[SF-HSJ] Who are Romeo [Keito x Ryosuke] - [SF-HSJ] Who are Romeo [Keito x Ryosuke] นิยาย [SF-HSJ] Who are Romeo [Keito x Ryosuke] : Dek-D.com - Writer

    [SF-HSJ] Who are Romeo [Keito x Ryosuke]

    ความรัก และความสับสน การโกหก การหลอกลวง ทั้งหมดมีบทสรุปเพียงหนึ่งเดียว.....

    ผู้เข้าชมรวม

    740

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    740

    ความคิดเห็น


    5

    คนติดตาม


    2
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  4 พ.ย. 54 / 19:50 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น







    ฟิคตามรีเควช โอคายามะ ^^

    ใครชอบคู่นี้เชิญอ่านตามอัธยาศัยค่ะ แต่ถ้าใครไม่ชอบก็อย่าแอนตี้นะคะ

    และที่สำคัญ อ่านจบแล้ว อย่าได้ตามหาตัวคนเขียน เพราะมันหนีข้ามชายแดนออกนอกประเทศไปแล้ว >w<

    //////////////////////////////////////////////////////


    ตัวละคร


     
    โอคาโมโตะ เคย์โตะ




     
    ยามาดะ เรียวสุเกะ

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ





              อยากจะหนีให้ไกล ที่ไหนก็ได้ ให้ไกลแสนไกล

      ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องระวัง ไม่ต้องกลัวใครจะสนใจ

      ที่ที่ฉันและเธอ  จะหลอมดวงใจร่วมรักกันไป

      ที่ที่เวลา ทุกๆ นาที นั้นจะมีแต่เราคู่กัน...ไม่ห่าง
              ((เพลง Romeo and Juleit วงพรู))



      แพ ขนตาไหวตามแรงลมอ่อนๆ เริ่มขยับขึ้นพร้อมกับเปลือกตาที่ค่อยๆ เปิดขึ้น ทันทีที่ลืมตาแสงสว่างจ้าสาดส่องเข้ามาจนแสบตา เด็กหนุ่มหน้าขาวใสยกมือขึ้นป้องบังแสงพลางปรับโฟกัสสายตารับแสงอ่อนๆ ก่อนจะหันไปมองรอบๆ ด้วยสายตาว่างเปล่า



      "........"



      ที่นี่....ที่ไหนกัน....



      "หือ?? เอ๊ะ!! ยามะจัง!! ยามะจังฟื้นแล้ว เฮ้อ~ ค่อยโล่งอกหน่อย นายน่ะนอนนานไปแล้วรู้มั้ย ฉันเป็นห่วงแทบแย่" เสียงทุ้มต่ำจากคนที่นั่งหลับอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยเอ่ยขึ้นเมื่อ รู้สึกตัวแล้วเห็นว่าคนป่วยบนเตียงได้ตื่นอยู่ก่อนแล้ว



      "......" แต่กลับได้รับเพียงความเงียบและสายตาว่างเปล่าจากคนป่วยบนเตียงกลับมา แทนที่จะเป็นเสียงโหวกเหวกโวยวายเหมือนทุกที



      "ยะ...ยา มะจัง นาย...ไหวมั้ย ฉันไปตามหมอให้นะ" พูดจบร่างสูงข้างเตียงทำท่าจะลุกออกไปทันใด ถ้าไม่เกิดคำพูดที่ทำให้เค้าต้องชงักฝีเท้าซะก่อน



      "คุณ....เป็นใคร??" แววตาว่างเปล่าไร้ซึ่งความรู็้สึกหันมาสบตากับร่างสูงที่ยืนตัวแข็งอยู่ข้างๆ



      "นะ...นาย จำฉันไม่ได้เหรอ ยามะจัง นายจำฉันไม่ได้เหรอ" ร่างสูงที่หันกลับมาหาผู้ป่วยบนเตียง พยายามซักไซ้ มือทั้งสองข้างกระชับไหล่ไว้แน่น



      "......." แต่คำตอบที่ได้รับ คือการส่ายหน้าเบาๆ  ทำให้ร่างสูงถึงกับหัวใจหล่นวูบ แทบจะทรุดตัวลงนั้น 



      "นาย จำฉันไม่ได้จริงๆ เหรอ นึกให้ออกสิ...นึกให้ออกสิยามะจัง...." เสียงทุ้มต่ำเริ่มแผ่วเบาลงแล้วเลือนหายไป พร้อมกับความดีใจเมื่อครู่



      "ไม่ จริง มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ ยามะจัง รอฉันก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะไปตามหมอนายห้ามไปไหนนะ!!!" ร่างสูงกำชับผู้ป่วยบนเตียงก่อนจะวิ่งหายลับไปกับประตูห้อง ทิ้งให้ยามาดะ เรียวสุเกะ นอนนิ่งพลางกวาดไล่สายตาไปมาภายในห้องด้วยความรู้สึกว่างเปล่า...



      ........................



      ................



      ........



      "ยา มะจัง นายจำฉันไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ นายไม่ต้องคิดถึงอดีตที่มันหายไปหรอกนะ บางที การที่ความทรงจำของนายมันหายไป อาจเป็นเพราะภายใจจิตใจของนายไม่อยากจะจดจำมันก็ได้"



      "..........."



      "ฉัน ไม่รู้หรอกนะว่านายไปเจออะไรมา แต่การที่นายต้องมานอนปางตายอยู่ที่นี่ฉันก็แทบจะขาดใจตายอยู่แล้วรู้มั้ย แล้วยิ่ง....นายจำอะไรไม่ได้ แม้กระทั่งตัวเอง และฉัน.... ฉันเจ็บนะรู้มั้ย แต่ไม่เป็นไร เรามาเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่ก็ได้ ตอนนี้อขอแค่นายจำชื่อตัวเองกับชื่อฉันให้ได้ก็พอแล้ว" ร่างสูงพยายามปั้นหน้ายิ้มให้กับคนป่วยบนเตียงที่ยังคงนั่งตาลอยไม่รับรู้ เรื่องราวใดๆ



      หมอบอก ว่า คนไข้ได้รับการกระทบกระเทือนทางสมอง มีผลทำให้ความทรงจำหายไป แต่การรักษาต้องใช้เวลา การรักษาทางด้านจิตใจสำคัญที่สุด ไม่ควรเร่งให้เค้านึกถึงอดีต แต่ควรจะพาเค้าไปในที่ที่เค้าเคยมีความทรงจำดีๆ กับมัน บางทีอาจจะทำให้เค้าจำอะไรได้เร็วขึ้น



      "นี่ยามะจัง จำชื่อตัวเองได้แล้วใช่มั้ย"



      "อือ...." คนป่วยพยักหน้ารับเบาๆ



      "ไหนลองบอกมาสิ" ร่างสูงที่คอยมาดูแลคนป่วยทุกวัน ดูแลเอาใจทุกอย่าง พยายามฟื้นความทรงจำให้กับคนป่วยทีละนิด



      "ยา..มาดะ เรียวสึเกะ..."



      "เยี่ยมไปเลย นายทำได้ดีมาก" ร่างสูงโผเข้ากอดด้วยความดีใจ พลางปลอบประโลม เพิ่อไม่ให้คนป่วยต้องใช้ความคิดมาก



      "แล้ว....ชื่อฉันล่ะ" ร่างสูงกระข้างหู ทั้งที่ยังไม่ละคนป่วยออกจากอ้อมแขน



      "อือ.....โอ...คาโม..โตะ....เคย์โตะ" ร่างสูงกระชับอ้อมกอดแน่นทันทีที่ได้ยินคนป่วยเรียกชื่อตัวเองได้อย่างถูกต้องไม่ผิดเพี้ยน



      "เรียว สึเกะ ฉันดีใจนะที่นายจำชื่อฉันได้น่ะ ดีใจจริงๆ" น้ำเสียงดีใจสั่นเครือเล็กน้อย หยดน้ำใสๆ จากดวงตาเรียวค่อยๆ รินไหลด้วยความตื้นตัน



      "ไว้ พรุ่งนี้ฉันจะพานายไปเดินเล่นข้างนอกกันนะ อยู่แต่ในห้องแบบนี้นายคงเบื่อแย่" ร่างสูงกระชับอ้อมกอดแน่น ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากลงมาสัมผัสปากอิ่มมอบความอบอุ่นและรสจูบอันแสนหวาน



      'ยามะจัง......ฉัน....อยากให้นายเป็นแบบนี้ตลอดไป' เสียงที่ดังก้องในใจของโอคาโมโตะ เคย์โตะ ที่ไม่อยากให้คนตรงหน้าได้ยิน



      ..............................



      ...................



      ......



      "ท่าทางนายดูดีขึ้นมากเลยนะ ฉันคงต้องพานายออกมาข้างนอกบ่อยๆ แล้วล่ะ" ร่างสูงย่อตัวลงนั่งข้างๆ รถเข็ญที่มีเรียวสุเกะนั่งอยู่



      "อื้ม.... ฉันชอบอากาศข้างนอกมากกว่านะ" เรียวสุเกะเอ่ยขึ้นเรียบๆ แต่ก็นับว่าเป็นประโยคที่ยาวทีุ่สุดที่เคย์โตะเคยได้ยิน นับตั้งแต่เค้าฟื้น เคย์โตะทำท่าแปลกใจกับคำพูดของเรียวสุเกะ



      ถึง น้ำเสียงที่เค้าพูดจะเป็นแค่เสียงเรียบๆ แต่ใบหน้าและดวงตาที่เคยเหม่อลอยนั้น ดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งการสบตาและโฟกัสสิ่งต่างๆ รอบข้าง รวมถึงการตอบสนองต่างๆ ก็เป็นไปในทางที่ดีขึ้น อีกไม่นานคงออกจากโรงพยาบาลได้



      "งั้น ฉันจะขอร้องคุณหมอให้พานายออกมาทำกายภาพข้างนอกดีมั้ย นายน่าจะปรับตัวได้เร็วกว่าอยู่ในห้องที่น่าอึกอัดแบบนั้น อีกไม่นาน พอหายดี จะได้กลับบ้านกัน"เคย์โตะยิ้มหวานจนตาแทบปิดเป็นการให้กำลังใจเรียวสุเกะที่ กำลังพยายามคลี่รอยยิ้มบางๆ



      "ขอบ ใจมากนะ เคย์โตะ..." เรียวสุเกะเอ่ยขอบคุณพร้อมรอยยิ้มจางๆ มือเรียวสวยเอื้อมกุมมือคนตรงหน้าด้วยความซาบซึ้ง หยดน้ำใสๆ ที่สั่นระริกในดวงตาค่อยๆ ไหลรินลงมาผสมกับรอยยิ้มที่อ่อนแรง



      "ยามะจัง......" มือหน้าเื้อื้อมไปสัมผัสใบหน้าขาวใสก่อนจะใช้นิ้วเกลี่ยเช็ดหยาดน้ำใสๆ ที่อาบแก้มเบาๆ 



      "ความทรงจำของฉัน....มันคงโหดร้ายมากสินะ ฉันถึง....ไม่อยากจดจำมัน" น้ำเสียงสั่นเครือของเรียวสุเกะ ทำให้ร่างสูงตรงหน้าหัวใจแทบสลาย



      "อย่า ไปคิดถึงมันเลย อย่าพยายามคิดถึงอดีตอีกเลยนะยามะจัง วันนี้ ตอนนี้ นายจำไว้ว่ามีเพียงฉัน มีแค่ฉันที่อยู่กับนาย และจะไม่มีวันจากไปไหน...ยามะจัง ฉันรักนายนะ ฉันจะดูแลนายเอง ทั้งตอนนี้และตลอดไป...แค่ฉัน.... แค่ฉันเท่านั้นที่จะอยู่ในความทรงจำของนายตลอดไป" เสียงทุ้มต่ำพยายามกลบเกลื่อนอาการสั่นเครือ ดวงตาเรียวกระพริบตาถี่ๆ พยายามสะกดน้ำตาตัวเองที่กำลังจะเอ่อล้นออกมาไว้ให้ได้นานที่สุด ความรู้สึกที่จุกอยู่ตรงหน้าอก มันเจ็บกว่าคนรักที่กำลังเจ็บปวดอยู่ตรงหน้าหลายเท่านัก ทำไม ไม่ไม่เป็นเค้าที่เป็นฝ่ายเจ็บเสียเอง....



      ร่างสูงจูบซับน้ำตาเบาๆ ก่อนจะสวมกอดพร้อมกับปล่อยให้หยดน้ำใสๆ ที่พยายามกลั้นไว้เมื่อครู่ไหลมาอาบแก้มโดยไม่คนใจสายตาคนรอบข้าง



      .............................



      ...............



      ......



      ดวง อาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า สาดแสงสีทองเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นวันใหม่ และเป็นเช้าวันสำคัญของใครบางคนที่กำลังนั่งเท้าคาง มองคนตรงหน้าที่กำลังวุ่นวายเก็บข้าวของยังกับจะย้ายบ้านยังไงอย่างงั้น ไม่ให้เยอะได้ไง ในเมื่อเค้ามาใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเดือนๆ จนแทบจะคิดว่าเป็นบ้านตัวเองไปแล้วน่ะ



      "ยิ้มอะไรน่ะ" ร่างสูงที่กำลังก้มๆ เงยๆ วุ่นวายอยู่กับการเก็บของหันมาถามคนป่วยที่กำลังนั่งเท้าคางยิ้มหวานอยู่บนเตียง



      "ก็ ดีใจน่ะ" ถึงจะเป็นประโยคสั้นๆ แต่กลับแสดงความสดใสอย่างเห็นได้ชัด รอยยิ้มกว้างบ่งบอกความดีใจที่ตัวเองจะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วกลับบ้านสักที ถึงแม้จะยังนึกไม่ออกว่าบ้านของตัวเองหน้าตาเป็นยังไง แต่ก็อยากกลับไปใจจะขาดอยู่แล้ว



      "หุบยิ้มบ้างก็ได้นะ ยิ้มจนปากจะฉีกถึงหูอยู่แล้ว" ร่างสูงละมือจากข้าวของตรงหน้า เดินมาขยี้หัวเบาๆ ก่อนจะเดินกลับไปเก็บข้าวของต่อ



      "ก็ ฉันดีใจนี่นาที่จะได้กลับบ้านสักที ถึงฉันจะยังนึกไม่ออกว่าบ้านของฉันหน้าตาเป็นยังไง แต่คงเป็นที่ที่ดีมากๆ เลยใช่มั้ย" พูดจบเรียวสุเกะก็ยิ้มหวานอีกครั้ง 



      "บ้านของเราก็ต้องเป็นที่ที่ดีอยู่แล้วล่ะ" เคย์โตะที่ยังคงก้มหน้าก้มตาเอ่ยขึ้น



      "เอ๋!! บ้านของเรางั้นเหรอ เราคงอยู่ด้วยกันสินะ นี่เคย์โตะ ฉันอยากเห็นบ้านของเราเร็วๆ จัง" พูดจบจู่ๆ คนป่วยก็ลุกพรวดออกจากเตียงโผเข้ากอดร่างสูง



      "เฮ้ย!! อย่าลุกมาแบบนี้สิ เดี๋ยวก็หน้ามืดล้มไปอีกหรอก ถึงจะออกจากโรงพยาบาลได้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านายจะหายดีแล้วหรอกนะ" ร่างสูงโอบกอดแน่นราวกับกลัวจะแตกร้าวเหมือนแก้วที่เปราะบาง



      "ฮ่าๆๆๆ ก็ฉันรู้ไงว่านายต้องรับฉันได้น่ะ นายคงไม่ปล่อยให้ฉันล้มลงไปหรอกน่าใช่มั้ย" ใบหน้าเนียนสวยเปื้อนรอยยิ้มสดใสที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา 



      รอย ยิ้มที่สดใสน่าหลงไหลถูกเก็บเกี่ยวความหอมหวานด้วยปากอิ่มจากร่างสูงที่ กำลังโอบกอดด้วยจูบที่แสนอ่อนโยนแต่แสนหวาน มือหนาเลื่อนมาประคองท้ายทอยส่งผ่านความรู้สึกด้วยความทนุถนอม



      ปัง!!! เสียงประตูถูกเปิดด้วยแรงไม่น้อยพร้อมกับปรากฏชายร่างสูงใบหน้าเรียวสวยผมยาวประบ่ายืนหอบอยู่เบื้องหน้า



      "ยามะจัง!!!!" เสียงร้องเรียกสติทั้งสองคนให้หันมาทางหน้าประตู ก่อนที่จะมีคำพูดใดๆ เอ่ยออกมาจากทั้งสองคน



      ผลั่ก!!



      ผู้มาเยือนก็ตรงเข้ามากระชากตัวเคย์โตะออกมาก่อนจะปล่อยหมัดหนักๆ เข้าไปเต็มแรง จนเสียหลักเซถลาไปชนฝาพนังห้อง 



      "เค ย์โตะ!!!" เรียวสุเกะมีอาการตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ในขณะเดียวกันก็มีภาพต่างๆ ไหลเวียนเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว เร็วเกินจะจับภาพหรือลำดับเหตุการณ์ได้ แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดถึงเรื่องพวกนี้ เรียวสุเกะรีบเข้าไปประคองเคย์โตะที่ที่ล้มไม่เป็นท่าอยู่กับพื้น แต่ยังไม่ทันจะถึงตัว ก็มีมือเรียวยาวมากระชากเค้าไปให้ไปอยู่ในอ้อมกอดซะก่อน



      "นี่.... นายจะทำอะไรน่ะ ปล่อยฉันนะ นายเป็นใคร แล้วทำแบบนี้ก็เคย์โตะทำไม เคย์โตะ!!! เคย์โตะนายเป็นอะไรมั้ย?? ปล่อยฉัน!!!" เรียวสุเกะสับสนกับเหตุการณ์ที่เกินขึ้น ทั้งที่พยายามจะเข้าไปช่วยเคย์โตะ แต่กลับถูกพันธนาการด้วยอ้อมแขนแข็งแรงกว่า



      "ยา มะจัง!!! ฟังฉันสิ!! นายจะไปสนใจหมอนั่นทำไม นั่นมันเคย์โตะที่นายเกลียดนักเกลียดหนาไม่ใช่เหรอ คนที่นายควรจะสนใจคือฉัน ฉันยูโตะที่เป็นคู่หมั้นของนายนะ!!!" นากาจิม่า ยูโตะ พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองให้สงบ แต่เพมือนจะยิ่งยาก เมื่อคนในอ้อมกอดเค้ายังทำให้เค้าสติแตกอยู่แบบนี้



      "คะ..... คู่....คู่หมั้น.....งั้นเหรอ" เรียวสุเกะที่เพิ่งได้ยินคำนั้นถึงกับพูดไม่เป็นภาษา ความรู้สึกมันชา ใบหน้ามันชายิ่งกว่าถูกตบหน้าแรงๆ ซ้ำๆ มันชาไปทั้งตัว ความคิดสับสนวิ่งพล่านไปทั่ว เค้ามองหน้าเคย์โตะกับยูโตะสลับกันไปมา ถ้าคนที่กอดเค้าอยู่ตรงนี้...คือคู่หมั้น แล้ว...คนที่อยู่กับเค้ามาตลอดอย่างเคย์โตะล่ะ เป็นอะไรกัน...



      "ไม่ จริง!!!! ฉันไม่เชื่อ ปล่อยฉันนะ!!! เคย์โตะ บอกฉันสิว่ามันไม่จริง นายคนเดียว มีนายคนเดียวเท่านั้นที่ฉันจะเชื่อ...." เรียวสุเกะพยายามดิ้นจนหลุดจากพันธนาการแล้วตรงไปหาเคย์โตะที่ยังคงนั่งอยู่ กับพื้นดวงตาแดงก่ำด้วยความโกรธ ในมือกำหมัดแน่นๆ 



      "......." เคย์โตะที่กำลังระงับความคลั่งในตัวเองก่อนจะสติแตกลุกไปแลกหมัดกับยูโตะ นั้น ได้แต่นั่งเงียบ แต่ยังไม่ละสายตาไปจากร่างสูงที่ยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้า แววตาที่ฉายแววความโกรธ จ้องไม่ยอมกระพริบ แต่เค้ารู้ดีว่าไม่สามารถทำอะไรได้



      "เคย์โตะ....บอกฉันมาสิ ว่าที่เค้าพูดน่ะ มันไม่จริง ไม่จริงใช่มั้ย?? เรากำลังจะกลับบ้านกัน บ้านของเราไง บอกฉันสิ เคย์โตะ!!!" เรียวสุเกะพยายามคาดคั้นคำตอบจากเคย์โตะ เพราะตอนนี้คนที่เค้าไว้ใจ มีเพียงแค่ผู้ชายคนนี้ คนที่คอยดูแลเค้า และอยู่กับเค้าตลอดเวลา เคย์โตะคนนี้ ไม่ใช่ใครที่ไหนไม่รู้ จู่ๆ ก็โผล่มาแล้วบอกว่าเป็นคู่หมั้น



      "ยามะจัง.....ฉัน.....ฉันขอโทษ" เคย์โตะพยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไห้ไหลรินลงมาต่อหน้าเรียวสุเกะ และยอมเป็นฝ่ายเดินจากไปเอง



      "เดี๋ยว ก่อนสิ เคย์โตะ นายพูดอะไรน่ะ กลับมาก่อน ฉันไม่ให้นายไปนะ นายจะทิ้งฉันเหรอ" เรียวสุเกะรู้สึกช็อกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในขณะเดียวกันความสับสนและความสงสัยก็เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ แต่สิ่งเดียวที่เค้าเลือกจะเชื่อ คือผู้ชายคนนี้ คนที่กำลังจะเดินจากเค้าไป



      "ยา มะจัง....เค้าพูดถูก เค้า...คือคู่หมั้นของนาย ฉันขอโทษนะ....." เคย์โตะก้มหน้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาให้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังได้ยินพอจับ ความได้ ก่อนจะเงยหน้าซ่อนน้ำตาไว้ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเดินจากไป ทิ้งคนข้างหลังที่กำลังรู้สึกเจ็บปวดราวกับหัวใจกำลังถูกบีบให้แหลกคามือหมด แรงทรุดตัวลงกับพื้น น้ำตาอาบแก้มทั้ง 2 ข้าง ปากก็พร่ำแต่ชื่อของเคย์โตะ จนร่างสูงเดินลับตาหายไป....



      ถ้า คนที่รัก เชื่อใจ และไวใจมากที่สุด กลายเป็นคนที่โกหกที่สุด กับคนที่เพิ่งเจอหน้ากัน แล้วเค้าพูดความจริงทุกอย่าง คิดว่าควรจะเชื่อใครกัน แล้วชีวิตนี้ยามาดะ เรียวสุเกะ จะสามารถเชื่อใจใครได้อีกมั้ย.....



      ............................



      .................



      .........




      ลมเอื่อยๆ พัดโชยมาผ่านหน้าต่างห้องพอให้ผ้าม่านได้ไหวปลิวเบาๆ สายลมกระทบกับผิวหน้าขาวเนียนที่กำลังนั่งเท้าค้างมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดมุ่งหมาย ได้แต่นั่งสับสนกับความคิดของตัวเองที่ไหลวนมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า....



      เวลามันผ่านไปเท่าไหร่แล้วนะ กับความสับสนแล้วความเจ็บปวดในหัวใจ คนโกหกหลอกลวงแบบนั้น จะยังคิดถึงเค้าไปทำไมกัน คนแบบนั้นน่ะ ผมเกลียดที่สุด!! 



      ตั้งแต่วันที่ออกจากโรงยาบาลมา ยูโตะก็ดูแลผมเป็นอย่างดีมาตลอดในฐานะคู่หมั้น ถึงแม้ผมจะจำเค้าไม่ได้เลย แต่เค้าเองก็คอยเล่าเรื่องในอดีตของเราให้ฟังตลอด ผมเองก็แอบรู้สึกแย่อยู่เหมือนกัน ทั้งๆ ที่เค้าพยายามทำทุกอย่างให้ความทรงจำของผมกลับมา แต่ผมกลับนึกไม่ออกเลยสักนิด



      ตรงกันข้ามกับเคย์โตะ ไม่สิ ผมเกลียดเค้า แล้วจะพูดถึงเค้าทำไมกัน เป็นแบบนี้กี่ครั้งแล้วนะ เรียวสุเกะ!!! ทำไมไม่จำซักที



      ปัง!!! เสียงประตูถูกเปิดด้วยฝีมือใครบางคนที่ผมไม่คุ้นหน้า



      "ยูริ!!! ยูริ เดี๋ยวก่อน ฟังฉันก่อน" เสียงยูโตะตะโกนไล่หลังมาติดๆ



      "ฉันไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ฉันไม่ทนอีกแล้วนะยูโตะ นายจะเอายังไงบอกมาเลยดีกว่า" เสียงแหลมๆ เสียดแทงทะลุโสตประสาทของผม ทำไมผมรู้สึกเหมือนกับว่าเหตุการณ์ตรงหน้ากำลังหยุดนิ่ง หรือผมเองที่เป็นฝ่ายยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน เมื่อเห็นภาพของทั้ง 2 คนที่เพิ่งก้าวเข้ามาในห้องผมกำลังทะเลาะกันแบบนี้



      ราวกับเหตุการณ์ทั้งหมด มันย้อนกลับมาอีกครั้ง ภาพเหตุการณ์ซ้ำๆ ไหลผ่านความทรงจำอย่างรวดเร็ว ฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่า อดีตที่เค้าเคยลืม และพยายามจะนึกถึงมัน ตอนนี้มันกลับมาแล้ว กลับมาทั้งหมด






      ....................................



      ...................



      .......





      "ยามะจัง.... ยามะจัง!!!!!! ทะ.....ทำไม มันเกิดอะไรขึ้น" เสียงโวยวายจากใครบางคนเรียกสติเรียวสุเกะให้ตื่นจากภวังค์



      น้ำตามากมายมหาศาลพวกนี้ มันไหลออกมาตั้งแต่ตอนไหนกัน.... เสียงสะอึ้นจากการร่ำไห้ ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะหยุด คำพูดมากมายที่อยากจะพรั่งพรูออกมามากขนาดไหน กลับถูกกลืนหายไปหมด



      "ยามะจัง ส่งมานี่ ส่งมันมาให้ฉัน.... นะ..."



      ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกจากปากเรียวสุเกะ น้องจากเสียงสะอื้นเบาๆ กับแววตาว่างเปล่าที่ค่อยๆ หันมาสบตากับเค้า มือที่กำลังหมดเรียวแรงค่อยๆ คลายมือออก



      เคร้ง!!! เสียงมีดหล่นกระทบกับพื้นห้อง พื้นที่เต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉาน ที่กำลังไหลรินออกมาจากร่างที่นอนอาบเลือดอยู่ข้างๆ ไม่เว้นแม้แต่.....ตัวเรียวสุเกะเอง ทั้งใบหน้าที่เคยขาวใส ร่างกายที่เคยที่เคยสวยงาม ถูกอาบไปด้วยเลือดสีแดงสด กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วห้อง



      น้ำตาเคล้ากับคราบเลือดบนใบหน้ายังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เสียงสะอื้นยังคงดังเป็นจังหวะ ไม่มีเวลาให้คิดอะไรทั้งนั้น ร่างสูงตรงเข้ามาช้อนร่างของเรียวสุเกะที่นั่งทรุดอยู่กับพื้นขึ้นมาช้าๆ



      "ยามะจัง ไปกับฉันนะ ไปในที่... ที่มีแต่เราสองคนนะ ฉันสัญญา....ฉันจะไม่โกหกนายอีก เพียงแต่นายยอมอยู่ข้างๆ ฉัน อยู่กับฉันตลอดไป ฉันยอมให้นายเกลียดฉันก็ได้.... ไปกับฉันนะ...." เสียงทุ้มต่ำพร่ำบอกด้วยน้ำเสียงสั่น ในใจก็กลัวว่าจะได้รับคำปฏิเสธ แต่อีกใจนึง ขอเพียงให้เรียวสุเกะปลอดภัย อะไรเค้าก็ยอมทั้งนั้น 



      เรียวสุเกะกระชับอ้อมแขนคล้องคอเคย์โตะที่กำลังอุ้มเค้าไว้ พร้อมกับพยักหน้ารับเบาๆ แทนคำตอบ ร่างสูงกระชับอ้อมกอดแน่น เมื่อรับรู้คำตอบ



      "ยามะจัง... ฉันดีใจที่สุดเลยรู้มั้ย เรารีบไปกันเถอะ ก่อนที่จะมีใครมาเห็น เชื่อใจฉันนะ" ร่างสูงพยุงตัวเองลุกขึ้นกระชับร่างในอ้อมแขน รีบก้าวออกจากห้องไปด้วยความรวดเร็ว



      เลือดสีแดงสดยังคงไหลรินออกมาเรื่อยๆ จากร่างไร้ลมหายใจที่นอนอยู่กับพื้น คงจบลงแล้วสินะ.... 






      "ขอโทษด้วยนะ ที่ครั้งนี้ฉันมามาช้าไป อโหสิให้ฉันกับยามะจังด้วยนะ ยูโตะ...ยูริ..."








      อยากจะหนีให้ไกล ที่ไหนก็ได้ ให้ไกลแสนไกล

      ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องระวัง ไม่ต้องกลัวใครจะสนใจ

       

      ที่ที่ฉันและเธอ  จะหลอมดวงใจร่วมรักกันไป

      ที่ที่เวลา ทุกๆ นาที นั้นจะมีแต่เราคู่กัน...ไม่ห่าง

       





      ......................................





      "ยูโตะ เมื่อไหร่นายจะเลิกกับยามะจังซะที ฉันขี้เกียจจะรอแล้วนะ" ร่างบางยืนกอดอกพิงฝาพนังห้อง มองค้อนร่างสูงที่เอาแต่ยืนเงียบ



      "ฉันบอกแล้วไง ว่าที่ฉันหมั้นกับยามะจังเพราะทางบ้านฉันบังคับ แล้วตอนี้ฐานะทางบ้านฉันกำลังแย่ ฉันเองก็คงถอนหมั้นไม่ได้ด้วย แต่ถึงฉันจะหมั้นกับเค้า ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันรักเค้านะ ฉันรักแต่นายคนเดียว คนเดียวจริงๆ นะ ยูริ" ร่างสูงพยายามอธิบายเหตุผล ให้คนรักยอมใจอ่อน



      ทั้งสองคนทะเลาะกันเรื่องนี้มาเป็นปีๆ แต่บทสรุปก็ยังเหมือนเดิม ยูโตะยังคงเทคแคร์ ดูแลเรียวสุเกะในฐานะคู่หมั่นอย่างดี แต่ในขณะเดียวกัน ก็แอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับยูริผู้เป็นที่รักแต่ไม่ใช่คู่หมั้น



      "แล้วจะให้ฉันคบกับนายแบบหลบๆ ซ่อนๆ แบบนี้ไปถึงไหน ฉันเบื่อแล้วนะ"



      "อีกไม่นานหรอก รอให้ทางบ้านฉันมั่นคงกว่านี้ ฉันจะถอนหมั้นกับเค้าเอง เชื่อฉันนะ.... นายรอได้มั้ย..." ร่างสูงโน้มตัวลงต่ำประกบริมฝีปากแผ่วเบาและทนุทนอม ร่างบางเื้อื้อมมือไปคล้องคอ แล้วทิ้งตัวลงบนเตียงพร้อมกับดึงร่างสูงลงไปด้วย



      จากเสียงทะเลาะกันเมื่อครู่กลับกลายเป็นความเงียบลงในทันใด ท่ามกลางความเงียบหยดน้ำใสๆ ไหลรินอาบแก้มขาวเนียน แววตาแข็งกร้าวจ้องราวกับจะกินเลือดกินเนื้อกันให้ได้ ภาพที่สท้อนในแววตาตอนนี้ คือคู่รักกำลังมีกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอย่างมีความสุข ในบ้านของเค้า และ...ห้องนอนของเค้า 



      เมื่อสติที่มีอยู่น้อยนิดหลุดลอยไป ในมือกระชับมีดเล่มใหญ่แน่นจนสั่น ด้วยความรู้สึกโกรธจนถึงที่สุด มีดเล่มนั้นถูกเสียบมิดด้ามตรงกลางหลังร่างสูงที่กำลังนอนคล่อมร่างบางอยู่



      "ยูโตะ!!!! นายหักหลังฉัน" น้ำเสียงสั่นเครือ แต่คำพูดหนักแน่น บวกกับดวงตาแข็งกร้าว เวลานี้ไม่มีใครสามารถหยุดเค้าได้ทั้งนั้น ยามาดะเรียวสุเกะ กำลังคลั่ง!!



      ยูริได้แต่กรี๊ดร้องนอนกอดร่างจมกองเลือดของยูโตะ พลางอ้อนวอนขอให้หยุด แต่ไม่หยุดอยู่แค่นั้น เรียวสุเกะยังพยายาม สาวเท้าเข้าไปหายูริ หมายจะแทงมิดด้าม ถ้าไม่มีมือหนามาคว้าข้อมือไว้ซะก่อน



      "ยามะจัง นายจะทำอะไร นายบ้าไปแล้วเหรอ!!!! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!!" โอคาโมโตะ เคย์โตะ เพื่อนข้างบ้านที่แอบหลงรักเรียวสุเกะมานาน รู้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง เข้ามาขวางไว้ทันเวลาก่อนที่เรียวสุเกะจะพลั้งมือฆ่าคนไป



      เสียงของเคย์โตะเรียกสติของเรียวสุเกะกลับมาได้ แต่ก็ทำให้เค้าช็อคสุดขีด กรีดร้องแล้ววิ่งออกจากห้องไปโดยไรจุดหมาย จนกระทั่งออกมาถึงถนนหน้าบ้าน



      เอี๊ยดดดดด!!!!! โครม!!!!! ร่างของเรียวสุเกะถูกกระแทกจนลอยเคว้งในอากาศ วินาทีนั้นเอง ที่ภาพต่างๆ ในความทรงจำ ถูกปิดตายลงไป พร้อมกับร่างที่กระแทกลงบนพื้น เลือดไหลนอง....



      หลังจากนั้น ยูโตะก็พักรักษาตัวในโรงพยาบาลอยู่นาน โดยมียูริอยู่ดูแลตามประสาคนรัก



      อีกด้านนึง เรียวสุเกะก็ต้องสูญเสียความทรงจำเนื่องจากอุบัติเหตุ และเคย์โตะนั่นเอง ที่คอยอยู่เคียงข้างเค้า.....




      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×