คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #26 : ตอนที่20
ตอนที่20
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันกับซูซี่กำลังเดินไปรอรถที่ป้ายรถเมล์เพื่อจะไปหาพี่สาวที่หอของโซนยอชิแด ระหว่างที่เรานั่งรอรถอยู่นั่นก็มีรถเก๋งสีขาวคันคุ้นตาเคลื่อนมาจอดตรงหน้าเราซะก่อน นี่มันป้ายรถเมลล์นะเขามาจอดรถตรงนี้ได้ยังไงกัน
”ซอฮยอนน!!” และเมื่อรถจอดนิ่งผู้ชายรูปร่างคุ้นตาก็เดินเข้ามาหาฉัน ฉันหันไปมองช้าๆก่อนจะยิ้มออกมาอย่างดีใจที่ได้เจอเขาอีกครั้ง
”แจฮันนน~” ฉันวิ่งเข้าไปหาคนตรงหน้าอย่างตื่นเต้น มันนานมากแล้วจริงๆที่ฉันไม่ได้เจอเขาเลย
”มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้เนี่ย ถ้าเธอไม่มีรถก็โทรหาฉันสิ ฉันยังใช้เบอร์เดิมนะ” แจฮันพูดติดตลกก่อนร่างสูงจะเอื้อมมือมาลูบหัวของฉันแผ่วเบา
”ฉันกำลังจะไปหอโซนยอชิแดน่ะ แล้วเธอจะไปไหนหรอ”
“ฉันว่างน่ะ วันนี้ที่ร้านปิดก็เลยออกมาขี่รถเล่น ไม่คิดเลยว่าจะเจอเธออีกน่ะ”
“เหมือนกันนะ” ฉันตอบแจฮันอย่างร่าเริงก่อนจะจูงมือเขามาอยู่หน้าซูซี่เพื่อแนะนำ แต่ทว่าร่างสูงกลับรั้งข้อมือของเขาเอาไว้แล้วกอดฉันอย่างรวดเร็ว
“แจฮัน
”
“คิดถึงเธอจัง”
”
” ฉันกอดตอบเขาช้าๆก่อนจะซุกหน้าลงกับแผ่นอกกว้าง น้ำหอมกลิ่นเดิมที่ฉันคุ้นเคย อ้อมกอดอบอุ่นที่ฉันเคยกอด ฉันคิดถึงสิ่งต่างๆเกี่ยวกับเขามากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ หรือจะตั้งนานแล้วเพียงแค่ไม่เคยรู้ตัว ?
”ปล่อยได้แล้วววว” ฉันบอกเขาอู้อี้ผ่านอ้อมกอด แจฮันคลายวงแขนออกช้าๆก่อนจะยิ้มหวานมาให้ฉันเหมือนเคย
”นี่เบซูซี่น้องสาวของน้องพี่ยงฮวา” ฉันตีเขาเบาๆที่แขนก่อนจะจูงมือมายืนตรงหน้าซูซี่ที่ตอนนี้ดูจะไม่สบอารมณ์กับแจฮันซักเท่าไหร่
”ซูซี่จ๊ะ นี่คิมแจฮัน
เป็นเพื่อนพี่เอง” ฉันบอกเด็กสาวก่อนจะผายมือมาให้แจฮัน
”สวัสดี
ค่ะ” ซูซี่ทักเพียงแค่นั้นก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกทาง แจฉันหันมาเลิกคิ้วถามฉันอย่างสงสัย ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าซูซี่เป็นอะไรไป
”เธอจะไปหอพี่สาวใช่มั๊ย งั้นดีเลยเดี๋ยวฉันไปส่งเอง ขึ้นรถเถอะ”
”ไม่ดีมั้ง เสียเวลาเธอออก” ฉันเข้าไปรั้งมือเขาอย่างรวดเร็วเมื่อเขาทำท่าจะไปยกตะกร้าปิกนิกที่ฉันเตรียมมาด้วยไปขึ้นรถเขา
“วันนี้ฉันว่าง” แต่ฉันก็ไม่เคยขัดเขาได้สักที แจฮันยักคิ้วให้ฉันครั้งหนึ่งก่อนจะหิ้วตะกร้าปิกนิกเดินขึ้นรถของเขาไปอย่างรวดเร็ว ฉันหันหน้ากลับไปมองเด็กสาวอีกคนที่เอาแต่นั่งหน้ามุ่ยกอดอกมองเขม็งมาที่ฉันอย่างไม่สบอารมณ์
”ไปกับแจฮันนะซูซี่ เดี๋ยวเขาไปส่ง” ฉันบอกซูซี่ช้าๆก่อนจะยืนมองปฏิกิริยาของเธออย่างกังวล
”ทำไมต้องไปกับผู้ชายคนนั้นล่ะคะพี่ซอฮยอน เรารอรถเมลล์ไม่ได้หรอ”
”เอ่อ
” ฉันไม่รู้ว่าจะตอบซูซี่ว่าอะไรดี จะว่าฉันอยากไปกับแจฮันก็ใช่นะ ก็เราไม่ได้เจอกันนานมากเลยนี่นา
”พี่คะ เราไปรถเมลล์เถอะนะ” เบซูซี่เอื้อมมือฉันมาจับไว้เบาๆก่อนจะพูดขอร้อง
”ขึ้นรถเถอะซอฮยอน” แต่เสียงนุ่มของแจฮันก็ดังขึ้นเรียกให้ฉันหันกลับไปมองซะก่อน เขาเปิดกระจกลงมาก่อนจะส่งยิ้มให้ฉันจากฝั่งคนขับ
”ไปเถอะซูซี่” ฉันดึงข้อมือเด็กสาวคนสวยตรงหน้าก่อนจะจูงร่างบางให้เดินไปขึ้นรถ
”เธอยังจำทางไปหอได้ด้วยหรอเนี่ย” เมื่อเห็นว่าแจฮันขับรถอย่างคล่องแคล่วโดยที่ฉันไม่ต้องบอกทางฉันก็เลยเอ่ยถามเขาขึ้นมา
”ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ เมื่อก่อนก็ไปส่งเธอออกบ่อย” จริงสินะ ตอนที่ฉันเข้ามาเป็นโซนยอชิแดน่ะฉันยังอายุน้อยๆอยู่เลย วันไหนที่มีเรียนภาคค่ำก็ได้แจฮันนี่แหละมาส่งที่หอ แต่มันก็นานมากแล้วนะ
”จริงด้วยเนอะ
” ฉันตอบออกไปเพียงแค่นั้นก่อนจะหันออกไปมองข้างทางแทน เบซูซี่ที่นั่งอยู่ข้างหลังก็ไม่ยอมพูดอะไรสักคำเอาแต่นั่งเงียบมาตลอดทางตั้งแต่ขึ้นรถ
”วันนี้มีนัดอะไรกันหรอซอฮยอน” แจฮันเอ่ยถามขณะที่เลี้ยวรถเข้าไปจอดที่ที่จอดรถใต้หอพัก
”ก็พี่สาวจะย้ายหอแล้วน่ะสิ”
”งั้นข่าวที่ว่าพวกเธอจะย้ายไปสังกัดค่ายรุ่นพี่อย่างซูเปอร์จูเนียร์กับทงบังชินกิก็เรื่องจริงงั้นหรอ”
“ใช่แล้วล่ะ ฉัน
จะได้คัมแบ๊กพร้อมพี่สาวด้วยนะ รอดูได้เลยพ่อแฟนบอยยยย~” ฉันบอกแจฮันอย่างจริงจังก่อนจะเอื้อมมือไปบีบจมูกเขาเบาๆ เขาหัวเราะออกมาน้อยๆเมื่อฉันพูดว่าเขาเป็นแฟนบอยของโซชิ คิมแจฮันน่ะเขาชอบพี่เจสสิก้ามากเลยล่ะ แต่ทำไมเขาถึงมาตามจีบฉันก็ไม่รู้สิ
“งั้นให้ฉันลงไปช่วยด้วยได้มั๊ยล่ะ”
“ไม่ได้!” ฉันกำลังจะตอบแต่เบซูซี่ที่ลงจากรถไปเปิดประตูให้ฉันพูดขึ้นเสียงดัง
“มาส่งก็ขอบคุณมากแล้วค่ะ แต่นี่หอพักที่มีแต่ผู้หญิงนะ คุณจะเข้าไปทำไม”
”เอ่อ
ผมแค่อยากไปช่วย เผื่อได้ยกตู้ยกเตียง
”
”ไม่จำเป็น ขอบคุณค่ะ” จู่ๆเบซูซี่ก็ดึงมือฉันลงจากรถก่อนจะปิดประตูรถของเขาเสียงดัง ฉันหันไปมองแจฮันอย่างตกใจ แต่ซูซี่ไม่เปิดโอกาสให้ฉันได้ลาเขาเลยสักนิด
”ถ้าจะกลับยังไงก็โทรมาหาฉันนะซอฮยอนน!!” เสียงแจฮันตะโกนตามหลังมา ฉันได้แต่พยักหน้าขอบคุณเขาก่อนจะเดินตามร่างบางไปขึ้นลิฟท์เพื่อขึ้นไปที่ห้องของโซนยอชิแด
”ทำแบบนั้นทำไมน่ะซูซี่ ก้าวร้าวแบบนี้ได้ยังไง แจฮันน่ะเพื่อนพี่นะ” เมื่อเราอยู่ในลิฟท์ ฉันก็เลยหันไปดุเด็กสาวข้างๆที่ตอนนี้ยังคงทำหน้ามุ่ยอยู่
”พี่ซอฮยอนนั่นแหละทำแบบนี้ได้ยังไง นั่นใช่การแสดงออกที่เพื่อนเขาทำกันหรอคะ แค่พี่ยงฮวาไม่อยู่พี่ก็ต้องไปหาไออุ่นจากคนอื่นแล้วหรือไง ไหนใครกันที่บอกฉันว่าจะรอจนกว่าพี่ยงฮวาจะกลับมาน่ะ ผู้หญิงคนนั้นหายไปไหนแล้วหล่ะคะ!!!”
”คือ
” ซูซี่พูดเสียงดังลั่นลิฟท์จนฉันใจหายวาบทันทีที่เธอพูดจบ โชคดีที่ในลิฟท์มีแค่เราสองคนเท่านั้น
”พี่ตอบฉันมาสิ แค่เขาเดินลงมาจากรถพี่ก็วิ่งไปหาเขาแล้ว เขากอดพี่หน่อยเดียวพี่ก็กอดตอบเขา แถมกอดกันหน้าป้ายรถเมลล์ด้วยนะคะ ส่วนเรื่องมาส่ง เขาก็อาจจะชวนไปส่งตามมารยาทพี่ก็ปฏิเสธไปสิคะ แล้วทำไมต้องไปนั่งข้างเบาะคนขับยังกับเป็นคนพิเศษอย่างนั้นด้วยล่ะ!!!” หญิงสาวพูดออกมาอย่างยืดยาวในสิ่งที่เธอคิด ตอนนี้เบซูซี่ไม่ชอบใจเลยจริงๆที่เห็นซอฮยอนไปสนิทสนมกับผู้ชายคนอื่นทั้งๆที่ตัวเองแต่งงานแล้ว ถึงจะบอกว่าเพื่อนกันก็เถอะแต่พี่ซอฮยอนที่เธอรู้จักไม่ใช่คนที่จะไปสนิทกับผู้ชายที่ไหนก็ได้ง่ายๆ จะว่าเพื่อนสมัยเรียนก็ไม่มีทางที่จะเผลอทำตัวโจ่งแจ้งขนาดนั้น เบซูซี่คิดได้อย่างเดียวจริงๆว่าผู้ชายคนนั้นต้องเคยเป็นคนพิเศษของพี่ซอฮยอนมาก่อน
“ซูซี่เธอกำลังเข้าใจพี่ผิดนะ” ฉันพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบด้วยการพูดด้วยความใจเย็นกับเด็กสาวตรงหน้า
”พี่ไม่ได้คิดอะไรกับแจฮันอย่างนั้นเข้าใจพี่มั๊ย เธอเข้าใจพี่รึเปล่า
” แต่ลิฟท์ก็ถึงชั้นของพี่สาวพอดี เบซูซี่เดินออกมาจากลิฟท์โดยไม่สนใจซอฮยอนที่กำลังเดินตามมาแม้แต่น้อย
”อ้าวมากันแล้วหรอ” พี่ยุนอาเดินมาเปิดประตูให้ เบซูซี่ทักทายพี่ยุนอาแค่เล็กน้อยก่อนร่างบางจะรีบปลีกตัวเข้าไปในห้องพักอย่างรวดเร็ว พี่ยุนอากำลังจะเรียกซูซี่มาถามแต่เธอก็หันมาเห็นฉันที่กำลังวิ่งมาที่ประตูพอดี เลยหันมาถามฉันแทนว่าซูซี่เป็นอะไร
”มีปัญหากันนิดหน่อยค่ะพี่ยุนอา” ฉันเอ่ยบอกพี่สาวคนสนิทเสียงอ่อย
”บอกพี่ได้รึเปล่าซอ
” พี่ยุนอาถามขึ้นอย่างอบอุ่นก่อนยกมือขึ้นลูบหัวฉันเบาๆ
”เมื่อเช้าแจฮันมาส่งฉันค่ะ แต่ก่อนหน้านั้น
” ฉันเงียบเสียงชั่งใจอยู่สักพักว่าควรจะพูดเรื่องฉันกับเขากอดกันดีไหม เพราะการกระทำที่สนิทสนมเกินไปของฉันกับเขาทำให้ซูซี่ต้องเข้าใจผิด ฉันกลัวว่าถ้าพูดออกไปพี่ยุนอาจะรู้สึกแย่ๆกับฉันเหมือนที่ซูซี่รู้สึก
”ว่าไงล่ะ เธอยังพูดไม่จบแน่ๆเลยซอฮยอน ?” พี่ยุนอาหรี่ตามองหน้าฉันอย่างจับผิด ฉันก้มหน้างุดๆไม่กล้าสู้หน้าพี่สาวตรงหน้า ฉันได้ยินเสียงพี่ยุนอาหัวเราะน้อยๆในลำคอก่อนจะดึงฉันเข้ามากอด
”พี่น่ะอยู่ข้างเธอเสมอนะซอฮยอน พี่ยังเป็นพี่สาวคนเดิมที่ไม่เคยมีความลับอะไรกับเธอ แล้วเธอกล้ามีความลับกับพี่สาวคนนี้ได้ยังไงนะ หืออ?” พี่ยุนอาพูดปลอบฉันด้วยเสียงหวานๆของเธอก่อนจะจับหน้าฉันให้เงยขึ้นไปมองตาของเธอ
”บอกพี่มาเถอะเรื่องที่ทำให้เธอทุกข์ใจน่ะ พี่แค่อยากจะช่วยรับฟังไม่ได้อยากซักไซ้อะไรหรอกนะ”
”
” ฉันชั่งใจอีกครั้งก่อนจะเริ่มเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้พี่ยุนอาฟังทุกฉากทุกตอนไม่ขาดไม่เกิน
”ซูซี่คิดว่าฉันไม่ได้คิดกับแจฮันแค่เพื่อน เธอบอกว่าฉันกำลังหลอกลวงพี่ยงฮวาอยู่ พี่ยุนอา
ฉันกับแจฮันเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นนะคะ”
”แล้วเธอใจเต้นรึเปล่าตอนที่เธอกอดเค้า หมายถึงรู้สึกดีอะไรแบบนั้นน่ะ”
”คือ
” หัวใจของฉันเริ่มเต้นช้าลงๆจนเมื่อพี่ยุนอาถามคำถามนั้นออกมา ฉันรู้สึกได้เลยว่าหัวใจของฉันมันหยุดเต้นไปแล้วแน่ๆ
“ว่ายังไงซอฮยอน”
“
” ฉันพยักหน้าช้าๆก่อนจะยกฝ่ามือขึ้นมาปิดหน้าเพื่อกันไม่ให้น้ำตาใสๆไหลออกมา
“พี่คะฉันแค่ไม่ได้เจอเขานานก็เท่านั้น ฉันแค่กอดตอบเขาเพราะ
เขาเป็นเพื่อนเก่าที่
ฉันสนิท มันแค่นั้นจริงๆนะคะพี่ยุนอา” พี่ยุนอาเอื้อมมือมาดึงมือฉันลงก่อนเธอจะลูบหัวฉันเบาๆ
“ฉันไม่ปฏิเสธว่าฉันรู้สึกดี แต่ฉันก็
ฉันไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับเขาจริงๆนะคะ”
“พี่เข้าใจซอฮยอน เธอไม่ได้คิดอะไรกับแจฮันหรอก เธอแค่อ่อนแอเกินไปที่จะตัดใจปฏิเสธความหวังดีจากคนที่เธอสนิทใจมาก่อน” ฉันเงยหน้ามองพี่ยุนอาช้าๆเพื่อตั้งใจฟังในสิ่งที่เธอจะพูดต่อไป
”เธอเคยชินกับการที่แจฮันทำดีกับเธอ เธอเคยกอดเขา เธอเคยรู้สึกดีกับรอยยิ้มของเขา ไม่แปลกอะไรเลยที่เธอจะรู้สึกดีที่ได้กอดกับเขา เธอเป็นคนที่รู้จักวางตัวนะซอ ซอฮยอนที่พี่รู้จักน่ะจะไม่ทำอะไรแบบนั้นแน่นอนถ้ารู้ว่าไม่ควรทำ แต่เธอไม่ได้คิดอะไรมากมายเลยในการกอดตอบแจฮัน เธอแค่กอดเขาเพราะเขากอดเธอเท่านั้นแหละ”
”หมายความว่าฉันไม่ได้กอดเขาเพราะยังชอบเขาหรอกใช่มั๊ยคะพี่ยุนอา”
”เด็กคนนี้นี่ ตกลงเธอจะไม่มั่นใจในคำว่ารักที่เธอมีให้ยงซอบังเพียงแค่เผลอไปกอดกับเพื่อนเก่าแปบเดียวจริงๆหรอ”
”ฉันไม่เคยรู้สึกกับแจฮันอย่างที่พี่ยงฮวาทำให้ฉันรู้สึก ตอนที่เรากอดกันฉันยอมรับค่ะว่าฉันคิดถึงแทบทุกอย่างที่เป็นแจฮัน ฉันรู้สึกดีจริงๆที่ได้เจอเขา ได้กอดเขา แต่สิ่งเดียวที่เขาทำให้ฉันรู้สึกดีมากไปกว่านี้ไม่ได้คือเสียงหัวใจของเขาที่มันดังตอนที่เรากอดกัน”
”
”
”หัวใจของเราเต้นคนละจังหวะค่ะพี่ยุนอา แต่หัวใจของฉันมันเต้นเป็นจังหวะเดียวกันกับพี่ยงฮวาอย่างไม่ผิดพลาดสักจังหวะเดียว ทุกครั้งที่ฉันกอดพี่ยงฮวาฉันจะรู้สึกเหมือนว่าเรามีหัวใจดวงเดียวกัน” พี่ยุนอายิ้มกว้างทันทีที่ฉันพูดจบ เธอเอื้อมมือมาดึงแก้มของฉันสองข้างอย่างหมั่นเขี้ยว
”เธอก็รู้คำตอบแน่ชัดอยู่แล้ว ต่อให้เธอไปกอดกับผู้ชายคนอื่นสักสิบคนแล้วเธอรู้สึกดีกับทุกคนแต่ก็ใช่ว่าเธอจะรักคนพวกนั้นนี่นา จริงมั๊ย”
“
” ฉันคิดตามที่พี่ยุนอาพูด จู่ๆใบหน้าของพี่ยงฮวาก็แวบเข้ามาในหัวของฉัน มันเป็นภาพใบหน้าของเขาที่ฉันได้เจอครั้งสุดท้ายที่สนามบิน พี่ยุนอาสะกิดฉันสองสามทีแต่ฉันไม่ได้สนใจพี่ยุนอาเลยแม้แต่น้อย ฉันเอื้อมมือไปสัมผัสที่อกข้างซ้ายอย่างแผ่วเบา รอยยิ้มของเขาที่ติดอยู่ในหัวของฉันแค่คิดถึงหัวใจของฉันก็เต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง
”ซอจู
เป็นอะไรไป” พี่ยุนอาเขย่าไหล่ฉันเบาๆเพื่อเรียกสะติ ฉันหลุดจากภวังค์ก่อนจะหันไปมองพี่สาวตรงหน้า
”พี่คะฉันคิดว่าฉันทนไม่ไหวแล้ว ฉันจะต้องทำบางอย่างให้ได้ ถ้าฉันไม่ได้ทำมันฉันจะกัดลิ้นตัวเองตายอยู่ตรงนี้แหละ!!!” ฉันพูดรัวๆออกไปอย่างไม่รู้สึกตัวว่าพูดอะไรไปบ้าง ฉันรู้เพียงแค่สีหน้าของพี่ยุนอาแทบช็อกไปแล้วเมื่อฉันพูดจบ
”ซอฮยอน! เธอจะทำอะไรบอกพี่มาเดี๋ยวนี้ เธออยากทำอะไรงั้นหรอ หืออ
” พี่ยุนอาถามฉันเสียงแผ่วด้วยความเป็นห่วง จู่ๆน้ำตาที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนก็ค่อยๆไหลลงมาจากดวงตาของฉันช้าๆ ฉันสะอื้นเล็กน้อยก่อนจะหันไปตอบพี่ยุนอาที่ยืนมองอยู่อย่างเป็นห่วง
”ฉันจะไปญี่ปุ่นค่ะ
” ฉันตอบอย่างหนักแน่นก่อนจะสะบัดตัวเองออกจากฝ่ามือนุ่มของพี่ยุนอาที่จับไหล่เอาไว้ พี่ยุนอาตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นฉันวิ่งหนีออกมา แต่ฉันไม่แคร์อะไรอีกแล้ว ฉันคิดถึงพี่ยงฮวามากเกินกว่าจะทนรอเขากลับมาได้ในสักวันหนึ่ง ที่ฉันเองก็ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่วันนั้นจะมาถึง ฉันวิ่งลงมาจนถึงชั้นล่าง ฉันโบกแท็กซี่ให้ไปส่งที่ห้องของฉันอย่างรวดเร็ว ฉันรีบแม้กระทั่งว่าเมื่อเข้ามาในห้องรองเท้าก็ไม่ได้ถอด ฉันเตรียมเสื้อผ้าใส่กระเป๋าใบเล็กเพียงสองสามชุดเท่านั้น ก่อนจะรีบวิ่งลงมาโบกแท็กซี่อีกครั้งเพื่อไปที่สนามบิน
พี่ยุนอาโทรเข้ามาหาฉันไม่ขาดสาย ฉันกดตัดสายก่อนจะส่งข้อความกลับไปหาแทนแล้วตัดสินใจปิดเครื่องทันที ยิ่งรถแท็กซี่วิ่งเข้ามาใกล้อาคารจอดรถของผู้โดยสารที่สนามบินมากเท่าไหร่หัวใจของฉันก็ยิ่งเต้นแรงขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งทันที
”ไม่ต้องทอนค่ะ” ฉันจ่ายเงินค่าแท็กซี่อย่างรวดเร็วและไม่สนเงินทอนที่เขากำลังยื่นมาให้ ฉันวิ่งเข้ามาในตัวอาคารสนามบินก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปต่อคิวที่ที่โหลดกระเป๋าเพื่อเตรียมตัวขึ้นเครื่อง แต่ทว่า!ฉันกลับต้องหยุดฝีเท้าลงอย่างกะทันหันเมื่อนึกขึ้นได้ว่า
ฉันยังไม่มีตั๋วนี่นา =________=!!!!
”บ้าไปแล้วซอจูฮยอน มีสติหน่อยได้มั๊ย
” ฉันถอยออกมาตั้งหลักก่อนจะปลอบให้จิตใจตัวเองสงบลงมากกว่า ฉันเดินไปหาพนักงานที่ขายตั๋วเพื่อสอบถามไฟล์บินไปญี่ปุ่น
”ไฟท์ที่เร็วที่สุดเครื่องออกกี่โมงคะ”
”อีกสี่สิบห้านาทีค่ะคุณผู้หญิง”
”ไม่ทราบว่ามีตั๋วเหลือบ้างมั๊ยคะ ฉันจำเป็นที่จะต้องไปให้ได้ เร็วที่สุดยิ่งดีเลยค่ะ!” ฉันย้ำจุดประสงค์ของความต้องการตั๋วกับพนักงานอย่างร้อนรน เธอก้มหน้าไปคีย์ข้อมูลสักพักก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาตอบ
”ต้องขอโทษจริงๆนะคะ ไฟท์นี้เต็มหมดทุกที่เลยค่ะ” และสิ่งที่เธอบอกกับฉันมันก็ทำให้หัวใจของฉันฟีบลงอย่างหมดความหวัง
”ไม่เอาสายการบินนี้ก็ได้ค่ะ ช่วยดูให้อีกนิดได้มั๊ยคะว่ามีเหลือไฟท์บินไหนบ้าง” ฉันบอกเธออีกครั้งอย่างมีความหวัง แต่ทว่าดูเหมือนพระผู้เป็นเจ้าจะไม่สงสารฉันเอาซะเลย
”สายการบินอื่นเครื่องออกอีกทีมีพรุ่งนี้ค่ะคุณผู้หญิง ไฟท์บินของสายการบินนี้เป็นไฟท์สุดท้ายสำหรับวันนี้ค่ะ” เธอเงยหน้ามาตอบฉันอย่างเห็นใจ
“ขอบคุณมากค่ะ” ฉันโค้งให้เธอช้าๆก่อนจะเดินออกมานั่งลงที่เก้าอี้ผู้โดยสารอย่างอ่อนแรง
“ทำไมเราถึงต้องเจออุปสรรคมากมายขนาดนี้ด้วยคะพี่ยงฮวา
” ฉันซบหน้าลงกับฝ่ามือก่อนน้ำตาใส่ๆจะเริ่มทำงานอีกครั้ง
“นี่แชจิน~ ฉันขอโทษที่ไล่เธอไปแบบนั้น แต่ใช่ว่าฉันอยากไล่เธอนะ”
“ไม่ต้องมาพูดดีเลยนะ นายก็โกหกให้ฉันดีใจเล่นๆนั่นแหละ”
”โธ่~ ไหนเธอบอกว่าถ้าฉันตามมาง้อเธอทันก่อนเธอไปญี่ปุ่นวันนี้เธอจะยอมคืนดีไง”
”ฉันพูดว่าฉันจะยอมคืนดีหรอชเวซึงกี!!!” เสียงทะเลาะกันของคนคู่หนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจให้ฉันเงยหน้าขึ้นไปมอง ก่อนจะพบว่าเป็นวัยรุ่นสองคนที่ยืนเถียงกันอยู่ไม่ไกล
”เธอพูดเองจริงๆนะแชจิน ฉันรักเธอมากนะอย่าไปเลย
”
”นายช่วยทวนสิ่งที่ฉันพูดกับนายใหม่หน่อยได้มั๊ยล่ะ”
”เธอบอกว่าถ้าฉันมาง้อเธอทันก่อนเธอไปญี่ปุ่นวันนี้ เธอจะยอมคืนดีกับฉัน”
”นายมันโง่มากเกินไปแล้วนะซึงกี!!! ฉันบอกว่าถ้านายมาง้อฉันทันฉันจะไม่ไปญี่ปุ่นต่างหากเล่า!”
”ห๊ะ เธอว่างั้นหรอ!”
”ก็ใช่น่ะสิ!! แต่ฉันไม่ได้บอกว่าจะยอมคืนดีด้วยซะหน่อย”
”งั้นแสดงว่าเธอไม่ไปญี่ปุ่นจริงๆนะแชจิน!!”
”นายมาทันมั๊ยล่ะ”
”เย้!! ฉันรักเธอที่สุดเลยยัยแชจินแก้มตุ่ยของฉันนน~” แล้วเด็กผู้ชายก็ดึงเด็กสาวเข้าสู้อ้อมแขนของเขา ฉันมองภาพตรงหน้านั้นอย่างมีความสุขแทนเด็กทั้งสองคน ฉันไม่ได้สัมผัสอ้อมกอดอุ่นๆแบบนั้นของพี่ยงฮวามานานแค่ไหนแล้วนะ
”แล้วตั๋วเธอล่ะจะเอายังไง”
”ก็คงทิ้งแหละ หรือนายจะให้ฉันใช้มันก็ได้นะ”
”เฮ้ยยย ไม่เอานะๆๆ ทิ้งเลยๆๆ” ฉันหันขวับทันทีที่ได้ยินเด็กผู้หญิงบอกว่าจะทิ้งตั๋ว แต่สมองยังสั่งการไม่ไวเท่าความต้องการของหัวใจ ฉันก้าวเท้าไปถึงสองคนนั้นได้อย่างรวดเร็ว เด็กผู้หญิงมองหน้าฉันอย่างงงๆก่อนจะเหลือบไปมองเด็กผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ
”นี่กิ๊กนายหรอซึงกี!!”
”เฮ้ยย ฉันเปล่านะแชจิน”
”แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใครน่ะห๊าาา!!!” เมื่อเห็นว่าเด็กผู้หญิงจะตีเด็กผู้ชายคนนั้นฉันเลยรีบพูดออกไปอย่างรวดเร็วก่อนที่เธอจะเข้าใจในตัวเด็กผู้ชายคนนั้นผิดไปมากกว่านี้
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับเขาหรอกค่ะ”
“
” ทั้งสองคนหันหน้ามามองฉันพร้อมกันอย่างสงสัย
“คือฉันได้ยินว่าเธอจะทิ้งตั๋วไปญี่ปุ่นไฟท์ที่กำลังจะออกใช่มั๊ยคะ” เด็กสาวมองตั๋วในนมือก่อนจะพยักหน้าช้าๆ
“ฉันขอซื้อตั๋วนั้นได้มั๊ย ฉันจำเป็นจริงๆที่จะต้องไปญี่ปุ่นให้เร็วที่สุด เธอจะขายเท่าไหร่ก็ได้ขอแค่เอาตั๋วนั้นมาให้ฉัน”ฉันอ้อนวอนเด็กผู้หญิงคนนั้นอย่างเหนื่อยอ่อน ความหวังที่จะได้ตั๋วอยู่ตรงหน้าแต่ดูเหมือนเด็กผู้หญิงจะไม่เชื่อในตัวฉันสักเท่าไหร่ เธอไม่ตอบอะไรหากแต่คว้าข้อมือแฟนหนุ่มของเธอเดินหนีฉันไปเลย
”เธอเองก็อยากอยู่กับคนที่เธอรักใช่มั๊ยล่ะ ฉันเองก็จะไปตามหาคนที่ฉันรักเหมือนกัน ฮึก
สามีฉันเขาไปทำงานที่นั่น สี่เดือนแล้วที่เราไม่ได้คุยกัน ฮือๆ
สี่เดือนแล้วที่ฉันไม่ได้เจอเขา สี่เดือนแล้วที่
ฮึก
เขาไม่ติดต่อกลับมา ฉันคิดถึงเขา
ขอร้องหล่ะค่ะ ให้ฉันซื้อตั๋วใบนั้นจากเธอเถอะนะ” ฉันพูดออกมาทั้งน้ำตาอย่างไม่อายใคร ฉันไม่สนใจแล้วจริงๆว่าใครจะเริ่มหันมามอง สายตาของฉันมันมองไปที่เด็กสองคนนั้นแค่นั้นจริงๆ เด็กสาวเริ่มก้าวเท้าออกเดินต่อไป ฉันเห็นอย่างนั้นเรี่ยวแรงที่เคยฝืนไว้ก็พลันหายไปจนหมด ฉันทรุดตัวลงกับพื้นสนามบินอย่างหมดเรี่ยวแรง น้ำตาเริ่มไหลออกมาเรื่อยๆราวกลับทำนบแตก
พี่ยงฮวา
ฉันคิดถึงพี่
พี่อยู่ที่ไหนคะ
พี่กอดฉันหน่อยได้ไหม
ฉันหนาวเหลือเกิน
”
” ฉันร้องไห้อยู่อย่างนั้น ในใจก็คิดอยากจะให้ใครคนที่วนเวียนอยู่ในความคิดมีตัวตนออกมาจริงๆ
”พี่คะลุกขึ้นเถอะ” เสียงเล็กๆดังขึ้นเรียกสติของฉันก่อนจะมีมือเล็กเอื้อมมาพยุงให้ฉันยืนขึ้น ฉันปาดน้ำตาช้าๆก่อนจะมองเห็นชัดแล้วว่าเธอคือเด็กผู้หญิงคนนั้นนั่นเองที่เข้ามาพยุงฉัน
”ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะมีคนที่ยังร้องไห้ให้ความรักโดยไม่อายใครอย่างพี่” เธอกุมมือฉันเอาไว้ก่อนจะเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลลงกว่าตอนแรกอย่างมาก
”พี่ทำให้หัวใจฉันรู้สึกอบอุ่น เรื่องของพี่มันทำให้ฉันรู้ว่าเราไม่ควรยอมแพ้ต่อคนที่เรารัก ฮึก
พี่คะ รีบไปตามหาคนรักของพี่นะคะ ฉันเอาใจช่วยพี่นะคะ” เธอพูดกับฉันก่อนดวงตากลมโตของเธอจะเริ่มมีน้ำตาใสๆไหลลงมา มือเล็กของเธอยัดตั๋วไปญี่ปุ่นใส่มือให้ฉันก่อนจะเริ่มสะอื้น
”ฮือๆ พี่สาวมีหัวใจที่บริสุทธิ์มากจริงๆ ฉันนับถือความรักของพี่จริงๆ ฮึก
ขอให้พี่เจอเขาเร็วๆนะคะ” เธอเริ่มพูดไม่รู้เรื่องเมื่อร่างบางที่กุมมือฉันอยู่สะอื้นหนักขึ้นจนเด็กผู้ชายต้องเดินเข้ามาโอบไหล่เอาไว้
”แชจินหวั่นไหวกับเรื่องรักแท้ รักบริสุทธิ์ รักทุ่มเทอะไรแบบนี้น่ะฮะ เธอเป็นคนที่อ่อนไหว
” เด็กชายบอกฉันเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยความอบอุ่น
“ขอบใจมากนะทั้งสองคน ฉันขอบใจมากจริงๆนะคะ” ฉันเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้เด็กสาวตรงหน้าก่อนจะยิ้มให้เธอ
”เธอเองก็มีหัวใจที่บริสุทธิ์เหมือนกันนะรู้ตัวรึเปล่า” ฉันลูบหัวเธอช้าๆก่อนจะหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าเพื่อจ่ายค่าตั๋ว
”ไม่เป็นไรค่ะ ฉันให้พี่ฟรีๆเลย” เธอบอกฉันช้าๆก่อนจะยิ้มหวานส่งมาให้ฉัน
”รีบไปสิคะพี่สาว เดี๋ยวตกเครื่องเอานะ คราวนี้ฉันช่วยพี่ไม่ได้แล้วจริงๆนะคะ” ฉันพยักหน้าให้สองคนนั้นก่อนจะรีบวิ่งไปที่เกตเช็คอิน ฉันหันมามองก็พบว่าทั้งสองคนโบกมือมาให้ฉันอยู่ที่เดิม ฉันยิ้มให้เด็กทั้งสองเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเดินเข้าไปยังอาคารที่พักผู้โดยสารเพื่อเตรียมตัวขึ้นเครื่องไปญี่ปุ่น!
ท่าอากาศยานนานาชาติโตเกียว
ฉันลงจากเครื่องในไม่กี่อึดใจต่อมา ไม่รู้ว่าเพราะฉันร้อนใจหรืออย่างไรถึงคิดว่าการมาญี่ปุ่นครั้งนี้ใช้เวลาน้อยนิดเท่านั้น ฉันหยิบเอกสารในซองสีน้ำตาลออกมาดูอีกครั้ง มันเป็นซองเอกสารประกอบสัญญาที่พี่ยงฮวาให้ฉันเมื่อฉันยังอย่โรงพยาบาล ในนั้นบอกเพียงชื่อที่พักที่เขาพักอยู่เท่านั้น แต่ฉันก็คิดว่าดีกว่าไม่มีข้อมูลเสียเลย
ฉันพอจะได้เรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นมาบ้างเพราะฉะนั้นการถามทางจึงไม่เป็นปัญหาสำหรับฉัน ฉันขึ้นแท็กซี่มาลงในสถานที่แห่งหนึ่งที่ดูจะพลุกพล่านไปด้วยผู้คนของเมืองโตเกียว คนขับรถบอกว่าหอพักนั่นอยู่ในซอยเล็ก รถใหญ่เข้าไปส่งไม่ถึง ฉันกล่าวขอบคุณก่อนจะเริ่มเดินออกตามหาซอยที่ว่านั่น ฉันเดินวนอยู่นานก็ไม่มีใครรู้จักชื่อหอพักนั้นของเขาเลย จนกระทั่งที่เสียงท้องของฉันร้องดังขึ้นมาเท่านั้นแหละฉันถึงเริ่มรู้สึกเหนื่อยขึ้นมาอย่างจริงจัง ฉันเดินไปหาร้านราเมงแถวนั้นก่อนจะนั่งซดน้ำแกงร้อนๆดับกระหาย เมื่อเพิ่มพลังเสร็จแล้วฉันก็ออกเดินทางอีกครั้ง
ฉันเสี่ยงเดินไปเรื่อยๆด้วยสัญชาติญาณจนกระทั่งมาถึงหน้าหอพักของพวกเขาโดยไม่รู้ตัว ฉันเงยหน้ามองเทียบชื่อหอพักบนป้ายกับในเอกสารก่อนจะพบว่ามันตรงกัน แต่ฉันไม่อาจเชื่อได้ว่าพวกเขาสี่คนจะอยู่ที่นี่ได้จริงๆ สภาพของมันไม่ต่างกับห้องเช่าถูกๆในเกาหลีเลยแม้แต่น้อย แต่สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจก็ลองถามคนดูแลหอพัก เธอบอกฉันว่ามีเด็กหนุ่มสี่คนมาพักได้หลายเดือนแล้ว พวกเขาเป็นนักดนตรีมาจากเกาหลี เพียงเท่านั้นหัวใจของฉันก็อุ่นขึ้นมาทันที ฉันถามต่อว่าเขาพักที่ห้องไหน คุณป้าใจดีก็เดินนำฉันไปที่หน้าห้องของพวกเขา ก่อนฉันจะเหลือบไปเห็นผู้ชายสองคนที่ลักษณะคล้ายทีมงานเดินเข้ามาในหอพัก เมื่อเขาเห็นว่าฉันกำลังยืนอยู่หน้าห้องของสี่หนุ่มนั่นเขาก็รีบวิ่งมาที่ฉันก่อนจะถามทันทีว่ามาทำอะไรที่ห้องนี้ ฉันเลยตอบกลับไปเป็นภาษาเกาหลี
”ฉันมาหาคนที่ฉันรู้จักค่ะ” ผู้ชายสองคนนั้นได้ยินฉันพูดเกาหลีก็มองหน้ากันก่อนคนนึงจะชี้มาที่แหวนที่ฉันสวมใส่อยู่
”คุณเป็นภรรยายงฮวาใช่มั๊ยครับ” เมื่อชื่อของคนที่คิดถึงที่สุดเอ่ยออกมา ซอฮยอนก็รู้สึกเหมือนเธอได้เจอแสงสว่างแล้ว
”ใช่ค่ะ ฉันเป็นภรรยาของเขา เขาไม่ติดต่อกลับมาเลยตลอดสี่เดือน ฉันอดห่วงไม่ได้เลยต้องตามมาถึงนี่น่ะค่ะ”
”งั้นมากับเราดีกว่าครับ ตอนนี้สี่คนนั้นไม่อยู่ที่ห้องหรอก” ฉันหันไปขอบคุณคุณป้าคนนั้นก่อนจะเดินตามผู้ชายสองคนนั้นไป ที่ๆเขาพาฉันไปคือรถแคมปิ้งคันใหญ่ที่จอดอยู่ไม่ไกลจากหน้าหอพัก เขาเปิดประตูให้ฉันเข้าไปข้างในฉันจึงพบว่า หน้าจอมอนิเตอร์เครื่องหนึ่งนั่นฉายภาพห้องพักที่แสนคับแคบแต่ไม่มีคนอยู่ข้างใน ส่วนอีกจอข้างๆกันขึ้นเป็นพิกัดจุดสี่จุดบอกให้รู้ว่าสี่จุดนั่นอยู่ที่ไหน ถัดไปก็ยังมีเครื่องมือมากมายที่ฉันไม่รู้จัก
”อย่าบอกนะคะว่าคุณติดเครื่องติดตามไว้ที่ตัวพวกเขาน่ะ”
”พวกเขาไม่รู้ครับว่าทางเราตามมาดูแลเขาที่นี่ ห้องพักนั่นจริงๆทางบริษัทจ่ายไว้หมดแล้ว เพียงแค่อยากกดดันให้พวกเขารู้จักการเอาตัวรอดเท่านั้นเองครับ”
”แล้วพวกเขาอยู่ที่ไหนกันคะ ฉันอยากจะเจอเขา
” ฉันเอ่ยเสียงแผ่วก่อนจะชี้ไปที่จุดสี่จุดบนจอมอนิเตอร์นั้น
”พวกเขากำลังออกไปทำงานครับ พวกเขาต้องเล่นดรตรีข้างทางเพื่อหาประสบการณ์”
”ยังไงคะฉันไม่เข้าใจ
”
“พวกเขาต้องเล่นดนตรีให้หลากหลายแบบไปเรื่อยๆจนกว่าจะถูกหูคนญี่ปุ่นพวกเขาถึงจะได้เงิน พวกเขาต้องฝึกภาษาญี่ปุ่นไปในตัวด้วยการพูดคุยกับคนญี่ปุ่น พวกเขาต้องหัดแต่งเพลงญี่ปุ่นเพราะหากเล่นแต่เพลงเกาหลีที่พวกเขาซ้อมมาคนญี่ปุ่นก็จะไม่รู้เรื่อง นี่ละครับสิ่งที่ทางบริษัทอยากจะฝึกพวกเขา”
“
” เมื่อได้ยินสิ่งที่ทีมงานคนหนึ่งบอกฉัน ฉันก็อดใจหายไม่ได้ พวกเขาต้องอยู่ให้ได้ในสถานที่ที่ไม่ใช่บ้านตัวเอง มันคงยากเอาการเหมือนกันสินะ
“แต่ถึงขนาดไม่ให้ใช้โทรศัพท์เลยหรือคะ เงินตั้งตัวก็ให้ไม่เท่าไหร่อีกด้วย”
“เพื่อสมาธิและเพื่ออนาคตที่จะสุขสบายกว่านี้ของพวกเขาครับ” ทีมงานชายตอบฉันแค่นั้น ฉันเองก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อจนกระทั่งมีคนอีกคนเดินเข้ามาบนรถแคมปิ้ง
“เย็นนี้พวกเขาจะไปเล่นที่ถนนxxx ฉันกับชอนอูจะตามไปดูเอง วันนี้วรแกเฝ้าเครื่องใช่มั๊ย”
“ใช่ งั้นแกพาคุณผู้หญิงไปกับแกด้วยหน่อยสิ เธอเป็นภรรยาหนุ่มนักร้องนำนั่น” ฉันหันไปมองทีมงานคนที่มาใหม่ก่อนจะยิ้มกว้างไปให้เขา เขายิ้มกลับมาให้ฉันเช่นกัน
“งั้นคุณก็ต้องไปกับผมแล้วล่ะครับ ลงมาเถอะเราจะไปด้วยรถอีกคัน” เขาพูดก่อนจะยื่นมือมารับฉันลงจากรถแคมปิ้งคันใหญ่
“แต่คุณจะยังเข้าไปทักเขาไม่ได้นะครับ”
“อะไรนะคะ
” ฉันตกใจจนเผลอตะโกนออกมาเสียงดังทันทีที่ทีมงานคนที่มาใหม่พูดกับฉัน
“ไม่เอาน่า ฉันอนุญาตละกันสำหรับคุณผู้หญิงคนนี้” แต่ทีมงานคนเก่าที่อยู่บนรถก็พูดสวนขึ้น แรกๆเขาดูจะงงกับการตัดสินใจของเพื่อนร่วมทีม แต่สักพักก็ยอมให้ฉันเข้าไปทักทายสี่หนุ่มได้ ฉันรู้สึกหัวใจพองโตขึ้นมาอย่างประหลาด
เราจะได้เจอกันแล้วนะคะพี่ยงฮวา รอฉันก่อนนะคะ ฉันกำลังจะไปหาพี่แล้วค่ะ
“ถึงแล้วหรอคะ” ฉันเอ่ยถามเมื่อพบว่ารถได้จอดลงแล้ว
“เราเข้าไปใกล้กว่านี้ไม่ได้ครับ หน้าที่ผมมีหน้าที่เพียงคอยตามดูแลและบันทึกพฤติกรรมของพวกเขาเท่านั้น จะเข้าไปยุ่งย่ามมากไม่ได้” ทีมงานคนนั้นพูดกับฉันก่อนจะบอกให้เพื่อนร่วมงานอีกคนนั่งอยู่ในรถ
“คุณจะแต่งตัวที่ไหนล่ะครับ” เขาหันมาถามฉัน ฉันมองซ้ายมองขวาก่อนจะเห็นพุ่มไม้ที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตรงที่ฉันอยู่สักเท่าไหร่
“ฉันเปลี่ยนตรงนั้นละกันค่ะ ไม่ได้ยุ่งยากเท่าไหร่แค่เปลี่ยนเสื้อคลุมกับใส่วิกผมเท่านั้นเอง” ทีมงานคนนั้นพยักหน้าให้ฉัน ฉันรีบเข้าไปจัดการตัวเองครู่หนึ่งก่อนจะเดินออกไปหาทีมงานคนเดิมด้วยรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไป
“คุณจำฉันได้มั๊ยคะ” ฉันดัดเสียงเล็กน้อยก่อนจะกระชับแว่นกันแดดที่ใส่อยู่ให้เข้าที่
“ผมอาจจะจำไม่ได้ถ้าผมเพิ่งเจอคุณ แต่เพราะผมรู้แผนคุณล่วงหน้า ผมเลยพูดไม่เต็มปากเท่าไหร่ว่าจำไม่ได้”
“
” ฉันยิ้มกับตัวเองอีกครั้งก่อนจะส่องกระจกรถเช็คความมั่นใจครั้งสุดท้าย จะว่าไป
ผู้หญิงผมที่อยู่ในกระจก แล้วทำผมซอยสั้นกัดสีบลอนด์เจิดจรัสคนนั้นก็สวยไปอีกแบบนะเนี่ย
“แต่คุณจะบอกพวกเขาไม่ได้เด็ดขาดนะครับว่าบริษัทตามมาดูแลเขาอย่างนี้”
“ทราบแล้วค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะสำหรับความช่วยเหลือในครั้งนี้”
“โชคดีครับ” ทีมงานคนนั้นบอกกับฉัน ฉันโค้งหัวให้เขาช้าๆก่อนจะออกเดินไปตามทางเดิน เพื่อเดินเลียบไปชื่นชมดนตรีของสี่หนุ่มที่อยู่ถนนฝั่งตรงข้าม
“
” ยิ่งฉันเข้าใกล้พวกเขามากเท่าไหร่ฉันก็ยิ่งตื่นเต้นมากเท่านั้น ท้องฟ้ามืดลงไปโดยที่ฉันไม่รู้ตัว ถนนที่พวกเขามาเล่นดนตรีเย็นนี้เปิดแสงไฟสว่างไสวไปหมด แม้จะมืดค่ำอย่างนี้แต่ผู้คนก็ยังคงเดินขวักไขว่ไปมาอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย
“
” ฉันได้ยินเสียงจังหวะกลองหนักๆของมินฮยอกแล้ว
“
” ฉันพยายามเดินให้เชิดกว่าเก่า ก่อนจะเดินไปอยู่ข้างๆคนส่วนหนึ่งที่ยืนฟังเพลงของพวกเขาก่อนแล้ว ฉันหันไปมองพวกเขาช้าๆทีละคนก่อนจะมาหยุดอยู่ที่นักร้องนำ พี่ยงฮวาอยู่ตรงหน้าฉันนี่เอง เขายืนร้องเพลงไปด้วยเล่นกีต้าร์ไปด้วยอย่างมีสมาธิ เขาไม่มีจังหวะไหนเลยที่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับฉันซึ่งนั่นฉันรู้สึกดีมากแล้ว ผู้คนเริ่มโยนเงินลงไปในกระเป๋ากีต้าร์ที่เปิดอ้าอยู่ข้างหน้าก่อนจะเริ่มเดินจากไป เหลือคนไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังอยู่ ฉันยืนมองพวกเขาอีกครั้งก่อนจะหย่อนเงินแบงค์หมื่นวอนลงไปแล้วเริ่มทำเป็นเดินผ่านพวกเขาไปอย่างไม่สนใจ แต่ทว่าจู่ๆแทนที่พี่ยงฮวาจะยังร้องเพลงต่อไปเขากลับพูดใส่ไมค์ขึ้นมาว่า
“อย่าเพิ่งเดินไปจากผม
ได้โปรด” ฉันเผลอชะงักฝีเท้าทันทีที่ได้ยินเขาพูดผ่านไมค์
“
”
“มาหาทั้งทีก็ช่วยอยู่ให้ผมมองนานๆไม่ได้หรือไง
” น้ำเสียงนุ่มยังคงพูดผ่านไมค์ด้วยจังหวะสบายๆ เขาพูดเป็นภาษาญี่ปุ่นคนจึงคิดว่าเขาแค่เกริ่นขึ้นเพลงต่อไป แต่ฉันที่เป็นคนเกาหลีได้ยินเสียงจองชินชินกูหันไปถามมินฮยอกว่าพี่ยงฮวากำลังจะทำอะไร แสดงว่าสิ่งที่พี่ยงฮวากำลังทำจะต้องไม่มีการเตรียมมาก่อนล่วงหน้าอย่างแน่นอน...หรือเขาจะจำฉันได้!?
“
” ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆอีกครั้งก่อนจะออกเดินโดยไม่สนใจพวกเขา พี่ยงฮวาต้องจำฉันไม่ได้สิ เขาจะจำฉันได้ยังไงคนอื่นยังจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“...!” แต่ทว่าเมื่อฉันกำลังจะเดินออกไปนั่นเองฝ่ามืออุ่นๆก็จับเข้าเบาๆที่ข้อมือ ก่อนร่างสูงกว่าจะประชิดตัวเข้ามาแนบชิดกับแผ่นหลังของฉัน ลมหายใจร้อนๆของคนข้างหลังรินรดอยู่ข้างใบหูของฉันช้าๆ
“
” จู่ๆลำแขนแข็งแรงของเขาก็เคลื่อนมาโอบรอบคอของฉันเอาไว้ก่อนจะดึงฉันให้แนบเข้าไปชิดกับอกกว้างของเขา ใกล้ชิดกันจนฉันได้ยินเสียงหัวใจ
เสียงหัวใจของคนข้างหลังที่เต้นเป็นจังหวะเดียวกันกับหัวใจของฉัน!!!
“พี่คิดถึงเธอ
ซอจูฮยอน” เสียงนุ่มที่คุ้นหูเอ่ยเบาๆเป็นภาษาเกาหลี ฉันที่ได้ยินอย่างนั้นก็ตกใจจนต้องยกมือขึ้นมาปิดปากเพื่อปกปิดเสียงสะอื้นที่กำลังจะหลุดตามน้ำตาใสๆออกมา
“อยากกอด อยากจูบ อยากอยู่ใกล้ๆทุกวินาที”
“
”
“พี่คิดถึงเธอมากจริงๆ
” ฉันได้ยินอย่างนั้นก็เลยตัดสินใจหันกลับไปกอดคนร่างสูงแน่นกว่าที่เคยกอด น้ำตาใสๆไหลลงผ่านเสื้อเชิ้ตสีเทาที่เขาใส่ พี่ยงฮวากระชับอ้อมกอดฉันช้าๆก่อนซุกหน้าลงในกลุ่มเรือนผมของฉัน ฉันห้ามน้ำตาไม่ได้สักทีจึงตัดสินใจปล่อยให้มันเป็นไป เรากอดกันอยู่อย่างนั้นไม่รู้เลยว่านานเท่าไหร่ รู้เพียงแค่ไม่อยากปล่อยออกก็เท่านั้น
“
” กลิ่นหอมอ่อนๆเฉพาะตัวของพี่ยงฮวายังเหมือนเดิม
“
” อ้อมกอดที่คุ้นเคย แม้จะไม่ได้สัมผัสมาเนิ่นนานแต่ก็ยังอุ่นอยู่เสมอ
“
” น้ำเสียงนุ่มหูที่ไม่ได้ฟังมานานแต่ก็ยังตรึงอยู่ในใจ
“
” ที่สำคัญคงจะเป็นเสียงเต้นของหัวใจละมั้งที่เป็นคำตอบทุกอย่าง
ความรู้สึกที่ได้กอดแจฮันเทียบไม่ได้เลยกับอ้อมกอดนี้ของพี่ยงฮวา ฉันซุกหน้าแนบแน่นลงไปอีกเพื่อฟังเสียงหัวใจของเขาที่มันเต้นพร้อมกันกับหัวใจของฉันอยากจะฟังให้ชัดกว่านี้ พี่ยงฮวาคลายอ้อมกอดออกช้าๆก่อนจะดันตัวฉันออกมา แรกๆฉันไม่ยอมปล่อยมือจากเอวของเขาเลย หากแต่ถัดมาก็ต้องยอมคลายออกเพื่อจะได้เงยหน้ามามองคนตรงหน้าได้ถนัดตา
“
”
“
” เราสบตากันอยู่แค่นั้นก่อนที่ฉันจะรู้ตัว ริมฝีปากนุ่มของพี่ยงฮวาก็ทาบทับลงมาเพื่อจะมอบความหอมหวานและนุ่มนวลอ่อนโยนให้แก่ฉัน จูบแสนหวานที่ไม่ได้รับมานาน เมื่อได้จูบในวันที่ห่างกันไกลอย่างนี้ มันเลยรู้สึกว่าจูบนี้หอมหวานกว่าจูบไหนๆที่เราเคยมีให้กันและกัน
วินาทีที่พี่ยงฮวาจูบฉันนั้น ฉันรู้ได้เลยจริงๆว่าทั้งหัวใจ ร่างกายและจิตวิญญาณของฉัน
มันเป็นของเขาไปหมดแล้วจริงๆ ฉันยกมันทั้งหมดให้เขาแล้วจริงๆ
สามีของฉัน จองยงฮวาคนนั้นน่ะ
"-------------------------------------------------------------
TT____________TT
จบตอนแล้วจ้า จบตอนนะไม่ใช่จบเรื่อง *w*
ใครคิดว่าแค่นี้จะจบเรื่องละก็ คิดผิดซะแล้วววว
ยังเหลืออีกหนึ่งฉากสำคัญที่ไม่มีในฟิคเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆค่ะ
(ก็ตอนหน้านั่นแหละที่ฉากนั้นจะได้ออกมา พูดเหมือนอีกนานเนอะ)
ใช่แล้ววว ตอนจบเรื่องจริงๆน่ะตอนหน้านี่เองค่ะ
สำหรับใครที่ลุ้นว่าสุดท้ายน้องซอจะหวั่นไหวกับแจฮันมั๊ยก็โล่งใจได้เลย
ฟิคเรื่องนี้ชื่อยงซอนี่เนอะ จะให้จบแบบน้องซอไปคู่คนอื่นได้ไง
ที่มีมาก็แค่เพิ่มสีสันกระตุกต่อมความหวั่นไหวเท่านั้นเองค่ะ
อ้อ!วันนี้หวานมีของมาฝาก ไม่รู้จะชอบกันรึเปล่านะคะ
เป็นยังไงงงงงงง หวานทำเองเลยนะเนี่ย ไม่เก่งโฟโต้ช็อปแบบสุดๆอ่ะTwT
เห็นหลายคนสอบถามเข้ามาเรื่องรวมเล่ม
หวานปลาบปลื้มมากจริงๆ ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้มีโอกาส
แต่งฟิคจนมีคนเสนอให้พิมพ์เป็นเล่ม
ก็เลยเอามาฝากให้เก็บไปคิดกันนะคะว่าสนใจฟิคยงซอหวานๆเล่มนี้รึเปล่า
มันอาจจะหนาหน่อยนะคะ แต่จะพยายามให้ไม่หนาจนไม่สวยละกันเนอะ
ใครที่สนใจก็โพสความเห็นไว้ได้เลย
สำหรับใครที่ไม่อยากซื้อ พอเห็นปกแล้วจะเปลี่ยนใจก็ยังทันนะคะ
ไว้ยังไงรอตอนหน้าตอนจบ หวานจะขอเวลาจัดหน้ากระดาษอีกหน่อย
รายละเอียดอื่นๆแบบละเอียดจะมาหลังตอนจบนะคะ อดใจอีกนิดนะคะ
ขอบคุณจริงๆที่รักฟิคเรื่องนี้
ขอบคุณที่รักยงซอ
ขอบคุณที่รักหวานด้วยนะ >/////<
หวานก็รักคุณเหมือนกันนะคะ
ไอแอมพีเอสสึ
ความคิดเห็น