ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #372 : สรุปอนิเมะและมังงะแห่งปี 2015 โดย Cammy

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.61K
      1
      14 ม.ค. 59

                    ก็ผ่านไปอีกหนึ่งปี สำหรับบทความ “ดูการ์ตูนอย่างแมวๆ” แม้ว่าจะเป็นบทความที่คนดูไม่เยอะเท่า “เรื่องจริงทะลุโลก” แต่ก็เป็นบทความที่ผมชอบที่จะเขียน และยังไม่หนีไปไหน

                    และเช่นเคย เมื่อใกล้สิ้นปี ผมก็คงต้องสรุปอนิเมะและมังงะที่ดูไป ว่ามันมีอะไรหวือหวาบ้าง

                    ขอเริ่มจากอนิเมะก่อน สำหรับปี 2015 ปีนี้ก็ไม่มีอนิเมะระดับตำนานขึ้นหิ้งแต่อย่างใด ถ้าจะมีก็คงจะเป็นอนิเมะ (ทั้งออริจินอล และไลท์โนเวล)  ที่หลายคนเชื่อมันจะดัง แต่สุดท้ายก็แป๊กสนิทมากกว่า ส่วนหนึ่งคือเนื้อหาซ้ำซาก และตอนจบโครตห่วย

                    บางครั้งผมก็สงสัยนะ ว่า วงการค่ายทำอนิเมะนี้เขาไม่เจ๊งบ้างเหรอที่ทำผลงานแบบนี้ ผมก็ไปค้นข้อมูลพบว่า ญี่ปุ่นยังคงเป็นผู้ผลิตอนิเมะที่ยังคงเข้มแข็งที่สุดของโลก หากแต่ปัจจุบันประชากรคนดูอนิเมะเริ่มลดลง เพราะคนไม่ค่อยมีบุตรมาก ประชากรคนแก่เพิ่มขึ้น ทำให้ความต้องการต่างๆ เริ่มลดลง แต่กระนั้นอุตสาหกรรมอนิเมะจึงต้องปรับตัวด้วยการส่งอนิเมะไปเผยแพร่ประเทศต่างๆ อย่างประเทศจีน รวมไปถึงสินค้าเกี่ยวกับอนิเมะต่างๆ ด้วย (ประเทศไทยเรายังคงติดท็อปลิขสิทธิ์การ์ตูนญี่ปุ่นมาขายเหมือนเดิม) และปัจจุบันเนื้อหาของการ์ตูนก็เน้นวัยกลางคนมากขึ้น (อย่างที่หลายคนบอกว่า “ขายโอตาคุ” นั้นแหละ ผมก็อยากรู้เหมือนกัน

                    ในด้านความซ้ำซากของเนื้อหาอนิเมะนั้น ดูเหมือนเขาจะไม่ได้มองเป็นปัญหามากนัก ตราบใดที่ยังคงทำเงิน ทำสินค้ามาขาย บลูเรย์ ฯลฯ อย่างโรงเรียนแฟนตาซีก็อย่างน้อยก็ยังมีฐานคนดูไลท์โนเวล ก็ยังพอขายได้ สมมุติว่าสร้างมา 30 เล่ม และมี 3 เรื่องในนั้นประสบความสำเร็จก็ไม่ขาดทุน (ส่วนหนึ่งเพราะ CEO เขาเน้นการทำธุรกิจมากกว่าจะเข้าใจในเนื้อหา คุณภาพ ตราบใดที่มันขายได้)

                    อย่างไรก็ตาม วงการอนิเมะก็ใช่ว่าจะง่ายหนัก หากประสบปัญหาขาดทุนต่อเนื่อง อย่างล่าสุดสตูดิโอ Manglobe ปิดตัวลงอย่างกะทันหันเนื่องจากเหตุล้มละลาย ทั้งที่อนิเมะจากสตูดิโอนี้อย่าง Gangsta ก็ยังฉายอยู่ (ส่วนตัวผมมองว่าผลงานของอนิเมะของสตูดิโอนี้เฉพาะกลุ่มมากไปหน่อย )

                    ส่วนอันนี้ไม่รู้เกี่ยวกับขาดทุนหรือเปล่า อย่าง Studio Ghibli ที่มีชื่อเสียง มีอันต้องปิดตัวลงชั่วคราว หลังจากถดถอยจากความก้าวหน้าที่ฮายาโอะ มิยาซากิ เป็นผู้สร้างไว้ และหลังจากภาพยนตร์การ์ตูนเจ้าหญิงคางูยะไม่ประสบความสำเร็จนัก (แต่ตัวหนังถือว่าสุดยอดนะ แต่อาจเป็นเพราะกราฟฟิกไม่หวือหว่าก็ได้) หนังเรื่อง When Marnie Was There จะเป็นงานภาพยนตร์ชิ้นสุดท้ายของสตูดิโอจิบลิ

    แน่นอนว่าเห็นข่าวสตูดิโอเปิดตัวลง เหล่าคนดูก็หนาวๆ ร้อนๆ เหมือนกัน ก็ไม่รู้อนาคตจะเป็นยังไง และ ก็คงต้องดูต่อไปว่าปริมาณสำคัญกว่าคุณภาพจะใช้ได้ตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า

                    คราวนี้มาพูดถึวอนิเมะที่ผมดูกันบ้างครับ แม้ว่าปีนี้จะไม่มีอนิเมะขึ้นหิ้วเป็นตำนาน แต่ในด้านความนิยมแล้ว ก็ยังมีอนิเมะหลายเรื่องที่หลายคนชอบอยู่มาก

    ก็อย่างที่บอกไปแล้ว ปกติผมก็ไม่ค่อยดูอนิเมะสักเท่าไหร่ ถ้ามันไม่ใช่แนวฮาเร็มแท้ๆ (ไม่เอาโรงเรียนแฟนตาซีนะ ผมโครตเอียน) ดังนั้นอนิเมะที่ผมชอบปี 2015 ก็คงไม่ตรงใจของใครหลายคนสักเท่าไหร่นัก

     

    อนิเมะที่ผมชอบปี 2015 - Yoru no Yatterman

    ส่วนตัวแล้ว อนิเมะปี 2015  อนิเมะYoru no Yatterman ความยาว 12 ตอนจบ  ก็ยังคงเป็นซีรีย์ผมยังคงชอบอยู่ แม้ว่ามันจะตายตอนจบ เผาแบบน่าเกลียด ตอนจบไม่ค่อยโดนใจมากนัก  แต่ด้วยเนื้อหา และคาแร็คเตอร์ก็ทำให้ผมติดตามอนิเมะเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นจนจบได้

    ความน่าสนใจของอนิเมะเรื่องนี้ คือเอาอนิเมะเก่ายัตเตอร์แมน (หรือยัตต้าแมน) เอามาทำใหม่ ซึ่งเปลี่ยนมุมมองใหม่ ให้กลุ่มผู้ร้ายคลาสสิกผู้ไม่ยอมแพ้ (ยิ่งกว่าแก๊งร็อคเก็ต) อย่างโดรอนโจเป็นตัวเอก แถมทำให้โดรอนโจน่ารัก โลลิขึ้น ถูกใจชาวหมีรักเด็กเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังทำเนื้อหาให้จริงจังขึ้น มีดราม่าเล็กน้อย แฝงด้วยการไม่ยอมแพ้ การสู้ชีวิต ให้ไปถึงจุดมุ่งหมาย   เรียกว่ายกเครื่องภาพลักษณ์ใหม่หมด เรียกได้ว่าเอาของเก่ามาทำใหม่ให้เข้ากับยุคปัจจุบันมาก

    ที่สุดยอดคือในตอนแรกบรรยากาศของเรื่องอึมครึม มืดมัว และการกดขี่ไม่เป็นธรรม หากแต่เมื่อเรื่องดำเนินไปจนถึงตอนจบ โดรอนโจกับพรรคพวกกำจัดเหล่าร้ายจนสิ้นซากความอึมครึมก็หายไป กลายเป็นเช้าของวันใหม่ เริ่มต้นใหม่ เพื่อความหวังใหม่ต่อไป

    น่าเสียดายที่ตัวอนิเมะนั้นไม่ค่อยได้รับความสนใจมากนัก (ยอดขายน้อยไปหน่อย) อีกทั้งตอนจบ ที่โดรอนโจกลับบ้านเกิด น่าจะอยู่กับพวกยัตต้าแมน แสดงละครลิงหลอกเจ้า เพื่อให้ตำนานยังคงอยู่ต่อไปมากกว่า มันจะฟินกว่านี้

    เอาเป็นว่า ดูโดรอนโจน้อยก็คุ้มครับ และส่วนตัวก็ชอบการปรากฏตัวของยัตต้าแมนความหวังใหม่ในตอนท้ายเรื่องทำเอาผมขนลุกครับ (คนอื่นไม่ขนลุกก็ช่าง)

     

    อนิเมะที่ผมชอบปี 2015 - Gakkou Gurashi

    เรื่องราวของ 4 สาวที่พยายามใช้ชีวิตประจำวันในโรงเรียนอย่างสนุกสนามท่ามกลางซอมบี้เลือดสาด ถือว่าเป็นอนิเมะที่ตอนแรกทำหลอกคนดู (ที่ไม่เคยอ่านมังงะ) กันถ้วนหน้า แม้ว่ายอดขายอนิเมะจะไม่ค่อยดี แต่ก็ทำให้หลายคนรู้จักอนิเมะมากขึ้น และยอดขายมังงะก็ดีขึ้นด้วย

    ตัวอนิเมะนั้นดีไปหมด ไม่ว่าจะเป็นภาพบรรยากาศที่สดใส สลับกับภาพบรรยากาศน่ากลัวแบบสไตล์หนังซอมบี้อย่างลงตัว ตัวละครหญิงก็น่ารักโมเอะ รวมไปถึงการดำเนินเรื่องใช้โมเอะชีวิตประจำวัน ผสมกับแนวตื่นเต้นระทึกได้อย่างลงตัว

    ประเด็นของเรื่องก็สอนมาตลอดทั้งตอน ทำนอง ยิ้มไว้โลกไม่สิ้นหวังที่พวกเธอก็สามารถยิ้มได้ แม้โลกจะหายนะ สิ้นหวัง ก็ตาม ตั้งตัวก่อนก็ยังไม่สาย ดีกว่าไปตายดาบหน้า หากเมื่อพวกเธอจัดระเบียบความคิด หาเป้าหมายที่ชัดเจนเรียบร้อยแล้ว จะไปผจญโลกกว้างที่โหดร้าย มันก็ไม่สายเกินไป


    อนิเมะที่ผมชอบปี 2015 -Hacka Doll the Animation

    Hacka Doll the Animation  อนิเมะสั้นๆ 10 นาทีกว่าๆ (รวมเพลงเปิดและเพลงจบ) เรื่องวุ่นๆ ของ AI สุดน่ารักที่มีนิสัยและหน้าที่แตกต่างกันไป คือ Hacka Doll # 1 Hacka Doll # 2  และHacka Doll # 3 ลงมายังโลกมนุษย์เพื่อช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน จบในตอน ซึ่งทำได้ดีเกินคาด ตอนแรกนึกว่าเป็นแนวโมเอะไร้สาระน่าเบื่อ แต่ความจริงแล้วเต็มเปี่ยมไปด้วยหลายรสชาติ แถมมีจิตกัดสังคมหอมปากหอมคอ ตามด้วยแง่คิดดีๆ เล็กน้อย แถมยังจัดหนักโมเอะ ทั้งเซอร์วิส และสุดช็อกเมื่อโมเอะหนึ่งในนั้นเป็นสาวดุ้น!!

     

    อนิเมะที่ผมชอบปี 2015 -Subete ga F ni Naru: The Perfect Insider

    อนิเมะที่สร้างจากนิยายสืบสวนสอบสวน ที่อาจไม่เหมาะแนะนำหลายคนมากนัก  (แถมเงียบอีกต่างหาก) แต่สำหรับผมแล้วนี่คืออนิเมะแนวสืบสวนที่เข้าท่าที่สุดเท่าที่ดูมา ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินเรื่องสไตล์แนวสืบสวนสอบสวนแท้ๆ จากอารมณ์ของเรื่องอึมครึมเต็มไปด้วยปมปริศนา ความหลอน และปมความสัมพันธ์ของตัวละครในเรื่อง ก่อนมาถึงบทสรุปที่หักมุมในตอนท้ายเรื่องมันเป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ

    ที่ชอบคือการออกแบบตัวละครในเรื่อง หลายคนบอกว่าไม่ค่อยสวย แต่ส่วนตัว ผมค่อนข้างชอบคาแร็คเตอร์ตัวละครแบบนี้ เพราะที่ผ่านมาเวลาเอานิยายสืบสวนสอบสวนเอามาทำอนิเมะและมังงะ ส่วนมากชอบวาดตัวละครหล่อสวยเวอร์เหมือนการ์ตูนผู้หญิงทุกที ดูแล้วไม่เข้ากันกับความหลอน ดิบ ของเนื้อหา แต่เรื่องนี้ทำออกมาได้เข้าท่า แม้ งง ต้องดู หลายรอบ แต่ก็มีความรู้สึกน่าติดตาม กระชับ และชัดเจน


    ก็มีเพียงเท่านี้ครับ สำหรับอนิเมะที่ผมชอบปี 2015 ส่วน Non Non Biyori Repeat และ To Love Ru 4k89jvก็สนุกตามมาตราฐานที่เคยเขียนไปเลยก็ไม่ขอกล่าวถึง

    อย่างไรก็ตาม ที่สุดที่ผมเลือกเป็นเพียงแค่ความส่วนตัวของผมเท่านั้น แต่ถ้าใครอยากจะรู้ว่าปี 2015 ชื่นชม ผมก็รวบรวมเอาไว้แล้ว (ซึ่งขอบอกว่าผมไม่ได้ดูสักเท่าไหร่)

    Yahari Ore no Seishun Rabu Kome wa Machigatteiru - ถ้าเรื่องนี้ไม่มีผมทองผมก็คงติดตามไปนานแล้ว

    Death Parade – ไม่ได้ดู

    Fate/stay Night: Unlimited Blade Works – ไม่ได้ดู

    Hibike! Euphonium – ไม่ได้ดู

    Shimoneta to Iu Gainen ga Sonzai Shinai Taikutsu na Sekai –  ไม่ได้ติดตามมาก

    Rokka no Yuusha (Rokka: Braves of the Six Flowers) – เห็นหลายคนชม แต่ยอดขายน้อยจนน่าหนักใจ

    Gangsta.- – ไม่ได้ดู

    Himouto! Umaru-chan (My Two-Faced Little Sister) – ดูมังงะไปแล้ว

    Gate: Jieitai Kanochi nite, Kaku Tatakaeri (GATE) – ไม่ชอบพระเอกเคราแพะ

    Working!!! (Wagnaria!!3) – ไม่ได้ดู

    Prison School – ดูมากๆ ไม่ไหว มุกจัญไรเยอะ

    Charlotte –  ตอนจบเห็นหลายคนบ่นว่าไม่ถูกใจ แต่ติดอันดับอนิเมะดีหลายสำนัก

    Danmachi: Is It Wrong To Pick Up Girls In A Dungeon?-ท่านเทพ

    Plastic Memories – กลายเป็นอนิเมะสั้นที่ดีที่สุดแห่งปีไปแล้ว แต่ผมไม่ได้ดู

    Shigatsu wa Kimi no Uso

    One Punch Man

    Arslan Senki


    พลิกล็อคที่สุดในปี 2015 - Aldnoah.Zero

    สิ่งที่หลายคนต้องทำใจดูอนิเมะออริจินอลเกือบทุกเรื่อง  ก็คือตอนจบที่ไม่ถูกใจหลายคนมากนัก

    โอเคครับ อนิเมะหลายเรื่องมันจบดี แต่ปัญหาคือจบดีที่ว่ามันทำได้ตรงใจกับใครหลายคนหรือเปล่า มันถึงบทสรุปที่พอใจพวกเขาอุตส่าห์ติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ

    เอ่อ......ถ้าถามว่า แล้วอะไรคือจบไม่ตรงใจหลายคนละ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นบทสรุปความรักของตัวละครในเรื่องนั้นมากกว่า (สำหรับสุดๆ) และมันเป็นกฎสำหรับใครหลายคนไปแล้ว คือพระเอกจะต้องสมหวังกับนางเอก ทั้งคู่ต้องได้กัน  หากนางเอกไปได้กับคนอื่น หรือไปตายตอนจบไม่สนหวัง ในขณะที่ตัวละครอื่นๆ สมหวังมีคู่เป็นของตนเอง (ปัจจุบันมีการเพิ่มนางรอง หรือตัวละครที่โครตน่าอวย) เข้าไป หากไม่สมหวังกับพระเอกละก็ แทบจะไม่เผาผีเลยก็ว่าได้)

    สำหรับปี 2015 นี้ (สปอยเลยละกัน) สำหรับผมแย่ที่สุด ก็คงเป็น Comet Lucifer ปาฏิหาริย์แห่งดาวหางลูซิเฟอร์ ผมไม่สนหรอกว่าหลายคนคิดยังไง แบบว่าอยากให้พระเอกสมหวังกับผมส้ม แต่ดูเนื้อหา บวกกับคำว่าออริจินอลเข้าไป ผมว่าไม่สมหวังแน่นอน เลยดอง อ่านสปอยเอา เผื่อว่าถ้าจบถูกใจก็จะตามต่อ แต่พอสปอยตอนจบออกมา แทบหน้ามืด เมื่อสาวผมส้มไม่ได้คู่พระเอก แถมพระเอกไม่ได้ใครอีกต่างหาก สรุปคือโอเวอร์คิงกันเนอร์อนิเมะเก่ายังมีบทสรุปดีกว่าหลายเท่ากว่าอนิเมะแนวขับหุ่นยุคใหม่ๆ เลย

    แน่นอนครับ ถ้าถามว่าอนิเมะเรื่องไหนที่สร้างความเงิบ จนหลายคนพูดไม่ออก แถมพลิกล็อกที่สุดในปี 2015 ก็คงเป็น  Aldnoah.Zero (ครึ่งหลัง) นี้แหละ

    ผมจำได้ดี ตอนฉายอนิเมะ Aldnoah.Zero ครึ่งแรก หลายคนโครตอวยชิบหายวายวอด หลายคนจับคู่กับอินาโฮะกับสเลนจิ้นวายอย่างสนุกสนาน แต่ที่หลายคนหวังที่สุดๆ อินาโฮะจะต้องคู่กับองค์หญิงเท่านั้น ส่วนเพื่อนสมัยเด็ก พี่สาวของอินาโฮะนะตายๆ ไปเถอะ จนกลายเป็นกระแสจน  แถมตอนจบครึ่งแรกเล่นหลายคนช็อก และทำให้ซีซั่นหลังน่าติดตามมากๆ ว่าจะเป็นอย่างไรก็ต่อ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อซีซั่น 2 ฉายจนจบเท่านั้นแหละ หลายคนช็อก รับไม่ได้ และมันก็กลายเป็นอนิเมะหลายคนอยากจะลืม และทุกสำนักไม่มีชื่ออนิเมะเรื่องนี้ว่าเป็นสุดยอดแห่งปี 2015

    พูดง่ายๆ เปิดตัวอย่างเทพ แต่ตอนหลังเงียบกริบซะงั้น

    แน่นอนว่าในเมื่อไม่มีใครอยากพูดถึงอนิเมะเรื่องนี้ ผมก็ขอเอามาพูดถึงละกัน (เพราะอย่างน้อยผมก็ชอบบทสรุปของเรื่องนี้นะ) ครึ่งหลังมีสิ่งที่หลายคนรับไม่ได้อยู่สองเรื่อง เรื่องแรกคือ สเลนพระรองที่แม่ยกหลายคนอวยกันมาครึ่งหลังกลายเป็นหัวหน้าใหญ่แต่ตอนจบกลายเป็นไอ้ขี้แพ้ เจ็บปวดเจ็บใจ ตายก็ไม่ตาย ตายทั้งเป็น แถมโดนยัดข้อหาว่าเป็นตัวการทั้งหมดอีกต่างหาก (ส่วนคนมีอำนาจ ตัวการจริงๆ ก็สบายเฮเพราะมีแพะรับบาปมารับกรรมเอาไว้ ) นี้ถ้าสเลนอยู่ไทยคงติดเชื้อคงติดเชื้อในกระแสเลือดตายแน่นอน

    และบทสรุปที่หลายคนรับไม่ได้ที่สุด ก็คือ เจ้าหญิงที่หลายคนอวยนักอวยหนา นี้คือนางเอก และจะต้องคู่กับอินาโฮะแน่นอนในตอนจบ แต่กลายเป็นว่าตอนจบเจ้าหญิงมาได้กับตัวประกอบที่แทบไม่มีบทในเรื่องเลยซะงั้น จากเจ้าหญิงที่หลายคนชม กลายเป็นโดนด่าว่า อีโลกสวย”, “ยัยบ้าแทนซะงั้น และสิ่งที่พลาดไม่ได้คือกระทู้สำหรับแฟนๆ เรื่องนี้ ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นยกใหญ่ ส่วนมากเป็นด้านลบมากกว่า

    ความจริงบทสรุปของอนิเมะนั้นดี (โดยเฉพาะอิงโกะน่ารัก) แต่ปัญหาคือรายละเอียดตัวอนิเมะมันไม่ได้ละเอียด ในการดำเนินเรื่อง บทสรุปของตัวละครขาดๆ เกินๆ อาจเป็นเพราะจำนวนตอนค่อนข้างจำกัด (อนิเมะแบบนี้มันต้อง 50 กว่าตอนเป็นอย่างต่ำ)

     

    สรุปคือสำหรับซีซั่นนี้ ผมก็ดูน้อยไปหน่อย แต่ก็พอคัดได้ว่าอนิเมะไหนใครสนใจ ไม่สนใจ อันไหนดี หรือไม่ดี  ซึ่งก็หวังว่าปี 2016 ปีหน้า ก็หวังว่าจะมีอนิเมะที่ผมตามบ้าง

     

    ต่อไปก็มาถึงเรื่องมังงะกันบ้าง

     

    สำหรับมังงะปี 2015 ปีนี้มีอะไรเยอะมาก และข่าวที่โดดเด่นที่สุดในบ้านเราคงจะเป็นเสื่อมถอยของวิบูลย์กิจ หลังจากประกาศยุติการพิมพ์นิตยสาร Viva Friday นิตยสารการ์ตูนรายปักษ์และรายสัปดาห์ และเป็นการ์ตูนญี่ปุ่นแบบลิขสิทธิ์เล่มแรกของประเทศไทย (ในเล่มก็มีเรื่องฮิตอย่าง สิงห์นักปั่น, เรียกเขาว่าอีกา, โอตาคุน่องเหล็ก และโฮซาว่าฮ่ายกครัว) ที่อยู่คู่แฟนการ์ตูนมานานถึง 21 ปี จะวางแผงครั้งสุดท้ายในวันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม 2015 ซึ่งเป็นการปิดตัวตาม เคซี.ทริโอ และ นีออสที่หยุดตีพิมพ์ไปก่อนหน้านี้ 

    นอกจากนี้ สำนักพิมพ์วิบูลย์กิจยังได้อ้างเหตุที่ปิดตัวว่า เพราะนิตยสารยอดขายน้อย คนอ่านน้อยเลง สาเหตุมาจากปัจจุบันมีการ์ตูนละเมิดลิขสิทธิ์หาอ่านได้ฟรีทางอินเทอร์เน็ตมากขึ้น จนแบกรับต้นทุนการพิมพ์และค่าลิขสิทธิ์ไม่ไหวจนผู้จัดพิมพ์ต้องปรับตัว             นอกจากนี้ และมีความคิดที่จะทำ e-book เพื่อหวังดึงคนรุ่นใหม่มาสนใจ

     

    สำหรับมังงะที่ดูปีนี้ไม่ค่อยมีมังงะใหม่ๆ ออริจินอล น่าสนใจสักเท่าไหร่ (แต่มีอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่ออกมาประมาณ 2-3 ตอนแล้วน่าสนใจ) ส่วนมากจะเน้นการ์ตูนจากนิยายเน็ตมากกว่าซึ่งมีเรื่องน่าสนใจหลายเรื่อง ที่ค่อนข้างน่าสนใจ สร้างสรรค์ (หรือเปล่า?) และฮาเร็ม (อยู่แล้ว)

    ที่น่าสนใจอีกคือปีนี้ มีการ์ตูนเว็บเกาหลี และการ์ตูนจีนออกมาเยอะหลายเรื่อง และก็เปลี่ยนมุมมองอะไรหลายอย่าง อย่างการ์ตูนเว็บเกาหลีจากที่ผ่านมาเรามักคิดว่ามีแต่แนวปวดตับ ดราม่า แฟนตาซี แต่กลายเป็นว่าเดี๋ยวนี้ผมพบการ์ตูนแนวผู้ใหญ่เยอะ แนวผู้ใหญ่ที่ว่า ก็เป็นการ์ตูนที่ดำเนินเรื่องโดยตัวเอกเป็นผู้ใหญ่วัยทำงาน เต็มไปด้วยฉากเซ็กต์ ร่วมเพศกันอย่างน่าหวาดเสียว แถมเนื้อเรื่องก็เหมือนละครเกาหลีอีกต่างหาก (บางเรื่องก็เน้นแบบการ์ตูนสายมืดเลย เพียงแต่การนำเสนอแบบการ์ตูนเว็บเกาหลีเท่านั้นเอ  ซึ่งก็น่าเป็นห่วงนิดๆ เหมือนกัน

    ส่วนการ์ตูนจีน ก็เปลี่ยนมุมมองเหมือนกัน จากที่ผ่านมา เห็นแต่แนวยุทธภพ กำลังภายใน ลายเส้นหมึกพูกันจีน อลังการเวอร์ (ความจริงน่าจะเป็นการ์ตูนฮ่องกงมากกว่า) แต่เดี๋ยวนี้มีการปรับเน้นแฟนตาซียุโรปมากขึ้น แถมลายเส้นเหมือนการ์ตูนญี่ปุ่นอีก และสิ่งที่แตกต่างคือทุกหน้ามีการลงสีสัน สวยงาม เป็นอย่างมาก

    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็แล้วแต่คนอ่านเอง ว่าจะดูและติดตามเรื่องไหน

     

     

     

    Isekai Maou to Shoukan Shoujo Dorei Majutsu – แนวจอมมาร สไตล์นิยายเน็ต (แต่ตัวนิยายจริงๆ เขาบอกว่าไม่ใช้นิยายเน็ต) เกิดใหม่ในต่างโลก เรื่องราวของเกรียนที่เป็นจอมมารในโลกเน็ต เกลียดคู่รัก (ทั้งในเกมและชีวิตจริง) ยิ่งกว่าตัวเงินตัวทอง โดยไม่รู้ว่าเขาได้กลายเป็นจอมมารเข้าไปในโลกแฟนตาซีเข้าจริงๆ  เนื้อหาสไตล์นิยายเน็ต แต่สองนางเอกน้องแมวและเอลฟ์น่ารักดี และจอมมารเรื่องนี้ขี้เก๊กพอๆ กับกระรอก (โอเวอร์ลอร์ด)

    Maou no Hajimekata - The Comic – การ์ตูนแนวจอมมาร เพียงแต่เรื่องนี้ค่อนข้างจริงจังกว่า และจอมมารชั่ว ที่เนื้อหาเต็มไปด้วยราคะ, แย่งเมียชาวบ้าน, ฆ่าชาวบ้าน และเกรียน (สิ่งที่ดีมีอยู่อย่างเดียวคือ เป็นหมีรักเด็ก และเลี้ยงดูเมียเป็นอย่างดี ถือว่าสอบผ่าน)  ดูไปดูมา เหมือนเอาสายมืดมาโผล่ในที่สว่าง (กลายเป็นจุดแข็งเรื่องนี้โดยบริยาย) แม้ว่าจอมมารเรื่องนี้จะเห่ยกว่าจอมมารเรื่องอื่นๆ แต่พอดูติดใจลายเส้นของคนวาด (อีกทั้งเซอคิวบัสโมเอะมากๆ)

    [HARUTSUGA Nakada] MEMENTO-archivez เป็นการ์ตูนที่ผมไม่ค่อยทราบเนื้อหามากนัก ว่าเป็นเรื่องอะไร เพราะไม่มีแปลเป็นไทยหรืออังกฤษ ดูจากภาพก็แนว “มาฆ่ากันเถอะ” เรื่องราวของพระเอกที่มีทั้งสองสาว (น่าจะเป็นเพื่อนสมัยเด็ก) สนิทกันมาก ตอนแรกดำเนินเรื่องเหมือนคอมเมดี้ แต่ตอนหลังเลือดสาดซะงั้น จุดที่ชอบคือปักธงเพื่อนสมัยเด็กทวินเทล แค่ภาพก็สื่อได้อย่างยอดเยี่ยม

    [Kenkyona Saukuru&Asakawa Keiji] Kouritsu Kuriya Madou-shi, Dani no Jinsei de Madou o Kiwameruการ์ตูนจากนิยายเน็ต (น่าจะใช่)  เรื่องราวของจอมเวทย์ระดับสูงผู้หนึ่งด้วยเหตุบางอย่างทำให้ถูกย้อนอดีตมายังสมัยเป็นจอมเวทย์ฝึกหัด  และเขาก็พยายามเรียนรู้เพื่อกลับมามีพลังเหมือนเดิม หากแต่ก็มีเหตุการณ์ทางแยกของชีวิต ที่เขาจำเป็นต้องเลือกให้ดีกว่าเดิม ที่สำคัญคือการผจญภัยกับฮาเร็มของเขา!!

    [IMAI Yuu] Chikotan, Kowareru  ผลงานของ Imori 201 หันมาวาดเซอร์วิส (?) สไตล์โชเน็ง เรื่องราวของพระเอกที่ไปรู้ความลับของเพื่อนสาวห้องเดียวกัน ที่ไม่ค่อยสนิทกับใคร

    [OIKAWA Toru] INFECTIONแนวหนีเอาตัวรอด (เหมือนเดิม) ก็สูตรเดิมๆ โลกเกิดซอมบี้ระบาด พวกพระเอกอยู่ในโรงเรียน และต้องหนีเอาตัวรอด (ตามสูตร) เพียงแต่เรื่องนี้แปลกตรงที่ ซอมบี้เรื่องนี้โครตแหวะมาก เพราะเต็มไปด้วยหนอนเต็มตา เต็มปาก และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือเซอร์วิส ยัยกางเกงในสุดเอ็กซ์ที่ไม่มีใครเสียเอากางเกงให้เธอนุ่งสักคน

    (Shinya Nobutaka) Youkaiแนวเกมแห่งความตายสไตล์ห้องปิดตาย หนุ่มแว่นคนหนึ่งได้ตื่นมายังอาคารร้างแห่งหนึ่งที่ไม่สามารถหนีออกได้ โดยที่เขาไม่รู้ว่ามาอยู่ที่นี้ได้อย่างไร และนอกจากตัวเขาแล้วยังมีสาวคนหนึ่งอยู่ใกล้ๆ และทั้งคู่ก็ได้รับคำสั่งให้ฆ่าคนด้วยการใช้เข็มฉีดยา ที่ฉีดใส่ใครต้องมีละลายทันที สิ่งที่ชอบคือบรรยากาศดิบๆ มืด ของการ์ตูนเรื่องนี้ รวมไปถึงเรื่องราวเอาตัวรอดในเรื่อง ที่มีทั้งหลอกลวง ความเลวร้าย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าตอนหลังจะออกทะเลหรือเปล่า เพพราะแนๆว แบบนี้ชอบปาหมอนตอนจบอยู่เรื่อย

    สำหรับการ์ตูนผู้ใหญ่ (สายมืด) แม้ว่าเดี๋ยวนี้จะมีแต่ยาโอย ข่มขืน ลงแขก และแย่งเมียชาวบ้าน (ผมไม่แนะนำให้อ่าน) ก็มียังมีฮาเร็มที่ดูแล้ว “ของมันดี” อยู่บ้าง แถมคนวาดก็มีชื่อในสายในสายนี้ด้วย

    Natsumitsu x Harem อีกหนึ่งของผลงานของคนที่มีชื่อในสายมืดนี้เหมือนกัน จากผลงานก่อนๆ (และผลงานล่าสุด) เน้นแฟนตาซีแปลกๆ มาคราวนี้เน้นสายเรียล ตามสูตรสายมืดฮาเร็ม แนวพระเอกกลับมาบ้านเกิดที่เป็นบ้านนอก แล้วมาพักที่บ้านเดียวกับเพื่อนสมัยเด็กที่เป็นพี่น้อง 4 สาว (ต่างช่วงอายุ) และแน่นอนว่าพระเอกก็พระยาเทครัวตามระเบียบ อย่างไรก็ตาม จุดเด่นของการ์ตูนเรื่องนี้อยู่ตรงลีลาชั้นเซียนในการวาดของคนเขียนที่เต็มไปด้วยชั้นเชิง และถือว่าเป็นผลงานที่อ่านรู้เรื่องที่สุดแล้ว ถือว่าเป็นสายมืดออริจินอบฮาเร็มปีนี้ที่น่าแนะนำเป็นอย่างมืด

                    ส่วนโดจินสายมืด (และสายสว่าง) ที่ดังในช่วงเวลานี้ก็ยังคงเป็นป่วยเรือ Kantai Collection ที่โดจินออกมาเยอะมากๆ ซึ่งป่วยเรือถือว่าเป็นหนึ่งใน 7 เรื่องลึกลับในการ์ตูนญี่ปุ่นสำหรับผมเลยก็ว่าได้ (นอกจากนี้ก็มี มิกุ และ Touhou Project)  ด้วยคำถามที่ว่า มันดังได้ไง? (เพราะไม่เคยเล่นเกม) แม้ปีนี้ป่วยเรืออนิเมะจะแป๊กไปนิด แต่วงการโดจินก็ยังคงคึกกว่าเดิมด้วยซ้ำ ก็ยังคงครองแชมป์เซอร์เคิล Comiket ครั้งที่ 89 ด้วยจำนวนซอร์เคิลมากที่สุดถึง 2,747 เซอร์เคิล ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 ตามด้วยหนุ่มดาบ 1,724 เซอร์เคิล และอดีตแชมป์เก่าที่อยู่มานานหลายปี Touhou Project มาอยู่อันดับ 3 ด้วยจำนวน 1,666 เซอร์เคิล และอนาคตเชื่อว่าป่วยเรือก็ยังคงเป็นแชมป์อีกแน่นอน

                    สายมืดเงิบที่สุด ก็คงยกให้เป็น [Shikishiro Konomi] Netoraserare (ช่วงไคแม็กซ์) เรื่องราวของสามีที่นกเขาไม่ขันหากไม่ได้เห็นภรรยาได้กับคนอื่น ซึ่งเนื้อเรื่องมันปวดหัวมากกว่าปวดตับ ดูแล้วมึนติ๊บ (ดังจนมีอนิเมะ) ดำเนินเรื่องจนถึงฉากไคแม็กซ์ ว่าภรรยาของสามีนักเขาไม่ขันจะตัดสินยังไง เห็นบอร์ดแห่งหนึ่งเดาเนื้อเรื่องว่าภรรยามันต้องหย่าจากสามีแน่นอน สามีเป็นคนเลว บลาๆ บลาๆ แต่เอาเข้าจริง เงิบมาก เพราะภรรยาดันชอบเรื่องแบบนี้ซะงั้น เล่นอาหลายคนเป็นลม เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อะไรก็เป็นไปได้

    ส่วนสายมืดชื่อดัง  ก็เป็นอีกปีที่นักเขียนสายมืดหลายคน ผลงานค่อนข้างแป๊ก และบางคนเงียบหายไปเลย อย่าง โฮมุนครุสปัจจุบันไม่ค่อยเห็นผลงานยาวเลย ส่วนคนอื่นก็ขอไม่กล่าวถึงละกัน ก็หวังว่าปีหน้าก็มีสายมืดฮาเร็มดีๆ ให้ได้ชมกัน

     

    ส่วนในปีนี้ก็มีข่าวมังงะ และการ์ตูนดังหลายเรื่องดำเนินเรื่องถึงฉากไคเม็กซ์ซึ่งคร่าวๆ ก็มีดังต่อไปนี้

     

                 จบเสียที

    ความจริงซีซั่นนี้มีมังงะที่จบเยอะเหมือนกัน แต่ผมก็ไม่ค่อยประทับใจเรื่องไหนเป็นพิเศษ ส่วนมากเป็นมังงะที่ไม่ค่อยได้ตาม ดูแบบผิวเผินมากกว่า เป็นต้นว่า Sekirei เซกิเรย์ ที่ไม่ได้ตาม ก็จบแบบฮาเร็มเนอะ แต่ความประทับใจเรื่องนี้ ผมไม่มีนี้สิ (เป็นฮาเร็มเรื่องแรกที่ผมดูแล้วไม่สนุกสุดๆ เลย ผมก็อยากนับถือคนดูเรื่องนี้สนุกจริงๆ)

                    อีกเรื่องก็ตามมานาน ก็เรื่อง shikabane Hime  (เจ้าหญิงล่าผีดิบ) ที่ดำเนินเรื่องอย่างยาวนานก็มาจบและสยามก็ตีพิมพ์จบแล้วเหมือนกัน  เห็นแล้วคนอวยเอา อวยเอา แต่ส่วนตัว ผมรู้สึกผิด (หวัง) ที่ตามเรื่องนี้มาอย่างบอกไม่ถูก เอาเถอะก็ตามใจคนแต่งละกัน

                    นอกจากนี้การ์ตูนผู้หญิงเรื่อง Watashi ni xx Shinasai (รักร้ายยัยตัวแสบ xx me!) ก็จบในปีนี้เหมือนกัน เห็นหลายคนด่าทั้งพระเอกและนางเอกเต็มที่เลย แม้ตอนจบก็จะจบดีตามสไตล์การ์ตูนผู้หญิงก็เถอะ

                    และอีกเรื่องก็ Until death do us part  (เนตรปริศนาล่าทรชน) ก็จบตามสูตรของมัน อย่างไรก็ตาม ยังมีการ์ตูนดังหลายเรื่องที่หลายคนบอกว่า “ควรจบลงได้แล้ว” แต่มันก็หาทางลงไปไม่ได้เสียที (บลิซ, โคนัน รวมไปถึงการ์ตูนดองเค็มอีกมากมาย) ดังนั้นก็ดูปีหน้าว่ามันจะจบลงหรือเปล่า

     

     

    วลีติดปาก Yes แน่นอน!!

                   

                 Meme สุดฮิตบ้านเราแห่งปี 2015 หากจะเอา Meme จากการ์ตูนแล้ว ก็คงจะต้องเป็นรูปการ์ตูนหมีที่พูดประโยคว่า “Yes แน่นอน”  (Yes ที่ว่าเป็นคำหยาบนะครับ ไม่ขอเขียนตรงๆ แต่ผมเชื่อว่าหลายคนรู้แล้ว ที่มาของวลีนี้มาจากการ์ตูนเรื่อง Kumamiko - Girl Meets Bear (ชื่อไทยๆ ก็คือ คุมะมิโกะ คนทรงหมี) ซึ่งเป็นแนวชีวิตประจำวันสบายๆ ที่ตัวเอกเป็นหมีพูดภาษามนุษย์ที่ดูแลโลลิตั้งแต่ยังเด็ก ความจริงแล้วเจ้าหมีตัวนี้ไม่ได้ลามก หรือกวนตีนอะไรหรอก เพราะประโยคจริงๆ ของเจ้าหมีนี้มันพูดว่า “Yes sure” หากแต่บ้านเราไม่รู้คิดยังไง กลายเป็นคำหยาบซะงั้น และความที่ถูกใจใครหลายคน จึงนำภาพและประโยคนี้เอามาแซว ประชด แดกดัน กระทู้ ดราม่า หรืออะไรก็ตามที่มีเรื่องเพศสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน เป็นต้นว่าเรื่อง ชู้, วาย, เกย์  หรือแม้แต่การ์ตูนที่มีฉากเพศสัมพันธ์เอามาใช้

    ไม่เพียงบ้านเราเท่านั้น มันยังสะเทือนไปถึงญี่ปุ่น จนคนแต่งต้องส่งสารมายังคนไทย จากงาน Manga Festival Kumamiko ว่า อย่าหมกมุ่นเรื่องลามกให้มากนะ

     

                    สปอยสะท้านแห่งปี ชมรมไร้เพื่อน

                   

                  สปอยถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ปลื้มสักเท่าไหร่ สำหรับไลท์โนเวลบ้านเรา โดยเฉพาะผู้จำหน่าย เพราะถ้าหากสปอยดีก็ดีไป แต่ถ้าสปอยไม่ดีนี้จะลามไปไฟท่วมทุ่ง มีผลทำให้หลายคนตัดสินใจไม่ซื้อไลท์โนเวล แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานใดๆ ว่าสปอยมีผลต่อยอดขายไลท์โนเวลหรือไม่ แต่โดยส่วนตัวมันมีผลต่อจิตใจต่อคนตามไลท์โนเวลแน่นอน ที่อุตส่าห์ตามหลายปี มีความหวังว่าอยากให้จบดีๆ หากจบไม่ดีออกมา ถึงขั้นเสียใจก็มี ซึ่งที่ผ่ามมาก็มีความเห็นทั้งดีและไม่ดีกับตอนจบ (ไม่ว่าจบยังไง ก็ต้องมีคนบ่นอยู่ดีว่า แย่ อย่าง จบวิน, แม้แต่จบค้างคาก็โดนว่า)

                    (ปล. โดยส่วนตัว ไลท์โนเวลที่จบดี อิ่มใจที่สุด คือแก๊งก๊วนกลับบ้าน จบดีกว่าคุราตะอีกนะเอ่อ)

                    ในปี 2015 มีไลโนเวลเรื่องหนึ่งที่หลายคนติดตาม และดำเนินเรื่องไปถึงตอนจบแล้ว นั้นคือ ชมรมไร้เพื่อน Boku wa Tomodachi ga Sukunai ซึ่งเรื่องราวของโคดากะกับสมาชิกชมรมเพื่อนบ้าน ที่ตั้งเป้าหาเพื่อน

                    เรื่องนี้มีคนอวยมากในบ้านเรา และอวยโหด ด้วย หลายคนด่ายัยโยโซระ อวยเซนะออกนอกหน้า หลายคนด่าโคดะกาก ทั้งๆ ที่ในเรื่องผมก็ไม่เห็นเรื่องรักใคร่ๆ ฟินๆ สักเท่าไหร่ หรือรูทพัฒนาจิตใจแก้นิสันเสียไม่มี เพราะในจุดประสงค์ในเรื่องคือขายความอนาถตัวละคร พร้อมกับความสนิทของชมรมเพื่อนบ้านมากกว่า

    แน่นอนครับ บ้านเรายังดีพิมพ์ไม่จบ  แต่กระนั้นด้วยยุคอินเทอร์เน็ตไร้พรมแดน สปอยสดๆ จากญี่ปุ่น (ไม่แน่ใจว่า มีหน้าตอนจบมาอีกหรือเปล่า) ก็มาทันที ผลคือ หลายคนบอกว่าตอนจบโครตแย่ ยี้ เป็นแถบๆ

                    (สปอยนะครับ ใครไม่อยากอ่านข้ามได้ แต่อนึงก็ไม่มั่นใจว่าสปอยมันถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์หรือเปล่า) เท่าที่ผมจำสปอยมา ประมาณว่า โคดากะปฏิเสธรักโยโซระบอกว่าเป็นแค่เพื่อนรัก, สารภาพรักกับริกะและริกะตอบว่าไม่ได้เพราะเราเป็นแค่เพื่อน, คบกับยูคิมูระ ไปหาแม่ยูคิมูระ, ตอนจบโคดากะตื่นจากความฝัน พบว่าทั้งหมดดำเนินเรื่องมาเป็นความฝัน ความจริงคือเขากินหม้อไฟแห่งความมืดแล้วสลบต่างหาก......

    และสิ่งที่ผมกังวลที่สุด มีสปอยประโยคหนึ่งที่ผมว่าแย่ที่สุดหากเป็นจริง คือ “ตอนจบทุกคนย้ายโรงเรียน ตามทางใครทางมัน โดยมีมาเรียยืนร้องไห้อยู่เบื้องหลัง” (กลับกัน หากสปอยผิด ถือว่าคนปล่อยสปอยถือว่าแย่มาก)

                    แน่นอนครับ หลายคนได้อ่านสปอย เล่นเอาผิดหวังเป็นแถบๆ เพราะบางคนคาดหวังอยากเห็นโคดากะคู่กับเซนะ หรือมีเรื่องรัก ๆ (ซึ่งก็ไม่ตรงกับจุดประสงค์ เป้าหมายของไลท์โนเวลเรื่องนี้สักเท่าไหร่) บางคนถึงขั้นขายไลท์โนเวลลดราคาถูกเหมือนแจกฟรี บางคนบอกว่าจะไม่ซื้อ จนสำนักพิมพ์รักพิมพ์ที่เป้นเจ้าของลิขสิทธิ์ในไทยเป็นห่วงนิดๆ เหมือนกัน เพราะสปอยที่ว่ามาก่อนงานหนังสือที่รักพิมพ์ตีพิมพ์เล่ม 10-11 แล้ว เหลือเพียงเล่ม 12 ซึ่งเป็นเล่มสุดท้ายที่รักพิมพ์ยังไม่ได้พิมพ์ก็ดี เจอสปอยแบบนี้เข้าไปเล่นเอาจุไม่น้อย

    ในขณะที่บางคนออกมาบอกว่า อย่าตัดสินจากสปอยไม่กี่หน้ากระดาษ A4  มีแต่ตัวเราเท่านั้นที่จะตัดสินนิยายเรื่องหนึ่งดีหรือไม่ดีตามความรู้สึกของเรา อีกทั้งเท่าที่ดูกรวิจารณ์จากเว็บต่างประเทศผมว่าส่วนใหญ่ออกมาด้านบวก บางทีสปอยที่ออกมาอาจเกินจริง หรือความจริงไม่หมด เพราะถึงยังไง ชมรมไร้เพื่อนนั้น เป็นนิยายที่หลายคนติดตามกันมาก และมีโดจินทั้งสว่างและมืดจากควาดการ์ตูนชื่อดัง อวยคนโน้นคนนี้ คนแต่งก็ต้องพยายามตอนจบให้หลายฝ่ายรับได้ เป็นที่จดจำมากกว่า

    เชื่อว่าไม่นานเกินรอที่คนไทยจะได้อ่านชมรมไร้เพื่อน เล่ม 12 ซึ่งเป็นตอนจบของหนึ่งซีรีย์อวยโหดบ้านเราเสียที



                ที่สุดยังไม่จบครับ ต่อในบทความหน้า แต่ขอสรุปนิดหน่อยละกันว่า ปี 2015 ถ้าให้ดูคุณภาพ แนวฮาเร็มน้อยไปหน่อยนะผมว่า การ์ตูนใหม่ที่โดนใจน้อย  แม้ว่าจะมีการ์ตูนเกาหลี กับจีนเพิ่มมาก็ตาม แถมลิขสิทธิ์ไลทโนเวลที่ถูกใจผมก็ไม่ค่อยมีสักเท่าไหร่ แถมยังมีข่าวเกี่ยวกับวิบูลย์กิจย่ำแย่อีกต่างหาก (ยังไม่นับอนิเมชั่นไทยเรื่อง “อนันตา” เจ๊งอีกต่างหาก) ทำให้เป็นปีที่มีอะไรที่น่าอึมครึมสำหรับวงการการ์ตูนไทยบ้านเรานิดหน่อย ดีที่สำนักพิมพ์สยามสร้างผลงานการ์ตูนไทยใหม่ๆ ให้ได้ดูตลอด จนใจชื้นบ้าง


                    สำหรับปี 2016 ที่จะมานี้ก็ไม่ค่อยมีข่าวอะไรที่น่าหวือหวาสำหรับผมสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นอนิเมะหรือมังงะ เพราะส่วนตัวผมนิยมการ์ตูนไม่ดังอยู่แล้ว ก็หวังว่าจะเจอการ์ตูนไม่ดังแต่น่าสนใจบ้าง


     


                    เอาเป็นว่าสวัสดีปีใหม่ครับ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามบทความนี้เสมอมา


     








    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×