ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF] Absinthe,,, [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #12 : [SF] Absinthe : In My Bed, Ch. 12

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 462
      2
      5 ก.ย. 54


    ฮีชอลหายใจแรงหลังจากที่ได้ขึ้นสวรรค์ไปไม่รู้กี่รอบ ร่างบางซบไซ้อยู่ที่ไหล่แกร่งของชายหนุ่มไม่หันไปไหนเพราะเหนื่อยอ่อนจนหมดแรงจะทำอะไร ฮันกยองเองกอดร่างนุ่มนิ่มนั้นไว้แนบตัว รู้สึกถึงสมัยก่อนยามที่เขามักจะกอดปลอมฮีชอลเวลาถูกคนอื่นแกล้งมาและเขาไป ไล่อัดให้แต่เจ้าตัวยังคงร้องไห้ไม่หยุด และบางครั้งฮีชอลจะเหงาและคิดถึงแม่ที่เสียไปแล้วมากจนนอนร้องไห้ ทำให้เขาต้องคอยกอดปลอบตลอดเวลา

    ฮันกยองนึกถึงช่วงเวลาสมัยเด็กแล้ว รู้สึกผิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่สามารถรักษาสัญญาที่เคยให้ฮีชอลไว้ตั้งแต่เด็กได้แถมยังทำตัวฉวยโอกาส กับร่างบางที่เขาทำเป็นไม่สนใจมาเป็นสิบปีอีกด้วย ฮันกยองรู้ดีว่ามันไม่ถูกต้องเอาเสียเลย..แต่ใจเขากับพ่ายแพ้แรงดึงดูดและ ความรู้สึกที่แอบมีให้ฮีชอลมาเสียนาน

    "เหนื่อยไหม?" ฮันกยองกระซิบถามร่างบางที่ซบที่ไหล่เขาอยู่ ฮีชอลขยับตัวเล็กน้อยร่างสูงจะอาศัยจะหงวะนั้นถอนแก่นกายตนออกจากร่างบาง แล้วทิ้งตัวลงข้างๆแต่ไม่วายคว้าตัวฮีชอลมากอดแน่นราวกับกลัวว่าเจ้าตัวจะ เดินหนีหายไปไหน

    "เมื่อย" ฮีชอลว่าแล้วหลับตาเตรียมพร้อมจะหลับ ร่างบางซบลงที่อกแกร่งแนบหน้าลงชิดก่อนจะเข้าสู่นิทราในอ้อมกอดของชายหนุ่ม โดยที่ฮันกยองเองได้แต่มองภาพนั้นโดยไม่ว่าอะไร

    สายตาคมกวาดมองใบ หน้าหวานที่หลับตาพริ้มราวกับมีความสุขมากนั้นแล้วเผลออมยิ้มไม่รู้ตัว เขาได้มองฮีชอลหลับเป็นครั้งที่สองแล้วนับตั้งแต่ที่พวกเขาทั้งคู่เลิกเป็น เพื่อนกัน..

    ร่างสูงนอนมองร่างสวยที่ตนเองโอบกอดเอาไว้อยู่สักพัก ก่อนจะคิดได้ว่าตอนเช้าที่ฮีชอลตื่นมาเขาคงต้องรับมือกับพายุทอนาโดที่จะ อาละวาดลงใส่เขาแน่ๆ ฮันกยองค่อยๆพลิกร่างบางให้นอนลงบนพื้นเตียงแล้วห่มผ้าให้ร่างบางก่อนจะหาย เข้าไปในห้องน้ำเพื่อหาพามาเช็ดตัวให้ฮีชอลและต้องการทำความสะอาดด้านหลัง ของร่างเพรียวไว้ก่อนที่เจ้าตัวจะตื่นขึ้นมาอาละวาดใส่เขาแน่ๆในเช้าวัน พรุ่งนี้







    หลังจากที่ฮันกยองจัดการทำความ ร่างกายฮีชอลทั่วทั้งตัวเพื่อให้ร่างบางได้นอนอย่างสบายตัวและไม่อยากให้ เหลือหลักฐานคาตัวฮีชอลไว้เยอะว่าพวกเขาทำอะไรกันเมื่อคืน แต่กระนั้นฮันกยองเองก็รู้ดีว่าฮีชอลจะต้องแหกอกเขาแน่ๆยามที่เจ้าตัวลืมตา ตื่นขึ้นมา ร่างสูงนอนตะแคงมองใบหน้าหวานที่หลับสนิทพลางนึกไปเรื่อยว่าจะแก้ตัวอย่างไร ดี หรือจะพูดอะไรกับฮีชอลดี แต่สิ่งหนึ่งที่เขาเองรู้แล้วว่าการที่เขาทำเป็นไม่สนใจฮีชอลมาตลอดสิบปี นั้น..มันเป็นสิ่งที่เขาโกหกตัวเองชัดๆ เพราะมานั่งนึกๆดู เขาก็แค่ยังเป็นห่วงฮีชอลอยู่ลึกๆและคอยจับตาดูแลความประพฤติฮีชอลอยู่ห่างๆ จนทำให้ร่างบางยิ่งเกลียดขี้หน้าเขาเพราะคิดว่ามาคอยก่อกวนและคอยขัด ทุกอย่างที่ฮีชอลอยากจะทำ แต่จริงๆแล้วฮันกยองก็แค่เป็นห่วงไม่อยากให้ฮีชอลเสียนิสัยและสร้างปัญหาให้ คนอื่นและตัวเองตามมาทีหลัง

    นอกจากนี้ร่างสูงก็รู้ตัวว่าเขาเป็นห่วง และแคร์ฮีชอลมากเช่นกัน การที่เขาสนใจคำพูดของฮีชอลนั้นมันเป็นเพราะเขาแคร์ว่าฮีชอลจะมองเขาอย่างไร แม้ว่าจะทำเป็นไม่สนใจมาโดยตลอดแต่จริงๆแล้วฮันกยองไม่อยากให้ตัวเองดูไม่ดี ในสายตาของฮีชอล สำหรับเขาเอง เขารู้สึกได้ดีว่ายังไงเสียฮีชอลก็ยังรู้สึกดีๆกับเขาอยู่ ความผูกพันในวัยเด็กของพวกเขาทั้งสองคนมันเป็นสิ่งที่แยกออกจากกันไม่ได้และ มันเหนียวแน่นเกินกว่าที่พวกเขาสองคนจะทิ้งมันไปดื้อๆ แต่เป็นเพราะทิฐิและต่างคนต่างไม่เข้าใจมันทำให้พวกเขาทั้งคู่หันหน้าหนีกัน นับตั้งแต่นั้นมา

    ฮันกยองไม่คาดคิดเช่นกันว่าความสัมพันธ์ทางกายใน คืนนั้นเพราะเหล้าแอปซินธ์จะทำให้เขารู้สึกผูกพันกับฮีชอลมากกว่าเดิม แถมเขายังไม่สามารถเลิกคิดเรื่องของตนกับฮีชอลได้เลย เขายังคงนึกถึงตลอดเวลาถึงสัมผัสและความสุขในคืนนั้น...และในคืนนี้เมื่อเขา ได้คว้ามันอีกครั้ง..มันก็ทำให้ชายหนุ่มเข้าใจแล้วว่า..เขาคงต้องทำอะไรสัก อย่างเสียที..เขาคงทนที่จะปล่อยมือจากฮีชอลไปอีกไม่ได้แล้ว..และเขาคงทนไม่ ได้ถ้าหากจะมีใครได้ครอบครองตัวของฮีชอล..ไม่ว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นเพื่อน สนิทของเขาอย่างคยูฮยอนก็ตาม!

    ร่างสูงผล็อยหลับไปตอนใกล้รุ่งสางโดย ที่พวกเขาทั้งคู่ต่างหลับยาวจนกระทั่งมีเสียงเคาะประตูดังลั่นพร้อมเสียงออด ที่ดังขึ้นในช่วงเที่ยงของวันถัดมา

    ฮันกยองรู้สึกได้ยินเสียงใคร เรียกชื่อตนอยู่หน้าห้องจึงลืมตาขึ้นพลางบิดขี้เกียจและพยายามยกตัวเองที่ รู้สึกมึนหัวอย่างหนักเพราะเมื่อคืนก็กินเหล้าไปไม่ใช่น้อย ร่างสูงหันกลับไปที่ด้านข้างของตนแล้วก็รู้สึกใจหายวาบเมื่อร่างเพรียวที่ นอนหลับเป็นเจ้าหญิงนิทรารู้สึกได้ถึงเสียงรบกวนและแสงแดดที่สาดเข้ามาทำให้ ฮีชอลเองเหมือนจะเริ่มรู้สึกตัว

    "เฮ้ย ซวยแล้ว" ฮันกยองพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหันไปทางประตู เสียงเรียกชื่อเขาจากเพื่อนชายอีกคนในกลุ่มดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ร่างสูงรีบเด้งออกจากเตียงทันที ฮันกยองคว้าเสื้อคลุมอาบน้ำขึ้นมาใส่ทับหลวมๆแล้วรีบผูกเชือกอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้พุ่งตัวออกไปจัดการคิบอมที่เรียกเขาอยู่หน้าห้อง เสียงเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงราวกับวิญญาณออกจากร่างของคนด้านหลังก็ดัง ขึ้น

    "ฮันกยอง!"

    ร่างสูงหันหลับไปมองร่างบางที่ลุกขึ้นนั่ง บนเตียงแล้วมองหน้าเขาด้วยสายตาทั้งค้างและตกใจพร้อมทั้งช็อคราวกับตัวเอง ฝันไป ฮันกยองรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นจึงรีบกระโจนขึ้นไปบนเตียงแล้วยกมือปิดปากคน ที่กำลังอ้าปากเตรียมจะกรีดร้องและแหกอกเขา

    "ฮีชอล!! นายมองหน้าชั้น ฟังชั้นก่อน เงียบๆ อย่าร้องไป" ฮันกยองพยายามบอกด้วยน้ำเสียงเบาๆเพราะกลัวว่าคนด้านนอกจะได้ยิน ฮีชอลพยายามขืนตัวออกแล้วสะบัดหน้าไปมาเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุมนั้น ดวงตากลมโตเบิกกว้างพลางมองหน้าชายหนุ่มที่อยู่ในสภาพที่ล่อแหลมมากๆ

    "นี่! ถ้านายไม่หยุดดิ้นและยังคิดจะส่งเสียงร้องชั้นจะไม่สนแล้วนะถ้าไอ้คิบอมหรือ ใครก็ตามที่อยู่ข้างนอกจะรู้เรื่องของเรา! นายอยากให้คนอื่นรู้หรือไงว่าเป็นอะไรกับชั้น?" ฮันกยองงัดไม้ตายขึ้นมาขู่ร่างสวย ฮีชอลแทบอยากจะกรีดร้องดังๆตอนนั้นแต่ก็ทำไม่ได้ ร่างบางกำมือแน่นแล้วซัดเข้าที่ท้องของชายหนุ่มด้วยความคับแค้นใจ

    "โอ๊ย!" ฮันกยองร้องแล้วเผลอละมือออจากปากของฮีชอลเข้ากุมท้องตัวเอง ใบหน้าหวานโกรธจัดมากๆเมื่อได้ยินคำพูดนั้นและเริ่มปะติดต่อทุกอย่างเข้า ด้วยกันได้แล้วว่าเขาคงเสียตัวให้ไอ้บ้านี่เป็นครั้งที่สองแน่ๆ พวกเขาทั้งสองคนถึงได้อยู่ในสภาพเช่นนี้และหมอนั่นถึงได้กล้าพูดจาแบบนั้น แต่สิ่งที่ฮีชอลไม่เข้าใจคือทำไมมันถึงเกิดเรื่องอะไรแบบนี้ขึ้นได้! แถมยังเป็นความผิดซ้ำสองอีก!

    "อย่าโวยวายนะ!" ฮันกยองพยายามจะพูดให้เบาๆแต่น้ำเสียงยังฟังเป็นขู่ ฮีชอลอยากจะกรี๊ดใส่หน้าแต่ก็กลัวคนอื่นจะรู้ แต่ก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไมตนเองถึงได้มาอยู่ในห้องนี้ได้

    "ไป จัดการเพื่อนนายเดี๋ยวนี้! โอ๊ยยยยยยยยยยยยยย จะบ้าตายยยยยยยยยยยย" ฮีชอลหันไปกระซิบตอบแล้วยกหมอขึ้นมาปิดหน้าตัวเองพลางส่งเสียงอาละวาดใส่ เนื่องจากกลัวคนด้านนอกจะได้ยิน ฮันกยองหันมาทำเสียงบอกให้เขาเงียบแล้วเอ่ย

    "ชู่ว! นายอย่าส่งเสียงสิ ทุกคนเขารู้ว่าขั้นอยู่ในห้องคนเดียวนะ ไว้ชั้นไล่พวกนั้นเสร็จแล้วนายจะแหกอกชั้นค่อยว่ากันอีกที" ฮีชอลทำหน้าเหมือนอยากจะเชือดคอตัวเองสุดๆ ร่างบางหันไปคว้าผ้าห่มผืนหน้าแล้วคลุมโปงตัวเองพลางกัดฟันนับถอยหลังในใจ และหาทางหาอุปกรณ์อะไรสักอย่างในห้องนี้เอาไว้ฆาตรกรรมไอ้โจรปล้นสวาทคนนี้ ให้ได้

    ฮันกยองเมื่อเห้นว่าฮีชอลยอมเงียบและคลุมตัวเองอยู่ใต้ผ้าห่ม ผืนใหญ่ก็รีบตรงไปที่ประตูแล้วเปิดแง้มออกเพียงครึ่งเพราะไม่อยากให้คิบอ มมองเข้ามาข้างในหรือหาทางเข้ามาในห้อง

    "โหยคุณชายยยยยยย นี่แกหลับลึกขนาดไหนวะเนี่ย นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว เรียกอยู่ตั้งเป็นสิบนาทีนึกว่าตายห่าไปแล้วเนี่ย" คิบอมร่ายใส่ทันที แต่ดูเหมือนว่าเจ้าของห้องจะไม่ได้สนใจฟังกลับมองกวาดตาออกไปรอบๆเพื่อดูให้ แน่ชัดว่าชายหนุ่มมาคนเดียว

    "มอหาไรวะ?" คิบอมหันหลังกลับไปบ้างพลางกวาดตามองรอบๆทัศนยภาพที่สวยงามของมหาสมุทสีฟ้า ครามและชายหาดสีขาวก่อนจะหันกลับมามองหน้าเพื่อนของตน

    "เปล่าไม่มีอะไร ว่าแต่นายมีอะไรล่ะ" ฮันกยองยังคงตีหน้าเป็นเจ้าชายเย็นชาแล้วถามอย่างไม่รู้ร้อน คิบอมทำหน้าแบบเชื่อเขาเลยก่อนจะตอบ

    "นี่ มันเที่ยงกว่าแล้วเว้ย ไม่ออกมาสักที เราจะไปดำน้ำกันวันนี้นะ แล้วก็จะไปที่อีกเกาะด้วย แจจุงจัดการเรื่องเรือยอร์ชไว้แล้ว เห็นว่ากำลังไปชวนพวกเจย์ เพราะไหนๆก็เหมาลำ"

    "เออ พอดีเมื่อคืนเหนื่อยมากเลยนอนยาว แกก็รู้ว่าชั้นไม่ได้นอนเต็มที่ตั้งแต่บนเครื่องบิน" ฮันกยองแก้ตัวไปเรื่อย แต่คิบอมกลับแกล้งเอาความจริงขึ้นมาพูดจี้ใจดำชายหนุ่มเล่น

    "ไม่ได้นอนเพราะมัวแต่นั่งมองหน้าใครอยู่น่ะสิ เวลาเขาตื่นทำเป็นเหม็นขี้หน้าเขา แต่พอเขาหลับล่ะจ้องไม่วางตาเชียว คิคิคิ"

    "อะไร ของแก พูดไม่รู้เรื่อง ไปเลยไป เดี๋ยวชั้นจะอาบน้ำแล้วตามไปหาที่ร้านอาหาร" ฮันกยองรีบบอกปัดทันที เพราะกลัวคนด้านในจะได้ยินสิ่งที่คิบอมพูดว่าตนเอาแต่มองหน้าฮีชอลตลอดเวลา ที่เจ้าตัวหลับซบไหล่เขาอยู่บนเครื่องบิน

    "แหมๆ ทำเป็นเขิน ทำเป็นเปลี่ยนเรื่อง เอาเหอะ เมื่อวานนายน่าจะอยู่ต่อดูสภาพหมอนั่นตอนนั่งกรอกเหล้าไม่หยุดหลังจากนาย ขึ้นห้องไปแล้วนะ ชั้นเห็นไอ้คยูฮยอนงี้จ้องตาเป็นมันกะว่าได้ฟาดแน่ สุดท้ายเจย์ดันไปส่งที่ห้องเสียงั้น" คิบอมเล่าเรื่องเมื่อคืนให้ชายหนุ่มฟัง ฮันกยองเองรู้สึกฉุนนิดๆเมื่อได้ยินว่าเพื่อนของตนวางแผนจะรวบหัวรวบหางคน ที่เขาได้มากอดจริงๆ

    "ช่างฮีชอลเขาสิ หมอนั่นจะทำอะไรยังไงกับใครก็เรื่องของเขา" ฮันกยองยังฟอร์มจัดไม่เลิก ทำเป็นไม่สนใจต่อหน้าคิบอม ชาหนุ่มยักไหล่แล้วพูดลอยๆขึ้นบ้างๆ จริงๆแล้วแค่อยากจะแกล้งยั่วแต่เพราะไม่รู้ว่าเมื่อคินเกิดอะไรขึ้นจึงได้ แต่พูดไป

    "นี่ถ้าสมมุติเจย์มันคิดอะไรกับฮีชอลแบบที่คยูฮยอนมันคิด แกว่าสองคนนั้นน่าจะเรียบร้อนกันยังวะ? แบบเมื่อคืนตอนฮีชอลเมานี่นะ โอ้โหเห็นอ้อนเจย์มันใหญ่ เออถามจริงคืนนั้นที่หมอนั่นเมา นี่เมาจนหลับสนิทเลยหรือเปล่า"

    ฮันกยองอึกอักเมื่อเจอคำถามนั้น แม้ว่าจะไม่พอใจเล็กๆทั้งอยากจะบอกคิบอมไปเลยว่าฮีชอลน่ะเสร็จเขาคนเดียวนี่ แหละ จะรายไหนก็ไม่ได้ยุ่งหรอก แต่ว่าก็รู้ตัวว่าไม่ควรพูด

    ฝั่ง ฮีชอลเองที่เงี่ยหูฟังสองคนตรงประตูคุยกันก็หล่นลงมาจากเตียงทันทีเมื่อได้ ยินคิบอมถามถึงเรื่องของตนและฮันกยองคืนนั้น ที่แอบฟังอยู่เนี่ยเพราะว่าเตรียมจะคิดบัญชีกับฮันกยองทีเดียว รวดเเดียว เอาให้ตายสนิท

    "เสียงไรวะ?" คิบอมถามพลางพยายามมองเข้าไปในห้อง ฮันกยองตัวแข็งแล้วก้าวมาข้างหน้าเพื่อบังไม่ให้คิบอมได้มองเห็นอะไรในห้อง นั้นก่อนจะเอ่ยปัด

    "สงสัยกระเป๋าเสื้อผ้าหล่นมั้ง ชั้นวางมันไม่ดี เออจะคุยไรค่อยคุยทีหลังแล้วกัน ขอไปอาบน้ำแต่งตัวก่อน เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน นายไปรอที่ร้านอาหารเถอะไป"

    "อือ ก็ได้ ให้ไวนะโว้ย คนเค้าอยากออกทะเลกันแล้ว" คิบอมว่าอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเดินออกไปจากกระท่อมของฮันกยองเพื่อไปกระท่อม อีกฝั่งที่ทงเฮพักเพื่อไปรับชายหนุ่มตามสัญญา

    ฮันกยองถอนหายใจอย่าง โล่งอกที่คิบอมออกไปได้เสียที เขารีบปิดประตูและลงกลอนอย่างรวดเร็ว แต่พอหันกลับไป เขาก็เจอฮีชอลในสภาพดักแด้ยืนอยู่และซัดเปรี้ยงเข้าที่หน้าของเขาเต็มๆ

    "เฮ้ย เจ็บนะเว้ย" ฮันกยองร้องเสียงดังแล้วเอามือจับคางตัวเอง ฮีชอลพยายามมองหน้าอะไรใกล้มือเพื่อจัดการทำร้ายร่างกายชายหนุ่มต่อ

    "เจ็บ เหรอ? ไอ้บ้า! แค่นี้ไม่เจ็บหรอกโว้ยยยยยยยยยยยยย แกทำอะไรชั้นเนี่ยคิดว่าชั้นไม่เจ็บหรือไง!!" ฮีชอลอาละวาดทันทีอย่างที่ฮันกยองคิดไว้ และชายหนุ่มก็รู้ว่าในเวลานี้เขาไม่ควรแรงใส่ฮีชอล ถ้าเขาไม่ปล่อยให้ฮีชอลอาละวาด เขาคงไม่มีโอกาสได้เปิดใจพูดกับฮีชอล

    "แล้วทำไมต้องทำร้ายร่างกายกันด้วย พูดกันดีๆก็ได้นี่" ฮันกยองว่าเหมือนตัดพ้อพลางจ้องร่างบางที่อยู่ในสภาพตลกๆเอามากๆ

    "พูด ดีๆงั้นเหรอ? ฮันกยอง! นายบ้าไปแล้วหรือไง!! แล้วที่นายล่วงเกินชั้น ฉวยโอกาสทำอะไรชั้น นายคิดขอชั้นดีๆด้วยหรือไงวะ ไอ้คนเลว!" ฮีชอลเม้งแตกไม่หยุด ร่างบางไม่สนใจจะฟังอะไรทั้งนั้น พอตื่นมาและรู้ตัวว่าน่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวสิ่งที่ฮีชอลได้แต่บอกตัวเอง คือเขาสาบานจะฆ่าฮันกยองด้วยมือของเขาเอง

    "นี่จะให้ชั้นบอกตรงๆไหม ฮีชอล? ถ้าชั้นบอกนายว่าชั้นขอแล้วและคนอย่างนายก็ตอบตกลงแถมยังทำเสียงหวานอ้อน ชั้นเสียขนาดนั้นจะยอมเชื่อไหมล่ะ?" ฮันกยองตอบไปตามตรงแต่คนฟังกลับหน้าแดงซ่านเพราะไม่คิดว่าคนที่ควรจะอึ้งกับ คำพูดนั้นกลับตอบกลับมาอย่างตรงไปตรงมาจนคนที่คิดจะอาละวาดถึงกับต้องหยุด ชะงักไปตั้งตัว

    "ไอ้บ้า!! นายฝันไปคนเดียวน่ะสิ ชั้นไม่ยอมให้คนอย่างนายมาแตะต้องตัวชั้นหรอก โกหกกันชัดๆ!" ฮีชอลยังคงเถียงต่อไปเพราะไม่คิดว่าตัวเองจะทำอย่างที่เจ้าตัวว่าจริงๆ ฮันกยองทำหน้าเอือมๆแล้วเกาหัวตัวเองก่อนจะตอบ

    "นี่ฮีชอล เมื่อคืนนายเมา แต่ชั้นไม่เมา โอเค? และชั้นพยายามทำทุกอย่างแล้วให้นายหยุดและพยายามแล้วที่จะไม่ทำอะไรแต่นาย เองนั่นแหละที่ทำให้มันเกิด" คนฟังยิ่งเลือดขึ้นหน้าด้วยความโกรธ รู้สึกเหมือนโดนตบหน้าเพราะเหมือนว่าตนเองเป็นคนที่กลืนน้ำลายและยุ่งกับฮัน กยองก่อน

    "นายจะหาว่าชั้นคิดสั้นปล้ำนายหรือไงห๊ะ!!!!" ฮีชอลแหกปกแล้วชีหน้าชายหนุ่ม ฮันกยองทำหน้าเหมือนไม่แครืแล้วยักไหล่ก่อนจะตอบ

    "คือ ถ้าพูดถึงตอนที่เราเริ่มต้นกันจะว่า อย่างนั้นก็ไม่ผิด แต่ตอนที่ทำอะไรๆกันจริงๆชั้นเป็นคน...โอ๊ย ฮีชอล!" ร่างสูงร้องเสียงหลงทันทีทั้งๆที่ยังพูดไม่จบแต่เนื่องจากร่างตรงหน้าเขาตรง เข้าฟาดเต็มๆที่แขนของเขาและซัดที่อกเขาไม่หยุดด้วยความโมโห

    "ไอ้คน เลว นายหยุดพูดเลยนะ อ๊ากกกกกกก ปล่อยยยยยยยยยยยยย" ฮีชอลกรีดร้องดังลั่นเมื่อเจอร่างสูงรอบตัวเข้าให้ก่อนจะถูลากถูกังพาฮีชอล ไปถึงเตียงแล้วโยนลงบนนั้น

    "โอ๊ยยยยยยย ชั้นเจ็บนะโว้ย!! ทำไมนายต้องทำร้ายร่างกายชั้นตลอดเวลาห๊ะฮันกยอง? นี่คิดว่าที่ผ่านมาทำร้ายจิตใจกันไม่พอหรือไง!" ฮีชอลหันมาสะบัดหน้าพูดใส่พร้อมดวงตากลมที่รื้นด้วยน้ำตา เขาเจ็บจริงๆที่ด้านหลังและเขาก็รู้สึกโกรธตัวเองด้วยที่ยอมให้คนคนนี้ย่ำยี ความรู้สึกและร่างกายของเขามาได้เรื่อยๆ โดยที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้เลย

    ร่าง สูงเองชะงักไปนิดเมื่อเห็นภาพที่ฮีชอลหมดสภาพและดูไร้เรี่ยวแรงที่ต่อสู้ อะไรกับเขาได้ ฮีชอลที่บอบบางตรงหน้าเขาถูกคนฮันกยองทำร้ายจิตใจมาตลอดเวลาจริงหรือ?

    "ขะ..ขอ โทษ...ชั้นไม่ได้ตั้งใจจะทำให้นายเจ็บ" ฮันกยองตอบอย่างตะกุกตะกัก แต่ใบหน้าหวานกลับหันหนีเขาเพราะไม่สามารถทนกลั้นน้ำตาไว้ได้ ฮีชอลหันหน้าไปอีกทางพลางกัดริมฝีปากตนเองไม่ให้คนที่ยืนอยู่ได้ยินเสียง ร้องไห้ของเขา

    ร่างสูงอึ้งไปทันทีเมื่อเห็นสภาพฮีชอลที่อ่อนแอซึ่ง ขัดกับภาพที่เจ้าตัวพยายามแสดงออกตลอดเวลาเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา ฮันกยองรู้สึกผิดเอามากๆและเขารู้ตัวดีว่าเรื่องเมื่อคืนไม่ใช่ความผิดของ ฮีชอลเลย เพียงแค่ถ้าเขาสามารถอดทนต่อความต้องการของตัวเองได้..ฮีชอลก็คงไม่ต้องเจ็บ ตัวและอาละวาดใส่เขาแบบนี้...แต่มันเป็นเพราะเขาเองที่ห้ามใจตัวเองไม่ อยู่..ที่ไม่สามารถทนได้จริงๆที่จะไม่คว้าโอกาสที่จะได้โอบกอดร่างเพรียวนี้ ไว้..ทั้งที่เขาอยากจะทำมานานแสนนาน

     

     




    ฮันกยองค่อยๆนั่งลงไปบนพื้นเตียง แล้วเขยิบเข้าไปใกล้คนที่หมดแรงจะสร้างภาพต่อหน้าชายหนุ่มและร้องไห้ออกมา เพราะไม่รู้ตัวว่าควรจะทำอย่างไรดี เขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนในตอนแรก เขาไม่รู้ว่าทำไมฮันกยองถึงทำอะไรแบบนี้กับเขาเป็นครั้งที่สอง เขารู้เพียงแค่ว่าเขาไม่ชอบเลยที่ตัวเองต้องมีสภาพแบบนี้ เพราะแค่ที่ผ่านมาฮันกยองก็ไม่เคยเห็นหัวเขาอยู่แล้ว แถมตอนนี้ยังมีสภาพที่ดูไร้ค่าในสายตาของชายหนุ่มอีก ฮีชอลเกลียดตัวเองเหลือเกิน..

    ชายหนุ่มเองก็ทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็น ว่าคนที่แข็งตลอดเวลาอย่างฮีชอลร้องไห้ไม่หยุดเพราะคนอย่างเขา...ภาพในวัย เด็กมันวิ่งกลับเข้ามาในหัวอย่างห้ามไม่ได้ ยามที่ฮีชอลร้องไห้คนที่ทำให้ฮีชอลหยุดร้องไห้ได้ก็คือเขา เขาจะกอดฮีชอลเอาไว้แล้วบอกว่าไม่เป็นไร..แต่ในตอนนี้แม้ในใจจะอยากทำเช่น นั้นแต่เขาก็ไม่รู้เช่นกันว่าฮีชอลจะยอมให้เขากอดหรือเปล่า

    "ฮีชอล..ไม่ เอาน่า..คนอย่างนายไม่ร้องไห้เพราะเรื่องนี้หรอก" ฮีชอลฟังแล้วรู้สึกเหมือนโดนเหยียบกว่าเดิม ร่างบางตีความคำว่าเรื่องนี้ของฮันกยองเป็นเรื่องที่พวกเขามีอะไรกัน แต่สำหรับฮันกยองแล้วเขาหมายถงตัวเขาเองต่างหาก เพราะเขาไม่คิดว่าฮีชอลจะร้องไห้เพราะคนอย่างเขา

    มือหนายื่นไปแตะที่ ไหล่มน แต่ฮีชอลก็สะบัดออกแถมยังร้องไห้ต่อโดยไม่สนใจร่างสูง ฮันกยองรู้สึกผิดยิ่งกว่าตอนที่เขาตัดสินใจเมินฮีชอลอย่างถาวรเมื่อสิบปีที่ แล้ว และหันหลังให้เพื่อนที่สนิทที่สุดในชีวิตอย่างฮีชอล

    "ฮีชอล.." ร่างสูงเรียกชื่อคนที่ร้องไห้อยู่ด้วยน้ำเสียงที่ทรมานเช่นกัน เขาไม่ได้รู้สึกดีเลยที่เห็นฮีชอลเป็นแบบนี้

    "อึก..นาย น่ะ..นายน่ะสะใจแล้วไม่ใช่เหรอ! ดีใจไม่ใช่เหรอที่ทำให้ชั้นเป็นแบบนี้ได้ นายเกลียดชั้นมากไม่ใช่เหรอ!!" ฮีชอลว่าทั้งๆที่น้ำตานองหน้า พอได้ร้องไห้มันก็เหมือนกับว่าสิ่งที่ถูกอัดและถูกเก็บเอาไว้ตลอดเวลาหลายปี ที่ผ่านมาระหว่างเขาและฮันกยองมันก็ระเบิดออกมาในตอนนี้ จะทำให้หยุดร้องไห้..คงเป็นไปไม่ได้...เพราะความรู้สึกเจ็บปวดเพราะคนที่ทอด ทิ้งเขาและเปลี่ยนไปอย่างฮันกยอง...มันทำร้ายฮีชอลทุกวันๆ จนในตอนนี้ฮีชอลรู้สึกเกินจะทนไหวแล้ว

    ร่างสูงทนไม่ไหวแล้วจริงๆที่ จะต้องตีหน้าทำตัวเหมือนไม่แคร์ความรู้สึกของฮีชอล เขายิ่งเห็นร่างบางเป็นเช่นนี้ เขายิ่งทนไม่ได้เช่นกัน..

    ฮันกยองดึงร่างบอบบางที่หมดสภาพเข้ามากอดแน่นเหมือนตอนเด็กๆที่เขามักจะกอดฮีชอลเวลาที่ร้องไห้ พร้อมพึมพำบอก

    "ฮีชอล ชั้นขอโทษ...ชั้น..ไม่ได้เกลียดนายเสียหน่อย" คนถูกกอดตกใจมากที่อยู่ดีๆคนข้างๆตัวถึงได้กล้าดึงเขาเข้าไปและกอดเสียแน่น ฮีชอลอึ้งและตัวแข็งทื่อแต่พอได้สติร่างบางก็ออกฤทธิ์ด้วยการดันตัวออก จากร่างแกร่งทันที

    "อย่ามาโกหกชั้น นายสนุกใช่ไหมที่ได้แกล้งชั้นแบบนี้ ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ!" ฮีชอลตวาดลั่นแต่ฮันกยองเองก็ยังไม่ยอมแพ้ที่จะอธิบายให้ฮีชอลเข้าใจจริงๆ ว่าเขาไม่ได้นึกเกลียดฮ๊ชอลอย่างที่เจ้าตัวคิด

    "ชั้นพูดจริงก็หาว่า โกหก นายต้องการอะไรจากชั้นกันแน่เนี่ยฮีชอล" ร่างสูงเริ่มมีน้ำโหเหมือนกัน เพราะว่าเขาเองพยายามเข้าหาฮีชอลอย่างจริงใจแต่คนตัวเล็กกลับตั้งแง่กับเขา ทันที

    "เหอะ ใครจะไปเชื้อน้ำลายคนอย่างนายห๊ะ? คราวนี้ตั้งกล้องไว้ตรงไหนล่ะ? พอนายกล่อมให้ชั้นเชื่อนายได้แล้วทำตัวเหมือนไอ้โง่ นายก็จะเอาไว้แบล็คเมล์ชั้น เอาไว้ให้คนอื่นดูทำให้ชั้นเป็นตัวตลกใช่ไหม!! เหมือนไอ้คราวนั้นที่คนเลวๆอย่างนายกล้าทำกับชั้นแบบนั้น!!" ฮีชอลโกรธหนักกว่าเดิมเมื่อพูดถึงเหตุการณ์คราวที่แล้วที่ฮันกยองแอบตั้ง กล้องถ่ายวีดีโอตอนที่พวกเขามีอะไรกันไว้ แม้เจ้าตัวจะไม่รู้ว่าชายหนุ่มไม่ได้ตั้งใจจะอัดทุกฉากทุกตอนแบบนั้น แต่ฮีชอลก็รู้สึกแย่มากๆที่ถูกกระทำเช่นนั้น มันเหมือนกับว่าเขาเป็นตัวตลกให้คนอื่นหัวเราะเล่น

    "นี่ฮีชอล ชั้นไม่ได้ตั้งกล้องบ้าๆอะไรนะคราวนี้ เพราะชั้นไม่ได้อยากจะแกล้งนาย แล้วไอ้คลิปที่อัดไปนั่นชั้นก็ไม่เคยให้ใครดูด้วย!" ฮันกยองบอกเสียงแข็งทั้งที่พยายามจับตัวร่างเพรียวเอาไว้แน่น เขาไม่ค่อยพอใจเหมือนกันที่ฮีชอลเอาแต่ตั้งแง่ให้เขา ไม่พยายามมองเลยเขาเองพยายามที่จะอธิบายให้ตนเข้าใจอยู่

    "อะไร! ใครจะไปเชื่อ นายจะบอกชั้นว่าที่นายทำอะไรชั้นเมื่อคืนเพราะว่านายจงใจหรือไง!" ฮีชอลเอ่ยสบประมาทเพื่อทำให้ฮันกยองหุบปากแต่แล้วคำตอบของชายหนุ่มเองก็ทำ ให้เขาอึ้งไปอีกรอบ

    "เออ ใช่ ชั้นจงใจและชั้นตั้งใจทำด้วย" ดวงตากลมโตแถบถลนออกจากเบ้าเมื่อได้ฟังประโยคนั้น ร่างบางนิ่งไปทันทีแต่แล้วก็เริ่มอาละวาดด้วยความโกรธต่อ

    "ไอ้ฮัน กยอง! คนอย่างนายเห็นชั้นเป็นอะไรวะห๊ะ? คิดจะทำอะไรได้ก็ทำเหรอ จะทำร้ายจิตใจ ทำร้ายกันโดยไม่สนใจความรู้สึกของชั้นบ้างเลยหรือไง!"

    ฮันกยองเองก็เหนื่อยกับคนที่ไม่พยายามจะฟัง ร่างสูงถอนหายใจก่อนจะตอบไปตามตรง

    "ไม่ใช่ว่าชั้นไม่สนความรู้สึกนาย แต่ชั้นทนความรู้สึกตัวเองที่มีต่อนายไม่ได้ นายเข้าใจบ้างไหม"

    ฮีชอล รู้สึกเหมือนตัวเองขนลุกซู่ไปทั่วตัวเมื่อฟังประโยคกำกวมนั้น ดวงตากลมโตมองหน้าฮันกยองด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจ ชายหนุ่มเองก็ได้แต่ถอนหายใจก่อนจะยอมลอทิฐิตนเองลงแล้วเอ่ยสารภาพ

    "นาย เอาแต่หาว่าชั้นไม่เคยสนใจ ไม่เคยแคร์ความรู้สึกนายน่ะ แล้วในทางกลับกันนายเคยสนใจชั้นบ้างหรือเปล่า ต่อให้เราเลิกเป็นเพื่อนกันแล้วใช่ว่าชั้นจะต้องเลิกสนใจนายด้วยนี่"

    "นาย ไม่เข้าใจหรือไงว่าชั้นแสดงออกไม่เป็น แล้วนายเองก็ขีดเส้นกั้นระหว่างพวกเรามานานแล้ว นายต่างหากที่เป็นคนเกลียดชั้น ทั้งๆที่ชั้นไม่เคยพูดสักคำว่าชั้นเกลียดนาย" ฮันกยองตัดพ้อเล็กๆถึงความสัมพันธ์ที่เลือนลางของพวกเขาทั้งสองคน ฮีชอลมองหน้าคนที่พูดอยู่ด้วยน้ำเสียงหม่นๆ แต่เจ้าตัวก็ยังไม่ยอมเชื่อคนข้างหน้าอยู่ดี

    "เหอะ ปากบอกไม่ได้เกลียดชั้น แต่การกระทำของนายแต่ละอย่างตลอดสิบปีที่ผ่านมา นายจะให้ชั้นโง่เป็นควายเชื่อเหรอว่านายยังสนใจชั้น ยังเห็นชั้นเป็นเพื่อนอยู่หรือไง!"

    "นายเองต่างหากไม่ใช่เหรอที่ทิ้ง ชั้นไว้แบบนี้ นายเองไม่ใช่เหรอที่บอกชั้นว่าจะไม่ยุ่งกับชั้นอีกแล้ว!!!" ฮีชอลตะโกนใส่หน้าร่างสูงด้วยความเหลืออด ฮีชอลยังงจำได้ถึงความรู้สึกทรมานทุกครั้งที่นึกภาพเมื่อสิบปีก่อน ในวันที่ฮันกยองพูดประโยคนี้กับเขาในสวนสาธารณะข้างๆโรงเรียน แม้ว่าเขาจะรู้ตัวว่าเอาแต่ใจเกินไป...แต่คำพูดที่รุนแรงและการกระทำที่ทำ เป็นไม่สนใจเขา...มันเจ็บมากกว่าคำพูดนั้นอีก

    "โธ่ ฮีชอล ตอนนั้นชั้นยังเด็กนะ คนเราทุกคนเกิดมาต้องมีเพื่อนร่วมโลก และคนเราก็มีเพื่อนคนเดียวไม่ได้ด้วย การที่ชั้นไม่ได้อยู่กับนายตลอดเวลามันไม่ได้หมายความว่าชั้นต้องเลิกเป็น เพื่อนกับนายนี่นา มันเป็นนายเองต่างหากที่ไม่ยอมฟังชั้น" ฮันกยองยกเหตุผลเดิมของตนขึ้นมาสู้ แต่ฮีชอลกลับหันหน้าหนี เพราะเขาไม่อยากจะฟังแล้ว

    "ใช่..ชั้นเคยคิดแบบนั้น ชั้นเคยคิดว่าในโลกใบนี้..ชั้นมีนายเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวก็พอแล้ว..แต่ตอน นี้ชั้นเข้าใจแล้วว่าตอนนั้นชั้นเด็กเกินไป.." ฮีชอลเอ่ยทั้งๆที่มองไปทางอื่น เขาไม่อยากจะมองหน้าคนตรงหน้าเลย ฮันกยองเองก็ใจขื้นขึ้นมาเพราะคิดว่าฮีชอลน่าจะเข้าใจเขาบ้างแล้ว

    "..ชั้น เข้าใจแล้วแหละว่า คนอย่างนาย..แค่ไม่มีค่าพอจะเป็นโลกทั้งใบให้ชั้นได้" ฮีชอลว่าแล้วสะบัดตัวเองออกจาการเกาะกุมของชายหนุ่ม ฮันกยองอึ้งไปและถึงกับพูดไม่ออกทีเดียวเมื่อได้ฟังประโยคนี้ ชายหนุ่มที่จุกกับประโยคนั้นพยายามคิดทบทวนจนไม่ได้สนใจเลยว่าฮีชอลนั้นขืน ตัวออกจากอ้อมกอดเขาไปทั้งน้ำตา ก่อนจะลงจากเตียงไปควานหาเสื้อผ้าของตนมาใส่ลวกๆแล้วรีบวิ่งออกไปจากห้องของ ชายหนุ่มทันที ทิ้งให้ฮันกยองยังคงทบทวนคำคำนั้นในหัว







    ใบ หน้าหวานบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อถูกทิ้งให้รอคนที่นัดเขาไว้เกือบสามสิบ นาที ฮีชอลนั่งบนชิงช้าแล้วไกวตัวไปมาในขณะที่มือยังกำโซ่แน่น เขากำลังตัดสินใจให้โอกาสเพื่อนสนิทของเขาเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว...ครั้งสุด ท้ายแล้วที่เขาจะยอมให้ตัวเองรู้สึกโดดเดี่ยวและถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวแบบ นี้

    ฮีชอลได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ จึงรีบเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะถึงแม้ว่าจะโกรธฮันกยองมาก แต่เมื่อใดก็ตามที่ชายหนุ่มกลับมาเล่นกับเขา ฮีชอลก็ยังใจอ่อนเสมอแม้ว่าจะทำตัวงี่เง่าไปตามประสาของเด็กชายฮีชอล

    แต่ แล้วใบหน้าสวยก็ต้องผิดหวังและเริ่มดุดุนขึ้นเมื่อเห็นว่าคนที่ปรากฏตัวคือ เด็กห้องแปดที่ชอบมาแกล้งเขา เนื่องจากฮีชอลหน้าตาเเหมือนเด็กผู้หญิงซ้ำยังเป็นคนเงียบๆ ไม่ยุ่งไม่สุงสิงกับใคร ทำให้ฮีชอลตกเป็าเป้าหมายให้พวกเด็กๆอันธพาลในวัยซนกลั่นแกล้งเสมอ..แต่ทุก ครั้งเขาจะมีฮันกยองคอยปกป้องอยู่ข้างตัว..แต่ตอนนี้คนคนนั้นกลับไม่ค่อยได้ อยู่กับเขาแล้ว...ตั้งแต่มี..เพื่อนใหม่..

    "โอ้โห คุณหนูคิมฮีชอล ทำไมต้องมานั่งเหงาอยู่คนเดียวแบบนี้ซะล่ะ ไอ้ข้าทาสนายมันหายไปไหน" เสียงจากเด็กตัวอ้วนกลมหัวโจกของกลุ่มดังขึ้นพลางทำหน้าเยาะเย้ยฮีชอล ลูกสมุนอีกคนที่ผอมโซได้ที่รีบผสมโรง

    "สงสัยโดนทิ้งแล้วมั้ง ก็แค่เพื่อนเก่า แต่นิสัยยังเสีย เอาแต่ใจ คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าชาย"

    "ฮัน กยองไม่ใช่ข้าทาสของชั้นนะ เขาเป็นเพื่อนสนิทชั้นแล้วก็เป็นองครักษ์พิทักษ์ชั้นจากคนนิสัยไม่ดีอย่าง พวกนายนั่นแหละ กลับไปซะ ก่อนที่ชั้นจะโมโห" ฮีชอลตะโกนใส่หน้าเด็กชายทั้งสามคน

    เจ้าเด็กคนสุดท้ายที่ตัวสูงกว่าใครเพื่อนหัวเราะด้วยน้ำเสียงน่าเกลียดก่อนจะเอ่ย

    "หรือ คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงกันแน่ ฮ่าๆๆๆ นี่ละน้าหยิ่งเกินไป จนไม่มีใครคบ พอคนที่ทนคบเป็นเพื่อนกับนายได้ ไม่อยู่แล้วก็ไม่ต่างจากหมาหัวเน่าดีๆ"

    ฮีชอล โกรธจนตัวสั่น รู้ตัวอีกที ฝ่ามือเล็กก็ปาก้อนหินในมือใส่เด็กพวกนั้นไปแล้วทันที เด็กทั้งสามตกใจเพราะไม่คิดว่าฮีชอลจะฮึดสู้ก็โมโหเช่นกันและตรงเข้าไปจะทำ ร้ายฮีชอลตัวเล็กๆที่ยืนโกรธจนตัวสั่นคนเดียว

    แต่ยังไม่ทันที่ทั้ง สามคนจะมาถึงตัวร่างเล็ก คนที่พวกนั้นพูดถึงก็วิ่งปราดเข้ามาแทรกระหว่างพื้นที่ที่ทั้งสามกำลังตรง เข้ามาเพื่ออัดฮีชอล แม้ว่าจะตัวไม่ใหญ่เหมือนเจ้าตัวหัวโจกแต่เด็กหนุ่มชาวจีนที่ผอม สูงเองก็รู้วิชาป้องกันตัวที่เคยเรียนมาพอที่จะเอาไว้ใช้ตีกับเด็กอันธพาง พวกนี้

    ฮันกยองโดนหมัดที่เจ้าอ้วนเตรียมจะซัดใส่หน้าฮีชอลอัดเข้า เต็มๆแต่เขาก็สู้กลับจนเจ้าเด็กนั่นล้มไปไม่เป็นท่า พร้อมหันไปรับมือกับลูกสมุนทั้งสองจนเด็กอันธพาลปอดแหกพวกนั้นกลัวไม่กล้า ยุ่งด้วย เพราะรู้ว่าฮันกยองนั้นเวลาที่เอาคืนนั้นกัดไม่ปล่อยอย่างกับหมาบ้าดีๆนี่ เอง

    หลังจากที่เด็กหนุ่มจัดการคนที่มาแกล้งฮีชอลได้แล้ว ฮันกยองก็วิ่งกลับไปหาร่างบอบบางของฮีชอลที่ยืนสั่นอยู่ เขารู้ว่าฮีชอลกลัวแค่ไม่แสดงออก

    "ฮีชอล ฮีชอลเป็นอะไรหรือเปล่า?" ฮันกยองถามเพื่อนสนิทของตน แล้วจับที่ข้อมือเล็กด้วยความเป็นห่วง ดวงตากลมโตบนใบหน้าหวานเงยขึ้นจากพื้นแล้วมองใบหน้าฮันกยองด้วยแววตาที่ไหว ระริกด้วยความน้อยใจและหวาดกลัว

    "นายหายไปไหนมา! ชั้นรอนายนานแค่ไหนแล้วนายไม่รู้หรือไง!" ฮีชอลอาละวาดใส่ ไม่ได้สนใจตอบคำถามของฮันกยองแม้แต่นิดเดียว เด็กหนุ่มเองแม้จะรู้ตัวว่ามาช้า แต่ก็ไม่เห็นว่าฮีชอลควรจะโกรธเขาขนาดนี้เลย แถมเขายังเพิ่งช่วยจัดการเจ้าเด็กที่จะมารังแกฮีชอลด้วย แม้แต่ขอบคุณสักคำยังไม่เห็นมี

    "ชั้นขอโทษที่มาช้า.." ฮันกยองที่แก่เกินตัว ตอบนิ่งๆแทน ท่าทางของเด็กวัยสิบเอ็ดของฮันกยองนั้นไม่ต่างจากเด็กวัยรุ่นเท่าไหร่ และเขาก็รู้ตัวว่าค่อนข้างดูโตกว่าเด็กในวัยเดียวกัน ในขณะที่ฮีชอลที่อายุน้อยที่สุดในชั้นทำตัวเด็กกว่าวัยตัวเองเช่นกัน

    "ก็ บอกแล้วว่าไปเล่นบาสกับพวกซีวอนมา ชั้นบอกให้นายไปเล่นด้วยกัน นายก็ไม่ไปเอง" ฮันกยองอธิบาย แต่นั่นยิ่งทำให้ฮีชอลโมโหหนักกว่าเดิม เพราะมันตรงกับคำพูดของพวกนั้นที่ว่าฮันกยองทิ้งเข้าไปมีเพื่อนใหม่แล้ว

    "ชั้น ไม่ชอบเล่นบาส จะกีฬาบ้าอะไรชั้นก็ไม่ชอบ" ฮีชอลเอ่ยพาลๆตามประสาคนเอาแต่ใจ ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน ฮันกยองก็จะปลอบเขาและยอมตามใจเขาไม่ว่าอะไรก็ตามเพื่อให้เขาหายโกรธ แต่นับตั้งแต่ที่เพื่อนสนิทเขาไปเจอเพื่อนใหม่ที่โรงเรียนกวดวิชาและเริ่มไป เล่นบาสกัน ฮีชอลยิ่งรู้สึกเหมือนถูกทิ้ง

    "ชั้นก็บอกแล้วว่าถ้าไม่เล่นไปนั่งดูชั้นเล่นก็ได้นี่นา" ฮันกยองยังคงยืนยันประโยคเดิมที่เจ้าตัวเคยบอกไว้แต่ฮีชอลกลับไม่ยอมฟัง

    "นายเห็นแก่ตัวนี่ นายจะเอาชั้นไปทิ้งไว้ตรงนั้นแล้วลงไปเล่นสนุกกับพวกเพื่อนใหม่ของนาย ชั้นจะไปทำไม!"

    "อะไร กันฮีชอล ใครกันแน่ที่เห็นแก่ตัว" ด้วยความที่ยังไงเด็กน้อยก็คือเด็กวันยังค่ำ ฮันกยองจึงเผลอหลุดปากคำพูดที่ทำร้ายจิตใจกันออกมา เขารู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ แต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมฮีชอลถึงไม่ยอมเข้าใจและฟังเหตุผลเขาบ้าง

    ร่างเล็กเดินเข้ามาแล้วผลักอกเขาด้วยความโกรธก่อนจะตะโกนลั่น

    "เอ๊อ! ใช่สิ! ชั้นมันคนเห็นแก่ตัวนี่ ชั้นมันนิสัยไม่ดีนี่ ชั้นไม่มีใครคบ ไม่มีเพื่อน มีแต่นายคนเดียว ชั้นไม่เหมือนนายนี่ที่พร้อมจะมีเพื่อนใหม่เยอะแยะเต็มไปหมดจนลืมสนใจ เพื่อนอย่างชั้น เอ๊อ! ใช่สิ! ชั้นมันตกกระป๋องไปแล้วใช่ไหม นายไม่สนใจไม่แคร์ชั้นแล้วใช่มั้ยล่ะ!!!

    ฮันกยองนิ่งไปทันทีเมื่อเจอ พายุชุดใหญ่ของฮีชอล เขาไม่เข้าใจความคิดนี้ของฮีชอลเท่าไหร่กับการมีเพื่อนเพียงคนเดียว เพราะคนเรายังไงก็ไม่มีทางอยู่ได้คนเดียวและเพื่อนอีกคนคนเดียวก็ไม่ต่างกัน และเขาก็เป็นแค่เด็กที่อยากจะมีเพื่อนเหมือนคนทั่วไป แม้ว่าเขาเองจะแคร์และรักฮีชอลมากที่สุดแต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ยอมเข้าใจ อะไรเลย

    "ชั้นไม่เคยไม่แคร์และไม่สนใจนายนะฮีชอล นายก็รู้ว่านายคือเพื่อนสนิทที่สุดของชั้น" ฮันกยองเอ่ยตอบเรียบๆ แต่ฮีชอลยังไม่พอใจและพร้อมอาละวาดต่อ

    "นี่เหรอไม่เคยไม่สนใจ แล้วที่ทำอยู่ไม่ใช่หรือไงห๊ะ" เด็กหนุ่มเกาหัวด้วยความเบื่อที่จะพูดกันเรื่องเดิมๆ

    "ฮีชอล ถ้านายยังไม่เลิกคิดมากและพาลไม่หยุด ชั้นก็จะไม่สนใจนาย ไม่ยุ่งกับนายแล้วนะ" ฮันกยองลองใช้ไม้แข็งเข้าสู้บ้างเพื่อยอมให้ฮีชอลอ่อนข้อให้ตนบ้าง ไม่ใช่มีแค่ตนที่ยอมให้ฮีชอลเสมอ แต่เพราะเขาคงเด็กเกินไปที่ไม่รู้ว่ามันเป็นการใช้ที่ผิดเวลา

    "จริงๆ แล้วนี่คือสิ่งที่นายต้องการใช่ไหม..นายไม่อยากเป็นเพื่อนกับชั้นแล้วใช่ไหม ล่ะ" ฮีชอลเอ่ยพร้อมน้ำตาแต่ฮันกยองเองก็หัวเสียเกินกว่าจะเข้าไปปลอบเหมือนแต่ ก่อนได้

    "นี่ฮีชอล หยุดงี่เง่าน่า ชั้นจะไปอยู่จีนอาทิตย์หน้าอยู่แล้วนายก็รู้ ทำไมพวกเราไม่เล่นกันสนุกๆเหมือนเมื่อก่อนล่ะ" ฮันกยองเอ่ยด้วยน้ำเสียงเซ็งๆแต่นั่นยิ่งทำให้ฮีชอลรู้สึกร้าวรานมากว่าเดิม เพราะที่ผ่านมาเขาต้องทนเห็นเพื่อนคนเดียวไปมีเพื่อนใหม่แล้วลืมเขา ไว้...แถวคนคนนั้นกำลังจะจากเขาไปถาวรเพื่อไปเรียนต่อที่ประเทศบ้านเกิด...

    "ก็ เพราะนายจะไปจีนอยู่แล้วในไม่กี่วันนี่ไงล่ะ ชั้นถึงบอกว่านายไม่ได้จะสนใจชั้นเลย ทั้งๆที่นายจะไปอยู่แล้วนายกลับไม่ให้เวลากับชั้น ไม่สนใจชั้น!!"

    "ฮีชอล ชั้นไม่ได้มีนายเป็นเพื่อนคนเดียวนะ ชั้นก็ต้องแบ่งเวลาให้คนอื่นบ้าง" คำพูดของฮันกยองมันทำให้คนที่ไม่มีใครในโลกใบนี้ตั้งแต่เด็กอย่างฮีชอล รู้สึกเหมือนถูกปลิดลมหายใจ ร่างเล็กแทบจะทรุดลงเมื่อได้ฟังประโยคนั้น

    "ถ้า อย่างนั้น นายก็อย่ามีเพื่อนอย่างชั้นเลยละกัน" ฮีชอลกัดฟันพูดเพียงเพื่อหวังว่าฮันกยองจะยอมเข้ามาง้องอน แต่ในสถานการณ์ตอนนี้ที่ฮันกยองเองก็ทั้งเบื่อทั้งเซ็งที่ฮีชอลไม่ฟังเขา บ้างเลยทำให้ชายหนุ่มตอบไปอย่างไม่ใยดี..แม้ว่าเจ้าตัวจะมารู้สึกผิดอย่าง มากในภายหลังก็ตาม

    "ก็ได้ งั้นชั้นไม่ยุ่งกับนายละ" ว่าแล้วก็เดินจากไปจากชิงช้าคู่นั้นที่พวกเขามักจะมานั่งเล่นด้วยกันทุกวัน ตอนเย็นเพื่อรอให้คนที่บ้านฮันกยองมารับกลับไปที่คฤหาสน์ของชายหนุ่มและพ่อ ของฮีชอลค่อยมารับฮีชอลอีกที

    ในเวลานั้นคนที่ถูกทิ้งไว้ในสวนสาธารณะที่เต็มไปด้วยความทรงจำและความว้าเหว่ก็คือคิม ฮีชอล..คนเดียว...



    "ม๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย" ร่างบางตะโกนลั่นห้องน้ำเมื่อนึกถึงเรื่องเก่าๆ ภาพเก่าๆที่ยังคงวนเวียนอยู่ในความทรงจำของตนไม่หายไปไหน ทั้งที่พยายามฝังมันไว้ให้ลึกที่สุดเท่าที่ทำได้เพื่อที่จะไม่ให้มันกลับมา ทำร้ายตัวเอง.. เขาโกรธฮันกยองมาก มากจนเกลียดชายหนุ่มได้จนตาย...แต่ทำยังไง..เขาก็เกลียดฮันกยองไม่เคยได้ เลย...ไม่แม้แต่วินาทีเดียวที่ปากเขาพยายามเกลี้ยกล่อมให้ทุกคนและตัวเอง เชื่อว่าตัวเขาเองเกลียดและไม่อยากอยู่ร่วมโลกกับฮันกยองมากแค่ไหน..

    ....ฮีชอล รู้ดีแก่ใจตัวเอง..ว่ายังไงเสีย..สิ่งที่เขาออกปากว่าไม่สนและเกลียด..มัน คือสิ่งที่เขาอยากได้และต้องการกลับมาที่สุดในชีวิต..แต่ร่างบางจะไม่มีทาง ทำตัวอ่อนแอ คุกเข่าขอร้อง ขอให้คนนั้นเดินกลับมาที่เดิม แต่เขาจะอยู่ตรงนี้ ตรงที่เดิมที่คนคนนั้นจากไป แม้ว่าในใจจะเจ็บปวดมากแค่ไหนก็ตาม..

    ฮีชอลกอดตัวเองและร้องไห้อยู่ ใต้ฝักบัวเหมือนต้องการชะล้างทุกสิ่งทุกอย่างที่ถูกตีกลับขึ้นมาในหัวของ ตน..และเขาอยากจะล้างทุกรอยสัมผัสที่ฮันกยองประทับไว้บนตัวเขาที่ราวกับตี ตราเป็นเจ้าของ..เขาไม่เข้าใจฮันกยองเลย...ไม่เข้าใจฮันกยองเลยจริงๆว่าทำไม ถึงได้กล้าทำอะไรอย่างนั้นกับเขาทั้งที่เขาไม่รู้สึกตัว..ทำไมถึงได้พยายาม ทำร้ายจิตใจกันแบบนี้..

    ร่างเพรียวได้แต่เหม่อมองเพดานพลางภาวนาให้ สักวันหนึ่งในอีกไม่นานนี้ ตัวเขาจะไม่ต้องพบเจอกับคนอย่างฮันกยองไป..จะได้ไม่ถูกคนใจร้าย..ทำร้าย หัวใจกันอีกต่อไป

    T.B.C.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×