลเผยยิ้มออกมาเมื่อเห็นท่าทางของลูกชายคนเล็ก
“อืม แม่ก็คิดถึงลูกจ๊ะ”
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”
“เข้ามา”
เสียงเคาะประตูกจากภายนอกทำให้ชานยอลต้องยอมปล่อยร่างของคนที่เขาคิดถึงจับใจออกจากอ้อมแขน
“ขอโทษนะคะท่านประธาน คนจากธนาคาร IMS ขอเข้าพบค่ะ”
“.........ขอบใจมากอินฮยอง เดี๋ยวบอกให้เขาเข้ามาเลย”
ซอนยอลถึงกับอึ้งเมื่อฟังสิ่งที่เลขาสาวพูดจบ หญิงสาวถอนหายใจอย่างหนักอก แต่ก็ต้องพยายามฝืนยิ้มส่งให้ลูกชายคนเล็กที่ไม่รู้เรื่องอะไร
“ชานยอลไปรอที่ห้องรับรองก่อนนะ แม่กับพี่ซูโฮมีธุระ ถ้าแม่ทำงานเสร็จแล้วเดี๋ยวเราค่อยกับบ้านด้วยกัน”
“จริงหรือฮะแม่ ! แม่จะกลับบ้านพร้อมชานยอลจริงๆนะฮะ”
“จ๊ะ”
ชานยอลโผล่เข้ากอดร่างของมารดาอีกครั้ง ใบหน้าแสดงออกถึงความดีใจอย่างที่สุด นานเท่าไหร่แล้วที่พวกเขาสามคนไม่ได้กลับบ้านพร้อมกัน ทุกทีมีแต่เขาที่ต้องกลับบ้านคนเดียว
ผู้เป็นแม่ได้แต่อมยิ้มกับท่าทางเหมือนเด็กของลูกชาย กระซิบบอกข้างใบหูย้ำเตือนว่าถึงเวลาแล้วที่แม่ต้องทำงาน ลูกชายคนเล็กถึงยอมปล่อยร่างของตนให้เป็นอิสระ ร่างสูงโปร่งเดินออกไปจากห้องทิ้งแม่กับพี่ใช้ไว้ในห้องเพียงสองคน
ไม่นานประตูที่เพิ่งปิดสนิทก็ถูกเปิดออก
“เชิญนั่งค่ะ คุณแฮซู”
คนของธนาคารกลับไปแล้ว เหลือเพียงหญิงสาวกับลูกชายคนโตอยู่ในห้อง ภายในห้องทำงานเงียบสนิท ไม่มีใครยอมปริปากพูดอะไรออกมา ต่างคนต่างตกอยู่ในความคิดของตัวเอง
“เราจะทำยังไงกันดีครับแม่”
เป็นลูกชายที่ทนไม่ไหวเอ่ยปากถามออกมาด้วยน้ำเสียงเครียดจัด สิ่งที่คนของธนาคารนำมาบอกเกี่ยวกับเงินที่ทางบริษัทไปกู้มา รวมถึงดอกเบี้ยก้อนโต ทำให้เข่าของซูโฮแทบทรุด เขาจะไปหาเงินมากมายแบบนั้นมากจากที่ไหนกัน
“..................”
ไม่มีคำตอบจากผู้เป็นมารดา ซอนยอลนั่งอยู่บนเก้าอี้ประจำตำแหน่ง ใบหน้าสวยงามซีดเผือก ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน หญิงสาวหลับตาลงใช้ความคิดก่อนจะตัดสินใจพูดอะไรบางอย่างออกมา ทางเลือกสุดท้ายที่หล่อนไม่คิดว่าจะต้องทำ
“เราคงต้องขายหุ้นที่เรามีอยู่บางส่วนออกไป”
“แม่ครับ นี้มันเป็นบริษัทของเรานะครับ ถ้าเราขายหุ้นออกปะ...”
“เราก็จะมีเงินมาใช้หนี้ธนาคารบางส่วน บริษัทก็ยังจะอยู่ต่อไปได้ แล้วเราก็ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เหมือนเดิม มันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วซูโฮ”
“แต่แม่ครับ ราคาหุ้นของบริษัทเราตกขนาดนี้ใครเขาจะมาซะ …………”
“แม่จะพยายามหาบริษัทที่ดีที่สุดให้เข้ามาซื้อหุ้นของเรา ลูกไปทำงานในส่วนของลูกเถอะ”
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”
“ขอโทษนะคะท่านประธาน คนจากบริษัท WU China International ขอเข้าพบค่ะ”
ซอนยอลหันไปสบตากับลูกชายคนโตทันทีเมื่อจบคำพูดของเลขาสาว WU China International?
ชื่อบริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนที่พวกเขาสองคนแม่ลูกต่างรู้จักดีทำให้พวกเขานึกแปลกใจ
“ให้เข้ามาได้เลย”
“ว่ายังไงนะ !”
อู๋ อี้ ฟาน หรือ คริส ชื่อที่คนในแวดวงธุระกิจรู้จักดี ตวาดเสียงใส่ปลายสายจากคนที่เขาเพิ่งส่งไปเจรจาธุระกิจที่เกาหลีเมื่อวานนี้ ข่าวที่คนของเขารายงานไม่ได้เป็นที่หน้าพอใจเลยสักนิด
ร่างสูงลุกขึ้นจากเตียงนอนสีขาวในห้องที่เป็นที่ทำงานส่วนตัวในผับย่านกว่างโจว บุหรี่ยี่ห้อโปรดถูกจุดขึ้น ริมฝีปากสีแดงสดสูดควันพิษเข้าสู่ร่างกาย ผ่อนลมหายใจออกมาบรรเทาความตึงเครียด
“หุ้นแค่บางส่วนงั้นเหรอ…….”
ชายหนุ่มพึมพำกับปลายสาย แต่เหมือนว่ามันเป็นการพูดกับตัวเองมากกว่า คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ดวงตาคมเครียดขึงจ้องมองไปนอกหน้าต่าง ก่อนจะหันมาสนใจมือขาวที่กำลังเปะป่ายตามร่างกายกำยำ คริสจ้องมองคนที่นอนอยู่ข้างๆด้วยใบหน้าเฉยชาไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
ดึงมือของคนที่กำลังเล่นซนกับร่างกายของเขาไว้ กรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์เป็นคำตอบให้ปลายสายที่รออยู่แล้ว กดตัดสายโทรศัพท์ทันทีเมื่อพูดจบ โยนเครื่องมือสื่อสารไว้บนโต๊ะข้างเตียงอย่างไม่สนใจใยดี หันกลับมาสนใจเด็กหนุ่มเจ้าของมือสีขาวนั้นแทน บทรักที่ถูกรบกวนกำลังจะสานต่อ
“ฉันไม่ต้องการบางส่วน แต่ฉันต้องการทั้งหมด ถ้าทำไม่ได้ไม่ต้องกลับมา”
คำตอบของเจ้านายที่ทำให้คนที่เป็นลูกน้องต้องรีบดำเนินการงานครั้งนี้ให้เสร็จโดยเร็วที่สุด
TBC.
TALLK. สงสารพี่ซูโฮ.....
ความคิดเห็น