ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Hallelujah (WONCIN + HAEKI +SHINDONG)

    ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 6

    • อัปเดตล่าสุด 12 มิ.ย. 64




    ตึกแฝดเปโตรนาสหรือเปโตรนาสทวินทาวเวอร์ ตึกแฝดที่สูงที่สุดในโลกตั้งตระหง่านรับแสงอาทิตย์ที่ส่องลงมาข้างหน้าพวกเขาบ่งบอกถึงความอลังการที่เพียงแค่ได้เห็นก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมสถาปัตยกรรมนี้

                    

    ชเวซีวอนกวาดสายตามองไปรอบๆทันทีที่เดินออกมาจากลิฟต์ที่ขึ้นมาหยุดอยู่ ณ ชั้น80 ดงแฮเดินตามชายหนุ่มออกมาโดยที่มือข้างขวาของเขากุมมือเล็กของร่างบางที่สัญญาเอาไว้ว่าจะปกป้อง ชินดงและฮีชอลก้าวออกมาจากลิฟต์เป็นสองคนสุดท้าย

                    

    เราดูมาแปดสิบชั้นแล้วนะ มันยังไงก็เหมือนเดิม”โพล่งออกมาด้วยความเหนื่อยอ่อนและท้อถอย ฮีชอลหันหน้ามามองยังคนพูดก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย “ชินดงพูดถูก ดูท่าว่าเบลซาบับไม่ได้ตั้งเป้าหมายที่จะโจมตีภายในตึกนี้”

                    

    ดวงหน้าคมคายพยักหน้าให้กับคำพูดที่มีความเป็นไปได้สูงก่อนจะกวาดสายตาไปยังห้องกว้างโล่งนี่อีกครั้ง รอบผนังเต็มไปด้วยกระจกใสให้เห็นทิวทัศน์ภายนอกจากข้างบนได้ทุกรอบด้านก่อนที่จะชะงักเมื่อสังเกตุถึงอะไรบางอย่างที่ผิดปกติไป...ผิดปกติมากเลยหละ!

                    

    ไวเท่าความคิดซีวอนปราดไปยืนแนบกระจกใสก่อนจะเบิกตากว้าง ชายหนุ่มแทบหยุดหายใจและหัวใจหยุดเต้นไปด้วยพร้อมกัน ยังดีที่ยังสามารถควบคุมสติของตัวเองเอาไว้ได้ทัน กระนั้นภาพข้างหน้ายังทำให้เบิกตากว้างชนิดทำอะไรไม่ถูกไปหลายวินาที

                    

    เครื่องบินที่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้...

                    

    มันไม่ใกล้นักและไม่ไกลมาก หากแต่มันไกลชนิดที่เห็นจุดเล็กๆจุดหนึ่งที่กำลังใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

                    

    ...เป้าหมายคงหนีไม่พ้นตึกนี้แน่นอน!

                    

    นี่ไอ้เจ้านั่นคิดจะทำให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนไอ้ตอนสิบเอ็ดกันยาเหรอเนี่ย?”คำพูดที่มาจากปากชินดงฮีนั้นเป็นความคิดเดียวกันกับที่อยู่ในหัวของชายหนุ่ม ดวงหน้าคมคายหันขวับไปมองยังเพื่อนรัก และสัญชาติญานหัวหน้าทีมก็ทำให้เขาได้ประกาศมอบคำสั่งออกไปอย่างรวดเร็ว

                    

    ทุกคนลงไปที่ชั้นหนึ่งเร็...”

                    

    ไม่มีใครลงไปจนกว่าชเวซีวอนไม่ก็ฉันจะตาย”

                    

    เสียงทุ้มที่ขัดขึ้นมานั้นเรียกความสนใจจากทุกคนให้หันไปมองยังต้นเสียงที่ยืนอยู่หน้าลิฟต์โดยที่ไม่มีใครรู้เลยแม้แต่น้อยว่าผู้ชายร่างท้วมที่ยืนถือตะบองขนาดใหญ่คนนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่

                    

    การปรากฏตัวของคนตรงหน้าที่ไม่มีใครรู้ตัวสร้างความตะลึงให้แก่ทุกคนเป็นอย่างมาก และนอกเหนือจากความตะลึงนั้นคือความโกรธที่เพียงแค่เห็นหน้าก็พุ่งขึ้นมาอย่างไม่สามารถห้ามตัวอยู่

                    

    แก!!”ทุกคนหันขวับไปยังคิมคิบอมที่ชี้นิ้วเรียกคนตรงหน้าราวกับรู้จักกันมาก่อนอย่างนึกแปลกใจ แต่นึกสงสัยได้ไม่เท่าไหร่ก็กระจ่างหายไปกับคำตอบที่ออกมาจากปากเล็กและเต็มไปด้วยน้ำเสียงโกรธแค้นอย่างเป็นที่สุด

                    

    แกคือคนที่ฆ่าคุณท่าน!!!”

                    

    และบึ้มบ้านคุณท่านด้วย”ชายแปลกหน้าคนนั้นเอ่ยตอบเรียบๆราวกับเป็นเรื่องธรรมดา แน่นอน...ไม่ใช่สำหรับคนอื่นเลยแม้แต่น้อย

                    

    ไอ้ชั่ว!!”ตะโกนดังลั่นหมายจะเข้าไปจัดการคนตรงหน้าให้หายแค้นหากแต่ฮีชอลที่ยืนข้างๆไวกว่า มือเล็กรีบคว้าแขนข้างๆแล้วดึงเอาไว้ไม่ให้พุ่งไป

                    

    ทำอะไรหัดคิดซะบ้าง!”ตะโกนเสียงดุอย่างนึกหงุดหงิดกับอารมณ์โกรธที่พาลจะไปเล่นงานโดยไม่คำนึงถึงรูปร่างและเรี่ยวแรงตัวเองเสียแล้ว “ฝ่ายนั้นมีไม้กระบองและตัวใหญ่ ส่วนนายมีอะไรบ้างหละ?!”

                    

    เจอตวาดเข้าให้ถึงค่อยนึกได้ถึงความจริงที่เขากับคนตรงหน้าแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง  


    “ผมขอโทษครับ”

                    

    ร่างเล็กหน้าสลดก่อนเอ่ยพึมพำรับคำขอโทษเอาไว้พลางปล่อยแขนคนตรงหน้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองชายตรงหน้า “เบลซาบับงั้นหรือ?”

                    

    นั่นเป็นแค่ชื่อเรียกตามความเชื่อ”เอ่ยปฏิเสธเสียงทุ้มระหว่างที่ในใจนึกชมเชยร่างข้างหน้าที่ดูจะเป็นคนที่ควบคุมคนอีกคนไม่ให้พุ่งมาหาเขาได้ ไม่งั้นเขาก็ไม่รับประกันชีวิตของคิมคิบอมหรอก ร่างเล็กนิ่งเงียบไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆที่แสดงออกมาทั้งสิ้น “กูลา...คือชื่อของฉัน”

                   

    “Gula? คำว่าตะกละภาษาละตินหนะเหรอ?”เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าจึงกระตุกยิ้มที่มุมปาก “เข้าใจตั้งชื่อตามรูปร่างดีนี่”

                    

    กูลากระตุกยิ้มตามนึกพอใจในฝีปากเสียดสีแต่ไม่แสดงอารมณ์ของคู่สนทนา...กระนั้นเขาก็ไม่มีเวลาจะพูดแล้วหละ “ขอแค่ชเวซีวอนมาสู้กับฉัน ส่วนคนอื่นจะทำอะไรก็ทำไป...”

                    

    “...ถ้ายังมัวโอ้เอ้แบบนี้ระวังเครื่องบินที่โดนควบคุมระบบชนตึกก็แล้วกัน”

                    

    ควบคุมระบบ?”คราวนี้เป็นชินดงฮีที่เอ่ยพึมพำอย่างงุนงงก่อนที่ในหัวจะประมวลความคิดอย่างรวดเร็ว...งั้นก็หมายความว่าเครื่องบินที่กำลังจะพุ่งมาชนนั้นถูกคนๆนี้ควบคุมเอาไว้โดยตัวนักบินทำอะไรไม่ได้เลยงั้นเหรอ?

                    

    แฮกเกอร์ใช่ไหม?”เอ่ยถามก่อนจะรีบอธิบายต่อไปโดยไม่สนใจสีหน้างุนงงของอีกฝ่ายเมื่อพบว่าเขารู้จักตน “ก็ลองดูสิว่าจะสามารถแฮกเข้าระบบกลับไปควบคุมเครื่องบินให้พวกนั้นได้อีกครั้งหรือเปล่า...สายอินเตอร์เนตอยู่นั่น”

                    

    ไม่ว่าเปล่าก็ชี้กระบองยักษ์ไปยังปลั๊กอินเตอร์เนต ไวเท่าความคิดชินดง แฮกเกอร์ระดับพระกาฬก็คว้าแลปท้อปออกมาจากกระเป๋าคอมตนอย่างรวดเร็วแล้วปราดไปยังปลั๊กตัวนั้นทันทีโดยไม่ปล่อยให้เวลาเสียเปล่าไป

                    

    คนที่เหลือจะทำอะไรก็ทำไป เอาชเวซีวอนมาสู้กับ...”

                   

    มันไม่ใช่ชเวซีวอนหรอกเฟ้ย!!”

                    

    เสียงๆหนึ่งดังขัดเขาขึ้นมา กูลาเลิกคิ้วอย่างแปลกใจก่อนที่จะรีบกระโดดหลบเมื่อร่างๆหนึ่งพุ่งมายังเขาอย่างรวดเร็วจนแทบไม่ทันจะได้ตั้งตัว

                    

    ใครคนหนึ่งที่ไม่ใช่ชเวซีวอน คนๆนั้นกระตุกยิ้มที่มุมปากก่อนจะลุกขึ้นยืนตัวเปล่า ไม่มีอาวุธอะไรเลยทั้งสิ้นมีเพียงแค่สองหมัดที่กำเอาไว้ แต่ทว่าสายตาที่ส่งมาให้นั้นกลับเต็มไปด้วยความอาจอง ไม่หวั่นเกรงและนึกสนุกแม้อีกว่าอีกฝ่ายจะตัวใหญ่กว่าเขาและถือไม้กระบองเป็นอาวุธ

                    

    ดงแฮ!!”

                    

    ไม่ได้มาจากชเวซีวอนหรือคิมคิบอม แต่มันมาจากอีกหนึ่งคนที่กลายเป็นทำท่าจะวิ่งเข้าไปหาถ้าไม่ติดอยู่ที่ว่าแขนแกร่งจากชายหนุ่มข้างๆตนคว้าตัวเอาไว้เสียก่อน คิบอมเองก็รีบหันขวับไปมองด้วยท่าทีไม่เข้าใจ...เมื่อกี้เพิ่งห้ามเขาไม่ให้วิ่งไป แต่ทำไมคราวนี้ตัวเองเป็นคนทำหละ?

                    

    เจ้าของชื่อหันขวับมามองก่อนจะฉีกยิ้มกว้างอย่างสบายอารมณ์ผิดกับเพื่อนรักที่จ้องเขาด้วยสายตาไม่พอใจเป็นที่สุด ชายหนุ่มก้าวกลับมาก่อนจะหยุดยืนข้างหน้าคนอื่นๆ สบตากับซีวอนเป็นคนแรก


    ซีวอน คนนี้ผมขอสู้เองเถอะนะ”

                    

    พูดจบก็หันไปมองอีกหนึ่งคนที่ดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดโดยไม่รอฟังคำตอบของเจ้าของชื่อเลยแม้แต่น้อย มือใหญ่ยกขึ้นลูบกลุ่มหัวสีดำของคนที่ยังคงดิ้นไม่เลิกเบาๆ

                    

    เพียงแค่สัมผัส...คิมฮีชอลก็หยุด

                    

    เฮ้ฮีชอล~ เดี๋ยวฉันก็กลับมา”ประโยคที่เต็มไปด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีราวกับเป็นเรื่องปกติธรรมดา แววตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและสัมผัสอ่อนโยนจากมือใหญ่ สามสิ่งนี้เป็นสิ่งๆเดียวที่ทำให้ร่างเล็กเลิกอ้าปากเถียงให้เขาไปสู้

                    

    เป็นแบบนี้ทุกครั้ง เวลาที่ลีดงแฮต้องการจะสู้กับคนร้าย คนๆเดียวที่มักจะตะโกนห้ามคือคิมฮีชอล...และเขาจะต้องทำแบบนี้ทุกครั้งเพื่อให้ฮีชอลยอมให้เขาไปสู้ และน่าแปลกที่ร่างเล็กมักจะยอมกับแค่ประโยคที่ฟังดูธรรมดาและยอมยืนให้เพื่อนรักลูบหัว...เพื่อที่ลีดงแฮจะได้เอาชีวิตไปเสี่ยง

                    

    และน่าแปลกที่สิ่งนี้ดูจะเป็นอย่างเดียวที่เขายอมเพื่อนรักคนนี้ ฮีชอลทำได้แค่ถอนหายใจเบาๆอย่างไม่สามารถช่วยได้ก่อนจะเปรยสายตามองไปยังร่างอีกร่างข้างๆตนที่ยืนมองตัวสั่น


    ชำระแค้นแทนงั้นเหรอ?”เอ่ยถามราวกับอ่านใจออก คนโดนรู้ทันได้แต่ยกมือเกาท้ายทอยพลางหัวเราะแหะๆ “ความแตกจนได้ อยากจะให้คิบอมเดาเองตอนฉันออกไปสู้ แต่นี่เสือกรู้ก่อนสู้อีก...ว่าจะทำเป็นพระเอกในหนังหน่อย”


    พูดพลางทำหน้าเสียดายเป็นที่สุดอันแสนจะไม่เหมาะกับสถานการณ์ที่เขาสามารถหันหลังกลับไปและถึงแก่ความตายได้ในทุกเมื่อที่พลาดก่อนที่จะหันหน้ามามองยังอีกหนึ่งร่างที่ยืนอยู่


    ไม่ทันจะได้อ้าปากพูด ลีดงแฮก็ยกมือขึ้นโบกไปโบกมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง “เห็นแค้นเจ้าหมอนั่นนักนี่นา ไม่ต้องห่วงหรอก...ผมชำระแค้นให้คุณ”


    เวรย่อมระงับด้วยการไม่จอ...”


    ขอโทษนะ แต่ผมไม่เคยเชื่อประโยคนั้น”เอ่ยขัดพร้อมกับรอยยิ้มอารมณ์ดีแล้วยกมือลูบหัวร่างเล็กที่เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ชายหนุ่มถือโอกาสจุมพิตเบาๆบนหน้าผากเนียนก่อนจะหันหลังกลับไปประจัญหน้ากับอีกฝ่ายที่ยืนรออยู่มาเสียนาน


    ขอโทษที่ทำให้รอนาน พร้อมจะสู้หรือยังหละเจ้าอ้วน?!”


    และลีดงแฮก็เดินจากไป ทิ้งเอาไว้ซึ่งคนอีกสามคนที่มองตามไปอยู่ข้างหลังด้วยสายตาเป็นห่วง


    ชเวซีวอนผู้ซึ่งได้สติคนแรกก้มลงมองเมื่อพบว่าคนในอ้อมกอดดูเงียบไปผิดปกติ ไม่ต้องเดาก็รู้ได้ว่าคิมฮีชอลกำลังเป็นห่วงคนที่กำลังจะเอาทั้งชีวิตไปสู้อย่างเป็นที่สุด


    คราวนี้มันแค่มือเปล่า อีกฝ่ายมีไม้กระบองและตัวใหญ่กว่าหลายเท่า”เสียงหวานที่ส่งผ่านออกมาจากริมฝีปากนั้นเบาแทบราวจะเป็นลมหายใจ ทว่าไม่ทันที่ร่างสูงจะได้พูดอะไรทั้งสิ้น ฮีชอลก็สูดหายใจ หลับตาไปเพียงชั่วครู่ก่อนจะลืมาตาขึ้นมาใหม่พลางพ่นลมหายใจออก...กลับมาเป็นคิมฮีชอลคนเดิมอย่างรวดเร็ว “ยังไงดงแฮก็ต้องชนะ”


    ทำไม...”


    น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจดังขึ้นมาจากคนข้างๆ คิมคิบอมกำลังเต็มไปด้วยความสงสัย...สงสัยเหลือเกินว่าทำไมผู้ชายคนนี้ต้องยอมเอาชีวิตไปเสี่ยงเพื่อเขาด้วย


    ดงแฮมันเคยบอกอะไรไว้กับนายหละ?”คำถามที่ถามย้อนกลับมาของฮีชอลนั้นทำเอาคนโดนถามต้องถึงกับย้อนกลับไปถึงเมื่อวาน


    เมื่อตอนที่บ้านคุณท่านระเบิด


    เขาอยู่ในอ้อมกอดนั่น...มันให้ทั้งความรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นจนไม่อยากจากไปไหน คนที่โอบกอดเขาโน้มลงมาจุมพิตเบาๆที่ขมับแล้วเอ่ยประโยคๆหนึ่งเอาไว้

     

    ฉันจะเป็นแสงสว่างให้นายเอง”


    และนั่นก็หมายถึงต่อสู้ปกป้องเขา...และสู้เพื่อชำระแค้นกูลาที่ฆ่าคุณท่านและระเบิดบ้านพักคุณท่านแทนเขา?


    ลีดงแฮเป็นคนรักษาสัญญาเยี่ยงชีพ และจะไม่มีวันผิดคำมั่นสัญญานั่นเด็ดขาด”คำตอบจากคู่สนทนานั้นเรียกน้ำตาให้ปริ่มขึ้นบนขอบตาอย่างน่าแปลกใจ...ทำไมเขาต้องซาบซึ้งและปลาบปลื้มขนาดนี้ด้วย แต่มันก็สมควรแล้วไม่ใช่เหรอ?


    ทำไม...”คราวนี้เป็นอีกคำถามพร้อมกับดวงหน้าหวานที่ฉายแววไม่เข้าใจเต็มทนและหันมามอง “ทำไมเขาถึงบอกไม่เชื่อว่าเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวรหละ?”


    คิมฮีชอลกระตุกยิ้มที่มุมปากก่อนเอ่ยย้อนกลับไปเสียงเรียบ “ฉันดีใจที่นายถามคำถามนี้นะ...ทำไมนายไม่บอกประโยคนี้แก่ตัวนายออกตอนที่เจอหน้ากูลาแทนเสียหละ?”


    เมื่อเจอประโยคที่ตอกกลับมาให้ย้อนดูการกระทำของตัวเองเมื่อครู่ที่ผ่านมาทำเอาคิบอมถึงกับสะอึก...ที่คนตรงหน้าพูดมาถูกหมดเลย ทำไมเขาไม่เฝ้าบอกตัวเองหละว่าเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวรแทนที่จะโกรธจนแทบจะถลาไปชกหน้าเจ้าฆาตกรใจโฉดนั่น


    อีกอย่างนะ”เสียงหวานที่พูดต่อเรียกความสนใจของคนที่กำลังจะจมลงสู่ห้วงความคิดของตัวเองให้หันมามองได้ “อาชีพอย่างดงแฮ ตำรวจ...ทหาร...FBI ทุกๆคนที่ทำอาชีพพรรค์นี้ แม้อยากจะเชื่อในประโยคนั่นแต่กลับทำไม่ได้ เพราะว่าหน้าที่ของพวกเขาคือการดูแลความสงบสุข และนั่นก็หมายถึงการจำเป็นที่จะต้องฆ่าคนหนึ่งคนเพื่อรักษาความสงบสุขของคนที่เหลือ...”


    นายก็เคยเห็นในข่าวนี่คิบอม ที่ตำรวจยิงผู้ร้าย และผู้ร้ายบางคนยิงตำรวจ ถ้าตำรวจไม่ยิงผู้ร้าย ยังไงเสียผู้ร้ายก็ต้องยิงตำรวจอยู่แล้ว มันยากที่จะต้องฆ่า แต่มันคือความจำเป็น เพื่อความสงบสุขของที่เหลือ...เชื่อฉันสิ การฆ่าเป็นทางเลือกสุดท้ายของตำรวจอย่างเรา”


    แล้วคุณดงแฮเขาเชื่อในอะไรหละครับ?”รอยยิ้มหวานเย็นๆถูกวาดบนดวงหน้าราวกับพอใจที่คิมคิบอมผู้กำลังดูสับสนเหลือเกินถามคำถามนี้ออกมา ฮีชอลเลือกทีจะนิ่งเงียบสักพัก ดวงตากลมโตจ้องมองไปยังเพื่อนรักที่กำลังหมุนตัวหลบกระบองมหึมาที่ฟาดลงไปอย่างเฉียดฉิวก่อนจะเอ่ยตอบกลับไปเรียบๆ


    “To kill or to be killed”


    เลือกที่จะฆ่าหรือเลือกที่จะโดนฆ่า



    ---------------------------------------------------------------------------------------------------

    ห่างหายจากฮาเลไปเสียนานแสนนาน -_-;
    กลับมาแล้ว คิดถึงกันไหมคะ? ๕๕๕

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×