ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Hallelujah (WONCIN + HAEKI +SHINDONG)

    ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 7

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 827
      1
      12 มิ.ย. 64



    เสียงนิ้วรัวลงคียบอร์ดด้วยความถี่เร็วจนคนที่นั่งมองข้างๆไม่สามารถจำได้เลยว่านิ้วนั้นกดลงบนปุ่มไหนไปบ้างเพราะมันเร็วจนเขาแทบมองไม่เห็น ที่เห็นก็เพียงแค่อะไรบางอย่างที่เคลื่อนไหวไปมาด้วยความเร็วสูง


    ชินดงฮี แฮกเกอร์อันดับหนึ่งของอเมริกายังคงจับจ้องไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่มีโปรแกรมหน้าต่างเปิดเอาไว้อยู่สองหน้าใหญ่ๆ หน้าแรกคือโปรแกรมที่เขาแฮกเข้าไปยังสนามบินมาเลเซียเพื่อส่งข้อความไปบอกถึงเครื่องบินที่กำลังมุ่งหน้ามายังที่ตึกแฝดเปโตรนาสแห่งนี้


    ส่วนหน้าที่สองคือเครื่องบินที่กำลังบินใกล้เข้ามาทุกที ทันทีที่หน้าต่างเปิดมาชินดงก็หัวใจแทบหยุดเต้นเมื่อพบว่าตัวเครื่องบินนั้นไม่ได้ถูกควบคุมโดยนักบิน หากแต่ถูกควบคุมโดยใครคนอื่นที่แฮกเข้าระบบควบคุมนั้นต่างหากโดยที่เหล่านักบินนั้นไม่รู้ตัวและกำลังเข้าใจผิดว่ายังคงบินไปลงยังสนามบินเหมือนเดิม


    แต่ความจริงนั้นคือบินชนตึกที่ยังมองไม่เห็นต่างหาก เพราะคลื่นเรดาห์ที่สมควรจะส่งเสียงเตือนภัยบอกนั้นถูกควบคุมเอาไว้ และหน้าจอก็ถูกพรางตาว่าเป็นน่านฟ้าปกติธรรมดา


    ดวงตาเข้มกวาดสายตาไล่อ่านไปยังตัวอักษรทุกตัวบนหน้าต่างระหว่างรัวนิ้วลงบนคียบอร์ดที่ซึ่งเขาสามารถจำได้ทุกตัวว่าอยู่ตรงไหนบ้างและสะกดไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย


    คิมคิบอมผู้ได้รับคำสั่งให้มาอยู่ข้างๆชินดงเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินนั้นได้แต่นั่งมองด้วยความชื่นชม แต่มิวายก็ยังแอบหันหลังไปมองยังการต่อสู้ข้างหลังระหว่างกูลาและลีดงแฮคนที่บอกว่าจะชำระแค้นให้เขา


    ไม่รู้ทำไมชเวซีวอนจึงยังคงออกคำสั่งให้เขามาอยู่กับชินดงส่วนฮีชอลและชายหนุ่มจะรีบลงไปบอกประชาสัมพันธ์ข้างล่างให้อพยพคนออกจากตึกได้หน้าตาเฉยราวกับการต่อสู้ที่อาจหมายถึงชีวิตได้เป็นเรื่องธรรมดา


    แม้คิมฮีชอลตอนแรกจะดูเป็นห่วงเป็นใยดงแฮตอนแรกชนิดที่ว่าตะโกนเรียกชื่อออกไปและทำท่าว่าจะวิ่งเข้าไปหานั้นก็ยังวิ่งผ่านสองคนนั้นที่กำลังสู้กันได้อย่างหน้าตาเฉย


    ทำไมพวกเขาไม่สนใจ? ไม่กระวนกระวายกันบ้างเลยนะ?! นั่นเพื่อนสนิทของคิมฮีชอล! ลูกทีมฝีมือดีของทีมสะสางคดีนี้เชียวนะ!


    ใจเย็นน่าเจ้าหนู”เสียงทุ้มจากชายร่างท้วมที่นั่งข้างๆดังขึ้นมาเรียกความสนใจของคิบอมให้หันกลับไปมอง


    ดงแฮต้องชนะอยู่แล้ว ถึงนี่จะเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ร่วมทีมกับมัน ฉันก็เชื่อว่าเจ้านั่นจะต้องชนะ”ปากก็ว่าไป นิ้วก็พิมพ์ไปและตาก็ยังคงจ้องหน้าจออยู่ เมื่อเห็นเจ้าหนูข้างๆตนไม่ตอบกลับมาจึงพอรู้ว่ายังคงสงสัยอยู่เลยรีบอธิบายด้วยน้ำเสียงนุ่มๆเพื่อปลอบขวัญคิมคิบอมผู้ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลย


    ทั้งฉัน ซีวอนและฮีชอล...พวกเราสามคนเชื่อใจดงแฮว่ามันจะต้องชนะ เหมือนที่ดงแฮและคนอื่นๆเชื่อใจฉันว่าฉันจะสามารถกู้ระบบกลับคืนมาได้ เหมือนที่ฉันและดงแฮเชื่อใจซีวอนและฮีชอลว่าพวกนั้นจะต้องอพยพคนออกไปทันเวลาได้อย่างแน่นอน...”


    ถ้าไม่มีความเชื่อใจกัน พวกเราก็คงไม่สามารถทำงานได้เป็นทีมหรอก”พูดจบก็กดปุ่มEnterเสียงดังก่อนจะกลั้นลมหายใจเพื่อดูภาพข้างหน้า


    หน้าจอทุกอย่างหายไปเป็นเวลานานก่อนที่จะมีหน้าต่างหนึ่งหน้าเด้งขึ้นมาแทนเป็นภาษาอังกฤษหนึ่งคำสั้นๆ


    Complete


    และนั่นก็หมายความว่าภารกิจคำสั่งที่ชินดงฮีได้รับมอบหมายสำเร็จแล้ว...เขาสามารถกู้ระบบกลับมาเป็นปกติได้เหมือนเดิมแล้ว!


    ชายหนุ่มลอบถอนหายใจแล้วฉีกยิ้มกว้างกับความสามารถของตนเอง มืออวบยกขึ้นเช็ดเหงื่อที่ไหลซึมออกมาบนดวงหน้าพลางถอนหายใจกับความสำเร็จของตนเองก่อนจะหัวเราะเบาๆ


    แม้ว่าการกู้ระบบเครื่องบินให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมจากคนบังคับให้เป็นกัปตันบังคับแข่งกับเวลานั้นจะสร้างความตื่นเต้นแล้ว ชินดงก็ยังใช้เวลาแค่...ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง เขาก็ยังคงเวลาเอาไว้ได้ดีเยี่ยมไม่มีที่ติ


    หกนาทีเป้ะๆ!


    ก็เขาแฮกเกอร์อันดับหนึ่งของอเมริกานี่นา ขอร้องเหอะ!

     

     

                   

     

                    

    คุณคะ มันไม่ตลกเลยนะคะที่มาอำกันอย่างนี้”

                    

    ประชาสัมพันธ์สาวยังคงยืนกรานคำเดิมด้วยสีหน้าไม่เชื่อใจสุดขีดผิดกับคนที่พยายามแล้วพยายามอีกในการอธิบายถึงเรื่องวินาศกรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกในไม่ช้า

                    

    ผมพูดความจริงนะครับ!”เถียงแทบเป็นแทบตายก่อนจะจบลงด้วยการถอนหายใจอีกหนึ่งรอบ ชเวซีวอนยอมแพ้กับการพยายามสนทนาโน้มน้าวให้เจ้าหล่อนที่นั่งหลังเคาเตอร์เชื่อใจเขา แต่ดูเหมือนว่าหญิงสาวจะมองมันเป็นเพียงแค่การโกหกคำโตเสียมากกว่า

                    

    ทำยังไงดี?”เอ่ยถามเป็นภาษาชาติตัวเองกลับไปหาคนข้างๆด้วยสีหน้าวิตกกังวล คิมฮีชอลที่ยืนมองร่างสูงเจรจาอธิบายกับประชาสัมพันธ์สาวเป็นเวลานานโดยไม่มีท่าทีว่าจะเป็นผลสำเร็จได้นั้นถอนหายใจ โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ๆหญิงสาวก่อนเอ่ยสั่งเสียงเย็นเป็นภาษาอังกฤษ

                    

    ตามผมมา”

                   

    คงเพราะนอกจากโทนน้ำเสียงที่ฟังดูจริงจังและดวงตากลมโตที่บอกว่าไม่ได้โกหกบวกกับท่าทีเย็นชาไร้มนุษย์สัมพันธ์นั่นทำเอาหล่อนเป็นอันต้องเลื่อนเก้าอี้เพื่อลุกขึ้นก่อนจะเดินตามหนุ่มหน้าสวยคนนั้นไปอย่างช่วยไม่ได้

                    

    ซีวอนเดินตามออกไปเป็นคนสุดท้ายระหว่างที่ในใจนึกควรจะทำแบบนี้เสียตั้งแต่แรก ก็ในเมื่อไม่ว่าจะพูดจะอธิบายเสียเท่าไหร่หล่อนก็คิดว่าเขาอำเล่นแกล้งกันเฉยๆ...มีใครบ้างจะวิ่งมาอำเล่นหน้าซีดได้ถึงขนาดนี้?!

                    

    แม้สิ่งที่ชายหนุ่มรูปหล่อชาวเกาหลีใต้คนนั้นพูดมาจะทำให้หล่อนถึงกับตกใจจนพูดอะไรไม่ออกและหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะนั้น มันก็ฟังดูเป็นไปไม่ได้อยู่ดีที่ว่ากำลังจะมีเครื่องบินมุ่งหน้ามาเพื่อจะชนตึก

                    

    แต่แล้วความคิดก็ต้องเปลี่ยนไป

                    

    กับภาพตรงหน้าของเธอ

                    

    โอพระเจ้า...”อุทานออกมาเบาๆกับตัวเองพร้อมกับเบิกตากว้างกับภาพข้างหน้า เครื่องบินจัมโบ้ขนาดใหญ่กำลังบินละลิ่วมาตรงมายังตึกแฝดเปโตรนาสแห่งนี้!

                    

    ทีนี้คุณเชื่อที่เขาพูดมาหรือยัง?”คำถามจากคนข้างๆที่เอ่ยถามออกมาเรียบๆนั้นราวกับตบหน้าหล่อนที่ไม่ยอมเชื่อเสียตั้งแต่แรกจึงเสียเวลาไปหลายนาทีเพื่อออกมาดู

                    

    ไม่มีคำตอบ มีเพียงประชาสัมพันธ์สาวคนนั้นที่หันหลังกลับแล้ววิ่งกลับไปยังตึกนั้นอย่างรวดเร็ว พุ่งไปยังไมค์ที่ตั้งหน้าเคาเตอร์ที่ต่อกับลำโพงทุกตัวทุกชั้น สูดหายใจเข้าลึกๆก่อนเอ่ยพูดออกไป

     

     

     

     

     

                    

    //เรียนท่านผู้มีอุปการะคุณทุกท่านโปรดทราบ ขณะนี้ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เครื่องบินจัมโบ้กำลังมุ่งหน้ามายังตึกแฝดเปโตรนาสภายในเวลายี่สิบนาที ขอความกรุณาท่านผู้มีอุปการะคุณทุกท่านรีบออกมาจากตึกแห่งนี้โดยด่วน ขอบคุณคะ//

                   

    เสียงอินเตอร์คอมที่ดังขึ้นมาลอดผ่านลำโพงที่ติดกับทุกชั้นไม่เว้นชั้นที่80เรียกรอยยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจของอีกสามคนที่อยู่บนชั้นนี้ได้เป็นอย่างมาก

                    

    ท่าทางว่าเพื่อนแกจะประสบความสำเร็จในการอพยพคนออกจากตึกนะ”ลีดงแฮยักไหล่พร้อมกับรอยยิ้ม “และดูท่าว่าอีกคนก็จะประสบความสำเร็จในการกู้ระบบกลับมาให้เครื่องบินได้นะ”

                   

    กูลาได้แต่ยักไหล่กลับไปพลางตวัดไม้กระบองจนเกิดเสียงปะทะกับอากาศเสียงดังอย่างน่ากลัว แต่คู่ต่อสู้ของเขาหากลัวไม่

                    

    แต่การต่อสู้ระหว่างเราสองคนยังไม่จบ”พูดจบก็พุ่งตัวมายังข้างหน้าอีกครั้งก่อนจะหวดกระบองขนาดใหญ่ใส่ ดงแฮกระโดดตัวหลบก่อนที่จะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง จังหวะนั้นเองที่คนร่างยักษ์อาศัยช่วงที่กำลังล้วงมือเข้าไปตวัดกระบองใส่อีกครั้งจากด้านข้างทำเอาชายหนุ่มเป็นอันต้องก้มลงหลบ


    กูลากระโดดมาหมายจะฟาดซ้ำอีกครั้งเมื่อครู่ต่อสู้ลงไปนอนกองกับพื้นหากแต่ชายหนุ่มไวกว่า เขายกมือทั้งสองข้างปัดสองแขนนั่นออกก่อนจะยกเท้าขึ้นถีบหน้าอกของฝ่ายตรงข้ามด้วยแรงทั้งหมดที่มีอยู่

                    

    กูลากระเด็นออกไปตามแรงถีบอันมหาศาลและก่อนที่เขาจะได้ตั้งตัวเพื่อโจมตีใหม่เมื่อกระโดดลุกขึ้นมาจากพื้น เขาก็รู้สึกถึงความเจ็บแปลบที่แล่นเข้าไปทั่วร่างจากหน้าอก เมื่อก้มลงไปมองก็เป็นอันต้องหยุดหายใจ

                    

    มีดพกบนหน้าอกตัวเอง...

                    

    เลือดกำลังไหลซึมออกมาจากหน้าอกของเขา

                    

    และมันก็ได้ทำให้กูลาตะลึงไปชั่วขณะกับมีดที่ปักอยู่บนอกเขา มันมาได้อย่างไร? แล้วมันเกิดขึ้นตอนไหน?

                    

    นึกย้อนกลับไปเมื่อตอนที่เจ้าหนุ่มนั่นลงไปนอนกับพื้น เขากระโดดไปหมายจะใช้กระบองในมือฟาดซ้ำแต่ก็ถูกปัดออกไปก่อนด้วยมือทั้งสองข้าง...

                    

    มือ?!

                    

    สะดุ้งกับความคิดเมื่อครู่ แสดงว่าตอนที่ยกมือปัดแขนเขาออก มือข้างใดสักข้างนั้นก็ถือโอกาสปักมีดบนอกเขาอย่างแน่นอนโดยอาศัยจังหวะที่สองแขนถูกปัดออกจึงไม่ได้ตั้งท่าปกป้องตั้งรับและความเร็วที่เขามองไม่เห็นและเพิ่งสังเกตุเมื่อครู่ และเท้าที่ยกขึ้นถีบนั้นนอกจากจะให้เขากระเด็นออกไปไกลตัวก็ยังทำให้มีดที่ปักอยู่บนอกนั้นปักลึกไปเสียจนมิดด้าม

                    

    ช่างเป็นคู่ต่อสู้ที่ไม่สามารถดูถูกได้จริงๆ

                    

    คิดได้เพียงเท่านั้น กูลาก็กระตุกยิ้มที่มุมปาก เขารู้สึกถึงความตายที่ใกล้เข้ามา ความเจ็บแผ่ไปทั่วร่าง...แต่เขาไม่รู้สึกกลัว เพราะอย่างน้อยเขาก็ได้ทำหน้าที่ของเขาเสร็จสิ้นแล้ว

                    

    ในที่สุดก็ได้เจอคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือเท่าเทียมกันจนได้”เกริ่นขึ้นมาเบาๆ กูลาพยายามไม่ชักสีหน้าเจ็บปวดให้อีกฝ่ายได้เห็นแม้ยิ่งพูดจะยิ่งเจ็บ แต่เขาก็เลือกที่จะพูดต่อไป “สู้กับแกนี่สนุกเป็นบ้าเลยเจ้าหนุ่ม...ขอบคุณมากนะ”

                    

    ลีดงแฮได้แต่กระตุกยิ้มพลางเอ่ยตอบกลับไป “ขอบคุณมากเหมือนกัน ผมได้ยืดเส้นยืดสายเสียที” คำพูดโต้ตอบนั้นฟังดูเป็นราวกับเพื่อนมากกว่าศัตรูกัน และที่สำคัญคือทั้งสองฝ่ายเอ่ยคุยกันราวกับไม่สนใจถึงมีดที่ปักอยู่บนอกของกูลาและเลือดที่ไหลซึมมากขึ้นไปอีกแม้แต่น้อย

                    

    เมื่อรู้ถึงความตายที่ใกล้เข้ามา เจ้าชายเบลซาบับหรือกูลาก็กระตุกยิ้มก่อนที่เข่าทั้งสองข้างที่ไร้เรี่ยวแรงจะทรุดลงไปข้างหน้า เขาพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้เซไปตามแรงกายที่อ่อนไประหว่างที่ยกนิ้วชิ้ขึ้นสัมผัสเบาๆบนเลือดสีข้นของตัวเองก่อนจะค่อยๆใช้มันเป็นน้ำหมึกถ่ายทอดข้อความที่เขาได้รับมาระหว่างที่ริมฝีปากก็ขยับเปล่งเสียงออกไปฝืนสู้กับความเจ็บปวดที่ทวีคูณมากทุกครั้งที่ต่อต้านมัน

                    

    มันไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวหรอกทีต้องการท้าทายพวกนาย คงรู้แล้วใช่ไหมว่าฉันคือหนึ่งในบาปทั้งเจ็ด...เหลืออีกหกคนกำลังรอคอยการมาของนาย”นี่คือสิ่งที่เขาอยากจะให้เจ้าพวกนี้รับรู้ก่อนเขาตายไป “หากชนะพวกเราทั้งหกคนเดิมพันด้วยชีวิตพวกนายได้...ทุกอย่างก็จะกลับไปเหมือนเดิม โลกก็จะสงบสุขเหมือนเดิมดั่งที่พวกนายต้องการ”

                    

    กูลารู้ตัวอยู่แล้วว่าเขาไม่สามารถชนะทั้งชเวซีวอนและลีดงแฮได้เลยแม้แต่น้อย และเขาก็ได้รับคำสั่งจากท่านผู้อยู่เบื้องบนให้มาบอกกติกาเกมชีวิตนี้ นั่นคือสาเหตุที่เขาเลือกที่จะขอสู้คนแรก เพื่อที่อย่างน้อยก็จะได้บอกสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้

                    

    เขาได้ยินเสียงประตูลิฟต์เปิดออกมา ชเวซีวอนและคิมฮีชอลกลับมาแล้ว ดูทั้งสองคนจะตกใจไม่น้อยกับการที่เห็นสภาพเขาเป็นเช่นนี้...คุกเข่า มีดปักอก นิ้วชี้ทาบบนพื้น และตัวอักษรสีเลือดที่ยังคงเขียนไม่เสร็จ

                    

    เป้าหมายของพวกคุณคืออะไรกันแน่?”คำถามนี้มาจากเจ้าหนุ่มคู่ต่อสุ้เขาเมื่อครู่ กูลาได้แต่ยักไหล่ก่อนเอ่ยตอบ “การประกาศศักดินาของพวกเราทั้งเจ็ด...การเป็นที่หนึ่งในโลกนี้...การที่จะให้ประเทศทุกประเทศในโลกใบนี้ยอมรับว่าเราคือที่หนึ่งและบูชาเราเยี่ยงเทพ แต่ก่อนหน้านั้นคือการกำจัดพวกนายซึ่งเป็นคู่อริอันร้ายกาจของพวกเราออกไปก่อน”

                    

    ข้อความของเขาเสร็จแล้ว กูลาฉีกยิ้มให้แก่ตัวเองระหว่างที่จ้องมองข้อความสีเลือดบนพื้น ลมหายใจของเขาติดขัด...เขากำลังจะตาย

                    

    นี่คือสถานที่ต่อไปที่พวกนายจะต้องไปและกำลังมีคนรออยู่ที่นั่น...ฉันสามารถบอกได้แค่นี้ให้พวกนายไปแก้ไขกันเอาเองแข่งกับเวลา”

                    

    เขาค่อยๆหันหน้าไปมอง ฉีกยิ้มกว้างให้แก่ลีดงแฮที่ ณ บัดนี้ถูกคิมคิบอมวิ่งเข้ามากอดเสียแล้ว “ชำระแค้นแทนเจ้าตัวเล็กนั่นเสร็จแล้วสินะ” ชายหนุ่มพยักหน้าพลางยิ้มรับ

                    

    เจ้าหนุ่ม แกคือคู่ต่อสู้ที่ฉันเฝ้าฝันอยากจะสู้มาโดยตลอด”

                    

    และกูลาก็ล้มลงไป

                    

    ความเงียบโรยตัวลงเมื่อสิ้นเสียงดังโครม ลมหายใจของหนึ่งคนดับลงไปเสียแล้ว ดงแฮเลือกที่จะกดดวงหน้าหวานของร่างในอ้อมกอดที่ดูจะสั่นสะท้านให้แนบชิดกับหน้าอกตัวเองเพื่อไม่ให้เห็นภาพข้างหน้าระหว่างที่ซีวอนและฮีชอลที่เพิ่งประสบความสำเร็จจากการอพยพคนออกไปจากตึกที่ข้างล่างเดินไปยังร่างไร้วิญญาณนั้น

                    

    ร่างสูงดึงมีดที่เคยปักอยู่บนอกกูลาออกก่อนจะเช็ดมันกับผ้าเช็ดหน้าตนแล้วยื่นให้ดงแฮ “เยี่ยมมากเลยดงแฮ ผมนับถือความสามารถในการล้มคนที่ตัวใหญ่กว่าหลายเท่าของคุณได้จริงๆ”

                    

    คำชมด้วยความจริงใจนั้นทำเอาเจ้าของชื่อถึงกับหัวเราะแหะๆ ฉีกยิ้มกว้างก่อนเอ่ยตอบกลับไประหว่างรับมีดพกของตนกลับมา “คงไม่เท่ากับคุณหรอก”

                    

    ซีวอนยิ้มแห้งๆให้ก่อนจะหันกลับมามองคนข้างๆตนที่กำลังจดจ่ออยู่กับข้อความสีเลือดบนพื้นนั่น ร่างเล็กนั้นใช้ปากกาและสมุดเล่มเล็กที่มักจะพกติดตัวไปด้วยเสมอจดข้อความนั้นลง

                    

    แล้วเครื่องบิน...”ชายหนุ่มหันมามองยังชินดงฮีที่ฉีกยิ้มกว้างพลางชี้นิ้วให้ออกไปมองยังข้างนอก เมื่อหันไปมองตามก็เป็นอันต้องฉีกยิ้มกว้างแก่เพื่อนรักของตนอย่างอดไม่ได้...เจ๋งจริงๆชินดง!

                    

    เครื่องบินจัมโบ้ที่ ณ ตอนแรกจะพุ่งชนตึกนี้ค่อยๆเลี้ยวไปด้านขวาอันเป็นที่ตั้งของสนามบินอันแท้จริงโดยที่ทิ้งระยะห่างจากตัวตึกและตัวเครื่องถึงหลายกิโลเมตร

                    

    สมแล้วที่เป็นแฮกเกอร์อันดับหนึ่ง!”ร่างท้วมได้แต่ฉีกยิ้มอย่างพอใจในผลงานของตัวเองไม่แพ้ร่างสูงก่อนจะพับคอมพิวเตอร์ขนาดพกพาของตนใส่กระเป๋าแล้วเดินมาสมทบ


    ทุกสายตาจับจ้องไปยังข้อความสีเลือดบนพื้น ที่แม้แต่คิมฮีชอลเองก็ดูเหมือนจะตกอยู่ในห้วงแห่งความคิดตัวเองในการคลายปริศนาข้อความนั่นออก


    ข้อความต่างภาษาที่ถูกเขียนเอาไว้บนพื้นด้วยฝีมือของกูลานั้นไม่เคยผ่านตาพวกเขามาก่อนแม้ตัวอักษรนั้นจะใช้กันทุกวัน...แต่นี่มันคืออะไร?


    L’emuincalatt

     

    -----------------------------------------------------------------------------------------
    พรุ่งนี้จะมาอัพวันเดอนะคะ :)
    ตอนนี้แต่งฮาเลใกล้จบแล้ว รู้สึกไหมว่าฟิกมันดำเนินเรื่องเร็วเกินไป
    เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่แต่งอะไรแบบนี้ เพราะฉะนั้นเลยไม่ค่อยรู้เรื่องมาก
    ถ้ามันเร็วเกินไปหรือสั้นเกิน หรือว่าแย่มาก ยังไงก็ต้องขอโทษเอาไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
    เม้นโหวตเขียนวิจารณ์กันหน่อยนะทุกคน  :D
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×