ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    YongSeo --------- Just say 'YES'

    ลำดับตอนที่ #24 : ตอนที่18

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.27K
      24
      15 ม.ค. 55

     

    ตอนที่
    18

     

     

    มินฮยอกตื่นขึ้นมาในเช้าวันถัดมา เขาพบว่าอาการตัวร้อนของเขานั้นหายไปแล้ว เหลือก็แต่เพียงอาการหน่วงๆในหัวเท่านั้น ร่างสูงหยิบผ้าขนหนูสีขาวออกก่อนจะค่อยๆยันตัวเองลุกขึ้นมามองรอบๆ ดวงตาตีบๆ(?)นั้นของเขาค่อยๆหรี่มองรอบห้องอย่างแปลกใจ ก่อนเขาจะมาสะดุดตากับยางมัดผมเส้นใหญ่ๆสีชมพูห้อยรูปสตรอเบอรี่เอาไว้หล่นอยู่บนพื้นข้างหัวเตียง นิ้วเรียวเอื้อมออกไปเก็บมันไว้ก่อนความคิดในหัวจะเริ่มทำงานว่าใครเป็นเจ้าของยางเส้นนี้กัน

     

    แกร๊ก

    อ้าวตื่นแล้วหรอ ออกมากินข้าวต้มข้างนอกสิ ฉันทำเอาไว้ให้แล้วเสียงหวานๆของคนที่เข้ามาเปิดประตูเรียกความสนใจให้แก่มินฮยอกเป็นอันมาก
    เธอมาอยู่นี่ได้ยังไงน่ะ?
    ฉันต้องถามนายต่างหากล่ะว่านายมาอยู่นี่ได้ยังไง
    ”…” มินฮยอกเงียบลงก่อนจะครุ่นคิดว่าเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เขาจำได้ว่าสติการรับรู้ของเขาดับวูบลงไปตอนที่เขากำลังจะเคาะประตูห้องพี่ยงฮวา แต่แล้วใบหน้าของซูซี่ก็ลอยเข้ามาในหัวของเขาซะก่อน มารู้ตัวอีกทีเขาก็กลับมาอยู่ในห้องซะแล้ว
    นายเป็นลมอยู่หน้าห้องเมื่อคืนซูซี่พูดเสียงเรียบก่อนจะตักข้าวต้มร้อนๆมาวางให้มินฮยอกที่เดินออกมานั่งที่โต๊ะอาหารอย่างมึนๆ
    แล้วเธอพาฉันเข้ามาหรอ เธอดูแลฉันงั้นหรอ?

    ไม่ใช่ฉันแล้วจะเป็นใครที่ไหนล่ะ กินซะแล้วก็กินยาจะได้หายเร็วๆเบซูซี่จัดน้ำอุ่นๆและยาวางเอาไว้ให้มินฮยอกเรียบร้อยก่อนตัวเองจะเข้าไปในห้องเพื่อแต่งตัว

    วันนี้ฉันมีเรียน ถ้านายไม่สบายมากๆก็พยายามเดินไปห้องพี่ซอฮยอนนะหญิงสาวพูดแค่นั้นก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

    เดี๋ยวสิซูจี!” มินฮยอกลุกขึ้นก่อนจะวิ่งไปคว้าแขนเล็กๆของร่างบางตรงหน้าเอาไว้ก่อน

    นี่….ฉันว่าฉันไม่ได้หูฝาดแล้วนะ นายเรียกฉันว่าซูจีอีกแล้ว
    ไม่เอาน่า ฉันเรียกเธอว่าซูซี่ต่างหากมินฮยอกรีบแก้ต่างอย่างรวดเร็วก่อนจะหันหน้าหนีเธอเพื่อหลบสายตาคมที่กำลังจ้องมาที่เขาอย่างจับผิด
    หันหลังมานี่หน่อยสิเมื่อพูดออกไปอย่างนั้นแล้วร่างสูงก็ไม่รอคำตอบ คังมินฮยอกกลับหมุนตัวคนตรงหน้าให้หันหลังมาหาตัวเองก่อนนิ้วเรียวของเขาจะค่อยๆรวบผมเหยียดตรงยาวสลวยของซูซี่ขึ้นมาช้าๆ
    นะ นายทำบ้าอะไรน่ะไอ้ตีบ!” คนร่างบางทำได้แค่ตะโกนเสียงดังเท่านั้น เพราะหากเธอขยับตัวแรงกว่านี้เธอก็จะเจ็บหัวกันพอดี
    อยู่เฉยๆน่า…” มินฮยอกพูดอย่างใจเย็นก่อนจะค่อยๆรวบผมของซูซี่ขึ้นช้าๆและเขาก็ใช้ยางมัดผมที่เก็บได้มัดให้เธอ ถ้าซูซี่เป็นคนดูแลเขายางมัดผมเส้นนี้ก็คงจะเป็นของซูซี่แน่นอน
    ฉันชอบให้เธอมัดผมมากกว่านะมินฮยอกพูดกับร่างบางตรงหน้าเพียงแค่นั้นก่อนจะเดินยิ้มกับตัวเองกลับไปนั่งกินข้าวต้มต่ออย่างมีความสุข
    นะ นาย…” ในตอนนี้ซูซี่ได้แต่ยืนงงกับการกระทำของคนร่างสูง
    รีบไปเรียนสิเด็กน้อย~” มินฮยอกตะโกนออกมาจากโต๊ะอาหาร ซูซี่ได้ยินอย่างนั้นก็รีบออกไปจากห้องทันที เมื่อออกมาอยู่นอกห้องร่างบางก็เอนตัวพิงกับประตูอย่างอ่อนแรง ทำไมความรู้สึกเมื่อตอนถูกไอ้ตีบมัดผมให้ถึงดูคุ้นเคยจังเลยล่ะ เบซูซี่ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ และพยายามที่จะไม่คิดถึงอ้อมกอดอบอุ่นคืนนั้นอีก เพราะความรู้สึกในตอนนั้นมันช่างเหมือนกับตอนที่ถูกมินฮยอกมัดผมให้ยังไงอย่างนั้น

     

     

     

     
    ห้องของยงซอ 

    อื้อออ~” ซอฮยอนขยับตัวเล็กน้อยเมื่อแสงแดดยามเช้าสาดส่องมากระทบกับเปลือกตาของเธอ หญิงสาวพลิกตัวไปมาก่อนจะหันมามองมือของตัวเองที่ยังคงถูกมือหนาของอีกคนที่นอนอยู่ข้างเตียงกอบกุมเอาไว้
    คิก…” ร่างบางหัวเราะกับตัวเองเบาๆก่อนจะปลดมือของยงฮวาออกอย่างแผ่วเบา เมื่อเธอกำลังจะลงจากเตียงไปนั่นเอง ฝ่ามือที่ถูกปลดออกก็คว้าหมับเข้าให้ก่อนจะดึงร่างบางเข้าสู่อ้อมแขนทันที
    ว้ายย! พี่ยงฮวาคะ เล่นอะไรเนี่ยตอนนี้ร่างบางกำลังโถมทับลงไปบนตัวของจองยงฮวา ชายหนุ่มดึงให้หญิงสาวนอนลงข้างๆตัวเองก่อนจะกอดร่างบางของซอฮยอนแนบแน่นกว่าเดิม
    ก็แค่อยากกอดเอง…” เสียงนุ่มๆกระซิบที่ข้างหูคนเป็นภรรยาอย่างออดอ้อน
    ปล่อยเถอะค่ะพี่ยงฮวา ฉันจะออกไปเตรียมอาหารเช้าแล้วซอฮยอนดิ้นขยุกขยิกไปมาแต่ทว่ายิ่งเธอขยับตัวมากเท่าไหร่คนร่างสูงก็กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นเท่านั้น
    ไม่ได้อยากกินข้าวซะหน่อย…” ไม่ว่าเปล่าริมฝีปากนุ่มก็จุมพิตลงข้างแก้มใสของคนในอ้อมแขนทันที
    พะ พี่คะ! เมาค้างหรือไงเนี่ยซอฮยอนได้แต่เขินอายต่อการกระทำของคนร่างสูง ยงฮวาเห็นอย่างนั้นก็ยอมปล่อยแขนแกร่งออก ก่อนจะพลิกตัวให้ร่างบางหันหน้ามาหาตน
    ตื่นเช้ามาได้เจอหน้าภรรยาคนสวยแบบนี้รู้สึกดีจัง การแต่งงานมันดีแบบนี้นี่เองเนอะฮยอน~” น้ำเสียงนุ่มยังคงพูดไปเรื่อยอย่างมีความสุข แต่คนฟังกลับก้มหน้างุดๆไม่กล้าสบตาคนตรงหน้า
    ฮ่าๆ โอเคๆพี่ไม่แกล้งแล้วก็ได้สุดท้ายยงฮวาก็ต้องยอมแพ้ให้กับความน่ารักของคนในอ้อมกอด
    บางทีฉันก็ชักจะอยากให้พี่กลับไปพูดไม่ได้แล้วนะรู้รึเปล่าซอฮยอนพูดกับคนตรงหน้าด้วยความขี้เล่นก่อนจะแลบลิ้นแล้วทำท่าจะลุกวิ่งหนีออกไปจากห้อง
    อะไรกันฮยอน~ พี่พูดได้แบบนี้ดีกว่าตั้งเยอะ เธอจะได้ไม่ต้องคิดอะไรไปเองไง
    ก็พี่พูดแต่อะไรหวานๆบ่อยขนาดนี้ คนฟังอย่างฉันก็เขินเป็นนี่นา >///<” ซอจูฮยอนเผยความในใจออกมาตรงๆ เพราะถ้าเธอเอาแต่เก็บอาการไว้คนร่างสูงก็คงจะเอาแต่พูดหยอกเธอแบบนี้ทุกวันเป็นแน่ หัวใจเธอก็เลยจะได้ทำงานหนักทุกวันสิคราวนี้
    ไม่เห็นหวานเลย พี่ก็แค่พูดไปตามที่ใจอยากพูดยงฮวาพูดอย่างจริงจังก่อนจะดึงร่างบางเข้ามาใกล้ตัวอีกครั้ง

    เธอไม่รู้หรอกว่าพี่อยากพูดคำพวกนี้มากแค่ไหนตอนที่พี่ยังพูดไม่ได้พูดจบริมฝีปากนุ่มก็ประทับลงไปบนหน้าผากมนสวยก่อนจะผละออกมา

    หรืออยากให้พี่ไปพูดแบบนี้กับคนอื่นกันหล่ะ?

    ถ้าพี่ไปพูดหยอกสาวที่ไหนละก็ ฉันจะหนีไปจริงๆด้วยซอฮยอนไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังตกหลุมพรางของคนตรงหน้า ร่างบางพูดเสียงดังด้วยน้ำเสียงหนักแน่นกว่าทุกครั้ง นิ้วเรียวชี้ไปที่คนขี้เล่นตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง

    หึงพี่แล้วหรอฮยอน~” ยงฮวายิ่งได้ใจเมื่อเห็นอาการของคนตัวเล็ก
    ใครหึงพี่กันนะหลงตัวเองจริงๆเลย แบร่~” แล้วซอฮยอนก็แลบลิ้นใส่คนตรงหน้าก่อนจะรีบสะบัดตัวออกจากอ้อมแขนแล้ววิ่งออกไปนอนห้องทันที ยงฮวาเห็นท่าทางแบบนั้นก็ได้แต่หัวเราะกับตัวเองเบาๆ

     

    มันช่างเป็นเช้าที่ดีจริงๆ คุณว่างั้นมั๊ย J

     

     

    คนบ้าพี่ยงฮวาบ้า…” ฉันวิ่งออกมาจากห้องอย่างรวดเร็วด้วยหัวใจที่เต้นรัว ก่อนจะแปลกใจที่เห็นพี่จงฮยอนหรือจองชินชินกูนอนอยู่ที่ห้องรับแขกเลย เมื่อเดินเข้าไปใกล้ก้เห็นโน้ตแผ่นหนึ่งแปะอยู่หนน้าโทรทัศน์เครื่องใหญ่

     

    ขอโทษที่รบกวนนะจูฮยอน ฉันคิดว่ากว่าเธอกับพี่ยงฮวาจะตื่นคงสายๆแหละ คึคึ~ ฉันกับพี่จงฮยอนกลับห้องแล้วไม่ต้องห่วงพวกเรา ปล.ฉันเขินแทนเธอได้มั๊ยนะ ฮ่าๆๆ จากจองชินชินกู เพื่อนของเธอ


    >///< ” นี่มันโน้ตอะไรเนี่ย นี่จองชินคิดไปถึงไหนกันนะ ฉันกับพี่ยงฮวายังไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นซักหน่อย
    ฮยอน~ อ้าวสองคนนั้นไปไหนแล้วล่ะพี่ยงฮวาที่อาบน้ำเสร็จแล้วเดินออกมาหาฉัน
    กลับห้องแล้วค่ะ พี่รอแปบนึงนะคะเดี่ยวฉันไปเตรียมอาหารก่อนฉันรีบขยำโน้ตแผ่นนั้นไว้ในมือแล้วเบี่ยงตัวออกไปอย่างเร็ว เรื่องอะไรจะให้พี่ยงฮวาได้อ่านล่ะ ถ้าพี่เขาได้อ่านนะฉันคงจะเขินจนไม่กล้ามองหน้าพี่ยงฮวาแน่ๆ


    พี่จะเริ่มซ้อมดนตรีกันตอนไหนคะ เมนูเช้านี้ฉันทำข้าวผักอเมริกันให้พี่ยงฮวา ระหว่างที่เรานั่งกินข้าวกันอยู่นั้นฉันเลยเอ่ยถามเขาถึงเรื่องการฟอร์มวงอีกครั้ง
    พี่ว่าจะดูอาการมินฮยอกก่อน ถ้าทำได้ก็อยากรีบๆซ้อมจะได้ส่งเดโมไปให้บริษัทเพลงซักที

    งั้นช่วงนี้พี่คงได้ไปอยู่ที่ห้องนู้นบ่อยๆแน่เลยสิคะ
    ทำไมหรอฮยอน~ พี่ไม่ได้หนีไปค้างซะหน่อย ยังไงพี่ก็จะกลับมานอนให้เธอกอดทุกคืนนั่นแหละน่า
    พี่ยงฮวา!! ใครกอดพี่กันคะ มีแต่พี่แหละจับมือฉันนอนอยู่ทั้งคืนเลยไม่ปวดมือบ้างหรือไงนะ คนบ้า…” ฉันปฏิเสธเสียงแข็งก่อนจะก้มหน้าซ่อนความเขินอายลงไปกินข้าวผัดในจานเงียบๆ
    รักหรอกนะถึงหยอกขนาดนี้รู้รึเปล่า……” พี่ยงฮวาลากเสียงยาวก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาหาฉัน
    พี่ยงฮวา! เล่นแบบนี้อีกแล้วนะ  พี่คะฉัน…”
    ”…”
    ฉันเขินพี่จริงๆนะคะ สงสารฉันบ้างสิ TT/////TT” ฉันพูดตรงๆออกไปอีกครั้งก่อนจะตักข้าวผัดเข้าปากอย่างไม่สนใจคนตรงหน้าที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างพอใจ
    โอเคๆ ไม่แกล้งแล้วจ้ะคนดีของพี่~” พี่ยงฮวาหัวเราะกับตัวเองเล็กน้อยแล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวผัดอย่างเอร็ดอร่อย
    นี่ฮยอน~ ไม่มีชื่อเล่นให้พี่บ้างหรอ แบบที่พี่เรียกเธอว่า ฮยอนเฉยๆน่ะ
    ชื่อเล่นหรอคะ?
    ก็ถ้าเป็นเธอ เห็นหน้าพี่แล้วอยากเรียกพี่ว่าอะไรล่ะ?พี่ยงฮวาถามขึ้นมา ก่อนจะมองหน้าฉันอย่างรอคำตอบ ฉันเองก็มองหน้าเขาก่อนจะคิดตามคำถามนั้น
    เรียกชื่อเล่นพี่หรอคะอืม…” ฉันก้มหน้าครุ่นคิดอย่างหนักก่อนจะเงยหน้ามองเขาเป็นระยะๆ
    พอแล้วล่ะฮยอน~ พี่ไม่หนีไปไหนหรอก อีกสิบปียี่สิบปีหรือร้อยปีเธอคิดออกตอนไหนค่อยบอกพี่ตอนนั้นก็ได้

    พี่ประชดฉันหรอเนี่ย  แต่พี่คะ ฉันขอโทษนะพี่ยงฮวา ฉันคิดไม่ออกจริงๆนี่…” ฉันบอกอย่างรู้สึกผิด ก็ฉันไม่ถนัดเรื่องพวกนี้นี่นา เกิดมาก็มีแต่เรียกชื่อจริงไม่ก็นามสกุลของคนอื่นทั้งนั้น

    ไม่ได้ประชดซะหน่อย พี่ต้องการจะบอกเธอว่าพี่จะอยู่กับเธอไปนานแสนนาน เพราะงั้นไม่ต้องรีบร้อนก็ได้ เห็นเธอเครียดหนักขนาดนั้นก็แค่เป็นห่วง ไว้คิดออกเมื่อไหร่ค่อยบอกไง เด็กน้อยเธอคิดไปถึงไหนแล้วเนี่ย หือออพี่ยงฮวาส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ฉันก่อนจะตักข้าวผัดเข้าปากต่ออย่างมีความสุข

    ยงโยงงยงงง~”

    หืมมม ?พี่ยงฮวาเลิกคิ้วมองหน้าฉันเล็กน้อยเมื่อจู่ๆฉันก็เรียกเขาขึ้นมาแบบนั้น
    ฉันเรียกพี่แบบนี้ดีมั๊ยนะยงงง
    โอเคๆๆพี่ชอบชื่อนั้นนะ เรียกพี่แบบนั้นแหละ ยงงง…” พี่ยงฮวาหัวเราะชอบใจกับชื่อใหม่ก่อนจะเริ่มพูดตามแบบฉันทันที
    ฉันว่ามันแปลกๆนะคะพี่
    ไม่แปลกหรอกน่า เป็นเอกลักษณ์ดีออกคนร่างสูงส่งยิ้มอบอุ่นมาให้อีกครั้งก่อนจะตักข้าวผัดคำสุดท้ายเข้าปากแล้วยื่นจานเปล่ามาให้ฉัน
    ขอเพิ่มข้าวด้วยครับผมคุณนายจอง
    บะ บ้าถ้าพี่เรียกฉันว่าคุณนายจองอีกครั้งฉันจะไม่พูดกับพี่แล้วนะคะพี่ยงฮวา
    ไม่เอาๆ เรียกยงงง~ก็พอ ไม่ต้องมีคำว่าพี่ด้วย พูดกับพี่แค่ยงงง~ก็พอนะต่อไปนี้

    เฮ้อออ ฉันส่ายหัวให้กับเด็กประถมยงของฉันอย่างขำๆแล้วก็ลุกไปตักข้าวผัดเพิ่มให้เขา
    พี่จะไปห้องนั้นเมื่อไหร่คะ
    พี่คงไปรับมินฮยอกที่บ้านก่อน ไม่รู้ว่าป่านนี้ไข้จะลดรึยังน่ะฉันควรจะบอกพี่ยงฮวามั๊ยนะว่าตอนนี้มินฮยอกน่ะอยู่ที่นี่แล้ว?
    พี่ยงฮวาคะ คือจริงๆแล้วเมื่อวานนี้มินฮยอกเขา…”
    พี่ยงฮวาาาาา !!!!” ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบประโยค เสียงหวานๆก็ดังขึ้นมาก่อนเจ้าของเสียงตัวสูงจะวิ่งเข้ามากอดพี่ยงฮวาอย่างรักใคร
    อะไรเนี่ย แกมากอดพี่ทำไมเล่าเด็กคนนี้นี่
    ผมดีใจจังที่พี่กลับมาพูดได้อีกครั้งน่ะมินฮยอกพูดอย่างมีความสุขในขณะที่แขนของเขาก็โอบรอบตัวของพี่ยงฮวาเอาไว้
    ผมรักพี่จังเลย~” มินฮยอกไม่พูดเปล่าหากแต่เจ้าตัวโน้มลงไปหอมแก้มพี่ชายสุดที่รักฟอดใหญ่จนคนเป็นพี่ถึงกับทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว
    นี่แกมาหอมพี่ทำไมเนี่ยย ปล่อยเลยๆ
    ไม่เอาหรอก ผมจะกอดพี่ไว้งี้แหละวันนี้!”
    ดื้อจริงๆเลย น้องชายใครกันน้า~” พี่ยงฮวาหัวเราะกับคนตรงหน้าก่อนจะชกไปเบาๆที่ไหล่ของมินฮยอก
    ผมดีใจจริงๆนะฮะ
    รู้แล้วน่าว่าดีใจ พี่เองก็ดีใจที่กลับมาพูดได้เหมือนกันแล้วสองพี่น้องก็ตบไหล่กันไปมาและหัวเราะอย่างมีความสุข

    นี่หายดีแล้วใช่มั๊ย พี่คุยกับสองคนนั้นแล้วนะ พวกเราตกลงว่าจะมาฟอร์มวงกันอีกครั้ง นายพร้อมรึยัง

    ผมน่ะพร้อมยิ่งกว่าพร้อมอีกนะฮะจะบอกให้

    งั้นดี เราจะเริ่มซ้อมกันวันนี้เลย!” พี่ยงฮวาบอกเสียงหนักแน่นก่อนสองพี่น้องจะแท็กมือกันอย่างมีความสุขแล้วมินฮยอกก็วิ่งกลับไปที่ห้องของเขาเพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการซ้อมดนตรี

     

    ฉันดีใจจังเลยค่ะที่เรื่องดีๆกำลังเข้ามาหาเราแล้วฉันพูดขึ้นเมื่อพี่ยงฮวาเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ
    พี่เองก็รู้สึกตัวพองๆยังไงไม่รู้สิฮยอน เหมือนกับมันจะได้ปลดปล่อยอะไรบางอย่างออกไปละมั้ง
    ฉันจะรอฟังเพลงของพี่นะคะยงงง~” ฉันให้กำลังใจพี่ยงฮวาด้วยการเอื้อมมือไปบีบมือคนตรงหน้าเบาๆ พี่ยงฮวาบีบมือตอบกลับมาก่อนเขาจะกินข้าวผัดต่อไปทั้งๆที่จับมือฉันเอาไว้อย่างนั้นไม่ยอมปล่อยสักที ฉันว่าจะไปล้างจานเลยได้แต่นั่งเท้าคางปล่อยให้มือหนากอบกุมมือของฉันเอาไว้อย่างนั้น สายตาก็มองไปคนตรงหน้าที่ดูจะมีความสุขทุกครั้งที่ตักข้าวผัดของฉันเข้าปาก ฉันก็อยากจะบอกพี่ยงฮวาเหมือนกันว่าฉันเองก็มีความสุขไม่น้อยไปกว่าเขานักหรอก

     

     

     


    จะเริ่มแล้วนะ…” ตอนนี้ฉันกับพี่ยงฮวาก็มาอยู่ในห้องของสามหนุ่มเรียบร้อยแล้ว สภาพห้องที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นเหมือนเวทีขนาดย่อมถูกจัดขึ้นอย่างรวดเร็ว ผนังที่บุไว้ด้วยแผ่นเก็บเสียงอย่างหนา ต่อให้พวกเขาเล่นดนตรีกันเสียงดังแค่ไหนก็คงจะไม่มีใครว่าได้อย่างแน่นอน (Writer say : มันคือฟิคค่ะ ความจริงข้างห้องคงเดินมาด่าแล้วอย่างแน่นอน55555) ทันทีที่พี่ยงฮวาพูดเรียกสมาธิ มินฮยอกที่นั่งอยู่ตำแหน่งกลองก็เคาะไม้กลองสามครั้งให้สัญญาณ

    ลุยกันเลยยยยย!!!”

    และแล้วการซ้อมดนตรีที่แสนจะเข้มข้นก็กำลังเริ่มต้นขึ้น !

     



     

    หอพักของโซนยอชิแด


    ซอจูอาาาาา~มาแล้วหรอหลายวันมานี่ฉันมักจะมาขลุกตัวอยู่ที่หอพักของพี่ๆโซนยอชิแดซะมากกว่า เพราะว่าช่วงนี้สี่หนุ่มนั่นกำลังซักซ้อมกับการฟอร์มวงอย่างขะมักเขม้น ฉันเองอยู่แต่ห้องก็ไม่รู้จะทำอะไร บังเอิญที่พี่ยูริโทรมาชวนให้เข้าไปเล่นด้วยกันที่หอฉันก็เลยแวะมาเล่นที่นี่บ่อยๆจนเรียกได้ว่าแทบจะเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้ว
    วันนี้ก็ต้องรบกวนพี่ๆอีกแล้วนะคะ
    ย่าห์~ พูดยังกับเราไม่เคยรู้จักกันงั้นแหละ นี่พี่สาวเธอนะพี่ซูยองพูดขึ้นเมื่อฉันเดินเข้าไปที่ห้องรับแขก
    ฉันก็แค่รู้สึกว่ามันไม่ใช่ที่ของฉันแล้วน่ะค่ะ…” ฉันพูดแค่นั้นก่อนจะยิ้มแห้งๆให้กับพี่ทุกคน

    มานี่กับพี่หน่อยสิ มาดูกันว่าที่นี่มันยังไม่ใช่ที่ของเธอจริงหรอพี่ซันนี่จูงมือฉันเข้าไปยังห้องของเรา ห้องที่ฉันเคยนอนเมื่อครั้งยังเป็นโซนยอชิแดอยู่ ฉันเป็นรูมเมทกับพี่ซันนี่น่ะค่ะ ฉันเดินตามคนตัวเล็กที่จูงมือฉันไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูบานคุ้นเคยก่อนจะค่อยๆเปิดเข้าไปดูช้าๆ
    ”…” ภาพที่ฉันเห็นมันทำให้ฉันกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จริงๆ ผ้าปูที่นอนลายโปรด ตุ๊กตาตัวโปรด หมอนข้างใบโปรด ทุกๆอย่างมันยังคงวางอยู่ในที่ของมันเหมือนเดิมเมื่อครั้งที่ฉันย้ายออกมา
    ไม่มีใครทำอะไรกับมันเลยนะมักเน่…” พี่แทยอนเดินมาจับมืออีกข้างของฉันเอาไว้เบาๆ
    มันคือบ้านของเธอเสมอนะเมื่อฉันหันกลับไปมองก็เห็นว่าพี่เจสสิก้านั่นเองเป็นคนพูดประโยคนั้น
    ขอบคุณมากๆนะคะ พี่ซันนี่นอนคนเดียวคงเหงามากใช่มั๊ยเนี่ย~” ฉันคิดว่าฉันไม่ควรจะทำให้พี่เขาต้องเป็นห่วงสิ ฉันน่ะเข้มเเข็งมากกว่าที่คุณเห็นอีกนะคะ  
    ฉันซื้อพิซซ่ากับไก่ทอดเข้ามาฝากด้วยค่ะ มาทานกันสิคะฉันปาดน้ำตาก่อนจะเดินจูงมือพี่ๆไปนั่งล้อมวงกินอาหารที่ฉันเตรียมมาอย่างเอร็ดอร่อย
    พี่ทิฟฟานี่กับพี่ฮโยยอนจะกลับมาตอนไหนคะ พี่ยุนอาก็ไม่อยู่ด้วยนี่ฉันถามหาพี่สาวอีกสามคนที่ไม่อยู่ในห้องก่อนจะจัดอาหารใส่จานทีละอย่าง
    ทิฟฟานี่กับฮโยจะกลับดึกเลยแหละ ส่วนยุนอาไปถ่ายแบบเย็นๆคงกลับพี่ยูริตอบก่อนจะช่วยฉันยกน้ำไปเสิร์ฟ

     

    แล้ววันนั้นทั้งวันฉันก็นั่งคุยกับพี่ๆทั้งห้าคนถึงเรื่องราวต่างๆ ทั้งเรื่องพี่ยงฮวาที่ฉันยังไม่เคยพามาเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปจนถึงเรื่องภายในครอบครัวของเรา พี่ๆต่างก็อิจฉาฉันกันแทบทุกคนเลยหล่ะ ถ้าฉันเล่าออกไปทั้งหมดว่าพี่ยงฮวาพูดหยอกฉันแทบทั้งวันนี่คงได้กรี๊ดกันลั่นห้องแน่ๆ และพี่ๆก็เล่าถึงเหตุการณ์ช่วงแรกๆที่ฉันตัดสินใจลาออกจากวง ทุกคนค่อยๆเล่าย้อนกลับไปถึงช่วงเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกัน และในที่สุดเราก็วกกลับมาถึงเรื่องปัจจุบัน ที่อีกไม่นานเราจะได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง

    อ๊ะ ซอฮยอนเสียงโทรศัพท์เธอรึเปล่าน่ะ?พี่เจสสิก้าที่ลุกไปเข้าห้องน้ำหยิบกระเป๋าของฉันมายื่นให้ เมื่อฉันหยิบออกมาดูเห็นชื่อคนโทรเข้ามาจู่ๆฉันก็ยิ้มกว้างออกมาทันที
    คุณยงฮวาโทรมาหรือไงน่ะซอจู~ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยนะน้องเราพี่ๆที่เห็นท่าทางแบบนั้นต่างก็พูดแซวฉันกันใหญ่ ฉันจึงเลี่ยงไปคุยที่อื่นเพื่อซ่อนความเขินอายที่มีในตัวจนแทบทะลักออกมา
    ว่าไงคะพี่ยงฮวา

    เมื่อไหร่จะกลับบ้านเราล่ะฮยอนนน~’
    อีกเดี๋ยวก็กลับแล้วหล่ะค่ะ พี่ซ้อมดนตรีเสร็จแล้วหรอปกติเวลานี้ยังไม่เลิกกันนี่คะฉันมองไปที่นาฬิกาบนข้อมือก่อนจะพูดกับคนปลายสายด้วยความสงสัย
    ก็ว่าจะซ้อมอีกสักรอบสองรอบน่ะ แต่พี่คิดถึงเธอเลยโทรมาฟังเสียงเฉยๆไม่ได้หรือไงนะ

    “-//////-” ณ จุดนี้ฉันคิดว่าฉันหัวใจวายไปแล้วค่ะ

    เงียบไปเลยนะเด็กน้อย รู้หรอกน่าว่าเธอเขินพี่ ฮ่าๆพี่ยงฮวาที่ได้ทีก็ถือโอกาสแกล้งฉันต่ออย่างสนุกเลยนะ รู้ว่าคนเขินง่ายแล้วจะพูดหยอกบ่อยๆทำไมก็ไม่รู้

    ฮยอนนน~ ยังอยู่ในสายรึเปล่าน่ะ ฮัลโหล?

    ยะ ยังอยู่ค่ะพี่ยงฮวา ฉันแค่ไม่รู้จะพูดอะไรเฉยๆ” ….ฉันเขินอยู่น่ะค่ะเลยไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปดี -/////-

    รีบกลับมาเถอะฮยอนน่าาาา~’

    อีกสักหน่อยละกันนะคะพี่ยงฮวา ฉันว่าจะรอเจอพี่ๆคนอื่นก่อนน่ะค่ะ ตั้งใจซ้อมนะยงงง~” ฉันพูดเพียงแค่นั้นก่อนจะวางสายอย่างรวดเร็ว เสียงปลายสายตะโกนกลับเข้ามาอยู่แว่วๆ แต่ฉันก็วางสายไปแล้ว เมื่อเดินกลับมาสายตาของพี่ๆทุกคนเรียกได้ว่าจ้องมาที่ฉันไม่วางตาเลยหล่ะ

    แอบไปคุยกันเงียบๆสองคนด้วยสิ เฮ้ออ อิจฉาคนมีสามีโทรตามให้กลับบ้านจังเลยยย~” พี่ซูยองเป็นคนแรกที่เปิดปากแซวฉันขึ้นมา
    ดูหน้ามักเน่สิ แดงไปหมดแล้ว หึยยย~ยัยเด็กน้อยของเราโตเป็นสาวแล้วจริงหรอเนี่ยฉันเดินก้มหน้างุดๆไปนั่งที่ก่อนพี่แทยอนที่นั่งอยู่ข้างๆจะเอียงตัวมาซบแล้วเอื้อมมือมาหยิกแก้มฉันเบาๆ
    ก็แค่โทรคุยกันเฉยๆค่ะ ไม่ได้มีเรื่องหวานแหววซะหน่อยฉันบอกปัดๆก่อนจะเดินไปหาน้ำมาดื่มดับไอร้อนที่ข้างแก้ม ฉันยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกครั้งเมื่อได้รับแรงสั่นน้อยๆเป็นเสียงเตือนว่ามีข้อความเข้า

     

    ถ้ากำลังใจไม่อยู่ตรงหน้า ผมก็ไม่รู้ว่าจะเอาแรงที่ไหนมาซ้อมดนตรีหรอกนะครับ รีบกลับมาให้ผมมองหน้าหน่อยเถอะคุณภรรยา TT___TT’

     

              ฉันหัวเราะคิกคักกับข้อความขี้อ้อนของพี่ยงฮวาอย่างมีความสุข แต่ฉันไม่ตอบหรอกนะ คนแบบนี้ต้องแกล้งบ้างจะได้เข็ด ฉันเดินกลับมานั่งดูหนังกับบรรดาพี่สาวอย่างมีความสุข ฉันคิดว่าแก้มของฉันมันกำลังจะระเบิดยังไงก็ไม่รู้สิ


    ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทั้งวันเลยนะคนแถวนี้น่ะพี่ซันนี่หยิบป๊อบคอร์นมาป้อนฉันก่อนจะแซวฉัน
    อะไรกันคะพี่ ดูหนังเถอะค่ะฉันเบี่ยงประเด็นนั้นด้วยการบอกให้พี่สาวหันไปดูหนังที่กำลังฉายอยู่ในจอแทน แต่ทว่าในหัวของฉันกลับมีแต่ภาพใบหน้าหล่อๆของพี่ยงฮวาพองลมเข้าแก้มเหมือนเด็กน้อยด้วยความไม่พอใจแน่ๆที่ฉันไม่เชื่อฟังเขา ในหัวของฉันมันไม่ได้มีภาพในจอทีวีเลยสักนิดเดียว.....ฉันคิดถึงพี่ยงฮวาจัง TT____TT

     


    ตอนแรกฉันก็ว่าจะอยู่รอเจอพี่สาวคนอื่นก่อน แต่ดูเวลาแล้วใกล้ถึงเวลาที่พี่ยงฮวาจะเลิกซ้อมดนตรีแล้วฉันเลยตัดสินใจขอตัวกลับบ้านมาก่อน ระหว่างทางฉันแวะไปซื้อวัตถุดิบบางอย่างมาด้วยเพราะช่วงนี้เวลาทำอาหารน่ะต้องทำเผื่อท้องสามหนุ่มในวงและอีกหนึ่งสาววัยเรียนอีกด้วย ช่วงนี้เลยกลายเป็นว่าฉันจะได้อยู่ในห้องของตัวเองเฉพาะตอนนอนเท่านั้นแหละ

     

    ฉันกลับเข้ามาในห้องของฉันก่อนจะเข้าครัวอย่างรวดเร็ว ทว่าตอนที่ฉันกำลังสวมผ้ากันเปื้อนอนู่นั่นเอง ฝ่ามือที่คุ้นเคยก็ปิดตาฉันเอาไว้ซะก่อน
    ”…” ลมหายใจอุ่นๆและจังหวะหัวใจที่คุ้นเคยของคนที่กำลังปิดตาเอาไว้ มีหรือซอจูฮยอนจะจำไม่ได้
    ถ้าพี่ไม่เปิดตาฉัน วันนี้งดข้าวเย็นจริงๆนะคะฉันยื่นคำขาดก่อนจะเอื้อมมือขึ้นมาปลดมือของคนตัวสูงที่ยืนแนบชิดอยู่ข้างหลังออก
    เธอใจร้าย…” เสียงนุ่มๆบ่นอุบอิบอยู่ข้างหูของฉัน ฉันหัวเราะกับตัวเองเบาๆก่อนจะเอี้ยวตัวไปมองเขาเพียงแค่ชั่วครู่แล้วก็หันมาทำอาหารต่ออย่างไม่สนใจ

    ฮยอนนน~” พี่ยงฮวายังคงเดินป้วนเปี้ยนอยู่ข้างหลังของฉัน แต่ฉันก็ไม่สนใจเขาแม้แต่นิด เขาจึงเดินเลี่ยงไปนั่งพักที่โซฟาแทน ฉันมองตามไปอย่างขำๆกับท่าทางเหมือนเด็กน้อยของเขาก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิบผมไม้กับนมสดออกมาเพื่อทำน้ำปั่นให้พี่ยงฮวา

    ดื่มก่อนสิคะจะได้สดชื่นฉันเดินไปยื่นแก้วน้ำปั่นให้คนตรงหน้า พี่ยงฮวารับไปด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ ฉันกลั้นหัวเราะมองคนตรงหน้าครู่หนึ่งก่อนจะกลับไปทำอาหารโดยไม่สนใจเขาตามเดิม
    ”…” ไม่นานอาหารมื้อใหญ่ก็ถูกเตรียมเสร็จ ฉันเดินเข้าไปว่าจะล้างหน้าล้างตาสักหน่อย แต่คนตัวสูงกลับไวยิ่งกว่า พี่ยงฮวาสวมกอดฉันในจังหวะที่ฉันกำลังเดินไปเข้าห้องนอน
    อะไรกันคะเนี่ยพี่ยงฮวาฉันดิ้นเล็กน้อยอยู่นอ้อมกอดของคนข้างหลัง แต่อ้อมแขนแข็งแรงดูจะไม่มีที่ว่างให้ฉันได้หลุดออกไปเสียเลย
    ฮยอนใจร้าย…” พี่ยงฮวาพูดอย่างน้อยใจที่ข้างหูของฉัน ฉันหัวเราะกับตัวเองอย่างมีความสุขที่ทำให้เขารู้สึกซะบ้างเวลาโดนแกล้งมันเป็นยังไง
    ฉันทำอะไรงั้นหรอคะ หืมมม ?ฉันเอียงคอตอบพี่ยงฮวาอย่างล้อเลียน นั่นยิ่งทำให้เขากอดฉันแน่นยิ่งขึ้นไปอีก
    ก็เธอไม่ตอบข้อความพี่ บอกให้รีบกลับมาหาก็ไม่ยอมมาอีก พี่ไม่มีกำลังใจจะซ้อมจริงๆนะฮยอน ถ้าวงพี่เล่นไม่ดีพี่จะให้สามคนนั้นน่ะโทษเธอเลยคอยดู
    เหเกี่ยวอะไรกับฉันละคะพี่ พี่น่ะแหละต้องมีสมาธิอยู่กับงานของตัวเองสิคะ ไม่มีสมาธิแบบนี้พอเป็นนักร้องจริงๆแล้วจะแย่เอานะคะฉันบอกเขาอย่างจริงจัง เพราะว่าการแสดงบนเวทีน่ะถ้าหลุดแม้แต่วินาทีเดียวงานทั้งงานนั้นอาจจะล่มเลยก็เป็นได้
    ไม่รู้หล่ะ ก็ตอนนี้พี่ยังไม่ได้เป็นนักร้องซะหน่อย
    พี่นั่นแหละดื้อออฉันหยิกลงไปบนแขนของพี่ยงฮวาเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว เขาค่อยๆคลายอ้อมกอดออกช้าๆก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นกุมมือฉันแทน ตอนนี้ฉันถูกคนร่างสูงหมุนตัวให้ไปยืนสบตากับเขาซะแล้ว
    พี่แค่อยากให้เธอได้เห็นว่าพี่เท่แค่ไหนเวลาร้องเพลงแค่นั้นเอง…” พี่ยงฮวาพูดอย่างน้อยใจก่อนจะก้มหน้าลงไปบ่นอะไรอีกนิดหน่อยคนเดียว ฉันหัวเราะให้กับความเป็นเด็กไม่รู้จักโตของเขาก่อนจะเขย่งปลายเท้าขึ้นไปหอมแก้มคนตัวสูงเบาๆ และการกระทำนี้มันเป็นอะไรที่ฉันไม่อยากเชื่อตัวเองจริงๆว่าฉันทำมันลงไปแล้ว
    หายเหนื่อยรึยังคะยงงง~” ฉันยิ้มหวานส่งให้ตบท้ายก่อนคนตรงหน้าจะแย้มรอบยิ้มอบอุ่นส่งมาให้เหมือนกัน
    ยิ่งกว่าหายเหนื่อยเลยล่ะพี่ยงฮวาตอบกลับมาด้วยสีหน้ามีความสุขก่อนเราจะหัวเราะออกมาพร้อมกัน

     

    ในตอนนี้ ห้องทั้งห้องเลยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะที่แสนจะอบอวลไปด้วยความสุขของคนสองคน ที่เริ่มจะรู้จักการปรับตัวเข้าหากัน ถ้าซอจูฮยอนเลือกที่จะไม่แสดงออกหรือไม่กล้าที่จะแสดงความกล้าเพื่อความรักออกไปบ้าง ชีวิตคู่ที่จองยงฮวาต้องเป็นฝ่ายเข้าหาเธออย่างเดียวคงจะไม่สุขสันต์เป็นแน่ แต่ทว่าในตอนนี้ร่างบางกำลังจูนตัวเองเข้าหาร่างสูงช้าๆ มันไม่ง่ายเลยสำหรับเด็กสาวที่ไม่ประสีประสาเรื่องแบบนี้อย่างซอจูฮยอน แต่เธอก็อยากให้คนตรงหน้ารู้เอาไว้ว่าเธอเองกำลังพยายามเพื่อเขาอยู่เหมือนกัน เธอกำลังพยายามเพื่อความรักของเขาทั้งสองคนอย่างสุดความสามารถเลยล่ะ

     










    "-------------------------------------------------------------

    Talk with writer :



    สวัสดีค่ะ หวานกลับมาแล้ววว
    ที่หายไปนานเพราะซุ่มเก็บรายละเอียดอยู่ค่ะ
    ใกล้ตอนจบทั้งทีก็เลยพยายามหาเรื่องยืดเนื้อหาออกไปอยู่555555 

    แต่ยืดได้มากสุดก็อีกนิดเดียวเท่านั้นเองนะ TTwTT

    ช่วงนี้ยงซอจะมีเรื่องอะไรเข้ามามั๊ยน้า?
    รอดูกันต่อไปค่ะ

    ไม่รู้จะพูดอะไรแล้วนอกจากคำว่า ขอบคุณมากๆ จากใจคนๆนึงเลย
    ไม่คิดว่าจะมีคนชอบฟิคเรื่องนี้มากขนาดนี้ ไม่คิดว่าจะมีคนยอมกดโหวตให้ด้วย
    ถ้าทำให้ใครคิดว่าหวานเรื่องมากก็ขอโทษน้าา
    ไม่ได้มีเจตนาเรียกร้องอะไรแบบนั้นเลย แต่เลขเปอร์เซ็นต์มันไม่สวยจริงๆ
    แต่ตอนนี้มันเพิ่มขึ้นจนทำให้หวานมีความสุขมากทีเดียวเลยล่ะ

    ขอให้มีความสุขกับฟิคเรื่องนี้และอย่าเพิ่งเบื่อไรท์เตอร์ชื่อหวานคนนี้นะคะ
    บริษัทผลิตน้ำตาลของเรายังเปิดทำการอยู่น้าา อิอิ



    ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ
    แบบว่าเป็นห่วงรีดเดอร์อ่ะนะ คึคึคึ -3-


    ไอแอมพีเอสสึ
     

     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×