ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF]short fiction by tokibyul

    ลำดับตอนที่ #2 : (shinee) เพิ่งรู้ว่า...รัก [minho x key]

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.ย. 55


    Title: เพิ่งรู้ว่า...รัก
    Pairing: minho x key
     
    Note: เรื่องนี้เป็นฟิคเรื่องแรกที่จบเลยมั้งถ้าจำไม่ผิด555
    ชอบมินคีย์มากกก ~ หลงความหล่อของมินโฮและความสวยของคีย์ -//-
    ถึงแม้ว่าวงนี้เราจะไม่ได้ตั้งตัวว่าตัวเองเป็นชยาวอลก็ตามเนอะ 
     
    ขอบคุณทุกคนที่กดเข้ามานะคะ 
     - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - 
     
     
    “ผมรักคุณนะ” ชายร่างสูงกล่าวก่อนจะสาวเท้าเข้ามาใกล้ๆหญิงสาว พร้อมคุกเข่าลงตรงหน้า
     
     
    “แต่เรารักกันไม่ได้คุณก็รู้หนิ ฉันรักเขาจน จน….ไม่อาจลืมเขาได้จริงๆ”น้ำตาที่เอ่อล้นออกมาไหลผ่านใบหน้าคมเนียน หยดลงบนพื้นหญ้าข้างหน้าชายหนุ่ม หญิงสาวยกมือขึ้นปาดน้ำตาอย่างลวกๆ ก่อนจะเริ่มออกวิ่ง ไปในที่ๆเขาไม่อาจตามไปได้…
     
     
    ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาช้าๆ ไมมีแม้แต่น้ำตาซักหยดเดียวไหลออกมา มือที่สั่นเทายกขึ้นมาทาบที่หัวใจ เพื่อให้ได้รับรู้ว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่
     
     
    เจ็บ เจ็บจนร้องไห้ไม่ออก แผลมันบาดลึกเกินกว่าที่ร่างกายจะสามารถบังคับน้ำตาให้ไหลออกมา
    “แบบนี้หรือเปล่าที่เรียกว่า เจ็บเจียนตาย”
     
     
     
     
     
    “หึ โง่ชะมัด”เสียงเยาะเย้ยออกมาจากริมฝีปากบาง ขัดแย้งกับท่าทางที่ยกนิ้วเรียวขึ้นมาปาดน้ำตา ดวงตาแดงช้ำแสดงให้เห็นว่าเริ่มร้องไห้ได้ซักพัก หรือ อาจจะตั้งแต่แรก?
     
     
    “โอป้า ! ตื่นได้แล้ว พี่คีย์รออยู่ รู้จักเวลาบ้างสิ” เสียงดังโวยวายที่ดังมาจากในห้อง ทำให้ ‘คิมคิบอม’ เลิกสนใจทีวีข้างหน้า แล้วหันมานับหนึ่งในใจแทน
     
     
     
    หนึ่ง
     
     
     
    “มินโฮ นี่วันเกิดชอลลี่นะ ตื่นขึ้นมาได้แล้ว !”
     
     
     
    สอง
     
     
     
     
    “ถ้าพี่ยังไม่ตื่น ฉันจะไปเที่ยวกับพี่คีย์สองคนจริงๆ”
     
    สาม
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    หมดเวลาแล้วสิ
     
     
     
    “ซอลลี่พอเถอะ เดี๋ยวพี่จัดการไอ้ขี้เซานี่ต่อเอง”
     
     
    ซ่า ! 
     
     
    หวังว่าน้ำจากโถส้วมที่เสียมือไปตักมาจะใช้ปลุกร่างสูงที่ขี้เกียจสุดๆนั่นได้ผล ตื่นซักทีเหอะ เขาเริ่มอารมณ์เสียแล้วนะ
     
     
    “วันเกิดน้องสาวนายนะ! ตื่นขึ้นมาแสดงความรักกับน้องเดี๋ยวนี้  รู้มั้ยว่าความรักที่ผิดหวัง รักใครซักคนแต่อีกคนไม่คิดแม้แต่จะแยแสมัน มันเจ็บปวดขนาดไหน” ร่างบางยกมือขึ้นปาดน้ำตาอีกครั้ง ก่อนจะรีบเดินออกไปจากห้อง ปล่อยให้จำเลยมองหน้าน้องสาวอย่าง งงๆ 
     
     
    “เขาเป็นอะไรน่ะ ?”
     
     
    “ซอลลี่ก็ไม่รู้ ^^;”
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    “ว้าวววว!~ ไม่ได้มานานแล้วนะเนี่ย > < “เสียงจากสาวคนเดียวในทริปดังขึ้นอย่างดีใจเมื่อได้มายืนอยู่ในสวนสนุกแห่งหนึ่งในเกาหลี
     
     
    “จริงด้วย จะเริ่มเล่นอะไรก่อนดีละซอลลี่”
     
     
    “รถไฟเหาะดีมั้ย^___^”
     
     
    “ดีๆ ไปกันเหอะ”
     
    ชเวมินโฮส่ายหน้ากับความไม่รู้จักโตของเพื่อนและน้องสาว ไม่โตกันจริงๆแฮะ -_-
     
     
    “คีย์นั่งกับซอลลี่ละกันเดี๋ยวฉันนั่งข้างหลังเอง”
     
     
    “ไม่ๆๆ ไม่เป็นไร พี่น้องต้องนั่งด้วยกัน เดี๋ยวฉันนั่งข้างหลังเองก็ได้ แค่นั่งรถไฟเหาะเอง แป๊บเดียว”
     
     
    “เอางั้นหรอคีย์ อืมก็ได้ ซอลลี่นั่งนี่ๆๆ” พี่ชายผู้แสนดีตบเก้าอี้ข้างๆตัวเองให้น้องสาวนั่ง 
     
     
    “ผมขอนั่งด้วยคนนะครับ ^^”เสียงเข้มๆ จากด้านหลังทำให้มินโฮหันกลับไปมอง ผู้ชายผิวสีแทน หน้าตาหล่อเหลา สูงประมาณเดียวกับเขาได้ กำลังยืนยิ้มให้คีย์และขอนั่งข้างๆคีย์อย่างมีมารยาท มีมารยาทงั้นหรอ เหอะ ! วิธีการจีบแขนงนึงชัดๆ 
     
     
    “เชิญเลยฮะๆ” คีย์ผู้ไม่รู้อะไร ก็ยกมือผายเชิญให้ผู้ชายคนนั้นนั่งลงที่ข้างๆตัวเอง 
     
     
    “ผมชื่อ…”
     
     
    “คีย์ เสร็จแล้วไปไหนต่อดี ?” คีย์หันมามองหน้ามินโฮอย่างต่อว่า ไร้มารยาทจริงเลย ไปพูดแทรกคนอื่นเขาทำไมกัน -0- แต่ก็ใช่ว่าคนอย่างมินโฮจะสำนึกสักหน่อย จริงมั้ย 
     
     
     
    “ชื่อคีย์หรอครับ ชื่อน่า…”
     
     
     
    “งั้นไปเล่นล่องแก่งกันมั้ย เห็นเขาบอกกันว่าที่นี่ล่องแก่งสนุ๊กกสนุกนะ”มินโฮยักคิ้วให้คนข้างหลังอย่างกวนๆ ประกาศกันให้รู้กันไปเลย ว่า เขา ไม่ ชอบ ! 
     
     
     
    “พี่ หันกลับมาได้แล้ว รถไฟมันกำลัง กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ~ “
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    “แฮกๆ เจ็บคอ”
     
     
    “ผมขอโทษคีย์อีกครั้งนะครับที่ผมเผลอจับมือคุณ พอดีผมขี้กลัวน่ะครับ^^;”
     
     
    “ตัวก็ใหญ่ทำมาขี้กลัว หาเรื่องแต๊ะอั๋งคีย์ชัดๆ” คีย์ตวัดสายตาขุ่นๆไปที่มินโฮ ตอนเช้าก็ยังดีๆ ตอนนี้เกิดบ้าอะไรเนี่ย กวนประสาทคนอื่นเขาไปทั่ว เมื่อร่างสูงเห็นสายตาไม่เป็นมิตรก็ได้แต่ทำลอยหน้าลอยตาไม่รู้ไม่ชี้ต่อไป มันน่าโมโหนักนะ แบบนี้ ชเวมินโฮ -_- +
     
     
    “ขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยนะฮะ แล้วก็ไม่เป็นไรหรอกครับเรื่องจับ ผมเข้าใจว่าคุณกลัว”
     
     
     
    “ผมก็ไม่ถือสาเพื่อนคุณหรอกครับ ยังไงก็ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคีย์” หลังจากที่ล่ำลาเพื่อนใหม่เรียบร้อย คีย์ก็หันไปหาเพื่อนตัวดี แต่กลับกลายเป็นว่า ทุกคนหายไปกันหมดแล้ว หายไปไหนกันนะ
     
     
     
    “โทรศัพท์ ใช่ๆ โทรศัพท์” มือเรียวรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง หวังจะพึ่งมันในตอนที่เขาหาใครไม่เจอ
     
     
    “แบตหมด (ตามสไตล์) ให้ตายดิ” แต่แล้วก็ต้องผิดหวัง เพราะว่าที่พึ่งสุดท้ายกลับตายจากเขาไป ทิ้งกันแบบดื้อๆ แล้วจะทำยังไงต่อไปล่ะทีนี้ T T
     
     
    บ๊อกบ๊อก
     
     
    “เอ๊ะ” หมาสีขาวขนปุกปุยตัวเล็กๆจ้องมองเขาตาแป๋ว พร้อมส่ายหางไปมา หมาใครเนี่ย น่ารักจัง 
     
     
    “ไฮเจ้าตัวเล็ก~ แกมาจากไหน อ๋อ คงหลงทางมาใช่มั้ย ฉันก็กำลังหลงทางเหมือนกัน เราไปตามหาด้วยกันมั้ย ?”  คีย์มองซ้ายมองขวาเพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าของหมาน้อยตัวนี้ไม่ได้อยู่แถวนี้จริงๆก่อนจะอุ้มน้องหมาตรงหน้าขึ้นแล้วออกเดินไปข้างหน้า
     
     
    “เราไปขึ้นชิงช้าสวรรค์ดีมั้ย เผื่อว่าเราจะได้เห็นอะไรกว้างๆไง~”เขาชี้มือไปทางชิงช้าสวรรค์ แล้วมุ่งหน้าเดินไปทางนั้น ถึงกับทำให้คนเดินตามห่างๆเริ่มสงสัย จะไปไหนของเขาเนี่ย 
     
     
    บ๊อกบ๊อกบ๊อก!!
     
     
    “เห่าอะไรเจ้าหนู?” ร่างบางหันหลังกลับไปตามหน้าของเจ้าหมาน้อยน่ารักที่สงสัยว่าจะเจออะไรถูกใจซะละมั้ง
     
     
    ผู้ชายผมทอง ดวงตาคม จมูกโด่งจนแทบทิ่มหน้า กับปากที่ดูเข้ารูป ตัวสูงกว่าเขาเกือบหนึ่งหัว แต่งตัวด้วยชุดเรียบง่าย เสื้อเชิ้ต กางเกงขายาว แต่กลับดูหรู เมื่ออยู่ในร่างกายของคนคนนี้ มีเสน่ห์ชะมัดเลยแฮะ 
     
     
    “เขาเห่าผมเอง”
     
     
    “เอ่อ ของคุณหรอฮะ ? “ร่างเล็กเกาหัวแก้เขินที่ไปพาหมาของคุณสุดหล่อคนนี้มาโดยพลการ
     
     
    “ของผมเองครับ ถ้างั้นผมขอ..”
     
     
    “ขอหมาคืนใช่มั้ยฮะ แฮะๆ ^^;”
    ร่างสูงรับหมาคืนก่อนจะเอ่ยถามเบาๆ 
     
     
    “แล้วคุณมาคนเดียว?”
     
     
    “มากับเพื่อนฮะ แต่ผมหาไม่เจอแล้วล่ะ กะว่าจะขึ้นชิงช้าสวรรค์ซะหน่อย เผื่อว่ามุมสูงจะช่วยอะไรได้บ้าง”คีย์ยิ้ม ยิ้มแบบที่ไม่รู้ว่ามันจะไปสั่นหัวใจใครหรือปล่า คนตรงหน้าพยักหน้าทำหน้าเหมือนได้คลายความสงสัยมานานว่าที่เขาเดินเนี่ย เดินไปไหน 
     
     
    “งั้นเดี๋ยวผมไปช่วยหา ตอบแทนที่คุณช่วยหาคาอึล” คนตัวสูงกว่าจูงร่างบางไปทางชิงช้าสวรรค์ ไม่รอคำตอบรับหรือปฏิเสธ 
     
     
    “โชว์บัตรให้เขาดูด้วย อ่อ ผมฝากคาอึลด้วยนะครับ”คุณผมทองหันมาพูดกับคีย์แป๊บนึงก่อนจะหันไปพูดกับคนควบคุมที่ยืนเปิดประตูอยู่ แล้วเดินผ่านเข้ามาด้านในโดยไม่ได้หยิบเงินหรือโชว์บัตรให้เจ้าหน้าที่เลยแม้แต่น้อย 
    เขาให้ฝากหมากันแบบนี้ด้วยหรอ?
     
     
     
    ร่างสูงก้าวขึ้นมาบนห้องเล็กๆที่เตรียมจะหมุนให้ได้ชื่นชมวิวเกือบทั้งสวนสนุก ก่อนจะผายมือชวนคีย์ให้ขึ้นตามมานั่งฝั่งตรงข้าม ร่างบางมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างตื่นเต้น ทำให้คนที่แอบนั่งดูอยู่เงียบๆ อมยิ้มกับท่าทางน่ารักนั่น
     
     
    “ผมดงอุน ยินดีที่ได้รู้จักครับคีย์”
     
     
    “คุณรู้จักผมด้วยหรอฮะ”หน้าตาเหลอหลาทำให้ดงอุนหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
     
     
    “ผมเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนคุณไง แต่ก่อนไว้ผมดำคุณอาจจะจำไม่ได้ คนที่เคยต่อยกับคนอื่นไปทั่ว รวมทั้งชอบต่อยกับมินโฮ เพื่อนสนิทของคุณด้วย”
     
     
    “พี่ดงอุน ! จำได้แล้ว ผมยังสงสัยอยู่เลยนะว่าทำไมพี่ถึงชอบต่อยกับมินโฮนัก อ่อ แล้วพี่ไม่จ่ายตังเขาหรอครับ แถมยังฝากหมาไว้ที่เขาแบบนั้นอีก” เมื่อได้ยินแบบนั้นยิ่งทำให้ดงอุนหัวเราะดังขึ้นอีก ใครว่าเขาไม่จ่ายตังกัน ?
     
     
    “ผมจ่ายตังเขาทุกเดือนอยู่แล้วครับ”
     
     
    “พี่เหมามาทุกเดือนเลยหรอครับ *0*” ความซื่อของคนแบบนี้ ทำให้เขามีความสุข ดีกว่าต้องเจอแต่คนที่ใส่หน้ากากเข้าหากันเป็นไหนๆ
     
     
    “ผมจ่ายเงินเดือนให้พวกเขาต่างหาก^^”รอยยิ้มที่ภูมิฐาน ทำให้คีย์อ้างปากค้างกับการรับรู้แบบกะทันหันว่าพี่คนนี้ คนที่เขาคุยด้วย แถมยังหาว่าเขาไม่จ่ายตัง ที่แท้แล้วเป็นเจ้าของที่นี่ เจ้าของสวนสนุกเลยนะ น่าอายมากคีย์ T T
     
     
    “ขอโทษฮะ ผมไม่รู้ (. .)”
     
     
    “ไม่เป็นไรครับ หาเพื่อนคีย์ต่อเถอะ”คนหน้าแดงเล็กๆหันกลับออกไปมองนอกหน้าต่างอีกครั้ง หวังว่านั้นจะทำให้เขาอายน้อยกว่านี้หน่อย
     
     
    “เอ๊ะ นั่นไงๆ ยืนหันซ้ายหันขวาอยู่ใกล้ๆม้าหมุน”
     
     
    “มากับมินโฮนั่นเอง แต่คงต้องรอให้จบรอบก่อนนะ”
     
     
    “อ่า ครับ แล้วตกลงทำไม พี่ชอบต่อยกับมินโฮหรอครับ ?”
     
     
    ดงอุนอมยิ้มเล็กๆ เมื่อคิดถึงความหลังเมื่อไม่นานมานี้ที่เหมือนกับว่าเขาต้องต่อยกับรุ่นน้องคนนี้แทบทุกวัน ทำไมน่ะหรอ …
     
     
    “เพราะพี่เคยชอบคีย์ไง และมินโฮมันก็ชอบคีย์เหมือนกัน ที่เราต่อยกันเพราะแบบนี้แหละ พี่หาทางจะไปบอกคีย์หลายครั้ง แต่ก็ถูกเจ้านั่นขัดขวางตลอด นึกแล้วยังเจ็บใจไม่หาย”ร่างบางที่นั่งฟังคำตอบเงียบๆถึงกับตะลึงอึ้งไป รุ่นพี่ชอบเขา แล้วมินโฮ มินโฮก็ชอบเขาจริงหรอเนี่ย ไม่เคยรู้เลยแฮะ 
     
     
    “ทำไมผมไม่เคยรู้…”
     
     
    “มินโฮมันอาจจะกลัวอะไรบางอย่าง...ถึงแล้วรีบลงเถอะ มินโฮคงรอแย่แล้ว หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะ”
     
     
    “ขอบคุณมากครับรุ่นพื่ ไปก่อนนะฮะ บ๊ายบาย ^__^” มินโฮมองคนสองคนที่โบกมือล่ำลากันอย่างสงสัย ปนไม่พอใจ ใครกัน เดินมาส่งคีย์ 
     
     
    “ใครน่ะ”
     
     
    “ทำเสียงโหดเชียว ศัตรูเก่านายไง รุ่นพี่ดงอุน”
     
     
    “ไอ้ดงอุนอะนะ !! แล้วมันทำไรแกมั้ย?”ไม่พูดเปล่า มินโฮก็จับร่างกายคีย์หมุนไปหมุนมาราวกับว่านุ่นพี่คนนั้นจะจับคีย์ไปต่อยตี ทำร้ายร่างกายร้ายแรง หลังจากที่เช็คร่างกายเสร็จแล้วไม่พบสิ่งใดผิดปรกติ มินโฮจึงถอนหายใจและพาคีย์ไปที่ม้าหมุนตรงที่ซอลลี่ต่อแถวรอไว้ก่อนแล้ว ปล่อยให้ร่างบางหน้าแดง เพราะอาการห่วงเกินเหตุเงียบๆ 
     
     
    “พี่คีย์หายไปไหนมา รู้เปล่าว่าพี่มินโฮอ่ะ ห่วงจะแย่ โทรศัพท์ก็ปิดเครื่อง”
     
     
    “พะพอดีแบตมันหมดน่ะ (.///.)”
     
     
    ~หมดรอบแล้วคร๊าบบบ เชิญรอบต่อไปขึ้นมาได้แล้วฮะ คนลงไปทางซ้ายมือ คนขึ้นขวามือเลยครับผม ~ 
     
     
    ทุกคนรีบพาลูกหลานกรูขึ้นไปราวกับว่ามันกำลังจะหายไป พอคีย์ มินโฮ และซอลลี่ขึ้นมา ทำให้เหลือม้าเพียงแค่สองตัวสำหรับพวกเขาสามคน
     
     
    “เดี๋ยวฉันไปรอข้างล่างก็ได้ แกเล่นกับน้องเหอะ”
     
     
    “เอางี้ละกัน…”มินโฮดันซอลลี่ขึ้นไปบนม้าตัวนึงก่อนจะดันให้คีย์ขึ้นไปบนม้าอีกตัวหนึ่ง แล้วเขาจึงตามขึ้นไปบนม้าซ้อนหลังคีย์อีกทีนึง
     
     
    ความรู้สึกที่ว่าหลังตัวเองชนกับแผงอกของใครบางคนข้างหลัง ทำให้คีย์หน้าแดง ประกอบกับคำพูดของพี่ดงอุนที่เพิ่งพูดไปหยกๆ
     
     
    “เพราะพี่เคยชอบคีย์ไง และมินโฮมันก็ชอบคีย์เหมือนกัน ที่เราต่อยกันเพราะแบบนี้แหละ พี่หาทางจะไปบอกคีย์หลายครั้ง แต่ก็ถูกเจ้านั่นขัดขวางตลอด  นึกแล้วยังเจ็บใจไม่หาย”
     
     
    ชอบ…มินโฮชอบเรา ชอบเรา โอ๊ย เขินจะบ้าแล้วนะ ! 
     
     
    “นี่ถอยห่างออกไปหน่อยสิ”
     
     
    “ถอยอีกนิดนึงฉันก็ตกแล้วนะ คีย์อยากให้ฉันตกหรอ ?”
     
     
    “ก็ปะเปล่า แต่มันชิดไปนะ แล้วนี่จะยิ่งขยับขึ้นมาอีกทำไมเนี่ย ! “ ยิ่งพูดก็เหมือนยิ่งยุ ร่างที่ว่าชิดกันอยู่แล้ว คนตัวโตก็ยิ่งขยับเข้ามา จนแทบจะไม่มีช่องว่างเหลืออยู่แล้ว โอกาสที่จะได้ใกล้ชิดคนที่แอบมองมาเป็นปีๆแบบมากกว่าเพื่อนเนี่ย ไม่ได้หาง่ายๆ เพราะยิ่งเป็นเพื่อน ก็ยิ่งกลัวว่าถ้าคนตรงหน้ารู้ความรู้สึกของตัวเองแล้ว อาจจะยิ่งทำให้ห่างไกลกันกว่าเดิม
     
     
    ตึก ตึก ตึก  ตึก
     
     
    เสียงหัวใจของคนข้างหลังทำให้คีย์รู้ว่ามินโฮต้องเก็บอาการแค่ไหนที่จะไม่แสดงท่าทางมากกว่าเพื่อนออกมา เขาไม่น่าฟอร์มเยอะเลยจริงๆ ทั้งๆที่ก็ชอบคนข้างหลังมานานไม่น้อยไปกว่ากันเลย 
     
     
    “นี่”คีย์หันหน้าไปหวังจะบอกให้คนข้างหลังขยับตัวออกนิดนึง แต่ว่าใบหน้าที่อยู่ห่างกันน้อยมาอยู่แล้ว ทำให้ปลายจมูกเฉียดกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ
     
     
    “ขะขอโทษคีย์”
     
     
    “อืม ไม่เป็นไร ฉันกลัวตก ช่วยจับฉันไว้หน่อยได้มั้ย?” จากที่จะให้เขยิบออกไปพอเห็นหน้าอีกคนจึงเปลี่ยนใจ จับมือทั้งสองข้างของคนข้างหลัง ก่อนจะให้มือของเขาโอบกับเอวของตัวเองไว้ ไม่รู้เลยเลยใช่มั้ย ทำแบบนี้ทำให้ใครทรมานบ้างนะฮะ!!
     
     
    มินโฮออกแรงรัด(ที่เหมือนจะเป็น)อ้อมกอดนั่นมากขึ้นอีก ไหนๆโอกาสก็มาแล้ว ก็ขอหน่อยแล้วกันวะ เผื่อว่าหลังจากนี้ไป สิ่งที่อยู่ในใจมานานอาจจะได้รับการตอบรับจากคนตรงหน้า
     
     
    ผู้หญิงอีกคนที่มาด้วยมองพี่ชายกับเพื่อนของพี่ชายยิ้มๆ แขนที่รัดตัวของเพื่อนพี่ชาย ดูแล้วอย่างกับเป็นแฟนกัน  ว่าแล้วไง ลงเอยอีหรอบนี้ เชียร์มาตั้งนาน รู้มาก็ตั้งนานว่าพี่ชายของเราคิดยังไง ก็เหลือแต่ใจของพี่อีกคน ที่ไม่รู้เหมือนกันนะ ว่าจะตอบรับหรือปฏิเสธกันแน่
     
     
    “แต่ถ้าสวีทกันแบบนี้แล้ว คำตอบก็คงไม่แคล้วเป็นที่น่าพอใจ ฮ่าฮ่า”
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    “พี่คีย์ ~ วันนี้นอนด้วยกันที่นี่เหอะนะ *0* พ่อแม่ไม่อยู่ พี่นอนกับพี่มินโฮก็ได้ นะนะนะ”แขนที่ถูกเขย่าอย่างแรง สั่นไปตามแรงดึง จะให้นอนด้วยกันได้ไงเล่า ตอนนี้รู้หมดแล้วว่าเขาคิดยังไง ถึงแม้จะหลับมาข้างๆกันตั้งแต่เด็กก็เหอะ พอมาตอนนี้ เขินชะมัด
     
     
    “คีย์นอนนี่แน่ซอลลี่ไม่ต้องห่วง บ้านเราก็ใหญ่นอนก็บ่อยจนชินแล้ว สะดวกสบาย แต่ถ้ากลัวคุณน้าจะว่า ไม่เป็นไร ขอเดี๋ยวนี้แหละ” มินโฮจิ้มนิ้วลงไปในโทรศัพท์สายด่วนหมายเลข 5 ‘แม่ของคีย์ ‘
     
     
    “คุณน้าหรอครับ วันนี้กลับจากเที่ยวแล้ว คีย์เหนื่อยมากเลยผมเลยจะขออนุญาตให้คีย์นอนนี่นะครับ โอเคครับ ขอบคุณครับ”
     
     
    “มัดมือชกกันทั้งพี่ทั้งน้อง”ขาสั้นๆรีบก้าวเดินขึ้นไปบนห้องนอนของเพื่อนที่สนิทกันมากกกก ~ จนเรียกได้ว่ารู้ใจกันทุกเรื่อง แต่เพิ่งจะรู้เรื่องสำคัญที่สุด ก็วันนี้แหละ เพิ่งวันนี้เอง!! 
     
     
    “คนอย่างนายนี่มัน !!!~”
     
     
    “คนอย่างฉันทำไมหรอ ?” ร่างสูงที่เผอิญได้ยินเสียงนินทามาจากในห้องของตัวเอง ก็เดินเข้ามา ก่อนจะเอามือขวางข้างตัวของร่างบางเอาไว้
     
     
    “ก็…ป๊อด”
     
     
    “ป๊อดยังไง”
     
     
    ลมหายใจที่ค่อยๆเคลื่อนเข้ามา หน้าของร่างสูงที่ค่อยซูมเข้า ทำให้หัวใจที่เต้นเร็วอยู่แล้ว ยิ่งจะกระเด็นออกจากอก 
     
     
    “พี่คีย์ มา …โอ๊ะ “
     
     
    เสียงซอลลี่ทำให้ร่างบางที่อยู่อ้อมกอดของร่างสูงรู้สึกตัว ก่อนจะรีบมุดหนีออกไป
     
     
    “ซอลลี่ !!!!!!!!!! “
     
    “เค้าขอโต๊ด -/ \-“
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    “โอ๊ยย ! เป็นอะไรเนี่ยคีย์ หนาวก็หนาวทำไมไม่เข้าบ้าน” ขาที่จุ่มอยู่ในสระว่ายน้ำ เตะขึ้นลงไปมา ราวกับว่า แค่สะบัดขาจะสามารถสะบัด ความคิดที่มีอยู่ตอนนี้ได้ ให้ตายสิ มาทนหนาวแค่เพราะไม่อยากเจอหน้าเจ้าของบ้านแค่นี้เนี่ยนะ ไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย  แต่ทำไงได้ พอเจอแล้ว ก็ทำหน้าไม่ถูก ไม่รู้จะพูดอะไร มือไม้สั่น ทั้งๆที่อยู่เป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายปีแล้วแท้ๆ 
     
     
    “เรื่องแค่นี้ทำไมไม่บอกกันเล่า ให้มันจบๆไป จะได้ไม่ต้องมานั่งเครียด โอ๊ย โมโห” ขาขวาฟาดลงไปในน้ำแบบระบายอารมณ์โดยไม่ได้คิด
     
     
    ซ่า ! 
     
     
    “เฮ้ย เปียกอ่ะ ทำไงดี ไม่น่าเตะเลยเรา”
     
     
    “ถ้าเปียกถ้าหนาว ก็เข้ามาอยู่ในบ้านสิครับ คุณคิมคีย์บอม จะอยู่นอกบ้านให้ยุงมันตอมหรือไง”เสียงพูดแบบกวนๆเป็นเอกลักษณ์ทำให้ร่างบางสะดุ้งเฮือก ก่อนจะนั่งตัวเกร็งเมื่อคนที่ไล่เขาเข้าบ้าน กลับลงมานั่งเอาเท้าจุ่มน้ำข้างๆ 
     
     
    “เป็นอะไร ? วันนี้แปลกทั้งวันเลยนะ ทำอย่างกับว่า ’ ระแวง ‘ใครอย่างนั้นแหละ” เขาระแวงอะไรที่ไหนเล่า ก็แค่กลัวเท่านั้นเอง มิน่าล่ะคนถึงชอบบอกว่าบางเรื่องไม่รู้ยังดีกว่า มันเป็นแบบนี้นี่เองสินะ
     
     
    “ปะเปล่าซักหน่อย นายน่ะ คิดไปเอง -*- ”
     
     
    “งั้นหรอ ? อืม แล้ววันนี้เจอดงอุน คุยไรกันมั่งล่ะ”
     
     
    คนฟังเบิกตากว้างเมื่อคิดถึงบทสนทนาที่เขาคุยกับพี่ดงอุน จะมาถามอะไรตอนนี้ ตอนที่เขาไม่รู้ ว่าจะตอบคำถามนั้นว่ายังไง ...
     
     
    “เขา...บอกว่าเขาเคยชอบฉัน (‘ ‘ )” คีย์ลอบสังเกตกิริยาคนข้างๆ ที่ดูเหมือนจะเก็บอาการได้ดีมาก ก่อนจะหันกลับมาพูดต่อ 
     
     
    “และเขาก็ยังบอกอีกว่าเขาหาทางมาสารภาพกับฉันหลายครั้ง แต่ว่าก็มีคนขัดขวางตลอด ในฐานะที่นายเป็นเพื่อนสนิทฉันมานานนะ ฉันอยากรู้จังว่าเขาเป็นใคร ? นายรู้มั้ย ? “ มินโฮหันมาจ้องคีย์ สายตาที่ทำเขาหวั่นไหวหลายครั้ง เบือนหนีไปจ้องมองน้ำข้างหน้า ปากที่ขยับเหมือนจะพูดอะไรหลายครั้ง แต่กับไม่มีเสียงออกมาเลยสักครั้งเดียว ร่างบางถอนหายใจออกมา ก่อนจะลุกขึ้น
     
     
    “นายมันก็แบบนี้...ไปละ”
     
     
    “หรือว่าเขาจะรู้...บ้าน่า”
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    “นี่มันโง่ หรือเราบ้าวะเนี่ย” ร่างบางนั่งขัดสมาธิลงบนเตียงของเจ้าของบ้าน กอดอกแน่น เม้มปากไว้ ครุ่นคิดกับเรื่องในวันนี้ ที่ชักจะปวดหัวขึ้นไปทุกที หลังจากหนีขึ้นมาบนห้อง ก่อนจะลงไปสระว่ายน้ำ แล้วสุดท้ายก็ยังต้องหนีมาบนห้องอีกจนได้ เฮ้อ ...
     
     
    “ฉันคงโง่เองแหละ”
     
     
    “ทำไมชอบโผล่เข้ามาเงียบๆอยู่เรื่อย ตกใจเป็นนะเว้ย ไอ้บ้า” หมอนที่วางอยู่บนเตียงถึงคราวใช้ให้เป็นประโยชน์ ลอยไปหาคนที่เข้ามาใหม่
     
     
    “ฉันโง่เองจริงๆนะ” ร่างสูงรับหมอนที่ปามาแล้วเดินไปนั่งบนเตียง วางหมอนไว้ที่เดิม ก่อนจะหันไปมองร่างบางที่กำลังจ้องมองตัวเองอย่างสงสัยในคำพูด 
     
     
    “มินโฮมันอาจจะกลัวอะไรบางอย่าง ถึงแล้วรีบลงเถอะ มินโฮคงรอแย่แล้ว หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะ”
     
     
    “กลัวอะไรอยู่ ?” บทสนทนาที่เปลี่ยนเรื่องไรอย่างฉับพลัน ทำให้ร่างสูงขมวดคิ้ว กลัวหรอ หมายถึง กลัวอะไร ? 
     
     
    “กลัว ?” 
     
     
    “แล้วถ้างั้น นาย...โง่ยังไง ?”
     
     
    “ไม่รู้สิ” 
     
     
    “ฮึ่ย นายนี่ !”ร่างบางกรอกตาไปมาก่อนที่จะลุกหนี ถูกร่างสูงคว้ามือดึงให้มาปะทะกับอกกว้าง คนตัวสูง ก้มลงไปกระซิบที่ข้างหู ทำอะไรเนี่ย เขาขนลุกแล้วนะ 
     
     
    “เดินหนีขึ้นมา แล้วยังจะเดินหนีออกไปอีกหรอ  ? หืม” 
     
     
    “อะไรของนายเล่า-///- เอาหน้าออกไปเลยนะ !”
     
     
    “ทำไม ? เพื่อนกันแกล้งนิดแกล้งหน่อยไม่ได้หรอ ?”มินโฮยกมุมปากขึ้นข้างนึงก่อนจะยักไหล่เป็นเชิงบอกว่าล้อเล่นจริงๆ เมื่อคนที่ได้ฟังถึงกับชักสีหน้า ก็ยิ่งทำให้เขาแน่ใจขึ้นไปอีก ...คงรู้แล้วสินะ
     
     
    “โอ๊ย วันนี้นายเป็นอะไรฮะ ชเวมินโฮ !!” 
     
     
    ชอบมาทำให้หวั่นไหว...ชอบมาอยู่ใกล้เกินปกติ..ชอบแกล้ง...ถึงแม้จะยังโง่ไม่ยอมพูดมันออกมาก็ตาม เหอะ -3-
     
     
    “ก็ไม่ได้เป็นอะไรนะ เป็นเหมือนเดิม เป็นคนที่แอบชอบเพื่อนตัวเองมาตั้งนาน”
     
     
    “นะนาย O___O !” ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจมาแล้ว แต่ได้ยินจากปากเจ้าตัวเอง ความรู้สึก มันช่างแตกต่างกันราวกับฟ้ากับเหว ความรู้สึกตกใจ กับความรู้สึกที่ดูเหมือนว่าหัวใจจะทำงานหนักเหลือเกิน
     
     
    “อยากได้ยินคำนี้ไม่ใช่หรอไง ?”
     
     
    “อะไรใครบอกไม่มีเหอะ-////-“
     
     
    “ฉันเป็นเพื่อนนายมากี่ปีกันล่ะ หน้านายดูออกง่ายจะตาย แถมตอนนี้ยังรู้อีกนะ ว่านายน่ะ...เขิน” คำพูดนั่นยิ่งทำให้คนที่เขินอยู่แล้ว แก้มยิ่งแดงขึ้นไปอีก 
     
     
    “เมื่อกี้ ฉันแค่แกล้งนายเล่นเท่านั้นแหละ” ที่ว่าแกล้งเล่นเรื่องไหนกันแน่ล่ะ .... ชเวมินโฮ
     
     
    “เรื่องบอกว่าชอบมาหลายปี หรือว่าเรื่องอื่น”
     
     
    “ฉันว่านายคงรู้อยู่แก่ใจนะ ไอ้ดงอุนนั่นคงบอกอะไรนายมาล่ะสิ ? ”
     
     
    “พี่เขาบอกฉันแล้วยังไง ? ถ้าฉันไม่รู้นายก็จะไม่บอกฉันไปจนวันตายเลยหรือไง”
     
     
    “นายคงไม่รู้ว่าฉันอึดอัดใจแค่ไหนกับการที่ต้องอยู่ในฐานะนี้มาตลอด อย่างที่ว่าฉันอาจจะกลัว กลัวว่าถ้าสิ่งที่อยู่ในใจฉันถูกเผยออกไป สิ่งที่ตอบกลับมา อาจจะไม่ใช่ว่านายจะรักฉันเสมอไปหนิจริงมั้ย ? ไม่แน่ถ้าฉันบอกเร็วกว่านี้นายอาจจะหนีฉันไป หรือไม่ก็รังเกียจไม่เข้าใกล้ฉันไปจนตายเลยก็ได้”
     
     
    “ไหนบอกว่าหน้าฉันดูออกง่ายไง แค่นี้ก็ไม่รู้หรอ ว่าฉันคิดยังไง อยากให้มันเป็นยังไง”
     
     
    “รู้สิ อยากให้ ..... ....... ฉันจุ๊บใช่มั้ย” 
     
     
    “ไอ้บ้ามิน ฮ - !!!!!!!!!!!!!!!!!” เสียงตะโกนด่าหยุดลงไป โดยมีสัมผัสที่ริมฝีปากเข้ามาแทนที่ สัมผัสที่ต้องการ อยากได้มากขึ้น มากขึ้น  
     
     
    “อื้อ” ลิ้นของร่างสูงเลียที่ริมฝีปากบางเป็นสัญญาณว่าอยากจะรุกล้ำเข้าไป คีย์เผยอริมฝีปากขึ้นเมื่อเริ่มหมดอากาศหายใจ ทำให้คำขอร้องนั้นได้ผล ร่างสูงจาบจ้วงเอาจูบจากร่างบางอีกนาน จนร่างบางเริ่มทนไม่ไหว ตีที่ไหล่หนาแรงๆ
     
     
    “แฮก ! หายใจไม่ออกแล้ว...”เสียงหอบตัวโยนเนื่องจากขาดอากาศหายใจ ทำให้มินโฮยกยิ้มมุมปากขึ้นมา ก็น่ารักแบบนี้หนิ ใครจะไปอดใจไหวเล่าคีย์ 
     
     
    “หายใจพอหรือยัง ขอ....ต่อจากเมื่อกี้ได้มั้ย” 
     
     
    “เดี๋ยว ! ตกลงเราเป็นอะไรกันเนี่ย มาทำแบบนี้ได้ไง -3-“
     
     
    “อยากรู้เหรอว่าเราเป็นอะไรกัน ?” 
     
     
    “อือ” สายตาหวาดๆเหมือนลูกแมวถูกส่งมา มินโฮหัวเราะเบาๆ 
     
     
    “เราก็....เป็นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อกันไง” 
     
     
     
     
     
     
     
     
    ซอลลี่รีบหันหลังกลับอย่างรวดเร็ว เมื่อได้ยินเหมือนเสียงอันไม่พึงประสงค์ออกมาจากห้อง คงจะไม่เหมาะถ้าเข้าไปรบกวนตอนนี้ ไม่ ไม่ ไม่เหมาะเลย T////T 
     
     
    “ในที่สุด พี่มินโฮก็ได้สมหวัง ~ ว่าแต่แล้วซอลลี่ล่ะ คนนั้นเมื่อไหร่จะมานะ T T” 
     
     
    ร่างบางชะงัก เมื่อเห็นผู้ชายผมแดง ไม่ทราบว่ามาจากไหน นั่งกอดอกไขว่ห้างอยู่บนโซฟาสีเบจ ในห้องรับแขก ท่าทางที่ดูสบายๆ หยิ่งผยองนิดๆ ยิ่งทำให้เธอแปลกใจ ใครกันน่ะ
     
     
    “เธอ...ซอลลี่ใช่มั้ย ?”
     
     
    “รุ่นพี่ O___O!”
     
     
    “จำฉันได้ด้วยหรอ รุ่นพี่จางฮยอนซึงของเธอน่ะ” คนที่ประกาศตัวว่าเป็นรุ่นพี่ลุกขึ้นยืน ก่อนจะมาเดินวนเวียนอยู่รอบตัวเธอ ใช้นิ้วมือเรียวทั้งห้า จับลงไปบนไหล่ ส่งผลให้เธอสะดุ้ง
     
     
    “ไม่ต้องกลัวฉันขนาดนั้นก็ได้ ฮ่าฮ่า ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า วันนี้แค่อยากจะมาถามว่า ผู้ชายที่ชื่อ ยงจุนฮยอง น่ะ ยังมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้มั้ย”
     
     
    ผู้ชายที่ชื่อยงจุนฮยอง ? คนที่หน้าเหมือนนักฆ่า หน้าตาน่ากลัวที่ชอบชวนพี่มินโฮออกไปเที่ยวด้วยกันน่ะนะ เอ ... แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้มาที่นี่มาซักพักนึงแล้ว ตั้งแต่มีแฟน อย่าบอกนะว่า พี่ฮยอนซึงเป็นแฟนของคนคนนั้น 
     
     
    “ฉันไม่เห็นเขาตั้งนานแล้วนะคะ เหมือนตั้งแต่มีแฟน”
     
     
    “งั้นก็ดี ^^ ยังไงพี่ก็ฝากเธอรายงานพี่ด้วย ถ้าเห็นไอ้คนชอบหนีเที่ยวมาแถวๆนี้อีก โอเคนะ”
     
     
    พี่ผมแดง(?) ก้าวเท้าออกจากบ้านไปในมาดนางพญายิ่งบวกกับหน้าตาที่สวยเกินผู้ชายทั่วไปทำให้ดูเป็นสง่ามากขึ้นไปอีก แต่พี่เขาบอกว่าผู้ชายที่ชอบหนีเที่ยว ? สงสัยคงเกิดศึกหนักกับพี่ชายนักฆ่าคนนั้นแน่ๆ !!! 
     
     
     
     
     
     
     
    talk:  ในที่สุดก็ได้ลง กว่าเน็ตจะดีไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะเนี่ย ... 
    เรื่องนี้อาจจะสั้น เรื่องดำเนินเร็วอย่างเหลือเชื่อ เพราะมันเป็นเรื่องแรกๆเลยที่แต่งยังไงล่า 5555 
    แต่ก็ชอบนะ เพราะว่าดีใจมากที่แต่งจบตอนนั้นปลื้มมาก ! 
     
    ส่วนที่ทิ้งท้ายตอนจบไว้ว่ามีจุนซึง มีแน่นอน !!!! 
    ตอนต่อไปนี่แหละค่ะ ~ 
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×