คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : ตอนที่19
ตอนที่19
ชีวิตประจำวันของฉันได้ถูกเปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อพี่ยงฮวาและสามหนุ่มเริ่มฟอร์มวงดนตรีอีกครั้ง ช่วงนี้พี่สาวของฉันนัดกันไปพักผ่อนแถวๆทะเลภูเก็ตที่ประเทศไทย ฉันเองก็อยากจะไปด้วยเหมือนกันหากแต่ว่าอดที่จะห่วงคนทางนี้ไม่ได้น่ะสิ เกือบเดือนแล้วที่ฉันรับหน้าที่เป็นแม่ครัวคอยส่งข้าวเช้าข้าวเที่ยงข้าวเย็นให้กับทุกคน พักนี้พี่ยงฮวาดูจะเครียดกับการแต่งเพลงเป็นอย่างมาก ฉันไม่ได้พูดกับพี่ยงฮวาเกินประโยคสักเท่าไหร่ พักหลังๆมานี่ สี่หนุ่มนั้นซ้อมดนตรีเรียกได้ว่าไม่หยุดหายใจก็ไม่เลิกซ้อมเลยทีเดียว จนซูซี่ได้ย้ายมานอนกับฉันที่ห้องของฉันและปล่อยให้สี่คนนั้นใช้ห้องพักเป็นห้องซ้อมไปโดยปริยาย
“พี่ซอฮยอนไม่เหนื่อยหรอคะต้องตื่นแต่เช้ามาทำอาหารตั้งเยอะแยะขนาดนี้ แถมไม่ใช่มื้อเดียวด้วยนะ เช้าเที่ยงเย็นอีก แล้ววันไหนที่ฉันไม่อยู่พี่ก็คงได้ล้างจานคนเดียวอีกด้วยสินะ ใช่มั๊ยคะ” เบซูซี่เอ่ยถามฉันขึ้นขณะช่วยฉันจัดโต๊ะอาหาร
“ไม่รู้สิ พี่คงทำจนชินแล้วมั้ง อีกอย่างพี่ไม่ได้มองว่ามันเป็นหน้าที่หรอกนะซูซี่ พี่แค่อยากทำอาหารให้คนที่พี่รักได้ทานเท่านั้นเอง คิดดูสิถ้าพี่ไม่ทำแล้วพวกเขาจะเอาแรงที่ไหนไปซ้อมดนตรีอย่างบ้าคลั่งขนาดนั้นน่ะจริงมั๊ย” ฉันตอบออกไปจากใจจริงพร้อมแย้มรอยยิ้มหวานส่งไปให้สาวรุ่นน้องอย่างมั่นใจในคำตอบ เบซูซี่หยุดการเรียงจานในมือแล้วกอดอกมองมาที่ฉันอย่างสงสัย
“พี่ซอฮยอนไม่ได้พักเท่าไหร่เลยนะคะฉันรู้ บางทีพี่ควรจะไปพักร้อนกับพี่สาวของพี่บ้างนะคะ”
“ขอบใจที่เป็นห่วงนะซูซี่ แต่พี่ไม่เป็นไรจริงๆ อ๊ะ
” แต่จู่ๆฉันก็เกิดหน้ามืดขึ้นมา ถ้าซูซี่ไม่มาพยุงเอาไว้ได้ทันฉันคงล้มลงไปแล้วแน่ๆ
”เห็นมั๊ยคะฉันบอกพี่แล้ว ไปนั่งพักก่อนนะคะ” เบซูซี่พยุงร่างของหญิงสาวร่างบางที่ตอนนี้ดูจะซูบลงไปอย่างเห็นได้ชัดไปนั่งพักที่โซฟา
”จัดเสร็จแล้วไปตามพวกเค้าเลยนะซูซี่ แต่อย่าบอกนะว่าพี่ไม่สบาย”
”พี่คะ พี่ควรจะให้พวกนั้นหยุดพักบ้างเหมือนกันนะคะ” เบซูซี่พูดอย่างจริงใจก่อนจะเดินออกนอกห้องไปเรียกบุรุษอีกสี่คนที่อยู่ห้องไม่ไกลกันนักให้มาทานอาหารเช้า
”อาหารเช้าพร้อมแล้วค่าาาา~” เบซูซี่เดินเข้าไปบอกทั้งสี่คนเสียงใสก่อนสี่หนุ่มจะทยอยเดินออกมาช้าๆ
”วันนี้มาเรียกช้านะยัยเบ” จองชินเดินออกมาคนแรกก่อนจะโยกหัวสาวรุ่นน้องแล้วเดินออกไปนอกห้องพร้อมพี่จงฮยอนที่เดินตามมาติดๆ
”หลับสบายมั๊ยคะพี่จงฮยอน”
”ก็ไม่ได้ไม่สบายตรงไหนนี่นา แล้วเราล่ะไปนู่นอ่านหนังสือบ้างมั๊ย” จงฮยอนเอื้อมมือมาวางไว้บนหัวของเบซูซี่อย่างเอ็นดูก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปคาดคั้นเอาคำตอบ
“ก็อ่านบ้างไม่อ่านบ้าง ส่วนมากที่คณะสอบภาคปฏิบัติมากกว่าน่ะค่ะ อ้อ!ละครเวทีประจำภาคเรียนฉันได้เป็นนางเอกด้วยนะคะ พี่จงฮยอนต้องไปดูนะ” หญิงสาวดึงมือคนตรงหน้าเข้ามากอบกุมไว้ก่อนจะทำหน้าตาออดอ้อนที่ไม่ว่าใครก็ต้องยอมแพ้
รวมไปถึงคังมินฮยอกด้วย
”พี่จงฮยอนเค้าต้องช่วยพี่ยงฮวาทำเพลง เธออย่าเอาเรื่องพวกนั้นมารบกวนพี่เขาเลย” จู่ๆเสียงหวานของคนตาตีบก็ดังขึ้น มินฮยอกมองมาที่มือของร่างบางที่กุมมือพี่ชายของตนเอาไว้อย่างเสียไม่ได้ก่อนจะเลือกหันมองไปทางอื่นแทน
”นายมายุ่งอะไรด้วยไอ้ตีบ ฉันชวนพี่จงฮยอนต่างหาก”
”พี่ฮะไปกินข้าวเหอะ” มินฮยอกส่ายหน้าล้อเลียนซูซี่ก่อนจะเดินผ่ากลางระหว่างคนสองคนไปแล้วร่างสูงก็ล็อคคอพี่ชายเดินออกไปจากห้องทันที เบซูซี่ได้แต่แลบลิ้นตามหลังอย่างไม่พอใจ
”พี่ยงฮวาไปทานข้าวเถอะค่ะ” หญิงสาวเดินไปเคาะประตูสองสามครั้งก่อนคนในห้องจะเปิดออกมาจากห้องพี่จงฮยอนแทน
ก็ตอนนี้ห้องพี่ยงฮวาเป็นของเธอแล้วนี่นา แล้วเธอจะไปเคาะประตูที่ห้องของพี่เขาทำไมนะ = =
”ขอบใจมากนะซูซี่ แต่พี่ว่าจะไปทำธุระให้เสร็จก่อนน่ะ” พี่ยงฮวาพูดแค่นั้นก่อนจะวิ่งออกไปนอกห้องพร้อมกับซองเอกสารสีน้ำตาลซองหนึ่ง
”พี่ซอฮยอนคะ เป็นไงบ้างน่ะ” ฉันที่กำลังเติมข้าวให้จองชินชินกูหันมามองต้นเสียง แต่เมื่อเห็นซูซี่มาคนเดียวหัวใจของฉันก็วูบลงทันที
”พี่ยงฮวาล่ะซูซี่” ฉันถามหาอีกคนที่ไม่ได้อยู่ในห้องอย่างเป็นห่วง
”พี่เขาออกไปทำอะไรก็ไม่รู้ค่ะ เห็นว่าจะไปทำธุระถือซองสีน้ำตาลออกไปด้วยซองนึง เหมือนซองเอกสารเลยค่ะ”
”งั้นเหรอ
แต่อย่างน้อยพี่ยงฮวาก็ควรจะมากินข้าวบ้างนะ” ฉันพูดกับตัวเองอย่างน้อยใจก่อนจะเหลือบมองไปที่ชุดถ้วยข้าวที่ว่างเปล่าไม่มีคนแตะต้อง
”จูฮยอน~ พี่ยงฮวาคงไม่ไปไหนนานหรอกน่า มานั่งกินข้าวเถอะ” จองชินชินกูพูดขึ้นเรียกสติให้ฉันหันไปมองเขาอย่างงงๆ
”พี่สะใภ้ครับ มากินข้าวเป็นเพื่อนผมหน่อยเถอะ หมู่นี้เธอผอมลงมากเลยนะเนี่ย” เป็นมินฮยอกนั่นเองที่เดินเข้ามาจูงมือฉันไปนั่งที่โต๊ะอาหารก่อนจะตักอาหารมากมายมาให้ฉัน
”ฉันอยากจะรอพี่ยงฮวาก่อน
” ฉันบอกความจริงออกไป ทุกคนมองหน้ากันไปมาก่อนจะไม่มีใครพูดอะไร
“ไม่ได้ค่ะ พี่ซอฮยอนต้องกินข้าวเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่กินนะฉันจะบอก
!!” เมื่อซูซี่ทำท่าจะพูดเรื่องที่ฉันหน้ามืดเมื่อเช้าออกมาฉันก็เลยรีบหบิบตะเกียบขึ้นมาคีบข้าวใส่ปากทันที
“พี่กินแล้วนี่ไง แหะๆ”
“ดีมากที่สุดเลยค่ะ!” เบซูซี่ยิ้มกว้างให้ฉันก่อนจะคีบเนื้อปลาทอดมาวางบนถ้วยให้
“อ้อ! เที่ยงนี้พวกพี่หากินกันเองนะ วันนี้ฉันกับพี่ซอฮยอนจะไปเที่ยวกัน”
”ไหงงั้นอ่ะซูซี่!”
”ไม่ต้องถามหรอกน่าพี่จองชิน ให้พี่ซอฮยอนได้ออกไปเที่ยวบ้างเถอะ นี่พี่เขาอยู่แต่ก้นครัวเกือบเดือนแล้วนะ ทำไมไม่เป็นห่วงกันบ้าง!!!”
”
.” เหมือนสิ่งที่ซูซี่พูดออกไปจะทำให้สามหนุ่มตรงหน้าแทบจะไม่กล้าขยับตัวกันเลยทีเดียวเพราะมันเรียกได้ว่าเป็นความจริงเลยหล่ะ ยิ่งหลังๆมานี่ยงฮวาเอาแต่ซ้อมดนตรีจนเวลานอนก็ต้องนอนห้องนู้น ไม่มีเวลามาดูแลซอฮยอนบ้างเลย สามหนุ่มเองก็สังเกตได้ถึงร่างกายที่ผ่ายผอมของหญิงสาวแต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรเพราะพี่ยงฮวาที่เป็นพี่ใหญ่นั้นต้องการที่จะทำเพลงออกมาให้ดีที่สุดเพื่อชดเชยเวลาที่เขาสูญเสียไป
”ไม่เอาน่าซูซี่ พี่ไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย” ฉันยิ้มหวานให้ทุกคนอีกครั้งก่อนจะก้มหน้าก้มตากินข้าวในส่วนของตัวเองเงียบๆ สายตาก็คอยมองออกไปที่ประตูเฝ้าภาวนาให้คนที่กำลังคิดถึงเดินเข้ามาแล้วมอบอ้อมกอดที่อบอุ่นให้เธอสักนิด แต่จนแล้วจนเล่าพี่ยงฮวาก็ยังไม่กลับมาสักที
”พี่จงฮยอนคะพี่พอจะรู้มั๊ยว่าพี่ยงฮวาไปที่ไหนน่ะ”
”พี่ไม่อยากจะพูดแบบนี้เลยอ่ะ แต่พอเธอพูดขึ้นมาเมื่อกี้พี่เลยคิดออก” ตอนนี้ทุกคนต่างก็กำลังเพ่งความสนใจไปที่อีจงฮยอนอย่างตั้งใจฟัง
”พี่ยงฮวาหายไปไหนฮะ?”
“ฉันคิดว่า
พี่ยงฮวาทำเพลงเสร็จแล้วและกำลังเอาไปเสนอบริษัทอยู่แน่เลย” พี่จงฮยอนพูดออกมาเสียงอ่อยๆ
”หมายความว่าไงน่ะคะ ไม่เห็นเข้าใจเลย”
”คืองี้นะจูฮยอน ช่วงนี้พวกฉันซ้อมกันแทบเป็นแทบตายมากๆใช่มั๊ย หลังเลิกซ้อมพี่ยงฮวาน่ะเขาจะนั่งทำเพลงต่ออีกนิดหน่อยกว่าจะนอนก็เช้า ไม่งั้นก็อาจจะไม่ได้นอน พี่เขาพูดแค่ว่าอยากทำให้เสร็จก่อน ตอนแรกพวกเราก็ไม่คิดอะไรหรอก จนเมื่อกี้ที่พี่จงฮยอนพูดนั่นแหละฉันเลยเอะใจขึ้นมาว่าพี่ยงฮวาคงนั่งทำเดโมเทปจนเสร็จแล้วแน่เลย” จองชินขยายเหตุผลยืดยาวให้ฉันฟัง แต่มันกลับไม่ทำให้ฉันสบายใจมากขึ้นเลยสักนิด นี่พวกเขาสะกดคำว่าดูแลตัวเองเป็นกันมั๊ยนะ
”เราได้รับเมลล์ตอบกลับมาก่อนหน้านี้สักพักแล้วน่ะ ทางบริษัทบอกมาว่าวงเราน่าสนใจอยากให้เราเอาเพลงเต็มๆไปให้ดูอีกที แต่ฉันไม่คิดว่าพี่เขาจะทำเองคนเดียวแบบนี้
” มินฮยอกเองก็ยังคงมีความสงสัยในตัวพี่ชายของตนอย่างอดไม่ได้
”นายน้อยใจพี่ยงฮวาล่ะสิที่ไม่ยอมแบ่งงานมาให้นายทำน่ะไอ้ตีบ”
”เปล่าซะหน่อย ฉันหมายความว่าพี่เขาน่าจะให้เราช่วยอะไรบ้างเท่านั้นเอง ฉันแค่ไม่อยากให้พี่ชายฉันต้องป่วยก็เท่านั้น เธอนี่มันมองโลกในแง่ร้ายตลอดเลยนะเบซูซี่”
”ฉันมองโลกในแง่ดีเสมอ แต่ที่ฉันมองในแง่ร้ายน่ะมองนายต่างหาก” ฉันฟังซูซี่เถียงกับมินฮยอกอย่างเลื่อนลอย ประโยคสนทนาพวกนั้นไม่ได้เข้ามาอยู่ในหัวฉันเลยสักนิด ฉันแค่กำลังคิดว่าถ้าพี่ยงฮวาไม่ได้พักหลายคืนขนาดนั้น ข้าวเช้าวันนี้ก็ยังไม่ได้ทานสักคำ เขาจะเอาแรงที่ไหนไปพรีเซ้นต์งานกันล่ะ
ซอฮยอนตัดสินใจลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารก่อนจะเดินไปหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออกถึงบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในห้อง แต่ทว่าเพียงแค่เธอลุกขึ้นยืนเท่านั้นร่างบางก็ร่วงลงไปฟุบกับเก้าอี้ตามแรงโน้มถ่วงของโลก ทำเอามินฮยอกที่นั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเกือบเข้ามาคว้าเอวบางเอาไว้ไม่ทัน
”พี่สะใภ้! พี่สะใภ้จูฮยอน!!” เสียงสุดท้ายที่เธอได้ยินคือเสียงนุ่มทุ้มของคังมินฮยอก และหลังจากนั้นซอจูฮยอนก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย
โรงพยาบาลโซล
”
” ฉันค่อยๆลืมตาตื่นมาช้าๆก่อนจะพบว่าฉันไม่ได้อยู่ที่บ้านแล้ว
”พี่ซอฮยอนน!!” เสียงเล็กเรียกฉันให้หันไปมองก่อนจะพบว่าซูซี่ที่นั่งอยู่โซฟานั่นเองเรียกฉัน
”พี่เป็นไงบ้างคะ รู้สึกดีขึ้นบ้างมั๊ย” เด็กสาวเข้ามากุมมือฉันเอาไว้ มันเลยทำให้ฉันรู้ว่าตอนนี้แขนข้างซ้ายของฉันกำลังถูกเข็มของสายน้ำเกลือปักเอาไว้
”พี่มาอยู่ที่นี่ได้ไงน่ะซูซี่ พี่เป็นอะไรหรอ”
”ก็พี่ซอฮยอนเป็นลมน่ะสิคะ ฉันบอกแล้วใช่มั๊ยว่าให้พักบ้าง แล้วคราวนี้แค่ลุกขึ้นจะเดินก็ไม่ไหวอยู่แล้ว” ฉันถูกสาวรุ่นน้องดุให้เบาๆ แต่ฉันเข้าใจว่าซูซี่เองก็คงจะเป็นห่วงฉันไม่อย่างนั้นคงไม่นั่งดูแลอยู่อย่างนี้หรอก
“แล้วคนอื่นๆไปไหนกันล่ะ”
“ไปตามคนที่ควรจะอยู่ข้างพี่ซอฮยอนกลับมาน่ะสิคะ” เมื่อซูซี่พูดจบประตูห้องพักของโรงพยาบาลก็ถูกเปิดออกอย่างแรงพร้อมกับร่างสูงที่คุ้นตาวิ่งกระหืดกระหอบมาหาฉันที่เตียง
“ฮยอนน~ พี่ขอโทษ ขอโทษจริงๆที่ไม่ได้มาดูแลเธอ ขอโทษที่ทำให้เธอต้องเหนื่อยไปด้วย พี่ขอโทษนะซอฮยอน” พี่ยงฮวาวิ่งเข้ามากุมมือของฉันเอาไว้ก่อนจะพร่ำพูดขอโทษแก่ฉัน นัยน์ตาสีดำของเขาที่เคยสดใสและมีแววขี้เล่นอยู่ในนั้นในตอนนี้ฉันกลับมองไม่เห็นความสดใสอยู่ข้างในเลย พี่เขาเองก็คงจะเครียดอยู่ไม่น้อยสินะ
“ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ ฉันแค่นอนน้อยไปหน่อยเท่านั้นเอง” ฉันเอื้อมมืออีกข้างขึ้นไปลูบเบาๆที่ข้างแก้มของร่างสูงตรงหน้า พี่ยงฮวาโน้มตัวมาจุมพิตเบาๆที่หน้าผากของฉันก่อนจะเริ่มพรมจูบไปทั่วทั้งใบหน้า
”เด็กน้อยของพี่ เธอผอมเกินไปแล้ว” เมื่อร่างสูงถอนจุมพิตข้างแก้มใสออก ฝ่ามือหนาก็เลื่อนไปลูบเบาๆที่แก้มของคนป่วยที่แต่ก่อนเคยอวบอิ่มมากกว่านี้
”พี่ขอโทษ
” เขาเอ่ยขอโทษฉันอีกครั้งก่อนจะดึงมือของฉันไปแนบกับใบหน้าของเขา
”ฉันไม่เป็นไรจริงๆค่ะพี่ยงฮวา อย่าห่วงเลยพักอีกสักคืนก็กลับบ้านได้แล้วแหละ” ฉันส่งยิ้มหวานให้แก่คนตรงหน้า แค่พี่ยงฮวาอยู่ข้างๆฉันในตอนนี้ฉันก็รู้สึกได้แล้วว่าร่างกายของฉันกำลังกลับมามีเรี่ยวแรงขึ้นอีกครั้ง
”ตอบแทนกับที่เธอต้องป่วยครั้งนี้พี่มีบางอย่างมาให้เธอด้วย”
”อะไรคะ?” ฉันเลิกคิ้วมองคนตรงหน้าอย่างสงสัย พี่ยงฮวาเอี้ยวตัวไปหยิบซองสีน้ำตาลซองหนึ่งขึ้นมาก่อนร่างสูงจะเผยรอยยิ้มที่เคยสดใสของเขามาให้ฉันช้าๆ
”ให้ฉันเปิดดูเลยหรอ” ฉันรับซองมาอย่างงงๆก่อนจะสบตาเข้ากับคนร่างสูง พี่ยงฮวาพยักหน้าช้าๆก่อนจะนั่งเท้าคางมองมาที่ฉันอย่างตั้งใจ ฉันค่อยๆเปิดซองออกช้าๆก่อนจะหยิบเอกสารสองสามใบที่อยู่ข้างในออกมาอ่าน
”เอกสารในการเซ็นสัญญา...หมายความว่า พี่กำลังจะได้เดบิวท์หรอคะ” ฉันเบิกตากว้างอย่างตื่นเต้นไปยังร่างสูงที่ตอนนี้เขากอดอกอย่างภูมิใจ
“กำลังใจจากอาหารของเธอทำให้พี่มีวันนี้ แต่เพราะพี่มีวันนี้มันเลยทำให้เธอต้องป่วย ขอโทษจริงๆนะฮยอน
” พี่ยงฮซาจูบลงไปบนหลังมือของฉันช้าๆก่อนจะเอื้อมมือมาลูบหัวฉันอย่างอ่อนโยน
”ดีใจด้วยจริงๆนะคะพี่ยงฮวา ความฝันของพี่เป็นจริงแล้วจริงๆสินะ” ฉันมองหน้าจองคนตรงหน้าอย่างภูมิใจ ใบหน้าคมคายคลี่ยิ้มออกมาช้าๆก่อนจะพยักหน้าให้ฉันน้อยๆ
”แต่ข่าวร้ายกว่านั้นก็มีนะฮยอน
”
”อะไรหรอคะ?”
”มันมีกฎอีกอย่างของบริษัทที่พี่ต้องทำน่ะ เอาไว้เธอหายดีกว่านี้พี่จะบอกนะ”
”หรือว่าเรื่องที่เราแต่งงานกัน ทางบริษัทไม่อนุญาตหรอคะพี่ยงฮวา” ฉันถามกลับไปอย่างตกใจ นี่ถ้าฉันต้องหย่ากับพี่ยงฮวาขึ้นมาจริงๆฉันจะทำยังไงดี ฉันจะอยู่ยังไงโดยไม่มีคนตรงหน้า
”ไม่ใช่เรื่องนั้นแน่นอน ถ้าบริษัทไม่ยอมรับเรื่องของเราพี่ก็จะไม่เซ็นสัญญาหรอกนะรู้รึเปล่า”
”ฉันไม่อยากเป็นตัวถ่วงของพี่เลยค่ะยงฮวา”
”ใครว่ากันล่ะ เธอน่ะเป็นแรงผลักดันต่างหากรู้มั๊ย” มือหนาเกลี่ยผมที่ปรกหน้าของฉันไปมาห่อนจะแย้มรอยยิ้มอบอุ่นส่งมาให้แก่ฉันอีกครั้ง
”บอกมาเถอะค่ะถ้าอย่างนั้นน่ะ” ฉันรบเร้าคนร่างสูงอีกครั้งอย่างตื่นเต้น
”พี่ต้องไปฝึกงานก่อน แบบว่าเธอก็รู้ใช่มั๊ยที่บริษัทต้องเทรนด์เด็กในสังกัดก่อนเดบิวท์น่ะ” ฉันพยักหน้าให้คนตรงหน้าช้าๆ พี่ยงฮวาเริ่มมีสีหน้ากล้ำกลืนก่อนจะพูดต่อ
”พี่ต้องไปที่ญี่ปุ่น นานแค่ไหนไม่รู้ แต่พี่จะไม่มีโทรศัพท์ เงินตั้งตัวก็มีแค่นิดเดียว พูดง่ายๆคือเหมือนพี่ต้องไปเรียนรู้แนวดนตรีที่นู่นและฝึกการใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นสักระยะ โดยไม่มีความสะดวกสบายใดๆอำนวย นอกจากพอไปอยู่ที่นู่นพี่จะหาความสะดวกสบายพวกนั้นด้วยตัวเองได้จากการทำงาน”
”
” นี่เราจะต้องแยกจากกันอย่างมีมีกำหนดงั้นหรอ?
“ซอฮยอน
พี่รู้ว่ามันยาก แต่พี่ขอโทษ ข้อเสนอที่เขายอมรับเรื่องการแต่งงานของเรา แลกกันการเดบิวท์มันมากพอให้พี่กล้าตัดสินใจ แต่เรื่องที่ต้องไปเทรนด์พี่ผิดเองที่ไม่ปรึกษาเธอก่อน ขอโทษนะฮยอน
”
“
”
“
” ระหว่างเราเหลือเพียงความเงียบเท่านั้น ฉันรู้สึกว่าจู่ๆในหัวมันก็ว่างเปล่าไปหมด แค่คิดว่าตื่นมาจะไม่ได้เจอหน้าของเขาในตอนเช้า จะไม่ได้ยินเสียงทุ้มๆพูดหยอกล้อ ไม่มีฝ่ามืออุ่นๆมากอบกุมเวลาที่หนาวเหน็บ ไม่มีริมฝีปากนุ่มๆที่จุมพิตที่หน้าผากก่อนนอน
ไม่มีจองยงฮวา
ร่างบางหลับตาอย่างใช้ความคิด น้ำตาใสๆรื้นขึ้นมาพร้อมที่จะไหลออกมาจากดวงตากลมคู่สย หากแต่ซอฮยอนใช่ว่าจะเป็นคนไม่มีเหตุผล เธอเลือกที่จะมองข้ามประเด็นนี้ไปและมองอีกด้านของเรื่องนี้ พี่ยงฮวาทำเพื่อเธอมามากแล้ว ถึงเวลาแล้วซอจูฮยอน...ถึงเวลาที่เธอจะต้องทำเพื่อผู้ชายที่เธอรักสักที
“พี่คะ
” ฉันเอ่ยเรียกคนที่ฟุบหน้าลงไปกับข้างเตียงเบาๆ พี่ยงฮวาเงยหน้าขึ้นมามองฉันอย่างรู้สึกผิด
”ฉัน
จะรอพี่นะคะ” ฉันบอกอย่างหนักแน่นก่อนจะเอื้อมมือไปบีบมือของเขาเป็นการให้คำสัญญา
”ฉันเชื่อค่ะว่าพี่ต้องทำได้เหมือนกัน เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกันนะคะ
ยงงง~”
”ซอจูฮยอน
”
”
”
”พี่ไม่รู้จะบอกเธอว่าพี่รักเธอมากกว่านี้ได้ยังไงแล้ว พี่รักเธอนะ” คนร่างสูงบีบมือตอบหญิงสาวตรงหน้าก่อนวินาทีถัดไปยงฮวาแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองในสิ่งที่ซอฮยอนพูดกับเขา
”ฉันก็รักพี่นะคะเด็กประถมยงของฉัน สามีสุดหล่อ พี่ชายที่แสนดี ที่พักพิงที่อบอุ่น พี่น่ะเป็นทุกอย่างสำหรับฉันแล้วนะรู้ตัวมั๊ยคะ” หญิงสาวเอื้อนเอ่ยคำรักหวานฉ่ำส่งผ่านจากหัวใจดวงเล็กๆที่กำลังเต้นอย่างบ้าคลั่งอยู่ในอกก่อนเรียวแขนเล็กจะเอื้อมไปพยุงใบหน้าของคนร่างสูงให้เข้ามาใกล้กว่าเดิม
”
” ไม่นานริมฝีปากนุ่มของซอฮยอนก็ประกบทับลงไปบนเรียวปากได้รูปของยงฮวา ร่างสูงตกใจเล็กน้อยที่ได้รับจูบหอมหวานจากคนตรงหน้า ฝ่ามือหนาเอื้อมไปรั้งเอวบางให้กระชั้นชิดเข้ามาใกล้ก่อนจะจุมพิตตอบกลับไปอย่างมีความสุข
“ขอบคุณนะฮยอน
” ยงฮวาเอ่ยขอบคุณหญิงสาวตรงหน้าอีกครั้งเมื่อถอนจูบแสนหวานนั้นออกมา ซอฮยอนพยักหน้าช้าๆก่อนจะเอนตัวลงนอนพัก
”นอนพักเถอะ พี่จะไม่ไปไหนอีกแล้ว จะนั่งกุมมือเธออยู่อย่างนี้นี่แหละ เธอตื่นมาจองยงฮวาก็จะยังอยู่แน่นอน” ยงฮวาโน้มใบหน้ามาจุมพิตที่หน้าผากของหญิงสาวผู้เป็นดั่งดวงใจของเขาเบาๆ ร่างบางที่รับสัมผัสอบอุ่นนั้นก็หลับตาลงโดยดี ฝ่ามือหนาเกลี่ยผมไปมาอย่างรักใครก่อนจะลูบคลึงมือบางอย่างเป็นห่วง
ซอจูฮยอนของเขาผอมลงมากจริงๆ นานแค่ไหนกันที่เขาไม่ได้ดึงร่างบางเข้ามากอดให้เต็มรัก เขายิ่งมองคนตรงหน้าหลับไปอย่างรวดเร็วก็ยิ่งรู้สึกผิด ซอฮยอนผ่ายผอมลงเพราะเอาเวลามาดูแลเขาและน้องๆ เขาเองก็ทุ่มเวลาทั้งหมดไปให้กับงานดนตรีจนลืมใส่ใจคนๆนี้ไป แต่หลังจากนี้จองยงฮวาจะไม่ทำให้ซอจูฮยอนต้องเสียใจอีกแล้วอย่างแน่นอน
”พี่จะดูแลเธอให้ดีกว่านี้ พี่สัญญา
” ร่างสูงเอ่ยย้ำความตั้งใจกับคนที่กำลังหลับด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจ สายตาแห่งความห่วงใยจากดวงตาเรียวของยงฮวาส่งผ่านไปให้ซอฮยอนอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ร่างสูงแทบจะไม่ละสายไปออกไปจากใบหน้าหวานๆตรงหน้าเลยแม้สักวินาทีเดียว
เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนกันที่จะได้มานั่งมองหน้าคนตรงหน้าอีกครั้ง เขาไม่รู้เลยจริงๆว่าอีกนานสักเท่าไหร่ถึงจะได้กลับมาหาคนตรงหน้า
ยงฮวาไม่อาจรู้ได้เลยจริงๆ
สามอาทิตย์ผ่านไป
สนามบินอินชอน
วันนี้ฉันกับซูซี่และคุณพ่อคุณแม่ของพี่ยงฮวามาส่งส่งสี่หนุ่มขึ้นเครื่องกันแต่เช้า วันนี้แล้วที่เขาทั้งสี่คนจะได้ออกไปตามหาความฝันที่หายไปอย่างจริงจัง หลังจากที่ฉันได้รับน้ำเกลือและนอนพักที่โรงพยาบาลถึงสามวันเต็มๆ พอกลับมาที่ห้องพี่ยงฮวาก็ขลุกตัวอยู่กับฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น เรานอนเล่นกันอยู่ในห้องอย่างไม่รู้วันเวลา พี่ยงฮวาบอกว่าอีกไม่นานที่เขาจะต้องไปญี่ปุ่นแล้วเขาจึงอยากจะใช้เวลาอยู่กับฉันให้คุ้มค่าที่สุด เราไปปิกนิกกันที่สวนสาธารณะ เดินดูพระอาทิตย์ตกดินด้วยกัน ไปดูหนัง ไปช็อปปิ้ง บางทีตอนเย็นก็เช่าหนังกลับมานอนดูที่บ้าน พี่ยงฮวามักจะอ้อนขอนอนหนุนตักฉัน ฉันเองก็ไม่ปฏิเสธ เพราะช่วงเวลาที่มีเขาอยู่ใกล้ๆมันเป็นอะไรที่แสนจะมีความสุขมากจริงๆ
”ฮยอน
พี่จะไปแล้วนะ เธอต้องดูแลตัวเองดีๆนะ” พี่ยงฮวาบอกลาคุณพ่อคุณแม่ก่อนจะเดินมาหาฉันเป็นคนสุดท้าย
”ฉันจะดูแลตัวเองอย่างดีเลยล่ะค่ะ” ฉันยิ้มกว้างอย่างร่าเริงส่งไปให้คนตรงหน้า พี่ยงฮวาไม่พูดอะไรหากแต่เขากลับยืนจ้องเข้ามาในดวงตาของฉันแทน เรายืนจ้องตากันอยู่อย่างนั้นท่ามกลางความเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรอีก ที่เราทำก็มีเพียงแค่กอบกุมมือของคนตรงหน้าเอาไว้ให้แน่นที่สุดและพยักหน้าให้กันช้าๆก่อนจะจบลงที่รอยยิ้มแสนอบอุ่นเป็นคำสัญญาให้กับอีกฝ่ายว่าเราจะดูแลตัวเองให้ดี
”พี่สะใภ้ฮะ~ ผมจะดูแลพี่ยงฮวาให้เองไม่ต้องเป็นห่วงนะ” มินฮยอกเดินมาหาฉันก่อนจะชูสองนิ้วให้ฉัน ฉันพยักหน้าช้าๆก่อนจะยิ้มให้มินฮยอก คนตาตีบมองหน้าพี่ยงฮวาที่ยืนกุมมือฉันอยู่ช้าๆ พี่ยงฮวายิ้มกลับไปให้เขาก่อนจะปล่อยมือฉันออก และมินฮยอกก็เข้ามาสวมกอดฉันเสียแน่น
”ซอฮยอนนน ฉันจะคิดถึงเธอนะ” เสียงหวานของมินฮยอกพูดอู้อี้ผ่านกลุ่มเรือนผมของฉัน ฉันไม่รู้จะพูดอะไรกับเพื่อนคนนี้ดีจึงทำได้เพียงแค่กอดตอบเขาอย่างอบอุ่นและพยักหน้าขึ้นลงช้าๆเป็นการตอบรับ
”ต้องไปขึ้นเครื่องแล้วครับ” เสียงดุๆดังขึ้นทำให้ฉันผละออกจากมินฮยอก ผู้ชายสองสามคนเดินมาบอกพี่ยงฮวาให้ไปขึ้นเครื่องได้แล้ว ฉันเดาว่าคงจะเป็นทีมงานสินะ ฉันมองหน้ามินฮยอกช้าๆก่อนจะไล่มองไปที่จองชินชินกูกับพี่จงฮยอนที่ยืนอยู่ถัดไป จองชินยักคิ้วให้ฉันทีนึงก่อนจะส่งยิ้มกวนๆมาให้ พี่จงฮยอนเองก็โค้งให้ฉันน้อยๆก่อนจะยิ้มหวานส่งมา ฉันเห็นอย่างนั้นก็เลยโค้งกลับและส่งยิ้มหวานไปให้เขา พี่จงฮยอนยกมือเกาท้ายทอยน้อยๆก่อนจะลากกระเป๋าเดินตามทีมงานไป
”
” พี่ยงฮวาหันหน้ามามองฉันเป็นครั้งสุดท้าย
”ไม่ต้องพูดอะไรหรอกค่ะพี่ ฉันเข้าใจหมดแล้ว” ฉันพูดเบาๆกับคนร่างสูงข้างกายก่อนจะเดินเข้าไปสวมกอดเขาช้าๆ
”พี่รักเธอนะ” ลำแขนแกร่งเอื้อมมากอดตอบฉันอีกครั้งก่อนจะคลายออกในเวลาต่อมา
”ฉันก็รักพี่เหมือนกันค่ะ” ฉันบอกย้ำคำรักอีกครั้งให้เขามั่นใจ เราสบตากันครู่หนึ่งแล้วพี่ยงฮวาก็เดินตามกลุ่มทีมงานไป ร่างสูงหันกลับมามองที่ฉันเป็นระยะๆ ฉันจึงโบกมือให้เขา พี่ยงฮวาพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าที่พักผู้โดยสารไป
”เฮ้ออออ” ฉันถอนหายใจยาวๆออกมาก่อนคุณแม่ของพี่ยงฮวาจะเดินเข้ามาจับมือฉันไว้
“เหนื่อยมากมั๊ยจูฮยอน”
“ไม่เหนื่อยเลยค่ะคุณแม่” ฉันตอบกลับผู้เป็นมารดาของสามีอย่างจริงใจ คุณแม่ส่งยิ้มหวานมาให้ฉันก่อนเราจะกลับออกมาจากสนามบิน
ห้องของยงซอ
“งั้นช่วงนี้ฉันขอย้ายมาอยู่กับพี่เป็นการชั่วคราวละกันนะคะ” เสียงหวานเอื้อนเอ่ยกับฉันก่อนจะลากกระเป๋าเดินทางมาที่ห้องของฉัน
“ได้อยู่แล้วน่า” ฉันตอบซูซี่ออกไปก่อนจะช่วยสาวรุ่นน้องจัดข้าวของ
หลังจากที่พี่ยงฮวาและบรรดาน้องชายสามแสบของเขาไปที่ญี่ปุ่น เบซูซี่ก็ย้ายมาอยู่กับฉัน ซูซี่ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่น หญิงสาวจะพาฉันไปเข้าสปา ไปทำผม ไปซื้อเสื้อผ้าคอลเล็กชั่นใหม่ๆ และว่างๆเราก็เข้าครัวทำอาหารไปปิกนิกกัน บางครั้งฉันก็ชวนพี่สาวให้มาปาร์ตี้ที่ห้อง หรือบางครั้งฉันกับซูซี่ก็จะไปเล่นที่หอของโซนยอชิแดเหมือนกัน
ตอนนี้เรียกได้ว่าฉันได้อยู่กับตัวเองมากกว่าเก่า ฉันใช้เวลาอ่านหนังสือไปได้หลายเล่มเลยทีเดียว วันหนึ่งในขณะที่ฉันจัดห้องอยู่นั้น ฉันก็เห็นหนังสือที่พี่ยงฮวาเลือกให้อยู่ในชั้น ฉันหยิบมันออกมาอ่านอีกครั้ง แต่ยิ่งอ่านความคิดถึงที่ถูกเก็บไว้ก็ดูเหมือนจะทวีคูณเพิ่มขึ้นทุกครั้ง โดยปกติถ้าอ่านไม่จบเล่นฉันจะค้างคามากถึงมากที่สุด แต่ในกรณีของหนังสือเล่มนี้ฉันตัดสินใจพักมันเอาไว้อย่างนั้น เพราะถ้าฉันอ่านมากไปกว่านี้ล่ะก็ฉันจะต้องคิดถึงพี่ยงฮวามากกว่านี้แน่ๆ
วันคืนเลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว นี่ก็เกือบจะสี่เดือนแล้วที่ไม่มีข่าวคราวติดต่อมาจากทางนั้น ไอ้ครั้นเราอยากเป็นฝ่ายติดต่อไปก่อนซอฮยอนก็ไม่รู้ว่าจะติดต่อไปได้ที่ไหน ที่หญิงสาวทำได้ก็คงมีแต่นั่งกาปฏิทินทิ้งไปทีละวันๆเท่านั้นเอง
”พี่ซอฮยอน~ มากินข้าวกันเถอะ” เสียงหวานของซูซี่เรียกให้ฉันลุกออกจากโซฟาไปนั่งที่โต๊ะอาหาร วันนี้ซูซี่อาสาเข้าครัวให้เองเพราะอยากโชว์ฝีมือ
”ฉันได้สูตรทำซุปปูมาจากคุณแม่ของเพื่อนน่ะค่ะ พี่ลองชิมดูนะคะครั้งแรกของฉันน่ะ” สาวรุ่นน้องเอ่ยบอกอย่างร่าเริง ก่อนจะตักข้าวมาให้ฉัน
”ขอบใจจ้า” ฉันคีบข้าวร้อนๆเข้าปากก่อนจะตักซุปปูร้อนๆตรงหน้าขึ้นมาชิม
”เป็นไงคะ เป็นยังไงบ้าง” เบซูซี่ทำตาวาวอยู่ตรงหน้าอย่างตื่นเต้น ฉันทำหน้าเครียดอยู่สักพักก่อนจะยิ้มกว้างออกมา เด็กสาวเห็นอย่างนั้นก็แย้มรอยยิ้มออกมาบ้าง
”อร่อยมากเลย นี่ถ้าไม่บอกว่าครั้งแรกพี่ไม่เชื่อนะเนี่ย”
”ขอบคุณค่ะพี่ซอฮยอน” แล้วเราสองคนก็นั่งกินมื้อเย็นกันเรื่อยๆ หลายเดือนมานี่ฉันกับซูซี่สนิทกันมากกว่าเก่าอีกหล่ะ หลังจากที่เราได้มาอยู่ด้วยกัน ฉันได้สัมผัสความเป็นตัวตนของเด็กสาวตรงหน้ามากกว่าที่เคยคิด แม้เจ้าตัวจะดูหัวรั้นหน่อยๆ หากแต่ก็มีความเคารพยำเกรงผู้ใหญ่กว่าอยู่ไม่น้อย
“อ้อ!พี่คะ เมื่อวานฉันไปเรียนนอกสถานที่ บังเอิญไปเจอพี่เจสสิก้ากับพี่ยูริที่ถ่ายทำโฆษณาอยู่ที่สวนสาธารณะที่นึง พี่เขาฝากมาบอกว่าพรุ่งนี้โซนยอชิแดจะย้ายหอแล้วนะคะ พี่เขาชวนให้เราไปหาประมาณเก้าโมงค่ะ”
”พรุ่งนี้เก้าโมงหรอ เธอมีเรียนรึเปล่าล่ะ”
”พรุ่งนี้ฉันว่างทั้งวันเลยค่ะ ฉันเลยว่าจะไปช่วยพี่ๆย้ายหอน่ะค่ะ พี่เองก็ต้องไปกับฉันนะ”
”แน่อยู่แล้ว เราไปไหนก็ไปด้วยกันมาตั้งนานแล้วนะ ถ้าพี่ต้องไปคนเดียวคงเหงาแย่เลย” แล้วเราสองคนก็หัวเราะร่วนอย่างมีความสุข ใกล้เข้ามาแล้วสินะวันเวลาที่จะได้กลับไปยืนบนเวทีในฐานะโซนยอชิแดอีกครั้ง
”พี่มานอนได้แล้วน่า” เบซูซี่โผล่หน้าออกมาจากห้องนอนก่อนจะเรียกฉันให้เข้าไปนอน พักนี้ฉันชอบดูละครช่วงดึกๆมากๆเลยล่ะ ปกติฉันไม่ใช่คนแบบนี้นะ
สงสัยฉันจะไม่ปกติซะแล้วสิ เฮ้อ!
”หนาวไปมั๊ยซูซี่” ฉันเดินไปปรับเครื่องปรับอากาศก่อนจะหันมาถามสาวร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงแล้ว
”ไม่หนาวค่ะ” ฉันพยักหน้าก่อนจะเดินไปที่เตียงใหญ่อีกฝั่งของฉัน ฉันค่อยๆเปิดลิ้นชักหัวเตียงออกมาก่อนจะหยิบปฏิทินตั้งโต๊ะขนาดกลางกับปากกาเมจิกออกมากากบาทวันนี้ทิ้งไป
”ผ่านไปอีกวันแล้วนะคะพี่ซอฮยอน
” ฉันปิดโคมไฟก่อนจะทิ้งตัวลงนอน แต่จู่ๆเบซูซี่ก็พูดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบสงบของราตรีนี้
”ใช่จ้ะ ผ่านไปแล้วอีกหนึ่งวัน
” ฉันไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไรกับเด็กสาวไป ฉันนอนตะแคงไปอีกฝั่งของเตียงก่อนจะค่อยๆผลอยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน ความเหนื่อยอ่อนที่ช่วงนี้สมองมักจะเอาแต่คิดถึงคนอีกคนที่ขาดการติดต่อไปนานแสนนานแล้ว แต่ไม่มีวี่แววจะส่งข่าวกลับมาเลยแม้แต่น้อย เหนื่อยกายซอฮยอนก็พอจะไหวอยู่หรอก แต่นี่เหนื่อยใจนี่นา เมื่อไหร่กำลังใจของเธอจะกลับมาสักที
ร่างบางได้แต่คิดอยู่ในใจ แต่ก็หาคำตอบไม่ได้สักทีอีกเหมือนกัน
"-------------------------------------------------------------
มาแล้ววววววววววววววววว 100%แล้ววววว
เป็นไงบ้างคะ ยังไหวอยู่มั๊ยกับความหวานของคู่นี้
คึคึคึคึ~ แค่รีดเดอร์มีความสุขที่ได้อ่านหวานก็มีความสุขที่ได้แต่งแล้วเหมือนกันค่ะ
ใกล้วแล้วจริงๆ คาดว่าไม่น่าจะเกิดสามตอน เราคงต้องเซย์กู๊ดบายแล้วจริงๆ
ฮึก...เค้าไม่อยากให้จบอ่ะ TT^TT
มีใครคิดเหมือนหวานบ้างงงงง ขอเสียงหน่อยยยยย~
สำหรับสเปเชี่ยลพาร์ทเรื่องรักแรกของพี่ยงทำไมเป็นน้องซอจะแถลงไขทีหลังนะคะ
แต่รับรองมีบอกที่มาที่ไปแน่นอนจ้าไม่ต้องห่วง
อีกไม่นานเจอกันในตอนต่อไปนะคะ
เหมือนทุกครั้งที่หวานจะย้ำเสมอ
ดูแลตัวเองดีๆนะรีดเดอร์ อากาศบ้านเรามันแปรปรวน เป็นหวัดไปจะแย่เอานะคะ
รักคุณที่สุด กำลังใจสำคัญของหวาน :)
ไอแอมพีเอสสึ
ความคิดเห็น