คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : #08 ย้อนเวลา...สู่ไอยคุปต์
แสงแดดอ่อนๆสาดส่องผ่านหน้าต่างและช่องระเบียงของห้องกว้างใหญ่ประดับด้วยเครื่องเรือนบอบบางงดงามแปลกตามากระทบร่างที่นอนขดตัวกลมอยู่ภายใต้ผ้าห่มลินินสีขาวสะอาด เตียงนอนสี่เสาสลักเสลาลวดลายละเอียดบอกถึงความงดงามละเอียดลออของผู้เป็นเจ้าของ ทำจากหินอลาบาสเตอร์สีขาวให้ความเย็นสบายทดแทนความร้อนระอุจากทะเลทรายที่เจ้าของเตียงต้องพบเจอตลอดยามที่สุริยเทพเทพอามุน รายังทรงล่องเรือทองข้ามผ่านผืนฟ้า
ร่างบางบนเตียงยังคงนอนหลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่รู้สึกตัวแม้ว่าจะมีคนเดินเข้ามาในห้อง
หญิงร่างอ้วนในชุดผ้าลินินเนื้อนุ่มเข้ารูปยาวกรอมเท้า มีสายสองสายพาดเฉียงบ่าแต่ละข้าง เดินไปรวบผ้าม่านที่หน้าต่างและระเบียงรอบห้องให้แยกเป็นสองไขด้วยเกลียวเชือกสีทองสลับเงินจนครบหมด ก่อนเดินมาเขย่าร่างหญิงสาวที่นอนหลับเบาๆ
“ท่านหญิงเพคะ..ท่านหญิงเพคะ”
ใครกันนะ...เขย่าอยู่ได้ น่ารำคาญจัง !
พายพลิกตัวไปมาก่อนพยายามฝืนความอ่อนล้าลืมตาขึ้น แต่ดูเหมือนร่างกายจะไม่เป็นใจเอาเสียเลย ทั้งหัวที่ทั้งปวดและหนักอึ้ง แขนขาอันไร้เรี่ยวแรง...เกิดอะไรขึ้นนะ ? แล้วใครกันมาเรียกเธอว่าท่านหญิง ?
จำได้ว่าเราตกลงไปในห้องใต้สุสานกับไนท์ แล้วก็เจอโลงหินประหลาด...แสงสีขาวๆ...จริงด้วย !
หญิงสาวดีดร่างขึ้นมาจากเบาะคลุมผ้าหนานุ่มที่รองรับร่างเอาไว้ด้วยความตกใจจนคนปลุกที่ไม่ทันตั้งตัวผงะไปข้างหลัง ดวงตาโตของพายเบิกกว้างสุดขีด
ที่นี่มันที่ไหนกัน !
“ท่านหญิง...เจ้าหญิงเนฟรูเร ทำไมทำหน้าเช่นนั้นล่ะเพคะ” หญิงร่างอ้วนมองอย่างแปลกใจกึ่งตกใจที่จู่ๆหญิงสาวก็ลุกผึงขึ้นมาจากเตียงด้วยสีหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด “หรือว่าจะไม่สบายเพคะ ?”
พายรู้สึกได้ว่ามือที่เกร็งแน่นยึดกำผ้าห่มลินินเอาไว้ราวกับมันเป็นหลักยึดเหนี่ยวสุดท้ายให้เธอนั้นสั่นเทาอย่างรุนแรง ในขณะที่รวบรวมความกล้าถามออกไป
“คุณ คุณป้าคะ... ที่นี่คือที่ไหนกัน ? คุณป้าพอจะบอกทางกลับไคโรให้ฉันหน่อยได้มั้ยคะ ?”
“หา ?” คิ้วของหญิงอ้วนแทบจะผูกขมวดเป็นริบบิ้น “ทรงเล่นอะไรกันเพคะท่านหญิง จะหลอกให้เฮมีคนนี้ตกใจเล่นหรือไร ?”
“คะ ? ทำไมเรียกถึงฉันว่าท่านหญิงกัน ฉันเป็นแค่นักท่องเที่ยวนะคะ แล้วเห็นเพื่อนของฉันบ้างมั้ยคะ ? ที่นี่มันคือที่ไหนกันคะ ?” พายยิงคำถามเป็นชุด พยายามสอดส่องสายตามองหาไนท์ แต่แล้วคำตอบของหญิงอ้วนที่เรียกตัวเองว่า ‘เฮมี’ ก็ทำให้พายช็อกสุดขีด
“หะ หา ? ที่เรียกพระองค์ว่า ' ท่านหญิง' ก็เพราะทรงประสูติจากพระมเหสีอามิเนส ถ้าเป็น'เจ้าหญิง' ก็ใช้เรียกเจ้าหญิงเนเฟรเซนามุนขนิษฐาต่างพระมารดาของพระองค์ เพราะเจ้าหญิงเนเฟรเซนามุนทรงประสูติจากราชินีเมอริอามุนไงเพคะ ที่ต้องเรียกให้ต่างก็เพราะทรงเป็นธิดาแห่งอามุน รา เช่นเดียวกัน มีสิทธิ์ในการขึ้นครองบัลลังก์ฟาโรห์เท่าเทียมกัน เป็นเจ้าหญิงเหมือนกัน แต่ถ้าเรียกว่าเจ้าหญิงทั้งคู่ก็อาจจะเกิดการสับสนได้น่ะเพคะ...แล้วที่นี่ก็นครธีบส์ไงเพคะ เมืองหลวงแห่งอียิปต์บน สมัยราชวงศ์ที่สิบสาม ปกครองโดย...เอ่อ...อดีตฟาโรห์อัคเคนามุน พระบิดาของพระองค์ นี่มหาวิหารก็กำลังรอโองการจากเทพอามุน รา ถึงฤกษ์ในการเลือกธิดาแห่งอามุน รา องค์ใดองค์หนึ่งขึ้นครองมงกุฏฟาโรห์ ว่าแต่ยังไม่ตอบเลยว่าทรงเป็นอะไรไปเพคะ สงสัยว่าจะพักผ่อนไม่เพียงพอจึงทรงดูเหมือนมึนงง ความจำเสื่อมเช่นนี้ไปได้”
“หา !”
เธอไม่ได้ร้องเพราะคำกล่าวหาว่าความจำเสื่อมหรือถูกเรียกเป็นท่านหญิงเจ้าหญิงอะไรนั่นหรอก แต่เป็นเพราะคำพูดที่ว่า ฟาโรห์อัคเคนามุนต่างหาก...ราชวงศ์ที่สิบสามงั้นเหรอ ?
นั่นมันสมัยก่อนประวัติศาสตร์ตั้งเกือบสองพันปีนะ !
ถ้าบวกเวลาปัจจุบันเข้าไปด้วยยิ่งแล้วใหญ่ รวมระยะเวลาสุทธิแล้วเกือบสี่พันปีเนี่ยนะ !
ความทรงจำประหวัดไปถึงจารึกของดร.โมฮัมเหม็ด เธอจำถ้อยคำบนจารึกที่กล่าวถึงเหตุการณ์หลังฟาโรห์อัคเคนามุนสิ้นพระชนม์ได้แม่นยำเหมือนมันมาวางอยู่ตรงหน้า ยิ่งคำพูดที่เธอวอนขอพรแบบสนุกๆไม่คิดมากจากเทพอามุน ราด้วยแล้ว...
เร็วเท่าที่ใจคิด เล็บทั้งห้าถูกหยิกลงในเนื้อแขนอีกข้างจนเจ้าตัวต้องร้องโอ๊ยลั่น อ้าปากค้าง
ตายแล้ว ตายแน่ ตายอหิวาต์ ไม่ได้ฝันไปเหรอเนี่ย ! ฉันย้อนเวลา...กลับมาอยู่ในฐานะ ‘ธิดาแห่งอามุน รา’ !?
ไอ้ที่แช่งไนท์เอาไว้เล่นๆ ทำไมมันถึงเกิดจริงขึ้นมาได้ล่ะเนี่ย !?
ปากเธอศักดิ์สิทธิ์ขนาดนั้นเลยเชียวเหรอ คิดๆแล้วก็น่าปลื้มแฮะ แต่จะมาปลื้มอะไรกันตอนนี้เล้ายัยพาย ! นี่เธอกำลังตกมาอยู่ในอียิปต์โบราณนะ !
ความรู้สึกเย็บวาบไล่เรื่อยขึ้นมาตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงศีรษะของพาย เท้าทั้งสองข้างของหญิงสาวพาร่างของเธอไปที่ริมระเบียงกว้างโดยอัตโนมัติ
ภาพตรงหน้ากระจ่างชัดเจนไร้สิ่งบดบัง ภาพเมืองอันงดงามที่เมื่อวันวานยังเป็นเพียงภาพฝันในจินตนาการของพาย บ้านเรือนร้านรวงต่างๆก่อด้วยอิฐดินแบ่งเป็นซอยด้วยถนนสายเล็กและเป็นสองฝั่งด้วยถนนกรวดสายหลักที่มุ่งตรงมาสู่พระราชวัง จากห้องของพายจะมองเห็นลานจัตุรัสกว้างที่ตั้งอยู่หน้าพระราชวังหลวง กลางจัตุรัสมีสระใหญ่ทำจากหินอลาบาสเตอร์ก่อเป็นทรงกลมบรรจุน้ำใสแจ๋วน่าชื่นใจเอาไว้เต็มปริ่ม มีแท่นวางรูปปั้นอันงดงามของเหล่าทวยเทพที่กลางสระ กำแพงเมืองสีขาวสะท้อนแสงอาทิตย์ยามเช้าแลดูยิ่งใหญ่น่าเกรงขามตั้งล้อมรอบอาณาเขตเมืองอันกว้างขวาง ไกลออกไปคือผืนทรายกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา พีระมิดตั้งตระหง่านดุจจะท้าทายธรรมชาติว่าสามารถเอาชนะขีดจำกัดที่ธรรมชาติมอบให้แก่มนุษย์ตัวเล็กๆได้ และแม่น้ำไนล์ แม่น้ำสายยาวที่สุดในโลก ที่เป็นดั่งสายเลือดแห่งชีวิต หล่อเลี้ยงผืนแผ่นดินไอยคุปต์มายาวนานก่อนที่ประวัติศาสตร์แห่งมวลมนุษย์จะเริ่มต้นเสียอีก ผืนน้ำสีครามสะท้อนประกายแสงอาทิตย์ระยิบระยับ
แม้จะแอบดีใจที่ได้กลับมาเห็นภาพแบบนี้ แต่เธอก็จะไม่เอาชีวิตที่เหลือมาทิ้งไว้ที่นี่เด็ดขาด !
ไม่เอาน้า...ฉันจะกลับไปหาคุณพ่อ ไปหาหม่ามี้ แต่ถ้าที่นี่มีฟาโรห์หรือเจ้าชายหล่อๆก็น่าสนแฮะหรือถ้าได้เจอฟาโรห์ของจริงก็เยี่ยมไปเลย จะทรงพระหล่อพระล่ำสูงยาวเข่าดีแบบเมมฟิสที่ยัยแคทใฝ่ฝันไหมนะ...เอ๊ย บ้าน่า !
เอาวะ...หญิงสาวฮึดสู้ขึ้นมาในใจ ไอ้วิธีที่แต่งเอาไว้ในนิยายว่าให้นางเอกเอาตัวรอดยังไง จะได้เอามาใช้กันตอนนี้ล่ะ !
เอ ว่าแต่...ไนท์หายไปไหนกันเนี่ย ? เธออยู่ในพระราชวัง ถ้าเดาไม่ผิดไนท์คงจะหลุดไปอยู่ในพีระมิดซะละมั้ง
หวังว่าเธอคงจะตามหาเขาเจอนะ ตามสูตรสำเร็จของนิยายแนวฟาโรห์อย่างที่ยัยแคทชอบพร่ำเพ้อ ไนท์จะต้องไม่เป็นอะไรสิน่ะ เทพอามุน ราคงจะทรงคุ้มครอง
“เอ่อ ข้าคงพักผ่อนไม่เพียงพอจริงๆละมั้งจ๊ะเฮมี” หญิงสาวยิ้มหวานหยดย้อย แช่มช้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ จัดไปเลยวิธีแรก เนียนไว้ก่อนพ่อสอนไว้...
ไนท์ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ความเจ็บจี๊ดภายในศีรษะที่ยังทิ้งร่องรอยเอาไว้ทำให้หัวมึนตึ้บจนคิดอะไรไม่ออก
รอบกายของไนท์ไม่ใช่ห้องศิลาในสุสานที่เขาและพายเจอ ‘อะไรบางอย่าง’ แต่กลายเป็นห้องมืดๆเย็นๆ ที่มีหีบใส่อะไรก็ไม่รู้วางอยู่ระเกะระกะรอบห้องเต็มไปหมด แสงสีส้มเรืองๆขุ่นสลัวจากตะเกียงดวงน้อยที่ถูกแขวนไว้ข้างผนังไม่ได้ทำให้ห้องสว่างขึ้นมากนัก ตามมุมห้องที่แสงตะเกียงซอกซอนเข้าไปไม่ถึงยังคงมืดสนิทดูเร้นลับน่ากลัวเช่นเดิม
ทั้งที่ห้องนี้ไม่ใหญ่มาก แต่ก็ให้ความรู้สึกอ้างว้างโหวงเหวงแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก
“ฟื้นแล้ว ดีจัง” เสียงใสๆที่พอฟังออกว่าถูกดัดให้ทุ้มต่ำดังมาจากมุมมืดมุมหนึ่งในห้อง ไนท์หันขวับไปหาต้นเสียงทันที
ร่างของเจ้าของเสียงใสคลุมศีรษะด้วยผ้าผืนใหญ่สีดำเหลือให้เห็นเพียงนัยน์ตาสีน้ำตาลอมดำสุกสว่างในกรอบยาวกลมโต ขนตาล่างและบนเป็นแพหนาสวย งอนอย่างน่าดึงเล่น แต่งกายด้วยเสื้อสีดำแขนยาว ตัวยาวจนถึงเข่า และกางเกงรัดข้อเท้าเหมือนกางเกงแขกสีเดียวกัน คลุมทับด้วยเสื้อคลุมสีดำผ่าหน้ายาวกรอมเท้า มีเพียงรองเท้าหนังสานที่เห็นโผล่ออกมาจากชายเสื้อคลุมเท่านั้นที่เป็นสีน้ำตาลเข้มไม่ใช่สีดำเหมือนเครื่องแต่งกาย แต่ด้วยความที่ร่างนั้นยืนอยู่ในเงามืด กรอบโครงร่างสูงโปร่งจึงยังไม่เพียงพอที่จะบอกได้ว่าเป็นบุรุษหรือสตรี
“ตอนแรกคิดว่าจะไม่รอดซะแล้ว” เสียงจากคนลึกลับยังคงพูดต่อไป
“ใครน่ะ ?” ไนท์ตัดสินใจถามออกไป
คนในเงามืดไม่ตอบอะไร เพียงแค่ก้าวเดินออกมายืนข้างตะเกียงดวงน้อย แต่ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเดิมมากนักเพราะเครื่องแต่งกายสีดำยังคงบดบังร่างสูงโปร่งเอาไว้
“ข้าต่างหากที่ควรถามว่าเจ้าคือใคร เจ้าคนแปลกหน้า” เสียงใสถามกลับ
ชายหนุ่มนิ่งงันไปนิดนึง แต่ในเมื่อไม่มีอะไรเสียหายที่จะบอกก็เลยบอกคนในชุดดำไป
“เราชื่อไนท์ นาย...เธอ...เอ่อ คุณ ที่นี่นี่มันที่ไหนกัน ?”
ดวงตากลมโตปรากฎแววแปลกใจฉายชัด
“เอ๊า ที่นี่ก็เขตรอยต่อระหว่างเมืองธีบส์กับเมืองเมมฟิสไง ”
“มาจากกรุงเทพ หา ! ธีบส์กับเมมฟิส !?”
ไนท์สะดุ้งพรวด ก่อนที่จะปล่อยเสียงหัวเราะออกมา
โธ่เอ๊ย พวกเพื่อนตัวแสบรวมหัวกันแกล้งเขาอีกแล้วแน่ๆเลย สงสัยพวกนั้นคงไปเจอเขากับพายสลบอยู่ในห้องใต้ดินของสุสานแล้วก็เลยได้โอกาสแกล้งกันเล่นละมั้ง
“นี่ ไม่ต้องทำไก๋เลย จะแกล้งกันก็บอกมาเหอะ รู้ทันหรอกน่า ใครเป็นคนวางแผนอีกล่ะ อ๊อฟหรือว่ายัยแคท แล้วนี่พายหายไปไหนล่ะ อย่าบอกนะว่าเธอฟื้นมาก่อนแล้วมาร่วมมือแกล้งเราเหมือนกัน”
“หา ?เจ้าพูดอะไรของเจ้าน่ะ ? พายคือใครกัน ?” ทั้งน้ำเสียงและแววตาของร่างโปร่งระหงในชุดรุ่มร่ามสีรัตติกาลบ่งบอกชัดว่างงงงวยเป็นอย่างยิ่งกับสิ่งที่ไนท์เพิ่งพูดออกมา
“พอได้แล้วน่า ไม่ต้องแกล้งกันแล้ว รู้ไส้รู้พุงของพวกนายหมดแล้วนะเว้ย นี่กี่โมงกันแล้วล่ะเนี่ย ?” ไนท์เหลือบตามองนาฬิกาข้อมือเรือนโปรดตามความเคยชิน
แต่ว่าที่ข้อมือของเขากลับว่างเปล่า !
และยิ่งไปกว่านั้น ชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ที่ไนท์สวมใส่อยู่กลับแปรเปลี่ยนไปเป็นผ้าเนื้อค่อนข้างหยาบสีน้ำตาลเข้ม ตัดเย็บเป็นชุดคล้ายๆชุดของคนในเงามืดเปี๊ยบ
ความเชื่อที่เคยเต็มร้อยเปอร์เซนต์ว่าถูกก๊วนเพื่อนชาวคณะโบราณดีแกล้งเล่นฮาๆ เริ่มดิ่งเหวลงอย่างรวดเร็ว
“เอ่อ ขออีกครั้งนะ ที่นี่มัน...ที่ไหนกัน ?” ความสับสนเริ่มเข้ามากินพื้นที่ในหัวใจของไนท์
“ที่นี่ ก็เขตชายแดนระหว่างธีบส์กับเมมฟิสไง นครหลวงอันรุ่งเรืองและยิ่งใหญ่ของอียิปต์บนกับอียิปต์ล่าง มาจากบ้านไหนเมืองไหนกัน อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่รู้จักน่ะ”
ทำไมจะไม่รู้จัก รู้จักเป็นอย่างดีด้วย!
รู้จักดีซะจนรู้ว่า สองเมืองหลวงนี้รุ่งเรืองอย่างยิ่งเมื่อหลายพันปีก่อนประวัติศาสตร์ !
ถ้าอย่างนั้นที่นี่ก็คือ...
“บะ บ้าน่า ถ้างั้นที่นี่ก็คืออียิปต์โบราณ แล้วทำไมเราคุยกันรู้เรื่องล่ะ ?”
“อะไร ? ก็เจ้าพูดภาษาอียิปต์อยู่นี่” ร่างสูงโปร่งในชุดหลวมโคร่งคร่างถึงแม้จะดูมึนงงกับท่าทางของชายหนุ่มแปลกหน้า แต่ก็ยังคงอดทนตอบคำถามต่อไป
“หา เอ่อ...” ไนท์สะอึก หรือว่า...ความคิดของเขาทบทวนไปที่เหตุการณ์ไม่น่าปรารถนาที่เขากับพายพบเจอก่อนที่จะสลบไป
โลงหินที่ขยับเองได้ แสงสีขาวอมส้มไร้ที่มา ความรู้สึกดิ่งวูบเหมือนกับกำลังร่วงลงในเหวลึก
ใช่แน่ๆเป็นเพราะคำอธิษฐานต่อเทพอามุน รา ของยัยพายแน่ๆ ไม่คิดเลยนะเนี่ยว่าเทพอามุน ราจะถือเป็นจริงเป็นจังขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นที่เขาสามารถพูดภาษาไอยคุปต์โบราณได้ ก็คงเกิดจากปาฏิหาริย์ของสุริยเทพ...ปาฏิหาริย์แห่งกาลเวลา
“เฮ้อ น่าเสียดาย” คราวนี้คนเสียงใสในชุดดำกลับเป็นฝ่ายส่ายหน้าไปมา “เจ้านี่ช่างรูปงามผิดไปจากชาวธีบส์นะ เสียอย่างพูดจาวิปริต พูดอะไรก็ไม่รู้ คงมาจากชนเผ่าใดสักชนเผ่าละมั้ง แค่ชื่อก็ฟังแปลกหูแล้ว”
“ไม่ใช่ซะหน่อย” เขาเตรียมพร้อมที่จะค้านอย่างหัวชนฝา จะมาโดนคนอียิปต์โบราณท่าทางแปลกๆนี่หาว่าเซาะกราวก็คราวนี้ละมั้ง “เรามาจากอนา...”
พูดแล้วก็ต้องหยุดกึกกะทันหัน คนโบราณเนี่ยจะเข้าใจคำว่า ‘อนาคต’ หรือเปล่านะ ? บอกป่ามาจากอีกสี่พันปีข้างหน้าอาจจะถึงขั้นช็อกแล้วหาว่าเขาบ้าอีกหลายตลบได้เปล่าๆ รอดูท่าทีไปก่อนดีกว่า
“แล้วนี่เจ้าจะเอายังไงต่อไป ?”
คนในชุดดำที่เปลี่ยนท่าเป็นยืนกอดอกพิงผนังถามขึ้น สีชุดที่กลืนกับความมืดรอบๆตัวทำให้ร่างนั้นแทบจะหลุดหายเข้าไปในความมืด
“นั่นสิ ยังไม่รู้เลย” เขาสารภาพเสียงอ่อยๆ
“เอางี้ เจ้าไปกับข้าก่อนมั้ยล่ะ ? ข้าจะไปเที่ยวเมมฟิสซะหน่อย” ดวงตาสีน้ำตาลฉายแววเจ้าเล่ห์แสนกลพราวระยิบระยับ “แล้วค่อยมาว่ากันอีกทีตอนข้ากลับธีบส์”
“ก็...เอางั้นก็ได้” ไนท์พยักหน้าอย่างปลงตก ... เฮ้อ ไหนๆก็หาทางกลับไม่ได้แล้ว ก็คงต้องทำให้เรื่องราวผ่านไปได้ด้วยดีที่สุด จนถึงวันที่กาลเวลาจะหมุนย้อนกลับไปสู่ปัจจุบันนั่นละนะ แต่พายจะเป็นยังไงนะในตอนนี้ ...คงหลุดไปอยู่ที่ไหนซักแห่งในอียิปต์นี่เหมือนเขาล่ะมั้ง ? ถ้าเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะการดลบันดาลของเทพอามุน - ราแบบในนิยายของพายจริง ไนท์ก็มั่นใจว่าพระองค์คงไม่ปล่อยให้ยัยจอมโก๊ะเพื่อนซี้ของเขาเป็นอะไรไปอย่างแน่นอน
“ว่าแต่นายชื่ออะไรกันน่ะ ?” ไนท์เปลี่ยนสรรพนามเป็นนายเมื่อคนชุดดำดูจากท่าทาง เดาแล้วก็น่าจะเป็นผู้ชาย
“วิธีพูดเจ้าแปลกดี พูดแบบนี้ข้าไม่ชิน”
เอาแต่ใจซะด้วยแฮะ แต่ก็เอา...ตามใจเค้าหน่อยก็แล้วกัน
“งั้นเจ้าชื่ออะไร ?” ไนท์เปลี่ยนคำใหม่
“ข้าชื่อเนเฟรเซนา...เอ๊ย !! ชื่อ...เอ่อ..” ปรากฏว่าคนถูกถามกลับอึกอักซะนี่ “ข้าชื่อ...โฮรัส!”
เกือบเผลอไปแล้วไหมล่ะ เกือบเผลอ...โชคดีที่เจ้าไนท์คนแปลกหน้าคงยังไม่ทันได้ฟัง
“โอเค”
“เรารู้จักกันแล้วนะ คราวนี้ก็ไปกันเถอะ อยู่ที่นี่นานๆข้าก็อึดอัดน่ะ” โฮรัสเลิกคิ้วเล็กน้อยกับภาษาแปลกๆที่เจ้าคนแปลกหน้าใช้ ก่อนเดินตัวปลิวไปทางช่องที่เจาะเป็นโครงสี่เหลี่ยมเปิดไปสู่บันไดเวียนที่ทอดตัวขึ้นไปสู่ทางออกที่ถูกปิดด้วยไม้กระดาน
ลมทะเลทรายให้ความรู้สึกระคายผิวและแห้งหยาบพัดมาต้องร่างของทั้งคู่ทันทีที่โผล่พ้นช่องประตูลับใต้ผืนทราย แสงแดดอ่อนๆคือสิ่งบ่งบอกว่ายังเป็นเวลาเช้าตรู่
“ที่จริงเดินทางตอนเช้ายังไม่ร้อนมาก เราคงถึงเมมฟิสก่อนเที่ยงถ้ารีบเดินทาง ข้างหน้าจะมีโอเอซิสเล็กๆให้ได้แวะพักก่อน” โฮรัสแจกแจงอย่างชำนาญ ไนท์ได้แต่ฟังอีกฝ่ายพูดเสียงแจ๋วๆ
“เจ้าไปบ่อยล่ะสิท่า”
ด้วยความที่ใบหน้าของโฮรัสซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีดำ ทำให้มองไม่ออกว่าแววเจ้าเล่ห์แสนซนในดวงตาคู่สวยนั้นมาพร้อมกับรอยยิ้มหรือไม่
“ก็บ่อยอยู่ อยู่แต่ธีบส์น่าเบื่อจะตาย”
“เออนี่ โฮรัส ตอนที่เจ้าเจอเรา...”
ไนท์ยังพูดไม่จบคนเสียงแจ๋วๆก็ตอบให้ทันที
“เมื่อวานข้าเดินทางมาที่นี่...เคยเป็นวิหารมาก่อนแล้วถูกทำลายตอนล้างราชวงศ์น่ะ แต่ยังเหลือห้องลับใต้ดินเอาไว้ แล้วก็เจอเจ้าสลบอยู่ข้างๆประตูทางเข้าห้องใต้ดินพอดี เลยลากเจ้าเข้าไป”
“แล้วเห็นผู้หญิงอีกคนบ้างมั้ย ที่มากับเราน่ะ ?”
คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเพราะเจ้าตัวพยายามนึก
“เอ๊ ไม่เห็นนะ เจอแต่เจ้าคนเดียว ว่าแต่เอาจริงๆเถอะ เจ้ามาจากไหนกันแน่ ? หรือว่ามากับคาราวานจากเมืองเมกิดโดแล้วถูกพายุทะเลทรายกันล่ะ ?” เหตุการณ์คาราวานถูกถล่มโดยพายุในทะเลทรายเป็นเรื่องที่พบเจอได้บ่อยครั้งจนดูธรรมดาไปแล้วสำหรับชาวธีบส์และเมมฟิส “พายุพัดเอาความทรงจำของเจ้าไปด้วยหรือเปล่าน่ะ ?”
“ไม่ใช่อย่างนั้น แต่พูดไปก็คงไม่เข้าใจหรอก” ไนท์ถอนหายใจเฮือกแล้วก็แอบขำ “เอาเป็นว่าเรามาจากที่ไกลมาก ไกลมากๆเลยละกัน”
“อ๋อ ไกลเกินกว่าใครจะคิดฝัน” โฮรัสหัวเราะ “เวลาแม่ข้าเล่านิทานก็เริ่มแบบนี้ตลอด เนฟธิส...เพื่อนข้าน่ะ นางเคยบอกว่าคงมีซักวันที่คนจากวันพรุ่งนี้จะย้อนเวลากลับมาในวันนี้ได้ นางเรียกมันว่าอนาคตอะไรสักอย่าง ข้าว่ามันไร้สาระทั้งเพ นิทานยังไงก็คือนิทาน หรือเจ้าว่ายังไง ?”
“เป็นไปได้นะ” ไนท์แอบดีใจ ยังดีที่โฮรัสรู้จักคำว่าอนาคต จะได้คุยอะไรๆด้วยง่ายขึ้นหน่อย “ถ้าบอกว่าเรามาจากอนาคต เจ้าจะเชื่อไหม?”
โฮรัสเงยหน้าขึ้นมอง ไนท์ได้ชื่อว่าเป็นคนตัวสูงแล้ว แต่เจ้าหนุ่มน้อยเสียงใสนี่ก็ยังสูงใช่ย่อยจนเลยไหล่ของเขาขึ้นมาอีก
“เอ สองจิตสองใจละมั้งข้าว่า ก็มันจะเป็นไปได้ยังไง จะว่าไปความคิดเจ้ากับข้าไม่ค่อยเหมือนกันเท่าไหร่แฮะ แต่เจ้าคงไปด้วยกันได้กับเนฟธิส แล้วก็พี่สาวต่างมารดาของข้า...” คำสุดท้ายของโฮรัสแฝงแววชิงชัง แผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยินราวกับเจ้าตัวไม่อยากให้ใครฟัง แต่ไนท์พออ่านปากได้ว่า ‘เนฟรูเร’
แอบยาวนิดนะคะ แหะๆ ^^
ความคิดเห็น