ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] The story of azalea

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2 :When the Dragon awake

    • อัปเดตล่าสุด 1 มี.ค. 63



    ยามมังกรตื่นจากหลับไหล





    ช่วยด้วย....

    เสียงหนึ่งกู่ร้องตะโกนในความมืด 

    เธอไม่สามารถขยับได้ ราวกับมีบางอย่างกำลังฉุดรั้งตรึงกายนี้เอาไว้

    ความเหน็บหนาวสุดขั้วของหัวใจ กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้

    เจ็บปวด

    และ หวาดกลัว เธอไหลไปตามสัญชาตญาณ


    ใครก็ได้...

    ช่วยด้วย!!!!!!!!

    เสียงนั้นร่ำร้องอย่างหวาดผวา

    ดวงตาคู่เล็กเบิกขึ้นเต็มตา ทัศนียภาพโดยรอบถูกปกคลุมไว้ด้วยความมืด

     มีเพียงแสงเทียนเล่มน้อยช่วยส่องทาง 

    ยามก้มมองพื้นเบื้องล่างที่เหยียบย่างอยู่ก็พบร่องรอยอักขระประหลาดอยู่ทั่วพื้น

    กลิ่นอายมืดมนชวนหวาดหวั่นพรั่นพรึงและไม่น่าไว้ใจ ปลุกให้เธอเริ่มตื่นตัวต่อสภาพแวดล้อมรอบด้าน


    นี่อะไร?!! คุณไสย์?!! มนต์ดำ!!!!!!


    จะเล่นอะไรกับฉันอีกล่ะ!



    ไม่เอานะ ปล่อยฉันไป ไปให้พ้น!!!!!!!!!!!




    ดวงตาเล็กถลึงเบิกกว้าง ก่อนจะถูกอาบย้อมเป็นสีอำพันราวอัญมณี กายเล็กขยายใหญ่คับพื้นที่



    เกล็ดสีดำหนาปกคลุมทั่วร่างจนกลายเป็นสีทมิฬน่าหวาดกลัว



     
    "โฮกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!"


    เสียงร้องคำรามกึกก้องกัปนาท 


    ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องจ้าละหวั่น 


    เมื่อยามเห็นสัตว์ร้ายอาละวาดไปทั่ว อุ้งเท้าใหญ่โต เหยียบเสาหินจนแหลกละเอียด หางที่เต็มไปด้วยเกล็ดหนาแหลมคมฟาดไปมาอย่างสับสน


    เจนไม่เข้าใจว่าตอนนี้เธอกำลังทำอะไรอยู่

    แต่ความรู้สึกเจ็บปวดนั้นยังคงไม่เลือนลางหายไปสักที

    เจ็บ...

    สับสน

    ระแวง

    และเหนือสิ่งอื่นใด...

    เธอกำลังหวาดกลัว



    หากแต่มีชายหนุ่มคนหนึ่งกลับไม่ได้แสดงท่าทางหวาดกลัวอะไรจ้องมองเธอนิ่ง

    "โฮกกก!!!!"


    'ไม่เอานะ!!!'



    ชายคนนั้นค่อยๆก้าวเท้ามาหาเธอช้าๆ



    ไม่หวาดหวั่นต่อเกล็ดคม



    ไม่หวั่นไหวต่อคมเขี้ยว



    และ ไม่กลัวหากเท้าขนาดยักษ์นั่นจะเหยียบเขาจมลงกับผืนธรณี



    เขาเริ่มใกล้เข้ามา



    ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ....



    "โฮกก!!!!!!"



    'ฉันกลัวแล้ว!!'



    เขายืนประจันหน้าเธออย่างไม่หวั่นเกรง



     แม้จะมีคนร้องเตือนเขาก็ตาม ก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงทุ้มหนักแน่นชวนฟัง

    "ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัวพ่ออยู่ตรงนี้พ่อจะปกป้องลูกเอง "

    " มาให้พ่อกอดทีซิคนเก่ง "

    เขาเอ่ยกับเธออย่างเย้าหยอก ไม่สนรูปร่างอสูรกาย 

    ก่อนจะอ้าวงแขนกว้างให้เป็นที่ประจักแก่สายตา 

    ดวงตาดวงใหญ่จ้องมองอย่างสับสนแต่ก็ยอมเชื่อใจคนตรงหน้า

    อุ้งเท้าขนาดใหญ่ยื่นไปข้างหน้า ชายหนุ่มโอบกอดกรงเล็บคมนั้นอย่างอบอุ่น

    เมื่อเห็นว่าเธอเริ่มสงบลงแล้วเขาจึงพูดต่อ 


    "พ่อรักลูกนะ"



    เพียงแค่ถ้อยคำง่ายๆสั้นๆ

    กลับเรียกหยาดน้ำตาจากสัตว์อสูรเบื้องหน้าได้โดยง่าย ดวงตาใหญ่เบิกกว้างน้ำตาเม็ดโตไหลรินไม่ขาดสาย 


    ใครกัน


    ความรู้สึกอบอุ่นนี้ คืออะไรกัน


    ทำไม ถึงได้อ่อนโยนขนาดนี้


    กายใหญ่โตทรุดตัวล้มลงสู่พื้นดินหยาบ ตัวหดเล็กลง กรงเล็บคมกลายสภาพเป็นนิ้วเล็กบอบบาง ก่อนที่ร่างนั้นจะสลบไป


     ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงช้อนตัวเธอขึ้นโบกไม้กายสิทธิ์สักสองที

     คฤหาสห์ที่พังลงกลับกลายสภาพเดิมอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะพาร่างเล็กไปพักผ่อน


    --------------------------------------------

    เธอตื่นขึ้นมาเห็นรอบข้างพร่ามัวไปหมด ความทรงจำสุดท้ายที่เธอจำได้มีเพียงความเจ็บปวดเหลือคณาจนแทบบ้าจากพิษบาดแผล 

    ดวงตากระพิบถี่ๆเพื่อปรับสภาพ


    เพดานที่ถูกตกแต่งจนงดงามเกินห้องพักโทรมๆของเธอประจักษ์แก่สายตา

    ในห้องกว้างนี้เมื่อเห็นทัศนียภาพที่ไม่คุ้นตาร่างบางจึงเด้งตัวขึ้นจากเตียงด้วยความตกใจ


    "คุณหนูพื้นแล้ว!!คุณหนูของวินนี่พื้นแล้ว!!!!"


    สิ่งมีชีวิตขนาดแคระแกระร้องขึ้นเรียกสายตาให้จับจ้องด้วยความสงสัยไม่ได้ 


    มันร้องอยู่อย่างนั้นพลางกระโดดโลดเต้นไปมา


    พอเธอจะเอ่ยปากถามมันเท่านั้นแหละ 

    มันก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย


    "ตื่นแล้วเหรอ"

    เด็กหญิงสะดุ้งโหยง! เมื่อรับรู้การมาของใครอีกคนภายในห้อง 

    ใบหน้าเล็กหันไปทางเขาช้าๆก่อนจะกระเถิบเข้าใกล้หัวเตียงสุดฤทธิ์ตามสัญชาตญาณ

    "เหวอ!!คะ--คุณเป็นใคร!"

    เธอเสียงสั่นมองผู้มาใหม่อย่างไม่ไว้ใจ ชายหนุ่มนิ่งค้างไปสักพักก่อนจะตะโกนออกมาเสียงดัง

    "วินนี่!!ไปตามหมอจากเซนต์มังโกให้ฉันเดี๋ยวนี้!!!!"

    "ขอรับนายท่าน!"

    เอลฟ์ประจำบ้านที่สวมชุดทักซิโด้ตอบรับอย่างรู้งานก่อนจะหายตัวไปอย่างรวดเร็ว

    ร่างใหญ่โตของชายคนนั้นนั่งลงบนเตียงข้างๆเธอใช้มือหยาบลูบไล้เส้นผมสีดำไปมาอย่างอ่อนโยนแววตาอบอุ่นแฝงด้วยความเศร้าของเขานั้นทำให้เธอพลอยเศร้าไปด้วย

    ไม่นานนักเอลฟ์ตัวเดิมก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับหมออีกหนึ่งอัตราเขาตรวจอาการเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าแต่ก็ยังคงยืนยันว่าเธอไม่ได้เป็นอะไร



    "ทางร่างกายปกติดีครับ แต่ไม่รู้เป็นเพราะอุบัติเหตุทางเวทย์มนต์หรือเปล่า เธอเลยเป็นแบบนี้"




    "กรณีนี้คือการสูญเสียความทรงจำ"




    " ซึ่งผมเองก็ไม่ไม่ใจเหมือนกันว่าเธอจะกลับมาจำเรื่องก่อนหน้านั้นได้หรือเปล่า"




    หลังจากคุณหมอร่ายยาวเหยียดจบ ก็เอ่ยปากชวนคุณชายออกไปคุยด้านนอก ทิ้งเธอกับเจ้าตัวจิ๋วเอาไว้


    "นี่ๆคุณตัวจิ๋ว คุณเป็นตัวอะไรเหรอ?"

    เสียงยานคางเอ่ยถาม

    "วินนี่เป็นเอลฟ์ประจำบ้านของคุณหนูครับ"

    วินนี่กล่าวกับคุณหนูของเขาอย่างนอบน้อมในทุกถ้อยคำ

    "คุณว่าไงนะ?สงสัยฉันจะหูฝาดพูดอีกทีซิ?"

    มือไม้เริ่มสั่นเพราะความรู้สึกบางอย่างที่ไม่อาจต้านทาน 

    พลางขอให้มันย้ำอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ เอลฟ์ประจำบ้าน? 

    เฮอะๆมีคุณชายมีเอลฟ์ประจำบ้าน นี่ถ้ามีแฮรี่ พอตเตอร์ โผล่มาฉันควรแปลกใจมั้ย?

    "วินนี่เป็นเอลฟ์ประจำบ้านของตระกูล เอเวอร์กล็อต ขอรับ"

    วินนี่ย้ำไม่ใช่เพราะรำคาญแต่เป็นเพราะมันต้องการยืนยันอย่างหนักแน่นต่อหน้าคุณหนูของมันเท่านั้น


    ตอนนี้เด็กหญิงตรงหน้าไม่ใช่คุณหนูที่มันรู้จักอีกแล้ว


    แต่ว่า หน้าที่ดูแลคุณหนูก็ยังมิได้หายไป



    "ฮะๆ ตลกดีนะ ต่อไปเป็นใครดีล่ะ--แฮรี่พอตเตอร์เหรอ?"


    ฉันกล่าวประชดตัวเองก่อนจะได้รับคำตอบอันใสซื่อกลับมา


    " คุณหนูสนใจเด็กชายผู้รอดชีวิตคนนั้นหรือขอรับ "

    เอลฟ์ประจำบ้านพูดยาวเหยียดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง แต่ตอนนี้เธอแทบจะลมจับแล้ว

    'บอกฉันสิว่ามันไม่จริ๊ง!!!!'

    ฉันช็อคค้างนั่งนิ่งดวงตากระตุกถี่เสียจนน่ารำคาญ 

    คิดทบทวน คร่ำครวญ รำพึงรำพัน หลายต่อหลายตลบแต่ก็ยังไม่ได้คำตอบที่น่าพอใจ 

    เสียจนเธอเลิกคิดอะไรพลางหันไปถามวินนี่ย์

    " แล้วฉันมีชื่อไหม? "

    คำถามประหลาดๆหลุดอกมาจากริมฝีปากบาง วินนี่ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบ

    "ขอรับ ชื่อของคุณหนูคือ อาซาเลีย เอเวอร์กล็อต ขอรับ"


    พลางค้อมหลังลงอย่างสุภาพ และเคารพยามเอ่ยชื่อนั้น


    แม้เอลฟ์ตัวนั้นจะบอกทุกอย่างโดยดี 

    แต่ก็ไม่วายทำสายตาเศร้าสลด 


    บุคคลที่เรียกตัวเองว่าเป็นบิดาผู้ให้กำเนิดเธอนั้นดูกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด


     เขาติดต่อทุกคน และทำทุกทางแต่ก็จนปัญญา 


    เพราะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง


    อาซาเลียก็ยังมีท่าทีปกคิเหมือนเดิม

    เพียงแต่เด็กน้อยกลับไม่สามารถจดจำอะไรได้แม้แต่น้อย


    แม้จะสงสารเขาจับใจ แต่ระดับความไว้ใจที่มีต่อเขาก็น้อยนิดเหลือเกิน...

    หากนี่เป็นฝันก็เป็นที่ดีที่สุด

    บอกลาโลกแสนห่วย

    บอกลาสังคมเฮงซวย

    บอกลาแฟนงี่เงา

    ฝันดีขนาดนี้ใครจะไปอยากตื่นกัน

    จริงไหม...

    " ฮะฮะ "

    เสียงหัวเราะแห้งๆดังรอดริมฝีปากร่างบางฝืนยิ้มอย่างขมขื่น

    หยดน้ำตาไหลอาบดวงหน้า


    ยัยวิว...

    " อยากกลับห้องจัง "

    เธอกัดปากกลั้นเสียงสะอื้น แต่กลับมีเสียงหงิงราวลูกหมาอ่อนแรงออกมาแทน


    เสียงสูดจมูกฟุดฟิดดังในห้องตลอดทั้งคืน โดยมีร่างเล็กกอดเข่าร้องไห้ใต้ผ้าห่มผืนโต

    TBC.

    B
    E
    R
    L
    I
    N
    ?
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×