ตำนานช็อกโกแลตและวันวาเลนไทน์ - ตำนานช็อกโกแลตและวันวาเลนไทน์ นิยาย ตำนานช็อกโกแลตและวันวาเลนไทน์ : Dek-D.com - Writer

    ตำนานช็อกโกแลตและวันวาเลนไทน์

    เป็นเรื่องเกี่ยววันวาเลนไทน์นะ ลองเข้ามาอ่านดูล่ะกันเนอะ

    ผู้เข้าชมรวม

    1,031

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    8

    ผู้เข้าชมรวม


    1.03K

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    1
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  2 ก.ย. 48 / 18:42 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ช็อกโกแลตของหวานแสนอร่อยและกลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่เคียงข้างไปกับดอกกุหลาบช่อโตสำหรับของขวัญวันวาเลนไทน์จากคนรักสู่คนรักนั้นมีความเป็นมาอย่างไร ประวัติยาวไกลหลายหมื่นลี้ค่ะ มีมานานมากแล้ว ถ้าเปรียบเทียบแบบไทยๆ เราก็คงเรียกว่า ตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหาโน่นเลยแหละค่ะ \"ช็อกโกแลต\" ค้นพบครั้งแรกเมื่อ 4000 ปีที่แล้ว ในอาณาจักร Aztec และ Maya ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่ผสมขึ้นมาจากเมล็ดของต้นโกโก้ และเรียกชื่อว่า Cocoatl ซึ่งEmperor Montezuma นิยามว่าเป็นเครื่องดื่มจากสรวงสวรรค์เลยทีเดียว
        
          เมื่อปี 1528 เป็นปีที่สเปนมีชัยชนะต่ออาณาจักร Aztec และ Maya จึงได้นำ Cocoatl กลับไปยังสเปนด้วยและเรียกชื่อใหม่ว่า cho-co-LAH-tay และในปี 1615 ช็อกโกแลตก็ได้เผยโฉมต่อสังคมของอายรธรรมใหม่ครั้งแรก ในงานสมรสของเชื้อพระวงศ์แห่งฝรั่งเศสและจากนั้นก็จึงแพร่หลายเข้าสู่อังกฤษ ในเวลาต่อมา
      ในปี 1765 ช็อกโกแลตได้เดินทางไกลอีกครั้งไปสู่สหรัฐอเมริกาโดยการชักนำเข้าสู่วงการของ John Hanan ซึ่งได้รับความร่วมมือจาก Dr. James Baker ในด้านการวิจัยและการผลิต ไม่นานโรงงานผลิตช็อกโกแลตก็ได้ถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกที่ประเทศอเมริกานั่นเอง
        
           ในช่วงแรกๆ นั้นผู้ที่จะได้ลิ้มรสช็อกโกแลตจะเป็นเพียงผู้สูงศักดิ์หรือ ระดับเศรษฐีเท่านั้นเพราะว่าราคาแพงมากและถือเป็นของหายากชนิดหนึ่ง แต่เมื่อเข้ามาสู่ยุคอารยธรรมใหม่ มีการปฏิวัติในฝรั่งเศสทำให้ระบบศักดินาล่มสลายลง และช็อคโกแลตก็เข้าถึงประชาชนทั่วไปมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อวิทยาศาสตร์การแพทย์ค้นพบว่า ช็อคโกแลตสามารถรักษาอาการเกี่ยวกับช่องท้องได้ ทำให้ เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายยิ่งขึ้น
            
            ช่วงแรกนั้นช็อคโกแลตยังไม่ได้มีส่วนประกอบมากมายอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน ยังคงเป็นเพียงแท่งโกโก้เท่านั้น แต่เมื่อมีการค้นคว้ามากขึ้นก็สามารถบรรจุส่วนผสมต่างๆ ลงไปได้มากขึ้น เช่น นมผง ครีม คาราเมล หรือ อัลมอนด์ ทำให้ช็อคโกแลตมีรสชาติที่หลากหลายและเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายมาจนบัดนี้
            
              ปัจจุบันนี้เรายกย่องกันว่าประเทศเบลเยี่ยมนั้นเป็นแหล่งผลิตช็อคโกแลต ที่ดีที่สุดในโลก คนที่ทำหน้าที่ในการผลิตช็อคโกแลตนั้นได้รับการยกย่องว่าเป็นช่างฝีมือประจำชาติเลยทีเดียว น่ายินดีนะคะนอกจากจะเป็นประเทศที่ ผลิตระฆังได้ดีที่สุด (เบลล์=ระฆัง) แล้ว ก็ยังผลิตช็อคโกแลตได้เป็นเยี่ยมอีกอย่าง หนึ่งด้วย
            
             จากตำนานของช็อคโกแลตที่นาวนานหลายพันปีนั้น ยังไม่เห็นว่าจะมีส่วนใด มาเกี่ยวข้องกับวันวาเลนไทน์ซึ่งเป็นวันสิ้นชีวิตของ St. Valentine ผู้ที่ศรัทธาในความรักมากกว่าสงครามเลย เพราะก่อนที่ท่านจะสิ้นลมหายใจ ท่านก็ได้มอบเพียง การ์ดใบเดียวพร้อมคำว่า \"Love From Your Valentine\" เท่านั้นเอง ไม่มีช็อคโกแลตแนบไปด้วยแต่อย่างใด แต่ทั้งนี้ก็อาจจะเป็นได้ว่า เนื่องจาก ในยุคโรมันที่นักบุญวาเลนไทน์ได้เสียชีวิตนั้น ช็อคโกแลตยังเป็นของหายากจึงเป็นสิ่งที่มีค่าที่คนรักจะมอบแทนใจให้กันได้ จึงส่งไปพร้อมการ์ดและดอกไม้ ซึ่งสื่อความหมายของความรักมาแต่ไหนแต่ไรแล้วก็ได้ และอาจจะรวมไปถึง การที่ช็อคโกแลตเคยเป็นสัญลักษณ์ของ เสรีภาพ มิตรภาพ และสันติภาพ ในช่วงที่ สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงด้วยก็ได้
          
            แม้หลายคนจะกังวลว่า \"กินช็อคโกแลตวันนี้ จะอ้วนพีในวันหน้า\" ก็ยังไม่วาย เผลอ เห็นใกล้มือเมื่อไหร่ก็คว้าเข้าปากง่ายๆ แบบลืมตัวอยู่เสมอๆ บางคนก็บอกว่าช็อคโกแลตสามารถเพิ่มพลังทางเพศได้ ก็อาจจะเป็นได้ เพราะน้ำตาลในช็อคโกแลต ไปกระตุ้นการทำงานของก้านสมองที่ควบคุม Basic Instinct ของมนุษย์ ให้ทำงานได้ก้าวหน้ากว่าสมองจริงๆ ก็ได้นะคะ แม่อบเชยหวังว่าข่าวนี้จะไม่แพร่ ออกไปก่อนวาเลนไทน์หลายวันนัก เกรงเหลือเกินค่ะว่า ช็อคโกแลตจะขาดตลาด หนุ่มสาวหลายคู่อาจจะพลาดการให้ช็อคโกแลตกันในวันวาเลนไทน์ เพราะหาก ช็อคโกแลตทำหน้าที่ได้คล้ายไวอากร้าแต่ราคามหาชนอย่างนี้มีหวังเกิดการกักตุน กันแน่นอนเลยค่ะ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×