คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : #07 ความลับใต้สุสาน
ริมฝีปากของพายสั่นระริก ใบหน้าซีดจนน่ากลัว จนไนท์นึกอยากเขกหัวตัวเองซักโป๊กที่ดันไปพูดอะไรไม่เข้าท่าให้เพื่อนฟัง ที่กลัวอยู่แล้วเลยยิ่งหนักเข้าไปอีก
“ใจเย็นๆนะพาย มันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้ อย่าคิดมากเลย” เขาลากพายมายืนสงบสติอารมณ์ที่ข้างประตูห้องราชินี
“บังเอิญ ?” หญิงสาวทวนคำด้วยเสียงสูง คิ้วขมวดมุ่น “มันแปลกประหลาดมากเลยนะไนท์ ภาษาไทย...ลายมือคล้ายเรา มันเข้ามาอยู่ในนี้ ในห้องที่ถูกปิดตายเมื่อสี่พันปีก่อนได้ยัง...”
‘กริ๊ง’
พายยังพูดไม่ทันจบประโยค เสียงอะไรบางอย่างตกกระทบพื้นก็ดังขึ้นขัดจังหวะ พร้อมกับแสงสีทองวอบแวบบนพื้น ที่กำลังกลิ้งตัวออกไปทางอุโมงค์ทางเดิน
“เฮ้ย แหวน !” ไนท์เผลอร้องออกมา ก่อนยกมือขึ้นอุดปากเมื่อนึกได้ว่าพายยังไม่รู้เรื่องที่เขาไปได้แหวนมาจากดร.โมฮํมเหม็ด ซึ่งถือเป็นการขัดคำสั่งของดร.จูเลียนที่ห้ามรับหรือนำโบราณวัตถุใดๆกลับไทยเต็มประตู แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว
“ไนท์ ! นี่อย่าบอกนะว่านาย...” เมื่อเพื่อนหนุ่มพยักหน้าหงอยๆ แทนคำตอบ เธอก็ตบหน้าผากแปะ “โอ๊ย ช่างรู้จักหาเรื่องใส่ตัวจริงจริ๊ง”
“ชู่ว เบาๆซี่...โธ่ เราขอโทษน่า แต่ตอนนี้ช่วยเราตามแหวนไปก่อนเถอะ กลิ้งออกไปนู่นแล้ว “ ไนท์ไม่รอการตัดสินใจของพาย เมื่อพูดเสร็จเขาก็ผลุบหายออกไปในความมืดทันที ปล่อยให้คนบ่นต้องลังเลใจ แต่แล้วเธอก็ออกวิ่งตามไนท์ไป
เรือนแหวนสีทองตัดกับความมืดมิดรายรอบ ชายหนุ่มรีบเปิดไฟฉายแล้วส่องไปยังแหวนที่กลิ้งตรงไปเรื่อยๆ เลี้ยวซ้าย...เลี้ยวขวาตามทางโค้งของอุโมงค์หินราวกับมีชีวิต
กริ๊ง !
เสียงกริ๊งเบาๆดังขึ้นอีกครั้งเมื่อแหวนทิ้งตัวลงกับพื้น มันมาหยุดลงที่สุดทางเดินตันๆ ล้อมรอบด้วยผนังหินว่างเปล่าไร้สีสันใดๆ สีน้ำตาลเข้มของเนื้อหินให้ความรู้สึกหนาวสันหลังชอบกล
ไนท์และพายวิ่งมาหยุดยืนขนาบสองข้างของแหวน พายหอบฮั่กจนตัวโยนเพราะต้องวิ่งตามแหวนมาถึงที่นี่
ชายหนุ่มก้มลง ค่อยๆหยิบแหวนวงนั้นขึ้นมา แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อก้อนหินทรงสี่เหลี่ยมก้อนหนึ่งที่รองรับน้ำหนักแขนของพายนั้นเลื่อนเข้าไปในผนังศิลา
พื้นหินใต้ร่างของทั้งคู่เปิดออก ทำให้ร่างของไนท์และพายที่ยังไม่ทันตั้งตัวร่วงลงไปข้างล่างทันที !
“ตุ้บ !” “โอ๊ย !”
เสียงกระแทกพื้นดังตุ้บตามมาด้วยเสียงร้องประสานเสียงอย่างตกใจของทั้งสอง เพดานหินที่เมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้วยังเป็นพื้นกำลังเลื่อนตัวเข้าหากันช้าๆ ก่อนปิดสนิทเป็นเนื้อเดียวดังเดิม
ไนท์และพายถูกขังเอาไว้ในสุสานส่วนที่ยังปิดตายไม่มีใครค้นพบ !
“นะ..ไนท์..”พายปากคอสั่นด้วยความหวาดกลัว “จะ จะทำยังไงดีล่ะ ?”
ไนท์เองก็หน้าซีดเผือดไม่แพ้พาย
“ใจเย็นก่อนนะพาย เรามาลองหาดูก่อนดีกว่าว่ามีวิธีเปิดช่องหินนั่นได้มั้ย”
หญิงสาวพยักหน้ารับ ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่า...ยังไงก็ไม่น่าจะมี
แต่แสงสว่างอันริบหรี่ปลายหนทางอันมืดมิด ก็ยังดีกว่าไร้แสงใดให้เหลือความหวัง
ไนท์เปิดไฟฉาย อย่างน้อยแสงสว่างของมันก็ช่วยให้เธออบอุ่นใจขึ้นได้มาก
ห้องที่พายและไนท์ยืนอยู่ในตอนนี้กว้างใหญ่ไม่เท่าห้องราชินี ฝาผนังห้องไม่มีภาพวาดแม้เพียงภาพเดียวทั้งๆที่ปกติในสุสานไอยคุปต์ควรจะมี ข้างผนังมีห่วงทองแดงรูปตัวยูแนวนอนฝังเข้าไปในเนื้อหินแข็ง น่าจะเคยใช้เป็นที่วางคบไฟ
"แปลกจังแฮะ"พายกอดตัวเองเพราะรู้สึกอากาศเริ่มหนาวยะเยือกขึ้นมาทีละน้อย
“อะไรแปลก ?” ไนท์ถามเพื่อนสาว
“ก็ที่โถงทางเดินข้างนอก แล้วก็ห้องราชินีน่ะนะ ฝุ่นจับเขรอะเลย แต่ในห้องนี้แทบจะไม่มีฝุ่น แปลกดีจัง”
นั่นสินะ...ไนท์กวาดไฟฉายไปรอบๆห้อง ที่นี่ไม่มีฝุ่นเลยจริงๆด้วย
แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องเก็บความสงสัยเอาไว้ก่อน ไนท์ยื่นกระบอกไฟฉายให้พายแล้วก็แยกกันไปสำรวจคนละมุมห้อง
ชายหนุ่มเดินฝ่าความมืด สายตาเริ่มปรับตัวให้มองเห็นสิ่งต่างๆรอบกายเป็นเงารางๆได้แล้วในตอนที่มันมองเห็นอะไรบางอย่าง
สิ่งนั้นมีรูปร่างยาวและค่อนข้างสูงเหมือนตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ที่ถูกใครจับวางนอน แต่แตกต่างกันตรงที่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าไนท์ไม่ใช่ตู้เสื้อผ้า ความเคยชินกับสุสานอียิปต์โบราณบอกไนท์ได้ทันที
มันคือโลงหินโบราณ
โลงหินนี้เหมือนจะเป็นจุดเดียวในห้องที่ถูกฝุ่นปกคลุมตามธรรมชาติ ปกปิดโลงเอาไว้ราวกับต้องการจะซ่อนความเป็นปริศนาเอาไว้ในความมืดมนของห้วงกาลเวลา
แม้ชายหนุ่มจะพยายามที่จะสั่งตัวเองไม่ให้ยุ่งกับมัน แต่อะไรบางอย่างบังคับให้เขาต้องยื่นมือออกไปปัดฝุ่นที่ปกคลุมโลงหิน
ฝุ่นเริ่มร่วงกระจายลงสู่พื้น ในขณะที่ความลึกลับที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้มานานนับสี่พันปีกำลังจะเปิดเผยสู่สายตาของไนท์
“ไนท์...” พายเดินตัดห้องกลับมาหาเมื่อค้นแล้วว่าไม่มีกลไกใดซุกซ่อนอยู่ แต่แล้วเธอก็ต้องร้องเสียงหลง “นั่นมัน...โลงศพอีกโลง !?”
“ใช่ “ ไนท์ตอบโดยที่ไม่ละสายตาจากภาพวาดที่วาดอัดแน่นอยู่ทุกตารางนิ้วบนผิวของโลงหินเนื้อหนา ช่างตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับฝาผนังหินเปล่าๆรอบด้าน
“ของใคร...”
“เราว่าน่าจะเป็นของนักบวช..นักบวชหญิง” ชายหนุ่มอ่านคำจารึกอักษรภาพฮีโรกลิฟฟิกพลางปัดฝุ่นออกจากภาพวาดใบหน้าหญิงสาวเจ้าของโลง แต่แล้วเขาก็ตกตะลึงจนตัวแข็ง มือที่กำลังปัดฝุ่นชะงักค้าง
“ไนท์ เป็นอะไร อ๊ะ !?” ดวงตาของพายเบิกกว้างเมื่อเห็นภาพใบหน้าบนฝาโลงหิน
อะไรกัน ... มันช่างดูคุ้นตาเสียเหลือเกิน
แน่สิ เพราะมันคือใบหน้าที่เห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันยามที่หญิงสาวส่องกระจก ใบหน้าที่เห็นจนชินตา
พายพยายามหลับตา สะบัดศีรษะไปมาแรงๆ พยายามบอกตัวเองว่าอาจจะตาฝาดไปก็ได้ แต่ทว่าโลงหินก็ยังทำหน้าที่เสมือนเป็นกระจกเงา ที่สะท้อนภาพใบหน้าของพายอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
ภาพวาดใบหน้าของเจ้าของโลงหินนั้นคือใบหน้าของพาย !
“หน้าเรานี่นา ! ” หญิงสาวอุทานด้วยน้ำเสียงตื่นตกใจ
“เป็นไปได้ยังไง ” ไนท์เองก็ดูตกใจไม่แพ้กัน
...ครืดดด...
เสียงครืดคราดที่น่าจะเป็นของหินเสียดสีกันดังขึ้นเบาๆ
“สะ เสียงอะไรน่ะ” พายหันมองรอบๆห้องอย่างหวาดกลัว
...ครืดด..ครืดดดดด...
เสียงประหลาดนั้นเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ใกล้ๆตัว
ฝาโลงศพหินเริ่มแง้มขึ้นทีละนิด..ทีละนิดอย่างยากลำบากเพราะผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน
แสงเจิดจ้าสีขาวอมส้มราวกับแสงอาทิตย์อันร้อนแรงลอดออกมาตามความกว้างที่ฝาโลงยกตัวแง้มขึ้น
พายและไนท์ได้แต่ยืนตกตะลึงตาค้างในสิ่งที่กำลังปรากฎอยู่ตรงหน้า ที่จริงไม่ว่าใครๆถ้าหากมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ สิ่งแรกที่ทำน่าจะเป็นการเผ่นหนี แต่ขาที่หนักอึ้งเหมือนถูกถ่วงด้วยหินสักร้อยตันคือสิ่งที่ขัดขวางทั้งคู่เอาไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้
แสงสว่างสีขาวเริ่มแทรกเข้าไปในทุกอณูความว่างเปล่าของห้องจนทั่ว โยงใยพันเกี่ยวคล้ายใยแมงมุม มันเจิดจ้าบาดตาและบาดลึกเข้าไปในหัวจนปวดร้าวแทบระเบิด เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดของพายดังสะท้อนกลับไปกลับมาในห้อง แต่สติอันพร่าเลือนของทั้งคู่กลับทำให้เสียงนั้นฟังดูห่างไกลเหลือเกิน
แล้วความรู้สึกของไนท์และพายก็ดิ่งวูบเหมือนถูกกระชากอย่างรุนแรงให้ร่วงลงสู่หุบเหวอันไร้ก้นบึ้ง โลกมืดลงราวกับถูกคลุมด้วยผืนผ้าแห่งรัตติกาล
แสงสว่างดับลง
ในห้องกลับว่างเปล่าไร้วี่แววโดยสิ้นเชิงว่าเคยมีผู้ใดย่างกรายเข้าไปข้างใน ฝุ่นที่ปกคลุมโลงหินไว้ยังคงหนาเตอะราวกับไม่เคยมีใครแตะต้องมันมาก่อนเลยนับตั้งแต่ห้องนี้ถูกปิดพร้อมสุสานราชินี...ที่สร้างเสร็จสิ้นเมื่อหลายพันปีก่อน
ความคิดเห็น