คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 6
ตึกแฝดเปโตรนาสหรือเปโตรนาสทวินทาวเวอร์
ตึกแฝดที่สูงที่สุดในโลกตั้งตระหง่านรับแสงอาทิตย์ที่ส่องลงมาข้างหน้าพวกเขาบ่งบอกถึงความอลังการที่เพียงแค่ได้เห็นก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมสถาปัตยกรรมนี้
ชเวซีวอนกวาดสายตามองไปรอบๆทันทีที่เดินออกมาจากลิฟต์ที่ขึ้นมาหยุดอยู่
ณ ชั้น80 ดงแฮเดินตามชายหนุ่มออกมาโดยที่มือข้างขวาของเขากุมมือเล็กของร่างบางที่สัญญาเอาไว้ว่าจะปกป้อง ชินดงและฮีชอลก้าวออกมาจากลิฟต์เป็นสองคนสุดท้าย
“เราดูมาแปดสิบชั้นแล้วนะ มันยังไงก็เหมือนเดิม”โพล่งออกมาด้วยความเหนื่อยอ่อนและท้อถอย
ฮีชอลหันหน้ามามองยังคนพูดก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย “ชินดงพูดถูก ดูท่าว่าเบลซาบับไม่ได้ตั้งเป้าหมายที่จะโจมตีภายในตึกนี้”
ดวงหน้าคมคายพยักหน้าให้กับคำพูดที่มีความเป็นไปได้สูงก่อนจะกวาดสายตาไปยังห้องกว้างโล่งนี่อีกครั้ง
รอบผนังเต็มไปด้วยกระจกใสให้เห็นทิวทัศน์ภายนอกจากข้างบนได้ทุกรอบด้านก่อนที่จะชะงักเมื่อสังเกตุถึงอะไรบางอย่างที่ผิดปกติไป...ผิดปกติมากเลยหละ!
ไวเท่าความคิดซีวอนปราดไปยืนแนบกระจกใสก่อนจะเบิกตากว้าง
ชายหนุ่มแทบหยุดหายใจและหัวใจหยุดเต้นไปด้วยพร้อมกัน
ยังดีที่ยังสามารถควบคุมสติของตัวเองเอาไว้ได้ทัน
กระนั้นภาพข้างหน้ายังทำให้เบิกตากว้างชนิดทำอะไรไม่ถูกไปหลายวินาที
เครื่องบินที่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้...
มันไม่ใกล้นักและไม่ไกลมาก
หากแต่มันไกลชนิดที่เห็นจุดเล็กๆจุดหนึ่งที่กำลังใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
...เป้าหมายคงหนีไม่พ้นตึกนี้แน่นอน!
“นี่ไอ้เจ้านั่นคิดจะทำให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนไอ้ตอนสิบเอ็ดกันยาเหรอเนี่ย?”คำพูดที่มาจากปากชินดงฮีนั้นเป็นความคิดเดียวกันกับที่อยู่ในหัวของชายหนุ่ม
ดวงหน้าคมคายหันขวับไปมองยังเพื่อนรัก
และสัญชาติญานหัวหน้าทีมก็ทำให้เขาได้ประกาศมอบคำสั่งออกไปอย่างรวดเร็ว
“ทุกคนลงไปที่ชั้นหนึ่งเร็...”
“ไม่มีใครลงไปจนกว่าชเวซีวอนไม่ก็ฉันจะตาย”
เสียงทุ้มที่ขัดขึ้นมานั้นเรียกความสนใจจากทุกคนให้หันไปมองยังต้นเสียงที่ยืนอยู่หน้าลิฟต์โดยที่ไม่มีใครรู้เลยแม้แต่น้อยว่าผู้ชายร่างท้วมที่ยืนถือตะบองขนาดใหญ่คนนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่
การปรากฏตัวของคนตรงหน้าที่ไม่มีใครรู้ตัวสร้างความตะลึงให้แก่ทุกคนเป็นอย่างมาก
และนอกเหนือจากความตะลึงนั้นคือความโกรธที่เพียงแค่เห็นหน้าก็พุ่งขึ้นมาอย่างไม่สามารถห้ามตัวอยู่
“แก!!”ทุกคนหันขวับไปยังคิมคิบอมที่ชี้นิ้วเรียกคนตรงหน้าราวกับรู้จักกันมาก่อนอย่างนึกแปลกใจ
แต่นึกสงสัยได้ไม่เท่าไหร่ก็กระจ่างหายไปกับคำตอบที่ออกมาจากปากเล็กและเต็มไปด้วยน้ำเสียงโกรธแค้นอย่างเป็นที่สุด
“แกคือคนที่ฆ่าคุณท่าน!!!”
“และบึ้มบ้านคุณท่านด้วย”ชายแปลกหน้าคนนั้นเอ่ยตอบเรียบๆราวกับเป็นเรื่องธรรมดา
แน่นอน...ไม่ใช่สำหรับคนอื่นเลยแม้แต่น้อย
“ไอ้ชั่ว!!”ตะโกนดังลั่นหมายจะเข้าไปจัดการคนตรงหน้าให้หายแค้นหากแต่ฮีชอลที่ยืนข้างๆไวกว่า
มือเล็กรีบคว้าแขนข้างๆแล้วดึงเอาไว้ไม่ให้พุ่งไป
“ทำอะไรหัดคิดซะบ้าง!”ตะโกนเสียงดุอย่างนึกหงุดหงิดกับอารมณ์โกรธที่พาลจะไปเล่นงานโดยไม่คำนึงถึงรูปร่างและเรี่ยวแรงตัวเองเสียแล้ว
“ฝ่ายนั้นมีไม้กระบองและตัวใหญ่ ส่วนนายมีอะไรบ้างหละ?!”
เจอตวาดเข้าให้ถึงค่อยนึกได้ถึงความจริงที่เขากับคนตรงหน้าแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
“ผมขอโทษครับ”
ร่างเล็กหน้าสลดก่อนเอ่ยพึมพำรับคำขอโทษเอาไว้พลางปล่อยแขนคนตรงหน้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองชายตรงหน้า “เบลซาบับงั้นหรือ?”
“นั่นเป็นแค่ชื่อเรียกตามความเชื่อ”เอ่ยปฏิเสธเสียงทุ้มระหว่างที่ในใจนึกชมเชยร่างข้างหน้าที่ดูจะเป็นคนที่ควบคุมคนอีกคนไม่ให้พุ่งมาหาเขาได้
ไม่งั้นเขาก็ไม่รับประกันชีวิตของคิมคิบอมหรอก ร่างเล็กนิ่งเงียบไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆที่แสดงออกมาทั้งสิ้น
“กูลา...คือชื่อของฉัน”
“Gula?
คำว่าตะกละภาษาละตินหนะเหรอ?”เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าจึงกระตุกยิ้มที่มุมปาก
“เข้าใจตั้งชื่อตามรูปร่างดีนี่”
กูลากระตุกยิ้มตามนึกพอใจในฝีปากเสียดสีแต่ไม่แสดงอารมณ์ของคู่สนทนา...กระนั้นเขาก็ไม่มีเวลาจะพูดแล้วหละ “ขอแค่ชเวซีวอนมาสู้กับฉัน ส่วนคนอื่นจะทำอะไรก็ทำไป...”
“...ถ้ายังมัวโอ้เอ้แบบนี้ระวังเครื่องบินที่โดนควบคุมระบบชนตึกก็แล้วกัน”
“ควบคุมระบบ?”คราวนี้เป็นชินดงฮีที่เอ่ยพึมพำอย่างงุนงงก่อนที่ในหัวจะประมวลความคิดอย่างรวดเร็ว...งั้นก็หมายความว่าเครื่องบินที่กำลังจะพุ่งมาชนนั้นถูกคนๆนี้ควบคุมเอาไว้โดยตัวนักบินทำอะไรไม่ได้เลยงั้นเหรอ?
“แฮกเกอร์ใช่ไหม?”เอ่ยถามก่อนจะรีบอธิบายต่อไปโดยไม่สนใจสีหน้างุนงงของอีกฝ่ายเมื่อพบว่าเขารู้จักตน
“ก็ลองดูสิว่าจะสามารถแฮกเข้าระบบกลับไปควบคุมเครื่องบินให้พวกนั้นได้อีกครั้งหรือเปล่า...สายอินเตอร์เนตอยู่นั่น”
ไม่ว่าเปล่าก็ชี้กระบองยักษ์ไปยังปลั๊กอินเตอร์เนต
ไวเท่าความคิดชินดง แฮกเกอร์ระดับพระกาฬก็คว้าแลปท้อปออกมาจากกระเป๋าคอมตนอย่างรวดเร็วแล้วปราดไปยังปลั๊กตัวนั้นทันทีโดยไม่ปล่อยให้เวลาเสียเปล่าไป
“คนที่เหลือจะทำอะไรก็ทำไป เอาชเวซีวอนมาสู้กับ...”
“มันไม่ใช่ชเวซีวอนหรอกเฟ้ย!!”
เสียงๆหนึ่งดังขัดเขาขึ้นมา
กูลาเลิกคิ้วอย่างแปลกใจก่อนที่จะรีบกระโดดหลบเมื่อร่างๆหนึ่งพุ่งมายังเขาอย่างรวดเร็วจนแทบไม่ทันจะได้ตั้งตัว
ใครคนหนึ่งที่ไม่ใช่ชเวซีวอน
คนๆนั้นกระตุกยิ้มที่มุมปากก่อนจะลุกขึ้นยืนตัวเปล่า
ไม่มีอาวุธอะไรเลยทั้งสิ้นมีเพียงแค่สองหมัดที่กำเอาไว้
แต่ทว่าสายตาที่ส่งมาให้นั้นกลับเต็มไปด้วยความอาจอง
ไม่หวั่นเกรงและนึกสนุกแม้อีกว่าอีกฝ่ายจะตัวใหญ่กว่าเขาและถือไม้กระบองเป็นอาวุธ
“ดงแฮ!!”
ไม่ได้มาจากชเวซีวอนหรือคิมคิบอม แต่มันมาจากอีกหนึ่งคนที่กลายเป็นทำท่าจะวิ่งเข้าไปหาถ้าไม่ติดอยู่ที่ว่าแขนแกร่งจากชายหนุ่มข้างๆตนคว้าตัวเอาไว้เสียก่อน
คิบอมเองก็รีบหันขวับไปมองด้วยท่าทีไม่เข้าใจ...เมื่อกี้เพิ่งห้ามเขาไม่ให้วิ่งไป
แต่ทำไมคราวนี้ตัวเองเป็นคนทำหละ?
เจ้าของชื่อหันขวับมามองก่อนจะฉีกยิ้มกว้างอย่างสบายอารมณ์ผิดกับเพื่อนรักที่จ้องเขาด้วยสายตาไม่พอใจเป็นที่สุด ชายหนุ่มก้าวกลับมาก่อนจะหยุดยืนข้างหน้าคนอื่นๆ สบตากับซีวอนเป็นคนแรก
“ซีวอน คนนี้ผมขอสู้เองเถอะนะ”
พูดจบก็หันไปมองอีกหนึ่งคนที่ดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดโดยไม่รอฟังคำตอบของเจ้าของชื่อเลยแม้แต่น้อย
มือใหญ่ยกขึ้นลูบกลุ่มหัวสีดำของคนที่ยังคงดิ้นไม่เลิกเบาๆ
เพียงแค่สัมผัส...คิมฮีชอลก็หยุด
“เฮ้ฮีชอล~ เดี๋ยวฉันก็กลับมา”ประโยคที่เต็มไปด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีราวกับเป็นเรื่องปกติธรรมดา
แววตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและสัมผัสอ่อนโยนจากมือใหญ่
สามสิ่งนี้เป็นสิ่งๆเดียวที่ทำให้ร่างเล็กเลิกอ้าปากเถียงให้เขาไปสู้
เป็นแบบนี้ทุกครั้ง เวลาที่ลีดงแฮต้องการจะสู้กับคนร้าย
คนๆเดียวที่มักจะตะโกนห้ามคือคิมฮีชอล...และเขาจะต้องทำแบบนี้ทุกครั้งเพื่อให้ฮีชอลยอมให้เขาไปสู้
และน่าแปลกที่ร่างเล็กมักจะยอมกับแค่ประโยคที่ฟังดูธรรมดาและยอมยืนให้เพื่อนรักลูบหัว...เพื่อที่ลีดงแฮจะได้เอาชีวิตไปเสี่ยง
และน่าแปลกที่สิ่งนี้ดูจะเป็นอย่างเดียวที่เขายอมเพื่อนรักคนนี้ ฮีชอลทำได้แค่ถอนหายใจเบาๆอย่างไม่สามารถช่วยได้ก่อนจะเปรยสายตามองไปยังร่างอีกร่างข้างๆตนที่ยืนมองตัวสั่น
“ชำระแค้นแทนงั้นเหรอ?”เอ่ยถามราวกับอ่านใจออก คนโดนรู้ทันได้แต่ยกมือเกาท้ายทอยพลางหัวเราะแหะๆ “ความแตกจนได้ อยากจะให้คิบอมเดาเองตอนฉันออกไปสู้ แต่นี่เสือกรู้ก่อนสู้อีก...ว่าจะทำเป็นพระเอกในหนังหน่อย”
พูดพลางทำหน้าเสียดายเป็นที่สุดอันแสนจะไม่เหมาะกับสถานการณ์ที่เขาสามารถหันหลังกลับไปและถึงแก่ความตายได้ในทุกเมื่อที่พลาดก่อนที่จะหันหน้ามามองยังอีกหนึ่งร่างที่ยืนอยู่
ไม่ทันจะได้อ้าปากพูด ลีดงแฮก็ยกมือขึ้นโบกไปโบกมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง “เห็นแค้นเจ้าหมอนั่นนักนี่นา ไม่ต้องห่วงหรอก...ผมชำระแค้นให้คุณ”
“เวรย่อมระงับด้วยการไม่จอ...”
“ขอโทษนะ แต่ผมไม่เคยเชื่อประโยคนั้น”เอ่ยขัดพร้อมกับรอยยิ้มอารมณ์ดีแล้วยกมือลูบหัวร่างเล็กที่เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ชายหนุ่มถือโอกาสจุมพิตเบาๆบนหน้าผากเนียนก่อนจะหันหลังกลับไปประจัญหน้ากับอีกฝ่ายที่ยืนรออยู่มาเสียนาน
“ขอโทษที่ทำให้รอนาน พร้อมจะสู้หรือยังหละเจ้าอ้วน?!”
และลีดงแฮก็เดินจากไป ทิ้งเอาไว้ซึ่งคนอีกสามคนที่มองตามไปอยู่ข้างหลังด้วยสายตาเป็นห่วง
ชเวซีวอนผู้ซึ่งได้สติคนแรกก้มลงมองเมื่อพบว่าคนในอ้อมกอดดูเงียบไปผิดปกติ ไม่ต้องเดาก็รู้ได้ว่าคิมฮีชอลกำลังเป็นห่วงคนที่กำลังจะเอาทั้งชีวิตไปสู้อย่างเป็นที่สุด
“คราวนี้มันแค่มือเปล่า อีกฝ่ายมีไม้กระบองและตัวใหญ่กว่าหลายเท่า”เสียงหวานที่ส่งผ่านออกมาจากริมฝีปากนั้นเบาแทบราวจะเป็นลมหายใจ ทว่าไม่ทันที่ร่างสูงจะได้พูดอะไรทั้งสิ้น ฮีชอลก็สูดหายใจ หลับตาไปเพียงชั่วครู่ก่อนจะลืมาตาขึ้นมาใหม่พลางพ่นลมหายใจออก...กลับมาเป็นคิมฮีชอลคนเดิมอย่างรวดเร็ว “ยังไงดงแฮก็ต้องชนะ”
“ทำไม...”
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจดังขึ้นมาจากคนข้างๆ คิมคิบอมกำลังเต็มไปด้วยความสงสัย...สงสัยเหลือเกินว่าทำไมผู้ชายคนนี้ต้องยอมเอาชีวิตไปเสี่ยงเพื่อเขาด้วย
“ดงแฮมันเคยบอกอะไรไว้กับนายหละ?”คำถามที่ถามย้อนกลับมาของฮีชอลนั้นทำเอาคนโดนถามต้องถึงกับย้อนกลับไปถึงเมื่อวาน
เมื่อตอนที่บ้านคุณท่านระเบิด
เขาอยู่ในอ้อมกอดนั่น...มันให้ทั้งความรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นจนไม่อยากจากไปไหน คนที่โอบกอดเขาโน้มลงมาจุมพิตเบาๆที่ขมับแล้วเอ่ยประโยคๆหนึ่งเอาไว้
“ฉันจะเป็นแสงสว่างให้นายเอง”
และนั่นก็หมายถึงต่อสู้ปกป้องเขา...และสู้เพื่อชำระแค้นกูลาที่ฆ่าคุณท่านและระเบิดบ้านพักคุณท่านแทนเขา?
“ลีดงแฮเป็นคนรักษาสัญญาเยี่ยงชีพ และจะไม่มีวันผิดคำมั่นสัญญานั่นเด็ดขาด”คำตอบจากคู่สนทนานั้นเรียกน้ำตาให้ปริ่มขึ้นบนขอบตาอย่างน่าแปลกใจ...ทำไมเขาต้องซาบซึ้งและปลาบปลื้มขนาดนี้ด้วย แต่มันก็สมควรแล้วไม่ใช่เหรอ?
“ทำไม...”คราวนี้เป็นอีกคำถามพร้อมกับดวงหน้าหวานที่ฉายแววไม่เข้าใจเต็มทนและหันมามอง “ทำไมเขาถึงบอกไม่เชื่อว่าเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวรหละ?”
คิมฮีชอลกระตุกยิ้มที่มุมปากก่อนเอ่ยย้อนกลับไปเสียงเรียบ “ฉันดีใจที่นายถามคำถามนี้นะ...ทำไมนายไม่บอกประโยคนี้แก่ตัวนายออกตอนที่เจอหน้ากูลาแทนเสียหละ?”
เมื่อเจอประโยคที่ตอกกลับมาให้ย้อนดูการกระทำของตัวเองเมื่อครู่ที่ผ่านมาทำเอาคิบอมถึงกับสะอึก...ที่คนตรงหน้าพูดมาถูกหมดเลย ทำไมเขาไม่เฝ้าบอกตัวเองหละว่าเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวรแทนที่จะโกรธจนแทบจะถลาไปชกหน้าเจ้าฆาตกรใจโฉดนั่น
“อีกอย่างนะ”เสียงหวานที่พูดต่อเรียกความสนใจของคนที่กำลังจะจมลงสู่ห้วงความคิดของตัวเองให้หันมามองได้ “อาชีพอย่างดงแฮ ตำรวจ...ทหาร...FBI ทุกๆคนที่ทำอาชีพพรรค์นี้ แม้อยากจะเชื่อในประโยคนั่นแต่กลับทำไม่ได้ เพราะว่าหน้าที่ของพวกเขาคือการดูแลความสงบสุข และนั่นก็หมายถึงการจำเป็นที่จะต้องฆ่าคนหนึ่งคนเพื่อรักษาความสงบสุขของคนที่เหลือ...”
“นายก็เคยเห็นในข่าวนี่คิบอม ที่ตำรวจยิงผู้ร้าย และผู้ร้ายบางคนยิงตำรวจ ถ้าตำรวจไม่ยิงผู้ร้าย ยังไงเสียผู้ร้ายก็ต้องยิงตำรวจอยู่แล้ว มันยากที่จะต้องฆ่า แต่มันคือความจำเป็น เพื่อความสงบสุขของที่เหลือ...เชื่อฉันสิ การฆ่าเป็นทางเลือกสุดท้ายของตำรวจอย่างเรา”
“แล้วคุณดงแฮเขาเชื่อในอะไรหละครับ?”รอยยิ้มหวานเย็นๆถูกวาดบนดวงหน้าราวกับพอใจที่คิมคิบอมผู้กำลังดูสับสนเหลือเกินถามคำถามนี้ออกมา ฮีชอลเลือกทีจะนิ่งเงียบสักพัก ดวงตากลมโตจ้องมองไปยังเพื่อนรักที่กำลังหมุนตัวหลบกระบองมหึมาที่ฟาดลงไปอย่างเฉียดฉิวก่อนจะเอ่ยตอบกลับไปเรียบๆ
“To kill or to be killed”
เลือกที่จะฆ่าหรือเลือกที่จะโดนฆ่า
---------------------------------------------------------------------------------------------------
ห่างหายจากฮาเลไปเสียนานแสนนาน -_-;
กลับมาแล้ว คิดถึงกันไหมคะ? ๕๕๕'
ความคิดเห็น