เรื่อง พันธสัญญาแห่งนาคิน
หวัดดีจ้า^^ เรา Zen นะ ปกติจะเขียนแนวอื่นๆที่ไม่ใช่แนวอย่างเรื่องนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขียนแนวนี้ เราเคยเขียน Fiction J-ROCK แนว Y มาก่อน แต่ก็นานมากแล้ว หลังจากที่อยู่มหาลัยและติดทำนิพน เหนื่อยและยุ่งมากๆ จนละจากงานเขียนไปนานมากๆเลย ตอนนี้ก็พอจะ
ผู้เข้าชมรวม
346
ผู้เข้าชมเดือนนี้
5
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
หากคุณเชื่อในความรักข้ามภพ
และคุณปรารถนาที่จะพบใครคนหนึ่ง
ภาพจากความฝัน อาจไม่ได้เป็นเพียงสิ่งที่ลวงตา
มาแล้วเพียงจากไป อรุณวันใหม่ขึ้นก็จบ
แต่ภาพของความฝัน คือสิ่งที่เคยเกิดขึ้น
และยังคงผูกพันตราตรึงอยู่ในหัวใจของบุคคลผู้มีรัก
ไม่ว่าความตายจะเคยพรากให้ได้เจ็บปวด
แต่ความรักยังคงอบอวลอยู่ทั่วทุกอณูจิตวิญญาญ
ของเขา และเธอ ที่ไม่มีวันพรากจาก..
*
พี่จะรักเจ้าเพียงผู้เดียว พี่ขอให้สัตสาบาญต่อวังนาคินศักดิ์สิทธิ์ พี่จะขอรักเจ้า
พานพบเพียงเจ้า ครองคู่กับเจ้าทุกภพทุกชาติไป หากแม้นพี่ผิดซึ่งวาจานี้
พี่ขอรับกรรมให้รับความทุกข์อย่างแสนสาหัส
นาคาหนุ่มรูปงามผิวขาวผ่องดั่งทองทานาคราชสีทองตระกูลวิรูปักษ์
พนมมือกล่าวว่าต่อหน้าวังนาคินแห่งเมืองบาดาล เคียงข้างเขาคือ
รมิตานาคีสีเขียวตระกูลเอราปถ นางอันเป็นที่รักยิ่ง
เหตุท่านจึงต้องสาบาญอะไรน่ากลัวเช่นนั้น
ข้าหาได้ต้องการให้ผู้เป็นที่รักยิ่งแห่งข้าต้องได้รับความทุกข์อันใด
ข้าเชื่อในความรักของท่านที่มีต่อข้า มือนวลเอื้อมไปแตะที่แก้มของชายผู้ซึ่งเป็นที่รัก
สองสายตาประสานกัน มือแกร่งจับมือเล็กๆที่ปรางด้านซ้ายของตนมาแนบเอาไว้ที่อก
พี่รักเจ้า ทั้งหมดชีวิตของพี่ก็ให้เจ้าได้ อย่าได้ห่วงพี่เลย
พี่กล่าวไปด้วยหัวใจ และอยากให้เจ้าได้มั่นใจในหัวใจรักแห่งพี่
หม่อมฉันเกิดมาต้อยต่ำนัก เป็นเพียงบุตรสาวอำมาตย์ปลายแถว
เพียงแค่ได้มีโอกาสถวายการรับใช้จัดเครื่องหวานถวายแด่องค์รัชทายาทแห่งนาคิน
ก็เป็นบุญของข้าแล้ว ไม่นึกไม่ฝันว่า นาคีเอราปถอย่างหม่อมฉัน
จะอยู่ในสายพระเนตรของพระองค์ และอยู่ในดวงหฤทัยองค์นาคราช
ดวงหน้าหวานก้มหน้าน้อยๆ หยาดน้ำตาอาบแก้มเนียน
มือแกร่งลูบซับน้ำตาที่แก้มนวลแผ่วเบา ดั่งกลัวว่าจะทำให้บอบช้ำ
พี่รักเจ้าไม่ว่าเจ้าจะเป็นผู้ใด ต่อให้เป็นสังเสทชะพี่ก็จะรัก ขอเพียงเป็นเจ้าเท่านั้น รมิตา
ชายหนุ่มเอ่ยวาจาหวานนุ่ม และเชยคางมนเข้ามาจุมพิตที่ริมฝีปากอิ่มอย่างอ่อนโยน
รอยยิ้มน้อยๆผุดขึ้นบนใบหน้าหญิงสาว
ดวงใจของหม่อมฉัน อย่าได้จากไปไหนเลย หากเมื่อขาดพระองค์ไปแล้ว หม่อมฉันคงขาดใจ
*
..นครินทร์ตื่นขึ้นกลางดึก นี่เป็นอีกคืนในบรรดาหลายๆคืนที่เธอฝันแปลกๆ
กับภาพชายหญิงคู่หนึ่งซึ่งคาดว่าจะเป็นพญานาคที่เธอเคยเห็นตามบันไดวัด
ภาพของชายหนุ่มรูปงาม ผิวขาวผ่องดั่งแสงทองกับเครื่องแต่งกายแบบโบราณ
ที่ประดับไปด้วยอัญมณีล้ำค่า ทั้งทองและเพชรนิลจินดามากมาย
และทั้งหมดจะเป็นสีแดงและขาวสุกใส พร้อมกับหญิงสาวที่งดงามดั่งภาพวาด
เส้นผมสีดำคลับที่เกล้ารวบขึ้นไปแล้วปล่อยยาวเหมือนหางม้าด้านหลัง
กับอาภรณ์พลิ้วไสวสีเขียวมรกตและเครื่องประดับสวยงาม
ยามที่นครินทร์ฝันถึงความรักของนาคทั้งสอง
เธอมักจะได้กลิ่นหอมอ่อนๆคล้ายๆดอกมะลิแต่กลิ่นหอมแรงกว่า เย็นกว่า
ติดจมูกเธอจางๆทุกครั้งที่เธอตื่นขึ้น
เธอไม่รู้ว่าความฝันนี้ต้องการบอกอะไรกับเธอ
บ่อยครั้งในชีวิตของเธอตั้งแต่วัยเยาที่เธอมักฝันถึงพญานาค
สีทองบ้าง สีเขียวบ้าง ว่ายน้ำมาวนเวียนใกล้ๆเธอ
และหลายครั้งที่เธอตกใจกลัวงูตัวใหญ่ในความฝันจนตื่นขึ้นกลางดึก
นครินทร์เคยเล่าความฝันนี้ในกับผู้เป็นแม่ฟัง แต่ก็ได้รับคำตอบเพียงว่า
เด็กๆคงจะติดตากับภาพของพญานาคที่อยู่ตรงบันไดวัดที่แม่เคยพาเธอไปบ่อยๆ
เลยเก็บเอามาฝันถึง ในตอนนั้นเธออายุแค่ 10 ขวบเท่านั้น เมื่อมองรอยยิ้มของแม่แล้วก็ไม่ได้คิดอะไร
แต่ความฝันนั้นก็ยังคงติดตามเธอมาจนโต
นี่เป็นเช้าอีกวันที่เธอจะต้องตื่นขึ้นเพื่อไปเรียน โชคีที่เธออยู่หอในของมหาวิทยาลัย
และวันนี้เป็นวันที่เธอมีวิชาเรียนช่วงบ่าย
ทำให้ฝันนั้นไม่สามารถมาบั่นทอนเวลานอนของเธอ
ไปก่อนนะคุณหลานรินจัง บี รูมเมทของเธอเอ่ยขึ้นอย่างคุ้นเคยกับคำที่ใช้เรียกเธอ
ก่อนจะถือกระเป๋าแบรนเนมสุดหรูเดินเฉิดฉายออกไปพร้อมกับกลิ่นน้ำหอมฟุ้งที่ยังคงกระจายไปทั่วห้อง
บ๊าย บาย ป้าบีจัง นครินทร์หรือรินโบกมือจากข้างตู้เสื้อผ้ากับเพื่อนซี้
คำสนทนาที่คุ้นเคยของเพื่อนซี้สองคนที่เรียกกันเป็นป้าและหลาน
เพราะคนนึงก็ช่างไม่รู้เรื่องอะไรเลย ส่วนอีกคนก็กร้านโลกซะจริงๆ
จะเรียกว่าแก่เกินวัยก็คงไม่ผิด ไม่นานรินก็แต่งตัวเสร็จ
เธอต่างกับเพื่อนร่วมห้องของเธออย่าสิ้นเชิง
เธอเป็นนักศึกษาปีที่ 3 มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง
ชีวิตในแต่ละวันของเธอกับการเรียนคือ ใส่เสื้อยืดสีดำเรียบๆ
และกางเกงขายาวสีดำเรียบๆเช่นกัน
รองเท้าผ้าใบ และเสื้อนักศึกษาคลุมไปอีก 1 ตัวเท่านั้น
ตามสไตล์เด็กศิลปกรรมเอก 3D Animetion
ผมสีน้ำเงินทำสีตามสมัยนิยมของวัยรุ่นที่ปล่อยยาวสบายๆ กับผิวขาวๆของเธอ
เป็นจุดเด่นที่ใครๆในมหาลัยมองกันเป็นตาเดียว แต่ก็ไม่ถือว่าแปลกอะไรสำหรับเด็กศิลป์อย่างเธอ
หวัดดี ริน เสียงทุ่มต่ำนุ่มๆที่คุ้นเคยเอ่ยทักเธอระหว่างทางขึ้นตึกเรียน
อืม ดี เค คำทักทายสั้นๆเรียบๆตามสไตล์สาวพูดน้อยอย่างเธอที่เอ่ยทักกลับกับชายหนุ่มร่างสูง
เขาเป็นเพื่อนในสาขาของเธอ ที่ไม่ได้สนิทอะไรกัน แต่แรกเริ่มเขาเป็นคนเข้ามาพูดคุยกับเธอ
และบ่อยครั้งที่เจอกัน แต่ไม่ได้มีบทสนทนาอะไรมากมาย
นอกจากคำทักทาย เจอกันแล้วก็ผ่านไป
และในทุกๆครั้งเหมือนว่าเขาจะเห็นเธอก่อนและเข้ามาทักเสมอ
เป็นอยู่เช่นนี้นานนับปี และจากการแลกอีเมลของเพื่อนๆในสาขา
เธอจึงได้เมลของเขามาด้วยเช่นกัน
ทำให้ได้มีโอกาสพูดคุยกันมากขึ้นทางMSN ตามแบบฉบับของคนรุ่นใหม่
มรุเดชหรือเคเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกันกับเธอที่มักเข้ามาทักทายเธอเสมอๆ
เขาเป็นคนเงียบขรึม อยู่ในกลุ่มเพื่อนๆอีก 5-6 คน และชอบเดินฟังเพลง
นั่งเรียนก็ฟังเพลง ไม่รู้ว่าสนใจใครหรืออะไรบ้างหรือเปล่า
นั่นเป็นเพียงข้อสังเกตของเธอ
แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอสนใจเขาไปมากกว่าเพื่อนคนอื่นๆ
รินเองก็ไม่ได้มีเพื่อนสนิทอะไรมากมาย เธอสามารถพูดคุย ทักทาย
และทำงานกลุ่มร่วมกับเพื่อนๆชาวศิลปกรรม หญิงสาวไม่มีเวลาสนใจกับเรื่องทั่วไป
ชีวิตของเธอไม่เคยแม้กระทั่งไปเที่ยวสนุกสนานเฮฮากับเพื่อนๆยามราตรี
ชีวิตของการเป็นเด็กหออยู่ไกลบ้าน เป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงอยู่แล้วสำหรับคนเป็นพ่อแม่
ถึงแม้เธอจะไม่ได้อยู่ในสายตาของผู้ปกครอง
แต่เธอก็ไม่เคยทำให้พ่อแม่ต้องเสียใจเพราะพฤติกรรมของเธอเลยสักครั้ง
ทุกๆครั้งหลังเลิกเรียน เธอแวะเข้าไปยังซุปเปอร์มาเก็ตขนาดย่อมข้างๆมหาลัย
เพื่อซื้อวัตถุดิบมาทำอาหารเองภายในหอพัก และนั่งทำงานส่งอาจารย์เกือบทั้งคืน
อาจมีบ้างนานๆครั้งที่เธอจะออกไปในช่วงวันหยุด ไปดูหนัง
ไปเดินเล่นในห้างสรรพสินค้ากับกิ่งเพื่อนสนิทต่างสาขาของเธอบ้าง
รินคิดเสมอว่า เธอจะต้องเรียนให้จบให้ได้ เพื่อนำปริญญากลับไปให้พ่อแม่ได้ชื่นใจ
และเธออยากที่จะช่วยหาเงินเลี้ยงดูพ่อแม่ตอบแทนบุญคุณของท่านบ้าง
ดูจากภายนอกเธอเป็นคนที่เคร่งขรึมและดูซีเรียสกับชีวิตเสมอ
ใครเลยจะรู้ว่าชีวิตของเธอตั้งแต่เด็กต้องเจอกับเรื่องร้ายๆอะไรบ้าง
พ่อแม่ของเธอแรกเริ่มนั้นมีฐานะที่ไม่ค่อยดี เมื่อเธอซึ่งเป็นลูกสาวคนแรกเกิด
ก็ต้องไปอยู่กับยาย จนเมื่อโตได้สัก 7 ขวบ
พ่อแม่ของเธอที่มีฐานะทางการเงินดีขึ้นจึงรับเธอกลับมาอยู่ด้วย
พร้อมกับได้อยู่กับน้องสาวอีกคนนึงของเธอซึ่งมีอายุห่างกัน 3 ปี
ครอบครัวของนครินทร์มีธุรกิจส่วนตัวอยู่ พ่อของเธอเปิดบริษัทเล็กๆ
แต่เมื่อ 4-5 ปีก่อน เศรษฐกิจย่ำแย่
ทำให้บริษัทเล็กๆของครอบครัวต้องประสบปัญหาทางการเงิน
ความพยายามของพ่อและแม่ที่จะประคับประครองบริษัทให้อยู่รอดก็เพียงไม่นาน
จึงต้องปิดตัวลงเมื่อเธออยู่มหาลัยในปีที่ 2
ความกดดันในชีวิตของหญิงสาวจึงมีมากขึ้น
นครินทร์ร่วมหุ้นเปิดบูธออกแบบและขายสินค้าเครื่องประดับ
และเสื้อผ้าวัยรุ่นสไตล์Cosplayอยู่กับกิ่งเพื่อนรักของเธอ
ธุรกิจเล็กๆนี้ไปได้ดี และทำเงินให้เธอและกิ่งเสมอๆ
ถึงแม้ว่าจะพลาดโอกาสในการทำเงินบ่อยครั้งเนื่องจากทั้งคู่ยังคงเรียนหนังสืออยู่
การเข้าวัดทำบุญเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยให้รินสบายใจขึ้นเมื่อยามที่เธอทุกข์ใจ
และคิดถึงพ่อกับแม่ แต่เธอต้องเข้มแข็ง
เป็นยังไงบ้างคุณน้องชาย วันเสาร์นี้ว่างไหม ไปวัดกัน
เสียงจากปลายสายโทรศัพท์มือถือเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสดใสเช่นเคย
พี่มิ่งเป็นเสมือนพี่ชายของริน ทั้งคู่นับถือกันเป็นพี่น้องที่รู้จักกันมานาน 6-7 ปี
กำลังอยากไปอยู่พอดีเลยค่ะพี่มิ่ง งั้นเดี๋ยววันนี้อย่าคุยดึกนะ เดี๋ยวรินจะทำงานส่งอาจารย์ไม่ทัน
คร๊าบ แล้วเจอกันครับคุณน้องชาย อย่าลืมกินข้าวด้วยนะ
เมื่อบทสนทนาจบลง หญิงสาวก็เริ่มทำงานจนถึงเลยตี 2 ตามเคยเริ่มง่วง
เช้าวันรุ่งขึ้นเธอจะต้องรีบตื่นออกไปตามนัด 10 โมงเช้ากับการถวายสังฆทาน
และเดินเที่ยวในสยามตามประสาวันรุ่นกับพี่ชายคนสนิท
ตกเย็นเธอก็แยกย้ายกลับหอพักของเธอตามเดิม
และกิจวัตรที่ขาดไม่ได้ประจำวันของเธอคือ
ออนMSN กับคำทักทายสั้นๆจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ของใครคนหนึ่ง
*****
:MSN Messenger:
Kei : หวัดดี ริน..
เธอเงยหน้าขึ้นมองข้อความ เขานั้นเอง นายเค
Rin : หวัดดีคร๊าบบบบบ.. คำทักทายแบบผู้ชายที่เธอถนัด
Kei : รูปนี้เท่จัง >>>>>
คำชมที่เธอมักได้จากเค จากรูปภาพของเธอที่โชว์บนดิสเพล
Rin : งั้นเหรอ?
Kei : อืม..
Rin : วันนี้อาจตอบช้าหน่อยนะ กำลังทำกับข้าวอยู่น่ะ มือเลอะ พิมลำบาก..
รินบอกกับเขาในขณะที่มือข้างนึงกำลังจับตะหลิว<:p>
Kei : ทำกับข้าว!! ..
ชายหนุ่มพิมข้อความส่งกลับมา
Rin : ใช่ ทำกับข้าว ทำไมจะบอกว่ากินไม่ได้ละสิ..
Kei : ป่าว ก็เคทำกับข้าวไม่เป็น ชอบคนทำกับข้าว
Rin : 55+ งั้นเหรอ?
Kei : อืม..
..
.
..
.
บทสนทนามักจบลงแบบเงียบๆไปเสมอๆ
แต่นั่นก็ทำให้เธอและเขาได้มีโอกาสพูดคุยกันมากขึ้น
เธอเองก็เป็นคนเงียบๆในสายตาของเพื่อนๆ เขาเองก็เป็นคนที่ไม่ค่อยพูด
ดูเหมือนคนที่มีโลกส่วนตัวสูง
จะมีโอกาสได้คุยกันจริงๆก็ผ่านการออนไลน์จากอินเตอร์นี้เท่านั้น
เขาสำหรับเธอแล้ว คือเพื่อนที่มีพฤติกรรมแปลกๆ
เธออดคิดไม่ได้ว่า หลายต่อหลายครั้ง
เขาพยายามที่จะมาเจอ มาทักทายเธอแบบจงใจเสมอๆ
ทั้งที่มหาลัยและนานๆครั้งที่หน้ามหาลัยหรือแม้แต่ในห้างสรรพสินค้าใกล้เคียง
ในแต่ละวันผ่านไปแบบเดิมๆ กับชีวิตที่เอาแต่เรียนของเธอ
กับการเข้าวัด ขายของ และความฝันเรื่องของพญานาคที่เธอยังคงไม่ได้คำตอบ
นานวันนครินทร์และมรุเดชก็ได้มีโอกาสพูดคุยกันมากขึ้น จากการที่เขาเข้าหาเธอมากขึ้น
บทสนทนาต่างๆเริ่มมีมากขึ้น ครั้งใดที่เธอไม่สบายและขาดเรียนไป
เขาเป็นคนที่อาสาช่วยทำงานแทนเธอ บทสนทนาทางหน้าจอคอมฯมีมากขึ้น
เธอเองเริ่มมีความสนใจในตัวเขา หลายครั้งที่นั่งเรียนอยู่ในห้องเดียวกัน
เธอไม่รู้ว่าตัวเองเผลอจ้องมองชายหนุ่มที่กำลังนั่งฟังเพลงจากสายของเครื่องเล่นจิ๋ว
ไม่นานนักที่ชายหนุ่มรู้สึกตัว และหันมามองเธอกลับ
หญิงสาวรู้สึกตัวและหันกลับด้วยความตกใจ
เขามักเอ่ยทักเธอทางMSNก่อนเสมอ และเงียบเพราะไม่รู้จะคุยอะไร
เธอจึงเป็นฝ่ายหาเรื่องมาคุยกับเขา ทั้งเรื่องเรียนและเรื่องไร้สาระ
อย่างเช่นวันนี้
:MSN Messenger:
Kei : หวัดดีครับ ริน
Rin : หวัดดี กินข้าวยัง?
Kei : กำลังกินอยู่
Rin : ออ
Rin : นี่ๆ วันนี้มี KOKOLOGY มาทายด้วยล่ะ เล่นไหม?
Kei : ก็น่าสน..
..
.
..
.
บทสนทนามากมายที่มีอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลาหลายชั่วโมงในแต่ละคืนที่ทั้งคู่พูดคุยกันผ่านตัวอักษร
คำถามทางจิตวิทยาที่เธอถามเขา ทำให้เธอได้รู้ถึงตัวตนและความชอบของเขา
เป็นอีกวันที่รินรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เวลาล่วงเลยไป ตี 3 กับอีก 20 นาที
กับการพูดคุยผ่านตัวหนังสือจากหน้าจอคอมฯของชายหญิงคู่นี้
ความสุขที่เกิดขึ้น ทำลายความง่วงไปจนหมด
และอีกหลายต่อหลายคืนกับการคุยแบบโต้รุ่ง
ทำให้เขาและเธอสนิทกันมากขึ้น
ถึงอย่างนั้นสำหรับเธอแล้วเขาก็ยังคงเป็นคนที่ชอบทำตัวมีความลับอยู่เสมอ
หลายต่อหลายครั้งเหมือนคนที่กลัวและระแวงว่าใครจะมองตัวเองไม่ดีหรือทำร้ายตัวเอง
แต่ทุกๆครั้งที่พูดคุยกัน เธอพยายามถนอมคำพูดให้ได้มากที่สุด
เพราะเคคือผู้ชายที่อ่อนไหวมาก ส่วนเธอก็เป็นผู้หญิงที่ห้าวเหมือนผู้ชาย
บ่อยครั้งที่เขาพูดจาแซวว่าเธอเป็นทอมหรือป่าวนะ
อาจจะด้วยความนึกสนุกหรืออย่างไร แต่มันก็ทำให้เธอหงุดหงิดเป็นบางครั้ง
และเมื่อเขาทำให้เธอไม่พอใจด้วยเรื่องอะไรก็ตาม เข้าก็จะขอโทษและเงียบเสมอ
บางวันที่อาจารย์สั่งงานมาอย่างหนัก ทำให้ทั้งคู่ไม่มีโอกาสได้พูดคุยกัน
อาจเจอกันบ้างในตึกเรียน บ่อยครั้งที่เขามักบอกว่าเธอชอบมองก้มลงไป
ไม่รู้ว่ามองอะไร มองมด? ทำไมเธอถึงไม่มองขึ้นมาบ้าง
ในทุกๆครั้งที่เขาต้องการสบตาของเธอ แต่เธอก็มักหลบสายตาดุๆของเขาเสมอ
สายตาที่ทั้งดู แต่กลับแฝงไปด้วยความเศร้า กับการแอบมองเขา
เธอได้รับรู้ความรู้สึกบางอย่าง ที่เขาซ้อนเอาไว้ลึกๆ ภายในดวงตาคู่โศกนั้น
สายลมเอ๋ย พัดมาแต่ที่ใดกัน
วานให้เจ้าช่วยพาความรักของข้าไปส่งให้เขาที~~
คำพูดเพ้อๆแผ่วเบาของนครินทร์พัดลอยไปตามสายลม
ก่อนที่หญิงสาวจะเข้าสู่ห้วงนิทราบนเก้าอี้นั่งเล่นตรงนอกชานระเบียงในหอพักของเธอ
*สายลมเย็นๆพัดผ่านยามราตรีกาล ในห้องบรรทมรโหฐานของกัญจน์ธัชนาคราช
ไม่มีอะไรจะมีความสุขเท่ากับการได้โอบกอดนางเนื้อนวลอันเป็นที่รักยิ่ง
พี่รักเจ้าเหลือเกิน ยอดดวงใจของพี่
ริมฝีปากของนาคราชจุมพิตเบาๆที่โอษฐ์อิ่มของร่างบางด้านใต้บนเตียงกว้าง
ความอบอุ่นและหอมหวานนี้ติดตรึงหัวใจของนาคทั้งสอง
ตราบจนรุ่งสางที่อโณทัยขึ้นสู่ท้องนภา
องค์กัญจน์ธัชเพคะ หม่อมฉันเตรียมเครื่องคาวหวานเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
สรงน้ำเสร็จแล้วหม่อมฉันจะเข้ามาถวายการรับใช้นะเพคะ
เสียงนุ่มๆกล่าวกับร่างสูงบนแท่นบรรทม เขาตื่นนานแล้วแต่ยังคงไม่ลุกขึ้น
รมิตาคุกเข่าทำความเคารพชายผู้เป็นที่รักอยู่ด้านล่างพระแท่น
ด้านหลังเป็นนางกำนัลอีก 2 คนที่ถือถาดอาหารเข้ามา
พี่เคยบอกเจ้าแล้วว่า เจ้าไม่จำเป็นจะต้องทำแบบนี้ เจ้าเป็นนางห้ามของพี่แล้ว
กิจอันใดที่เจ้าเคยทำ ต่อไปนี้ไม่ต้องเปลืองแรงเจ้า ให้นางกำนัลเหล่านี้ทำแทนเจ้าเถิด
..หน้าที่ของเจ้าคืออยู่เคียงข้างพี่ เป็นนางในดวงใจของพี่ก็เพียงพอแล้วเจ้าเนื้อนวล
วงแขนแกร่งเอื้อมโอบร่างบางมาวางบนตัก พวกแกมนางนาคีแดงระเรื่อยด้วยความเขินอาย
ผลงานอื่นๆ ของ Zenyuki ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Zenyuki
ความคิดเห็น