บันทึกเผ่าหมาป่าทมิฬ
ภาคแรกของ ล้านอาถรรพ์ ร้อยคดีหลอน
ผู้เข้าชมรวม
669
ผู้เข้าชมเดือนนี้
5
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บันทึก(ลับ) สี่เผ่า ฉบับที่ 1
บันทึกเผ่าหมาป่าทมิฬ
คิดว่าหมาป่าทมิฬคือชนเผ่าที่ชั่วร้ายจริงหรือ?
ชนเผ่าใหญ่ของเหล่าปีศาจที่อยู่รวมกันเป็นฝูงเพื่อปกป้องทายาทของพวกมัน จากไมเทเรนภูติศักดิ์สิทธิ์แต่แล้วเมื่อชนเผ่าต้องล่มสลายหัวหน้าเผ่าคนสุดท้ายก็ได้เอาชีวิตเข้าแลก
‘หากปกป้องชนเผ่าไว้ได้ แม้ชีวิตข้าจะมลายหายก็มิเป็นไร…สหายเอ๋ย…’
~My Blood, Your Life~
ชนเผ่าหมาป่าทมิฬ (ดาร์ก วูล์ฟ) คือชนเผ่าของปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุด แม้แต่แวมไพร์ก็ไม่อาจสู้ได้แต่อย่างใด ซึ่งชนเผ่านี้จะแบ่งออกเป็นสองฝั่ง คือพวกที่มีสายเลือดขั้ว(+)ซึ่งเป็นจำพวกรักความสงบและพวกสายเลือดขั้ว(-)ที่มีความดุร้าย แม้มารดาหรือบิดาจะเป็นขั้ว(+)แต่ลูกก็จะไม่เป็นขั้ว(+)เสมอไป แต่พวกเขาก็อยู่อย่างสันติ เพราะมี หัวหน้าเผ่า ผู้ที่มีสายเลือดขั้ว(+) และสายเลือดขั้ว(-)อยู่ในตัว หัวหน้าเผ่า หรือ เก็ตสึ จะเป็นเพียงผู้เดียวที่มีเลือดสองขั้ว หากมีผู้ที่มีสายเลือดสองขั้วเหมือนกัน(ยกตัวอย่างเช่นมีสองตน) ตนในตนหนึ่งจะถูกฆ่าโดยไม่ให้ชาวเมืองรับรู้มีเพียงผู้มีอำนาจจะรับรู้ได้ ถ้าไม่ผ่านการทดสอบแล้วอีกตนจะได้ขึ้นเป็น เก็ตสึ ซึ่งถ้าตนที่ผ่านการทดสอบจะต้องสังหารอีกตนด้วยมือตนเอง เก็ตสึ จะมีผู้พิทักษ์สี่ทิศหรือ การ์เดี้ยน เหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก คอยพิทักษ์อยู่ แต่แล้ว ไอซะกิ เรนเรียวโซ ออตโต้ แห่ง ไมเทเรน ผู้นำภูติศักดิ์สิทธิ์ ก็มาทำลายล้างเผ่าพันธุ์ของ ดาร์ก วูล์ฟ แล้วก็ทำได้สำเร็จเนื่องจากมีไส้ศึก เก็ตสึ ก็ออกมาปกป้องชนเผ่าด้วยการเอาชีวิตเข้าแลก
เรื่องราวนี้ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับปีศาจ และไม่มีผู้ใดได้ล่วงรู้ว่า เก็ตสึ ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่……
ปัจจุบันมนุษย์เชื่อว่า ดาร์ก วูล์ฟ ไม่หลงเหลืออยู่ในโลกแล้ว แต่ความเป็นจริงพวกเขายังอยู่ เพราะพวกเขามีร่างกายที่มีส่วนที่เป็นมนุษย์จึงปะปนอยู่กับเหล่ามนุษย์อย่างเรา โดยการใช้วิธีการ ผ่าเหล่า ฝากสายเลือดไว้กับมนุษย์ ช่วงเวลาสามปีจะออกมาสักคน ซึ่งในนั้นมีคนๆนี้หรือก็คือ เก็ตสึ ที่มาจาการ ผ่าเหล่า ได้ถือกำเนิดขึ้น
‘ราชันย์หลงอำนาจ กลับมาอีกครั้งในหน้าประวัติศาสตร์’
-------------------------
ร่างของเด็กหนุ่มผมสีเงินวัยสี่ขวบในชุดแขนกุดสีนิลคู่กับกางเกงขาสั้นสีนิล ที่เอวปีสายหนังยึดมีดสีเงินเอาไว้ เขายืนอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียวขจี เรือนผมสีเงินของเขาพลิ้วไสวตามลม ดวงเนตรสีเลือดทอดมองใบไม้ที่ร่วงหล่นลงสู่พื้นเบื้องล่าง ตัวเขาคือบุตรชายของหัวหน้าเผ่าหมาป่าทมิฬ เขาเป็นบุคคลต้องสาปที่เรียกว่า ‘บุตรลิลิธ’ เขาคือบุตรต้องสาป ผู้มีนามว่า
‘ชาโดว์ คริฟ วินอาร์ค’
“นายน้อยเจ้าคะ เดี๋ยวจะไม่สบายนะเจ้าคะ” สาวใช้คนหนึ่งเดินเข้าไปหาอย่างหวาดกลัว แม้จะเป็นเด็กแต่เขาก็เป็นผู้สังหารคนมานับร้อยนับพันแล้ว ไม่ว่าใครก็กลัวที่เด็กคนนี้จะคลั่งขึ้นมา แต่ดวงเนตรคู่นั้นดูสงบเป็นอย่างมาก
“เดี๋ยวข้าจะไปแล้วละ พวกเจ้าไปกันก่อนได้เลยหากมายืนอยู่กับข้าอาจจะป่วยแทนก็ได้นะ” เขาหันไปยิ้มให้แก่สาวใช้คนนั้น และมันก็เป็นรอยยิ้มจอมปลอมที่สร้างขึ้นเท่านั้น หญิงคนนั้นโค้งให้เขาก่อนเรียกพวกที่เหลือเดินหายไป กลิ่นของสายฝนแตะจมูกเขาเด็กหนุ่ม เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มถูกบดบังด้วยเมฆาสีดำ ไม่นานฝนก็เทลงมาอย่างหนักและไม่มีท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆเสียด้วย ใบไม้ใบแล้วใบเล่าร่วงหล่นลงสู่พื้นดินตามแรงโน้มถ่วง
“วันนี้เหมือนกับตอนนั้นเลยนะขอรับ” น้ำเสียงสั่นครือถูกเอ่ยออกมา เขาแบมือรับใบไม้แห้งใบหนึ่งเอาไว้ สายน้ำไหลผ่านดวงเนตรทำให้แยกไม่ออกว่าเป็นสายฝนหรือหยาดน้ำตากันแน่ รอยยิ้มเจ็บปวดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม เขากำใบไม้ในมือแน่นจนมันแหลกละเอียด
“จริงไหมขอรับท่านแม่?”
การที่ปลิดชีพมารดาด้วยตนเองเป็นความผิดที่ไม่อาจจะลืมเลือนได้
เวลาค่อยๆผ่านไปเรื่อยๆ ตอนนี้มันได้ผ่านไปสองปีแล้ว ตัวเขาได้ทำผิดไปมากในช่วงเวลาที่ผ่านมา มือของหนุ่มเปื้อนเลือดมามากจนไม่อาจลบล้างได้ มันเป็นเพราะคำสั่งของบิดาผู้โหดเหี้ยมจิตใจของชายคนนี้ได้ถูกสายเลือดขั้ว(-)บงการไปเสียแล้ว เขาปรารถนานักที่จะสังหารบิดาของตนเอง และแล้วเขาก็ได้ตัดสินใจว่าจะมีชีวิตเพื่อสังหารบิดา เมื่อเหตุการณ์เหล่านั้นได้เกิดขึ้น…
ย้อนกลับไปเมื่อสามปีก่อน หลังสังหารมารดาผู้รักยิ่ง
ดวงเนตรสีเลือดทอดออกไปไกล ม้าสีนิลที่ตนนั่งนั้นค่อยๆย่างก้าวไปเรื่อยๆตามทางที่มันถูกสั่งให้เดิน ชุดแขนกุดคอเต่ากางเกงขาสั้นถึงต้นขาดูเข้ากับร่างเล็กของเขานัก มีดสีเงินหรือ ‘มีดเงินสังหาร’ อาวุธที่ใช้สังหารมารดาคาดอยู่ที่เอวเพื่อง่ายแก่การชักออกมา
…เพื่ออะไร?...เราต้องไปที่นั้นเพื่ออะไร?...
ดวงเนตรสีเลือดมองไปรอบๆอย่างเบื่อหน่าย ก่อนที่จะบรรจบกับดวงเนตรสีดำขลับราวไข่มุกดำของเด็กชายผมสีดำเงิน เรือนผมนั้นถูกมัดไว้อย่างลวกๆ อยู่ๆม้าของเขาก็เร่งความเร็วขึ้นเพื่อข้ามแม่น้ำขั้นสองฝั่งทาง
…งดงาม… เด็กคนนั้นชั่ง…งดงามยิ่งนัก…
คุกคนบาป คุกซึ่งทำพวกนักโทษที่สังหารผู้คนในเผ่าพันธุ์ ในเวลานี้ผู้ที่ต้องได้รับการสำเร็จโทษ มีนามว่า ‘แอลเดล เอเฟียเนอร์’
“นามของคนบาปคือ แอลเดล เอเฟียเนอร์ บุตรชายบุญธรรมของคู่สามีภรรยาฝ่ายการปกครองส่วนรวม เขาได้สังหารบุคคลทั้งสองผู้อุปธรรมตนเอง เช่นนั้นแล้วคงไม่อาจอภัยให้แก่บาปของเขาได้” เสียงกู่ก้องของผู้เป็นพ่อดังก้องราวกับจะประกาศความผิดของเด็กชายผมสีเงินยาวตรงหน้าให้ฟ้าได้รับรู้ ทั้งที่ความจริงแล้ว…
“ข้าขอค้านขอรับท่านพ่อ” เด็กหนุ่มผู้เป็นบุตรชายได้เอ่ยขัดคำพูดของบิดาตน เขาหยิบเอกสารออกมาจากกระเป๋าสะพายไหล่สีน้ำตาลของตนเอง เอกสารที่เขาไปแสวงหามาเพื่อเด็กคนนี้
“เจ้าต้องการจะพูดอะไร” ผู้เป็นพ่อชะงักก่อนหันกลับมาหาบุตรชายที่ตนไม่เคยรักแม้แต่น้อย เอกสารที่เด็กชายหยิบออกมาทำให้ ‘ราชันย์’ผู้ยิ่งใหญ่ต้องขมวดคิ้ว
“นั้นมิใช่ความของเขาแม้แต่นิดขอรับ ท่านพ่อ เรื่องนี้ท่านก็รู้อยู่แก่ใจแล้วนี้นา…?” เด็กหนุ่มยื่นเอกสารให้แก่บิดา แต่กลับถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ดวงเนตรสีดำสนิทของบิดาสะท้อนให้เห็นถึงความไม่ยอมแพ้ ชาโดว์ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจเล็กน้อย แล้วระเบิดหัวเราะออกมาดังลั่น
“เข้าใจละ! ข้าเข้าใจแล้วท่านพ่อว่าท่านต้องการอะไร! ท่านมันเลว ท่านมันเลวจนทำให้ข้าสะอิดสะเอียนเลย หากท่านปรารถนาให้เขาตายละก็…ได้ ข้าจะปลิดชีพของเขาให้เอง!!” ความเกลียดชังค่อยๆขยายตัวขึ้นในจิตใจของเด็กชาย ร่างของเขาสวนผ่านร่างของบิดาไปหาเด็กชายผมสีเดียวกันที่สะดุ้งเฮือก เขาดึงมีดเงินเล่มงามออกมาจากฝัก พุ่งเข้าฟันเด็กคนนั้นอย่างรวดเร็ว!
ฉัวะ! เรือนผมสีเงินร่วงหล่นลงพื้น นัยน์ตาสีแซปไฟร์คู่สวยนั้นจ้องมองมาที่เจ้าของมีดเงินอย่างไม่เข้าใจและตกตะลึง
“บัดนี้เจ้าได้ตายไปแล้ว แอลเดล เอเฟียเนอร์ บัดนี้ตัวเจ้าได้เกิดใหม่อีกครั้ง เอาหล่ะจงยิ้มกับชีวิตใหม่ที่ข้าได้มอบให้ จงทำให้สิ่งที่ตนอยากทำ ทำในสิ่งที่ข้า…ทำไม่ได้ เข้าใจแล้วใช่หรือไม่?‘อาดิฟ เอเฟียเนอร์’”
งานของเขามากขึ้นทุกวันจนไม่อาจหยุดพักได้ ในวันตารางงานบงบอกถึงการเรื่องที่เขาต้องไปทำให้วันนี้… งานคัดเลือกทหารฝึกหัด…
“จงสู้กัน คนที่เหลือคนสุดท้ายจะเป็นทหารที่แข็งแกร่ง!!” เป็นการบอกที่แปลกประหลาด หมายความว่าต้องฆ่ากันให้ตายรึยังไง?
ดวงเนตรสีเลือดมองไปยังเด็กๆที่สู้กันอย่างเหม่อลอยก่อนจะบรรจบเข้ากับร่างของเด็กชายทั้งสี่คน คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นไอจางๆสีดำสนิทออกมาจากร่างของเด็กคนอื่นๆ ก่อนมองไปที่บิดาของตนที่กำลังร่ายเวทย์สะกดจิต…
“ท่านกำลังทำอะไร ท่านพ่อ!” โพล่งขึ้นด้วยเสียงดังก้องทำให้เด็กทั้งสี่หันมามอง เด็กชายผู้เป็นบุตรสาวเท้าเข้าไปหาผู้เป็นพ่อ ปัดโถเครื่องหอมลงกับพื้นทำให้มันแตกเป็นเสี่ยงๆ ‘ราชันย์’มองใบหน้าของเขาอย่างโกรธจนหน้าเขียว คว้าเข้าที่หัวของเขาแล้วยกขึ้นจนลอย
“เจ้าทำอะไรเกินหน้าเกินตามากเกินไปแล้วนะ ชาโดว์ หากจะหยุดข้าขนาดก็เอาสิ! ข้าหยุดควบคุมเด็กไร้พวกนี้แล้ว! แต่เจ้าจะหยุดมือที่สังหารของตัวเองได้รึเปล่า!!” สิ้นคำของบิดาความมืดค่อยๆเข้าครอบงำในสมอง
“ไม่! ขอร้องละ!ข้าไม่อยาก!ข้าไม่อยากสังหารใครทั้งนั้น!!!!”
ยามที่รู้สึกตัวรอบกายก็เต็มไปด้วยซากศพและเลือดที่เอ่อนอง
“อะ อะ…” ริมฝีปากสั่นระริก คอแห้งผากจนไม่อาจเอ่ยอะไรออกมาได้ ดวงเนตรสีเลือดมองไปที่เด็กชายอีกสี่คนที่ยังเหลือรอด ทั้งสามคนการ์ตอาวุธของตนเองปกป้องเด็กชายผมสีดำสนิทที่เขาเคยเห็นก่อนไปที่คุกคนบาป ในจำนวนสามคนมี ‘อาดิฟ เอเฟียเนอร์’ อยู่ด้วย
“หนี…” หนีไปซะ! เรียวขาค่อยๆก้าวเขาไปช้าๆอย่างไม่อาจรั้งเอาไว้ได้ หนีไป! ได้โปรด! เด็กชายผมสีม่วงชี้คาตานะหาตัวเขา หากเมื่อไรที่ร่างของเขาถูกทำร้ายทั้งสี่ก็จะจบชีวิต หากร่างของเขาเข้าประชิดทั้งสี่ก็จะจบชีวิตเช่นเดียวกัน
ไม่! หยุด! หยุด! ข้าไม่อยากสังหารอีกแล้ว!!!
‘นั้นคือความต้องการของเจ้าสินะ’
สายฟ้าฟาดลงมาบนร่างของเด็กหนุ่มผมสีเงินเรียกความตระหนกให้แก่คนทั้งหมด
“อ้ากกกกกก!!!!” เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดของเด็กชายดังก้อง เรือนผมสีเงินค่อยยาวขึ้นก่อนแปรเปลี่ยนเป็นสีทองสว่างมันค่อยๆรวบขึ้นปิ่นสีดำสนิทประดับสร้อยอัญมณีสีอเมทริสต์ปรากฏขึ้น เสื้อผ้าที่เด็กชายเคยสวมใส่กลายเป็นกิโมโนลายบ๊วยแดง ดูงดงามราวกับเจ้าหญิง
‘ลูกไฟสวรรค์ ครั้งโบราณกาล … เสียงกรีดร้อง แห่งสายฟ้าฟาด’ เสียงที่อ่อนหวานและนุ่มนวลนั้นฟังดูหน้าหวาดกลัว นิ้วเรียวชี้ขึ้นฟากฟ้า ‘จงเปิดออก!’
แสงสว่างเจิดจ้าบังเกิดขึ้นพร้อมๆกับที่เสียงนั้นยังคงเอ่ยต่อไป
‘ประตูเอย จงเปิดออก ‘เปิดออก’ จงเปิดออก’ เป็นถ้อยคำที่ฟังดูแปลกประหลาดและน่าหวาดกลัว แสงสว่างนั้นทำให้ต้องหรี่ดวงตาลง มองเห็นดวงเนตรสีแซปไฟร์ที่ฉายแววน่ากลัว
‘จงส่งไป ‘ส่งไป’ ที่แห่งนั้น ‘แห่งนั้น’’
‘ส่งไปที่แห่งนั้น!!!’ แสงนั้นสว่างขึ้นจนไม่อาจมองเห็นสิ่งใด แต่ ‘ราชันย์’กลับมองเห็นก่อนที่แสงสว่างจะเจิดจ้าก่อนที่ร่างทั้งห้าจะหายไป ร่างของผู้ที่เป็นบุตรชายที่ ‘เปลี่ยนไป’ ริมฝีปากนั้นยกยิ้ม ดวงเนตรสีแซปไฟร์มองมาที่ชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้าเผ่าพันธุ์หมาป่าทมิฬ ก่อนเอือนเอ่ยประโยคที่ ‘ราชันย์’ จะเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง
‘ข้ากลับมาแล้ว ‘ราชันย์’ ‘กลับมาแล้ว’’
กลับมาปัจจุบัน
เรียวขาบางเดินไปตามทางเดินเล็กๆของบ้านไม้สัก เขาเองก็ไม่รู้ว่าในตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่รู้แค่ว่ามีใครบางคนใช้ร่างของเขาช่วยเหลือเด็กทั้งสี่ ในตอนนั้นเขาได้ลืมตาขึ้นมาพบกับสถานที่ไม่คุ้นเคย เห็นเพียงร่างของเด็กสาวในชุดกิโมโนลายบ๊วยแดงที่กำลังดีดโกโตะสีขาวสะอาด มันมีเสียงที่ไพเราะอย่างมาก ราวกับรู้ว่ามีคนมองอยู่นางหันมาทางเขา ก่อนแย้มยิ้ม…
แต่ไม่ว่าจะนึกยังไงก็ไม่อาจนึกใบหน้านั้นออกเลย…
“นายน้อยเจ้าคะ!” เสียงเรียกของสาวใช้เรียกให้เขาออกจากผะวัง
“ว่ายังไงรึ?”
“เอ่อ…งานพิธีจะเริ่มแล้วนะเจ้าค่ะ…”
“งั้นรึ…” ดวงตาสีเลือดหมองลงอีกครั้ง ในที่สุดก็มาถึงจนได้…พิธีคัดเลือกเก็ตสึคนต่อไป…
ร่างตรงหน้าคือเด็กสาวผมสีทองสว่าง ดวงเนตรสีเลือดคู่นั้นเตรียมใจที่จะมา ‘ตาย’
ขอแค่ ‘ฆ่า’ ก็พอ…
มีดสั้นสีเงินถูกดึงออกมาอย่างไม่ลังเลเขาฟาดฟันร่างของเด็กสาวอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจว่านางจะเป็น ‘เพื่อนสนิท’ หรือเป็น ‘พี่สาวบุญธรรม’ เลือดสาดกระเซ็นเข้าที่ใบหน้าของเด็กหนุ่ม ดวงเนตรสีเลือดนั้นไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ คำบงการได้เข้าครอบงำจิตใจของเด็กหนุ่มไปแล้ว
“เจ้าคงจะได้ยินเสียงของข้าสิชาโดว์ จำเอาไว้ ชาโดว์ ราชันย์ในอนาคตห้ามหลั่งน้ำตา” น่าแปลกที่นางยังเอ่ยคำพูดออกมาอย่างชัดเจน เลือดที่เคยหลั่งไหลกลับหยุดลง
“ข้าจะกลับมาแน่นอน กลับมาหาเจ้าผู้ต้องบาป ‘บุตรลิลิธแห่งอัสนี’” ร่างของนางหายไปจึงทำให้รู้ในทันทีว่านางจงใจร่ายคาถาเคลื่อนที่ในพริบตาเอาไว้ แต่ก็เท่ากับว่าเขาได้เป็นเก็ตสึคนต่อไปแห่งหมาป่าทมิฬ
แม้ว่าพิธีจะดำเนินออกไปแล้ว แม้ว่าบิดาจะสิ้นชีพไปแล้ว แม้ว่าการ์เดี้ยนทั้งสี่คนใหม่ของเขาจะถวายคำสัตย์หรืออะไร สุดท้ายคนที่คนทั้งหมดรับใช้ก็ไม่ใช่ ‘เขา’ แต่เป็น ‘ราชันย์’
หุ่นเชิดตัวนี้มัน ‘โง่’ และควบคุมง่ายจนเกินไป ‘คำสั่งสังหาร’ ที่เอ่ยออกไปทำให้เกิดสงครามกับ ‘แวมไพร์’
“แวมไพร์? เจ้าพวกนั้นกล้าทำจองหองกับเรางั้นรึ?”
‘ความหยิ่งผยองที่ทำไป’ ก่อให้เกิดความแค้นของ ‘ไมเทเรน’ ‘ความหลงในอำนาจ’ ทำให้นาม ‘ราชันย์หลงอำนาจ’ ถือกำเนิดขึ้น ในที่สุด จุดจบของ ‘บุตรต้องสาป’
เปลวเพลิงเผาผลาญบ้านเมือง อาณาจักรอันเป็นที่รักสูญสลาย เป็นเพราะ ‘ราชันย์หลงอำนาจ’ ไม่อาจหยุดยั้งการอาละวาดของ ‘นายใหญ่ไมเทเรน’ ได้อีกแล้ว เรียวขาของเด็กหนุ่มก้าวเขาไปในเปลวเพลิงแม้จะมีเสียงเรียกของการ์เดี้ยนตามหลังก็ตาม ไม่อาจหยุดชะตากรรมนี้ได้อีกแล้ว…
“ใครจะเป็นผู้ปลดปล่อยข้ากันนะ?”
‘จะเป็นข้า…ได้รึเปล่า…?’
‘วินอาร์ค’ คือตระกูลที่ยิ่งใหญ่ในฐานะนักล่าที่เก่งกาจ น่าเสียดายที่โง่งม เมื่อเด็กน้อยได้ถือกำเนิด…ทายาทแห่งตระกูลที่ถูกขังอยู่บนหอคอยสูงใหญ่ … เด็กน้อยที่เป็น ‘ราชา’
‘ราชา’ ที่หวนกลับมา…. นามของเขาที่ใครต่างไม่ลืมเลือนตั้งแต่สงคราม หมาป่าสีดำและภูติศักดิ์สิทธิ์
‘ชาโดว์ คริฟ วินอาร์ค’
ดวงเนตรสีเลือดของเด็กหนุ่มมองออกไปไกล เรือนผมสีเงินยาวขึ้นเรื่อยๆตามวันเวลาที่เลยผ่าน เขารู้ว่าทำไมถึงถูกขังอยู่บนหอคอยนี้ รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร…
อ้างว้าง โดดเดี่ยว … หลายครั้งที่อยากกระโดดลงไปตาย…แต่ก็ถูกเสียงของหญิงสาวที่แสนโหยหาหยุดเอาไว้เสียทุกครั้ง … เธอเป็นใคร…?
ดวงเนตรมองดวงอาทิตย์ที่ค่อยลับหายไป…วันนี้คือวันที่จะได้รับการปลดปล่อย…
เสียงรองเท้าที่ดังอยู่ด้านนอกประตูเรียกให้หันกลับไปมอง ดวงเนตรสีเลือดได้แปรเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท… ไม่ว่าจะผ่านไปเท่าใด ก็ไม่อาจหยุดคำสาปของ ‘ราชันย์’ ได้ เรือนผมสีเงินแปรเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทก่อนที่เลือดจะสาดกระเซ็น… ‘วินอาร์ค’ ถูกทำลายลงภายในคืนเดียว…ด้วยฝีมือของเด็กหนุ่มเพียงคนเดียว...
ยามที่ลืมตาขึ้นกลับมองเห็นชายสี่คนที่ไม่รู้จัก…
“ท่านเก็ตสึ!” ชายหนุ่มผมสีม่วงลาเวนเดอร์กลับดีใจที่เห็นเขารู้สึกตัว ทั้งๆที่เขาไม่เคยรู้จัก เด็กหนุ่มอีกสามคนก็พุ่งเขามาหาเขาอย่างรวดเร็ว
“พวกเจ้า…เป็นใคร?”
“!!?” ด้วยคำพูดนั้นคนทั้งสี่ก็ชะงักในทันที หันมองหน้ากันอย่างเจ็บปวด ก่อนที่เด็กหนุ่มเรือนผมสีดำสนิทจะขยับเข้าหาเขา
“ข้ามีนามว่า เทนไวด์ อาเวนเดอร์ เป็นการ์เดี้ยนทิศตะวันตก…เอ่อ เป็นมือซ้ายของท่านขอรับ…” ก่อนจะขยับแขนผายมือไปที่ชายหนุ่มผมสีม่วงลาเวนเดอร์ ผมเงินยาวตาสีแซปไฟร์ ผมเงินสั้นตาสีเลือดตามลำดับ
“ราอิล เดเรียส การ์เดี้ยนทิศตะวันออก มือขวาของท่านขอรับ อาดิฟ เอเฟียเนอร์ การ์เดี้ยนทิศเหนือ ผู้คุ้มครองท่านจากด้านหน้า…และ โรเวนด์ เจลาร์ต การ์เดี้ยนทิศใต้…ผู้คุ้มครองท่านจากด้านหลัง”
“ผู้คุ้มครองข้า?”
“ขอรับ พวกเราทั้งสี่เป็นผู้คุ้มครองท่าน…เป็นการ์เดี้ยนผู้คอยปกป้องท่าน เป็นอาวุธให้แก่ท่าน ราชาของพวกเรา… ‘เก็ตสึ’ แห่งหมาป่าทมิฬ” น้อมรับการกลับมาของนายเหนือผู้ยิ่งใหญ่ ไม่อีกแล้วที่จะยอมให้ ‘ราชันย์หลงอำนาจ’ กลับมาในหน้าของประวัติศาสตร์…บัดนี้เก็ตสึผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ได้กลับมา เพื่อสานต่อสิ่งที่ชาติก่อนได้ตั้งใจไว้…ความทรงจำค่อยๆพรั่งพรูออกมาจากส่วนลึกของจิตใจ…ดวงเนตรสีเลือดคู่นั้นฉายแววแน่วแน่ออกมาอย่างที่สุด…
“จงรับคำสั่งข้า การ์เดี้ยนสี่ทิศเอยจงร่วมมือกับเรา เพื่อรวมเผ่าพันธุ์ทั้งสี่เข้าด้วยกัน”
…จะไม่ยอมให้ซ้ำรอยเดิมอีกแล้ว…
“น้อมรับคำสั่งขอรับท่านเก็ตสึ!!!”
ผลงานอื่นๆ ของ FesenyAReset ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ FesenyAReset
ความคิดเห็น