คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : รุ่นพี่ที่รัก
“เป็นยังไง เหนื่อยไหม ชีวิตในมหา’ลัย มีอะไรต้องเจออีกเยอะนะ” รุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาคุยกับผมในขณะที่เพื่อนๆ และพี่ๆคนอื่นๆ กำลังทำกิจกรรมกันอยู่
“ต้องเจออะไรอีกครับ? น้องจากกิจกรรมรับน้องที่เหนื่อยแสนเหนื่อย” ผมตั้งคำถามที่ไม่ได้ต้องการคำตอบจากรุ่นพี่สักเท่าไหร่
“อยากรู้ใช่ไหม? เดี๋ยวเรามาทำความรู้จักกันมากกว่านี้ดีกว่านะ”
“เดี๋ยวพี่จะโทรหานะ รับโทรศัพท์พี่ด้วยหละ” พี่เขาพูดประโยคสุดท้ายก่อนที่รุ่นพี่อีกกลุ่มจะเรียกเข้าแถวรวมและเลิกกิจกรรม
ในค่ำวันนั้น หลังจากเลิกกิจกรรมพี่พบน้องที่สาขาวิชาแล้ว ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันกลับที่พัก บางคนก็เอารถมาเอง บางคนที่อยู่หอในก็เดินมา เพราะระยะทางก็ไม่ไกลนัก เพื่อนๆ ที่พักหอของมหาวิทยาลัย เดินเกาะกลุ่มกันไปตามทาง และนัดกันแวะไปทานที่ตลาดน้อย ซึ่งที่แห่งนี้เป็นจุดรวมของเพื่อนร่วมมหาลัยหลากหลายคณะ หลากหลายสาขา รวมทั้งผมและเพื่อนในกลุ่มก็จะมาทานข้าวเย็นที่ตลาดน้อยแห่งนี้เป็นประจำ
เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นในขณะที่ผมและเพื่อนๆ กำลังสั่งอาหารกันอยู่
“โอทอยู่ไหนครับ ทานข้าวแล้วยัง ไปทานกับพี่ไหม?” รุ่น พี่คนนั้นนั่นเอง ผมไม่ขอเอ่ยชื่อของพี่เขาจริงๆแล้วกันนะครับ มีเหตุผลบางประการที่ไม่อาจเอ่ยได้ ผมขอเรียกชื่อรุ่นพี่คนนี้เพื่อดำเนินเรื่องว่าพี่เอก แล้วกันครับ
“ผมอยู่ตลาดน้อยครับ กำลังทานข้าวกับเพื่อนๆ อยู่ครับ” ผมตอบ
“อ้าวเหรอ! พี่ตั้งใจว่าจะเลี้ยงข้าวโอทนะ” พี่ เอกตอบเหมือนเสียความตั้งใจ ผมก็เกรงว่าพี่เขาจะน้อยใจเอา อีกอย่างพี่เอกก็เป็นพี่เทค ของผมด้วย พี่เทค เป็นศัพท์ทางกิจกรรมรับน้องใหม่ ซึ่งหมายถึงรุ่นที่พี่ต้องคอยเทคแคร์น้องๆ ของตัวเอง ซึ่งรุ่นพี่หลายคนจะมีน้องๆ มาขอให้เป็นพี่เทค และบทบาทของพี่เทคอีกอย่างคือต้องคอยดูแลเอาใจใส่ในด้านการเรียน การใช้ชีวิตต่างๆ ของรุ่นน้อง หากมีเอกสาร หนังสือเรียนที่เคยเรียนผ่านมาแล้วมาให้น้องได้ใช้ยืมเรียนต่อ
“’งั้นไม่เป็นไร ถ้าทานข้าวเสร็จแล้วก็ไปนั่งดื่มนมปั่นกับพี่นะ”
คำชักชวนของพี่เอกไม่สามารถทำให้ผมปฏิเสธได้ ด้วยความเกรงใจและเคราพในความตั้งใจของพี่ จึงตัดสินใจรับปากพี่เอกทันที
“ครับ ทานข้าวเสร็จแล้ว ผมจะโทรหาพี่นะครับ”
บาง ครั้งความรู้สึกๆ ดีๆ ที่คนสองคนมีให้ต่อกัน เกิดขั้นจากความรัก ความจริงใจ ความเอื้ออาทร และความหวังนี้ แต่คำตอบของความรู้สึกดีๆ ของคนสองคนไม่ตรงกันจะต้องทำอย่างไรต่อไป เพื่อที่จะให้ความรู้สึกดีๆ ของคนสองคนมีคำตอบในใจที่ตรงกัน
ผมไม่เข้าใจว่าพี่เอกเขาคิดอะไรอยู่ในใจ พี่เอกเขาดูแลเทคแคร์ผมเป็นพิเศษกว่าน้องเทคคนอื่นๆ ชวนผมไปทานข้าวเย็นทุกวัน บางวันก็ชวนไปวิ่งออกกำลังกายรอบอาคารพละบ้าง และยิ่งวันไหนที่ชมรมต่างๆ เอาหนังกลางแปลงมาฉายในมหาวิทยาลัยเพื่อหารายได้เข้าชมรมหละก็ พี่เอกจะรีบจองตัวผมไปดูหนังเป็นเพื่อนทันที แต่ทุกครั้งที่ไปผมต้องดูคนเดียวตลอด เพราะพี่เอก เอาเสื่อและหมอนไปด้วยและก็นอนหลับหน้าจอหนังตั้งแต่หนังยังไม่ฉาย
เวลาผ่านไปเกือบปี ผมรู้สึกประทับใจพี่เอกมาก เพราะพี่เอกดีกับผมจริงๆ วิชาไหนที่ผมเรียนไม่รู้เรื่องพี่เอกก็จะติวให้ก่อนสอบเสมอ แม้บางครั้งผมจะรู้สึกเบื่อ รำคาญที่พี่เอกต้องเข้ามาวุ่นวายในชีวิตของผมก็ตาม เพื่อนๆหลายคนบอกว่าพี่เอกเขาเป็นคนดี ตลก สนุกสนาน ชอบช่วยเหลือเพื่อนๆ น้องๆ และบางครั้งก็ช่วยงานอาจารย์ที่สาขาวิชา
ถึงอย่างไรผมก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนความรู้สึกดีๆ ที่น้องคนหนึ่งมีให้ต่อรุ่นพี่คนหนึ่งเป็นอื่นไปได้ ความปรารถนาของหัวมันต้องการให้เป็นอย่างนั้นก็จริงอยู่ แต่ขอบเขตของความเป็นจริงผมจึงหักห้ามใจตัวเองไม่ให้คิดกับพี่เอกเป็นอย่าง อื่นเป็นอันขาด
หลังจากที่ความรู้สึกของผมเริ่มสับสน ผมเริ่มทำตัวออกห่างจากพี่เอง เริ่มไม่ไปทานข้าวเย็น ไม่ไปติวหนังสือ และไม่ร่วมกิจกรรมที่รุ่นพี่นัดอีกเลย ผมทำตัวออกห่างจากพี่เอกและเพื่อนๆ จนทุกคนแปลกใจ แต่โทรตามผมทุกครั้งที่มีกิจกรรมต่างๆ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม ทำไมผมถึงไม่สู้หน้าพี่เอกทั้งๆที่ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ก็เพราะผมไม่อยากให้มันเกินเลยไปกว่านี้ ผมทิ้งให้ปัญหาคาใจของผม คิดว่าสักวันมันจะดีเอง ผมเชื่ออย่างนั้น
“โอท เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมไม่มาร่วมกิจกรรมกับเพื่อนๆหละ” พี่เอกคงแปลกใจที่อยู่ๆ ผมก็ไม่เข้าร่วมกิจกรรมกับเพื่อน จึงต้องโทรศัพท์มาหาผม ผมเองก็ปฏิเสธไปว่า
“ไม่หนิ่ครับ ผมก็ไม่ได้เป็นอะไร เพียงแต่การเยอะครับ”
“โอทมีการบ้านพัยงคนเดียวเหรอ เพื่อนๆ เขาก็มีเขายังมาได้เลย” พี่เอกหาเหตุผลมาคุยกับผมเพื่อให้ผมกลับไปร่วมกิจกรรมกับเพื่อนๆ
“พี่เป็นห่วงโอทนะ มีอะไรบอกพี่ได้? เอาอย่างนี้เดี๋ยวพี่ไปหาที่หอนะ”
พี่เองพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงผมมาก ทันใดที่พี่เอกพูดจบผมยังไม่ได้ตอบอะไร พี่เองก็ชิงวางสายไปก่อนที่ผมจะพูดต่อ
“ทานอะไรหรือยังวันนี้” พี่เอกเอ่ยปากถามทันทีที่เปิดประตูเข้าห้องและเห็หน้าผม
“ยังครับ!” ผมตอบ
“งั้นพี่พาไปทานนะ” พี่เอกชวนผมไปทานข้าว ผมรับปากพี่เอกไป เพราะอยากจะพูดคุยถึงเรื่องราวต่างๆ ที่คาใจผมมานาน
บนโรงอาหาร อาคารอเนกประสงค์ของมหาวิทยาลัย อยู่ไม่ห่างนักจากหอพักที่ผมพักอยู่ ผมและพี่เอกนั่งทานข้าวและพูดคุยกัน
“พี่เอก ทำไมดูเหมือนพี่ห่วงผมจังเลย” ผมวางช้อนลง พร้อมทั้งมองหน้าไปหาพี่เอกและพูดขึ้น
“โธ่! จะไม่ให้ห่วงได้ไง ก็เป็นเป็นน้องเทคพี่ไง ทำไมเหรอ?” พี่เอกนิ่ง สักพักแล้วยิ้มให้กับผมพร้อมทั้งพูดอย่างเอาใจใส่
“แต่โอท ไม่เห็นพี่เทคแคร์ น้องเทคคนอื่นๆ เหมือนผมเลย” ผมตั้งคำถามที่สุดแสนจะอึดอัดในใจเหลือเกิน
พี่เอกวางช้อมที่กำลังจะตั้งข้าวเข้าปากนั้นลง พร้อมทั้งจ้องหน้าของผมด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่มีอะไรในใจเช่น เดียวกับผม
“ที่พี่เทคแคร์โอทเป็นพิเศษ ก็เพราะพี่รักโอท รักตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ”
พี่ เอกพูดทั้งสีหน้าเหมือนคนที่กำลังจะร้องไห้ ทันใดนั้นน้ำตาที่คลอเบ้าของพี่เอกอยู่ก็ไหลออกมา อย่างไม่น่าเชื่อว่าพี่ชายที่ผมรัก และเคารพในฐานะรุ่นพี่จะคิดกับผมเป็นอื่นไปได้
“พี่เอกครับ ขอบคุณนะครับที่พี่มีความรู้สึกดีๆกับผม แต่ผมว่าเป็นพี่น้องนี่แหละดีแล้วครับ” ทันใดน้ำตาของพี่เอกก็ยิ่งไหลออกมามากกว่าเดิม ปานประหนึ่งหมดแล้วซึ่งความหวังในครั้งนี้
สิ่งเดียวที่ทำให้เราสบายใจที่สุด คือ การพูดคุยและทำความเข้าใจกัน ถึงแม้บางครั้งการสร้างความเข้าใจนั้นจะสร้างความเจ็บปวดรวดร้าว ความเข็ญใจของตัวเราและคนอื่นๆ แต่เป็นความเจ็บปวดเพียงชั่วครู่ เมื่อเราเข้าใจกันแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น หากเราเก็บความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กัน แสดงความจริงใจและใส่ใจอย่างต่อเนื่อง แล้วโลกนี้จะสวยงาม เต็มไปด้วยผู้คนที่มีแต่ความจริงใจ และบริสุทธิ์ใจ
รุ่นพี่ คือ ผู้นำทางให้ผมได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างในรอบรั้วมหาวิทยาลัย ทำให้ผมได้รับรู้ถึงสังคมที่แปลกใหม่ที่ยังมีคนดีๆ หลายคนที่จริงใจและพร้อมที่ยิบยื่นสิ่งดีให้เราเสมอ เหมือนเช่นพี่เอกไงครับ ถึงแม้ความหวังดีของพี่เอกจะทำให้เราทั้งสองรู้สึกอึดอัดใจ แต่พี่เอกก็เป็นหนึ่งคนสำคัญที่ทำให้ผมได้มีเรื่องราวต่างๆ มาเล่าให้ใครต่อใครได้ฟัง ได้อ่าน และได้ติดตาม ผมรักพี่เอกนะครับ รุ่นพี่สุดที่รัก
ความคิดเห็น