ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF]short fiction by tokibyul

    ลำดับตอนที่ #1 : (exo) wherever [chen x xiumin]

    • อัปเดตล่าสุด 28 ส.ค. 55


    Title:         wherever
    Pairing:     chen x xiumin

    Note: เรื่องนี้เป็นฟิคเอ็กโซเรื่องแรกที่เค้าแต่ง !  คู่นี้เป็นคู่ที่เค้าชอบมาก 
    ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าเมนสองคนนี้นั่นเอง -//-  เรื่องนี้เคยลงที่
    บอร์ด เอ็กโซไทยแลนด์ ไม่ต้องแปลกใจถ้าไปเจอเค้าอยู่แถวนั้น~

    ตอนแรกตั้งเป็นเรื่องสั้นแต่เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา เปิดแบบยาวดีกว่า 
    ยังไงก็ฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ ~ 

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - 


    INTRO

    เขาว่ากันว่า...รักไม่จำกัดพรหมแดน


          แต่ก็คงจะรักกันไม่ได้ ถ้าไม่โคจรมาอยู่ในพรหมแดนเดียวกัน

    เขาว่ากันว่า...โชคชะตาจะเป็นคนกำหนดชีวิตรักของเรา

           แต่ก็คงจะรักกันไม่ได้ ถ้าเราไม่กำหนดชีวิตของเราด้วยตัวเราเอง

    เขาว่ากันว่า...ถ้าเกิดมาคู่กันแล้ว จะอยู่ที่ไหนก็ไม่แคล้วคลาดกันอยู่ดี

          ก็นั่นสินะ ในเมื่อได้เกิดมาคู่กันแล้ว สุดท้ายก็ต้องมาเจอกันอยู่ดี จริงปะ ? 











    "อาหารที่สั่งได้แล้วครับ~"
     
    คิมมินซอกหรือที่รู้จักกันในร้าน 'เผิงโหย่ว' ร้านอาหารชื่อดังในประเทศจีนว่าซิ่วหมิน วางอาหารกลิ่นหอมฉุยตรงหน้าให้แก่ลูกค้า แล้ววิ่งกลับไปที่เคาท์เตอร์อย่างอารมณ์ดี จะไม่ให้อารมณ์ดีได้ไง ได้อยู่กับอาหารทั้งวัน... มีความสุขจะตาย 
     
    มินซอกเป็นคนเกาหลีที่ได้ทุนมาเรียนต่อที่ประเทศจีนแต่เผอิญว่าเขาเป็นเพื่อนกับลู่หานซึ่งไปเรียนอยู่ที่เกาหลีกับเขาแล้วเพิ่งจะกลับแผ่นดินบ้านเกิดที่เมืองจีน ลู่หานเลยช่วยฝากตัวเขาเข้าทำงานในร้านนี้ เพราะว่าต้องหาเงินเลี้ยงอาหารตัวเอง ยิ่งชอบกิน..ก็ยิ่งต้องหาเงินด้วยสิ 

     
     
    "ซิ่วหมิน~ คริสบอกว่าตั้งแต่วันพรุ่งนี้จะมีนักดนตรีมาอยู่กับเราด้วยแหละ แล้วอาทิตย์หน้าที่ร้านเปิดเขาก็จะมาเล่นดนตรีที่ร้านเราด้วย ตื่นเต้นเนอะ!"


     
     
    "เขาเล่นอะไรอ่ะลู่หาน?"

     
     
    "แซ็ก!" ซิ่วหมินทำตาโต แล้วปรบมืออย่างตื่นเต้น เขาเคยฟังเพลงที่ใช้เครื่องดนตรีนี้อยู่บ้าง แต่ไม่มากเท่าไหร่ ถึงอย่างนั้นก็ยังรู้สึกได้ถึงเสน่ห์ของมัน

     
     
    "ไม่ทำงานทำการกันหรอคุยกันอยู่นั่นแหละ"คริสเดินออกมาจากในครัว แล้วเตือนน้องๆที่กำลังคุยกันอย่างเมามัน ต้องเตือนซะบ้าง ไม่อย่างนั้น 'ร้านของเขา' ก็ได้เจ๊งกันพอดี

     
     
    "เขาเป็นเพื่อนของพี่ ดูแลเขาดีๆด้วยล่ะ"

     
     
    "แน่นอนครับเจ้านาย!" สองลิงยิ้มแฉ่ง ก่อนจะหันไปคิกคักใส่กันจนคริสต้องส่ายหน้าเบาๆ
     
    แล้วเจอกันนะคุณแซ็ก ~ 




     

     
    เมื่อราตรีมาเยือน...เสียงในร้านเงียบสงัดพนักงานในร้านที่เช่าห้องอยู่ในร้านก็หลับกันหมดแล้ว ซิ่วหมินเปิดประตูห้องนอนของเขากับลู่หานที่อยู่บนชั้น3ของร้านอาหาร 

     
     
    "อื้อ หิวน้ำจัง.."นิ้วมือเรียวขยี้ตาเบาๆก่อนจะค่อยๆเดินคลำทางทั้งที่ยังหลับตา สองเท้าค่อยๆก้าวลงบันได น้ำก็ดันอยู่ไกลซะเนี่ย 

     
     
    เสียงเครื่องเป่าสีทองดังแผ่วๆอยู่ในความมืด ซิ่วหมินยิ้มออกมาเบาๆเหมือนอารมณ์ดี แต่ก็ยังเดินหลับตาไปหาตู้เย็นอยู่เหมือนเดิมราวกับไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่มีเสียงนี้ ต่างกับคนที่อยู่ในห้อง และเป่าเครื่องดนตรีอยู่ เขาเดินออกมาดูตอนได้ยินเสียงก๊อกแก๊ก เปิดประตูตู้เย็น

     
     
    "...หลับตาเดินแบบนั้นเดี๋ยวก็หกล้มกันพอดี"เขาพึมพำเบาๆ แล้วเดินตามซิ่วหมินไป จนได้ยินประโยคน่ารักๆที่ไม่รู้เจ้าตัวจะรู้ตัวหรือเปล่า

     
     
    "เพลงหายไปแล้วอ่ะ..."
     
     


     
     
     
    ตึก ตึก ตึก 
     
    "บันไดสูงจังวันนะ... เฮ้ยยย~"

     
     
    "เฮ้ย!" เสียงร้องประสานกันก่อนที่คนที่เดินนำขึ้นไปก่อนจะพลาดล้มลงมาใส่ผู้ติดตามข้างล่าง 
    ไม่ยักกะเจ็บแฮะ ' ' 
    ตาที่ปิดอยู่เปิดกว้างเพื่อดูผลลัพท์ของการก้าวพลาดแต่ก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเดิม 


     
    "พรินซ์ O()O"(prince - เจ้าชาย) เมื่อรู้ว่าพูดอะไรออกไปก็ถึงกับต้องปิดปาก ก็เขากำลังนึกถึงซีรี่ย์ที่ดูก่อนนอนกับลู่หานนี่นา ;__; 

     
     
    "เอ่อ..ขอโทษนะฮะ คือผมไม่รู้ว่าคุณอยู่ข้างล่างก็เลยทับแล้วก็เอ่อ...ขอโทษที่เรียกไปแบบนั้น ผมกำลัง..แฮะ เมาๆ (ภาษาจีน)"

     
     
    "ขอโทษครับ คือผมฟังภาษาจีนไม่ออก (อังกฤษ)"เพราะได้เรียนภาษาอังกฤษมาบ้างซิ่วหมินเลยพอจะแปลออกว่าเขาฟังไม่ออกใช่มั้ยนะ  งั้นแค่โค้งละกัน อีกคนก็โค้งกลับให้เขา เอาเป็นว่าหายกันนะ ไปนอนแล้วนะ ... ~__~zZ
     
     


     
     
     
     
    "เปาจึ! เปาจึ! ตื่นได้แล้วววววววว~นี่ขนาดฉันว่าฉันสายแล้วนะ ทำไมนายยังตื่นสายกว่าอีกอ่ะ ดีนะเนี่ยที่ร้านปิด เปาจืออออออออออออ!"

     
     
    "ฮะ ! เจ้าชายมาหรอ !!!"ลู่หานสะดุ้งที่อยู่ดีๆคนหลับอยู่ก็กระเด้งตัวลุกขึ้นมายืน แล้วบ่นถึงเจ้าชาย ที่ยืนน่ะ ทำความเคารพใช่มั้ยน่ะ ..เพ้อแล้วนะเพื่อนเรา ดูหนังมากไปใช่มั้ย -_-; 

     
     
    "เจ้าชายไหนฉันไม่รู้จักหรอกนะซิ่วหมิน รู้แต่ท่านชายคริสจะงับหัวแกเป็นอาหารเช้าถ้าแกยังไม่ยอมลุก นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว"

     
     
    "จะรู้ได้ไงเล่า...เพิ่งตื่นเอง"


     
    "ด่วนเลย ไม่รู้หรอว่าทำไมวันนี้ร้านถึงหยุด"ลู่หานมองท่ากรอกตาอย่างครุ่นคิดของซิ่วหมิน 

     
     
    เฮ้ย! ซวยแล้วไงซิ่วหมิน วันสำคัญซะด้วย ; _____ ; 


     
    "ฮือ! รู้แล้วรู้แล้วไปเดี๋ยวนี้แหละคร้าบ"
     
     
     

     
     
     
    คริสในชุดเต็มยศ เสื้อเชิร์ตสีขาวพอดีตัวที่ถูกปลดกระดุมสองเม็ดแรกเพราะอากาศ ทรงผมจัดให้ดูเป็นทรงมากกว่าที่เคยเป็นที่ข้อมือมีนาฬิกาเรือนแพงของสำคัญอยู่ นับตาเฉียบคมก้มมองดูนาฬิกา ใกล้แล้วสินะ

     
     
    "คริส ~ ขอโทษที่ช้า" คนมาช้ารีบโค้งหัวขอโทษยกใหญ่ แต่ดูเจ้านายที่ละม้ายคล้ายพี่ชายคนนึง ไม่ยักโกรธ แถมยังยิ้มกลับมาอีก .. เอ๊ะ พลาดอะไรไปหรือเปล่าเรา? 


     
    "ไม่เป็นไร"


     
    "ทำไมวันนี้คริสดูไม่รีบล่ะ ทุกทีรีบจะตาย"ลู่หานถามขึ้นบ้าง

     
     
    "ก็...วันนี้เขาไม่ได้แค่แวะมาอย่างทุกที แต่วันนี้ เขาจะกลับมาเลย"ทุกคน(ที่ฟังจีนออก) ถึงกับถึงบางอ้อ ลู่หานเหลือบไปเห็นสมาชิกอีกคนที่อยู่ในห้องพอดี เขาจิ้มไปที่คริสสองสามทีแล้วโบ้ยปากไปที่อีกคนที่ยืนเงียบๆอยู่ 

     
     
    "อ้อ... ทุกคนนี่นักดนตรีที่ฉันบอกไว้เมื่อวาน เป็นเพื่อนฉันไปเรียนแคนาดาด้วยกัน แต่เขาฟังจีนไม่ออกนะ จึงขอให้ซิ่วหมินช่วยดูแลเขาด้วย"คนที่ก้มหน้าแดงเพราะระลึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ถึงกับสะดุ้งตั้งตัวไม่ทัน เขาหรอ ...ยังไม่พร้อมมั้ง .//. 


     
    "ทะ..ทำไมถึงเป็นผมล่ะ"


     
    "เขาเป็นคนเกาหลี"

     
     
    "อ๋า..."

     
     
    "จริงๆเขาชื่อจงแด แต่ว่าเรียกเขาว่าเฉินก็ได้ อายุเท่าฉัน จงแดนี่ซิ่วหมิน ส่วนนี่ลู่หาน อืม..ฉันต้องไปแล้วมีอะไรก็ถามเจ้าตัวเองละกัน"พนักงานในร้านโค้งทำความเคารพ ส่วนจงแดก็ตบไหล่แล้วโบกมือให้แทน ซี้กันสิท่า 

     
     
    "เปาจึ งั้นพวกเราไปทำงานก่อนนะ เดี๋ยวจะไม่ทันการซะ นายก็...คุยกับคุณคนนั้นไปก่อนละกัน"เขาพยักหน้ารับทำเป็นไม่เห็นแววตาล้อเลียนของลู่หาน เป็นเพราะเขาเล่าให้ลู่หานฟังตั้งแต่เมื่อคืนตอนกลับขึ้นไปแล้วน่ะสิ รู้งี้ไม่น่าเล่าดีกว่า 

     
     
    "อันยองฮาเซโย"ซิ่วหมินโค้งทักทายคนข้างๆ ตาเล็กๆกระพริบปริบๆเหมือนตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ ปากยู่เข้าหากันเล็กน้อย แล้วมองไปทั่วๆเจ้าตัว เมื่อคืนมันมืดเห็นไม่ชัด พอมาดูในแสงสว่างแล้วก็หล่อดีแฮะ
    จงแดยิ้มขำให้กับคำทักทายนั่น

     
     
    "ฉันคิมจงแดแล้วนาย? ..." 


     
    "ผม...เอ่อ คิมมินซอกครับ"

     
     
    "เมื่อวานไม่ได้เป็นอะไรใช่มั้ย...มินซอก"

     
     
    "ก็ฮยองมาช่วยผมไว้ ไม่เป็นไรหรอกครับ งะ..งั้นผมไปทำงานก่อนนะ"เขารีบขอตัวไปทำงาน อยู่ตรงนี้ให้แววตาแพรวพราวนั่นจ้อง เดี๋ยวก็ได้ตายพอดี! 
     
     
     

     
     
    "เฮ้ย!" เสียงร้องประสานกันก่อนที่คนที่เดินนำขึ้นไปก่อนจะพลาดล้มลงมาใส่ผู้ติดตามข้างล่าง 
    ตาที่ปิดอยู่เปิดกว้างเพื่อดูผลลัพท์ของการก้าวพลาดแต่ก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเดิม 
     
    "พรินซ์ O()O"(prince - เจ้าชาย) เมื่อรู้ว่าพูดอะไรออกไปก็ถึงกับต้องปิดปาก 
     
    "เอ่อ..ขอโทษนะฮะ คือผมไม่รู้ว่าคุณอยู่ข้างล่างก็เลยทับแล้วก็เอ่อ...ขอโทษที่เรียกไปแบบนั้น ผมกำลัง..แฮะ เมาๆ "
     

     
    "ซิ่วหมิน เป็นอะไรเปล่าน่ะ เห็นส่ายหัวไปมาหลายทีแล้ว ไม่สบายหรือเปล่า"

     
     
    "...ห๊ะ.อ่อ เปล่าๆ คิดอะไรเรื่อยเปื่อยนิดหน่อยน่ะ"

     
     
    "คิดถึงเรื่องอะไรน้า"ค้อนวงงามตวัดไปให้เพื่อนสนิทคนเดียวของเขาที่นี่ พอรู้ความลับแล้วล้อไม่หยุดเลยนะลู่หาน อย่าให้ถึงคราวของเขาบ้างล่ะ หึ



     
     
     
    อีกด้านของห้อง ... 
    สองมือของผู้มาใหม่ถือผ้าสีขาวสะอาดผืนหนึ่ง นั่งลูบเครื่องดนตรีที่เหมือนเป็นคู่หูของตนเองอย่างช้าๆ มือเหมือนเช็ดน่ะใช่ แต่ตานี่สิ มองไปยังร่างของคนที่ทำงานอยู่ข้างหน้า กลิ่นของสบู่ของมินซอกดูเหมือนจะยังติดอยู่ในจมูก ใบหน้าใกล้ๆ ผมสีน้ำตาล จมูกเล็กๆที่ไม่ถึงกับโด่งมาก แต่ก็คม ริมฝีปากที่ขยับออกมาเป็นเสียงที่เรียกเขาว่าเจ้าชายเมื่อวาน เขาไม่ได้เป็นแบบนี้มานานแล้ว แต่ก็ไม่ได้โง่ขนาดไม่รู้ว่านี่คือรักแรกพบอะไรเทือกๆนั้น เขาเริ่มพลิกด้านเครื่องดนตรีสีทองแล้วเริ่มเช็ดใหม่ แต่ตาก็ยังไม่เคลื่อนไปไหน ยังมองไปยังจุดๆเดิม มินซอกเริ่มยกจานชามมาเช็ด แล้วเอามาเรียงไว้บนโต๊ะตัวกลมเล็กๆที่เหมือนโต๊ะดินเนอร์ใต้แสงเทียนกันสองต่อสองสงสัยจะเตรียมไว้ให้คริสกับ...


     
    "มินซอก ห้องน้ำอยู่ไหนหรอ?"ถามออกไปแล้ว...อีกคนหันมามองแววตารนๆยังไงชอบกล แต่ก็ยังดูน่ารักเหมือนเดิม 

     
     
    "เอ่อ เดินไปทางขวามือ ตรงไปแล้วเลี้ยวซ้าย จะเห็นป้ายบอกทางอีกที ห้องน้ำเป็นบ้านไม้เล็กๆนะฮะ"
     
    มินซอกรีบก้มลงไปจัดโต๊ะเหมือนเดิม แต่ลู่หานเอาแขนมากระทุ้ง แล้วคุยงุบงิบกันซักพักนึง ก่อนมินซอกจะเดินเข้ามา



     
    "เดี๋ยวผมพาไปก็ได้ฮะ"เป็นเพราะลู่หานใช่มั้ย ต้องตบรางวัลให้ซะแล้วสินะ 
     

     
    เอ๊ะ โลกมันหมุนๆปะ....? 

     
     
    "อ๊ะ"

     
     
    "ขะขอโทษๆ มึนหัวนิดหน่อยน่ะ"


     
    "เพราะเมื่อวานฮยองนอนน้อยหรือเปล่า?"นอนน้อยหรอ คงใช่ เพราะตั้งแต่มาถึงจีนก็ยังไม่ได้นอน แถมพอมีคนมากวนตอนกลางคืน ล้มมาทับกันอีก จะให้หลับลงได้ไง ก็ตามมาหลอกหลอนกันทั้งคืนเลยมินซอก

     
     
    "...เพราะใครล่ะ"

     
     
    "อะไรนะครับ?"

     
     
    "อ๋อเปล่า"เขายิ้มรับ และแล้วก็มาถึงห้องน้ำ ห้องน้ำสวยอย่างที่ว่า บ้านไม้ที่มีการตกแต่งแบบน่ารักๆ เหมือนนิสัยของคนนั้นของคริสไม่มีผิด เขาเดินเข้าไปในด้านที่เขียนว่า 'men' ล้างหน้าล้างตาซะหน่อยอาจจะดีขึ้น เขาเงยหน้าขึ้นมามองกระจก แล้วยิ้มขำให้ตัวเอง นอนน้งนอนน้อยอะไรน่ะก็ใช่อยู่ แต่ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นซะหน่อย โลกมันก็หมุนอยู่แล้วเป็นธรรมดาไม่ใช่หรือไงเล่า?

     
     
    "แบร่"


     
    "เฮ้ย!"เขาที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำถึงกับสะดุ้ง ใครจะรู้ว่ามินซอกจะเล่นอะไรเป็นเด็กๆแบบนี้ หลังจากแบร่ก็ขำกับผลงานตัวเองซะอีก

     
     
    "เล่นไรเนี่ย" 

     
     
    "ก็แกล้งฮยองเฉยๆ เห็นคนตกใจแล้วมันตลกดี"มันน่านักนะคิมมินซอก เขาขยับหน้าเข้าไปใกล้ๆคนแกล้ง แล้วกระซิบเบาๆ

     
     
    "ระวังจะโดนเอาคืน"จงแดลูบหัวมินซอกก่อนจะเดินเข้าไปในร้าน ปล่อยให้คนแกล้งหน้าแดง ยืนช๊อคค้าง ลูบหัวตัวเองไปซะงั้น สรุป คนแกล้งกลายเป็นคนถูกแกล้งใช่มั้ยเนี่ย .///. 
     
     



     
     
     
     
    "ซิ่วหมินล่ะฮะ?"ลู่หานมองเฉินที่เดินกลับมาคนเดียว แถมพอถามก็ยิ้มให้ แล้วเดินไปหาแซ็กตัวเองซะงั้น มีลับลมคมในอะไรที่ลู่หานคนนี้ไม่รู้!


     
    "ละลู่หาน ลู่หาน ;^;"ซิ่วหมินเดินเข้ามาในร้านแบบอาการช๊อคๆร้องเรียกเพื่อนสนิทใหญ่เลย ลู่หานเดินเข้าไปปลอบก่อนจะขอตัวกับพี่ๆในร้านคนอื่นๆไปคุยกับซิ่วหมิน

     
     
    "ทำไมเกิดไรขึ้น?"

     
     
    "กะ..ก็ไม่เคยเป็นแบบนี้ แบบ...หัวใจมัน เอ่อ เต้นเร็วๆ แรงๆ"หน่วยสืบสวนลู่ทำตาโต ตอนแรกเขาก็พอจะรู้อยู่แหละว่าซิ่วหมินเขินๆกับเหตุการณ์ตอนกลางคืนและคงแอบปลื้มหรือหลงๆ แต่นี่กรณีนี้ อย่าบอกนะว่า! 


     
    "เฮ้ย ซิ่วหมินน เอาแล้วไง เขาทำไรแกอ่ะ?"

     
     
    "ก็..กระซิบแบบใกล้ๆ แล้วก็ลูบหัว แล้วแกก็รู้ว่าฉันเป็นอะไรกับคนลูบหัว"

     
     
    "แกมันบ้าคนลูบหัวไง มีคนลูบหัวทีไร เคลิ้มทุกที...แต่ทุกทีแกไม่ได้ใจเต้นแรงๆแบบนี้กับทุกคนใช่มั้ย"ซิ่วหมินก้มหน้าแล้วส่ายหัวเบาๆ ลู่หานก็ชอบลูบหัวเขา มันให้ความรู้สึกว่ามีคนรักคนเอ็นดูและให้ความอบอุ่นกับเราอยู่ จะว่าบ้าก็ได้ แต่มันเป็นแบบนี้จริงๆนี่นา 

     
     
    "ซิ่วหมิน ฉันจะบอกอะไรให้...จากเซ้นของฉัน ฉันว่า...นาย หัวใจ เขาละล่ะ จริงๆ"

     
     
    "จะเป็นไปได้หรอ เพิ่งเจอกัน2วันเองนะ"

     
     
    "รักไม่ต้องการเวลาไงเล่าไม่รู้หรอ โถ เจ้าเปาจึผู้ไม่เคยมีความรัก"ลู่หานส่ายหน้ามองซิ่วหมินที่ทำหน้ามึนๆกัดปากตัวเองอยู่ ต้องการกำลังใจสินะ อ้ะๆลูบหัวๆ


     
     
     
     
     
    ในวันนั้นตอนเย็นสองคนนี้ก็ผลัดกันแกล้งกันไปแกล้งกันมา จนถึงตอนเย็นที่คริสพาคนพิเศษมากินข้าว ทุกคนก็กลับเข้าห้องนอนตัวเองเป็นเหมือนปกติจะไม่ปกติที่ทุกคนทราบซึ้งกับอีกปีที่คริสได้กินข้าวร่วมกับเขา ช่างเป็นความรักที่โรแมนติกมากซะจนน่าอิจฉา

     
     
    ในอีกหลายๆวันถัดมา ทั้งสองก็ยังคงแกล้งกันอยู่เหมือนเดิม แต่ยิ่งนานวันก็ยิ่งคุยกันมากขึ้น แถมยังดูสนิทกันมากขึ้นไปอีกด้วย 

     
     
    "คริสๆมีอะไรจะบอกแหละ"ลู่หานกระดึ้บๆไปทางเจ้านาย ก่อนจะเขย่งขึ้นไปกระซิบที่หู

     
     
    "สองคนนั้นอ่ะ เขาชอบกันแหละ แต่ไม่ยอมบอกกันซักที เฮียเคลียร์ให้ลู่คนนี้ที"

     
     
    "สองคนนั้นน่ะนะ.."คริสมองตามมือลู่หาน เห็นเฉินยิ้มๆแล้วลูบหัวซิ่วหมิน ที่ดูเหมือนจะถูกแกล้งอะไรซักอย่างนึง ท่าทางเขาจะอยู่ในโลกของตัวเองมากเกินไปจนไม่ทันสังเกตุบรรยากาศภายในร้านที่ดูสว่างๆมีชีวิตชีวามากขึ้น 

     
     
    "ซิ่วหมิน ฉันให้หยุดหนึ่งวัน เห็นว่าเฉินยังไม่เคยไปเที่ยวในจีนเลย แล้วเขาเคยพูดว่าอยากไปแต่ว่าไปไม่เป็น วันนี้ฉันอยากให้เขาลองไปดูบรรยากาศรอบๆเมืองบ้าง ช่วยไปเป็นไกด์ให้หน่อยสิ"


     
    "ละแล้วลู่หานละฮะ?"


     
    "อ่อ...เขาคุยเล่นเป็นเพื่อนคนของฉันอยู่" เหตุผล? น่ารักดีเนอะ ฮ่าฮ่า

     
     
    "ก็ได้ฮะ" แล้วคริสก็หันไปแปลเป็นภาษาอังกฤษให้เฉินอีกหนึ่งรอบด้วยคำพูดที่แตกต่างกันนิดหน่อย 
    'ฉันบอกเขาว่านายอยากไปเที่ยวในเมืองบ้าง ตามสบาย' พอรู้เรื่องแล้วรอยยิ้มประจำกายเฉินก็ถูกปล่อยออกมา เหมือนเดี๋ยวนี้เขาจะยิ้มบ่อยนะ

     
     
    "ฮยอง จะไปมั้ย เร็วๆอย่าชักช้าผมต้องกลับมาทำงานนะ" ซิ่วหมินรีบเดินหนีออกไปรอนอกร้าน เฉินยิ้มมุมปากให้เพื่อนสนิท ตอนเดินผ่าน ก่อนจะเริ่มบทสนทนาเล็กๆ


     
    "Thanks"


     
    "My pleasure"
     
     
     
     


     
     
     
    "ฮยองจะไปไหนอ่ะ?"

     
     
    "แล้วแต่นายสิ ฉันไม่รู้ทางสักหน่อย"

     
     
    "งั้นขับรถไปเรื่อยๆ แล้วอยากแวะที่ไหนก็ค่อยหยุดโอเคมั้ย" 


     
    "ตามบัณชาครับผม"

     
     
    รถ BMV M3 สีดำเปิดประทุน ขับเคลื่อนไปตามท้องถนน บรรยากาศกำลังดีเพราะว่าเป็นตอนเช้า ลมพัดให้ผมประใบหน้า คนที่เดินผ่านไปมายังมีไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็เหลียวมองรถคันนี้กันทั้งนั้นเพราะราคาคงไม่ใช่ถูกๆ แต่เจ้าของรถเป็นถึงเจ้าของร้านอาหารซื้อได้ก็ไม่แปลกอะไร 


     
    "รถฮยองหรอฮะ?"


     
    "เปล่ารถคริส ฉันคนเกาหลี ตอนนี้แค่มาพักผ่อนเฉยๆจะมีรถได้ไง อ้อ จะเลิกเรียนฉันว่าฮยองได้หรือยัง ?"

     
     
    "ก็ฮยองเป็นฮยองจะไม่เรียกว่าฮยองได้ไงเล่า"

     
     
    "ที่แคนาดาเขาเรียกเป็นชื่อไปเลยหนิ ไม่ต้องมีบราเตอร์ ซิสเตอร์สักหน่อย"ซิ่วหมินทำหน้ายู่ เถียงได้เถียงดีจัง ก็เขาไม่ได้เรียนแคนาดานี่นา ออมม่า อัปป้าก็สอนเขามาแบบนี้ เอ๊ะ... แต่เขาก็เรียกคริสว่าคริสนี่นา 

     
     
    "ก็...ไว้ก่อนละกัน อยากเรียกเดี๋ยวก็เรียกเองแหละ ขับรถไปเถอะน่าบ่นเป็นคนแก่ไปได้"ประโยคสุดท้ายพูดเสียงค่อยๆ ก่อนจะหันออกไปนอกรถเอามือโบกๆกับอากาศทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับคำเสียดแทงที่พูดไปเมื่อครู่ ใช่ว่าอีกคนจะไม่ได้ยิน แต่ไม่ถือ เขามองอีกคนที่ยิ้มให้กับดินฟ้าอากาศวันนี้ที่เหมือนจะเป็นใจมากกว่าปกติยังไงไม่รู้ คนถูกมองคงไม่รู้หรอกว่าใจเขาเต้นแรงแค่ไหนเวลาที่แกล้งกัน อยู่ใกล้ๆกัน จะว่าไป จากวันแรกที่เจอจนถึงวันนี้ก็ประมาณเดือนกว่าๆแล้ว ความรู้สึกที่มีให้ยิ่งเพิ่มมากขึ้นๆไปอีก มันน่าจะถึงเวลาหรือยังนะ? 

     
     
    "ลงไปเดินเล่นกัน"


     
    "ฮะ" ถ้าใครเคยได้ยินคำว่า awkward moment จะเข้าใจถึงบรรยากาศตอนนี้เป็นอย่างดีเลย ถึงแม้ว่าสวนสาธารณะแห่งนี้จะไม่ได้มีฟิลแบบเข้าเถอะ ที่นี่ยังอากาศดี มีคู่รักมาเดินบ้าง คนเอาสัตว์เลี้ยงมาออกกำลังกายบ้าง แต่เขากลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไร จะวางมือตรงไหนดี เง้อ... 


     
    "นั่งรอตรงนี้นะมินซอก เดี๋ยวมา" 

     
     
    เขาชะเง้อคอมองตามก็เห็นจงแดเดินไปที่รถ ก่อนจะหยิบกระเป๋าใบไม่ใหญ่ไม่โตที่แบกเครื่องดนตรีที่เขาเห็นบ่อยๆ ไม่ยักรู้แฮะว่าพกมาด้วย... 
     
    จงแดหยุดยืนอยู่อีกฝั่งของทางเดิน ก่อนจะเปิดกระเป๋าก่อนจะเอามากางไว้ข้างหน้าตัวเอง แล้วเตรียมเครื่องดนตรี เปิดหมวกงั้นหรอ ? จงแดมองหน้าเขา ก่อนจะเริ่มเล่นเพลงที่เขาได้ยินในวันแรกที่เจอกัน แต่ว่ากลับไม่เคยได้ยินจงแดเล่นเพลงนี้ในร้านสักครั้งหนึ่ง เขารู้จักเพลงนี้ดี nothing gonna change my love for you เพลงฝรั่งที่เขาชอบ..แต่เขาไม่เคยบอกใครนี่นา หรือว่าจงแดก็ชอบเหมือนกัน ?

     

     
     
    ผู้คนแถวนี้เริ่มเข้ามามุง ฟังเพลง ด้วยฝีมือการเล่นที่ไม่ธรรมดา บวกกับเพลงและคนเล่นที่มีเสน่ห์อย่างล้นหลามเป็นทุนเดิม ระหว่างเล่น ตาของคนเล่นมองไปที่จุดๆหนึ่งแทบจะตลอดเวลา แต่ก็ยังมองผู้ชมบ้างเป็นระยะ ทำไมเขารู้สึกเหมือนว่า เพลงนี้มีคนเล่นให้เขายังไงก็ไม่รู้นะ.__. 

     
     
    หลังจากที่จงแดเล่นเพลงนั้นจบ ก็หันมายิ้มให้เขา ยิ้มบางๆ แล้วโค้งหัวให้ทุกคนก่อนจะเก็บกระเป๋าที่มีเงินอยู่จำนวนนึง แล้วเดิมตรงมาที่เขา จับมือเขาขึ้นไปจับ .... เฮือก ! ก่อนจะพูดเบาๆว่า


     
    “ไปกินข้าวกัน มื้อนี้เลี้ยงเอง”
     





     
     
     
     
     
     
     
    “มินซอกสั่งให้ด้วยสิ”
     
     
     
    “ก็ได้ๆ เห็นว่าพูดจีนไม่เป็นหรอกนะ” เขาหันไปสั่งอาหารมาสองที่สำหรับตัวเองแล้วก็สำหรับคนพูดจีนไม่เป็น จริงๆอยากสั่งเยอะกว่านี้หรอก แต่เห็นว่าเงินที่ได้มามันไม่เยอะเท่าไหร่ แค่นี้ก็คงพอ ...มั้ง

     
     
    รอไม่กี่นาที อาหารที่รอคอยก็มาเสิร์ฟ กลิ่นหอมฉุยตรงหน้าแทบจะทำให้เขาสวาปามแบบไม่เกรงใจใคร...แต่ก็นะ เกรงใจคนข้างหน้าหน่อยก็ดีเหมือนกัน


     
     
    “กินละนะคร้าบบบ”
     


     
    “ฮ่าฮ่า”


     
     
    “ฮยองขำอะไร ?”


     
     
    “ขำนายอ่ะ ทำตัวเหมือนเด็กๆ”
     


     
    “ก็เป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว ไม่สนใจจะกินแล้ว” เด็กแล้วทำไมเล่า...เด็กก็รักได้ชอบได้นี่นา เพียงแต่คนตรงหน้าจะรู้หรือเปล่า อาหารยังเข้าใจง่ายกว่าตั้งเยอะ ถ้ากินแล้วเปรี้ยวก็คือเปรี้ยว ชิมแล้วหวานก็คือหวาน แต่ความรู้สึกคนเราเนี่ยนะ สิ่งที่คิดอยู่ในใจอาจจะไม่เหมือนกับสิ่งที่แสดงออกก็ได้ ว่าแต่...ร้านนี้อร่อยเหมือนกันแฮะ
     


     
    “มินซอก....”

     
     
    “ฮะ ?”
     


     
    “คือ...ฉัน...ฉัน”
     


     
    “...”
     


     
    “ฉัน...ช.”
     
     



     
     
     
     
    ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
     
    อะไรอะไรมักไม่ค่อยเป็นใจเสมอเลยว่ามั้ย ...

     
     
     
    “สวัสดีครับ คิมจงแดพูดครับ”


     
     
    [โอป้า! หนีหายไปแบบนี้ไม่กลัวทางนี้จะเฉาตายหรือไง?]

     
     
     
    เสียงแว๊ดๆจากปลายทางทำให้เขาต้องยกหูโทรศัพท์ออกจากตัวเองเล็กน้อย แล้วเหลือบมองหน้าคนที่กินอย่าง เอร็ดอร่อยอยู่อย่างไม่ใส่ใจเหมือนเดิม  ก่อนจะลุกออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกร้าน

     
     
     
    “ก็พี่ติดธุระหนิครับ ไว้ว่างๆพี่จะไปหาเราเอง อย่างอนเลยนะ โอ๋ๆ”

     
     
     
    [ค่า ก็ได้ๆ ไว้ค่อยเจอกันนะคะ คึคึ]


     
     
    จงแดรีบกลับเข้าไปในร้าน แต่ดูเหมือนคนในร้านจะไม่ได้อารมณ์ดีเหมือนตอนแรกซะแล้ว พอกลับเข้ามาปุ๊บ มินซอกก็ซดน้ำดังซวบ แล้วลุกขึ้นเดินมาทางเขาทันที ไม่ใช่แต่ชามตัวเองด้วยนะน่ะ ชามเขาหมดเกลี้ยงเลย

     

     
    “อยากกลับแล้ว คิดถึงลู่หาน”


     
     
    “โอเค” บรรยากาศที่สว่างสดใสในตอนแรก ตอนนี้ดูมืดลงไปตามพระอาทิตย์และเวลา ถึงแม้ว่าลมที่พัดอยู่ระหว่างขับรถจะเย็นแค่ไหน แต่อารมณ์เขาตอนนี้ไม่ได้เย็นตามลม ไม่อยากจะเหวี่ยง !
     
     
     
     
     
     
     
     
    ด้านเมะเมะ (?)


     
     
    “ไม่เวิร์คหรอวะเฉิน?”


     
     
    “ตอนแรกก็เหมือนจะเวิร์ค แต่ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทำท่าจะกัดฉันแทนอาหารยังไงก็ไม่รู้” เขาทำอะไรให้ไม่พอใจหรือก็เปล่า พาไปเลี้ยงอาหารด้วยซ้ำ เล่นเพลงเพราะๆให้ฟังอีก ...อยู่ดีๆทำไมถึงเป็นอย่างงั้นวะ?


     
     
    “แกลองคิดดูดีๆสิว่าทำไรให้ซิ่วหมินไม่พอใจหรือเปล่า”


     
     
    “ก็ออกไปคุยโทรศัพท์แปปเดียวกลับเข้ามาก็เหวี่ยงแล้ว”
     


     
    “คนที่คุยด้วยผู้ชายหรือผู้หญิง?”
     


     
    “ผู้หญิงไง ทำไมอ่ะ?...เฮ้ย อย่าบอกนะว่า...” หึงเขาหรอ ? ไม่ใช่มั้ง ยังไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อยนี่นา


     
     
    “ไม่เป็นไรกันแต่ถ้าชอบก็หึงกันได้เว้ย รู้นะว่าคิดอะไรอยู่ รีบๆบอกเขาไปเถอะน่า ลู่หานลุ้นจนจะอกแตกตายละน่ะ”ก็กำลังจะบอกแล้ว แต่ดันมีคนมาขัดไว้น่ะสิ เฮ้อ แถมผู้หญิงคนนี้ขัดไม่ได้ด้วยสิ ถ้าขัดใจนะ มีหวังแม่ของเขาได้ตามมาตบหัวเขาถึงที่จีนแน่ๆ


     
     
    “ไว้พรุ่งนี้ละกัน ให้อารมณ์เย็นก่อน เดี๋ยวฉันจะโดนกินแทนอาหารเข้าซักวัน”
     
     
     
     
     
     
     
    ด้านเคะเคะ(?)
     
    “ทำไมหน้าบูดแบบนั้นอ่ะเปาจึ”

     
     
     
    “ก็ฮยอง...ฮึ่ย !” คิดแล้วก็น่าหงุดหงิด ถ้ามีแฟนอยู่แล้วก็น่าจะบอกตั้งแต่แรก มายุ่งวุ่นวายกับเขาทำดีกับเขา แถมยังมาเล่นเพลงจีบอีก ใครไม่คิดก็บ้าแล้ว ทำแบบนี้ใช้ได้ที่ไหนวะ


     
     
    “ฮยองทำไม? เล่ามานะ”


     
     
    “ก็กินข้าวอยู่ มีโทรศัพท์มา เสียงผู้หญิงเรียกโอป้า และเขาก็เดินออกไปคุยข้างนอกทิ้งฉันไว้คนเดียว”
     


     
    “โอป้าคือไร ? ทำไมต้องกังวลด้วยอ่ะ?”


     
     
    “โอป้าเป็นคำเวลาที่ผู้หญิงเรียกพี่ชายหรือเรียกแฟน”ลู่หานทำหน้าเหยียดๆ ทำไมต้องมีคำนี้ขึ้นมาโดยเฉพาะด้วย แค่เกอเกอ(พี่ชาย) ตี้ตี่(น้องชาย) ก็พอละ -0-


     
     
    “เขาอาจจะเป็นน้องสาวก็ได้นี่นา คิดมากน่า”
     


     
    “นั่นดิ ทำตัวเป็นผู้หญิงไปได้ ไปนอนกันเหอะไป”
     
     
     
     

     
     
    ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า เทเลทับบี้บอกลา หมดเวลาสนุกแล้วสิ หมดเวลาสนุกแล้วสิ (?) คนเกาหลีสองคน นอนกระสับกระส่ายอยู่ในห้องของตัวเอง คนหนึ่งก็คิดว่าอีกคนหึงตัวเองหรือว่าไม่พอใจเรื่องอื่น ถ้าหึงจริงๆคงไม่ใช่เรื่องน่าเสียใจ เพราะเขาจะดีใจซะด้วยซ้ำ ไม่ชอบก็คงไม่หึง ส่วนอีกคนก็ครุ่นคิดว่าผู้หญิงที่อยู่ในสายโทรศัพท์จะเป็นคนน้องสาวหรือว่าแฟนกันแน่  แต่ถ้าเป็นน้องสาวก็คงจะดีไม่น้อยเหมือนกัน ทั้งสองคิดไปคิดมาจนหลับ
     
     
     
     
     


     
     
     
     
    “เฉินเว่ย เรื่องใหญ่แล้ว !” อะไรวะยังง่วงอยู่เลย กว่าจะได้นอนเมื่อคืน มัวแต่คิดถึงเรื่องของอีกคนทั้งคืน
     


     
    “ไรวะคริส”


     
     
    “แม่ทูนหัวแกอ่ะ บุกมาส่งเสียงดังแต่เช้า ไม่น่าเชื่อว่าจะตามมาถึงที่นี่ ตอนอยู่ที่แคนาดาตามแกมาครั้งนึงก็แทบบ้าละ เสียงดังชิบหาย” ฮะ ! แทลินมาหรอ ป่านนี้ร้านไม่วุ่นวายตายหรอเนี่ย โอ๊ย มาได้ไง เมื่อวานเพิ่งคุยกันทางโทรศัพท์  ไม่มีเรียนบ้างหรือไง
     


     
    “ขออาบน้ำแต่งตัว5นาที จะรีบลงไป ฝากดูให้ด้วย”
     
     
     
     
     
     


     
    “คริส จงแดอยู่ไหน เรียกจงแดลงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”
     


     
    “แปปนึงสิ เฉินอาบน้ำอยู่ บอกว่าอีก 5 นาทีจะตามลงมา อยู่นิ่งๆก่อนได้มั้ย” ถ้าไม่เกรงใจนะว่าเป็นน้องสาวเพื่อนสนิท ป่านนี้เขาไล่กลับไปไม่ไว้หน้าแล้ว

     
     
     
    ลู่หานสะกิดเรียกมินซอกที่มองหน้าของสาวสวยที่อายุน่าจะประมาณเท่าๆเขา ตาเรียวได้รูป จมูกก็โด่ง ผมสีน้ำตาลโคล่าถูกดัดเป็นลอนเล็กๆถึงกลางหลัง ริมฝีปากยู่เข้าหากันนิดหน่อยคงเพราะถูกขัดใจ พูดรวมๆได้เลยว่าน่ารักมาก ถึงแม้ว่าจะฟังประโยคที่เขาพูดภาษาอังกฤษรัวๆใส่กันไม่ค่อยออก แต่ก็พอจับใจความได้เลยว่าสาวสวยคนนั้น เรียกหาจงแดอย่างแน่นอน อีกไม่กี่นาทีต่อมาสุดหล่อที่ถูกเรียกหาก็ลงมาจากบันได แล้วพอหญิงผู้นั้นเห็นก็รีบวิ่งเข้าไปหาแล้วกระโดดกอดทันที
     


     
    “เปาจึ แก ...ไม่เป็นไรใช่เปล่า?” ก็เจ็บอยู่แหละ แต่จะให้ทำไงได้ล่ะ


     
     
    “อื้อ ไม่เป็นไร” ท่าทางคำว่าไม่เป็นไรของซิ่วหมินจะไม่ได้ไม่เป็นไรอย่างที่ว่าแล้วมั้ง...สังเกตุจากแสงวิบๆที่หางตา คริสตอลแห่งความรู้สึก “น้ำตา” แอบซึมๆออกมาเล็กน้อย แต่ว่าก็ยังดีที่ไม่ปล่อยโฮออกมาเลยทีเดียว หลังจากที่คิมแทลินผละออกมาจากอ้อมกอดพี่ชาย สองพี่น้องที่เรียนเมืองนอกมาทั้งคู่ ต่างกันที่ประเทศจงแดเรียนที่แคนาดา ส่วนแทลินไปเรียนที่ออสเตรเลีย ก็พ่นภาษาอังกฤษคุยกันต่อ
     


     
    “โอป้าไม่ยอมกลับไปหาลินบ้าง ลินเหงามากเลยรู้หรือเปล่า”
     

     
     
    “แล้วเราน่ะหันเข้าเรียนให้บ่อยๆหน่อยนะ บินมาหาพี่กะทันหันแบบนี้เดี๋ยวได้โดนดุกันพอดี”


     
     
    “ออมม่ารู้ค่ะ ลินบินไปหาท่านก่อนแล้วเดือนนึง ที่ซิดนีย์เขาปิดเทอมค่ะ โอป้าไม่ต้องมาดุลินเลย”
     


     
    “ก็พี่บอกแล้วว่าเดี๋ยวกลับไปหาไง พี่มาทำงานรู้หรือเปล่า”
     


     
    “มาทำงานหรือว่าติดใครที่นี่จนไม่ยอมกลับไปหาลินกันแน่”ตาเขาหันไปมองหาซิ่วหมินโดยไม่รู้ตัว จนทำให้แทลินมองตาม นั่นไงว่าแล้วไม่มีผิดว่าต้องมาติดใครที่นี่แน่ๆ แต่ที่ผิดเพราะคนที่พี่ชายเล็งไว้ไม่ใช่แบบธรรมดาซะด้วยสิ แต่ไม่ใช่ว่าไม่ชอบนะ เดี๋ยวนี้ที่เกาหลีเขาบ้ากันจะตายเรื่องแบบนี้ (ฮ่าฮ่า)


     
     
    “น่ารักเหมือนกันนะคะคนนั้นน่ะ..”เสียงหวานๆกระซิบใกล้ๆเขา เอาแล้วไงแม่ตัวยุ่ง จะมาป่วนอะไรให้เขาเครียดอีกเนี่ย


     
     
    “คนนี้ขอนะลินอย่าไปแกล้งเขาเลย แบบคนก่อนๆไม่เอาแล้วนะ เขาหนีพี่ไปกี่คนแล้วล่ะ” เธอปัดผมหน้าม้าที่มาบังดวงตาเบาๆ ก่อนจะนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้ที่ใกล้ที่สุด


     
     
    “คนนี้ลินไม่แกล้งเขาหรอกค่ะ น่ารักดี ลินชอบ พี่ชายวางใจได้”เขาแอบถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะมองหน้าคริสแล้วทำเหมือนขอโทษขอโพย แทลินไปที่ไหนโดนป่วนทุกที อาจจะเป็นเพราะว่าถูกตามใจจนเคยตัว
     


     
    “พี่ชายขอคนที่พูดภาษาอังกฤษได้มารับออเดอร์ให้ลินด้วยนะคะ”
     


     
    “ครับคุณผู้หญิง” เขาเข้าไปคุยกับคริสสองสามคำ คริสจึงเรียกพนักงานเด็กคนหนึ่ง หน้าตาเรียกว่ากำลังน่ารัก ผมสีดำสั้นประบ่า มีแนวดัดเล็กๆพอให้ดูหวานๆ กับผมหน้าม้าที่ดูแล้วเข้ากับเจ้าตัว


     
     
    “ซกเกียง...ช่วยไปรับออเดอร์ผู้หญิงคนนั้นให้ทีนะ คุยกับเขาดีๆล่ะ เขาเป็นน้องเพื่อนของฉัน”


     
     
    “ค่ะ เจ้านาย”
     
     
     
     
     
    ซกเกียงเดินมาที่โต๊ะอย่างหวาดๆ ชีวิตนี้ไม่ค่อยได้เจอหรอก ผู้หญิงน่ารัก แต่เอาแต่ใจแบบนี้ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคนมีฐานะ เรียนเก่งและมีทักษะดีเลิศทางภาษาอังกฤษ แต่แค่อยากมาทำงานที่นี่เพราะว่าถึงแม้ครอบครัวเธอจะมีเงิน ในอนาคตก็ต้องหาเลี้ยงตัวเองอยู่ดี ยิ่งตอนนี้ยิ่งปิดเทอมก็ยิ่งว่าง หาอะไรทำยังดีกว่าอยู่เฉยๆ


     
     
    “รับอะไรดีคะ?”


     
     
    “อาหารอะไรบ้างที่ทำประมาณซัก10นาที”


     
     
    “คะ?...อ่อ อาหารพวกเซ็ทตรงนี้ค่ะ”เธอชี้รูปอาหารในเมนูให้ดู
     


     
    “งั้นขออันนี้นะ ขอให้เธอช่วยให้บอกให้ผู้ชายน่ารักๆคนนั้นมาเสิร์ฟ แล้วเธอกลับมานั่งคุยกับฉันด้วย ขอบคุณจ๊ะ”ซกเกียงถึงกับงงกับคำสั่งนั่น คนอะไรเลือกสั่งอาหารจากเวลาที่ทำ แถมยังกำหนดคนเสิร์ฟอีก แต่เป็นพนักงานในร้านนี่เนอะ...ต้องทำตามคำสั่งอยู่ดี
     


     
    “พี่ซิ่วหมิน เอ่อ..คือคุณผู้หญิงคนนั้นบอกว่าพอทำอาหารชุดนี้เสร็จแล้วให้เธอไปเสิร์ฟเขาที่โต๊ะด้วยน่ะ”ซิ่วหมินมองหน้าน้องที่สนิทกันงงๆ ทำไมต้องเป็นเขา ?
     


     
    “หนูก็ไม่รู้ แต่พี่ทำตามที่เขาบอกเถอะนะ”
     


     
    “โอเคๆ”
     


     
    “คุณแทลินมีอะไรหรือเปล่าคะ?”
     


     
    “นั่งลงสิ ฉันมีเรื่องจะถามเธอหน่อย”หลังจากที่ซกเกียงนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม แทลินก็เริ่มยิงคำถามที่เธอออยากรู้ทันที
     


     
    “ผู้ชายคนเมื่อกี้ชื่ออะไร?”


     
     
    “ซิ่วหมินค่ะ”
     


     
    “แล้วเขามาทำงานที่นี่นานหรือยัง”
     


     
    “ทำมาประมาณเกือบ 3 ปีแล้วค่ะ เขาสอบชิงทุนมาเรียนต่อที่นี่น่ะค่ะ จริงๆแล้วเป็นคนเกาหลี” มิน่าล่ะ ถึงคุยกับพี่จงแดรู้เรื่อง ที่แท้ก็คนเกาหลีนี่เอง
     


     
    “แล้วเขานิสัยเป็นยังไงบ้าง”



     
     
    “พี่ซิ่วหมินน่ารักค่ะ เขาคอยช่วยคนอื่นอยู่เรื่อยๆถึงแม้ว่าจะไม่เก่งภาษาจีนเท่าไหร่ อืม..แล้วก็ เป็นคนมีชีวิตชีวามากๆอยู่ที่ไหนมีรอยยิ้มมีเสียงหัวเราะตลอดเลย แต่ดูเหมือนว่าอีกไม่นานเขาก็จะเรียนจบแล้วกลับไปที่เกาหลีแล้วล่ะมั้งคะ”
     



     
    “อ่อ ขอบใจเธอมากนะ” รอยยิ้มหวานๆถูกส่งมาจากใบหน้าที่หวานด้วยความจริงใจ จริงๆผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้น่ากลัวแล้วก็ไม่ได้ร้ายด้วย แค่เธอเป็นตัวของตัวเองมากเกินไปหน่อยเท่านั้นเอง
     



     
    “อ้าวพี่จงฮยอนมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” เธอเหลือบไปเห็นแฟนหนุ่มของตัวเอง



     
     
    “พี่มาซักพักแล้วครับแต่เห็น ซกเกียงคุยกับผู้หญิงคนนั้นอยู่”
     



     
    “อ่อ...น้องเพื่อนเจ้านายน่ะค่ะ เดี๋ยวเค้าเล่าให้ฟัง~”
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    “อาหารที่สั่งได้แล้วครับ”
     


     
    “ซิ่วหมิน นั่งลงคุยกับฉันหน่อยนะ” ซิ่วหมินแนบถาดไว้กับลำตัวก่อนจะนั่งลงตรงฝั่งตรงข้าม ทำเอาสองหนุ่มที่ลอบสังเกตการณ์อยู่ห่างๆถึงกับลมหายใจสะดุด แม่นางจะเล่นอะไรอีกเนี่ย
     


     
    “นายว่ามั้ยว่าพี่จงแดน่ะ เขาน่ารักมากๆเลยนะ แถมยังใส่ใจดูแลคนรอบข้างดีอีกด้วย”ซิ่วหมินถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ ทำไมต้องเรียกเขามาคุยเรื่องของจงแดด้วย แค่นี้เขายังเจ็บไม่พออีกหรอ อีกฝ่ายเห็นท่าทางของซิ่วหมินก็รู้ได้เลยว่ามีใจให้พี่ชายตัวเองแน่นอน แถมยังไม่รู้อีกต่างหากว่าเธอเป็นน้องชายจอมป่วนของจงแด


     
     
    “ครับ”
     


     
    “ฉันว่านะ ภายใต้รอยยิ้มและความเงียบของพี่จงแด ไม่มีทางรู้ได้เลยล่ะ ว่าเขาคิดอะไร วางแผนอะไรอยู่”
     


     
    “ครับ”
     


     
    “นายน่ะ ระวังพี่เขาไว้ให้ดีด้วยนะ จะโดนพี่เขากินโดนไม่รู้ตัว แต่ไม่ว่าไงก็ตาม ฝากดูแลพี่ชายของฉันด้วยล่ะ น้าซาลาเปาน้อยผู้น่ารัก” แทลินเอื้อมมือไปบีบแก้มของอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะหัวเราะและปรบมือไปด้วย


     
     
    เอ๊ะ เมื่อกี้เขาไม่ได้ฟังผิดไปใช่มั้ย ? ฝากดูแลพี่ชายของฉันด้วยล่ะ พี่ชาย ... ฝากดูแล พอคิดได้ใบหน้าน่ารักก็ก้มลงจนแทบชิดถาด แก้มยุ้ยๆขึ้นสีแดงระเรื่อ


     
     
    “ไปทำงานต่อเถอะ ผู้สอดแนมสองคนนั้นสงสัยจนคิ้วจะผูกกันเป็นปมแล้ว คงกลัวว่าฉันจะแกล้งอะไรนายล่ะสิท่า งั้นเราเป็นเพื่อนกันแล้วนะ ฉัน คิมแทลิน นายล่ะ ?”
     


     
    “คิมมินซอกครับ”



     
     
    “อ้อโอเค ตั้งใจทำงานล่ะ หวังว่าเราคงได้สนิทกันมากขึ้นกว่านี้อีกไม่ช้าก็เร็วนะ” มินซอกลุกขึ้นยืนยิ้มกว้างๆให้เพื่อนใหม่ จริงๆก็น่ารักนี่นาผู้หญิงคนนี้ ถึงแม้ว่าแค่เจอกันวันแรกก็ดันมาหยิกแก้มเขาซะงั้น แต่ก็ถือเป็นการเริ่มต้นรู้จักกันที่ดีนี่นา
     
     
     
     

     
    “ผู้สังเกตการณ์ทั้งสองคะ อยากถามอะไรก็ว่ามาค่ะ นั่งหน้าคิ้วขมวดเป็นปม ระวังแฟนๆจะไม่รัก” คริสกับจงแดรีบกระแอมไอแก้เขินหนึ่งทีก่อนจะออกมาจากที่ซ่อนที่บังไม่มิด แล้วเดินมานั่งข้างๆน้องสาว
     


     
    “ลินไม่ได้แกล้งอะไรมินซอกหรอกค่ะ แค่ทำความรู้จักกับตีสนิทไปนิดหน่อย”
     


     
    “แล้วคุยอะไรกันบ้าง?”
     


     
    “ลินบอกไม่ได้หรอกค่ะ เพื่อนเขาคุยกันคนแก่ไม่เกี่ยว ไปถามกันเองไปเคลียร์กันเองให้รู้เรื่องละกันนะคะ อ้อ แต่ลินจะบอกพี่ชายประโยคนึงละกัน ลินบอกมินซอกว่า ฝากดูแลพี่ชายลินด้วย” แทลินยักไหล่หนึ่งทีก่อนจะลุกออกจากโต๊ะ เรียกซกเกียงกับซิ่วหมินก่อนจะโบกมือแล้วทำท่าส่งจูบไปให้ ก่อนจะเดินออกไปนอกร้าน เรียกแท็กซี่แล้วไปไหนก็ไม่รู้ ก็คุณเธอเข้ากับคนง่ายขนาดนี้ คงไปหาเพื่อนที่ไหนซักที่ละมั้ง  
     
     




     
     
     
    "แกเอาไงวะเฉิน"

     
     
    "ตามแผนใหม่...หึ"

     
     
    ก็ตามที่แทลินบอกอะเนอะ...เฉินคิดอะไรอยู่ใครจะไปรู้ได้ ภายใต้ยิ้มหวานๆ เสียงเพราะๆ แถมยังมากด้วยความสามารถ แต่อย่าแกล้งน้องมากนักล่ะ เดี๋ยวน้องหนีมาหาไรเตอร์ไม่รู้ด้วย... ;p 
     
     
     



     
     
    วันรุ่งขึ้น 
    "ซิ่วหมินนนนนนนนนนนนนนนน!" คนที่ตื่นมาเตรียมร้านแต่เช้าถึงกับสะดุ้งกับเสียงสิบแปดปรอทของเพื่อน 


     
    "ใจเย็นๆลู่หาน มีอะไร?"


     
     
    "เฉินไข้ขึ้น เหมือนจะตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่เฉินไม่ได้ไปเรียกใคร พอคริสมาดูตอนเช้าก็อาการหนักแล้วอ่ะ แล้วคริสต้องออกไปข้าง อะ..อ่าว ไปซะแล้ว แสดงว่าเราแสดงดีมากเลยนะเนี่ยลู่หาน ฮ่าฮ่า~"ลู่หานทำท่าปาดจมูก ก่อนจะชมตัวเองด้วยความปรีดี ในที่สุด...เวลาที่คอยมานาน สองคนนี้ก็จะได้ลงเอยกันซักที ลู่หานคนนี้ลุ้นอยู่ได้เป็นแรมเดือน 


     
     
    ก๊อกๆ 


     
    "ฮยองๆ"มินซอกยืนหอบอยู่หน้าห้องนอนจงแดสองวิ ก่อนจะเคาะประตูแล้วค่อยๆแง้มเปิดเข้าไป เห็นคนนอนหดอยู่ในผ้าห่มหนาๆเป็นหนอนตัวน้อยรอคนมาเยี่ยม 
     


     
    "ฮยอง..."เอ๊ะ เขาบอกว่าคนป่วยต้องการกำลังใจใช่หรือเปล่านะ? "...จงแด"
     


     
    "อื้อ หนาวจัง"


     
     
    "แอร์เย็นไปหรอฮะ เดี๋ยวผมปิดให้นะ"เสียงใสแจ๋วที่ดังขึ้นตั้งแต่เข้ามา ทำให้เจ้าของห้องแอบลอบยิ้มอยู่ในผ้าห่ม ถ้ารู้ว่าแกล้งป่วยแล้วจะมาดูแล แกล้งไปนานแล้ว! 
     


     
    "อยากกินน้ำ..."


     
     
    "แปปนึงนะจงแด เดี๋ยวไปหยิบมาให้"คนป่วยจำเป็นอมยิ้มอีกรอบ ก่อนจะแกล้งตีหน้านิ่วอีกรอบตอนได้ยินเสียงปิดประตู มินซอกเดินมานั่งข้างๆเตียง สะกิดเรียกคนที่ขดอยู่ใต้ผ้าห่มให้ออกมา พอออกมาเท่านั้นแหละ น้ำแข็งก้อนใหญ่ก็ถูกยัดเข้าไปในปากคนป่วยทันที 
     


     
    "อื้อ เอ่นอะไอเอี่ยอินออก(อื้อ เล่นอะไรเนี่ยมินซอก"คนแกล้งขำก๊ากจนแทบกลิ้งลงไปอยู่กับพื้น คิดหรอว่าเขารู้ไม่ทันแผนการแกล้งป่วย มินซอกคนนี้ไม่ได้โง่ขนาดนั้นนะครับ!
     


     
     
    "อยากกินน้ำไม่ใช่หรอ น้ำแข็งไง เย็นชื่นใจเลย ใครกันแน่ที่เล่นอะไรก่อน สมน้ำหน้าหายป่วยยังล่ะทีนี้"จงแดมองคนแลบลิ้นปลิ้นตาอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียง ก่อนจะดึงแขนอีกคนให้ล้มลงมาทับเขาอยู่บนเตียง ดูซิ ขนาดนี้จะยังมีอารมณ์มีหัวเราะอีกมั้ย 


     
     
     
    "ฮ..ฮยอง เล่นอะไรเนี่ย"


     
     
    "จงแด"สายตาดุๆส่งมาหาเขาทำให้เขาต้องรีบเปลี่ยนคำพูด ได้ทีข่มกันเลยนะ 
     


     
    "จะ จงแด..เล่นอะไร"
     


     
    "ก็แค่อยากรู้ว่ายังหัวเราะได้อีกหรือเปล่าไง"จงแดกลิ้งน้ำแข็งในปากที่จากก้อนใหญ่ตอนนี้เหลือก้อนเล็กลงแล้วก่อนจะลุกขึ้นนั่งแล้วทาบริมฝีปากคนที่นั่งทับอยู่ ปลายลิ้นเรียวส่งก้อนน้ำแข็งไปให้อีกคนก่อนจะถอนริมฝีปากออกมา 
    "เย็นปะล่ะ"คนถูกถามนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา สิ่งที่แสดงออกมีอยากเดียวคือพวงแก้มที่แดงระเรื่อขึ้นเหมือนมะเขือเทศ (?) 
     


     
    "....."


     
     
    "จะไม่พูดอะไรจริงๆอ่ะ" แล้วจะให้เขาพูดอะไรเล่า! เขินจนพูดไม่ออกแล้ว แรงพูดมันเอาไปปั้มหัวใจหมดแล้ว....
     
     

     
    "ถ้าไม่พูด  ...อีกก้อนดีมั้ย"
     

     
     
    "พอแล้วพอแล้ว พูดก็ได้"อีกคนยิ้มอย่างพอใจ
     

     
     
    "ดีนะเนี่ยที่ตอบก่อน ตอนนี้ก็ชักร้อนๆอยู่เหมือนกัน อยากกินน้ำแข็ง"
     
     

     
    "ก็ฮะ..ยอง เอ๊ย จงแดเล่นอะไรก็ไม่รู้! จะให้พูดอะไรเล่า"มินซอกรีบเปลี่ยนคำพูด เมื่อจงแดทำท่าจะเข้ามาทำตามที่พูดอีกรอบ 
     

     
     
    "ถ้าไม่รู้จะพูดอะไร เดี๋ยวฉันตั้งคำถามเอง"
     


     
    "หือ?"
     


     
    "เป็นแฟนกันมั้ย"


     
     
    "O______O"
     


     
    "มีอะไรให้ตอบแล้วนะ ไม่ตอบล่ะ?"


     
     
    "ผม....หรอฮะ?"
     
     

     
    "ใช่น่ะสิ ชอบนะ...ชอบมากด้วย"

     
     
     
    "อื้อ"
     

     
     
    "อื้ออะไร?"

     
     
     
    "อื้อ โอเค ...เป็นแฟนกัน"มินซอกก้มหน้าลงอย่างเขินๆ แก้มขึ้นสีแดงยิ่งกว่าเก่า จงแดขโมยหอมแก้มคนน่ารักตรงหน้าอีกรอบ ก่อนจะร้องเย่ออกมาดังๆ จนคนที่แอบฟังอยู่หน้าห้องรู้ถึงข่าวดี 

     
     
     
    "เย่!!!!!!!!! ซิ่วหมินมีแฟนแล้ว"ลู่หานรีบเปิดประตูเพื่อจะแสดงความยินดี แต่กลับ!...
     

     
     
    "เฮ้ยขอโทษๆ ไปทำงานต่อแล้วนะ บายโชคดีล่ะ"
     
     

     
    ฉากที่มีคู่รักนั่งตักกันอยู่ในห้องนอน ปากก็จุ๊บกันอยู่เนี่ย คงไม่น่าดูสำหรับคนโสด(และคนทุกเพศทุกวัย)สักเท่าไหร่ เพราะเกรงว่าหัวใจจะวาย หรือไม่ก็เป็นเบาหวาน เพราะน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป ก่อนวัยอันควร 
     
     
     
     
     
     

     
     
     
    Special part !

     
    เรียวขาขาวที่โผล่พ้นกางเกงยีนส์ขาสั้นเท่าเข่า รีบก้วยเท้าฉับๆบนพื้นกระเบื้องพร้อมลากกระเป๋าเดินทางใบโต
    ไปตามทางที่มีป้ายเขียนบอกไว้ว่า เกต 10 นัยตาสีน้ำตาลเข้ม ภายใต้แว่นกันแดดสีชา มองไปรอบๆอย่างตื่นเต้น 
    วันนี้แล้วที่เขาจะได้กลับไปเกาหลี จะได้เจอกับคนที่เขารอเจอเป็นเดือนเดือน ! 
    สองมือกระชับกระเป๋าเป้ตัวเก่ง เควินไคลน์ ก่อนจะค่อยๆนั่งลงบนที่นั่งบนเกต ก่อนจะล้วงมือหยิบโทรศัพท์มือถือ
    พร้อมกับหูฟังขึ้นมายัดใส่หู เสียงที่พยายามจะพูดภาษาจีนปนเกาหลีของคนที่อยู่อีกประเทศ ดังขึ้นมาตามสายหูฟัง 
     

     
     
     
    'มินซอก... คิดถึงจัง หลังจากคลิปที่ 41 ผ่านไป คลิปนี้เป็นคลิปที่ 42 ซึ่งคงเป็นคลิปสุดท้ายแล้ว 
     

     
     
    เพราะว่าวันที่ 43 คงจะได้เจอกันตัวเป็นๆ วันนี้ฉันกับไอ้ตัวแสบ' 

     
     
    'หนีห่าวมินซอกกกกกก ~' คนดูเผลอหลุดยิ้มให้กับท่าทางตลกๆของแทลิน ทั้งแม้จะดูหลายรอบแล้วก็ตาม 
    เขาแอบรู้สึกโชคดีนะที่ได้เพื่อนเพิ่มมาตั้งคนนึง 


     
     
    'พอก่อนเลยแทลิน อะแฮ่ม.. ฉันกับแทลิน จะมาร้องเพลงให้ฟัง เพลงนี้ชื่อว่า love day' 
     
     
     
     
     
    มินซอกมองใบหน้าของคนสำคัญที่กำลังจับไมค์ร้องเพลงกับน้องสาวตัวแสบ 
    แววตาที่ดูมีความสุขและจริงใจระหว่างร้อง ทำให้คนรับมีความสุขไม่แพ้กัน 
     

     
     
    หลังจากที่เป็นแฟนกัน จงแดก็อยู่ที่จีนอีกประมาณสองอาทิตย์ โลกดูสดใสมากกว่าที่เคยเป็น ก็แน่สิเขาไม่เคยมีแฟน
    ไม่เคยรู้สึกแบบนี้ด้วย หลังจากสองอาทิตย์นั้นจงแดต้องกลับไปเกาหลี เศร้าน่ะใช่ แต่อีกไม่นานเขาก็จะเรียนจบแล้ว 
    ยังไงก็ต้องได้เจอกันที่เกาหลีอยู่ดี อีกแค่เดือนกว่าเอง เขาอยู่ได้ ถึงแม้จะมีอาการซึมๆนิดหน่อย 
    แต่ทั้ง 42วันที่ผ่านมาเขาได้รับข้อความวีดีโอจากจงแดทุกวัน และมันจะมาถึงเวลา 8โมงเช้าทุกๆวันด้วย นั่นล่ะ
    เป็นกำลังในการเรียนให้จบและกลับไปเกาหลี 
     

     
     
     
    'เที่ยวบิน อีเอ็กโอ 15 เดินทางไปกรุงโซลประเทศเกาหลี ขึ้นเครื่องได้แล้วค่ะ' 

     
     
    เอาล่ะ! เขาพร้อมแล้ว เจอกันนะประเทศเกาหลี 
     
     
     
     
     


     
     
     
    "โอป้า จะไม่ไปหามินซอกจริงๆหรอ? ลินอยากเจอซาเปาอ่ะ โอป้าจะไม่ไปจริงๆใช่มั้ย กลับเกาหลีวันแรกเลยนะ...จริงๆอ่ะ ....หื้อ ใจแข็งมากกก"
     
    จงแดส่ายหน้ากับน้องสาวตัวดี ที่พูดเจี้ยวจ้าวไม่หยุดตั้งแต่นึกขึ้นได้ว่ามินซอกจะกลับมาเกาหลีวันนี้ 
     

     
     
    "ก็เขากลับบ้านวันแรก อยากให้อยู่กับพ่อแม่ กับครอบครัว มันคงดูไม่ดีเท่าไหร่หรอกถ้าเราจะไป
    เขาไม่ได้เจอกับพ่อแม่เขาตั้งเป็นปีๆ พ่อแม่สำคัญที่สุดนะลิน"แทลินกระพริบตาปริบๆกับคำพูดของพี่ชาย 
    ให้ตายเถอะ...ยังมีผู้ชายแบบนี้อยู่บนโลกอีกหรอเนี่ย สุดยอดแห่งความเป็นสุภาพบุรุษ และให้ความสำคัญกับบุพการีเป็นที่หนึ่ง
     

     
     
    "ถึงลินจะอยากได้แฟนนิสัยเหมือนจงแดแค่ไหนนะ แต่ว่าถ้าตั้งความหวังไว้อย่างนั้นมีหวังขึ้นคานตาย โอ๊ยพ่อพระ ไม่อยู่ละ นั่งสมาธิไปละกันนะคะ"
    แล้วแทลินก็วิ่งออกไป ให้พี่ชายผู้แสนดี นั่งส่ายหน้าอยู่คนเดียว เขามองนาฬิกาบนโต๊ะทำงาน อีก ห้า นาทีเครื่องจะแลนดิ้ง
    ถ้าไม่มีอะไรคลาดเคลื่อน นิ้วมือเรียวเคาะโต๊ะไม้เป็นเชิงครุ่นคิด... อืม
     
     


     
    'มินซอก วันนี้ไม่ได้ไปรับนะเพราะคิดว่า วันแรกของการกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเกิด ก็ควรจะให้ความสำคัญกับผู้ให้กำเนิดเราเป็นที่สุด  แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันพาไปเที่ยวนะ' 

     
     
     
    หลังจากที่นั่งเรียบเรียงอยู่นาน แบบนี้..คงโอเคแล้วมั้ง และข้อความจากมือถือของจงแดก็ไปถึงมือถือของมินซอกในเวลาต่อมา
     
     
     
     
     



     
     
     
    ติ๊ด ติ๊ด 
    เสียงข้อความเข้า ดังขึ้นทันทีที่มินซอกเปิดโทรศัพท์ จริงๆเขายังเดินไม่ถึง ทางออกด้วยซ้ำ แต่หลังจากหยิบกระเป๋าเสร็จก็เปิดมือถือเลย 
     
     


     
    'มินซอก วันนี้ไม่ได้ไปรับนะเพราะคิดว่า วันแรกของการกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเกิด ก็ควรจะให้ความสำคัญกับผู้ให้กำเนิดเราเป็นที่สุดแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันพาไปเที่ยวนะ' 
     

     
     
    เพราะข้อความนี้ทำให้เขายิ้มกว้างทันที ใช่ว่าไม่อยากเจอ ใช่ว่าไม่คิดถึง หรือไม่อยากให้มารับ 
    แต่เพราะเนื้อความมันได้บอกเขาเป็นอย่างดีเลยว่าคนส่งเป็นคนแบบไหน 
    น่าดีใจจะตายถ้าเขาจะเจอใครซักคนที่รักเขาจริง และยังเป็นคนดีอย่าบอกใคร.. 
    "มินซอก ลูก~"หลังจากที่เขาเดินออกมาจากประตูบุคคลสองคนที่รักเขาที่สุดในโลกหล้าก็รีบร้องเรียกหาเขา 



     
    ออมม่า อัปปา.. 

     
     
     
    "พ่อ แม่ คิดถึงที่สุดเลยยย~"


     
     
    "พ่อแม่ก็คิดถึงลูกเหมือนกัน เป็นไงไปเรียนสนุกมั้ย"
     


     
    "ดีมากเลยฮะ ผมพูดจีนคล่องปร๋อเลย" แล้วพ่อแม่ลูกก็เดินออกจากสนามบินไป 
     
     
     
     
     





     
     
     
    "เดี๋ยวๆ จงแด อย่าเพิ่งถึงนะ...อัปป้า ออมม่า ผมไปนะฮะ เดี๋ยวจะกลับมาตอนเย็นๆ บายครับ"

     
     
     
    [จะถึงแล้วนะอีก 5 วินับได้เลย] 
     
     
     
    มินซอกรีบจับหมวกสีดำของตัวเองกันตก ก่อนจะรีบใส่รองเท้าคู่เก่ง แล้วกระโดดเหยงๆหนีบโทรศัพท์ไปด้วย
     


     
    ".......4 .....5" 
     

     
     
    [ถึงแล้ว]
     

     
     
    หลังจากจบเลข5 รถเบนซ์ซีแอลเอสสีขาวก็วิ่งมาจอดหน้าบ้านเขา มินซอกแทบจะปล่อยกระเป๋าใบเล็กๆออกจากไหล่..
    รู้แล้วน่าว่ารวย มาซะเต็มขนาดนี้ อุตส่าห์ไม่อยากเด่นแล้วนะ ;____; 

     
     
     
    "มินซอกกก คิดถึงจัง!" ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไร แทลินก็เปิดประตูรถแล้ววิ่งมากอด ถ่ามกลางความตื่นตะลึงของเขาเอง 
     

     
    อ่าว แทลินไปด้วยหรอกหรอ ._. 


     
     
    "ไม่ต้องมาทำหน้าเป็นหมาหงอยอย่างนั้นเลยนะ รู้นะว่าคิดอะไรอยู่ ลินแค่ขอไปกลับด้วยแค่นั้นแหละ 
    ส่วนตอนเที่ยว ลินก็ไปกับแฟนลิน ส่วน'ใคร' อยากไปไหนกับ'ใคร'ก็ไป"

     
     
     
    "เค้าไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย ลินคิดไปเองทั้งนั้น~"

     
     
    "เอ๊า จะไปกันมั้ยครับขึ้นรถเร็ว" คนที่ยืนเงียบฟังสองคนนั้นคุยกันอยู่นาน ถึงกับต้องขัด วันนี้มินซอกแต่งตัวชิลๆลุยๆ เสื้อสีเทาแขนยาวกับกางเกง 3 ส่วน สวมหมวกหนึ่งใบ ดูๆไปก็น่ารักไปอีกแบบ 
     
     

     
    "โอเคฮะ/โอเคค่า"
     
     
     
     
     


     
     
     
    Lotte world (สวนสนุก)

     
    เมื่อมาถึงที่หมายแทลินก็ขอแยกไปเจอแฟนหนุ่มซึ่งจงแดก็จะอยู่รอเจอให้ได้ นี่แหละนะ 
    นิสัยของพี่ชายต้องหวงน้องสาวสุดสวยเป็นธรรมดา พอแฟนของแทลินมาก็เล่นเอาซิ่วหมินตาค้างเบาๆ...ฝรั่ง 
    ผมทองหล่อมาก แถมสูงมากอีกด้วย เขากลายเป็นคนแคระไปเลย จงแดก็ดูจะพอใจกับแฟนของน้องเหมือนกัน 
     

     
    ป๊อก


     
     
    "โอ๊ย เจ็บนะ จงแดทำไรเนี่ย" มินซอกคลำหน้าผากที่มีสีแดงนิดหน่อง ป้อยๆ จงแดดีดหัวมินซอกข้อหามองคนอ่นตาค้างทั้งๆที่เขายังยืนอยู่ตรงนั้น 
     
    .เฮ้ยไม่ใช่สิ ถึงเขาไม่อยู่ก็ห้ามมอง
     


     
    "ชอบแบบนั้นหรอครับ ..ไปเที่ยวกับเขาเลยมั้ย?" น่ะ...ก็เพิ่งรู้เหมือนกันนะ ว่าจงแดมีมุมแบบนี้ด้วย ขี้หึงไม่ใช่เล่นนะเนี่ย


     
     
    "ก็แค่มองเฉยๆเองไม่ได้คิดอะไรซักหน่อย ดู... แดงเลย ใครทำ"


     
     
    "โอ๋ๆ ขอโทษ ก็มันเผลอไป" จงแดลูบหัวมินซอก เป็นเชิงปลอบใจนั่นไง ลูบหัวแบบนี้ ใครมันจะไปโกรธลงล่ะ!
     

     
     
    "ไปเล่นกันเถอะ ไม่ได้โกรธจริงๆซักหน่อย ฮ่าฮ่า"
     
     
     
     
     



     
     
    หลังจากเล่นเครื่องเล่นไปหลายอัน ทั้งสองคนก็เริ่มร้อนและเหนื่อย ตอนแรกนึกว่ามินซอกจะกลัวอะไรบ้างให้เขาปลอบ 
    แต่มันไม่ใช่เลย ยิ่งเล่นยิ่งฮึด เข้าบ้านผีสิง ไม่มีหรอกโอกาสอะไรอย่างนั้น ถ้าไม่รั้งไว้มินซอกอาจจะต่อยหน้าผีไปแล้ว
    เพราะรั้งไว้เลยทำได้แค่ แบร่ ใส่ผีกลับ 
    มินซอกถูกจงแดจูงมือไปนั่งที่ม้านั่งตัวนึง แล้วก็บอกให้เขานั่งรอเพราะจะซื้อน้ำมาให้ เขาก็นั่งรอ 
    ตามองนู่นมองนี่ไปเรื่อย ลุกขึ้นเดินไปเดินมาบ้างตามภาษาคนไม่ค่อยอยู่นิ่ง จนคนที่เดินมาถึงกับเหนื่อยใจ
    มือขวาของจงแดถือน้ำเปล่ามาหนึ่งขวดใหญ่ส่วนข้างซ้ายถือลูกโป่งหลายสี
     


     
     
    "มานั่งนี่เลยมินซอก"
     


     
     
    "อะไรอ่ะ?" 


     
     
     
    "ผูกไว้ เดี๋ยวเด็กน้อยจะหลงทางเอา" ตาเขามองลูกโป่งที่อีกคนเอามาผูกกับข้อมือตาปริบๆ ไม่ใช่เด็กแล้วนะ เอ๊ะ แต่อะไรเย็นๆนะ... 
     
     

     
    อีกคนที่เมื่อกี้ยืนหันหลังเพราะเขินกับอะไรบางอย่างอยู่ เหมือนกับต้องรอเก้อ.. ไม่เห็นหรือไงนะ? 
    .. เขาหันหลังมาดูที่ปลายเชือกลูกโป่ง เฮ้ย แหวนหาย
     

     
     
    "เอ่อ.. รอตรงนี้แปปนึงนะ ลืมของไว้ตอนไปซื้อน้ำน่ะ" คนหนึ่งก็ร้อนใจที่ดันเผลอทำของสำคัญหายไป จงแดวิ่งย้อนกลับไปที่ทางซื้อน้ำ แล้วค่อยๆไล่ดูตามทางที่เดินมา ...ไม่มี ทำไมสะเพร่างี้วะเนี่ย ไว้ซื้อใหม่ก็ได้วะ

     
     
     
    "จงแด หายไปไหนมานานจัง ไปเล่นเครื่องเล่นกันนะ" มินซอกเห็นจงแดเดินกลับมาหน้าหงอยๆ เขากลั้นขำคว้ามือจงแดมา
    แล้วเตรียมลากไปเล่นเครื่องเล่นต่อ แต่อีกคนกลับหยุดยืนนิ่ง ยกมือเขาขึ้นมามอง
     
     

     
    ...แหวนสลัก ' 0 cm ' 

     
     
     
     
    "แหวนสวยเนอะ สลักข้อความซะด้วย" 
     

     
     
    "อ๋อ มีคนให้มา"
     
     

     
    "ใครให้ล่ะ"
     

     
     
    "แฟน..."จงแดยิ้มแก้มปริกับคำจำกัดความระหว่างเขาสองคนที่มินซอกพูดออกมาแบบเขินๆ เขายื่นหน้าเข้าไปกัดที่แก้มอีกคนเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว
     

     
     
    "เดี๋ยวก็กินซะหรอก"
     

     
     
    "อย่ามา....-///- แล้ว ที่เขียนไว้หมายถึงอะไรหรอ?"
     

     
     
    " 0 cm ก็มาจากที่ว่า ถึงตอนแรกเราจะอยู่คนละที่กัน แต่สุดท้ายเราก็ได้มาเจอกัน ความห่างของเราก็เลยกลายเป็น 0 เซนติเมตร และ ซีก็มาจากคำว่าเฉิน ส่วนเอ็มก็มาจากคำว่าหมิน ที่ใช้ภาษาจีนเพราะเราเจอกันที่จีน"
     


     
     
    "หือ...ลึกซึ้งมาก คิดได้ไง" มินซอกพยักหน้ารัวๆกับความคิดสุดบรรเจิดนั่น ก่อนจะลากไปเล่นเครื่องเล่นต่อ 
     

     
     
    "เดี๋ยว..." 
     

     
     
     
    "อะไรอีก..." ช่วงเวลาเซี้ยววินาทีที่ความห่างกลายเป็น 0 เซนติเมตรจริงๆ...กลางสวนสนุกนะ! ถึงจะแค่จุ๊บก็เถอะ ! 
     


     
     
    "หว่ออ้ายซิ่วหมิน"

     
     
     
    "รู้แล้วน่า..ไปเล่นกันได้ยัง" ถึงปากจะชวนไปเล่นแต่แก้มแดงๆเหมือนลูกมะเขือเทศนั่น เขินชัว "เขินอ่อ?"
     
     

     
    "อะไร? ไปได้แล้ว !"
     

     
     
    "เขินแน่ ..." 
     

     
     
    "จงแด!"
     


     

     
    "โอเคไม่แกล้งแล้วครับ ... เขินชัว ฮ่าฮ่าฮ่า" 
     



     

    talk :จบแล้ววววว ! ถึจะแค่ก๊อปมาวางแต่ว่าใช้เวลาจัดหน้ากระดาษานานพอสมควร...
    เราเหมือนนั่งอ่านใหม่ทั้งหมดแอบแก้ด้วย แอบคิดว่าภาษาตัวเองมันน้ำเน่านะ .////.  เรื่องนี้ไม่มีสาระอะไรนอกจาก
    หวาน ! ชิว ! และ น่ารัก ! 55555 มันเขียนมาจากที่ว่า เค้าเห็นหมินทำแบบไหนแล้วน่ารักก็ให้หมินทำแบบนั้น 
    อยากให้เฉินทำยังไงกับหมินก็เขียนแบบนั้น แอบมีใส่ชีวิตจริงไปบ้างเล็กน้อย อุอิ  แต่อาจจะไม่มีใครจับได้ว่ายู่ช่วงไหนบ้าง 
    ใครจับได้มาบอกเค้าด้วยนะ 5555555 
     
    ใครที่สงสัยว่าใครคือคนคนนั้นของท่านคริส ! สงสัยไปก่อนนะ เค้าคิดไว้แล้วแหละว่าเป็นใครแต่ว่าไม่อยากให้มีคู่อื่นปน
    เผื่อว่าถ้าใครไม่ได้ชอบคนเดียวกัน แต่ว่าถ้าว่างและฟัวไบร์ทเมื่อไหร่ ท่านคริสโดนแน่ๆ ฮ่าฮ่า ตอนนี้ก็รอกันต่อไป
     
    ตอนนี้ในหัวมีพลอตเยอะมาก และมีเรื่องที่แต่งเสร็จแล้วอยู่หลายเรื่อง จะทยอยลง แต่วันนี้ไม่ไหวแล้วจริงๆ+__+
    see you when you see me ! 

    ปล.จากที่เราเปิดเรื่องสั้นไว้มีคนมาเม้นเรา 3 คน จริงๆแอบเสียดายที่อุตส่าฟ์เม้นแต่เราต้องปิดเรื่องนั้นไป 
    เลยขอแคปภาพไว้ เป็นความทรงจำนิดนึง 55555 


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×