คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #32 : บ๊ายบาย ฮาวาย~
“ไม่ลืมอะไรแล้วใช่มั๊ย” พี่ชายคนโตถามหลังจากที่กำลังจะเดินไปเช็คเอ๊าท์ (วิท เคย์โตะ)
“อืม ไม่แล้วเนอะ ไดจัง” ยามะจังหันไปถามเพื่อนซี้ที่ยังคงกำลังนั่งแกะถุงถั่วกินอยู่ข้างๆ
“นายเอาเค้กที่ชั้นแช่ไว้ในตู้เย็นออกมายังล่ะ” ไดกิเงยหน้ามาถาม หลังจากนั่งนึกอยู่ซักแป๊บ
“เอาออกมาแล้ว นี่ไง” คนตัวอวบยกมือที่ถือกล่องเค้กอยู่ขึ้นมาให้ดู
“อ่อ งั้นก็ไม่มีแล้วล่ะ” ไดกิเช็คคำตอบก่อนจะก้มลงไปแกะถุงถั่วต่อ ทำไมมันแกะยากจังฟระ
“อิโนะจัง แล้วห้องเราล่ะ” ยูโตะถาม
“ชั้นเช็คเรียบร้อยแล้วไม่มีๆ” อิโนะจังที่กำลังยืนนับกระเป๋าเช็คของของทุกคนอยู่ตอบ ยูโตะพยักหน้าก่อนจะรายงานยาบุคุง
“โอเค แล้วพวกนายล่ะ” ยาบุหันไปถามเจ้าของห้องที่เหลือ
“เมื่อเช้าชั้นตื่นมาเช็คแต่เช้า ไม่มีแล้วล่ะ” ชี่บอกอย่างร่าเริง
“เอ๊ะ นายตื่นทีหลังชั้นไม่ใช่หรอ” ทาคาคิ งง ก็เขายังปลุกชี่อยู่เลยนี่นาตอนเช้าน่ะ
“ชั้นตื่นก่อนยูยะแล้วไปเช็คของน่ะ แล้วก็กลับไปนอนต่อ”
“อ๋อ อย่างงี้นี่เอง”
“แฮมทาโร่ไม่ลืมอะไรแล้วนะ” เคย์โตะหันมาเช็คความแน่ใจกับคนห้องเดียวกันมั่ง ทำเอาเจ้าหนูน้อยทำหน้าเบ้ใส่
“จะลืมได้ไง ก็นายเป็นคนเก็บของให้ชั้นเองนี่” นายจำไม่ได้รึไง! ถามตัวเองสิ ว่าเก็บมาครบรึเปล่า!
“อ่อ เออนั่นสิ งั้นครบแล้วมั้ง” เคย์โตะลอยหน้าลอยตาตอบ ทำเอาคนข้างๆอยากวิ่งไปกระโดดถีบ
จะกวนตรีนไปถึงไหน - -*
“งั้นโอเคแล้วนะ เคย์โตะไปเช็คเอ้าท์กัน” ยาบุพยักหน้าแล้วก็พาเคย์โตะไปที่เคาท์เตอร์
ไม่นาน พวกเราทุกคนก็เดินออกมาจากโรงแรม ก่อนจะขึ้นรถมุ่งหน้าไปสู่ สนามบิน อันที่จริงเราก็แวะเที่ยวกันตามทางแหละฮะ แต่พี่โซลบอกว่าให้จิ้นกันเอาเองละกัน เพราะขี้เกียจพิมพ์ แล้วก็ขี้เกียจคิดด้วย ว่าแต่ ‘จิ้น’ คืออะไรฮะ (รีดเดอร์ : อย่ารู้เลย รู้แล้วจะหนาวเอาเปล่าๆ หึหึ) เห มันน่ากลัวขนาดนั้นเชียว งั้นช่างมันเหอะ เรื่อยมาเรื่อยๆ ก็มาถึงที่สุดท้ายฮะ รู้สึกว่าจะเป็นน้ำตกอะไรซักอย่าง จากตรงนี้แค่ชั่วโมงเดียวก็ถึงสนามบินแล้วพวกเราเลยแวะเที่ยวกันเป็นที่สุดท้าย
ระหว่างทางเดิน
“ยูยะ~ ระวังนะ ทางมันลื่นน่ะ” คุณคงคิดสินะฮะ ว่า ทาคาคิคุงซึ่งตัวใหญ่กว่าควรจะเป็นคนนำทาง? แต่สลับกันนี่ชี่เป็นคนพาทาคาคิคุงเดินฮะ - - คงเพราะว่าเขาตัวเล็ก แล้วก็คล่องตัวอยู่แล้ว ผิดกับทาคาคิคุงที่ไม่ค่อยออกกำลังซักเท่าไหร่ เลยทุลักทุเลอย่างมากเวลาเดินขึ้นเขา (ที่พื้นเปียกๆตะไคร่น้ำ)
“อ๊ะๆ เหวอ!” เอ๊า ทาคาคิคุงลื่นจนได้! โชคดีที่มีเชือกนำทางอยู่ฮะ เขาก็เลยเกาะได้ไว้ทัน
“ระวังหน่อยสิ ก็บอกว่ามันลื่นไง จับมือชั้นไว้นะ” ชี่ยื่นมือไปให้จับ ทาคาคิคุงลังเลอยู่แป๊บนึงก่อนจะจับมือนั้นเอาไว้
“ขอโทษนะ นี่ถ้าทางไม่ลื่นชั้นคงอุ้มนายขึ้นไปถึงข้างบนแล้วเนี่ย” ทาคาคิคุงบอก พูดซะขนาดนั้นชี่คงเขินแย่เลย =///=
“บ้า! ถึงไม่ลื่นชั้นก็เดินเองได้น่า พะ พูดอะไรก็ไม่รู้” เขินใหญ่เลยจริงๆด้วยแฮะ
“ก็ชั้นเป็นห่วงนายนี่ ตอนนี้ชั้นต้องให้นายช่วยก่อนละกัน เดี๋ยวขากลับตรงอีกทางชั้นอุ้มนายลงไปเอง” ทาคาคิคุงยิ้มแล้วก็สัญญากับชี่ เพราะว่าทางลงอยู่คนละด้าน แล้วก็ไม่ลื่นเท่าไหร่ เพราะอยู่คนละฝั่งกับน้ำตกเลยไม่ชื้นน่ะ ที่ผมรู้เพราะว่าเคย์โตะยืนอ่านป้ายให้ฟังเมื่อกี้ ผมไม่มีปัญญาไปอ่านเองหรอก แน่นอน สมาชิกคนอื่นๆก็เช่นกัน เพราะงั้นผมไม่ได้โง่นะ =3=
“แฮมทาโร่~” นินทา? ไม่ได้เท่าไหร่ มันก็มาอีกและ - -
“อะไรอีกล่ะ” ผมหันไปตอบมันแบบรำคาญนิดๆ ถึงเมื่อคืนบรรยากาศจะดีมากมายก็เหอะ แต่ตั้งแต่เช้ามามันก็กวนผมตลอดเลย ชักเริ่มหมั่นไส้มันอีกแล้วสิ
“ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้นด้วยล่ะ ไม่น่ารักเลย”ว่าผมหรอ - -*
“ก็นายกวนชั้นมาตั้งแต่เช้าแล้วอ่ะ จะให้ทำหน้าร่าเริงไง้” ผมเลยใส่กลับไปซักดอก
“โหๆ แค่ล้อเล่นนิดเดียวเอง งั้นไม่กวนแล้วๆ แค่จะถามว่าเหนื่อยมั๊ยแค่นั้นเอง จะได้บอกให้ไกด์เขาหยุดพักน่ะ”
อ้าวเป็นห่วงผมนี่เอง งั้นยกโทษให้ก็ได้~
“อ๋อ อืม ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้เอง” ผมเลยหันไปบอกเค้าแบบยิ้มๆให้เขาหายเป็นห่วงผม
“แน่ใจนะ เป็นห่วงอ่ะ เห็นเอ่อ…เมื่อคืนแฮมทาโร่บอกว่ายังเจ็บอยู่ ///” เคย์โตะอ้ำอึ้ง จนผมเขินเลยฮะ โหย มันก็ไม่ได้เจ็บเท่าไหร่หรอก แต่จะปฏิเสธว่าหายแล้วเลยก็ไม่ได้
“เอ่อ /// ก็นะ นิดๆแหละ ทนได้ไม่เป็นไรหรอก” ผมตอบแล้วก็หันไปเดินต่อ มันอายอ่ะ เรื่องแบบนี้
“แน่ใจนะ ชั้นรู้สึกผิดจังเลย” เคย์โตะก้มหน้าเศร้า ทำเหมือนเป็นความผิดของตัวเองทั้งหมด แต่ก็นะ จริงๆแล้ว
ผมเป็นคนยอมเองไม่ใช่หรอ เคย์โตะไม่ผิดซักหน่อย เขาก็แค่ขออย่างเดียวเอง =////=
“ไม่เป็นอะไรจริงๆ แล้วนายก็ไม่ต้องรู้สึกผิดด้วย เข้าใจยัง ไปต่อได้แล้ว” ผมพยายามบอกให้เค้าสบายใจ แล้วเร่งให้เดินกันต่อ เพราะตอนนี้เราสองคนกำลังเดินรั้งท้ายคนอื่นอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ซะแล้วล่ะฮะ
“จริงนะ” ยังไม่เลิกอีก ผมเลยถอนหายใจเฮือกนึง ก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือข้างนึงที่ไม่ได้จับเชือกไปจับมือเคย์โตะขึ้นมา แล้วพาเขาเดินต่อไป ผมก็มีส่วนผิดที่ทำให้เคย์โตะลำบากใจด้วยเหมือนกัน เพราะงั้นผมก็ต้องรับผิดชอบด้วยสิ
=///= เคย์โตะยิ้ม มองหน้าผมสลับกับมือ ทำเอาผมเขินนิดๆ ก่อนที่มันจะพูดขึ้นมาว่า…
“หายเจ็บเมื่อไหร่ก็บอกนะ…จะได้ทำอีก~~~”
“O//[]//O ไอ้บ้า!!!” เขิน!!!!
…………………………………………….
ตัดไปที่คู่อื่นซักหน่อย (รีดเดอร์ : ตอนทาคาชี่ทำไมไม่ตัดมาบ้างล่ะ แต่งรวมทำไม) (ไรเตอร์ : เออน่า =3=)
“ยาบุ นายจะดึงแขนเสื้อชั้นไปอีกนานมั๊ยเนี่ย!” ฮิคารุเริ่มโวยวาย วันนี้เขาใส่เสื้อแขนยาวมาแหละเพราะอากาศแถวนี้จะเย็นๆหน่อย แต่ก็นะเรื่องที่จะพูดจริงๆน่ะก็คือ ตั้งแต่เริ่มปีนเขากันขึ้นมาเนี่ย ยาบุก็ดึงแขนเสื้อเค้าไว้ตลอดเลย! แขนเสื้อยืดหมดแล้วเนี่ย!!! ชั้นพึ่งไปสอยมาจากตู้ห้องพ่อนะ!!!
“บ่นอะไรของนาย เกิดหลงไปจะทำไงห๊ะ” ยาบุเหล่ตามามอง ไอ้บ้านี่นิ จะโวยวายทำไมนักหนา คนเขาเป็นห่วงนะเนี่ย! เกิดโดนลิงป่าเข้าใจผิดคิดว่าเป็นหัวหน้าฝูง พากลับฝูงจะทำไง (ไรเตอร์ : โถ พี่ ดูยังไงพี่ฮิคกี้ก็เป็นคนนะ) พี่ว่ามันเหมือนลิงมากกว่าไม่ว่าจะมองมุมไหน ก็ลิง!
“โถ่ ฮิคารุคนนี้จะหลงป่าได้ยังไง ในเมื่อชั้นเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในวงแบบนี้! แล้วเราก็กำลังไต่เชือกกันอยู่ด้วย มันจะหลงได้ไง!” ฮิคารุโต้ ก็จริงของเขา เดินไต่เชือกเส้นเดียวกันมา แถมยังเดินตามกันจนหน้าติดตูดคนข้างหน้าซะขนาดนี้จะหลงได้ไงฟระ
“กล้าพูดเนอะนายเนี่ย - - ก็ชั้นเป็นห่วงนายนี่ ถ้านายหายไปแล้วชั้นจะอยู่ยังไง สัญญากันแล้วไม่ใช่หรอว่าจะอยู่ด้วยกันน่ะ” ยาบุพูดถึงเรื่องเมื่อคืน โอ๊ย เขิน! พูดแบบนี้มันจะรู้มั๊ยเนี่ย พี่ใหญ่คิดโทษตัวเองที่ดันเผลอพูดมากเกินไป กลัวความลับจะแตก
ฮิคารุที่เดินตามอยู่ข้างหลังแอบอมยิ้มอย่างดีใจ สัญญากันแล้วสิเนอะ พวกเราน่ะ…(รีดเดอร์ : ตอนไหนฟระ - -) (ไรเตอร์ : ก็ฝากริวริวบอกเมื่อกี้ไงว่าให้จิ้นกันเอาเอง กร๊าก) อ๋อ ที่นายดึงแขนเสื้อแบบนี้คงไม่กล้าจับมือสินะ นายเนี่ยน้า น่ารักเหมือนเดิมเลยแฮะ~ เอ๊ะ แล้วทำไมถึงไม่กล้าจับล่ะ...? คงไม่หรอกมั้ง
แว๊บนึง ที่เขาคิดว่า เพื่อนสนิทอาจจะชอบเขาอยู่บ้างเหมือนกันก็ได้ แต่ก็ไม่อยากคิดเองไปคนเดียว แต่ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ก็ช่างมันเหอะ ทำตามที่ใจอยากทำบ้างดีกว่า อีกอย่าง ถ้าเราเกิดหลงไปจริงๆ แล้วนายจะอยู่กับใครล่ะ โคตะ…
ฮิคารุดึงมือที่จับแขนเสื้อเขาจนแน่นออก จนเจ้าของมือหันมามองแบบงงๆ ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือของตัวเองไปจับมือเพื่อนรักซะเอง โดยที่ไม่พูดอะไร ทำเอาคนโดนจับทำหน้างง ตกใจนิดหน่อย
“เอ้า ยืนบื้ออยู่ทำไม อ๋อ นายต้องการจะให้ฮิคารุผู้นี้นำทางสินะ ได้ๆ แหมไม่บอกกันตั้งแต่แรก ฮ่าๆ” ฮิคารุหัวเราะร่าเริง อย่างสนุกสนาน ก่อนจะสลับตำแหน่งไปอยู่ด้านหน้าซะเองแล้วออกเดินต่อ~~
……………………………………………
“ยูโตะ น้ำตรงนี้จะเค็มเหมือนน้ำทะเลมั๊ยอ่ะ” อิโนะจังพูดพลางชะโงกหน้าออกมานอกเส้นทาง เพราะนอกเส้นทางนั้นก็คือ ธารน้ำตกเล็กๆที่ไหลมาจากน้ำตกด้านบนที่เป็นจุดหมายของพวกเขานั่นเอง
“ห๊ะ มันจะเค็มได้ไง น้ำตกนะอิโนะจัง” ยูโตะทำหน้า งง มันจะเค็มได้ไง ในเมื่อแถวนี้มันเป็นน้ำจืด
“เออ นั่นสิ ชั้นก็ลืมไป ตอนนี้เราต้องซึมซับความงามแห่งขุนเขาสินะ” อิโนะจังพูดเหมือนนึกขึ้นได้ ก่อนจะหลับตาลงช้าๆ แล้วสูบอากาศบริสุทธิ์เข้าจนเต็มปอด ยูโตะเห็นจึงทำตามบ้าง เป็นอันต้องทำให้ เพื่อนอีกสองคนที่เดินตามอยู่ด้านหลัง ต้องลำบากพาสองคนนี้ขึ้นไปข้างบนต่อแทน (เพราะมันเดินกันไปเองไม่ได้น่ะสิ)
“ให้ตายสิ! พวกนายลืมตาตื่น กลับมาโลกแห่งความจริงได้แล้ว!” ไดกิบ่นขณะพยายามจะดันตัวอิโนะจังให้เดินขึ้นไป โดยที่ตายังปิดอยู่
“นั่นสิ มันหนักนะ!” ยามะจังเองก็บ่นเหมือนกัน เพราะตัวเองต้องรับผิดชอบดันเพื่อนเลิฟอีกคนให้เดินขึ้นไปด้วย โดยที่มีมันก็มีสภาพไม่ต่างกับอิโนะจังเลย ก็คือยังคงหลับตาอยู่นั่นเอง - -‘
“ชู่ว์ เงียบๆสิไดจัง ชั้นกำลังจะฟังเสียงน้ำร้องเพลงอยู่นะ” อิโนะจังยกนิ้วขึ้นมาทำปากจุ๊ ให้เพื่อนรักเงียบเสียงลงแบบยิ้มๆ ทำหน้าประมาณว่ากำลังดื่มด่ำบรรยายอย่างเคลิ้มสุดๆ
“ห๊ะ =[]=*” ไดกิเริ่มอารมณ์เสีย พูดไรของมันเนี่ย! หนักนะโว้ยยย แล้วเจ้าพวกโอคาริว สวีทกันอยู่ได้ไม่คิดจะมาช่วยกันรึไงนะ!
“นั่นสิ ยามะจังก็เงียบๆด้วยล่ะ กำลังเพลินเลย” ยูโตะทำหน้าเคลิ้มแบบไม่รู้สึกรู้สา
“ห๊ะ =[]=*” ยามะจังเองก็ชักเริ่มอารมณ์เสียเหมือนกัน แต่ก่อนจะได้ด่าออกไป ไดกิก็…
“เฮ้ ยูโตะ ยามะจังก็หนักตัวเองจะแย่อยู่แล้ว ให้มาแบกนายก็ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ ไม่สงสารยามะจังบ้างไง้!” ไดกิตะโกนลงมาอย่างหวังดี? ทำเอายามะจังหน้าแดง
“ไดจังว่าชั้นอ้วนหรอ!!!!” ทั้งสองกำลังจะเริ่มเปิดฉากทะเลาะกันอีกครั้ง โดยที่ไดจังไม่รู้เรื่องว่าตัวเองผิดตรงไหนเหมือนเคย แต่ก่อนหน้านั้น…
“ชู่ว์!!!!!!!” ยูโตะกับอิโนะจังก็หันมาดุพร้อมกันซะนี่!
“=[]=*!!!”
………………………………………..
“ถึงแล้วครับ!” เสียงไกด์ตะโกนบอก ทำเอาทุกทีดีใจกันใหญ่ แทบจะเฮกันจนกลิ้งตกลงไปตามทางเดิมเลยทีเดียว =[]= ก็แหม เดินมาตั้งนาน (ปล.15 นาที) เหนื่อยจะตาย พอบอกว่าถึงแล้วเท่านั้นแหละ มันก็เลยดีใจกันใหญ่เลยอ่ะ
“เย้!!!! ว้าวสวยจังเลย!” ชี่ที่ขึ้นไปถึงคนแรกหลังพี่ไกด์ วิ่งถลาเข้าไปดูน้ำตกใกล้ๆ อย่างร่าเริง
“ชี่ ระวังตกนะ!” ร้อนถึงทาคาคิคุง หลังจากตะกายขึ้นมาได้แล้ว ก็แทบวิ่งไปจับชี่ไม่ทัน สงสัยจะกลัวปลิวตกน้ำไปซะล่ะมั้ง - - แต่ผมก็ชักเป็นห่วงชี่นะเนี่ย ผมกลัวเค้าตกลงไปจริงๆอ่ะ
เอ๊ะ? จะถามว่าทำไมผมซึ่งเดินรั้งท้ายมากับเคย์โตะถึงรู้เหตุการณ์ด้านบนได้น่ะเหรอ? ก็เพราะผมเป็นคนดำเนินเรื่องไงฮะ ถามแปลกๆ ช่วยอย่าไปสนใจเรื่องหยุมหยิมเรื่องพวกนั้นได้มั๊ยฮะ พี่โซลเขาขอร้องมาน่ะ…
“ยาบุ!!! ตรงนี้สวยมากเลย!!!!” ฮิคารุคุงตื่นเต้นใหญ่เมื่อเห็นน้ำตกอยู่ตรงหน้า ลากยาบุคุงไปดูด้วยใหญ่เลยฮะ อ๊ะ ผมพึ่งสังเกต เขาจับมือกันด้วยล่ะ~ แอบมีอะไรรึเปล่าเนี่ย~~
“เข้าไปใกล้มากเดี๋ยวก็เปียกหรอก” ยาบุคุงเตือนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มือข้างที่ว่างล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดตามเส้นผมของฮิคารุคุงที่โดนละอองน้ำตกกระเด็นใส่อยู่
ฮิคารุคุงเองก็ยิ้มซะน่ารักเชียวตอนที่ยาบุคุงเช็ดผมให้น่ะ ผมว่ามันชักจะน่าสงสัยแล้วสิ~ ผมอยากรู้อ้ะ!!! ว่าแต่ผมคิดไปเองรึเปล่าฮะ ตั้งแต่ผมกับเคย์โตะเปิดเผยกันว่าคบกันอยู่ รู้สึกคนอื่นๆก็เริ่มจะเปิดเผยตัวกันบ้างแล้วนะเนี่ย แสดงว่าที่แล้วๆมา ผมก็คิดมากไปเองงั้นสิ~ ว่าแต่ ตอนนี้ผมอยากรู้เรื่องของยาบุคุงกับฮิคารุคุงจังเลยฮะ~~
“สองคนนั้นเขารักกันน่ะสิ ไม่รู้รึไง แฮมทาโร่” เอ๋ เฮ้ย! ตกใจหมดเลย ผมกำลังคิดเพลินๆอยู่แท้ๆ จู่ๆเคย์โตะก็โผล่มาพูดเสียงเนิบๆข้างๆหูผม อย่างกับรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่งั้นแหละ!
“หายไปไหนมาเนี่ย แล้วเมื่อกี้นายพูดเรื่องอะไรน่ะ” แต่ผมก็ยังคงเนียนต่อ
“ก็เรื่องยาบุคุงกับฮิคารุคุงไง นายคิดเรื่องสองคนนี้อยู่ไม่ใช่หรอ ชั้นก็เลยบอกว่าสองคนนี้เขาแอบรักกันอยู่ไง” เคย์โตะตอบแบบยิ้มๆ แล้วทำเป็นเพยิดหน้าไปทางสองคนนั้นที่กำลังดูน้ำตกกันอยู่ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ฉากโรแมนติกอะไรซักเท่าไหร่ก็ตาม - - เพราะยาบุคุงกำลังพยายามดึงคอเสื้อฮิคารุคุงที่เมื่อกี้ขู่ว่าจะฆ่าตัวตายไม่ให้ตกลงไป
ข้างล่างๆจริงๆอยู่น่ะสิ
“นายรู้ได้ไงว่าชั้นคิดเรื่องนี้อยู่” ผมมองหน้ามันแบบอยากรู้สุดๆ รู้ได้ไงเนี่ย! อ่านใจผมได้ด้วยหรอ!
เคย์โตะหันกลับมามองผมแบบยิ้มๆ
“แฮมทาโร่คิดอะไร ชั้นก็รู้หมดแหละ ก็เราเป็นคนคนเดียวกันไง จุ๊บ~” พูดจบมันก็ก้มลงมาจุ๊บที่หัวผม เขินอ้ะ >///< บ้า คนคนเดียวอะไรกัน (ไรเตอร์ : ก็จริงไม่ใช่หรอ โอคาริวจงเจริญ!!!)
“จะ จริงหรอ” ผมเลยเหลือบตาขึ้นไปมองหน้ามันแบบเขินๆ สองมือไพล่ไว้ด้านหลัง ตอนนี้แก้มผมคงแดงมากเลยล่ะ มันรู้สึกร้อนๆ ทั้งๆที่อากาศมันเย๊นเย็น
“จริงสิ พิสูจน์มั๊ยล่ะ” เคย์โตะหันไปหลบตาผมแบบเขินๆตอนที่ผมเหลือบตามองมันเมื่อกี้ ปกติก็มองหน้ากันแบบนี้อยู่แล้ว ทำไมวันนี้เขินล่ะ? แต่หลังจากที่มันทำท่าเหมือนจะคิดอะไรได้บางอย่าง ก็หันกลับมาถามผม ว่าพิสูจน์มั๊ย? น่ะ พิสูจน์อะไรหรอ?
Keito part
ให้ตายสิครับ! คุณเห็นแฮมทาโร่ตอนมองผมเมื่อกี้รึเปล่า?! (ไรเตอร์ : จะไปเห็นได้ไง ในเมื่อนายคุยกับน้องแค่สองคน) น่ารักมากๆเลยล่ะครับ! ตาของแฮมทาโร่มันแบ๊วมากเลยอ่ะ มันน่ารักซะผมตกใจไม่กล้าสบตาต้องหลบหนีเลยทีเดียว ไหนจะท่าทางแบบนั้นอีกล่ะ ที่เอามือไปไพล่หลังแล้วเอียงตัวมาข้างหน้านิดๆ แล้วเหลือบตามองขึ้นด้านบนน่ะ โอยแย่แล้วล่ะครับ
ย้อนกลับไปในเรื่องซักนิด เรื่องยาบุคุงกับฮิคารุคุงน่ะ ก็แหม ดูก็รู้ครับว่าสองคนนั้นเขารักกันมานาน แต่ไม่กล้าบอกกันเท่านั้นเอง อย่างที่โซลว่าแหละครับ บุฮิคมิเสื่อมคลาย! น่ะ เป็นสโลแกนที่โอเคเก๋กู๊ดลงตัว บาลานซ์ที่สุดแล้วล่ะครับ (ไรเตอร์ : นายเป็นถึงสุภาพบุรุษอังกฤษทำไม สำนวนเฉิ่มขนาดนี้) ถ้าถามว่าทำไมผมรู้ว่าแฮมทาโร่คิดเรื่องนี้อยู่น่ะเหรอ? ก็ผมบอกแล้วไงครับ ว่าเราเป็นคนคนเดียวกัน แฮมทาโร่คิดอะไรผมก็รู้หมดแหละ~~
และแล้ว สมองอันสมควรที่จะบรรจุอยู่ในคราบสุภาพบุรุษของผมก็คิดแผนเด็ดๆได้ขึ้นมา? จริงๆผมก็เป็นสุภาพบุรุษมาดเนี้ยบอย่างทีทุกคนรู้จักกันแหละครับ? แต่แหม เวลาอยู่ต่อหน้าแฮมทาโร่ผมมักเปลี่ยนเป็นไอ้เคย์โตะจอมทะเล้นตามแบบฉบับพระเอกฟิคจัมพ์ไปซะทุกทีเลยสิน้า~ ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เอาเป็นว่า ผมนึกแผนเด็ดขึ้นมาได้แล้วล่ะ ไปลุ้นกันดีกว่า ว่าจะสำเร็จมั๊ย
“จริงสิ พิสูจน์มั๊ยล่ะ” ผมแกล้งลองเชิงแฮมทาโร่น้อยของผมดู ผมเลยจงใจถามคำถามแบบทิ้งปริศนาพาเพลินให้ชวนคิดเอาไว้ก่อน
แฮมทาโร่มีท่าทีคิดซักพัก และก็เงยหน้าขึ้นมาคุยกับผมต่อ
“พิสูจน์อะไรล่ะ” ได้ผล! แฮมทาโร่สนใจแล้ว แน่นอนครับ ผมเป็นคนวางแผนซะอย่าง
“ก็พิสูจน์ว่า เราเป็นคนคนเดียวกันจริงๆไงล่ะ” ผมไม่พูดเฉยๆ ปล่อยให้แฮมทาโร่หนีไปไม่ตอบคำถามผมหรอกนะ
ผมรีบเดินเข้าไปประชิดตัว แล้วจับบ่าสองข้างของเขาเอาไว้ แฮมทาโร่มีท่าทีระแวงผมใหญ่เลยฮะ เลิ่กลั่ก จนเขาเผลอก้าวถอยหลังเลยทีเดียว ผมน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรอ TT
“ยะ ยังไงล่ะ มะ ไม่ต้องก็ได้มั้ง >////<” แฮมทาโร่เขิน น่ารักจังเลย
“ทำไมล่ะ ไม่อยากพิสูจน์รึไง” ผมเลยแกล้งต่อ (ไรเตอร์ : นายนิสัยไม่ดีจริงๆนะเคต) ผมเปล่านิสัยไม่ดีซักหน่อย
ผมยืนรอคำตอบจากแฮมทาโร่ ที่อยู่ๆก็ก้มหน้าเงียบไปเหมือนคิดอะไรอยู่ แต่แล้วเขาก็ดันพูดคำที่ผมไม่คาดคิดออกมา (อีกแล้ว!)
“กะ ก็ ชั้นก็เชื่ออยู่แล้วไง ว่าเอ่อ ระ เราเป็นคนคนเดียวกันอ้ะ >////< เพราะงั้นไม่ต้องพิสูจน์หรอก”
O[]O!!! ทึ่งครับ! ผมไม่คิดว่าแฮมทาโร่จะพูดประโยคนี้ออกมานะเนี่ย!!! ทำไงดีล่ะ ผมดีใจจังเลย! ตั้งแต่วันนั้น เอ่อ…/// วันนั้นแหละครับ (ไรเตอร์ : วันไหนเล่า =..=) ก็วันนั้นไง~ แฮมทาโร่ก็ดูเปลี่ยนไปมากเลยล่ะฮะ ชอบพูดอะไรแบบนี้เสมอ แถมยังทำตัวอ้อน น่ารักๆอีก น่ารักชะมัด! ผมไม่นึกว่าเขาจะทำเรื่องพวกนี้นะเนี่ย! ตอนที่คบกันแรกๆผมก็ไม่ได้หวังอะไร เพราะเขาเป็นคนขี้อาย ดื้อ ไม่ค่อยแสดงออก แต่พอมาจนถึงวันนี้ ผมกลับดีใจจนบอกไม่ถูกเลยล่ะ!
“อ๊ะ เอ่อ จริงดิ จริงหรอ” ผมเลยตัดสินใจค่อยๆปล่อยมือลงจากไหล่ของแฮมทาโร่ ตอนแรกกว่าจะดึงมาจูบซักหน่อย แต่ไม่แกล้งและ รู้สึกได้สิ่งที่เหนือคาดหมายมาซะก่อน เลยไม่อยากแกล้งแล้วล่ะ~
“จริงสิ” ขณะบรรยากาศกำลังไปได้ดีอยู่เลยนั้น แต่ดั๊น…! มีตัวมาก่อกวนซะนี่!!!!!
End keito part
“เคย์โตะ!!! นายช่วยมาเอาไอ้หมอนี่มัดท่อนซุงแล้วโยนลงน้ำตกให้มันไปสู่สุขคติซักทีเหอะ!” ยามะจังเดินบ่นมาหาเคย์โตะอย่างเอาเรื่อง มือข้างนึงลากยูโตะ เพื่อนเลิฟของเขาขึ้นมาด้วย!
“อะ เอ๋!” เคย์โตะที่กำลังเคลิ้ม? สะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงยามะจัง ก่อนจะหันมาด้วยสีหน้างงๆ อะไรกันเนี่ย! อ้าว ทำไมยามะจังลากยูโตะขึ้นมาด้วยเนี่ย!!! ถะ แถมสีหน้ายามะจังดูเหมือนจะกำลังโมโหสุดๆอยู่เลยนะเนี่ย
“เดี๋ยวยามะจัง! ชั้นว่าจับมัดกับอิโนะจังแล้วโยนลงไปพร้อมกันดีกว่า!” ไดจังเดินตามขึ้นมาติดๆ มือข้างนึงลากอิโนะจังขึ้นมาด้วยเหมือนกัน ดูท่าทางสองคนนี้กำลังโกรธมากมายเลยล่ะ!
“นี่พวกนายเป็นอะไรกันน่ะ” ยาบุได้ยินเสียงสมาชิกทั้งสองโวยวาย ดึงเดินเข้ามาดูพร้อมกับฮิคารุ แน่นอนรวมทั้งชี่และทาคาคิด้วยเช่นกัน
“ก็เนี่ย…!!!” ทั้งสองชี้นิ้วมาที่ขยะ?ที่แบกมาด้วยเหมือนกำลังจะพยายามอธิบายแม้ว่าจะกำลังเดือดสุดๆอยู่ก็ตาม แต่…
“อืม~~ อยากลองชิมรสชาติน้ำอันบริสุทธิ์แห่งธรรมชาติดูจังเลย” อิโนะจังยังคงนอนลาดเอียงตามองศาขนานกับพื้นอย่างสบายใจ สองมือประสานกันวางไว้ตรงหน้าท้อง ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเล้ย ว่ามันลำบากคนลากแค่ไหน!
“ฟุดฟิดๆ~~ กลิ่นนี้ ใช่กลิ่นน้ำตกรึเปล่าอิโนะจัง” ยูโตะทำจมูกฟุดฟิด ก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นมาช้าๆ เห็นธารน้ำตกใหญ่ลอยอยู่เบื้องหน้า สบายใจจริงนะ!
“=[]=*” ผึง! เสียงอะไรบางอย่างในตัวของคู่หูตัวกลมขาดลง ในฐานะสมาชิกที่สำคัญซึ่งกันและกันแล้ว รับรู้ได้ถึงภัยอันตรายที่จะมาเยือน จึงพร้อมใจกันถอยห่างออกมาทันที ยกเว้น คนสองคนเท่านั้น?
“ย๊ากกกกกก!!!!!!!!!!!!”
ยามะจังกับไดกิ พร้อมใจกันรวมพลัง แล้วเหวี่ยงอดีต? เพื่อนรักในมือจนหมุนติ้วไปตามแรงโน้วถ่วง ก่อนจะโยนคนทั้งคู่จนกระเด็นกันออกไปกองรวมกันที่หน้าผาด้านข้างด้วยกัน!!!
โครม!!!!!!!!!!!
“แอ๊ก!!!!!!!!!!!!!”
“ยูโตะ! อิโนะจัง!” คนอื่นที่เหลือรีบวิ่งกันเข้าไปดูอาการเพื่อนรักทันที! แต่ไม่ลืมที่จะวิ่งโดยใช้เส้นทางเลี่ยงให้ออกห่างจากคู่หูตัวกลมที่พึ่งเดือดปุดๆ จนเป็นสาเหตุทำให้พวกเขาต้องรีบวิ่งไปดูอาการเพื่อนทั้งสองคนด้วย
สองคู่หูต้นเหตุ ทำท่าปัดฝุ่นที่มืออย่างเสร็จงาน ก่อนจะเปลี่ยนไปทำท่าจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่บ้าง ประดุจเหมือนจอมพลังที่พึ่งจัดการลูกระจ๊อก? ให้ออกไปให้พ้นทางอย่างสบายๆ
“เชอะ คราวหน้าชั้นไม่แบกพวกนายแล้ว!” ไดกิยืนเท้าสะเอวมอง อย่างเอาเรื่อง
“ใช่ๆ ไม่เอาด้วยแล้ว!” ยามะจังเสริม
คนที่เหลือเหลือบมามองกันแบบหวาดๆ เพื่อนใครเนี่ย! โคตรน่ากลัวเลย - -‘’
“ฮู้ยยย เจ็บ” เสียงของอิโนะจังดังขึ้นมาเบาๆทำให้ทุกคนเปลี่ยนเป้าหมายไปหาเขาทันที
“อิโนะจังเป็นยังไงบ้าง!”
“หือ? อ้าว ถึงน้ำตกแล้วเหรอเนี่ย! แหม ก็ว่าอยู่ว่าทำไม รู้สึกได้ถึงออร่าแห่งธรรมชาติฟุ้งกระจายออกมาขนาด
นี้” อิโนะจังเมื่อลืมตาขึ้นมาได้หลังกล้ำกลืนความเจ็บปวดที่หลังแล้ว ก็ค่อยๆหันไปมองรอบๆ อย่างมีความสุข เหมือนในที่สุดก็ได้ค้นพบขุมสมบัติที่เฝ้าตามหามานานแล้ว! ส่วนออร่าที่ว่าก็คือ ละอองน้ำตกที่ฟุ้งลอยอยู่จนทั่วบริเวณนั้นนั่นเอง
=[]=! ยังๆ มันยังจะต่ออีก! สรุปเมื่อกี๊เนี่ยไม่ได้สนใจชะตากรรมตัวเองเลยใช่มั๊ย!
“นี่ นายยังจะพูดเรื่องแบบนี้อยู่อีกหรอเนี่ย!!!” ทาคาคิคุงเริ่มจะทนไม่ไหว
“นั่นสิ ยามะจังกับไดจังโกรธใหญ่แล้วนะ ยังไม่รู้สึกตัวอีกรึไง!” ตามด้วยชี่ แล้วชี้นิ้วไปทางไดจังกับยามะจังที่ยืนทำท่าเซ็งอยู่ห่างๆ
“ใช่ๆ! นายจะเพ้อก็ไม่เป็นไรนะ แต่อย่าไปรบกวนสองคนนั้นสิ” ฮิคารุลดเสียงลงเล็กน้อย ก่อนจะทำท่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตอนที่หันไปมองคู่หูตัวกลมที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามนั้น
“เอ๋ พวกนายพูดเรื่องอะไรน่ะ แล้วยามะจังกับไดจังโกรธเรื่องอะไรหรอ” อิโนะจังส่งรอยยิ้มแบบงงๆ มาให้เพื่อนทุกคน นี่พวกเราพูดเรื่องอะไรกันเนี่ย โกรธเรื่องอะไรหรอ? ชั้นไม่เห็นรู้เรื่องเลย เอ๊ะ แล้วทำไมเมื่อกี้รู้สึกเหมือนโดนเหวี่ยงเลยแฮะ
“นี่…!” ไม่ทันที่ชี่จะวีนใส่อีกรอบ
“เห แล้วพวกเราไปรบกวนยามะจังกับไดจังตอนไหนหรอ เราไม่ได้ทำอะไรนี่” ยูโตะที่นอนฟังอยู่นานค่อยๆยันตัวขึ้นมา
“เฮ้ย ยูโตะ นายฟื้นแล้วหรอเนี่ย!” เคย์โตะที่นั่งประคองเพื่อนอยู่ตกใจ เมื่อกี้หันไปมองแต่ทางอิโนะจัง จนลืมมองเพื่อนที่อ้อมแขนไปเลย อยู่ๆมันก็ลุกขึ้นมาตกใจหมด
“ไม่เป็นอะไรนะ” ริวทาโร่ที่นั่งอยู่ข้างๆเคย์โตะ ถามด้วยสีหน้าแปลกๆ?
“ไม่เป็นไร แล้วเมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้นหรอ แล้วชี่พูดว่าอะไรนะ ยามะจังกับไดจังโกรธ ที่ชั้นกับอิโนะจังไปรบกวนเค้า
หรอ หมายความว่าไง” ยูโตะถามแบบทำหน้าใสซื่อ
“นั่นสิ ชั้นก็ยัง งงๆ อยู่เลยเนี่ย แล้วทำไมสองคนถึงไปยืนแยกกันชมน้ำตกกันสองคนล่ะ ไม่ชวนกันเลยนะ” อิโนะจังมีสีหน้างอนๆเล็กน้อย
“นั่นสิ งั้นอิโนะจัง ไปชมน้ำตกที่ธรรมชาติมอบให้กันเถอะ!” ยูโตะชวน
“ไปสิ!” ขณะที่ทั้งสองกำลังลุกขึ้นยืนท่ามกลางความงงงวยของเพื่อนๆอยู่นั้น…
“เดี๋ยว! นี่พวกนายไม่รู้ตัวเลยหรอเนี่ย!!!!!!!!!!!!!”
………………………………………………
หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายที่น้ำตกผ่านพ้นไปแล้ว พวกเราก็ได้ขึ้นเครื่องกันซักทีฮะ เร็วมั๊ย (รีดเดอร์ : เร็วจนงง) เมื่อกี้โชคดีที่ ยามะจังกับไดจังพากันดูน้ำตกแล้วพี่ไกด์เขารู้สถานการณ์เลยไปซื้อแฮมเบอร์ร้อนๆมาให้กันคนละชิ้น เลยทำให้สองคนนั้นเขากลับมาอารมณ์ดีได้อย่างรวดเร็วเชียวล่ะฮะ - - มันง่ายไปมั๊ย?
ส่วนอิโนะจังกับยูโตะคุงก็โดนทุกคนรุมเทศน์ใหญ่เลยฮะ รวมทั้งเคย์โตะด้วย แต่ผมเปล่านะ แต่ดูเหมือนพวกเขาก็ยังสำนึกผิดกันแบบ งงๆอยู่ว่า ตกลงผิดอะไรกัน แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรมาก แล้วพวกเราก็ขึ้นรถกันต่อมาถึงสนามบินฮะ
เป็นที่น่าเสียดาย ขากลับผมคงอดนั่งกับเคย์โตะแล้วล่ะ เพราะยาบุคุงสั่งให้เคย์โตะคอยคุมยูโตะคุงเอาไว้ T^T เขาบอกว่าเคย์โตะน่ะผิดไม่ยอมดูแลเพื่อนสนิทตัวเอง เคย์โตะเลยต้องจำใจไปนั่งกับยูโตะคุง อิโนะจังก็ถูกแยกให้ไปนั่งกับทาคาคิคุงและก็ชี่ฮะ ส่วนผม นั่งกับยามะจังแล้วก็ไดจังฮะ มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ผมก็อยากเล่นกับคนอื่นมั่งเหมือนกัน อยู่กับเคย์โตะตลอดเวลาก็เบื่อฮะ
“ยามะจัง อยากกินขนมปังอันนั้นอ่ะ” ผมซึ่งนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองคนพูดขึ้น ยามะจังอยู่ริมฝั่งติดทางเดินฮะ
“เอานี้หรอ หยิบไปเลยๆ” ยามะจังตอบขณะที่ในปากยังเคี้ยวตุ้ยๆอยู่ ผมเลยหยิบไปอย่างไม่เกรงใจ มีเยอะขนาดนั้นผมจะขอซักชิ้นจะเป็นอะไรไป
“ริวทาโร่ไม่เสียใจหรอที่ไม่ได้นั่งกับเคย์โตะอ่ะ” ไดจังกระทุ้งสีข้างผมเบาๆแบบล้อเลียนนิดๆ แต่ในปากก็กำลังเคี้ยวขนมปังอยู่เหมือนกัน แก้มแตกหมดแล้วไดจัง~
“เอ่อ ก็เปล่า ผมก็เบื่อๆหน้ามันเหมือนกันแหละ” ผมตอบเขินๆเล็กน้อย โดนถามเงี้ยมันก็อายเหมือนกันนะ ///
“เห จริงอ้ะ” ไดจังแกล้งทำสายตาจับผิดมาให้ผม
“จริงหรอ~~” ยามะจังทำด้วยเหมือนกัน เข้าขากันดีจริงๆนะ =///=
“ก็จริงน่ะสิ!” ผมก็เขินเป็นนะ! หนีเคย์โตะมาได้แล้วยังจะต้องมาโดนยามะจังกับไดจังแกล้งอีกเนี่ย!
“หรอๆ เอ่อนิ ริวทาโร่…” จู่ๆไดจังก็ลดเสียงต่ำลงมาจนผมชักเชียว
“อะ อะไร”
“นอนกับเคย์โตะตั้งสี่คืน แอบทำไรกันป่าวอ่ะ~”
อึ๊ก!
ค่อกแค่กๆ!!!! ผมสำลักขนมปังเลยนะเนี่ย!
“ไดจัง O///O!!!!” อ๊ากกกกก ถามอะไรอ้ะ มะ ไม่มีอะไรนะ! >////< (ไรเตอร์ : เจงอ้ะ~~) บ้าหรอใครจะไปบอกได้!!!
“เอ๊ะ หน้าแดงใหญ่เลย มีอะไรบอกชั้นมาเลยนะ ริวทาโร่” ยามะจังทำท่าจับผิดผม วางขนมปังแล้วรัดหัวผมเข้ามาใกล้ๆ
“ไม่มีอะไรซักหน่อย! ปล่อย!” ผมดิ้น ใครจะไปบอกกันเล่า!
“น่าสงสัยนะเนี่ย แฮมทาโร่~” ไดจังทำเสียงเลียนแบบเคย์โตะ
“อย่ามาเรียกผมแบบนั้นน้า! ยามะจังปล่อย! มันไม่มีอะไรจริงๆ!!!”
ปากแข็ง! พวกชั้นรู้หมดแล้วน่า =/////=
“แหม แค่นี้ทำเป็นให้เรียกไม่ได้นะ เคย์โตะเรียกได้คนเดียวรึไงฮึ!” ไดจังหยิกแก้มผมด้วยความหมั่นเขี้ยว รึ
หมั่นไส้? ผมก็ไม่รู้น่ะ แต่มันทำให้อ๊าย อายล่ะ >////<
“เชอะ นายไม่รักพวกชั้นแล้วหรอ รักแต่เคย์โตะคนเดียวเลยนะ” ยามะจังทำเป็นงอน
“ใช่ที่ไหนเล่า! >///< พวกพี่เลิกแกล้งผมได้แล้ว!” ผมสะบัดตัวหนีจากการจับกุมของทั้งสองสำเร็จแล้วก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงแล้วหลับไปเลย
“โห แค่นี้หนีซะแล้ว” ยามะจังพูดต่อ ผมได้ยินนะ!
“เด็กขี้อายก็เงี้ยแหละ ยามะจัง รับไม่ได้ก็หนี หุหุ” ไดจังยังคงพูดต่อ
ฮึ้ย! ก็บอกว่าได้ยินไงเล่า! >////< แต่ผมไม่ลุกไปติดกับดักพวกเขาหรอกนะ!
“…”
“…”
สองคนนั้นเงียบไปเลยแฮะ สงสัยผมจะอึดกว่าเขา ก็อย่างว่า สองคนนี้ความอดทนน้อยจะตาย ผมรอดแล้ว~ เพราะผมได้ยินเขาเริ่มกินกันต่อน่ะสิ คงขี้เกียจรอผมแล้วล่ะ ค่อยยังช่วยหน่อย นึกว่าจะไม่รอดซะแล้วสิ~~ ใครจะไปกล้าบอกเรื่องแบบเนี้ย >////<
จะว่าไป นอนไปนานๆก็เริ่มง่วงขึ้นมาแล้วจริงๆน่ะสิ เอาล่ะ งั้นผมขอนอนก่อนละกัน ตื่นมาคงถึงญี่ปุ่นพอดีแหละ บ๊ายบาย ฮาวาย~
(ไรเตอร์ : หนูไม่รู้ซะแล้ว ว่าเขารู้กันหมดแล้วล่ะน้องเอ๊ย =////= แถมยังมีหลักฐานมัดตัวกันอยู่คามือซะด้วย หลับให้สบายน้า~ อย่าแอบไปฮาเคย์โตะในฝันล่ะ โฮะๆๆ) (รีดเดอร์ : ริวจัง ไม่ใช่แค่จัมพ์นะที่รู้ พวกพี่ก็รู้กันหมดแล้วล่ะ!) (ไรเตอร์ & รีดเดอร์ : วะฮ่าฮ่าๆ!!!)
………………………………………
“ทำไมชั้นต้องมาคอยคุมนายด้วยเนี่ย” เคย์โตะมองเพื่อนคนข้างๆที่กำลังระริกระรี้อย่างปลงๆ เฮ้อ แทนที่จะได้นั่งกับแฮมทาโร่ ทำไมชั้นต้องมานั่งกับนายด้วยเนี่ย!
“เอ๋ นายพูดเรื่องอะไรน่ะ ปกติพวกเราก็อยู่ด้วยกันตลอดอยู่แล้วนี่นา” ยูโตะยิ้ม เฮ้อ ก็จริงนะ ถ้าไม่นับเวลาอยู่กับแฮมทาโร่ เขาก็อยู่กับยูโตะตลอดเลยนี่นา แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่ต้องอยู่กับนายเว่ย!
“เออๆ ยูโตะชั้นก็รักนายนะเพื่อน แต่นายเค้าใจป่ะ ว่าตอนนี้ชั้นอยากอยู่กับแฮมทาโร่”
“น่าๆ ก็รู้ แต่ทำไงได้ ยาบุคุงสั่งนี่นา~ อยู่กับชั้นแหละ เรามาคุยเรื่องอื่นกันดีกว่า” ยูโตะพูด ทำเอาผมซึ้ง มันเนี่ย
เป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ
“อืม~ อยู่กับนายบ้างก็คงดีเหมือนกันแหละ” แล้วผมก็ลืมแฮมทาโร่ไปชั่วขณะฮะ ผมกลับมาอยู่กับยูโตะแล้วก็คุยกันแหลกจนหลับคากันไปทั้งๆอย่างนั้นเลยล่ะ สรุปผมทำหน้าที่คุมไม่ให้ยูโตะเพ้อได้ดีแล้วสินะฮะ? แล้วก็แฮมทาโร่ไว้ค่อยคุยกันที่ญี่ปุ่นนะ บ๊ายบาย ฮาวาย~~~
……………………………………………
“อิโนะจัง ห้ามเพ้ออีกนะรู้ป่าว” ชี่นั่งประกบข้างซ้ายดุ
“ใช่ เดี๋ยวพวกชั้นโดนยาบุว่า หาว่าคุมนายไม่ได้” ทาคาคิประกบขวาดุด้วยเช่นกัน
“อะไรของนายสองคนเนี่ย” อิโนะจังมองทั้งสองอย่างไม่เข้าใจ
“เฮ้ออออออ” คนคุมเป็นอันต้องก่ายหน้าผากกันเลยทีเดียว พอเหอะ ขอร้อง เหนื่อยแล้วนะเนี่ย! ทั้งสองเลยพยายามชวนอิโนะจังคุยเรื่องอื่น แต่มันก็ได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง เพราะพี่แกชอบวนกลับเข้าไปอดีตทุกทีเลยสิ ให้ตายเหอะ…
……………………………………….
“ฮิคารุนอนดีด๊!!! น้ำลายนายหกมาเปื้อนแขนเสื้อชั้นแล้วเนี่ย!!!!”
“แงมๆ พ่อหนวกหูว่ะ เงียบๆๆได้ป่ะ แงมๆ” ฮิคารุยัง คงนอนต่อไปอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร
“ตื่นแล้วมาเช็ดน้ำลายตัวเองเดี๋ยวนี่!!!” ยาบุชักเริ่มคลั่ง ตื่นยากตื่นเย็นจังฟระ!
“งืม ขออีกห้านาที” ฮิคารุทิ้งท้าย ก่อนจะเปลี่ยนท่านอนหันไปทางอื่นแทน =[]=! คิดว่าชั้นกำลังปลุกนายไปโรงเรียนรึไงเนี่ย!!! ตื่นเดี๋ยวเน๊!!
To be con…
เย้ว จบซักทีฮาวาย สี่เดือนแล้วเนี่ยแต่งมาอ่ะ กร๊ากกกก (นานไปป้ะ) โฮะๆๆๆ ฮาโตะเคย์กับไดยามะอย่างมาก กร๊ากกก อะไรกันเนี่ยยย สรุปตอนนี้แทบไม่มีคู่หลักเลย (รึเปล่า) หุหุ มันชักมั่วๆซะแล้วสิ (มั่วมานานแล้ว) =3= พอกลับญี่ปุ่นโซลก็จะแต่งแต่โอคาริวแล้วล่ะ ฮ่าๆ คู่อื่นก็มานะ แต่โอคาริวหนักเหมือนเดิม เดี๋ยวมันจะผิดอิมเมจ โฮะๆๆ (จะได้ทำมั๊ยน๊อ~) =3=
ความคิดเห็น