Fic Reborn TYL Yaoi
10 ปีให้หลังเมื่อสึนะต้องจบชีวิตลง ความรู้สึกเจ็บปวดของผู้พิทักษ์ นภาที่งดงามนั่นจะรู้ตัวบ้างไหม ว่าพวกเขาต้องการปกป้อง...ไม่ใช่ถูกปกป้อง...
ผู้เข้าชมรวม
4,162
ผู้เข้าชมเดือนนี้
5
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
แอ๊ดด
“อ้าว พี่ยามาโมโตะ พี่โกคุเดระ กลับมาแล้วเหรอครับ”แรมโบ้เอ่ยทักทายผู้พิทักษ์พิรุณและผู้พิทักษ์วายุที่เพิ่งกลับมาจากธุระที่ไปพร้อมกับนภา แต่พวกเขาไม่ตอบและดูมีท่าทีแปลกๆ ไป แล้วพี่สึนะล่ะ? ไม่ได้กลับมาพร้อมกันหรอกเหรอ???
“โอ้ สวัสดียามาโมโตะกับเจ้าหัวปลาหมึก พวกนายกลับมากันแล้วเหรอ แล้วสึนะล่ะ?”ผู้พิทักษ์อรุณที่เดินผ่านมาพอดีเข้ามาทัก แต่เจ้าสองคนนั้นก็ยังไม่ตอบ นี่เจ้าพวกนี้เป็นอะไรของมัน แบบนี้มันต้องเรียกขวัญกำลังใจกันแบบสุดขั้วววว!!!
“…”ผู้พิทักษ์ทั้งสองยังคงเงียบและไม่ยอมตอบอะไร
“โฮ่ย เจ้าหัวปลาหมึก แกเป็นอะไรไป! โดนสาวทิ้งรึไง ไม่เป็นไร มาเข้าเป็นสมาชิกสมาคมมวยแห่งประเทศอิตาลีกับฉันก็ได้ สุดขั้ววว!!!”
“สึนะน่ะ…”ยามาโมโตะเอ่ยขัดเรียวเฮออกมา ถึงเขาจะไม่อยากพูดมากแค่ไหน ถึงจะรู้สึกคอแห้งผากมากแค่ไหน…เขาก็ต้องบอกให้สองคนนี้รับรู้
“หืม สึนะ สึนะเป็นอะไรไปงั้นเหรอ? เฮ้ ยามาโมตะ! สึนะเป็นอะไรไป!!”เรียวเฮถามกลับด้วยความตื่นตกใจ ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกกังวลใจแบบแปลกๆ แล้วสิ ทั้งท่าทางของสองคนนี้ ทั้งคำพูดแปลกๆ ของยามาโมโตะ ตัวแรมโบ้เองก็เริ่มรู้สึกมีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“สึนะน่ะ…”
“สึนะอะไรล่ะ! รีบๆ พูดเข้าสิยามาโมโตะ!”
“สึนะน่ะ…ตายแล้ว…”
เรียวเฮกับแรมโบ้ถึงกับนิ่งไป แต่แรมโบ้ก็ตั้งสติได้ก่อน เขาถามกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
“หมายความว่ายังไง…ที่ว่า…พี่สึนะ…ตายแล้ว…”แรมโบ้พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นคง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และได้แต่หวังว่าเรื่องที่ยามาโมโตะพูดจะเป็นเรื่องโกหก ส่วนเรียวเฮได้แต่ยืนนิ่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“…”ยามาโมโตะไม่ตอบ เขาได้แต่ก้มหน้าลงหลบสายตา มือของเขากำแน่น และแววตาคู่นั้นเองก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“ฮะๆ ไม่เอาน่ายามาโมโตะ นี่นายพูดเล่นใช่มั้ย? เป็นไปไม่ได้หรอกน่าที่ว่าสึนะตายไปแล้วน่ะ”เรียวเฮหัวเราะฝืดๆ ออกมา มันจะเป็นไปได้ยังไง…ที่ว่าสึนะตายแล้ว…ที่ว่านภาของพวกเขาตายไปแล้ว…
“ใช่…รุ่นที่สิบ…ตายแล้ว…”โกคุเดระเอ่ยตอบแทนยามาโมโตะที่ไม่พูดอะไรออกมา มือของเขากำแน่นจนเล็บแทบจะจิกลงไปในเนื้อ ตัวสั่นเทาราวกับลูกนก เขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน แต่มัน…เกิดขึ้นแล้ว เกิดขึ้นโดยที่เขาไม่สามารถแม้แต่จะทำอะไรได้เลย…
ผู้พิทักษ์ทั้งสองที่ได้ยินเรื่องนี้ตัวชาวาบ พวกเขารู้สึกราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน เสียงต่างๆ รอบตัวหายไปชั่วขณะ บอสของพวกเขา…ตายแล้ว…สึนะ ตายไปแล้ว…
“นี่แกหมายความว่ายังไงเจ้าหัวปลาหมึก! สึนะจะตายได้ยังไง!!”เรียวเฮพุ่งเข้าไปหาโกคุเดระ เขากระชากคอเสื้อของโกคุเดระเข้าหาตัว เรียวเฮมองโกคุเดระด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว แต่ในลึกๆ ของแววตาคู่นั้นก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง…ความหวังที่อีกฝ่ายจะบอกว่ามันเป็นเพียงแค่เรื่องล้อเล่น
“…”โกคุเดระได้แต่นิ่งเงียบ เขาไม่คิดจะตอบโต้อะไรทั้งนั้น มันเป็นความผิดของเขาเอง…ความผิดของเขา…ที่ไม่สามารถแม้แต่จะปกป้องนภาที่เขารักได้ อย่างเขาน่ะ…มันไม่เหมาะที่จะเป็นมือขวาของรุ่นที่สิบเลยสักนิด!
“นี่เจ้าหัวปลาหมึก! เจ้าหัวปลาหมึกพูดอะไรหน่อยสิ! เจ้าหัวปลาหมึก!!”เรียวเฮเขย่าตัวโกคุเดระอย่างแรง แต่ไม่ว่าจะเขย่าสักแค่ไหน โกคุเดระก็ไม่ยอมตอบโต้อะไรเลย เอาแต่ก้มหน้าเงียบท่าเดียว แรมโบ้เองก็ได้แต่มองด้วยสายตาเจ็บปวด พร้อมน้ำตาที่เริ่มไหลรินลงมา
แปะ
“พอเถอะครับ รุ่นพี่”
ยามาโมโตะเดินเข้าไปแตะไหล่ของเรียวเฮ เขาเข้าใจความรู้สึกของเรียวเฮดี แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้…มันไม่ใช่ความผิดของโกคุเดระ…ไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น…แต่มันเป็นความผิดของเขา…และทุกของคน…ที่ไม่สามารถ…ปกป้องสึนะเอาไว้ได้
“…”
ตอนนี้เรียวเฮปล่อยมือออกจากตัวของโกคุเดระแล้ว ทั่วทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ต่างคนต่างตกอยู่ในความคิดของตัวเอง แรมโบ้ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ที่มุมห้อง โกคุเดระกับยามาโมโตะเองก็ได้แต่ก้มหน้าเงียบ ส่วนเรียวเฮก็ไม่สามารถแม้แต่จะพูดหรือตะโกนอย่างเช่นเดิมได้
อรุณโรยราหาได้เจิดจรัส
วายุคลุ้มคลั่งดั่งต้องพิษร้าย
พิรุณเย็นเฉียบมิอาจชำระ
อัสนีงามฟ้าร่ำไห้หลั่งน้ำตา
.
.
.
จากการพูดคุยกันของคนในห้อง พวกเขาจะรู้ตัวบ้างไหม ว่ายังมีอีกบุคคลหนึ่งยืนพิงขอบประตูฟังพวกเขาอยู่ ดวงตาสองสีของผู้พิทักษ์แห่งสายหมอกหม่นแสงลง ประกายความอบอุ่นเพียงน้อยนิดที่ถูกจุดขึ้นโดยซาวาดะ สึนะโยชิมอดดับลงไป ริมฝีปากของเขาขบเม้มเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว
‘ใช่…รุ่นที่สิบ…ตายแล้ว…’
‘รุ่นที่สิบ…ตายแล้ว…’
‘ตายแล้ว…’
‘ตาย…’
เสียงของผู้พิทักษ์แห่งวายุดังก้องซ้ำไปซ้ำมาในหัวของเขา วองโกเล่…ตายแล้ว…ซาวาดะ สึนะโยชิตายไปแล้ว…แววตาของเขาฉายความเจ็บปวดอันล้ำลึกออกมาแวบหนึ่ง มันเจ็บ…เจ็บยิ่งกว่าต้องตกนรกทั้งเป็น เจ็บยิ่งกว่าต้องถูกทดลองโดยพวกมาเฟียโสมมนั่น…ถึงผมจะทำท่าเหมือนเกลียดคุณ แต่ผมน่ะรักคุณมากเลยรู้รึเปล่า วองโกเล่…และทั้งๆ ที่คุณเป็นคนช่วยผมออกมาจากคุกวินดีเช่แท้ๆ ทั้งๆ ที่ผมอุตส่าห์คิดว่าคุณคือบ้านอันแสนอบอุ่นเพียงหนึ่งเดียวของผมแล้วแท้ๆ แต่แล้วทำไมคุณกลับ…ทอดทิ้งผมและเพื่อนๆ ของคุณเอาไว้…แล้วหนีไปในที่ๆ ไกลแสนไกลจนเอื้อมไม่ถึงกันนะ…
แต่ความเจ็บปวดนั่นมันก็ฉายออกมาเพียงแค่ชั่วขณะเดียวเท่านั้น แววตาของมุคุโร่กลับมาเป็นปกติ เขาแสยะยิ้มออกมาอย่างที่เคย แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่เจือจางจากรอยยิ้มนั่น เขาหันหลังกลับไปเพื่อดำเนินแผนการบางอย่าง
มิลฟีโอเลสินะ…
“จะกำจัดให้หมดเลยล่ะครับ”
สายหมอกสีมืดอันโกรธเกรี้ยว
ไร้ซึ่งบุคคลให้รักและพักพิง
ไร้ซึ่งผู้ใดให้คอยปกป้องและพรางตัว
นภาฟ้ากว้างนั้นจะรู้บ้างไหม…
ว่าตนสำคัญเพียงใด…
.
.
.
ณ ห้องญี่ปุ่นในฐานทัพวองโกเล่
“คุณเคียวครับ”คุซาคาเบะเรียกผู้เป็นนายด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด ตอนนี้คงถึงเวลาแล้ว ที่เขาควรจะพูดเรื่องคุณซาวาดะกับคุณเคียวเสียที
ผู้พิทักษ์เมฆาแห่งวองโกเล่ไม่ตอบอะไร เพียงแค่ปรายตาไปมองผู้ขานชื่อของเขาเท่านั้น จากนั้นก็หันกลับมาจิบชาต่ออย่างไม่สนใจ
“คุณซาวาดะน่ะ…เสียแล้วนะครับ…”คุซาคาเบะพูดด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด แม้เขาจะไม่ได้รู้จักอะไรลึกซึ้งกับซาวาดะ สึนะโยชิ แต่เขาก็รักและเอ็นดูคุณซาวาดะเหมือนน้องชาย เป็นคุณซาวาดะที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงคุณเคียว แม้จะเพียงเล็กน้อย แต่เขาก็สัมผัสได้ แล้วอีกอย่าง คุณซาวาดะเองก็เป็นคนดี ตัวเขาเองก็รู้สึกเสียใจกับการสูญเสียครั้งนี้เช่นกัน
“…”ฮิบาริไม่ได้ตอบอะไร เขายังคงจิบชาต่ออย่างเงียบๆ เมื่อคุซาคาเบะเห็นดังนั้นก็ไม่คิดจะเซ้าซี้ต่อ เขารู้ดีว่าคุณเคียวรู้เรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว และเขาเองก็รู้ดีด้วยเช่นกัน ว่าคุณเคียวรู้สึกเจ็บปวดมากแค่ไหน แต่ยังไงคนๆ นี้ก็คือคุณเคียว คุณเคียวเองก็มีวิธีจัดการกับความเจ็บปวดของตัวเองในแบบของคุณเคียว คุซาคาเบะลุกออกจากห้องนี้ไปอย่างรู้ใจผู้เป็นนาย ว่าคงไม่ต้องการให้ใครมายุ่งด้วยในเวลาแบบนี้
ปึก
เสียงปิดประตูดังเข้ามาในโสตประสาทของฮิบาริ เคียวยะ เขาวางถ้วยชาลง หลับตาลงช้าๆ ด้วยความหงุดหงิดในใจ เขาเกลียดความรู้สึกแบบนี้ที่สุด ความรู้สึกอ่อนแอที่ไม่สามารถทำอะไรได้ ความรู้สึกใจหายเวลาที่คนๆ นั้นไม่อยู่ เขารับรู้ได้ว่านี่คือความเจ็บปวด และเขาเกลียดความรู้สึกแบบนี้จริงๆ มันเหมือนกับเขาเป็นเพียงแค่สัตว์กินพืชอ่อนแอ และคนที่ทำให้เขารู้สึกแบบนี้ได้ก็มีเพียงคนเดียว แต่ตอนนี้คนๆ นั้นก็ไม่อยู่ซะแล้ว
“หึ เจ้าสัตว์กินพืช"
คุณบังอาจมากนะซาวาดะ สึนะโยชิ บังอาจมาทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ แล้วหายตัวไป บังอาจมาทำให้ความคาดหวังในการสู้กับคุณของผมต้องจบลงไป บังอาจ…มาทำให้ผมรู้สึกอ่อนแอแบบนี้ และคนที่บังอาจทำให้คุณต้องจบชีวิตลงไป ผมจะจัดการมันเอง!
“มิลฟีโอเล จะขย้ำให้ตาย!”
เมฆาเมฆปุยขาวลอยละล่อง
ถูกจองจำร้อยรัดด้วยสายใย
ยินยอมยืนเคียงข้างนภาลัย
แต่เหตุใด…นภางาม จึงหายไป
.
.
.
ทุกๆ เหตุการณ์อยู่ในสายตาของคนๆ หนึ่งตลอดเวลา เขากดหมวกให้ต่ำลงมาปิดใบหน้าของตัวเอง แล้วเดินออกมาจากมุมมืด เขาเดินเข้าไปใกล้หน้าหลุมศพลูกศิษย์จอมห่วยของตัวเอง อีกไม่นานจะมีการจัดพิธีศพอย่างเป็นทางการ พิธีที่ยิ่งใหญ่…เพื่อมอบให้แก่วองโกเล่รุ่นที่สิบ
เขาเป็นหนึ่งในสามคนที่รู้เรื่องแผนการของสึนะ ตัวเขาเองใช่ว่าจะเห็นด้วยกับการทำลายแหวนและการตายไปของสึนะ แต่ตัวเขาก็ไม่คิดจะเข้าไปขวาง เพราะเขารู้ดี…นี่คือหนทางที่สึนะเลือกเอง เขาไม่มีสิทธิ์อะไรจะเข้าไปห้าม สึนะเองก็เติบโตขึ้นมากจากครั้งแรกที่ได้เจอกัน จากเจ้าห่วยสึนะ กลายมาเป็นบอสวองโกเล่ผู้ยิ่งใหญ่ กลายเป็นผืนฟ้าที่งดงามจนใครๆ ก็หลงรัก…แต่แน่นอน เมื่อมีคนรัก ก็ย่อมต้องมีคนเกลียด เพราะงั้นเจ้านั่นถึงต้องจบชีวิตลงไงล่ะ เพราะมันเป็นวัฏจักร…
แต่ตัวเจ้านั่นจะรู้บ้างมั้ย ว่าการตายของตัวเองจะส่งผลที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหน…จะส่งผลยังไงต่อโลกมืด…จะส่งผลยังไงต่อคนที่รักแก จะต้องมีใครเสียใจและหลั่งน้ำตาบ้าง ทั้งเจ้าพวกนั้น ฮารุ เคียวโกะ วาเรีย หรือแม้แต่พวกลูกน้องที่เคารพและรักในตัวแก นี่ขนาดยังไม่รวมหม่าม้ากับอิเอมิสึ แล้วก็รุ่นที่เก้า มันยังมีมากขนาดนี้ แกเคยรู้สึกตัวบ้างรึเปล่า เคยรู้สึกผิดบ้างมั้ย…พวกเขาไม่ได้ต้องการให้แกมาปกป้องเพียงฝ่ายเดียว แต่พวกเขาต้องการปกป้องแกด้วย…และฉันเอง…ก็รู้สึกแบบเดียวกับเจ้าพวกนั้น…แกเข้าใจบ้างมั้ย เจ้าห่วย…
“แกนี่มันห่วยตลอดกาลจริงๆ นะ สึนะ…”
นภางามอันเลื่องชื่อ
ผู้เป็นนายแห่งฟ้าอันไพศาล
เคยรู้ตัวบ้างไหมฟ้าสีคราม
หากไร้เจ้าจะมีใครคงอยู่กัน…
ผลงานอื่นๆ ของ :: ATOM :: ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ :: ATOM ::
ความคิดเห็น