คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Bickering love two ♧
ตอนนี้ผมกับจงแดเดินเล่นไปเรื่อยหลังจากกินข้าวกันเสร็จแล้ว...และกำลังเดินขึ้นห้องของตัวเอง…พอผมรู้ว่าไอห้องสุดท้างที่ติดกับห้องผมคือห้องของไอหูกางนั่น!! ผมก็เครียดทันที..ถ้าเป็นก่อนที่ผมจะมาเถียงกับไอนี่ผมคงดีใจนะ ที่จะได้มาเจอกับชานยอลคนดีคนนั้น ไม่ใช่ไอกางกวนผมตลอดคนนี้หรือผมจะจำคนผิดน่ะ..แต่ก็ไม่น่าใช่ไอหมอนี่ก็ชื่อเดียวกัน ผมส่ายหัวให้กับความคิดของตัวเอง
“ฝันดีนะแบคฮยอนเจอกันพรุ่งนี้” หลังจากเดินคิดไรไปเรื่อยก็ขึ้นมาถึงชั้นสามชั้นของผมกับจงแดแล้ว จงแดบอกลาผมแล้วเดินเข้าห้องตัวเองไป ห้องของจงแดอยู่ชั้นเดียวกับผม..แต่อยู่ห้องต้นๆไม่เหมือนผมที่ห้องอยู่เกือบสุดท้าย เองจงแดก็บอกฝันดีทำให้ผมสะดุ้งหลุดจากความคิด
ผมเดินเข้าไปในห้องจัดการล๊อคประตูใส่กลอนแล้วเข้ามุ่งนอน ฮ่าๆไม่ใช่ละ ผมเดินไปทิ้งตัวนอนที่เตียงแสนนุ่มของตัวเอง วันนี้เหนื่อยที่ยกของมาไว้ในหอ จัดห้องอีก..ไหนจะด่ากับไอหูกางอีก เห้อ..ถึงจะไม่ได้ด่ากันขนาดนั้นแต่ก็ทำให้ผมเหนื่อยได้ ผมนอนคิดอยู่แบบนั้นสักพักใหญ่ๆ แล้วก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำ
หลังจากผมอาบน้ำชำระร่างกายจากเหงื่อที่ไหลมาทั้งวันแล้ว..จึงเดินมาเอาของที่ยังจัดไม่เสร็จมาเรียงต่อ
กึก กึก กึก กึก กึก
“อะไรนะ?!!!” มีเสียงดังเกิดนอกระเบียงห้องของผม..ผมจึงรีบตะโกนถามออกไปทันที ถ้าหากเป็นโจรหรืออะไรมันจะได้ตกใจที่มีคนอยู่ในห้องเผื่อมันจะได้วิ่งหนีผมไปแล้วเสียงนั่นก็เงียบไปหลังจากผมตะโกนถาม ผมถอนหายใจเสียงยกใหญ่ถ้าเป็นโจรผมพอสู้ได้แต่เป็นผีผมขอบายครับ..กลัวนํ้าตาแตก
กึก กึก กึก กึก แล้วเสียงนี่ก็ดังอีกชิบผายแล้วไงครับ อย่าให้เป็นสิ่งลี้ลับเลย
ผมหยิบไม้กวาดในห้องของผมขึ้นมาถือ แล้วค่อยๆย่องไปทีกระจกตรงระเบียงที่มีแค่ผ้าม่านกั้นปิดกระจกเอาไว้....ผมมายืนตรงหน้าผ้าม่านแล้วยืนกำไม้กวาดแน่นๆ ทำใจถ้าเป็นโจรพ่อจะตีให้ยับ ถ้าเป็นอย่างอื่นพ่อจะวิ่งให้สุดชีวิต
กึกกึกกึกึกึกึกึกึกึกึกึก!! เสียงมันดังขึ้น ผมยืนกำไม้กวาดแน่นกว่าเดิมเริ่มรู้สึกที่ความชื้นที่มือตัวเอง ผมหายใจเข้าออกอยู่หลายครั้งแล้วก็เปิดผ้าม่านออกมา
“แบร่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
“ย่าาาาาาาส์ ” ผมล้มหงายหลังขาสะดุดกับกระเป๋าที่กองไว้ตรงพื้นหลังของผมกระแทกพื้นเต็มๆผมนอนนิ่งอยู่แบบนั้นพูดไม่ออกจุกไปหมด เจ็บบรรยายไม่ได้เลยครับ...ผมนอนหลับตาปี๋อยู่อย่างนั้นจนผมรู้สึกถึงชื้นๆที่แก้ม จึงรู้ว่าตัวเองร้องให้ไม่รู้ร้องให้เพราะเจ็บที่หลังหรือเจ็บใจที่โดนไอเด็กหูกางข้างนอกนั้นมาแกล้งแบบนี้
“เห้ยเตี้ย? ร้องให้เลยหรอ เตี้ย...”
“อย่าเงียบดิเตี้ย เปิดกระจกดิ เปิดกระจก!!” ผมนอนนิ่งอยู่ถ้าเดิมร้องให้ไม่ฟังใครทั้งนั้น ผมไม่ลืมตามามองชานยอลด้วยซ้ำ ทำไมต้องแกล้งแรงแบบนี้อ่ะ ผมพึ่งย้ายมาอยู่นะ ถึงจะไม่ชอบหน้ากันก็ไม่ควรมาแกล้งกันแบบนี้ป่ะ ผมตกใจตายไปทำไง
“เตี้ยไม่เปิดพังเข้าไปจริงๆนะ” ผมนอนนิ่งอยู่สักพักจนรำคาญเสียงนั่นจึงค่อยๆดันตัวเองลุกจากพื้น...ผมยังรู้สึกปวดที่ข้างหลังอยู่เลยลุกได้ช้ากว่าปกตินิดหน่อย ชานยอลมองผมนิ่งแล้วก็พยายามเคาะประตูกระจกต่อไป หึหึ แบบนี้ต้องแกล้งกลับ..ผมลุกขึ้นยืนได้แล้วค่อยๆเดินไปเปิดประตูกระจกตรงระเบียงช้าๆชานยอลก็เดินเข้ามา...ทำหน้าทำตารู้ผิดสุดผมแอบขำในใจ
“โหยแค่นี้ร้องให้” ชานยอลพูดแล้วก็มาดึงผมเข้าไปกอดแนบอก “โอ๋ๆไม่ร้องน้า ขวัญเอ้ยขวัญมานะเตี้ย โอ๋ๆ ” ชานยอลพูดพร้อมกับลูบหัวผมไป...ยังจะมาเรียกผมแบบนี้อีกแบบนี้ต้องแกล้งให้สมสมกับที่ทำคอยดู..
ผมค่อยๆพลักร่างสูงที่กอดผมออก..แล้วก็ล้มลงนั่งกับพื้นอันนี้ผมปวดหลังจริงๆครับเลยไม่อยากยืนนาน..ชานยอลเห็นแบบนั้นก็รีบนั่งลงตามแล้วก็พยายามมาดูข้างหลังผม..ดูไม่พอพยายามเลิกเสื้อของผมมาดู
“แม่ง..ไปไกลๆไป” ผมพูดเสียงแข็งพร้อมกับพลักร่างสูงจนล้มหงายหลังไปนอนกับพื้น แต่ก็ยังลุกมาพยายามดูแผลที่หลังของผมอยู่
“บอกให้ออกไป..ไม่ได้ยินไงวะ หูก็กางน่าจะรับเสียงได้ดีนี่..ออกไป” ผมยังไม่ละความพยายามที่พลักร่างสูงออกจากตัวเอง
“พูดมากยังไม่เข็ดใช่ไหม..หรือจะเอาอีกข้างละครับ” ผมชะงักมือที่กำลังพลักชานยอลออกทันที นึกไปถึงเมื่อตอนเย็นที่ร่างสูงนี่พึ่งขโมยหอมแก้มผมไป.. “ ดีมาก..เงียบๆแล้วก็อยู่เฉยๆให้ดูแผล” ผมนั่งนิ่งๆให้ชานยอลดูแผลข้างหลังผมอยู่เงียบๆ
“แดงนิดหน่อย..ขอโทษนะเจ็บมั้ย” ชานยอลพูดพร้อมกับยกมือมาลูบผมของผมเบาเบา..ผมเงยหน้าไปมองตาโตๆของชานยอล สายตาแบบนี้แหละที่ผมเจอบนรถเมล์
“คนเตี้ยมักจะกลัวผี..รับไม่ได้จริงๆ” ผมขอถอนคำพูดไอหูกางนี่ไม่ใช่คนที่ผมเจอบนรถแน่ๆ สักพักผมก็คิดอะไรออก...ได้ทีผมก็แกล้งร้องให้สะเลยละกัน..
“เตี้ยร้องให้อีกทำไมเนี่ย” ชานยอลดูรนราน....จับแขนขาของผมมาดูหาแผลดูว่าผมเป็นอะไรถึงร้องให้ อีกครั้ง “ก็ไม่มีอะไรนี่....ร้องทำไมว่ะเตี้ยแม่ง” ชานยอลสบถบ่นแล้วก็ยีหัวตัวเองจนหัวยุ่งดูน่ารักกว่าเดิม เอ้ย,,น่าเกลียดสิน่าเกลียด
“ฮือออออออออออ TTTTTT” ผมก็ยังคงแกล้งร้องให้ต่อไป ยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำมูกน้ำตาเนียนๆไป ผมควรจะได้รางวัลดีเด่นเรื่องแบบนี้นะเนี่ย
ระหว่างที่ผม(แกล้ง)ร้องให้อย่างหนักหน่วงอยู่อย่างนั้น..ชานยอลก็จับผมไปกอดเหมือนตอนแรกที่เข้ามาในห้อง...ผมตกใจยืนตัวแข็งถื่อทันทีไม่รู้ว่าชานยอลจะทำอะไร “อ่ะขอโทษนะ..ไม่รู้จะทำไรให้หยุดร้องให้ล่ะ..งั้นร้องให้มาเลยทีหลังจะไม่แกล้งแล้ว” พอผมได้ยินแบบนั้นผมก็อมยิ้มทันที…สักพักผมก็หลุดหัวเราะออกมา
“หัวเราะอะไร” ชานยอลปล่อยกอดผมแล้วก็ก้มมาถามผมทันที ผมยิ่งเห็นหัวยุ่งๆหน้าตาร้อนรนแบบนี้ผมก็ยิ่งขำไปใหญ่
“อ่อ..ไอเตี้ยไอแสบนี่แกล้งสินะ” ชานยอลพูดพร้อมกับยกมือขึ้นมาหักนิ้วกรอบแกรบเหมือนเตรียมจะหักคอผมทุกเมื่อ ผมเห็นท่าไม่ดีค่อยถอยออกห่าง... “ทำคนอื่นตกใจแบบนี้ตลกหรอ แสบนัก”
“หายกันแล้วไง” ผมพูดแค่นั้นแล้วค่อยๆเดินถอยหลังหนีชานยอลที่พยายามเดินหักนิ้วเข้ามาเรื่อยๆ ผมเห็นท่าไม่ดีผมเลยวิ่งไปหยิบไม้กวาดอันเดิมที่กะจะไว้ตีโจร
“กล้าฟาดเปล่าเตี้ย” พอชานยอลพูดจบผมก็จับไม้กวาดฟาดไปที่ขากับตูดชานยอลทันที ชานยอลตกใจร้องเสียงหลงแล้ววิ่งรอบห้องหนีการฟาดของผม แล้วก็วิ่งออกไปทางประตูกระจกตรงระเบียงที่เชื่อมกับห้องของร่างสูงแล้วก็วิ่งเข้าห้องตัวเองไป
“ฝากไว้ก่อนนะไอเตี้ยขี้แย!!!!” ชานยอลเปิดประตูกระจกของห้องตัวเองออกมาแล้วโผล่หัวตัวเองออกมาแลบลิ้นปริ้นตาใส่
“ทำงั้นน่ารักตายแหละ”
“แล้วรักป่ะ แบร่!!ไอเตี้ยขี้แย!!!” แล้วชานยอลก็ปิดประตูกระจกของตัวเองไป...ผมส่ายหน้ากับไอหูกางชานยอลนี่สักพักผมก็คิดอะไรได้...ผมเดินเข้ามาในห้องตัวเองแล้วหยิบสีเมจิกในห้องตัวเองออกมาแล้วก็เดินออกไปนอกระเบียงที่เชื่อมระหว่างผมกับห้องของชานยอล ผมค่อยๆย่องเดินไปจนหยุดอยู่ตรงประตูกระจกของชานยอล...ผมหยิบเอาเมจิกเขียนประตูกระจกของชานยอล
‘ไอหูกาง...หน้าปลาจวดหน้าปลาจวด ขาก็โก่งอะให้ตายเถอะ ให้ตายเถอะ ฮ่าฮ่าๆๆๆๆ’
By. แบคฮยอน คนหล่อ!!!!
60%
ผมตื่นขึ้นมาจากเตียงในห้องนอนแสนสบายของตัวเองแล้วลุกไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะเข้าเรียนในวันที่สองของโรงเรียนใหม่กับสังคมใหม่ๆแห่งนี้…ผมยืนเช็คตัวเองอยู่หน้ากระจกหลายรอบกระชับเสื้อตัวนอกให้มิดชิดและเรียบร้อยจนมั่นใจว่ามันเรียบร้อยดีแล้ว..ผมจึงเดินกำลังจะไปเปิดประตูห้องของตัวเองแต่ก็รู้สึกเจ็บเสียดที่หลังอยู่จนต้องร้องออกมาแต่มันก็เจ็บไม่มากเท่าไหร่
“แบคฮยอนอาาาาาาาา นายตื่นรึยังเนี่ย” ผมค่อยเปิดประตูออกไปดูว่าใครมาเรียกที่หน้าห้องแล้วก็เจอกับจงแดที่มายืนรอหน้าห้องแล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุขมาให้..เพื่อนคนนี้ยิ้มตลอดเวลาเลยแหะ
“เรามารับนายไปเรียนพร้อมกัน” จงแดพูดพร้อมกับกระชากแขนให้ผมเดินตามเขาไปผมพยักหน้าสองสามทีแล้วจึงขอเวลามาล๊อคห้องของตัวเองแล้วก็เดินตามจงแดออกไปแล้วก็หันหลังกลับไปมองห้องสุดท้ายของชั้นแต่พบว่าห้องยังปิดอยู่ หึหึ ถ้า...ไอหูกางมันเห็นข้อความที่กระจกมันจะทำไงน้าาาาาาา
ผมเดินมาที่โต๊ะเรียนของตัวเองแล้วก็พบกับกล่องใบเล็กๆวางอยู่ที่โต๊ะของตัวเองสองสามกล่อง ผมเอียงคอมองกล่องอย่างสงสัยว่าเป็นกล่องของใคร..พบหันหน้าไปขอความเห็นจากจงแดที่ตอนนี้ก็มองที่กล่องของขวัญอยู่เหมือนกัน
“มาวันเดียวก็ป๊อปเชียวนะ..ไม่แปลกหรอกนายน่าสวยเหมือนผู้หญิงแถมยังตัวเล็กอีกพวกผู้ชายจะมาชอบก็ไม่แปลก” จงแดพูดพร้อมกับหันมาหยิบกล่องของขวัญนั้นไปพลิกดูเล่นแล้วก็หันมายักคิ้วให้แล้วก็นั่งลงที่โต๊ะของตัวเอง…
เชอะไอนี่มาหาว่าผมเหมือนผู้หญิงเดี๋ยวเตะดิ้นหรอก ไม่รู้จักฮับกิโดสายดำสะแล้ว!!
ผมนั่งลงที่โต๊ะเรียนของตัวเองบ้าง..แต่โต๊ะข้างๆที่นั่งข้างผมยังว่างอยู่ แสดงว่าหมอนั่นยังไม่เข้าเรียนสินะผมหยิบกล่องของขวัญมาพลิกดูอีก แต่ละกล่องมีสีต่างกันมีสีชมพู สีน้ำตาล แล้วก็สีไข่
ผมเลือกหยิบกล่องสีชมพูมาพลิกดูก่อนแล้วจึงเห็นสร้อยข้อมือลูกปัดสีน้ำตาล…ผมหัวเราะกับของขวัญที่ไม่มีใครเขียนลงว่าใครให้ไว้ ผมค่อยๆหยิบสร้อยนั่นมาใส่ที่ข้อมือไว้ถึงจะไม่รู้ว่าใครให้แต่ผมก็ใส่ไว้คนที่ให้จะได้ไม่เสียใจ
“แหมเตี้ย..น่าแดงเชียวนะไม่เคยได้ของขวัญหรือไง” ผมหันไปมองเจ้าของเสียงทุ้มที่ผมจำมันได้ดี ที่ตอนนี้ยืนยิ้มนิดๆให้ผมแล้วก็เดินอ้อมข้างหลังมานั่งที่โต๊ะของตัวเองที่โต๊ะข้างๆ เจอหน้าปุ๊ปกวนทันทีหมั่นไส้เตะหูขาดแม่ง
ยิ้มแบบนั้นเวลาเห็นของขวัญมันน่าหมั่นไส้ยิ่งหนักไม่เคยได้ของขวัญหรือยังไงวะ..ไอเตี้ยตูดใหญ่เอ้ย
“อิจฉาหรือไง เอ้อคนแบบนายคงไม่มีใครให้สินะ” แบคฮยอนหันไปพูดกับร่างสูงที่ตอนนี้นั่งมองเขาแล้วยิ้มให้เหยียดๆ อยู่แบบนั้น
“นายไม่ต้องมายิ้มแบบนั้น..นึกว่าหล่อมากสินะไอหูกางหน้าปลาจวด”
ชานยอลหยุดยิ้มแล้วก็ทำหน้านิ่งทันที..ทำให้พลานนึกถึงข้อความที่คนตัวเล็กเขียนฝากไว้ที่ประตูกระจกของเขา…เขาไปเปิดประตูกระจกเพื่อจะให้แสงแดดตอนเช้าเปิดเข้าแต่ไปสะดุดเจอกับข้อความนั่นสะก่อน เหอะ แสบนักนะ
“เปิดกล่องสีไข่ทีอยากรู้ว่าอะไร” แบคฮยอนหันหน้ากลับมามองร่างสูงที่อยู่ดีๆก็ยุให้เขาเปิดกล่องของขวัญสีไข่ แบคฮยอนหันไปมองหน้าชานยอลอย่าจับผิดแต่เพราะชานยอลทำหน้าดุใส่แบบให้แบคฮยอนรีบเปิดมันสักที..แบคฮยอนเลยพยักหน้าแล้วก็หยิบกล่องสีไข่มาเปิดดูออกช้าๆ
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
คนตัวเล็กกรี๊ดเสียงหลงพร้อมกับปากล่องของขวัญสีไข่ลงกับพื้น…ทำให้จงแดสะดุ้งรีบลุกมาดูกล่องนั้นพร้อมกับเตะกล่องนั้นไปไกลๆทันทีที่รู้ว่ากล่องนั้นมีแมลงสาบปลอมอยู่ ชานยอลเห็นท่าทางกลัวเหมือนผู้หญิงของแบคฮยอนแบบนั้นจึงหัวเราะชอบใจกับแผนของตัวเองใหญ่ การกรี๊ดแบบนั้นทำให้เขารู้ว่าคนตัวเล็กกลัวแมลงสาบขนาดไหน..
ตอนแรกเขาก็ไม่ได้อยากแกล้งคนตัวเล็กเรื่องข้อความที่ประตูกระจกนั้นแล้ว...แต่เมื่อเช้าที่เขาเดินเข้ามาในห้องเขาเห็นกล่องของขวัญที่วางอยู่บนโต๊ะของคนตัวเล็กจึงทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเสียอย่างนั้น ชานยอลเลยไปหาแมลงสาบปลอมตัวใหญ่ๆมาใส่กล่องแล้วนำมาวางไว้ที่โต๊ะคนตัวเล็กแล้วก็ไปแอบมองว่าคนตัวเล็กจะเข้าห้องเรียนตอนไหนแล้วเปิดกล่องดูเป็นยังไง..แต่เพราะคนตัวเล็กไม่เปิดกล่องของเขาเสียทีเขาเลยต้องมาบอกให้คนตัวเล็กเปิดสักที...
“ไอสัสชานมึงแกล้งแบคฮยอนอีกแล้วนะ” จงแดพูดพร้อมกับชี้หน้าเพื่อนตัวเองที่ชอบแกล้งคนตัวเล็กตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ชานยอลเห็นอย่างนั้นแค่ยักคิ้วให้ จงแดเลยเดินไปปลอบแบคฮยอนที่ตอนนี้หยุดกรี๊ดไปแล้ว เหอะหมั่นไส้
“โอ๊ยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” ชานยอลร้องเสียงหลงทันทีที่รู้สึกว่ามีของหนักพึ่งฟาดลงมาที่กระหม่อมบางๆของเขา ชานยอลเงยหน้าไปดูก็พบกับแบคฮยอนที่พึ่งเอาหนังสือเล่มหนาๆมาฟาดที่หัวของเขาเมื่อสักครู่…เจ็บทรวงมากครับบอกเลย
“ทำไรวะเตี้ย?” ผมพูดพร้อมกับเกาหัวปอยๆเพราะรู้สึกแสบมากๆ
“หนังสือแม่งหนักถือไม่ไหว…” แบคฮยอนพูดอย่างไม่ใส่ใจว่าผมจะเจ็บแค่ไหนพร้อมกับยักคิ้วแล้วก็นั่งลงที่โต๊ะตัวเองทันทีทำเหมือนว่าตัวเองไม่ได้ตั้งใจดีผมเมื่อสักครู่แต่เป็นเพราะอุบัติเหตุ พร้อมกับทำแก้มพองลมเหมือนเหนื่อยอะไรสักอย่าง..เขาไม่รู้หรือไงว่าทำแบบนั้นมัน
น่ารัก
จุ๊บ!!!!
ผมเลื่อนหน้าตัวเองไปหอมแก้มคนตัวเล็กที่กำลังพองแก้มอยู่ทันที คนตัวเล็กหันมาทำตาโตตกใจกับเหตุการณ์เมื่อกี้เสียยกใหญ่ ผมเห็นอย่างงั้นผมก็ยิ้มอย่างพอใจทันที..
“ฮิ้ววววววววววววววววววววววววววววววว” เพื่อนในห้องที่เห็นเหตุการ์ณเมื่อสักครู่สงเสียงแซวผมกับแบคฮยอนใหญ่...คนตัวเล็กได้ยินคนแซวแบบนั้นก็ก้มหน้าลงกับโต๊ะตัวเองทันทีพร้อมกับยกขาสั้นๆของตัวเองมาถีบผมแรงๆหนึ่งทีแต่ก็ไม่ได้แรงมากจนทำให้ผมเจ็บเลยแม้แต่น้อย
“ไอหูกางไอนิสัยไม่ดีไอปลาจวด” แบคฮยอนพูดเสียงอู้อี้สบถด่าชานยอลทั้งๆที่ตัวเองยังก้มหน้าลงกับโต๊ะอยู่.. ไอบ้าเอะอะเอะก็หอมไอนิสัยไม่ดี ไอบ้า!!!!
ชานยอลเห็นคนตัวเล็กเขินอย่างนั้นจึงเลื่อนหน้าไปกระซิบหูแบคฮยอนเบาเบา
“ถือว่าเจ๊ากันไง….โอ๊ยยยยยยยยยยยย”
ชานยอลพูดยังไม่ทันจบเลยด้วยซ้ำแบคฮยอนก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับยกขามาถีบคนตัวสูงตกเก้าอี้หงายหลังไปทันที เตะคราวนี้หนักกว่าครั้งแรกร้อยเท่า..ไม่รู้ว่าคนตัวเล็กมีแรงเยอะขนาดนี้ได้ยังไง
ชานยอลร้องโอดโอยอยู่แบบนั้นเพราะหลังเขากระแทกที่พื้นห้องเรียนเต็มๆท่ามกลางสายตาของเพื่อนในห้องด้วย
“เจ๊ากันแล้วนะ..ไอปลาจวด ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ” แบคฮยอนพูดพร้อมกับหัวเราะเสียงยกใหญ่พร้อมกับหันไปแท๊กมือกับจงแดดังป๊าปๆแล้วก็หันมาแลบลิ้นใส่ผมอย่างน่ารักเอ้ยน่าหมั่นไส้ หึหึ
ไอจงแดไอเพื่อนเวรรู้จักกับกูมาตั้งนานกับไปเข้าข้างไอตัวเล็กนี่ ฝากไว้ก่อนเถอะเราสองคนต้องได้เจอกันไปอีกนาน หึหึ บยอน แบคฮยอน
เราคงต้องรับศึกหนักกว่านี้แน่สำหรับการอยู่โรงเรียนแห่งนี้โดยเฉพาะรับมือกับไอหูกางขาโก่งอย่าง ปาร์ค ชานยอลคนที่ผมเคยคิดว่าคือคนเดียวกับคนบนรถเมล์นั่น ชีวิตของผมไม่สงบของจริงแล้วแหละครับ อ่าาาาาาาาาา ㅠㅠㅠㅠ
TALK 60% แสบซ่ามาหานะเธอววววววววววววววววววววววววว 5555555555555555555555555555
ถ้าชานยอลเห็นกระจกจะเป็นไงน้า..ฟู่วๆๆๆๆไปละ เม้นกันด้วยนะคิคิ
TALK 100% สักที ย๊ากกกกกกกกกกกกก
ที่มีคนบอกให้แต่งหวานๆแล้วชอบเขาจะจัดให้หนักเลยนะ><
แต่ขอให้กัดๆๆกันไปก่อน..ฮ่าๆ เรื่องนี้คือเค้าตั้งใจเขียนมากเลย
ติชมให้กันหน่อยนะจุ๊บๆ รักคนอ่าน รักคนเม้นมากกว่า
ชานแบคจงเจริญ สุขสันต์วันลอยกระทงนะค่าาาาาาาาาาาาา
ความคิดเห็น