ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ประสบการณ์ลดน้ำหนักด้วยตัวเอง เดือนละ 10 กิโลฯ

    ลำดับตอนที่ #125 : วันที่ 3 ... 3 ธ.ค. 48

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 943
      1
      3 ธ.ค. 48





                           วันที่ 3 ธ.ค. 48                                                                หนัก 85.2 กก.





                           ถึงแม้เมื่อคืนผมจะกลับดึกไปหน่อย แต่เมื่อเช้าผมก็ตื่นเช้านะครับ ตื่นขึ้นมาพร้อมกับจิตใจที่สดใสและเบิกบานมากขึ้น ก็เช้านี้เป็นวันเกิดของผมนี่ครับ จะไม่ให้เบิกบานได้ยังไง จริงไหมครับ



                           ถึงตอนนี้ผมรับรู้ถึงความสำคัญของการเขียนแล้วล่ะ แน่นอนครับที่เมื่อวันสองวันที่ผ่านมา ผมสับสนในบางสิ่งบางอย่าง การได้เขียนระบายออกมาบ้างทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้น และก็ทำให้ความรู้สึกดีๆกลับมาเหมือนเดิม



                           แม่ผมเตรียมของสำหรับไว้ให้ผมตักบาตรตั้งแต่เช้า แม่ผมเตรียมไว้ 11 ชุด สำหรับผม 9 ชุดและสำหรับพ่อกับแม่อีกคนละชุด พอเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว พวกเราก็ออกเดินทางไปที่วัดบำเพ็ญเหนือ



                          วันนี้จิตใจของผมปลอดโปร่งมากกว่าทุกวัน ขณะยืนรอพระ ผมก็พยายามที่จะสำรวมกายและใจให้พร้อม วันนี้ผมก็มีอายุครบ 34 ปีเต็มแล้ว ปีนี้มีเรื่องราวหลายอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิต และเรื่องราวต่างๆเหล่านั้นก็ทำให้ผมได้ความรู้และความเข้าใจชีวิตอีกมากโดยไม่สามารถหาอ่านจากหนังสือเล่มใดได้เลย



                          ผมยืนคิดอะไรอยู่เพลินๆ พระท่านก็เดินมา \"นิมนต์ครับท่าน\" ผมพูดอย่างอ่อนน้อม แล้วก็เอาของที่เตรียมมาใส่ลงไปในบาตรพระ จากนั้นผมก็นั่งลง ยกมือไหว้ พร้อมกับน้อมรับการให้ศีลให้พรจากท่าน ช่างเป็นเช้าวันใหม่ที่ดีจริงๆ



                          พอผมตักบาตรครบ 9 รูปแล้ว พ่อกับแม่ก็ตักบาตรคนละ 1 รูป หลังจากนั้นพวกเราก็ขึ้นรถกลับ ตอนที่อยู่ในรถแม่ก็เล่าเรื่องบางเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้ผมฟัง



                          \"ต้องรู้รึเปล่าว่าเมื่อวานพ่อกับแม่ไปที่บิ๊กซีกัน พอเดินผ่านร้านหนังสือพ่อเขาก็เดินหาหนังสือผู้ชายพร่องมันเนยใหญ่เลย แกเดินวนอยู่ตั้งนาน หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ พอเดินจนหอบ (พ่อผมจะเจ็ดสิบแล้ว) ก็เลยต้องเข้าไปถามพนักงานที่ร้านว่า มีหนังสือผู้ชายพร่องมันเนยไหมครับ พนักงานตอบว่าเสียใจด้วยจริงๆนะคะ เพิ่งขายเล่มสุดท้ายไปเมื่อวานนี้เอง สัปดาห์หน้าค่อยมาถามใหม่ก็แล้วกัน พ่อแกก็ทำสีหน้าแบบผิดหวังสุดๆ ก่อนจะเดินยิ้มแปร่ออกจากร้านไป\"



                          ผมอดยิ้มไม่ได้ ผมหันไปถามพ่อว่า \"แล้วพ่อไปถามที่ร้านทำไมล่ะครับ ถ้าอยากอ่านหรืออยากเอาไปให้ใคร ที่บ้านก็ยังเหลืออยู่นี่นา\"



                         พ่อหันขวับมาทางผมขณะที่ท่านกำลังขับรถอยู่ \"พ่ออยากเช็ค rating ว่าเป็นยังไงบ้าง\" ผมอมยิ้มขึ้นมาอีกครั้งก่อนที่จะทำตาโตและตะโกนดังลั่นออกไปว่า \"พ่อระวังรถคันนั้น\" พ่อผมหักหลบทัน ผมเองใจหายแว๊บเลย เฮ้อ \"ผู้ชายพร่องมันเนย\" เกือบจะกลายเป็น\"ผู้ชายนอนม่องเท่ง\" ซะแล้ว



                         เมื่อวานนี้ช่วงบ่ายที่องครักษ์ ผมสอนวิชาพุทธศาสตร์กับอาจารย์อีกท่านหนึ่ง เราสอนกันเป็นคู่และยิงมุขกันไปมา จนเด็กๆหัวเราะกันแบบขำกลิ้งเลย การได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กๆพวกนี้ทำให้ผมมีความสุขมากและคลายจากความเครียดได้มากทีเดียว



                         เมื่อวานหัวข้อที่เรานำมาคุยกันคือเรื่อง \"ความไม่เที่ยง\" หลังจากอาจารย์อีกท่านหนึ่งได้ยกตัวอย่างอันหลากหลายและน่าสนใจมากๆ ท่านก็เลือกเอาผมเป็นตัวอย่างบ้าง



                         \"นิสิตลองมองอาจารย์หนุ่มคนนี้ดูสิ เห็นอย่างนี้นะ เมื่อตอนต้นปี อาจารย์เขาหนักตั้ง 100 กว่าแน่ะ\"



                         พอเด็กได้ยินดังนั้นก็ถึงกับส่งเสียงฮือฮากันดังลั่นจนอาจารย์อีกท่านจึงต้องบอกไปว่า



                         \"วันนี้น้องเอารูปเก่งรูปนั้นมารึเปล่า เอามาขึ้นจอแผ่นทึบให้เด็กๆเขาดูกันหน่อย\"



                         จริงๆแล้วรูปนี้ติดกระเป๋าของผมอยู่ตลอดเวลา เพราะกลายเป็นภาพประวัติศาสตร์ไปแล้ว พอผมเอามาขึ้นจอแผ่นทึบ เสียงฮือฮาก็ดังขึ้น ผมคิดในใจว่า \"ทำไมจะต้องฮือฮากันมากขนาดนั้น\" แต่พอหันไปมองที่จอผมเองยังผงะ เพราะกลัวตัวเอง พอดีจอเขาใหญ่มาก มันก็เลยเหมือนภาพคิงคองในหนังใหม่ของปีเตอร์ แจ๊คสัน มองไปก็ทั้งน่ากลัวและน่าตกใจมากทีเดียว



                         ภาพนี้เป็นภาพเดียวกับภาพถ่ายในหนังสือหน้า 60 ครับ น้องๆนึกดูก็แล้วกันว่าถ้าเอาไปขยายใหญ่มันจะน่ากลัวมากขนาดไหน



                         ไหนๆก็ไหนๆแล้วเมื่อเอารูปร่างของผมเป็นตัวอย่างของความไม่เที่ยง ผมก็เลยเล่าประสบการณ์ช่วงหนึ่งในชีวิตของตัวเองเพื่อเป็นตัวอย่างของความไม่เที่ยงบ้าง



                         สมัยตอนเด็กๆนั้นครอบครัวของผมฐานะดี เพราะพ่อมีธุรกิจแอร์ และยังรับซ่อมแอร์ในโรงหนังอีกด้วย แต่ตอนที่ผมอยู่ ม.2 ธุรกิจของครอบครัวก็พังครืน ผมยังจำวันที่ผมต้องตื่นแต่เช้าในบ้านหลังใหญ่และนั่งรถคันงามออกจากบ้านเพื่อไปโรงเรียน พอตอนเย็นพ่อกับแม่มารับ ท่านนั่งรถแท็กซี่มาและก็พาผมกลับไปยังบ้านหลังเล็กมากๆและยังซอมซ่ออีกด้วย



                         ผมไม่ทราบว่ามีใครเคยมีประสบการณ์เหมือนผมบ้าง แต่ในวันนั้นเป็นตัวอย่างของความไม่เที่ยงของชีวิตมนุษย์ได้ดีทีเดียว



                         หลังจากนั้นผมก็แทบไม่มีเงินซื้อหนังสืออ่าน เพื่อนแนะนำให้ไปสมัครสมาชิกที่หอสมุดแห่งชาติที่เขาเรียกกันว่าตึกสาม เพราะมีคู่มือให้อ่านฟรีเยอะมาก ผมขลุกอยู่ที่นั่นเป็นส่วนใหญ่จนเอ็นท์ติด



                         เมื่อเอ็นท์ติดก็สอนพิเศษอย่างหัวปักหัวปำจนใช้หนี้ให้ที่บ้านจนหมด คือพวกเราช่วยกันอ่ะครับ คนละไม้คนละมือ หลังจากใช้หนี้หมดแล้ว ผมก็เข้าร้านนั้นออกร้านนี้ ตะบี้ตะบันกินมันไปซะทุกร้าน เพราะหลายปีที่ผ่านมาผมไม่ค่อยได้กินอะไรดีๆ



                         จนผมอยู่ปีสาม ผมก็ย้ายมาอยู่บ้านที่สวนสยาม บ้านหลังที่เราอยู่กันทุกวันนี้ และนี่ก็เป็นตัวอย่างความไม่เที่ยงของชีวิตผมครับ



                        ผมจำไม่ได้ว่าเคยเล่าให้ทุกคนในห้องนี้ฟังไปรึยัง ถ้าไม่ผิดกาลเทศะจนเกินไป ผมมักจะหาโอกาสเล่าเรื่องแบบนี้ให้คนอื่นฟังอยู่เสมอ มันน่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีของคนที่ชีวิตหมดสิ้นแล้ว แต่ยังไงก็ต้องเดินต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ



                        เมื่อวานนี้มีนิสิตคนหนึ่งมาบอกว่า เขากับโน๊ต เว็บมาสเตอร์ในเด็กดีดอทคอมแห่งนี้รู้จักกันดี ผมก็เลยถือโอกาสถามเขาว่าโน๊ตเริ่มทำเว็บนี้ครั้งแรกตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาตอบกลับมาว่าตอนที่โน๊ตเรียนอยู่ชั้น ม.6 ที่สวนกุหลาบ ผมถึงกับอึ้งไปเลยเมื่อรู้ที่มาของเว็บไซด์



                        เขาบอกผมว่าตอนนี้โน๊ตเรียนจบแล้วและกำลังทำงานอยู่แถวสีลม โชคดีมากครับที่มีคนที่สนิทกับโน๊ตอยู่ใกล้ๆผมนี่เอง เพราะผมวางแผนไว้ว่าผมอยากจะเลี้ยงข้าวโน๊ตสักมื้อ เอาไว้ให้ผมหายยุ่งก่อนก็แล้วกัน น่าจะสักประมาณต้นปีหน้า ถ้าโน๊ตว่างตรงกับผม เราคงจะได้เจอกัน



                       การที่รู้ข่าวของโน๊ตก่อนวันเกิดของผม 1 วันนับเป็นโอกาสอันดี



                       หลังจากตักบาตรเสร็จแล้ว พ่อก็มาส่งผมที่ป้ายรถเมล์ ผมขึ้นรถเมล์มาลงแถวที่ทำงาน หลังจากกินข้าวเช้าเรียบร้อยแล้ว ผมกะว่าจะมาฉลองวันเกิดให้กับตัวเองโดยการอัพเดทบทความทั้ง 4 บทความในเว็บเด็กดีโดยเรียงตามลำดับคือ ลดน้ำหนัก ชีวะ ศัพท์อังกฤษและปรัชญา reality



                       ปิดท้ายกันที่เมื่อวานผมทานอะไรบ้าง พอดีเมื่อวานผมทานข้าว 2 มื้อโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะตอนเช้าผมมาขึ้นรถตู้ที่จะไปที่องครักษ์ตอน 7 โมงครึ่ง เลยกินอะไรไม่ทัน พอถึงองครักษ์แล้วผมก็มีธุระคุยกับนิสิต ก่อนจะได้กินข้าวก็ประมาณ 10 โมง



                       ตอน 10 โมง ผมกินข้าวราดลาบหมูและไก่ทอด และยังมีแกงจืดอีก 1 ถ้วย น้ำเปล่า 1 ขวด และปิดท้ายกันที่ทับทิมกรอบ 1 ถ้วย ช่วงเที่ยงยังอิ่มอยู่ เลยไม่ได้กินอะไรเลย ตกเย็นกินส้มตำ หลังจากนั้นก็ไปเดินออกกำลังประมาณชั่วโมงครึ่งแล้วค่อยกลับบ้านครับผม





                          
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×