ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF] Absinthe,,, [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #13 : [SF] Absinthe : The end

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 499
      2
      5 ก.ย. 54

     


    Title: Absinthe
    Author: zarmintz aka HXH
    Talk: จบซีรี่แรกแล้ว และลงฟิกตัดด้วย อ่านเล่มเต็มได้ในเล่มนะ ฮ่าๆๆๆๆ รายละเอียดการจองอยู่หน้าถัดไปน้า

    ==================================================================

    แต่ดูเหมือนว่าคำขอพรของฮีชอลจะไม่ได้เกิดขึ้นเร็วๆนี้ เพราะหลังจากที่เขาเองสามารถพาตัวเองออกมาจากห้องน้ำและออกมาแต่งตัวได้ เขาก็พบว่าเพื่อนๆทั้งกลุ่มของเขายืนรออยู่หน้าประตูด้วยความเป็นห่วงเพราะคิดว่าฮีชอลอาจจะเมาน็อคแล้วหัวฟาดพื้นเป็นอะไรไปเพราะทั้งโทรเข้าไปทั้งเรียกยังไงฮีชอลก็ไม่ยอมออกมา ร่างบางปั้นหน้ายิ้มแย้มแล้วแก้ตัวว่ามัวแต่เปิดน้ำแช่อยู่ในห้องน้ำทำให้ไม่ได้ยินเพราะเสียงน้ำมันดัง ทุกคนๆจึงโล่งใจได้แม้ว่าจะยังห่วงอยู่ก็ตามที

    และเมื่อฮีชอลถามว่าวันนี้จะไปเที่ยวไหนกัน อีทึกก็บอกว่าพวกเขาจะไปล่องเรือและดำน้ำกัน แม้ว่าจะฟังดูทะแม่งๆเพราะพวกเขาก็ไปมาแล้วรอบนึงแต่เป็นการดำน้ำเขตตื้น และมันก็ฟังดูเป็นแผนเดียวกับที่คิบอมบอกฮันกยองว่าวันนี้จะทำอะไร แต่ยังไม่ทันที่ฮีชอลจะได้เอ่ยถามไปมากอะไรกว่านี้ พวกเพื่อนๆก็หลอกเขาขึ้นมาบนเรือได้สำเร็จ

    เมื่อร่างบางหันไปถามว่าใครเป็นคนขับเรือ เพราะเมื่อเรือออกจากท่า แต่ทุกคนกลับยืนอยู่บนดาดาฟ้าเรือพร้อมหน้า แต่ฮีชอลก็ได้รับคำตอบนั้นทันทีเมื่อร่างของแจจุงปรากฏขึ้นมาพร้อมถาดน้ำผลไม้และอาหารว่าง

    "ซีวอนขับเองน่ะ มีคิบอมกับฮันกยองเป็นผู้ช่วยกัปตัน พวกเราไม่อยากให้ใครยุ่งก็เลยตัดสินใจเช่าเหมาลำแล้วขับเอง" แจจุงว่าพร้อมวางถาดอาหารลงบนโต๊ะ และหยิบแก้วส่งให้ทีละคน ฮีชอลอ้าปากค้างแล้วตะโกนแข่งเสียงลมทันที

    "ห๊ะ? อะไรนะ? มากับพวกนี้อีกแล้วเหรอ นี่ชีวิตชั้นจะต้องผจญกับคนพวกนี้อีกมากแค่ไหนเนี่ย" แจจุงหน้าตึงไปนิดเพราะคำพูดของฮีชอลที่ฟังดูไม่ว้หน้าคนที่ชวนมาด้วยเลย ร้อนถึงเจย์ต้องรีบเข้ามาไกล่เกลี่ย

    "ไม่เอาน่าฮีชอล พวกเรามาเที่ยวเนอะ ไหนๆก็เป็นเพื่อนร่วมทางกันมาตั้งแต่โซลแล้วไง เที่ยวด้วยกันแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก" ใบหน้าหวานแสดงออกชัดว่าไม่พอใจมาก แต่แล้วเสียงหานๆจากอีกคนก็ดังมาจากทางตัวเคบินชั้นล่างพร้อมกับของกินที่มาเสริ์ฟเพิ่ม

    "แต่ชั้นอยากมากับนายนะฮีชอล ได้ยินว่านายยังไม่ได้ทานอาหารเลยแม้แต่มื้อเดียวเพราะตื่นสาย ชั้นเลยให้พนักงานจัดอาหารไว้ให้" คยูฮยอนว่าแล้ววางถาดอาหารบนโต๊ะให้ฮีชอลอย่างเอาใจ ร่างบางทำหน้าเบื่อกว่าเดิมแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากกล่าวสั้นๆ

    "ขอบใจ แต่ชั้นกินแค่ขนมที่แจจุงเอามาให้ก็ได้" ฮีชอลทำตัวเหมือนเป็นคนดีแต่จริงๆแล้วแค่ไม่อยากจะยุ่งกับคยูฮยอนเพื่อให้ความหลังชายหนุ่ม แต่รายนั้นกลับคะยั้นคะยอไม่เลิก

    "เอาน่าท่านเถอะนะ จะได้มีแรงดำน้ำกันไง เดี๋ยวพวกเราจะไปดำน้ำชมประการังและหมู่มวลปลาน้อยใหญ่เลยน้า" ฮีชอลแกล้งทำเป็นฝืนยิ้มเพื่อให้มันจบๆไปก่อนจะเรียกทงเฮและอีทึกให้มานั่งขนาบข้างเป็นไม้กันหมาไม่ให้คยูฮยอนมายุ่งกับตนได้มากนัก แต่กระนั้นแล้วรายนั้นก็ยังถือวิสาสะลากเก้าอี้มาอีกตัวมานั่งและพูดคุยกับฮีชอล ทงเฮและอีทึกพลางหาทางทำคะแนนและแต๊ะอั๋งฮีชอลไปเรื่อย แม้ว่าเจ้าตัวจะทำหน้ายากใส่แต่คยูฮยอนก็ยังถือคติ ด้านได้ อายอดตลอดเวลา

     

     

     

    เมื่อถึงจุดที่ดำน้ำได้ทุกคนต่างไปเปลี่ยนเป็นชุดดำน้ำเพื่อเตรียมตัว ฮีชอลออกตัวว่าเขายังรู้สึกมึนๆจากที่ดื่มมาเมื่อคืนจะขอนอนในเคบินข้างล่างระหว่างที่ทุกคนไปดำน้ำแทนซึ่งเจย์ก็เห็นว่าดีด้วย เพราะฮีชอลดูหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ น่าจะให้พักผ่อนต่อจะได้ไม่หมดสนุกเสียก่อน

    ดังนั้นร่างเพรียวจึงลงไปที่เคบินด้านล่างที่มีห้องเหมือนเป็นห้องพักให้คนที่มาเดินเรือซึ่งแม้จะไม่ใหญ่โตมากนักแต่ก็นอนพักผ่อนได้สบายๆเลยทีเดียว ฮีชอลปิดประตูห้องเคบินและตรงไปยังเตียงนุ่มและจัดการห่มผ้านอนทันที เพราะเขาเองรู้สึกจริงๆว่าได้นอนไม่พอ และเหนื่อยจากการร้องไห้ทำให้ยิ่งล้า ฮีชอลหลับไปทันทีโดยไม่สนว่าคนที่จะอยู่เฝ้าเรือในตอนที่ทุกคนออกไปดำน้ำเป็นใคร

    คนที่ฮีชอลเลี่ยงไม่เจอหน้าตั้งแต่เหยียบขึ้นมาบนเรือเองตัดสินใจไม่ลงไปดำน้ำกับคนอื่นๆ เพราะไม่อยากไปเท่าไหร่นักและอีกเกตุผลหนึ่งคือเมื่อเขาได้ยินซีวอนบอกว่าแจจุงพูดกับคยูฮยอนว่าฮีชอลจะนอนรอทุกคนอยู่บนเรือ ดังนั้นยังไงพวกเขาก็ต้องผลัดกันเฝ้าเรือเอาไว้ ฮันกยองบอกให้ซีวอนไปเล่นกับคนอื่นๆเพราะดูเจ้าตัวจะเบื่อเพราะถ้าหากมาแล้วได้แต่ขับเรือแล้วไม่ทำอะไรก็คงจะเซ็งไม่ใชาน้อย

    ฮันกยองมองนาฬิากาในห้องบังคับเรือก่อนจะปรับโหมดให้จอดนิ่งอยู่กับที่พร้อมทิ้งสมอเรือไว้แล้วเดินจากทางห้องบังคับเรือด้านหน้าไปยังเคบินด้านหลังที่ฮีชอลหลับอยู่ ชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไปเบาๆและเมื่อเห็นว่าฮีชอลหลับสนิทอยู่บนเตียง คนที่ตั้งใจเข้ามาก็ได้แต่นั่งมองฮีชอลที่หลับไปอย่างนั้น

    ฝ่ามือหนาแตะไปที่ใบหน้าสวยหวานแล้วเอ่ยประโยคเดิม..คำพูดที่เขารู้สึกจากใจจริง

    "ชั้นขอโทษ...."

    ใช่ว่าฮันกยองจะไม่รู้สึกผิดกับเรื่องราวในวัยเด็ก เขารู้ตัวว่าเขามีส่วนทำให้ฮีชอลกลายเป็นคนนิสัยเสีย ช่างเอาแต่ใจและไม่สนใจคนอื่นเพราะเขาตามใจตั้งแต่เด็ก พอเขาเลิกยุ่งกับฮีชอลแทนที่ฮีชอลจะดีขึ้นกลายเป็นว่าเจ้าตัวยิ่งหนักกว่าเดิมเพราะไม่มีคนคอยปรามหรือว่าอะไร

    นอกจากนี้ความรู้สึกแปลกๆที่มันเกิดขึ้นระหว่างเขากับฮีชอลนับตั้งแต่คืนนั้นมันเป็นเรื่องที่ฮันกยองเองไม่เข้าใจ เขารู้ตัวว่าเขากับฮีชอลผูกพันกันมาก มันเป็นความรู้สึกที่ยังไงก็ตัดไม่ขาด... แต่แล้วเขาก็ได้ก้าวข้ามความสัมพันธ์นั้นไป..และมันยิ่งทำให้ความรู้สึกแปลกๆบังเกิดขึ้นระหว่างเขากับฮีชอล

    ร่างบางขยับตัวเพราะรู้สึกได้ว่ามีคนนั่งอยู่ข้างๆ ฮีชอลลืมตาขึ้นแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าเป็นฮันกยองที่นั่งอยู่บนเตียงในห้องเคบินที่คับแคบนี้

    "นายเข้ามาทำไม" ฮีชอลถามทันทีเมื่อลุกขึ้นนั่งได้ พยายามเบี่ยงตัวออกห่างฮันกยองให้มากที่สุด ทั้งๆที่ตอนนี้หลังเขาก็แนบผนังเรือแล้ว

    "เอ่อ..ชั้นเป็นห่วงก็เลยมาดูนาย ตอนนี้ทั้งเรือเหลือชั้นกับนายแค่สองคน" ฮันกยองตอบอย่างจริงใจแต่ฮีชอลกลับกวนกลับไป

    "งั้นเหรอ? งั้นชั้นโดดลงไปให้ไอ้หลามมันงาบตายดีกว่าจะได้ไม่ต้องอยู่กับนายแค่สองคนบนเรือนี่" ว่าแล้วก็เขยิบตัวจะลงไปอีกทาง แต่ฮันกยองเองก็ขยับไปทางนั้นแล้วขวางไว้

    "ทำไมกัน อยู่กับชั้นสองคนมันจะตายหรือไง? ที่เจ๊าะแจ๊ะกับคนอื่นละไม่เห็นเป็นไร" ฮันกยองว่าพลางนึกถึงภาพตอนที่เขากำลังจะเดินขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือเพื่อบอกจุดที่จะดำน้ำกับแจจุง แต่เขากลับเห็นคยูฮยอนพยายามเอาอกเอาใจแทบจะป้อนข้าวป้อนขนมให้ฮีชอลอยู่แล้ว ทำให้ชายหนุ่มอารมณ์เสียเดินกลับเข้ามาขังตัวอยู่ในห้องขับเรือกับซีวอนเหมือนเดิมและไม่ยอมออกไปไหนเลย

    "แล้วนายจะมายุ่งเรื่องอะไรของชั้นล่ะ นายไม่มีสิทธิ์จะมายุ่งอะไรกับชั้นแล้วนะ แม้แต่ความเป็นเพื่อน เราสองคนก็ไม่มีให้กันแล้ว และชั้นก็จำคำพูดนายได้ดี!" ฮีชอลรู้สึกโกรธตัวเองที่ไปนึกถึงเรื่องเก่าๆที่มักจะกลับมาร้ายเขาตลอด

    ฮันกยองเองก็ไม่พอใจเช่นกันที่ฮีชอลเริ่มขึ้นใส่เขาก่อนทั้งๆที่เขาเข้ามาพูดดีๆด้วย ชายหนุ่มเลือดขึ้นหน้าเลยโผล่งออกไปเต็มที่ว่า

    "ใช่สิ ชั้นยุ่งกับนายไม่ได้หรอกในฐานะเพื่อน แต่ถ้าในฐานะอีกอย่างหนึ่งที่นายเป็นของชั้นแล้วชั้นจะยุ่ง นายจะห้ามชั้นได้หรือไง"

    ฮีชอลหน้าร้อนทันทีเมื่อได้ฟังคำนั้น เขากำมือแน่นแล้วอัดไปเต็มๆที่ปากของชายหนุ่มด้วยความโกรธ

    "อย่ามาพูดจาแบบนี้กับชั้นนะ! เมื่อคืนหรือคราวนั้นมันก็แค่ผ่านไปแล้ว ชั้นเมา ชั้นไม่รู้เรื่อง! และคนอย่างนายมันก็เลวพอที่จะฉวยโอกาส!"

    "เออใช่สิ พูดได้นี่ว่าเมา ไม่รู้ตัวซะบ้างว่าตอนทำก็ไม่ได้ทำแค่คนเดียวหรอกนะ ก็ทำกันทั้งคู่น่ะ จะให้ชั้นบอกให้เห็นภาพอีกรอบเลยไหมว่า ชั้นกับนายทำกันยังไงบ้าง" ร่างสูงโมโหใส่แล้วผลักร่างบางลงกับพื้นเตียง ฮีชอลร้องเสียงดังทันทีแต่ในเมื่อทั้งเรือไม่เหลือใครแล้วจะมีใครมาได้ยิน

    "ไอ้ฮันกยอง! ปล่อยนะ ชั้นบอกให้ปล่อย..อื้อ........." ร่างสูงซุกไซ้ที่ซอกคอเนียนขาวนั้นก่อนจะหันมาประกบปากจูบคนที่ฤทธิ์เยอะ ฮีชอลพยายามจะสู้แต่คนที่รู้เกมกลับสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากร่างบางแล้วกวาดชิมความหวานพร้อมเกี่ยวกระหวัดปลายลิ้นเรียวด้วยความอยากเอาชนะจนคนที่ถูกปล้นจูบถึงกับอ่อนแรงซบอยู่คาอกชายหนุ่ม

    ฮันกยองละริมฝีปากตนที่บดเบียดเรียวปากน่าจูบนั่นออก ทำให้ฮีชอลที่กำลังเคล้มกับรสจูบนั้นเงียบไปในบันดล แต่มีหรือที่ฮีชอลจะยอมแพ้ง่ายๆเพียงเพราะรสจุมพิตหวามจากชายหนุ่ม

    สายตาคมกวาดมองใบหน้าหวานที่ตนเองทึกทักถือวิสาสะว่าเป็นเจ้าของไปแล้วก่อนจะเอ่ยสั่งอีกครั้ง

    "ฮีชอล ต่อไปนี้ห้ามไปยุ่งกับคนอื่น ไม่ต้องไปยั่ว ไปให้ท่าอะไรใครเด็ดขาด เข้าใจไหม?" เสียงทุ้มเอ่ยบอกพร้อมจ้องดวงตากลมโต ฮีชอลรู้สึกใจหวิวแปลกเมื่อฟังถ้อยคำนั้น มันฟังดูราวกับว่าฮันกยองหวงเขามากนัก

    "ไม่เข้าใจ ชั้นไม่เข้าใจนาย พูดอย่างกับนายหึงหวงชั้นงั้นแหละ หึ" ฮีชอลว่าคนตรงหน้าที่ยังคร่อมตัวเขาไว้อยู่ ฮันกยองตกใจแล้วทบทวนคำพูดของตนก่อนจะละตัวออกมาจากร่างบางแล้วนั่งลงบนเตียงดีๆ ฮีชอลรีบลุกขึ้นทันทีพร้อมทั้งนั่งกอดอกเพราะกลัวฮันกยองจะจู่โจมใส่อีกเหมือนเมื่อครู่

    "จะคิดยังไงก็แล้วแต่ ห้ามไปยุ่งกับคยูฮยอนมัน เลิกให้โอกาสมันซะที ชั้นไม่อยากเห็นมันเป็นโง่" ฮันกยองว่าทั้งๆที่ไม่ได้มองหน้าฮีชอล ร่างบางรู้สึกอยากเอาชนะจึงลอยหน้าลอยตาตอบไปอย่างไม่สนใจ

    "ทำไมชั้นจะยุ่งกับคยูฮยอนไม่ได้ อย่างน้อยก็ดีว่าต้องเจอกันคนอย่างนายล่ะ" ร่างเพรียวที่พูดอยู่แทบปลิวทันทีเมื่อ ฮันกยองหันกลับมาแล้วกระชากแขนเขาแรงๆด้วยความไม่พอใจคำพูดของฮีชอล ฮีชอลมองหน้าชายหนุ่มเหมือนอยากเอาชนะและไม่ยอมแพ้ทำให้ฮันกยองยิ่งโกรธกว่าเดิม

    "ชั้นไม่ได้ห้ามนาย ในฐานะที่คยูฮยอนมันเป็นเพื่อนชั้น แต่ชั้นห้ามนายในฐานะที่นายเป็นคนของชั้นแล้วต่างหาก!" ฮันกยองตะโกนใส่ด้วยความเหลืออด เพราะดูเหมือนฮีชอลจะไม่เข้าใจเขาเลย แม้ว่าเขาจะพูดจาไม่เป็น แต่เขาก็แสดงออกชัดแล้วว่าเขาแคร์และเป็นห่วงฮีชอล ทั้งยังรู้สึกพิเศษกับร่างบางด้วย

    "ชั้นไม่ใช่คนของนาย ชั้นไม่ใช่เพื่อนนาย เลิกยุ่งกับชีวิตชั้นสักทีเหอะ จะไปตายไหนก็ไป" ฮีชอลพูดจาแรงขึ้นเรื่อยๆและพร้อมอาละวาด ฮันกยองมองหน้าคนที่โกรธไม่แพ้กับเขาและคิดในใจว่าควรทำอย่างไร เพราะยิ่งเขาแรงใส่ ฮีชอลก็คงไม่ยอม แต่ถ้าจะให้เขาอ่อนข้อให้ฮีชอลหมือนแต่ก่อน..เขาก็ไม่รู้ว่าฮีชอลจะยอมไหม..

    "ฮีชอล ชั้นว่าเราหยุดเถียงกันเรื่อมเดิมๆดีกว่า ที่ชั้นอยากคุยกับนาย คือเรื่องของเรา" ฮันกยองตัดสินใจที่จะยอมอ่อนให้และดึงประเด็นอีกประเด็นหนึ่งที่เขาอยากพูดถึงขึ้นมา เขาอยากจะเคลียร์กับฮีชอลให้รู้เรื่องไปเลยถึงเรื่องของเขาสองคน

    "ฮันกยอง นายเลิกพูดเหอะ ชั้นไม่อยากจะฟัง คำว่า "เรา" ของพวกเราน่ะมันจบไปตั้งแต่นายเดินหนีชั้นไปในวันนั้นแล้ว ดังนั้นหยุด!" ฮีชอลพยายามดึงแขนตนเองออกมา แต่ฮันกยองเองก็ยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

    "ชั้นบอกนายว่าขอโทษกี่ครั้ง นายเคยฟังชั้นบ้างไหมน่ะฮีชอล ทำอย่างกับหลังจากนั้นชั้นไม่เคยพยายามติดต่อไปหานาย พอชั้นกลับมา ชั้นไปยืนเฝ้าหน้าบ้านนาย นายเคยสนใจชั้นบ้างไหม? นายต่างหากแหละที่ไม่อยากเป็นเพื่อนกับชั้นแล้วต่างหาก" ร่างสูงตัดพ้อต่อว่าร่างเล็กเข้าบ้าง เพราะหลังจากวันนั้นเขาก็รู้สึกผิดมากที่พูดกับฮีชอลไปอย่างนั้น และวันก่อนที่เขาจะไปจีนเขาก็ไปหาฮีชอลที่บ้านแล้วฮีชอลก็ไม่ยอมออกมาเจอเขา และวันที่เขาจะไปอยู่แล้วเขาก็พยายามโทรหาฮีชอล แต่ร่างบางกลับไม่ยอมรับโทรศัพท์เลย

    ฮันกยองรู้ว่าการที่เขาหายจากฮีชอลไปถึงสองปีร่างบางอาจจะลืมเรื่องที่โกรธกันไปแล้วบ้าง และเขาเองก็รอวันที่จะได้กลับมาเกาหลีอีกครั้งเพื่อไปคืนดีกับฮีชอล แต่ดูเหมือนว่า บาดแผลที่ถูกทิ้งไว้ยาวนานมันจะแห้งเกรอะกรังเป็นรอยแผลที่ฮีชอลเองไม่สามารถสมานได้

    "แล้วนายไม่สนใจหรือไงว่าชั้นเสียใจมากแค่ไหนที่นายทิ้งชั้นไปน่ะ ไม่กลับมาพร้อมกับเพื่อนใหม่ นายคิดว่านายจะกลับมาเป็นเพื่อนคนเดียวของชั้นได้หรือไง!" ฮีชอลขึ้นอีกรอบพร้อมกำมือแน่น พยายามบอกตัวเองว่าอย่าร้องไห้ออกมา

    "ชั้นบอกนายแล้วว่าชั้นขอโทษ แต่ชั้นอยากให้นายเข้าใจนี่นาว่าคนเรามีเพื่อนคนเดียวไม่ได้ ดูอย่างนายตอนนี้สิก็มีกลุ่มเพื่อนของนาย นายไม่เห็นจำเป็นต้องมีใครคนหนึ่งคนเดียวเลยนี่" ฮันกยองพยายามอธิบายให้ฮีชอลเข้าใจแต่ตอนนี้คนตรรงหน้าเขากลับบ่อน้ำตาแตกไปเสียแล้ว

    "แล้วนายคิดว่าชั้นสนิทกับใครได้สนิทใจเหมือนที่ชั้นเคยสนิทกับนายเหรอ นายคิดว่าคนอื่นมันแทนที่นายได้งั้นเหรอ ชั้นไม่ใช่นายนะที่จะหาใครก็ได้มาแทนที่ชั้น นายมีซีวอน นายมีแจจุง กลุ่มนายดูมีความสุขสนุกสนานตลอดเวลาโดยไม่มีชั้นนายก็อยู่ได้นี่ ถ้าชั้นไม่เจอเจย์ ไม่ได้มีเพื่อนดีๆอย่างเจย์ ตอนนี้ชีวิตชั้นจะเหลวแหลกยังไงบ้างนายเคยคิดจะรู้จะสนใจบ้างไหม"

    "โธ่ ฮีชอล..." ร่างสูงครางด้วยความรู้สึกกผิดหนักว่าเดิม เขาดึงฮีชอลเข้ามากอดแน่นปล่อยให้ร่างบางร้องไห้อย่างที่เจ้าตัวต้องการ ตอนนี้ฮันกยองรู้สึกผิดมากกว่าเดิม ยิ่งได้พูดกัน ยิ่งได้รู้ความคิดของกันและกัน ฮันกยองยิ่งอยากจะทำดีชดใช้ความผิดที่เคยทำมา

    "ไม่เอานะฮีชอล ไม่ร้องไห้นะ ฮีชอลของชั้นเป็นคนเข็มแข็งนะ โอ๋ๆ ไม่ร้องไห้นะน้องฮีชอลของพี่หานเกิง" เจ้าตัวเอ่ยปลอบคำพูดเวลาที่ฮีชอลร้องไห้ในตอนเด็กๆและเรียกชื่อที่พวกเขาเคยเรียกกันและกันในวัยเด็ก ร่างบางร้องไห้หนักกว่าเดิมเพราะใช่ว่าเขาจะไม่โหยหาอ้อมกอดที่อบอุ่นของคนตรงหน้า เขาคิดถึงฮันกยองคนเดิมของเขาตลอดเวลา

    "ไม่ร้องไห้นะครับ..ไม่เอาน้า" ฮันกยองยังพยายามปลอบฮีชอลไปเรื่อยๆ ฝ่ามือหน้าลูบที่ผมยาวสลวยของฮีชอลที่ปล่อยเลยบ่ามาเล็กน้อยซึ่งเจ้าตัวมักจะดูแลและทำสีตลอดเวลา ในเวลาปกติมันคือสิ่งที่ทำให้ใบหน้าหวานดูน่ารักและยิ่งขับผิวใสให้ดูขาวเนียนกว่าเดิม

    ร่างสูงกอดปลอบฮีชอลไปเรื่อยๆจนคนที่ร้องไห้เหมือนเด็กๆค่อยๆหยุดร้องไห้และเลิกสะอื้น ฮีชอลแนบหน้าตัวเองลงกับอกของชายหนุ่มเช็ดคราบน้ำตาโดยไม่สนว่ามันจะเปื้อนหรือเปล่าแล้วเจ้าตัวก็ขืนตัวออก ฮันกยองยอมโอนอ่อนละอ้อมกอดจากตัวฮีชอลเพราะอยากให้ฮีชอลอารมณ์ดีขึ้น

    "เลิกร้องไห้แล้วใช่ไหม?" ปลายนิ้วของฮันกยองเกลี่ยที่ข้างๆดวงตากลมโตที่ก้มหน้าเล็กน้อย ฮีชอลสูดลมหายใจเข้าแรงๆเหมือนเด็กน้อยไม่มีผิดทำให้ฮันกยองอดยิ้มไม่ได้

    "เวลานายร้องไห้ ต้องให้ชั้นปลอบแบบนี้ตลอดเลยนะ ถึงจะหยุดร้อง" ชายหนุ่มพูดพรางอมยิ้ม แต่ฮีชอลไม่ได้ขำด้วย

    "อะไรกัน ชั้นไม่ได้ขอให้นายปลอบชั้นเสียหน่อย อึก..." ฮีชอลทำหน้าตางอนๆใส่ แต่ฮันกยองกลับมองว่าน่ารักเอามากๆ

    "ไม่เป็นไร ชั้นเต็มใจ" ฮันกยองยิ้มให้อย่างจริงใจเล่นเอาฮีชอลถึงกับใจอ่อนยวบ และหาเรื่องโกรธต่อไม่ลง

    "ดูทำหน้าเข้า เป็นอะไรไป เขินหรือไง" เมื่อถูกพูดจี้ใจดำ ใบหน้าหวานก็ขึ้นสีกว่าเดิม พร้อมทำอะไรไม่ถูก ฮีชอลกำลังจะอ้าปากว่าอะไร แต่แล้วก็ได้ยินเสียงฝีเท้าด้านบนหลังคาของห้องเคบินเรือ ทั้งคู่เงยขึ้นมองบนเพดานแล้วมองหน้ากันฮันกยองจึงเอ่ยขึ้นแม้ว่าในใจจะรู้สึกเซ็งไม่น้อยที่พวกนั้นขึ้นมาจากดำน้ำและขัดจัหงวะพวกเขาที่กำลังจะปรับความเข้าใจกันได้อยู่แล้ว

    "สงสัยพวกนั้นคงกลับมาแล้ว ชั้นออกไปก่อนนะ ถ้านายอยากนอนต่อก็พักผ่อนต่อไปแล้วกัน ชั้นไปขับเรือต่อละ" ฮันกยองว่าแล้วขยับลงจากเตียง แต่ไม่วายหันกลับมาหาฮีชอลที่หันมองตามเขาตาแป๋ว

    "อย่าลืมนะ ชั้นบอกแล้วว่าอย่าไปยุ่งกับคยูฮยอนนะ"  เมื่อเห็นว่าฮีชอลไม่ตอบอะไร ร่างสูงจึงหันกลับออกจากห้องไปเงียบๆ แต่พอคล้อยหลังฮันกยองเท่านั้นแหละ เด็กดื้ออย่างฮีชอลมีหรือจะยอมฟัง

    "เหอะ คิดว่าชั้นจะฟังนายหรือไง ไอ้คนบ้า!" ฮีชอลหมายมั่นแล้วว่า ในเมื่อไม่อยากให้ยุ่งด้วยนักจะแกล้งยุ่งให้หัวปั่นเลยคอยดูสิ!!!

     

     

     

    ฮีชอลทำตามคำพูดของตัวเองที่หมายมั่นเอาไว้ พอฮันกยองออกไปจากเคบินใต้ท้องเรือเขาก็นอนเล่นอยู่ในนั้นอีกครึ่งชั่วโมงก่อนจะออกไปข้างนอก ในตอนนั้นเป็นเวลาที่ใกล้เย็นแล้ว แจจุงจึงจัดการเตรียมอาหารมือเย็นแบบง่ายๆเอาไว้และจัดการอุ่นให้ทุกคนทานด้วยกัน

    พอร่างเพรียวเดินขึ้นมาจากเคบินใต้ท้องเรือ ฮีชอลก็ทำหน้าตาระรื่นเดินไปหากลุ่มเพื่อนของตนแล้วพูดคุยอย่างสนุกสนานราวกับเป็นอีกคน ผิดกับเมื่อตอนแรกที่ต้องมาขึ้นเรือกับพวกกลุ่มของฮันกยอง การกระทำของร่างบางอยู่ในสายตาของฮันกยองที่นั่งนิ่งๆอยู่ข้างๆแจจุงขณะที่คอยสังเกตฮีชอลไปโดยเงียบๆไม่ให้คนถูกมองรู้ตัว

    ร่างบางคอยมองไปที่ฮันกยองเป็นระยะๆก่อนจะเริ่มทำสิ่งที่ตัวเองวางแผนไว้ ฮีชอลเดินเข้าไปนั่งข้างคยูฮยอนแทนและเริ่มชวนชายหนุ่มพูดคุยไปเรื่อย แถมยังมีแตะเนื้อต้องตัวบ้างไปตามประสา โดยไม่สนใจเลยว่าคนที่มองเขาอยู่จะจ้องตาเขม็ง ฮีชอลยกยิ้มบางๆเมื่อเห็นว่าคนที่ทำเป็นสั่งเขาได้แต่นั่งดูเฉยๆและทำอะไรไม่ได้เมื่อคยูฮยอนเองเห็นว่าฮีชอลน่าจะเปิดใจให้ตนแล้วจึงเริ่มรุกหนักมากขึ้น ชายหนุ่มเองจึงทั้งโอบเอวและจับมือฮีชอลเป็นระยะๆโดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่ได้ปัดป้องอะไร

    ฮันกยองนั่งทานอาหารอยู่สักพักและเริ่มทนไม่ได้ที่ต้องนั่งฟังคยูฮยอนคุยเรื่องต่างๆและทำให้ฮีชอลหัวเราะและยิ้มออกมา ทั้งๆที่เจ้าตัวไม่เคยยิ้มให้เขาบ้างเลย ไหนจะไอ้ท่าทางหาเศษหาเลยนั่นอีกล่ะ ในที่สุดชายหนุ่มก็หมดความอดทนและลุกขึ้นกลางโต๊ะทันทีโดยมีแจจุงหันไปมองด้วยความงง

    "เป็นอะไรไปเกิง ทานอิ่มแล้วเหรอ?" แจจุงถามด้วยความเป็นห่วงเพราะเห็นว่าเพื่อนของตนทานไปได้ไม่เยอะ ฮันกยองปั้นหน้านิ่งก่อนจะตอบ

    "เดี๋ยวชั้นไปดูซีวอนมันหน่อย ใช้มันขับเรือคนเดียวมันจะโวยเอา จะยกของกินไปให้มันเพิ่มด้วย" ร่างสูงหาข้ออ้างและคว้าถาดตรงข้างๆตัวแจจุงก่อนจะเดินตึงๆลงไปที่ฝั่งห้องบังคับเรือทันที โดยมีฮีชอลที่แอบมองตามไปแล้วอมยิ้มสะใจที่ได้แกล้งฮันกยองได้

    เชอะ! ให้มันรู้ซะบ้างว่าจะสั่งใครไม่สั่ง มาสั่งคนอย่างเขา!!

    ในที่สุดเรือยอร์ชของพวกเขาก็มาถึงท่าในเวลาหัวค่ำ กลุ่มของเจย์ขอแยกไปพักผ่อนตามอัธยาศัยของตนเองปล่อยให้พวกกลุ่มฮันกยองไปหาอะไรดื่มต่อ ในทีแรกคยูฮยอนที่คิดว่าตัวเองน่าจะเริ่มเข้าตากรรมการบ้างแล้วพยายามเสนอตัวจะขอไปด้วยแต่ฮีชอลยังอิดออดเพราะไม่ได้คิดจะสนใจคยูฮยอนจริงๆ ชายหนุ่มเองก็รู้ทันว่าเขาน่าจะรุกเร็วเกินไปสำหรับคนอย่างฮีชอลจึงเสนอชวนฮีชอลมาดื่มกับพวกเขาและน่างบางรีบปฏิเสธทันทีเพราะรู้ตัวว่าไม่ควรดื่มหากไม่มีเจย์ไปด้วย

    เจย์เองก็เห็นดีด้วยและบอกว่าให้พวกคยูฮยอนไปกันเองดีกว่า เพราะเขาก็กลัวว่าฮีชอลจะดื่มหนักมากเกินไปหากได้แตะเหล้าแล้วและเจย์เองก็ไม่เคยไว้ใจคยูฮยอนเลยด้วย เพราะมันเห็นกันอยู่โต้งๆว่าหมอนั่นมันคิดจะงาบเพื่อนเขา

    "ว้า....ลิ้นห้อยแล้วเพื่อน อดเลย ดันมีกว้างขวางคอเสียงั้น" คิบอมเอ่ยเบาๆพลางตบบ่าคยูฮยอนที่ยืนมองฮีชอลตาละห้อน ชายหนุ่มหันไปแขวะบ้าง

    "อะไร แกไม่อยากให้พวกนั้นไปกับเราหรือไง แกอยากให้ทงเฮของแกเสร็จไอ้มินโฮนั่นเหรอวะ" คิบอมยิ้มมุมปากก่อนจะยักไหล่แล้วตอบ

    "ชั้นมีนัดกับเขาแล้วเว้ย ตอนห้าทุ่ม เสียใจว่ะ พอดีว่าคนของชั้นเขาเล่นด้วย ฮ่าๆๆ" คิบอมหัวเราะร่วนก่อนจะเดินผิวปากนำหน้าคยูฮยอนที่อารมณ์เสียเพราะพลาดโอกาสดีอีกครั้ง ซีวอนเห็นสภาพของเพื่อนได้แต่ส่ายหัว

    "เอาน่าคยูฮยอน สู้โว้ย" ซีวอนพยายามจะให้กำลังใจเพื่อน แต่คยูฮยอนก็ยังทำหน้าเป็นหมาหงอยอยู่ดี

    "เฮ้ยฮันกยอง ไหนแกช่วยชั้นคิดทีดิวะ ว่าทำยังไงชั้นจะถึงจะเอาชนะใจฮีชอลได้ ลองมาหมดทุกวิธีล่ะ ไม่เห็นจะได้ผล" คนถูกถามที่ยืนเหม่อเล็กๆเพราะคิดถึงเรื่องของตนและฮีชอลในหัว หันกลับไปตามเสียงของเพื่อนที่เรียกตน ชายหนุ่มตีหน้านิ่งก่อนจะตอบ

    "ไม่รู้เว้ย" ว่าแล้วก็เดินตามคิบอมออกไปทันที และดูไม่ค่อยอารมณ์ดีเท่าไหร่นัก

    "ทำไมฮันกยองมันดูหัวเสียจังวะ" ซีวอนถามอย่างสงสัยเพราะตั้งแต่ชายหนุ่มลงไปที่ห้องบังคับเรือ ฮันกยองก็ดูเหมือนอารมณ์เสีย พอถามอะไรไปก็พูดคำตอบคำ

    "ไม่รู้สิ ตอนแรกยังดีๆอยู่เลย" แจจุงว่าพร้อมมองตามฮันกยองไปด้วยความเป็นห่วง แ

    ต่แล้วคยูฮยอนก็ตัดบท

    "ช่างมันเหอะ ไอ้นี่ยุ่งด้วยมากๆก็ไม่บอกอะไรอยู่แล้ว ปล่อยไปสักพักก็คงอารมณ์ดี"

     

     

     

    พวกฮันกยองไปดื่มกันที่คลับของตัวโรงแรม ฮันกยองเองดื่มเงียบๆคนเดียวไม่หยุด และแม้ว่าจะมีสาวๆมาให้ความสนใจเขาและกลุ่มเพื่อนชายหนุ่มกลับปฏิเสธไม่ยุ่งด้วยเล่นเอาคยูฮยอนและซีวอนแทบหมดสนุก ฮันกยองรำคานเพื่อนๆที่รบเร้าหนักจึงตัดบทไปว่าปวดหัวจะไปพักผ่อนที่ห้องก่อนและขอตัวกลับไปนอนก่อนโดยปล่อยให้เพื่อนๆคนอื่นๆสนุกต่อไปที่คลับหรูแห่งนั้น

    แม้ว่าร่างสูงจะกลับมาที่ห้องและพยายามนอนพักหลังจากอาบน้ำชำระร่างกายเสร็จแล้ว แต่ในหัวเขาก็ยังไม่สามารถเลิกคิดถึงภาพของฮีชอลและคยุฮยอนได้มันทำให้เขานั่งอยู่เฉยๆไม่ได้ถ้าหากเขาไม่ได้พูดกับฮีชอลให้รู้เรื่อง เขาไม่พอใจจริงๆ ไม่พอใจมากจริงๆถ้าฮีชอลจะไปทำตัวสนิทสนมในเชิงชู้สาวกับคนอื่นแบบนี้...ก็ในเมื่อฮีชอลเป็นของเขาไปแล้ว...มันไม่มีทางที่คนอย่างฮันกยองจะปล่อยให้อะไรที่ต้องการหลุดมือไปหรอก โดยเฉพาะคนที่เคยมีค่าต่อความรู้สึกเขามากๆอย่างคิม ฮีชอล..แม้ว่าช่วงเวลาที่ห่างกันไปจะยาวนานเป็นสิบปี แต่ความผูกพันและความลึกซึ้งที่ถักทอผูกมัดพวกเขาแน่นเอาไว้ด้วยกัน มันมากเกินกว่าเขาจะทิ้งความรู้สึกนี้ไปได้

    ฮันกยองตัดสินใจลุกออกจากเตียงแล้วเดินออกไปนอกห้อง วิวของทะเลในยามดึกมันช่วยให้เขาสงบลงเล็กน้อย เขาพยายามปล่อยให้ความคิดล่องลอยออกไปและไม่ยึดติดกับอะไรมากนัก ในเวลานี้ชายหนุ่มอยากใช้เวลาทบทวนกับตัวเองว่าอะไรคือสิ่งที่เขาควรทำและไม่ควรกระทำ..

    ชายหนุ่มยังคงไม่สามารถลบภาพของฮีชอลขณะยามหลับใหลออกไปจากภายในหัวได้ เขาไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเป็นเพราะเหตุใด แต่ฮีชอลในยามที่สิ้นฤทธิ์นั้นทั้งน่าสัมผัสและน่าทะนุถนอมไปในคราวเดียวกัน.. เขาไม่ค่อยเข้าใจตัวเองนักว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เพราะไอ้ความรู้สึกแบบนี้ มันบอกเขาชัดเจนว่าสิ่งที่เป็นอยู่ข้างในหัวใจของเขา..มันพิเศษเกินไปแล้ว..พิเศษเกินคำว่าธรรมดาสำหรับคนที่รู้จักกัน..เคยเป็นเพื่อนกัน..มากไปแล้ว..

    ฮันกยองพยายามไล่ความคิดบ้าๆนี้ไปหลายต่อหลายครั้งนับตั้งแต่คืนนั้นที่เขามีโอกาสได้สัมผัสฮีชอล..และได้ทำให้ร่างบางเป็นของเขาโดยสมบูรณ์...สำหรับฮันกยองแล้วเขายังคงรู้สึกผิดเสมอที่ทิ้งฮีชอลไปในวัยเด็กและคิดอยากจะกลับมาคืนดีลึกๆในใจตลอดเวลา แต่ด้วยท่าทางที่ฮีชอลแสดงออกว่าไม่ชอบขี้หน้าเขาและอยากเป็นศัตรู มันทำให้คนที่ทิฐิเยอะเช่นกันอย่างชายหนุ่มยอมยืนอยู่นิ่งๆในที่ตรงนั้น ทั้งๆที่ในใจอยากจะกลับมายืนอยู่ที่เดิมเคียงข้างฮีชอลเช่นกัน..เพราะเขาเคยสัญญาไว้แล้ว...ว่าชีวิตนี้ทั้งชีวิต..เขาจะใช้มันดูแลฮีชอลตลอดไปและจะอยู่เคียงข้างเขาไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น...เขารู้ดีว่าสิ่งที่ฮีชอลต่อว่าเขาตลอดเวลาก็คือการที่เขาไม่สามารถรักษาสัญญากับคนตัวเล็กได้...แต่สำหรับฮันกยอง มันไม่ใช่ว่าไม่สามารถรักษาสัญญาได้..แต่เขาแค่ไม่มีโอกาสได้กลับไปทำอย่างนั้นอีกต่างหาก...

    แม้ว่าจะไม่สามารถกลับไปยืนเคียงข้างฮีชอลได้ในฐานะเพื่อนสนิทเช่นเคย แต่พอฮันกยองเองรู้ตัวว่าได้ทำอะไรเกินเลยกับฮีชอลไปก็ทำให้เขาเอาแต่นั่งทบทวนเรื่องราวของพวกเขา.. เขารู้ตัวว่าที่ผ่านมาเขามักจะคอยจับตาดูแลฮีชอลเสมอ ทั้งๆที่ที่มันไม่ใช่สิ่งที่เขาจำเป็นต้องทำ..แต่เขาก็ยังทำ..คงเป็นเพราะห่วง..แต่การที่เขารู้สึกอะไรมากเกินไปกับฮีชอลในตอนนี้ มันทำให้ฮันกยองรู้สึกอึดอัดอย่างมาก เพราะดูเหมือนฮีชอลจะไม่ได้แคร์เขาเลยแม้แต่นิดเดียว..

    ฮันกยองรู้ตัวว่าเขาไม่ยอมปล่อยให้เรื่องที่เขากับฮีชอลมีอะไรกันผ่านไปโดยไม่มีอะไรไม่ได้ เพราะสิ่งที่มันทิ้งไว้กับเขาคือความรู้สึกพิเศษที่ก่อตัวขึ้นมา..เขารู้สึกอยากเป็นเจ้าของและอยากครอบครองฮีชอลคนเดียว..ครั้งแรกที่ได้สัมผัสนั้นยังไม่เท่าไหร่..แต่พอได้ชิมความหอมหวานนั้นเป็นครั้งที่สอง..ฮันกยองรู้ตัวแล้ว่าถ้าเขาปล่อยมือจากฮีชอลไปอีกครั้ง ไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็ตาม..เขาคงโง่เต็มที..

    และนี่เองคือสิ่งที่ทำให้ร่างสูงจะเป็นบ้า..เพราะในเมื่อฮีชอลไม่มีท่าทีจะเล่นด้วย เขาที่อยากเอาชนะและอยากครอบครองจึงจำเป็นต้องใช้การอ้างสิทธิ์ของตนเพื่อหาทางทำให้ฮีชอลหันมาสนใจเขาให้ได้ แม้ว่าเขากับฮีชอลจะมีคดีค้างคากันอยู่มาตั้งแต่เด็ก..แต่ลึกๆในใจของฮันกยองเองเชื่อว่า ความผูกพันของเขากับฮีชอลนั้นไม่มีทางตัดขาดหรอก..ถ้าเขาสามารถทำให้ฮีชอลยอมรับในตัวเขาได้..ไม่ว่าววิธีใดวิธีหนึ่ง..การที่เขาจะได้ฮีชอลมาครอบครองก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร..แต่ถึงกระนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับตัวของฮีชอลล้วนๆด้วยเช่นกัน..และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ฮันกยองเองได้แต่คิดไปคนเดียว..

    "เฮ้อ.." ร่างสูงถอนหายใจ เขาเองได้แต่ลองคิดดูว่าฮีชอลนั้นจะรู้สึกเหมือนกันเขาหรือเปล่า ตอนนี้ในหัวของเขามันยุ่งเหยิงและตีกันมั่วไปหมด เพราะความรู้สึกบ้าๆนี้

    นอกจากนี้แล้วการที่เขาพยายามทำให้ฮีชอลเข้าใจถึงสถานการณ์และสถานะรัหว่างพวกเขาทั้งคู่ก็ดูเป็นเรื่องยาก เมื่อฮีชอลเองทำตัวเหมือนไม่เห็นเขาในสายตา แถมยังไปจิ๊จ๊ะอี๋อ๋อกับเพื่อนสนิทของเขาอีกด้วย

    ร่างสูงคิดไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งสังเกตเห็นร่างของใครสักคนบนชายหาดฝั่งด้านที่ทางระเบียงเดินหน้ากระท่อมบนมหาสมุทนี้หันหน้าไปทางนั้นพอดี ฮันกยองมองปราดเดียวก็จำได้ว่าเป็นใครและก็ทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจที่จะเดินไปตรงบริเวณนั้นทันที

     

     

     

     

    ร่างบางเดินเล่นไปคนเดียว เตะทรายไปพลางมองคลื่นกระทบฝั่งไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดสิ้นสุด เขายืนกอดอกมองน้ำทะเลที่ไหลกระทบฝั่งและชะล้างชายหาดไปเรื่อยๆทุกๆไม่กี่วินาทีพลางคิดถึงเรื่องของตัวเองที่ทำให้เขากำลังลำบากใจบ้าง

    ฮีชอลรู้ตัวว่าไม่ใช่คนนิสัยดีอะไร และก็ไม่ได้เป็นที่รักของใครต่อใครมากนัก แต่เหตุผลที่เขาเป็นคนแบบนี้ก็เป็นเพราะว่าเขาเกิดมาแบบนี้และเขาก็ถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก..โดยเฉพาะที่เขามีพี่หานเกิงในวัยเด็กมาคอยดูแลและเล่นเป็นเพื่อนจนทำให้ฮีชอลขอร้องแกมบังคับพ่อให้ตนเองได้เรียนเร็วขึ้นเพื่อที่จะได้เข้าโรงเรียนพร้อมๆกับฮันกยอง และนับตั้งแต่นั้นมาฮีชอลกับฮันกยองก็เป็นเพื่อนสนิทกันที่ตัดกันไม่ขาด

    ฮีชอลนึกถึงเรื่องเก่าๆในสมัยเด็กที่ยังคงงแจ่มชัดอยู่ในภาพความทรงจำของเขา..เป็นเพราะเขาค่อนข้างปิดตัวเองมากกับคนใหม่ๆและ ความสุขในชีวิตของเขาที่เคยมีก็เป็นเรื่องราวในตอนเด็กๆทั้งสิ้น มันจึงทำให้เขาสามารถจดจำทุกรายละเอียดระหว่างตัวเองและฮันกยองได้เป็นอย่างดี

    คนเอาแต่ใจกอดอกตัวเองแล้วยืนนิ่งพลางคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นถูกแล้วใช่หรือไม่..เขาคิดว่าเขาไม่ควรยุ่งกับฮันกยอง..ไม่ควรจะให้ชายหนุ่มได้เข้ามามีบทบาทอะไรในชีวิตเขาอีก แม้ว่าเขาจะหวั่นไหว่แค่ไหนก็ตามกับทุกสัมผัสของชายหนุ่ม กับทุกอ้อมกอด และทุกจิมพิตที่ได้รับ..ฮีชอลไม่เข้าใจเหมือนกัวนว่าตัวเองเป็นอะไร ทำไมถึงได้ยอมให้ฮันกยองได้ทำอะไรตามใจชอบแบบนั้น ทั้งๆที่เขาก็ขัดขืนได้ ก็สู้ได้..แต่ทำไมถึงได้อ่อนยวบทุกครั้งที่ถูกแตะต้อง

    ระหว่างที่กำลังใช้ความคิดกับตัวเองอยู่ อยู่ดีๆร่างเพรียวก็ร้องดันลั่นด้วยความตกใจ

    "เฮ้ยยยยยยยยยยยยย!!" ร่างสวยถูกแรงกระชากของคนด้านหลังดึงเข้ามากอดแน่น แผนหลังของตนแนบอยู่ที่อกของคนที่สูงกว่าเขาและล็อคตัวเขาไว้ได้แขนสองข้าง

    ฮีชอลหันมามองคนที่จู่โจมตัวเองทันทีและเมื่อเห็นว่าเป็นคนที่เขากำลังนึกถึง หัวงใจดวงน้อยก็กระตุกวาบ เรพาะเขายังไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับฮันกยองในตอนนี้..ในตอนที่เขายังไม่สามารถจัดการความคิดและตัดสินใจได้ว่าตัวเองควรจะทำเช่นไร

    "นี่! ทำอะไรเนี่ย ปล่อยชั้นนะฮันกยอง!" ฮีชอลแหวใส่ทันที แต่ชายหนุ่มตีหน้าขรึมไม่ยอมตอบคำถามนั้นและส่งเสียงดุๆใส่

    "ทำไมชั้นต้องทำตามที่นายพูด ที่ชั้นสั่งไม่ให้นายยุ่งกับคยูฮยอน นายยังไม่ฟังคำชั้นเลย!!" ฮีชอลลอยหน้าลอยตาตอบทันทีราวกับไม่แคร์

    "แล้วทำไมชั้นต้องฟัง นายมีสิทธิ์อะไรมาสั่งชั้นเล่า เพื่อนกันก็ไม่ใช่ เหอะ" ว่าจบก็ทำปากขมุบขมิบใส่ร่างสูง ฮันกยองรัดร่างเพรียวแน่นกว่าเดิมจนฮีชอลขยับตัวไม่ได้แล้วแนบหน้าเข้าไปชิดดวงหน้าสวยก่อนจะกระซิบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

    "ไม่ใช่เพื่อน แต่เป็นมากกว่านั้น ดังนั้นย่อมมีสิทธิ์" ฮีชอลรู้สึกได้ว่าตัวเองเย็นเฉียบจากคำพูดนั้น ร่างสูงคลายวงแขนเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าฮีชอลหยุดดิ้น แต่เจ้าตัวกลับจัดการสะบัดชายหนุ่มออกทันทีแล้วหันมาเผชิญหน้าใบหน้าหล่อที่ทำหน้ายียวนใส่บ้าง

    ร่างสูงจัดการคว้าข้อมือฮีชอลแล้วดึงเข้ามาชิดแทนก่อนจะกระซิบถาม

    "ต้องให้บอกไหมว่าเราเป็นอะไรกัน?" ฮีชอลเตรียมยกหมัดจะซัดหน้าชายหนุ่มเต็มที่ด้วยความโกรธจนหน้าแดง จนไม่รู้ว่าเป็นเพราะอายคำพูดที่ตีความได้ไกลของคำพูดนั้นหรือเป็นเพราะโมโหฮันกยองกันแน่ แต่มีหรือที่ฮันกยองจะไม่สามารถรับมือได้ทัน ชายหนุ่มรับหมัดของฮีชอลที่ไม่ได้มีแรงอะไรเยอะแล้วดึงร่างสวยเข้ามาประกบจูบทันที

    "ฮัน..อ๊ะ..อื้ออออออ" ริมฝีปากอิ่มถูกบดบี้อีกครั้งเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้นับตั้งแต่มาเยือนที่เกาะนี้ ฮันกยองค่อยดูดดุนเรียวปากอิ่มนั้นจนเจ้าตัวเริ่มอ่อนแรงและเขาก็ได้ทีแทรกเรียวลิ้นของตนเข้าไปในโพรงปากอ่อนนุ่มก่อนจะกระหวัดเกี่ยวคนดื้อเขามาสั่งสอนให้รู้ว่าเจ้าตัวน่ะเป็นของใครและริเล่นกับใครอยู่

    ร่างสวยถูกชายหนุ่มรวบเข้าไปโอบแน่นตั้งแต่เมื่อไหร่เจ้าตัวก็ไม่ทราบได้ ที่เห็นได้ชัดเจนเลยคือภาพที่ฮีชอลเองนั้นแทบจะละลายแนบตัวไปกับร่างสูงของชายหนุ่มเมื่อถูกต้อนจูบจนตัวเขาเองจำเป็นต้องให้ความร่วมมือและเคลิบเคลิ้มไปกับจุมพิตนั้นอย่างเต็มที่

    ฮันกยองถึงกับต้องครางในลำคอเมื่อเห็นว่าฮีชอลตอบสนองรสจูบเขาได้ดีแค่ไหน..แล้วอย่างนี้ใครมันจะไปปล่อยมือได้ลง..

    ชายหนุ่มยอมตัดใจละริมฝีปากตนออกจากการบดขยี้เรียวอิ่มที่ช้ำเรพาะแรงสัมผัสของเขา ฮีชอลรู้สึกราวกับโดนสูบเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีอยู่ออกไปจึงได้แต่ยืนพิงชายหนุ่มพลางตั้งสติที่ขาวโพลนไปเพียงชั่วนาทีที่ถูกจูบลึกซึ้งนั้น

    ฮันกยองดึงฮีชอลเข้ามากอดแน่นก่อนจะกระซิบประโยคหนึ่งข้างหูร่างบางที่เล่นเอาหัวใจดวงน้อยของฮีชอลเต้นแรง จนเจ้าตัวไม่อยากจะเชื่อคำพูดของคนอย่างฮันกยองเลย

    "ขอร้องแหละนะ...อย่าทำให้ชั้นหึงและหวงนายไปมากกว่านี้เลย..ชั้นไม่ต้องการให้นายยุ่งกับใครนอกจากชั้นคนเดียว..."

    ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองใบหน้าจริงจังของชายหนุ่ม ฮีชอลเม้มริมฝีปากตัวเองแน่นก่อนจะตัดสินใจผลักร่างสูงออกแต่ฮันกยองยังคงรั้งร่างบางเอาไว้

    "นายมันเห็นแก่ตัวอ่ะฮันกยอง..นายว่าแต่ชั้น..แต่ดูสิสิ่งที่นายขอกับชั้นเมื่อกี๊มันต่างกับที่ชั้นเคยร้องขอจากนายเมื่อสิบปีที่แล้วตรงไหนกัน! มันต่างกันตรงไหนห๊ะฮันกยอง? ในเมื่อในเองก็ให้ชั้นไม่ได้ ทำไมชั้นจะต้องให้ได้ด้วย!" ฮีชอลตะโกนใส่ชายหนุ่มพลางกำมือแน่น ฮันกยองมองใบหน้าสวยด้วยใบหน้าที่จริงจังก่อนจะเอ่ยตอบคำถามนั้นตรงๆจากความรู้สึกข้างใน

    "ต่างกันสิ...ตอนนั้นเราสองคนยังเป็นแค่เพื่อนกัน..คนเรามีเพื่อนได้หลายคน..แต่คนที่คิดจะรักและมีความรู้สึกดีๆให้กัน..ไว้เป็นคนรักน่ะ..มีได้แค่คนเดียว.."

    ฮีชอลตกใจอย่างมากกับคำพูดนั้น ร่างทั้งร่างของเขามันชาวาบราวกับจะหยุดหายใจ เขาไม่ได้จะอยากตีความอะไรเข้าข้างตัวเองเลย...แต่สิ่งที่ฮันกยองพูดมา มันไม่ต่างจากคำพูดสารภาพความในใจชัดๆ..แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนมาพูดจาอะไรแบบนี้กับเขา..แต่ในเมื่อคนที่กำลังพูดประโยคเหล่านั้นคือฮันกยอง...เพื่อนที่ตายหายไปจากเขานานแสนนาน..และการกลับมาเผชิญหน้ากันของพวกเขาทั้งคู่กลับเลยเถิดเกินคำว่าเพื่อนไปไกล

    "มะ..ไม่ตลกนะฮันกยอง นายจะเล่นบ้าพูดบ้าอะไรก็เรื่องของนาย ชั้นไม่เล่นด้วย" ฮีชอลที่ไม่คิดแน่ใจในตัวชายหนุ่มเลยรีบดักคอเอาไว้ เพราะแม้ว่าเขาเองจะชอบเล่นกับจิตใจของคนอื่นแต่พอรู้สึกตัวว่าจะโดนเข้าเองบ้าง..เขาก็แทบจะบ้าตาย..เริ่มจะเข้าใจความรู้สึกของพวกที่มาตามตื๊อเขาบ้างแล้วจริงๆ

    "นายเห็นว่าชั้นเป็นคนขี้เล่นหรือไงฮีชอล?" ร่างสูงเลิกคิ้วถาม ใบหน้าหวานสับสนไปหมด เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่ากำลังหวั่นไหวอย่างหนักเพราะคำพูดง่ายๆประโยคเดียวของฮันกยอง ทั้งๆที่เขาไม่เคยรู้สึกอะไรเลยยามที่หลายๆคนพยายามเข้าหาเขาและตามจีบเขาทั้งอย่างที่เปิดเผยและเปิดเผย

    ฮีชอลรู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนที่มีภูมิคุ้มกันสูงในเรื่องนี้..แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ภูมิคุ้มกันนี้จะใช้ไม่ได้กับคนที่ชื่อฮันกยอง...คนที่ฮีชอลเองโหยหาและคิดถึงตลอดเวลาในหัวใจ...

    "ชั้นไม่พอใจเลยนะที่นายไปยุ่งกับคนอื่นและหมอนั่นก็เพื่อนชั้น จะให้ชั้นพูดตรงๆ..ชั้นก็ยังไว้หน้านายอยู่..ชั้นรู้ว่านายคงไม่อยากให้คนอื่นรู้หรอกว่าเราสองคนมีความสัมพันธ์กันแบบไหน.."

    "อะ..อะไร ไอ้บ้านี่! ก็..ก็แค่..ก็แค่..นอนด้วยกันสองครั้งทำไมมาทำเป็นพูดอย่างกับเราคบกันเลยเถิดอย่างนั้นแหละ" พูดเองก็เขินเองและหน้าแดงไปจนถึงหู ฮีชอลหลบตาชายหนุ่มอย่าต่อว่าแต่ก็อดไม่ได้ที่จะตัดพ้อจริงๆ ฮันกยองนิ่งไป..ก่อนจะดึงฮีชอลมากอดอีกครั้งแล้วลูบกลุ่มผมหนุ่มอย่างที่เจ้าตัวมักจะทำตอนเด็กๆ ความอ่อนโยนของชายหนุ่มโดยปราศจากคำพูดมันทำให้ฮีชอลนั้นใจอ่อนไปมากทีเดียว..

    "ชั้นขอโทษ..แต่ชั้นอยากจะบอกว่า..แม้ว่าครั้งแรกพวกเราจะไม่รู้ตัวว่าทำอะไรกัน..แต่ครั้งที่สอง..ชั้นจงใจนะ..ชั้นตั้งใจ..และอยากสัมผัสนายเอง.." ฮันกยองกระซิบตอบคนในอ้อมกอด ฮีชอลขยุ้มเสื้อที่อกฮันกยองแน่นพลางใช้ความคิด..นี่เขากำลังทำอะไรอยู่...ไหนบอกว่าเกลียดกันและกันไง

    "เราเป็นศัตรูกันไม่ใช่เหรอ นายไม่ชอบขี้หน้าชั้นไม่ใช่เหรอ? นายเกลียดชั้นหนักนี่ นายไม่เคยเห็นชั้นในสายตาไม่ใช่เหรอไม่ว่าชั้นจะขยันสร้างปัญหาทำตัวบ้าๆแค่ไหนแต่นายก็ไม่เคยจะสนใจนอกจากพูดจาร้ายๆใส่ชั้นและขัดขวางชั้นตลอดเวลาไม่ใช่เหรอ" ฮีชอลพูดไปเสียงก็เครือไปด้วยเพราะเป็นครั้งแรกที่เขายอมสารภาพกับฮันกยองว่าการที่เขาทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาตลอดเวลาเพราะเขาแค่อยากเรียกร้องความสนใจจากฮันกยองบ้าง..แต่ชายหนุ่มกลับไม่ได้สนใจเขาเลย...ซึ่งมันทำให้เขาผิดหวังอย่างมาก...

    "ฮีชอลนายน่ะเก่งที่สุดเลยนะเรื่องคิดไปเองคนเดียว ทึกทักเอาตลอดว่าคนนั้นคิดอย่างโน้น คนนั้นเป็นอย่างนี้ ทำไมไม่รู้จักถามก่อนบ้าง" ได้ทีฮันกยองก็เทศน์ใส่คนที่ทำหน้ามุ่ยทันทีเมื่อได้ฟัง

    "ถ้าชั้นไม่สนใจนาย ชั้นก็คงไม่คอยขัดไม่ให้นายทำบ้าอะไรเกินเหตุ จนทำให้นายไม่พอใจแล้วประกาศว่าเป็นศัตรูกับชั้น ว่าเกลียดขี้หน้าชั้น ว่าไม่ชอบชั้น..ไม่ใช่เหรอไง?" เมื่อเจอเจ้าตัวย้อนใส่ให้ ฮีชอลก็โวยวายเอะอะทันที

    "อะไรเล่า! ก็นายมันน่ารำคาน ชอบทำหน้าเย็นชาใส่ชั้น แล้วไอ้แว่นตาดำนั่นน่ะ ใส่อยู่ได้ ใส่ทำไมก็ไม่รู้ให้ตัวเองดูเย็นชาและไม่เห็นจะแลชั้นบ้างเลย!" สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะเผยความน้อยใจของตนออกมา ฮันกยองยิ้มนุ่มๆ ก่อนจะจ้องดวงตากลมที่ตัดพ้อเขาไม่หยุดพร้อมทั้งสารภาพความจริงอีกอย่างที่ฮีชอลเองก็ไม่รู้..

    "ที่ชั้นต้องใส่แว่นตากันแดดน่ะ..ไม่ใช่แค่ชั้นชอบหรอกนะ..มันเป็นเพราะว่าชั้นจะสามารถมองไปทางไหนหรือที่ใครก็ได้โดยไม่มีใครสังเกตและเจ้าตัวก็ไม่รู้ตัว.."

    "ก็คิดดูเอาละกันว่า ใส่มองคนบางคนมาตลอดกี่ปีต่กี่ปียังไม่เห็นจะรู้ตัวกลับมาว่าว่าชั้นขี้เก๊กบ้าง ทำตัวแก่บ้าง เย็นชาบ้างเสียอีก" ฮีชอลรู้สึกเหมือนโดนกัดเล็กน้อยจึงสะบัดถามใส่ทันที

    "อะไร นายจะบอกหรือไงว่านายใส่เพราะจะคอยมองดูชั้นได้โดยที่ชั้นไม่รู้ตัวงั้นแหละ" ว่าแล้วก็เชิดหน้าใส่ ปลายจมูกเรียวเชิดอย่างถือตัว ฮันกยองเห็นแล้วรู้สึกหมั่นเขี้ยวสุดๆกับความน่ารักของฮีชอล..แต่แล้วก็ตัดใจตอบง่ายๆไป

    "ถ้าตอบว่าใช่ล่ะ? แหมก็รู้ว่าพ่อตัวเองฝากให้ดูแลความประพฤติแย่ๆของนายนี่นา ถ้าชั้นไม่คอยดู ป่านนี้นายไม่ทำอะไรบ้าๆ แผลงๆไปมากกว่านี้เหรอ?"

    ฮีชอลทำตาโตเมื่อได้ฟัง เพราะเขาไม่คิดจริงๆว่ามันเป็นเหตุผลเบื้องหลังใบหน้าเย็นชาภายใต้กรอบแว่นสีเข้มที่เขาไม่ชอบ..ทั้งๆที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาฮันกยองคอยมองดูเขาผ่านเจ้าเลนส์สีเข้มนี้เสมอ

    "ก็..ก็..ถ้านายสนใจชั้น..ชั้นก็ไม่ทำหรอก.." ฮีชอลว่าเสียงอ่อยเหมือนเด็กน้อยที่รู้สึกผิดกับการกระทำของตน แต่ร่างสูงกลับมองว่าน่ารัก เขาจับมือฮีชอลขึ้นมากุมก่อนจะกระซิบตอบ

    "เด็กเอาแต่ใจ นิสัยเสียแบบนาย ต้องให้คนอย่างชั้นกำราบรู้ไหม?" คนฟังทำตาโตแล้วทำหน้าท้าทายใส่ทันที

    "เร๊ออออ เหอะ ไหนดูสิว่าคนอย่างนายจะทำยังไงให้ชั้นอยู่หมัด" ร่างสูงไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร เขาดึงฮีชอลเข้ามาโอบแน่นและประทับจูบลึกที่หวานซึ้งกว่าเดิม..อ่อนโยนกว่าเดิมจนร่างบางเองหมดแรงต้านทานใดๆไหว..ความปากดีของฮีชอลมันหายวับไปกับตา

    "อื๊ออออ ไอ้บ้า!" ฮีชอลว่าใส่ทันมีเมื่อเป็นอิสระจากเรียวปากนั้น แต่ยังไม่ถูกชายหนุ่มปล่อยมือจากเอวบางไป

    "นายฉวยโอกาสกับชั้นมากไปแล้วนะ นับบ้างไหมเนี่ยว่าจูบชั้นไปกี่สิบรอบแล้วทั้งวันเนี่ย!!" ฮีชอลอาละวาดใส่ แต่ฮันกยองกลับหัวเราะร่วนก่อนจะตอบ

    "ก็อยู่ข้างนอก ทำอะไรไม่ได้มากนี่นา ถ้าอยู่ในห้องน่ะจะโชว์ให้ดูแบบสดๆและถึงใจเลยล่ะ...ว่าทำยังไงน้องฮีชอล..ถึงจะเชื่อฟังคนอย่างพี่หานเกิงได้หยู่หมัด" คนฟังหน้าขึ้นสีสด เมื่อเจอคำพูดสองแง่สองง่ามของคนตรงหน้า แต่มีหรือที่คนฤทธิ์เยอะอย่างฮีชอลจะยอมอะไรง่ายๆ

    "ไอ้บ้า จะทำอะไรก็ทำไปคนเเดียวเหอะ ปล่อยชั้นได้แล้ว ชั้นจะไปนอนแล้ว!" ฮีชอลว่าแล้วขืนตัวออกจากอ้อมกอดของฮันกยองทันที แม้ว่าจะเสียดายเล็กๆแต่ร่างสูงก็ยอมปล่อยมือ

    "เดี๋ยวสิฮีชอล..เรายังคุยเรื่องของเราสองคนไม่จบเลยนะ.."ฮันกยองรีบทวงถึงเรื่องที่ตั้งใจจะพูดทันที ฮีชอลทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วตอบกลับ พร้อมตั้งท่าเดินออกจากจุดนั้น

    "คุยเรื่องไรเล่า ชั้นไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับนายเสียหน่อย"

    "นี่ฮีชอลว่าเล่นน่า ชั้นจริงจังนะ..ชั้นอยากพูดเรื่องของเราให้เคลียร์ อยากให้ทุกอย่างมันจบที่นี่..ชั้นอยากให้เรากลับไปเป็นเหมือนเดิม.." ฮันกยองว่าแล้วตีหน้านิ่ง ฮีชอลกอดอกมองหน้าชายหนุ่มก่อนจะตอบ

    "การกระทำไม่ได้ง่ายเหมือนคำพูดหรอกนะ นายทิ้งชั้นไว้แบบนี้มากี่ปี นายคิดว่าแค่นายกับชั้นเผลอมีความสัมพันธ์กันมันจะสามารถทำให้พวกเรากลับมาคบกันเป็นเพื่อนกันได้แบบเก่าเลยหรือไง" ร่างสูงนิ่งไปทันทีเมื่อฟังคำพูดที่มีเหตุผลของฮีชอล ร่างเพรียวรอให้ฮันกยองพูดอะไร แต่ชายหนุ่มกลับเงียบ..นั่นมันทำให้ฮีชอลเริ่มสงสัยในคำพูดที่ฮันกยองพูดมาตั้งแต่แรก...มันเชื่อได้ด้วยเหรอ..คำพูดของคนพรรค์นี้..

    "ในเมื่อมันเริ่มที่นี่ ก็ให้มันจบที่นี่เถอะฮันกยอง พวกเรากลับไปใช้ชีวิตอย่างเดิม ทำตัวเหมือนเดิง เหมือนว่าเราสองคนไม่เคยผ่านเรื่องคืนนั้นทั้งสองคืนมา..ไม่เป็นไรหรอก" ฮีชอลพูดด้วยน้ำเสียงธรรมดาที่เหมือนจะฟังดูว่าง่ายสำหรับคนพูด ทั้งๆที่ในใจมันเหมือนถูกกระแทกอีกครั้งเพราะฮันกยองไม่มีท่าที่จะที่อยากคว้าเขาเอาไว้อย่างที่เจ้าตัวพูดในตอนแรกเลย.. ฮีชอลเม้มปากตัวเองแน่นแล้วบีบมือตัวเองพยายามบอกตัวเองว่าให้ปล่อยมันไป..ก็แค่ความรู้สึกอ่อนไหว..ของคนที่ไม่มีใครและโหยหาคนคนนี้มาโดยตลอด..มันก็แค่ความผิดพลาดที่จะไม่เกิดขึ้นอีก..

    ร่างเพรียวเห็นชายหนุ่มไม่ตอบอะไรจึงตัดสินใจเดินออกไปเงียบๆตามแนวชายหาดนั้น แต่อยู่ดีๆฮีชอลก็ต้องหยุดตัวแข็งทื่อเมื่อได้ฟังประโยคสั้นๆ

    "ชั้นไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับนายเหมือนกัน"

    ฮีชอลรู้สึกเหมือนถูกเหยียบจมดินและโยนซ้ำลงทะเลเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ร่างบางกำมือตัวเองแน่นพยายามบังคับไม่ให้ตัวเองหวั่นไหวและเผลอเสียน้ำตาไป ร่างบางพยายามตั้งสติตัวเองอยู่โดยไม่รู้ว่าในขณะนั้นคนที่พูดประโยครุนแรงออกมาได้เดินมาถึงตัวเขาและกระซิบอีกประโยคหนึ่งเบาๆแทน

    "แต่ตอนนี้ชั้นอยากเป็นมากกว่านั้น...นายให้โอกาสชั้นได้หรือเปล่า?" ฮีชอลหันหลังกลับไปมองหน้าชายหนุ่มด้วยดวงตากลมโตที่แทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองอีกครั้ง

    "ชั้นไม่อยากลืมเรื่องของพวกเราสองคน..มันไม่แปลกนะ..ถ้าเราจะเริ่มต้นจากการเป็นเพื่อนกัน..แล้วเลิกเป็นเพื่อนกัน..กลับมาเป็นเพื่อนกันอาจะยากสำหรับพวกเราทั้งคู่..แต่ในเวลานี้ตอนนี้ ชั้นอยากให้พวกเราเป็นมากกว่านั้น"

    "นะ..นี่นาย..รู้ตัวหรือเปล่าวว่าพูดอะไรออกมา ชั้นบอกแล้วไงว่าไม่เล่นด้วยนะ ไม่ตลก" ฮีชอลใจสั่นมันเต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมาต่อหน้าฮันกยองอยู่แล้ว ร่างสูงยิ้มหวานก่อนจะจับมือฮีชอลขึ้นมาแล้วเอ่ยถาม

    "แล้วนายจะลองให้โอกาสคนคนนี้ไหม? คนที่เย็นชา คนที่นายเกลียดขี้หน้า คนที่เฉยเมยใส่นาย คนที่ชอบฉวยโอกาส..แต่คนคนนี้รู้สึกพิเศษกับคนที่ชื่อฮีชอลมากเลยนะ.."

    ถ้าหากฮีชอลสามารถละลายหายตัวไปได้ ร่างบางคงเลือกตัวเลือกนั้นไปแล้ว แต่ในตอนนี้เขายังคงอึ้งอยู่และสับสนกับคำขอของฮันกยองที่มันทำให้เขามีความสุขอย่างน่าประหลาดใจ..หรือว่าเขาเอง..จะรู้สึกดีๆกับฮันกยองอยู่ด้วย..หรือว่าเขาเองจะอยากลองเดินหน้าไปกับฮันกยองอีกครั้งดู

    "ชะ..ชั้นไม่รู้..นายก็พิสูจน์ตัวเองเอาละกัน" ฮีชอลตอบไปทั้งๆที่เขินจะแย่ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมคิม ฮีชอลที่หักอกชาวบ้านมานักต่อนักกลับไม่กล้าปฏิเสธคำขอร้องเชื่อมความสัมพันธ์ที่เกินเลยกับคนที่แสดงออกว่าเกลียดกันและกัน

    "ตกลงให้โอกาสแล้วใช่ไหม?"

    ฮันกยองยิ้มละมุนก่อนจะสอดนิ้วเข้าไประสานในมือของฮีชอลที่เขากุมไว้ในตอนแรก ฮีชอลรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านร่างเขาเพียงแค่สัมผัสที่แนบแน่นนั้น ร่างบางหันหนีไปอีกทางก่อนจะพูดต่อ

    "วันนี้ชั้นไม่รู้..รู้แต่ตอนี้ง่วงแล้วจะกลับไปนอน" ฮีชอลตัดบทแก้เขินแต่คนฟังก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่กลับเดินจูงมือฮีชอลที่สอดประสานกับมือของเขาแน่นไปยังทางที่พักของพวกเขาซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกล

     

     

     

    พอไล่หลังทั้งสองคนหายไปจนลับตาแล้ว เสียงสวบสาบที่หลังโคนต้นมะพร้าวใกล้ๆกับบริเวณชายหาดที่ฮันกยองและฮีชอลมาปรับความเข้าใจกันก็ดังขึ้นกว่าเดิมพร้อมเรียกร้องโอ๊ยของใครสักคน

    "ทงเฮ! ชั้นเจ็บนะ ต่อยมาได้" คิบอมว่าแล้วกุมท้องของตน ร่างเล็กหันมาทำหน้าดุใส่ก่อนจะเอ่ย

    "ก็ใครใช้ให้นายฉวยโอกาสหาเศษหาเลยกับชั้นเล่า! ไหนบอกว่าให้แอบฟังสองคนนั้นคุยกันเงียบๆ นี่อะไรมือไม้ไม่อยู่สุข!" ทงเฮว่าพร้อมใบหน้าหวานที่เขินเป็นสีชมพูอ่อน

    ในตอนแรกนั้นเขากับคิบอมก็มาเดินเล่นกันเฉยๆตามทางแนวชายหาด ในทีแรกนั้นเมื่อทงเฮเห็นว่าฮีชอลเดินเล่นแล้วหยุดนิ่งอยู่คนเดียวก็กะจะวิ่งเข้าไปหา แต่อยู่ดีๆก็ถูกคิบอมที่เดินตามมาวิ่งพรวดเข้ามาฉุดเอาไว้ พลางดึงให้หายไปหลังต้นมะพร้าวต้นใหญ่ ตอนแรกทงเฮก็ตกใจและงงวยกับการกระทำของร่างสูงแต่พอคิบอมบอกว่าฮันกยองกำลังเดินเข้าไปหาฮีชอล ทงเฮจึงเงียบปากแล้วรีบเกาะต้นไม้ดูทันที

    ทั้งคู่ตกใจตาแทบถลนเมื่อเห็นว่าฮันกยองตรงเข้ากอดฮีชอลจาทางด้านหลัง และต้องรีบปิดปากตัวเองแน่นเพื่อไม่ให้ตกใจเผลอส่งเสียงร้องออกไป และเมื่อฮีชอลที่ถูกกอดแน่นหันกลับมา คิบอมจึงจำเป็นต้องดึงตัวทงเฮให้มาพิงกับต้นไม้โดยมีตัวเขาทาบทับไปอีกรอบเพื่อให้ลำต้นมันบังพวกเขาเอาไว้แทน เพราะหนุ่มที่ส่องเมื่อครู่เสี่ยงต่อการมองเห็นของฮีชอลมากๆ

    คิบอมบอกทงเฮว่าพวกเขาน่าจะฟังว่าสองคนนี้คุยอะไรกัน ในตอนแรกทงเฮก็ด่าเขาว่ามารยาทเสีย แต่เมื่อคิบอมเอ่ยซ้ำว่า "นี่อย่าลืมนะว่าเมื่อครู่เราเห็นฮันกยอง..ฮันกยองเพื่อนชั้นกอดกับฮีชอล..ฮีชอลเพื่อนของนาย..ไหนสองคนนี้เกลียดกันจะตายไง นายไม่อยากรู้หรือไง?"

    ความอยากรู้อยากเห็นมักจะเอาชนะความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของคนเราได้เสมอ ทงเฮจึงโอนอ่อนฟังฮันกยองกับฮีชอลคุยกันจนได้รู้ถึงเบื้องหลังเบื้องลึกความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนนี้ ทงเฮนั่นถึงกับต้องปิดปากตัวเองไว้เลยทีเดียวเมื่อได้ยินฮันกยองประกาศชัดว่ามีอะไรกับเพื่อนของเขาแล้ว..และนั่นเป็นสิ่งที่ทงเฮตกใจมากที่สุด...เรพาะเขาไม่เคยคิดเลยว่าคนอย่างฮีชอลจะยอมพลาดท่าเสียทีให้กับคนอย่างฮันกยองได้..มันช่างเป็นไปไม่ได้จริงๆ..แต่มันเป็นไปแล้ว!

    "ขอโทษๆละกัน ไม่ได้ตั้งใจนี่นะ ว่าแต่นายว่าเราควรทำไงดีเรื่องที่ได้ยินมาน่ะ" คิบอมขอความคิดเห็นแม้ว่าเขาจะมีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้ว

    "ชั้นช็อคมากเลยนะคิบอม..โคตรจะช้อคและตกใจเลยล่ะ ฮันกยองกับฮีชอลเนี่ยนะ โอ๊ยยยยจะบ้าตายยยยย เกลียดกันอย่างกับอะไรดี ไปทำอะไรอีท่าไหนถึงมาได้กันแบบนี้เนี่ย.."

    "เกลียดกันแต่รักกันมีให้เห็นเยอะแยะถมไป ไม่เคยได้ยินเหรอที่เขาบอวก่าเกลียดอะไรมักจะได้สิ่งนั้น" คิบอมว่า ทงเฮพยักหน้ารับก่อนจะหันมาทำตาแป๋วแล้วถาม

    "งั้นที่นายออกตัวว่าไม่ชอบมินโฮมากและดูไม่ชอบขี้หน้าน้องมันสุดๆ แสดงว่าพวกนายจะต้องได้กันและกันถูกไหม? เพราะมินโฮโคตรจะเหม็นขี้หน้านายเลย"

    คิบอมฟังแล้วอ้าปากค้างก่อนจะเกาแขนตัวเองและทำท่ารังเกียจชัดเจน

    "โอยยยย ทงเฮรับ จะหาอะไรมาลองทดสอบทฤษฎีเนี่ย ช่วยดูหนังหน้าคนที่นายจับมาให้ชั้นหน่อยได้ไหม? นายจะบ้าเหรอ มินโฮที่ชั้นพร้อมจะฆ่าหั่นศพทุกครั้งที่มันเจ๊าะแจ๊ะกับนายเนี่ยนะ"

    "เอ๊าก็เห็นฮีชอลก็ชอบพูดถึงฮันกยองแบบนี้..เป็นไงล่ะสุดท้ายก็ได้กันซะงั้น" ทงเฮยักไหล่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ รู้สึกสนุกที่ได้แกล้งกิ๊กของเขา แม้ว่าจะไม่ได้ยอมรับหรือเปิดเผยว่าคบกัน แต่สำหรับทงเฮและคิบอมแล้วนั้นก็ถือได้ว่ากำลังคุย ศึกษากันอยู่ก็ว่าได้..แม้ว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วสำหรับทงเฮ..แต่คิบอมน่ะ..วางแผนรอเวลานี้มานานแสนนานแล้ว

    "เอาเถอะกลับมาเรื่องของสองคนนั้นดีกว่า ตกลงนายจะทำยังไง?" ทงเฮหันไปถามพ่อคนฉลาด คิบอมยิ้มแก้มแตกก่อนจะเอ่ยตอบ

    "ชั้นว่าพวกนั้นคงไม่อยากให้ใครรู้เรื่อง ดังนั้นเราทำเป็นไม่รู้ต่อไป และห้ามบอกใครเด็ดขาดเลย" ทงเฮฟังแล้วพยักหน้ารับพลางใช้ความคิด ร่างสูงหันไปเห็นท่าทางนั้นจึงรีบว่าต่อทันที

    "นายจะบอกใครไม่ได้ทั้งนั้นโดยเฉพาะเจยืและอีทึก พวกนั้นเป็นเพื่อนสนิทกลุ่มนายนะ ถ้ารู้กันทั้งกลุ่มก็เหมือนเราเอาความลับเพื่อนไปแฉ รอให้พวกเขาบอกเองดีกว่านะ"

    "โหยไรอ่ะ รู้ทัน เบื่อชะมัด อ้ะๆๆ ไม่บอกใครก็ได้ ชั้นก็สงสารฮีชอลเหมือนกันนะ ถ้าใครรู้ว่าสุดท้ายแล้วมันเสร็จฮันกยองเนี่ย รู้ถึงไหนอายถึงนั่น..เล่นไปสบประมาทว่าเขาไว้เยอะ สุดท้ายตัวเองได้เสียเอง ฮ่าๆๆ" ทงเฮว่าแล้วหัวเราะร่วนโดยมีคิบอมยืนยิ้มพลางคิดว่าตนเองจะรอดูละครฉากนี้อย่างไรต่อไปดี

     

     

     

     

     

    การเดินทางมาเที่ยวโบราโบราจบลงในวันต่อมาที่ฮันกยองและฮีชอลเริ่มต้นที่จะแสดงบทบาทใส่หน้ากากความเป็น "ฮันกยอง" และ "ฮีชอล" ต่อไปโดยที่ไม่มีใครรู้ถึงความสัมพันธ์ของพวกเขา ดีที่ว่าในวันต่อมา กลุ่มของทั้งคู่ต่างแยกกันเที่ยวทำให้ฮันกยองไม่ต้องอึดอัดเท่าไหร่นักที่ต้องดูฮีชอลทำตัวห่างเหินกับเขา

    ในเวลานี้ฮันกยองเริ่มเข้าใจความรู้สึกของฮีชอลที่โดนเขาทำร้ายจิตใจมานานแล้วว่ารู้สึกเช่นไร..เพราะความเย็นชาของเขาบางทีก็ทำให้คนที่แคร์เขาตลอดเวลาแม้ว่าจะแสดงออกมาอย่างเด็กน้อยแบบที่ฮีชอลทำตลอดมา

    ในคืนวันสุดท้ายที่หมู่เกาะสรวงสวรรค์นี้ ฮันกยองและฮีชอลก็ไม่พลาดที่จะออกมานั่งมองวิวยามค่ำคืนร่วมกันที่หลังระเบียงกระท่อมของฮีชอล ในขณะที่พวกเขาทำไม่ได้ยามที่เพื่อนๆคนอื่นๆอยู่ด้วย

    "วันนี้ชั้นต้องอดดูคยูฮยอนมันเจ๊าะแจ๊ะนายอีกแล้ว" ฮันกยองเอ่ยพูดกับคนในอ้อมกอดที่ นั่งซบอกเขาอยู่ ฮีชอลทำเสียงในลำคอก่อนจะเอ่ย

    "ช่างเหอะน่า ชั้นไม่ได้สนใจเพื่อนนายเสียหน่อย สนเมื่อไหร่ค่อยมาว่ากัน"

    "เหอะ ถ้าลองสนดูสิ ประกาศตัวแน่นอน คนของใครใครก็หวงล่ะวะ" ฮันกยองเอ่ยอย่างหัวเสียพลางนึกถึงภาพที่คยูฮยอนมันแอบหลอกจับมือฮีชอลบ้างโอบบ้าง ในขณะที่เขาทำได้แค่เดินไกลๆ

    ฮีชอลเลือนตัวขึ้นมาแล้วหอมแก้มชายหนุ่มก่อนจะจูบเบาๆที่ริมฝีปากของฮันกยองที่เม้มสนิทด้วยความไม่พอใจก่อนจะเอ่ยตอบ

    "คิดมากหัวจะล้านไว้นะ ชั้นบอกว่าไม่สนก็ไม่สนสิ หรืออยากให้ชั้นสนหรือไง? มีนายคนเดียวไม่พอว่างั้น?"

    "ก็ลองดูสิ ชั้นจัดการแน่" ฮันกยองเอ่ยด้วยเสียงที่น่ากลัวใช้ได้ ทำให้ฮีชอลหยุดหยอกเขาก่อนจะตอบ

    "เอาน่า เชื่อใจกันบ้างจะตายไหม? หรือไม่ก็เลิกกยุ่งกันไปเลย"

    "ไม่" ฮันกยองตอบอย่างรวดเร็วแล้วก็ถอนหายใจก่อนจะหันมามองหน้าฮีชอลพลางบอก

    "ก็มันไม่พอใจ ขอโทษด้วยถ้าอารมณ์เสียใส่" ฮีชอลยิ้มรับอย่างน่ารักก่อนจะตอบไป

    "ถึงยังไงมันก็บังเป็นสัญญาณที่ดีนะว่านายยังแคร์ชั้นอยู่" ฮันกยองก้มลงจูบคนช่างพูดและถ่ายทอดความรู้สึกมากมายผ่านสัมผัสนั้นในขณะที่มือยังจับกันอยู่แนบแน่น

    "พรุ่งนี้ตอนนั่งกลับโซล นายไปนั่งตรงข้างหน้าสุดที่เดิมนะ เดี๋ยวชั้นจะขึ้นเครื่องทีหลัง พอไม่เหลือที่แล้วชั้นจะหาเรื่องไปนั่งกับนาย" ฮันกยองเอ่ยบอกแผนการสำหรับวันพรุ่งนี้ ฮีชอลขำออกมาทันทีก่อนจะตอบ

    "นี่ถึงกับต้องวางแผนเลยเหรอ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เราไม่ต้องวางแผนกันทุกวันเลยเหรอ หากจะเจอกันตอนที่คนอื่นๆอยู่ด้วย"

    "ก็นายอยากให้มันเป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอไงเล่า นายต้องไล่ทุกคนไม่ให้มานั่งกับนาย อาละวาดยังไงก็ได้ โอเคไหม? เดี๋ยวชั้นจะทำตัวเป็นฮันกยองผู้เย็นชาและไม่แคร์อะไรไปนั่งกับนายเอง"

    ฮีชอลยิ้มรับแผนการนั้นแล้วส่ายหัวอย่างตลกๆ พลางยอมรับในใจว่าอย่างน้อยได้นั่งกับฮันกยองตลอดการเดินทางร่วมวันก็ยังดีที่ได้อยู่ข้างๆกัน เห็นหน้ากัน แม้จะหวานใส่กันแบบที่ทำลับหลังคนอื่นไม่ได้ แต่ทำเป็นหลับไม่รู้ตัวแล้วซบกันนิดหน่อยก็คงไม่เป็นอะไร

    "ถ้าความสัมพันธ์ของพวกเรามันจะตลกแบบนี้นะฮันกยอง เป็นเพราะใครเนี่ย" ฮีชอลว่า ร่างสูงพลางนึกไปถึงสิ่งที่เป็นต้นเหตุทำให้เขาได้ฮีชอลมาครอบครองแล้วกระตุกยิ้มก่อนจะตอบ

    "เพราะแอปซินธ์ไงล่ะ"

    "นายรู้ไหมว่าเหล้านี่แต่ก่อนนอกจากจะเป็นเหล้าดีกรีแรงที่กินแล้วเมาทันที ได้ปลดปล่อยตัวเองออกจากโรคความจริงแล้ว ยังเป็นยารักษาโรคได้ด้วย ยิ่งตอนผ่าตัดหมอให้แอปซินธ์ให้คนกินให้เมาได้เพื่อที่จะได้ไม่เจ็บ.."

    "มันก็เหมือนกับพวกเรานะ แอปซินธ์ทำให้พวกเราได้หลุดออกมาจากโรคแห่งความจริงที่โหดร้ายที่ชั้นกับนายต้องทำเป็นไม่ถูกกัน..และมันยังช่วยรักษาสมานแผลที่พวกเราต่างสร้างกันไว้เมื่อสิบปีที่แล้วได้ด้วย.."

    ฮันกยองเอ่ยตอบฮีชอลแล้วอมยิ้ม ใบหน้าหวานยิ้มกลับตอบชายหนุ่มอย่างยินดี และนี่ทำให้ฮันกยองรู้ซึ้งแล้วว่าการที่เขาได้เห็นรอยยิ้มที่น่ารักและมีความสุขของฮีชอลอีกครั้งเพราะตัวเขาเองนั้น..มันเปรียบไม่ได้เลยกับอะไรก็ตาม..

    ความสุขของฮีชอล..มีค่ามากมายเกินกว่าเขาจะคิดได้จริงๆแม้ว่าพวกเขาสองคนจะต้อง "แอบ" คบกัน โดยที่ "คิด" ว่าไม่มีใครรู้เรื่องราวของพวกเขาเลย...

    ซึ่งฮันกยองกับฮีชอลคงคิดผิดเพราะความปวดหัวจากความสัมพันธ์แปลกๆของพวกเขามันจะต้องเกิดขึ้นแน่นอน..และคงคาดไม่คิดว่าทั้ง "ทงเฮ" และ "คิบอม" ก็ได้แอบล่วงรู้ความลับของพวกเขาเสียแล้ว..

    ความปั่นป่วนในชีวิตคู่ของฮันกยองกับฮีชอลคงมีรสชาติแปลกดีพิลึกเหมือนกับเหล้าแอปซินธ์ที่ทั้งขมร้อนบาดคอแต่ก็แฝงด้วยความหวานซ่าๆที่ติดรสชาติปลายลิ้นคอยทำให้คนที่ได้ลองชิมแล้วอดใจไม่ได้ที่จะลองอีกสักครั้ง..


    -------------------------------------------------------------------------

    the first serie end

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×