ประสบการณ์ลดน้ำหนักด้วยตัวเอง เดือนละ 10 กิโลฯ

ลำดับตอนที่ #49 : ความสัมพันธ์ในครอบครัวกับการลดน้ำหนัก

                            หมายเหตุ   เขียนวันที่ 19 พ.ค. 48        หนัก 76.7  กิโลกรัม





                            สวัสดีครับ ไม่เจอกันมา 3 วันแล้วนะครับ ตอนนี้ผมก็เข้าสู่ช่วงลดอีกครั้งหนึ่งแล้วครับ หลังจากปล่อยให้คงที่ตรง 77 มาหลายวัน ตอนนี้ปลอดภัยแล้วครับ เพราะความอยากแบบไม่มีทิศทางได้มลายหายไปอย่างหมดสิ้น ช่วง 3-4 วันมานี่ผมกินอาหารอย่างมีคามสุขมากๆครับ เพราะน่าจะเรียกได้ว่าสามารถกินทุกอย่างได้แล้วครับ และกินในปริมาณไม่มากด้วย ถึงจะมั่นใจว่าผมสามารถกินได้ทุกอย่าง แต่เมนูประจำวันก็ยังเอื้อต่อการลดน้ำหนักอยู่ครับ ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วครับว่าจะออกจากโปรแกรมในวันที่ 15 มิ.ย. 48 ถือเป็นการเข้าโปรแกรมครบ 4 เดือนครึ่งหรือ 135 วันพอดี ผมคิดว่าชาตินี้คงจะเข้าโปรแกรมแค่ครั้งนี้เพียงครั้งเดียวครับ



                            เมนูที่ผมชื่นชอบมากที่สุดตอนนี้นั้น มื้อเช้าผมจะกินข้าวแกงกับ 2 อย่างครับ กับทั้งสองอย่างก็ต้องเอื้อต่อการลดน้ำหนักด้วยครับ อย่างเมื่อเช้าผมกินยำปลากระป๋องกับผัดผักแขนง อร่อยแบบสุดยอดเลยครับ บวกกับแกงจืดผักกาดดองใส่เต้าหู้อีก 1 ชาม เน้นกับครับ ส่วนข้าวนั้นกินไปได้เพียงครึ่งจานครับ เพราะแค่นั้นก็อิ่มแล้ว น้ำเปล่าก็ 1 ขวดครึ่งครับ มื้อเที่ยงก็กินสลัดปลา ตอนนี้คงต้องเบรกเกาเหลาโฟไปก่อนเพราะผมเริ่มเบื่อแล้วครับ



                            ที่บอกว่ากินทุกอย่างได้นั้นเพราะถ้าผมอยากกินอาหารที่มีแคลอรี่สูงบ้างก็จะจัดไว้มื้อเช้าครับ เช่นข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู ส่วนมื้อเที่ยงก็จะเป็นอาหารที่เบาลงหน่อย เช่น สลัด ส้มตำ เกาเหลา ยำ ผัดผักฯ ก็นับว่าอยู่ตัวดีครับ ส่วนตอนเย็นก็ไปออกกำลังกายเหมือนเดิม



                            ที่บอกเมนูของผมในตอนนี้ให้ได้ฟังก่อนเนื่องจากผมพยายามจะบอกว่า อาหารทุกประเภทจริงๆแล้วไม่มีพระเอกกับผู้ร้ายที่แท้จริง ขึ้นอยู่กับว่าเราจะวางแผนการกินของเราอย่างไร กินอาหารแต่ละอย่างควรจะมีปริมาณที่เหมาะสมมากน้อยแค่ไหน การจะทำให้เรามีความสุขในชีวิตได้จึงมิใช่เป็นเพียงการเลือกกินแต่อาหารที่มีประโยชน์เท่านั้น ที่ผมเกริ่นมาก็เพื่อที่จะเล่าถึงเหตุการณ์ๆหนึ่งที่เคยเกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว



                           สมัยนั้นผมฟังรายการวิทยุตอนดึกซึ่งเป็นรายการตอบปัญหาชีวิต มีผู้หญิงคนหนึ่งโทรมาปรึกษาว่า ตอนนี้ที่บ้านของเธอกำลังประสบปัญหาครอบครัวขั้นรุนแรง  เพราะสามีของเธอนั้นบังคับให้ทุกคนในบ้านกินแต่อาหารชีวจิต ทุกเย็นต้องมากินข้าวด้วยกัน วันหยุดถ้าอยู่บ้านก็ต้องมากินข้าวด้วยกัน ทุกมื้อจะมีแต่ข้าวกล้อง ห้ามกินข้าวขาวเด็ดขาด ส่วนอาหารก็ต้องมีแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ เช่น ผักผัด น้ำผลไม้ เต้าหู้ ลูกเดือย ฯและจะต้องกินอย่างนี้ไปตลอด ลูกสาวและลูกชายก็ถูกบังคับแบบนี้ด้วย จนลูกทั้งสองคนไปค้างบ้านเพื่อน ไม่ยอมกลับบ้าน ตัวของผู้หญิงคนนี้ก็เครียดจนไม่อยากอยู่บ้าน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ก็เลยต้องนั่งกินอาหารเพื่อสุขภาพกับสามีทุกมื้อจนจะบ้าตายอยู่แล้ว โดยที่ตัวสามีไม่ได้รู้เลยว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ ตัวอย่างนี้ก็แสดงให้เห็นว่า ผู้ชายคนนั้นมัวแต่อยากให้ทุกคนกินอาหารเพื่อสุขภาพจนลืมถึงความสุขที่คนในครอบครัวควรได้รับเมื่อเขากินอาหาร จนในท้ายที่สุดแล้วครอบครัวก็แตกแยกอย่างสิ้นเชิง



                           การที่ผู้ชายคนนั้นบังคับให้ทุกคนในครอบครัวต้องกินอย่างนั้น เพราะเค้าเคยชอบกินอาหารไขมันสูงมาก่อน และพอบังคับตัวเองได้จนน้ำหนักลดลง ก็เลยออกกฎเรื่องการกินให้กับคนในครอบครัว โดยหารู้ไม่ว่านั่นคือการกระทำที่จะนำไปสู่ความแตกแยก จนในท้ายที่สุดเขาต้องนั่งกินอาหารเพื่อสุขภาพอยู่คนเดียวในบ้าน เขาอาจจะแปลกใจว่าทำไมเขาหวังดีกับผู้อื่น ห่วงใยสุขภาพของคนที่เขารัก แต่ทำไมมันถึงลงเอยแบบนี้ ผมคงไม่ต้องบอกเหตุผลไช่ไหมครับว่า ... ทำไม