คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : ตอนที่ 05.2
ผมที่พานัททริดามายังจุดที่พ่อแม่ได้บอกไว้ แล้วส่งถึงที่หมายแล้วขณะกำลังจะไปทางกลุ่มโบรณาและชูทรอยู่นั้นก็ถูกวัตถุพุ่งตัวมาจากด้านข้างด้วยความเร็วสุด
" อึก!! " ผมใช้แขนตั้งการ์ดรับแต่แรงกระแทกทำให้ผมกระเด็นไปยังกล่องร้านค้าขายผลไม้
ผมค่อยๆลุกขึ้นปัดกล่องผลไม้ออก ตัวเหนียวไปหมดน้ำผลไม้ทุกชนิดตัวผมไปหมด แล้วมองเจ้าตัวการที่เตะใส่ผมระหว่างขับนั่นก็คือ.......
" ไง ไม่ได้กันนานหนิ " เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มและนัตย์ตาสีน้ำเงินถือปืนบาซูก้าในสุทเจ็ทเกตสีดำกางเกงยีนต์สีแดง " ซีโร่ ลัมเปลูช "
" ยังใช้วิธีทักทายบ้าบิ่นเหมือนเคยนะ....แฟงค์ " ผมพูดขึ้นสีหน้านิ่งแล้วมองที่บาซูก้า คิดยังไงเอาของแบบนั้นมาในที่สาธารณะกันเนี่ย
" หึ เมื่อกี้แค่เอาคืนที่ทำลูกน้องของฉัน " แฟงค์ถือบาซูก้าเล็งยิงรั่วๆใส่ผมทันควันไม่ยั้ง
ผมหลบมิสไสต์ทุกลูกได้หมด แล้วรัศมีในการยิงเจ้าหมอนี่ยิงไม่เลือกหน้าแล้ว มิสไซต์ที่ยิงไปฝูงคนผมก็หันหลังยิงใส่ให้ระเบิดทันทีก่อนจะโดนฝูงคน
" หึยังมีเวลาช่วยคนอื่นหรือไงกันหา เอาๆ เอาไปอีก! " แฟงค์ยิ้มยิ่งใส่ทางผมไม่หยุดแบบนี้ก็ต้อง
ผมยิ่งใส่มิสไซด์ที่มากันเป็นกลุ่มลูกตรงกลางทำให้ลูกระเบิดลูกที่เหลือด้วย
" ชิ ฉลาดเป็นกรดเลยหนิ " แฟงค์กระโดดถอยหลังเพื่อทิ้งระยะห่างไว้ แต่ผมกระโดดพุ่งตัวพร้อมกับควันดำ ผมหยิบระเบิดแสงขวางใส่แฟงค์ แล้วระเบิดทันทีผมที่ใช้แขนบังแสงไว้แล้วใช้ปืนยิงปืนบาซูก้าให้ใช้งานไม่ได้แล้วอยู่ด้านหลังแฟงค์ทันควันในช่วงเวลาสั้นๆ
" ชิ..." แฟงค์กัดฟันยกมือขึ้นทั้งสองข้าง
" เท่านี้ก็รุกฆาตแล้ว...แฟงค์ " ผมพูดขึ้นเอาปืนจ่อหลังเขา
แฟงค์ก็เหลือบมองมาทางผมแล้วยิ้ม " คนที่รุกฆาตึคือนายต่างหาก!! "
แล้วทันใดนั้นเองผมได้เสียงอะไรกลิ้งๆ ผมเหลือบมองมันคือระเบิด!
ตุ้ม!!!!!!!!!!!
" ซีโร่!!!!! " แฟงค์ที่กำลังหาผมอยู่เห็นรั้วที่ใกล้แม่น้ำ เขากัดฟันแน่นแล้วทุบรั้วอย่างแรง " ชิ หนีไปแล้วเหรอ พวกนายค้นหาหมอนั่นให้เจอเดี๋ยวนี้ " เขาสั่งลูกน้องให้ตามหาผมแล้ววิ่งตามหาไป
พอผ่านไปสักพักในที่ท่อระบายน้ำที่ไหนสักแห่งในเมืองนี้
" ฮ่า......แฮ่ก...." ผมหายใจออกทันที นับว่าโชคดีที่ใช้ระเบิดเป็นตัวช่วยเบี่ยงเบนความสนใจได้และแถมอยู่ใกล้แม่น้ำอีก ว่าแล้วผมว่ายขึ้นบกแล้วนอนกับพื้น
" เฮ้อ....แรงที่หมอนั่นกระแทกตอนแรกก็เจ็บอยู่เหมือนแหะ..." ผมถอนหายใจเบาๆแล้วมองทางท่อระบายอากาศ ดูจากรูท่อแล้วคงเข้าไม่ได้แน่ๆ
จะว่าไปก็ได้เวลาทดสอบยาที่ได้มาใหม่อยู่พอดี
โบรณา บรรยาย ไม่ได้บรรยายมานานแล้ว
" ว่าแต่ซีโร่มาช้าจังน่า " ฉันนั่งรอกับชูทรที่ซีโร่มาช้าจัง
" เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือเปล่า " ชูทรพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง
" งั้นฉันลองโทรหาเขาดูนะ " ฉันหยิบโทรศัพท์โทรหาเขาดู
[ ....มีอะไร...] ซีโร่รับสายแล้วฉันยิ้มทันที
" นายอยู่ไหนน่ะมาช้าจัง " ฉันพูดด้วยความเป็นห่วงเพื่อน
[ ...พวกนายเที่ยวไปก่อนเลย พอดี...ติด---ธุระ...แค่นี้ล่ะ--] เสียงซีโร่เหมือนจะขาดสัญญาณแล้วดับไปในที่สุด
" จะเป็นไรแน่หรือเปล่าน่า..." ฉันพูดออกมายังกังวลเล็กน้อย ก่อนจะบอกชูทร " หมอนั่นบอกว่าติดธุระดูเหมือนเราจะไปกันสองคนก่อนล่ะนะ "
" งั้นเหรอ ช่วยไม่ได้งั้นเลือกซื้อของฝากให้ทุกคนก่อนแล้วกัน " ชูทรยิ้ม
" นั้นสินะ ว่าแต่นายน่ะจะซื้ออะไรฝากให้เซล่าเหรอ? " ฉันยิ้มเจ้าเล่ห์ เพราะฉันก็จับตาดูมาได้ตั้งแต่ตอนแรกๆได้แล้วว่าชูทรนั้นสนใจเซล่าแล้วล่ะ
" เออ....ฉันยังไม่ได้คิดเลยน่ะ " ชูทรยิ้มเกาหัวตัวเองเบาๆ
" งั้นฉันช่วยเลือกให้ไหม? " ฉันพูดขึ้น ยังไงก็เป็นเพื่อนนี่นายังไงก็ต้องช่วยเหลือกัน " ส่วนเรื่องของนายกับเซล่า ฉันเอาใจช่วยนะ " ฉันตบไหล่เขาเบาๆแล้วยิ้มอย่างเป็นมิตรที่สุดแต่อีกความหมายคือเจ้าเล่ห์ที่สุดก็ว่าได้
" มะ ไม่ใช่นะฉันไม่ได้.. " ชูทรหน้าแดงหน่อยๆรีบปฎิเสธ แต่ฉันพูดแทรกต่อ
" ค่ะๆ ยังไงก็เลือกของที่เหมาะกับเธอดูสิ "
" ของที่เหมาะกับเซล่าเหรอ ฉันไม่เคยถามอะไรพวกนี้กับเธอเลย " ชูทรพูดยิ้มแห้ง
" เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงฉันไปถามนัทตอนที่ยังอยู่ด้วยกันแล้วน่ะ " ฉันยิ้มอย่างมีเลศ เพราะฉันเองก็อยากจะรู้เรื่องเซล่าบ้าง ถึงนัทจะบอกว่าไม่หมด พอรู้แค่ชอบของที่เป็นประเภทของสีดำ ไม่ชอบของใหญ่ๆเท่าไหร่ก็แค่นั้น แต่ฉันเคยถามแล้วแต่คำตอบเป็นว่า ' สืบเอง ' กลับมา พอมาลองคิดดูแล้วเซล่าก็เป็นคนประเภทคนเรียบร้อยกวนประสาทบางช่วง รู้สึกว่าคนที้คุยกันมากที่ในกลุ่มก็มีแค่นัทเท่านั้น
" งั้นเหรอ...อืม.." ชูทรก้มตัวดูของที่จะซื้อของฝากให้เซล่าก่อน
" อันคิดว่าไงเหรอ โบ " ชูทรหยิบชิ้นที่คิดว่าน่าจะโอเคมาให้ฉันดู
เป็นจี้แมวดำขนาดเล็กจะเรียกว่าเหมาะดีนะเนี่ย " แหมแบบนี้อาจจะใช้ได้ก็ได้ "
" งั้นตกลงเลือกนี้แล้วกัน " ชูทรยิ้มแล้วเดินไปยังแม่ค้าเพื่อที่จะซื้อจี้แมวดำอันนั้น
ซีโร่ กลับมาบรรยายต่อ
ให้ตายสิ...ก็เหลือเชื่อจริงๆที่ด็อกเตอร์ที่คิดยาแบบนี้ขึ้นมาด้วย แต่ฤทธิ์ของยายังคงเหมือนยาที่ทำให้กลายเป็นผู้หญิง แต่ไม่มียาแก้ในเวลาฉุกเฉินต้องรอเวลาให้หมดอย่างเดียว
ถ้าถามว่าตอนนี้ผมอยู่ที่ไหนน่ะเหรอ อยู่ในท่อระบายทางประปาอยู่นี้ไง โชคดีที่เสื้อผ้าที่ด็อกเตอร์นั้นแห้งเร็วเพราะเป็นเนื้อผ้าพิเศษที่หายากหน่อย และขณะนี้ผมออกจากท่อระบายทางประปาสำเร็จ แต่ปัญหาต่อจากนี้เนี่ยสิว่า
จะอธิบายกับตัวเองอยู่ในร่างอายุ 5 ปียังไงดีเนี่ย นี้ข้อดีของเสื้อผ้าสำหรับการนี้โดยเฉพาะ เป็นชุดที่สามารถขยายหรือหดลงได้ ตัวเราตอนนี้ไม่ต่างกับเด็กประถมเลย
" ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าพวกนั้นจะทำหน้ายังไงกันเนี่ย..." ผมพูดออกมาลอยๆสีหน้านิ่งในวัยเด็ก
" เฮ้อ....ไม่ดีกว่าจะให้ พี่ชายสุดบ้าเห็นก็เบื่อเต็มทน " ผมเดินออกจากที่แถบแล้วมายังเมืองสาธารณะก่อนผมจะเดินไปหยิบที่แนะนำสถานที่ที่เที่ยว แถวๆนี้มันใกล้กับกลุ่มพ่อแม่เลยหนิ ไม่ค่อยอยากให้เห็นสภาพตอนนี้เท่าไหร่ ยัยนั่นก็อยู่ในกลุ่มด้วย ระหว่างที่ผมยืนคิดแล้วหันมองคนที่คุ้นเคยโดยความบังเอิญหรือพระเจ้า( ไรท์เตอร์ )ที่ชอบกลั้นแกล้งผมกันแน่ พบพ่อแม่และนัททริดาเดินมาทางผมแถมสายตาพวกเขาก็จ้องมาที่ผมด้วยสีหน้าอึ้งหาเสียงไม่เจอ ยกเว้นพ่อแม่ที่ไม่แปลกใจอะไร
" เฮ้อ....วันนี้เป็นอะไรเนี่ย..." ผมเอามือปิดหน้าด้วยความเหนื่อยหนาย ไหนจะเจอตามล่า ไหนจะทางนี้อีก....
" นะ นี่เธอหรือว่าจะ จะเป็น...." นัททริดาพูดเสียงกระตุกกระกักกับสภาพแบบนี้ร่างของผม
" อย่างที่เธอคิดนั้นแหละ...ยัยโง่ " ผมพูดขึ้นอย่างเหลืออดสีหน้านิ่ง สงสัยผมต้องอยู่กับยัยนี่ไปสักพักเลย
" เอ๋!!!!!!!!! " นัททริดาอุทานเสียงหลงหาเสียงตัวเองไม่พบ ว่าแล้วยังไม่ได้บอกยัยนี่เลยหนินะ
" แหมๆ ได้เห็นลูกในวัยเด็กนี่ก็น่าคิดถึงเหมือนนะค่ะคุณ " คุณแม่ยิ้มให้กับคุณพ่อที่ยิ้ม
" ฮ่าๆ นั้นสินะ แล้วทำไมลูกเป็นแบบนี้เนี่ยหืม? " คุณพ่อหัวเราะก่อนจะนั่งย่องๆมองผม
" มีเรื่องนิดหน่อยเลยเป็นร่างเด็กแบบนี้ไปสักพักน่ะครับ..." ผมพูดกลมกลืนแต่ดูยังไงมันก็ฟังไม่ขึ้นเท่าไหร่ ก่อนที่คุณพ่อมากระซิบ " เป้าหมายพวกมันคือลูกเพราะฉะนั้นก็ดูแลหนูนัทแล้วกันนะ "
" ครับๆ...." ผมตอบเสียงเรียบแปลว่าพวกเขารู้อยู่เหรอเนี่ย
" สงสัยต้องเปลี่ยนแผนสินะ " คุณแม่ยิ้มมาให้ผมก่อนหยิบโทรศัพท์โทรหาใคร
" ว่าแต่จะจ้องฉันอีกนานไหม ยัยโง่? " ผมพูดสีหน้านิ่งหรี่ตามองเธอจ้องผมนานสองคน
" ทะ โทษที " นัททริดาสะดุ้งหลุดภวังค์แล้วยิ้มแห้ง
คงจะไม่ชินที่เห็นผมในร่างเด็กล่ะสิ........
นัททริดา บรรยาย
เอาตามตรงนะว่าฉันช็อคสุดๆเลย การที่เป็นผู้หญิงได้มันก็สุดยอดแล้วนะ แต่นี่มีการเป็นเด็กได้อีกเหรอเนี่ย ตอนเขายังเป็นเด็กก็ยังคงไว้ผมยาวเหมือนเดิมสินะเนี่ย ตอนที่เขาเป็นเด็กทำไม....น่ารักยังงี้เนี่ย
แย่ล่ะฉันคิดว่าหมอนี่น่ารักไงเนี่ยแต่ก็ปฏิเสธไม่จริงๆ
" นี่ยัยโง่ " เขาเรียกฉันแต่ ฉันนั้นกำลังคิดวิจารณ์เขาอยู่ ใบหน้าที่อมอิ่มสีผิวเหมือนเด็กทารกแรกเกิดไม่มีผิด " ยัยโง่!!!! "
" อะ เออ..." ท้ายฉันหลุดภวังค์ในที่สุดแล้วแอบเขินเล็กน้อย
" ยืนเหม่ออะไร...." เขาถามสีหน้านิ่งในวัยเด็ก
" โทษที แล้วนี่นายต้องไปกับฉันสินะ " ฉันพูดเกาแก้มเบาๆ เพราะในเมื่อแบบนี้แล้วเขาก็ต้องไปกับฉันสถานเดียว
" ทำไงได้....ถ้าให้เพื่อนเธอมาเห็นสภาพในร่างเด็กได้ไงกันล่ะ..." เขาถอนหายใจเบาๆแล้วรวบผมจัดระเบียบให้เรียบร้อย
" ให้ฉันมัดผมให้ไหม? " ฉันลองถามเขาดู
เขามองฉันครู่ " อืม....เอาเป็นหางม้า "
" ค่ะๆ คุณหนูซีโร่ " ฉันยิ้มแซวซีโร่ที่อยู่ร่างเด็ก ก่อนจะรวบผมให้เขา
ผมนุ่มชะมัด เส้นผมที่ยาวแล้วนุ่มนวลผิดกับตอนโตเลย " อะไร? " เขาถามขึ้นพอเห็นฉันจับผมนานสองนาน
" ปะ เปล่า ก็แค่ผมนายมันนุ่มดีกว่าตอนเป็นหนุ่มหน่อยน่ะ " ฉันตอบแก้เขินเล็กน้อย
" หืม....งั้นก็ช่วยดูแลหน่อยแล้วกันนะ..." เขาพูดสีหน้านิ่งก่อนยิ้มบางเจ้าเล่ห์ " คุณพี่สาว..."
พอฉันเห็นรอยยิ้มในวัยเด็กเขาทำให้หัวใจเจ้ากรรมไม่ยอมฟังเจ้าของเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้ว ให้ตายสิจะร่างไหนๆเขายังก็เป็นเขาอยู่วันค่ำ
" งั้นพวกแม่จะไปเที่ยวตรงอื่นนะ พวกลูกเที่ยวอีกทางนะ " คุณมาเรียยิ้มบอกฉันกีบซีโร่จิ๋ว
" ครับ/ค่ะ " พวกเราตอบพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย แล้วคุณพ่อคุณแม่ของซีโร่ก็เดินไปอีกทาง
ซึ่งตอนนี้เหลือฉันกับเด็กชายผมยาว
" งั้นไปกันเถอะ " ฉันพูดขึ้นยืนมือส่งให้เด็กชายตรงหน้า เขามองสายตาบ่งบอกว่า ' ทำไม ' " เพื่อกลมกลืนคนอื่นจะได้ไม่ต้องสงสัยไง "
เขาก็หันมองไปทางอื่นส่งมือให้แล้ว ฉันจับมือเขาไว้ " งั้นไปร้านไหนดีล่ะ "
" จะร้านไหนก็ได้...." เขาเสียงเรียบสีหน้านิ่งก็ว่าแล้วเขาตอบอย่างงี้
" งั้นไปกินข้าวก่อนไหม นี่ก็บ่ายแล้วฉันยังไม่ได้กินเลยน่ะ " ฉันพูดขึ้นให้เปลี่ยนบรรยากาศหน่อยเพราะเขาก็เป็นประเภทพูดน้อยด้วยแล้วต้องชวนคุยให้มากขึ้นหน่อยล่ะ
" นี่ยังไม่กินอีกเหรอ..." เขาเงยหน้ามองฉันสีหน้านิ่ง
" เออฉันเดินซื้อของจนเพลินไปหน่อยนะ แฮะๆ " ฉันยิ้มแก้เขิน
" ...งั้นแวะกินข้าวก่อนแล้วกัน..." เขาเหลือบมองไปทางอื่นสีหน้านิ่ง
แล้วฉันก็พาเขามายังร้านอาหาร ระหว่างที่กำลังจะเลือกสั่งอาหารแต่นั้นแหละทำให้ฉันหยุดชะงัก เพราะฉันอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออกเลยสักหนิ " เอามานี่..." เขาพูดขึ้นหลังจากเห็นสีหน้าฉันที่มึนงงกับเมนูอาหาร แล้วยื่นให้เขา
เขาสั่งอาหารพนักงานด้วยภาษาญี่ปุ่น ซึ่งเอาตรงๆว่าฉันฟังไม่รู้เรื่องเลยสักนิด แล้วพนักงานเดินออกไป
" สมเป็นนายจริงๆที่ฟังและพูดภาษาญี่ปุ่นได้เนี่ย " ฉันยิ้มให้กับซีโร่
" ก็บอกไปแล้วหนิ....ว่าฉันเที่ยวรอบโลกจนคุ้นเคยภาษาอื่นมาหมด...." เขาเท้าคางมองฉันสีหน้านิ่ง
" ว่าแต่นายสั่งอะไรไปเหรอ? " ฉันถามขึ้นเพราะไม่รู้ว่าเขาสั่งอะไรไป
" สั่งข้าวแกงกระหรี่ 2 จาน และน้ำแอปเปิ้ลเขียวปั่น..." เขาตอบสีหน้านิ่ง
" นี่นายชอบดื่มน้ำแอปเปิ้ลเขียวเหรอเนี่ย " ฉันพูดด้วยความสงสัย คราวที่แล้วที่เป็นร่างผู้หญิงก็ทีหนึ่งล่ะ
" ....เมื่อก่อนเคยมีคนซื้อให้ประจำ...ถึงจะไม่เต็มใจที่จะรับมาก็เถอะ..." เขาพูดออกมาลอยๆสีหน้านิ่ง
" อะไรล่ะนั้นน่ะ ว่าแต่น้องโรลน่ะรู้จักกันได้ไงน่ะ เธอเป็นถึงไอดอลเลยนะ " ฉันพูดด้วยความสงสัยอีกเพราะขนาดยังพาไอดอลมาด้วยทั้งสองคนนี้เกี่ยวข้องกันยังไง
" ...สามปีก่อนที่เข้าเรียนวิทยาศรีมา ฉันคอยเป็นพี่เลี้ยงให้ยัยนั่น.." เขาพูดจบแล้วอาหารก็ถูกวางไว้โต๊ะอาหาร
เป็นพี่เลี้ยง งั้นคอยเป็นบอดี้การ์ดน้องโรล 3 ปีเลยล่ะสิ ฉันที่กินข้าวไปแล้วพูดต่อก่อนจะกินคำที่ 2 " งั้นนายก็ไม่มีเวลาเรียนน่ะสิ "
เขาเคี้ยวเสร็จพูดขึ้น " เรื่องนั้น....ฉันต้องเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนชั่วคราวของทางโรงเรียนไอดอลน่ะ "
" นี่แปลว่าเคยเรียนที่โรงเรียนไอดอลเลยเหรอเนี่ยตลอด 3 ปีเลยสิ "
" ไม่หรอก.....เพราะมีช่วงบางเทอมฉันก็กลับไปเรียนที่จิทยานิศราบ้าง และหลังจากนั้นก็เป็นตอนนี้..." พูดจบเขาดื่มน้ำปั่นและกินข้าวเสร็จแล้ว เร็วจังแฮะหรือว่าอยู่ในช่วงเด็กกำลังโตกันแน่ ฉันเผลอยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้
" ว่าแต่ให้ฉันเรียกตอนนี้ว่าอะไรดีล่ะ? " ฉันถามขึ้น
" เรียกฉันตามปกติเถอะ...." เขาลุกขึ้นเดินไปจ่ายค่าอาหารเสร็จ " ไปได้แล้วพี่สาว..."
" ค่ะๆ คุณหนู " ฉันพูดยิ้มแซว
" เดี๋ยวนี้ปากกล้าขึ้นนะ...." ซีโร่ทำหน้านิ่ง
" คงเพราะจะชินกับนายแล้วก็ได้น่ะ " ฉันพูดขึ้นด้วยความเคยชิน เพราะอยู่กับเขามาได้สักพักแล้วเลยชินกับการใช้ชีวิตกับเขา แต่ก็ไม่ชินกับอารมณ์ขึ้นๆลงๆบางช่วงเขาก็เถอะนะ
" นั้นสินะ.......งั้นพี่สาว " ซีโร่ทำหน้านิ่งก่อนโบกมือให้ฉันเพื่อกระซิบ และฉันก้มตัวยื่นหูให้เขา " ช่วยหอมแก้มหน่อยสิ..."
ฉันถึงกับหน้าแดงทันควันแล้วดีดตัวออกมา นี่ฉันหูฟาดหรือเปล่า นับวันเขายิ่งปั่นป่วนฉันเรื่อยจนอยากบ้าตายอยู่แล้วเนี่ย!!
" หึๆๆ แกล้งเธอสนุกจริงๆนั้นแหละ..." เขายิ้มหัวเราะกับท่าทางของฉันที่หน้าแดงได้ชัด ดูยังไงตอนเขายิ้มก็ดูดียิ่งกว่าตอนทำสีหน้านิ่งไม่รู้ร้อนรู้หนาวของจริงๆ แถม.....
หัวใจฉันเต้นแทบจะระเบิดอยู่แล้ว ( ระเบิดเลยเถอะ ยัยโง่ )
ซีโร่ บรรยาย
ผมพอกระซิบกับยัยนี่ก็หน้าแดงทันควันเลยให้ตายสิแกล้งยัยกี่ทีก็ไม่เบื่อเลยจริงๆ ผมหยิบโทรศัพท์ถ่ายรูปเธอหน้าแดง พอถ่ายไปรูปหนึ่งยัยโง่ก็ได้สติทันที
" ถ่ายรูปทำไมยะ!! " ยัยโง่หน้าแดงยิ่งกว่าเดิม แบบนี้มันน่าแกล้งอีกแฮะ
" เปล่าสักหน่อย..." ผมหันมามองไปอีกทางแล้วเก็บโทรศัพท์ทันทีทำหน้าไม่รู้เรื่องอะไร
" ไม่ต้องมาเนียนเลย ตาบ้า! " ยัยโง่โวยวายทันทีดูท่าฟิวขาดแล้วสิ
พวกผมที่กำลังทะเลาะกันนั้นมีสายตาที่มองพวกผมอยู่ไกลๆ
" นานแล้วนะ ที่ลูกไม่ได้ยิ้มแบบนั่นน่ะ " คุณแม่ยิ้มออกมาแล้วอยู่กับคุณพ่อที่ยิ้มดีใจไม่ต่างกัน
" นั้นสินะ ฮ่าๆๆๆ ลูกชายฉันร้ายไม่เบาเลยจริงๆ สำหรับแล้วเป็นลูกพ่อ " คุณพ่อหัวเราะออกมาด้วยความดีใจ
" ฉันก็บอกไม่ได้ถ่ายไง..." ผมที่เถียงยัยโง่ไม่เลิกรา รู้สึกว่านี่จะเถียงกับเรื่องนี้มานานแล้วนะ
" เฮ้อ....ก็ได้ๆฉันยอมแล้วก็ได้ " ยัยโง่เลิกเถียงผมมองค้อนใส่
ผมที่อมยิ้มเธอแต่หลังเธอนั้น ผมเห็นแฟงค์เดินผ่านมา หมอนี่ตื้อจริงๆแฮะ
" มีอะไรเหรอ? " เธอถามขึ้นคงดูจากสีหน้าของผม
" เปล่าครับ งั้นไปต่อเถอะพี่สาว " ผมทำเสียงเหมือนเด็กแล้วจูงมือเธอให้มาด้วยกัน
" ดะ เดี๋ยวสิ " ยัยโง่ทำหน้าอึนมึนกับท่าทางของผม
ระหว่างที่ผมเดินออกห่างจากแฟงค์ก็ได้ที่หมอนั่นพูด " ชิ มันต้องอยู่แถวๆนี้แน่หาให้เจอ "
" นี่ฟังอยู่หรือเปล่า ซีโร่ " เท่านั้นพวกนั้นก็หันมามองทางพวกเราทันที
" หืม? " แฟงค์เดินมาหาพวกผมแค่คนเดียว
" มะ มีอะไรเหรอค่ะ? " ยัยโง่ถามขึ้นด้วยสีหน้างุนงง
" นี่เจ้าเปี้ยกเห็นคนผมยาวสีดำสูงเท่าๆฉันแถวนี้ไหม? " แฟงค์ถามด้วยสีหน้าหงุดหงิด
ลืมไปเลยว่าเจ้าหมอนี่มันซื่อบื้อ ( แกว่าไงนะ!!! //แฟงค์คลั่ง// )
" ไม่หนิฮะ " ผมพูดไปสีหน้าไม่รู้อะไร
" งั้นเหรอ " พูดจบแฟงค์ก็เดินจากไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น
" คนนั้นใครน่ะ " ยัยโง่ถามผมสีหน้างุนงงยิ่งกว่าเก่า
" ไม่รู้สิ...." ผมยกไหล่เบาๆตีหน้าไม่รู้เรื่อง
อึก!!!! ผมทรุดลงกับพื้น ดูท่าความเสียหายตอนโดนแรงระเบิดทำให้ร่างกายที่เป็นเด็กคงทนความเจ็บปวดไม่เหมือนร่างหญิงแฮะ
" ซีโร่! เป็นไรหรือเปล่านี่ ! " ยัยโง่รีบเดินมาหาผมที่นอนกับพื้นแล้วเขย่าตัวผม
" เฮ้อ....ดูท่าคงเดินต่อไม่ไหวแล้ว...." ผมพูดหอบหายใจเบาๆ
ไรท์เตอร์ บรรยาย
ซีโร่ที่นอนกับพื้นนัททริดายื่นมือแตะหน้าผากเขาพบว่า....
" ไข้ขึ้นสูงเลยหนิ นี่นายไปทำอะไรมาเนี่ย ! " นัททริดาพูดขึ้นด้วยความร้อนร้น
" เฮ้อ...ใจเย็นหน่อย....." เขาพูดสีหน้านิ่งแต่หน้าเริ่มแดงขึ้นเพราะพิษไข้แล้วพูดหอบเบาๆ
" จะให้เย็นได้ไงเล่า ตาบ้า " พูดจบนัททริดาอุ้มซีโร่ที่สภาพทรุดไปรีบไปหามาเรียกับอาเรลูย่าทันที
พอพวกเขาเห็นซีโร่แล้วรีบส่งพยาบาล แต่เขาก็ห้ามไว้ ถ้าให้ส่งที่โรงพยาบาลก็เข้าทางพวกนั้นหมดแน่
" งั้นพาลูกกลับที่โรงแรมก่อนแล้วกันนะ " อาเรลูย่าพูดขึ้นหลังจากที่ซีโร่เขาไวัแล้วบอกมาเรียกับนัททริดา
" เข้าใจแล้วค่ะ งั้นหนูนัทมาทางนี้จ้ะ " มาเรียพยักหน้าทันทีแล้วนำทางให้นัททริดาที่โรงแรมที่พักกันอยู่
หลังจากนั้นพวกเขาก็มายังโรงแรมและอยู่ในห้องของซีโร่
" คุณมาเรียล่ะ ซีโร่จะเป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ " นัททริดาถามขึ้นดัวยความกังวลและเป็นห่วง
" ต้องไม่เป็นไรจ้ะ หนูนัท เธอช่วยไปหยิบผ้าขุนหนูกับถ้วยใส่น้ำมาทีจ้ะ " มาเรียให้กำลังใจให้กับเด็กสาว
นัททริดารีบไปทำตามอย่างที่เขาบอกตอนนี้เหลือสองแม่ลูกลัมเปลูชแล้ว
" ปกติลูกไม่เคยเป็นไข้มาก่อนหนิน่า..." มาเรียพูดลูบหัวลูกชายตัวเองในวัยเด็ก
" ....คงเป็นไวรัส...น่ะครับ " ซีโร่ลืมตาขึ้นข้างหนึ่งสีหน้าดูทรมานเล็กน้อยแต่ลึกๆทรมานสุดๆ
" ไวรัสเหรอ นี่พวกนั้นทำขนาดนี้เลยเหรอ " มาเรียสีหน้าจริงจังขึ้นผิดจากทุกที
" ดูท่าได้คิดค้นไวรัสเพื่อจับผมโดยเฉพาะ......แฮ่กๆ! " ซีโร่พยายามจะลุกขึ้นพูดเสียงหอบแล้วอาเจียนเบาๆ
" ลูกไม่พูดแล้วล่ะ นอนพักก่อนเถอะ " มาเรียรีบห้ามลูกชายไว้แล้วดันให้นอนอย่างโดยดี " ไวรัสน่ะมันติดต่อกันได้หรือเปล่า? "
" วิธีการของพวกนั้นไม่ฆ่าประชาชนโดยไม่จำเป็น......พอให้คิดได้ทำเพื่อจับตัวผมอย่างเดียว..."
" งั้นเหรอ ตอนนี้พ่อกำลังติดต่อหาโชเกียร์ให้รับมือให้ ส่วนลูกก็พักผ่อนเถอะนะ..." มาเรียยิ้มให้กับลูกชาย
มาเรียลุกขึ้นเดินไปยังประตูห้องทันใดนั้นนัททริดาโผล่มาพอดี
" ช่วยดูแลลูกชายของฉันด้วยนะ หนูนัท แม่จะไปทำธุระหน่อยน่ะจ้ะ " มาเรียยิ้มให้กับนัททริดา
" คะ ค่ะ ไว้ใจได้เลยค่ะ " นัททริดายิ้ม
มาเรียที่เห็นแบบนั้นก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย คิดไม่ผิดจริงๆให้เด็กคนนี้ที่เป็นคนสำคัญของลูกชายถึงแม้เจ้าตัวจะยังไม่รู้ก็ตามเถอะนะ แล้วเธอก็เดินออกจากห้องไป
เหลือเด็กสาวและเด็กชายตามลำพังแล้ว นัททริดาที่ยังงุนงงเรื่องราวของเขาที่เป็นไข้พิษอย่างกระทันหันเนี่ย แต่ดูจากสีหน้าเขาแล้วดูเหมือนครั้งแรกสำหรับเขาเลยสินะ
" ....ยัยโง่...." ซีโร่พูดขึ้นเสียงเบา แต่เธอได้ยิน
" มีอะไรเหรอ..." เธอพูดขึ้นหลังจากชุบนผ้าหมาดๆแล้วเช็ดหัวและทั่วรอบคอ
" ....เรื่องของ...พ่อแม่เธอน่ะ....จริงๆแล้วเธอน่าจะรู้ก่อนที่ฉัน....จะมาเรียนที่เดียวกับเธอ..."
" หมายความว่าไง? "
" จริงๆแล้วพ่อแม่เธอน่ะ......เป็นเจ้าหน้าที่พิเศษที่ขึ้นกับราชวังโดยตรง...ไม่สิ....ต้องเรียกว่า...เป็นลูกที่เชื้อสายตระกูลหลัก..."
" เดี๋ยวๆ ฉันไม่เข้าใจที่นายพูดเลย..." นัททริดางุนงงกับเรื่องราวที่เล่าที่ผิดไปทุกทีเลย
" เธอจะงงก็ไม่แปลก.....นัททริดา วาศรีราชโกริน.....จริงๆแล้วนามสกุลเธอน่ะไม่ใช่นามสกุลจริงๆ..." ซีโร่เล่าเรื่องราวต่ออย่างไม่หยุดเพราะยังไงสักวันก็ต้องเล่าอยู่ดี " เอาง่ายๆเธอไม่ใช่คนธรรมดา..."
" เอ๋? "
" ....เอาตรงๆว่าฉันก็รู้ตัวตนของเธอมาได้สักพักหลังจากพ่อเธอเป็นคนเล่า...เธอน่ะเริ่มใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไม่ได้ตลอดหรอกนะ......." ซีโร่ลุกขึ้นอย่างไม่สนว่าร่างกายตัวเองเป็นไง
" พ่อแม่เธอน่ะเป็นห่วงทั้งน้องชาย.....ว่าสักวันต้องเกิดอันตรายกับพวกเธอ และโดยเฉพาะเธอด้วยแล้ว...." ซีโร่พูดเสียงจริงจัง
" อย่าบอกนะว่าที่นายเป็นไข้สูงกระทันหันเพราะโดนคนตามล่านายจนให้เป็นสภาพนี่น่ะ " นัททริดาพูดเสียงดังและสับสนไปหมดแล้วเริ่มรินน้ำตา
" ไม่ใช่เสมอไปหรอก....กลุ่มที่ตามล่าน่ะไม่รู้จักหน้าตาและชื่อของเธอด้วยซ้ำ....ที่ตามล่าฉันเพราะว่า ฉันเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องความทรงจำและเรื่องพี่สาวของเธอ... "
เธอถึงกับอึ้ง นี่เธอมีพี่สาวด้วยเหรอและความทรงจำของฉันเหรอ นัททริดาคิด
" แต่ตอนนี้เธอยังไม่จำเป็นต้องรู้....แต่ให้จำไว้ว่า....." ซีโร่หน้าแดงยื่นมือเล็กดันหัวเธอแล้งเอาหน้าผากแตะอีกฝ่ายแล้วสัมผัสถึงลมหายใจอีกฝ่าย " ฉันจะเป็นคนปกป้องเธอ....."
แค่คำพูดของเขาทำให้น้ำตาเธอถึงหยุดแห้งและหยุดหายใจไปชั่วขณะ และเป็นคำพูดที่เธอฟังแล้วถึงกับเชื่อสนิทโดยไม่มีพิรุษแม้แต่อย่างใด นี่คือความรู้สึกของเขาจริงๆ
" เพราะงั้น...เลิกร้องไห้...มันหนวกหู..." พูดจบเขาปล่อยตัวลงนอนกับเตียงเพราะพิษไข้เลยทำให้อาการเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆหรือเพราะว่าเด็กสาวตรงหน้านี้แน่
" ตาบ้า...สภาพแบบนี้ยังจะ..." นัททริดาบ่นอุบอิบหน้าตอนนี้หน้าของเธอคงแดงแล้วแน่ๆ " แต่...ก็ขอบใจนะ..."
ซีโร่บรรยาย
นี่ผมพูดอะไรออกไปกันน่า....ผมแค่กะจะพูดว่า ' ปกป้องเพราะเป็นงานที่จ้างมา' แต่กลายเป็นแบบนี้ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ....ถึงผมจะยังไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเองว่ารู้สึกยังไงทั้งร้อนและตื่นเต้นไปหมด ผมว่าเป็นพิษไข้ ใช่แล้วผมโดนไวรัสเข้าเลยทำให้เป็นแบบนี้ ( ใสซื่อจังน่ารุ่นพี่ //โรล )
" นี่ยัยโง่...." ผมพูดขึ้นเพราะรู้สึกว่าเวลากลับร่างเดิมแล้ว
" อะ อะไรเหรอ? " นัททริดากระตุกกระกัก
ว่าแต่ร้อนชะมัดทั้งๆที่เปิดแอร์อยู่นะเนี่ยยังจะร้อนได้อีก ( ผลพิษไข้เริ่มส่งผลแล้วไง )
" ช่วยหันหลังก่อนได้ไหม...จะกลับร่างเดิม..." ผมพูดเสียงที่ยังคงเป็นเด็ก
แล้วเธอก็หันหลังให้ผมทันทีแล้วไม่นานผมก็กลับมาเป็นร่างเดิมอีกครั้ง....แต่ยังไงอึดอัดชะมัด...ผมพยายามที่จะถอดผ้าพันคอออกแล้วต่อมาเสื้อเจ็ทเกตสีดำและพยายามจะถอดอีกตัวนั้นเอง......ยัยโง่ก็หันมองทันที
" ตะ ตาบ้าทำอะไรน่ะ! " เธอร้องเสียงดังแล้วเอามือจับมือผมให้หยุดพร้อมใบหน้าที่แดงกว่าเก่า
" มันร้อน...." ผมพูดเสียงเรียบแล้วพยายามจะถอดเสื้อออกแต่ถูกมือของเธอหยุดไว้
" ร้อนบ้าอะไรนี้ญี่ปุ่นนะแถมเปิดแอร์ขนาดนี้ยังจะร้อนอีกหรือไงกันเล่า! " เธอรีบเถียงทันควันเพราะฝืนยิ่งนานเข้าผมอาจจะทำอะไรมากกว่านี้ก็ได้
" หนวกหูจริง...." ผมพูดเสียงเรียบติดหงุดหงิด รู้สึกว่าความดื้อรั้นนี่ติดมาจากใครกันเนี่ย.....
" ยังไงนายต้องนอนพักผ่อนและไม่ต้องถอดเสื้อเลยตาบ้า! " เธอตำหนิใส่ผมแล้วผลักผมให้ผมนอนอีกรอบรู้สึกว่าผลพิษเลยทำให้ขัดขืนไม่ได้สินะ
" โกรธเหรอ..." ผมพูดออกไปด้วยความสงสัยแต่คำตอบก็เป็นที่ผมรู้อยู่แก่ใจล่ะนะ
" ก็ไม่เชิงหรอก....ก็แค่หงุดหงิดที่นายชอบฝืนอะไรตัวเองแบบนี้น่ะ " เธอเหลือบไปทางอื่นด้วยความเขินอาย
" หึ...." ผมหัวเราะในลำคอแล้วคิดอะไรสนุกๆได้พอดี " งั้น....ถ้าเธอยอมให้นอนกับฉันจนกว่าพอใจ ฉันจะไม่ไปไหน..."
พอผมพูดเท่านั้นแหละ เธอก็นอนข้างๆผมและมาพร้อมกับหน้าแดงแจ๋
" ถ้า...ให้นายสบายใจก็โอเคแล้วล่ะ.."
เอาตรงๆนะว่าเมื่อกี้ผมพูดเล่น นึกว่ายัยนี่จะเดินหนีออกจากห้องซะอีก บางทีคนที่อาจโดนเล่นงานจะเป็นผมซะเองล่ะมั้ง
ผมเผลอยิ้มบางออกจากแล้วเถิบตัวใกล้เธอแล้วกอดเธออย่างไม่มีคำพูดใดๆสักคำ ถึงแม้ผมจะนอนกับเธอมาตั้งหลายครั้งจนเคยชินแล้ว แต่มีครั้งนี้แหละที่ต่างออกไปเล็กน้อย ย้ำว่าเล็กน้อยจริงๆที่ทำให้ผมนึกถึงผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง.......
" ซะ ซีโร่..." ยัยโง่พูดติดเขินที่ผมกอดไว้แล้วมองผมแล้วยิ้มออกมา ซึ่งผมก็ได้ยินทุกประโยคที่เธอพูดก่อนจะเผลอหลับไปในที่สุด
" ตาบ้า...ทำตัวเป็นเด็กไปได้ให้ตายสิ..."
และระหว่างที่พวกผมนอนพักผ่อนนั้นก็หารู้ไหมว่าข้างนอกนั้นมีเรื่องที่ภัยที่จะมาอยู่ภายข้างหน้าในไม่ช้า
ความคิดเห็น