ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC GOT7] Impassible #MarkJin (End)

    ลำดับตอนที่ #16 : Chapter 15 : Heart Road

    • อัปเดตล่าสุด 12 พ.ย. 59


       15
                            Heart Road


       

                             "The only way to find love is to stop looking."










    #Impassible_mn






    ละอองสีขาวโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าสีฟ้าแกมม่วงจางๆหนึ่งในจำนวนพวกมันตกกระทบกับหน้ากระดาษแผ่นหนึ่งในจำนวนหลายร้อยหน้า ทำให้เจ้าของสายตาที่กำลังจดจ่อกับตัวอักษรบนหนังสือแหงนหน้ามองท้องฟ้าช้าๆ ดวงหน้าขาวระบายรอยยิ้มเมื่อมองเห็นหิมะแรกของฤดูกาล

     


    หกเดือนแล้วที่ปาร์คจินยองมาอยู่ที่นี่

     


    หกเดือนแล้วที่ทดลองใช้ชีวิตเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่สถาบัน      Institut d'études politiques de Paris  สถาบันที่มีชื่อเสียงด้านรัฐศาสตร์อันดับต้นๆของโลก ตลอดหกเดือนที่ผ่านมานับเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตของเขา นอกจากการเรียนในคลาสที่ยากและเข้มข้นแล้ว จินยองยังต้องฝึกฝนทักษะด้านภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศสของตนเอง ทั้งนี้ก็เพื่อจะได้สามารถพูดคุยสื่อสารกับอาจารย์และคนทั่วไปได้รู้เรื่อง และเพื่อที่จะได้อ่านตำราฉบับแปลเป็นภาษาอังกฤษได้เข้าใจ ระยะเวลาหกเดือนอาจเพียงพอที่จะพูดคุยสื่อสารภาษาฝรั่งเศสในชีวิตประจำวันได้ แต่ไม่เพียงพอกับการอ่านตำราซึ่งเป็นภาษาฝรั่งเศสทั้งหมด

     

     ขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับการมองธรรมชาติของหิมะ เสียงห้าวทว่านุ่มนวลก็ดังขึ้นเบื้องหลัง

     

    “คุณมานั่งอยู่ที่นี่เอง”

     

    จินยองละสายตาจากท้องฟ้ามามองผู้มาใหม่แทน

     

    “อ้าว กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ผมไม่เห็นเลย”  คนถูกทักก่อนส่งยิ้มบางๆให้เพื่อนร่วมบ้านของเขาที่ตกลงแชร์ค่าเช่ากันมาเกือบหกเดือนแล้ว

     

    “ผมเข้าทางประตูด้านหลังน่ะ....แล้วนี่กำลังทำอะไรอยู่...หิมะตกแล้วเข้าบ้านเถอะ”  ประโยคเดียวรัวเร็วได้ถึงสามเรื่องทำให้จินยองหัวเราะน้อยๆ

     

    “หิมะแรกของฤดูกาลเลยนะ ได้มาอยู่ที่ฝรั่งเศสทั้งทีขอสัมผัสบรรยากาศหน่อยเถอะ”

     

    “เดี๋ยวไม่สบาย..” พูดไม่พูดเปล่ามือหนายังเอื้อมมาปัดละอองหิมะบนเส้นผมดำขลับให้อีกฝ่าย

     

    “เชื่อผม..เข้าบ้านเถอะ”   สายตาคมเช่นเดียวกับน้ำเสียง จินยองยกมือขึ้นระดับหูทั้งสองข้างอย่างยอมแพ้  “โอเคครับ...เข้าบ้านก็เข้าบ้าน”

     



    ภายในตัวบ้านขนาดกะทัดรัดค่อนข้างอุ่นกว่าภายนอก ทั้งนี้เพราะเตาผิงที่อีกฝ่ายจุดไว้ก่อนจะออกไปเรียกเขาที่หน้าบ้าน ทันทีที่เท้าสัมผัสพรมสีเขียวเข้มเกือบดำหนานุ่มบนพื้นห้อง ความอบอุ่นก็แทรกซึมขับไล่ความหนาวเย็นจนคล้ายกับไม่เคยสัมผัสมาก่อน

     

    “ผมทำสปาเก็ตตี้ไว้แล้ว จินยองจะทานเลยมั้ย”   คำถามเอื้ออารีถูกส่งมาจากร่างสูงภายใต้เสื้อไหมพรมสีน้ำเงินเข้มกับกางเกงยีนส์สีซีดตัวเก่ง

     


    “ขอบคุณครับ”   แต่เจคทานก่อนได้เลยหรือถ้าจะรอก็รอไม่เกินห้านาทีเท่านั้น


    ทันทีที่เสียงของปาร์คจินยองจบลง คิ้วเข้มของเพื่อนร่วมบ้านก็ขมวดเข้าหากันอย่างอัตโนมัติ เมื่อเห็นมือเรียวใช้นิ้วชี้นับเลขบนปฏิทินก่อนขีดฆ่าด้วยปากกาสีแดงเข้มติดๆกันสี่ครั้ง

     

    เกินกว่าจะตั้งคำถามว่าทำไม เขาพอจะนึกคาดเดาคำตอบได้ล่วงหน้าว่าอีกฝ่ายจะตอบว่า

     

    “แค่นับวันกลับโซลเฉยๆน่ะ ไม่มีอะไรหรอก” หรือไม่ก็  “นับเฉยๆว่าอยู่ที่ปารีสมากี่วันแล้ว

     


    แต่เจครู้ว่าปาร์คจินยองพูดไม่จริง ไม่ใช่ว่าเขาล่วงรู้ความลับหรือพบหลักฐานอะไรของอีกฝ่าย แต่มันเป็นสัญชาตญาณ สัญชาตญาณที่บอกว่าปาร์คจินยอง เด็กหนุ่มจากเกาหลีคนนี้กำลังปิดบังอะไรสักอย่างและก็เป็นเพราะสัญชาตญาณอีกเช่นกันที่ส่งเสียงร้องบอกเขาว่าสิ่งที่ชายหนุ่มปกปิดมันเป็นเรื่องกระทบกระเทือนต่อความรู้สึกของเขาที่มีให้อีกฝ่าย

     


     “คุณจะกลับโซลเมื่อไหร่?”

     

    จินยองตอบเรียบๆ สายตายังจดจ้องอยู่ที่ตัวหนังสือบนปฏิทิน “คงไม่เกินอาทิตย์หลังสอบไฟนอล”

     

    “ทำไมรีบกลับล่ะ...ทำไมไม่อยู่ต่ออีกสักพัก”     เพราะยืนหันหลังจินยองจึงไม่มีโอกาสเห็นใบหน้าของเพื่อนร่วมบ้านชาวเอเชียที่ซีดลงทันทีเมื่อได้ยินคำตอบ

     


    ตรงข้ามกับดวงตาของชายหนุ่มชาวเกาหลีเป็นประกายทันทีเมื่อได้ยิน ตอบช้าชัด “คิดถึงบ้าน...คิดถึงแม่..คิดถึงคนที่นู้น”

     


    สายตาหลุบต่ำทันทีเมื่อได้ยินคำว่าคิดถึงคนที่นู้น ข้อความเดียวกันนั้นทำเอาคนฟังเงียบไปชั่วอึดใจ

     


    “อืม...เข้าใจละ”  ฝืนยิ้มแห้งแล้งให้ด้านหลังของคนที่ยังจดจ่ออยู่กับปฏิทิน  “งั้น..มะรืนนี้เราไปเที่ยววันคริสต์มาสด้วยกันนะ..”


    จินยองเบือนหน้ากลับมาตอบ  โอเคครับ  พร้อมกับคลี่ยิ้มสว่างสดใส เป็นรอยยิ้มทีทำให้คนมองหัวใจกระตุกในทุกครั้งที่เห็น อดคิดไม่ได้ว่ามันเป็นรอยยิ้มที่สว่างเจิดจ้ามีชีวิตชีวาราวกับดวงอาทิตย์



    ...น่าเสียดายที่ดวงอาทิตย์ดวงนี้มีเจ้าของอยู่แล้ว









    #Impassible_mn








                   มาร์คเพิ่งได้รู้จักกับคำว่ารอคอยเมื่อไม่นานมานี้  เขาเริ่มรู้จักคำนี้ก็เพราะถ้อยคำของใครคนหนึ่ง

     


    หนึ่งปีหลังจากนี้ถ้าเรายังรู้สึกเหมือนกัน...เราจะมาเจอกันที่นี้ เวลานี้....แต่ถ้าวันนั้นใครคนใดคนหนึ่งไม่มาก็แสดงว่าเราอาจถูกเหวี่ยงให้มาเจอกันในช่วงเวลาหนึ่งเพื่อจะมีความทรงจำระหว่างกันสั้นๆเพียงเท่านั้น

     


    หกเดือนแล้วที่คำพูดประโยคนี้ก้องอยู่ในสมองของเขาทั้งยามหลับและยามตื่น..หกเดือนแล้วที่เขาไม่รู้ข่าวคราวความเป็นไปของเจ้าของเงื่อนไข....และเป็นหกเดือนแล้วที่เขาได้รู้หัวใจตัวเอง.....

     


    เคยมีใครสักคนบอกไว้ว่าเราจะรู้หัวใจของเราดีที่สุด ก็ต่อเมื่อเรากำลังจะสูญเสียมันไป

     


    มันเป็นข้อคิดที่แสนเศร้าและสิ้นหวัง แต่มาร์ครู้ดีว่าเขาไม่ใช่กำลังจะสูญเสีย......แต่เขากำลังจะได้หัวใจของอีกคนหนึ่งกลับมาต่างหาก

     


    แค่ต้องรอ รอเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น

     


    หวังว่าเราจะไม่ถูกเหวี่ยงให้มาเจอกันเพื่อที่จะจากลากันไปตลอดกาลหรอกนะปาร์คจินยอง...

     


    ตอนนี้เวลาล่วงเลยมาครึ่งทางแล้ว และเวลาที่ผ่านมาก็เป็นสิ่งย้ำเตือนว่าทางเลือกที่อีกฝ่ายเลือกให้แก่เราสองคน มันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เราสองคนควรได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ได้ใช้เวลากับสิ่งที่มีประโยชน์  ได้ใช้เวลาให้เราล่วงรู้หัวใจของตัวเอง และได้ใช้เวลาถามตัวเองว่าเมื่อถึงวันนั้นเรายังต้องการใครอีกคนอยู่หรือเปล่า

     


    หกเดือนที่ผ่านมามาร์คใช้เวลาทั้งหมดไปกับการฝึกงาน อยู่กับครอบครัว และคิดถึงคนที่อยู่แสนไกล

     


    เขาเรียนจบได้เดือนกว่าแล้วและกำลังจะเข้ารับปริญญาในอีกไม่ถึงสัปดาห์ข้างหน้า การฝึกงานตลอดระยะเวลาสีเดือนเศษที่ผ่านมาค่อนข้างราบรื่นและผ่านไปได้ด้วยดี เช่นเดียวกันกับการฝึกงานของเจบีและหวังแจ็คสัน แม้มีปัญหาบ้างแต่ทั้งสองคนก็คลี่คลายจนผ่านลุล่วงไปได้ ตอนนี้ต่างก็แยกย้ายพักผ่อนกันคนละประเทศ เจบีอยู่เกาหลี แจ็คสันอยู่ฮ่องกง และเขาบินกลับมาอยู่กับพ่อแม่ที่ญี่ปุ่น


    ชีวิตของมาร์คค่อนข้างสงบและเรียบง่ายมาตลอดหนึ่งเดือน จะมีเรื่องให้กราฟอารมณ์เปลี่ยนไปบ้างก็เมื่อได้รับซองจดหมายสีครีมอ่อนจ่าหน้าซองว่า

     


    ชเว เยจิน –   ลีโอ

     


    การ์ดแต่งงานถูกส่งข้ามประเทศเพื่อมาแจ้งแก่เขา มาร์ครู้ดีว่าเจ้าของความคิดนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจ้าสาวของงาน

     


    บอกไม่ได้ว่าความรู้สึกตอนที่อ่านชื่อบนหน้าซองจดหมายนั้นเป็นเช่นไร เสียใจ ยินดี หรือประหลาดใจ ทุกอย่างมันผสมปนเปกันไปหมด รู้แค่ว่าคนสองคนที่ทำเขาเจ็บกำลังจะแต่งงานกัน



    แต่ทุกอย่างมันเป็นอดีตไปแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและพี่สาวของยองแจมันจบลงไปนานแล้ว เขามีจินยองแล้ว และไม่ควรจะไปโกรธแค้นหรือดึงตัวเองลงไปจมปลักกับอดีตครั้งนั้นอีก


     

    คิดได้ดังนั้นจึงไม่ลังเลที่จะจองตั๋วเครื่องบินกลับโซลเพื่อร่วมงานแต่งงานของอดีตคนเคยรัก

     







    #Impassible_mn   







                   เสียงดนตรีเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสดังขึ้นทั่วทุกหนทุกแห่งของนครศิวิไลซ์ที่มีชื่อว่าปารีส และคงเป็นเช่นนี้ในอีกหลายเมือง หลายรัฐ หลายประเทศในทวีปยุโรป จินยองเองค่อนข้างจะตื่นตาตื่นใจกับสรรพสิ่งรอบตัวโดยมีเจคนักศึกษาปริญญาโทชาวไต้หวันทำหน้าที่เป็นไกด์สมัครเล่นคอยชี้ชวนให้ดูแสงสีตามอาคารบ้านเรือนสองฟากฝั่ง รวมทั้งต้นสนขนาดใหญ่ที่ห้อยระย้าตกแต่งด้วยดาวเงินดาวทองและกล่องของขวัญขนาดเล็กสีสันสดใสไปทั้งต้น


                    เดินเบียดฝูงชนมายังบริเวณหอไอเฟล ก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าหอไอเฟลคืนนี้ดูสวยงามกว่าทุกคืนที่เคยเห็นมา  พอจะอนุมานได้ว่าเป็นเพราะสีสันโดยรอบที่ขับให้สิ่งมหัศจรรย์ของโลกดูสวยงามและโดดเด่นราวกับสิ่งก่อสร้างบนสรวงสวรรค์

     

                    เป็นภาพแห่งความสุขและความประทับใจจนอยากบันทึกใส่กระเป๋าเพื่อพกพาไปทุกหนทุกแห่ง.......ไปฝากใครบางคนซึ่งอาจไม่เคยเห็นมันมาก่อนเช่นกัน

     


                    จินยองถูกปลุกให้ออกจากภวังค์เมื่อเงามืดของใครบางคนมาบดบังทัศนียภาพนั้นไว้

     


                    “เจคนั่นเองนึกว่าใคร”     เอ่ยออกไปแล้วก็ต้องย่นหัวคิ้วเข้าหากัน  เสียงเคลื่อนไหวอะไรบางอย่างรอบตัวทำให้กวาดสายตามองรอบกายทันที และภาพที่เห็นก็ทำให้เลือดสูบฉีดไปที่ผิวแก้มอย่างรวดเร็ว

     


                    “ยังไม่ชินอีกหรือไง?”   เสียงถามกลั้วหัวเราะของคนตรงหน้าดังขึ้น  จนเห็นไอควันบางเบาสีขาวคล้ายกับหมอกอันเกิดจากลมร้อนปะทะกับอากาศหนาวเย็นของเดือนธันวาคมลอยออกมาจากริมฝีปากหยักลึก

     

                    คนถูกตั้งคำถามส่ายศรีษะจนเส้นผมดำสนิทปลิวไปมา

     

                    ใครจะไปชินกับการเห็นคนมากอดจูบกันอยู่ต่อหน้าต่อตาแบบนี้ ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาจินยองเห็นแทบจะทุกวันแต่จนแล้วจนรอดก็ยังทำใจกับการแสดงความรักแบบนี้ไม่ได้สักที ได้แต่นึกภาวนาในใจขอให้มันเป็นครั้งสุดท้ายเสมอ


                    หลังจากถูกทำร้ายด้วยภาพแสดงความรักอันโจ่งแจ้งไปแล้ว  ลำดับต่อมาความหนาวเย็นของประเทศฝรั่งเศสก็กำลังเล่นงานเขาจนฟันบนกับฟันล่างกระทบกันกึกๆ


    นัยน์ตาคู่คมเพ่งพิศมองอีกฝ่ายท่ามกลางแสงไฟเจิดจ้าของเทศกาลคริสต์มาส  ริมฝีปากสีสดสั่นระริก  แก้มที่เคยขาวบัดนี้เปลี่ยนเป็นสีชมพูเข้ม  วันนี้อากาศหนาวเย็นเกินไปจนเสื้อโค้ทสีน้ำตาลที่อีกฝ่ายสวมอยู่เพียงชั้นเดียวไม่น่าจะเพียงพอ

     

                    จึงเอ่ยถามเสียงอ่อนโยน    จะไปตรงอื่นหรือว่าจะกลับบ้าน?”

     

                    จินยองพยายามบังคับไม่ให้เสียงของตัวเองสั่นจนเกินไป   “ม..ไม่ครับ อย่ามาหมดสนุกเพราะผมเลย”

                   

                    “ใครว่า..”   คนสูงกว่าคลี่ยิ้ม...   “ผมเห็นมันมาปีนี้ปีที่ห้าแล้ว เบื่อ..อยากกลับไปนอนที่บ้านผิงไฟอุ่นๆมากกว่า”

                   

      “อ้าว  ถ้างั้นเจคชวนผมมาทำไม”

     

                    ถามออกไปแล้วจินยองก็คิดได้ว่าพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย  ดวงตาคู่คมเป็นประกายวาววับ จนดวงตาที่อ่อนแสงกว่าต้องเสหลบ

     

                   แต่คำพูดกลับนี่สิกลับเรียบเรื่อยตรงกันข้ามกับประกายระยิบในดวงตา



                    “ก็คุณไม่เคยมาเห็นมาก่อน ผมเลยพามาให้เห็น...."  เสียงห้าวนุ่มนวลพูดต่อไป   “แต่ตอนนี้เห็นแล้วดังนั้นกลับบ้านกันเถอะ ยิ่งดึกคนจะยิ่งเยอะ”

                   


    คนฟังพยักหน้าตามอย่างว่าง่าย  ในใจนึกโล่งอกที่จะได้กลับไปยังสถานที่อุ่นๆมากกว่ายืนอยู่ด้านล่างหอไอเฟลให้ลมหนาวพัดกรีดแทงแบบนี้ หนำซ้ำสุนทรียภาพทางใจเมื่อสักครู่ก็ถูกทำลายลงด้วยความโรแมนติกของชายหนุ่มหญิงสาวรอบกายไปหมดสิ้นแล้ว

                   




    บ้านหลังเล็กสีครีมเห็นเด่นชัดอยู่ที่หัวมุมถนน จินยองค้นกุญแจในกระเป๋าเป้อยู่ครู่เดียวก็ไขประตูเปิดเข้าไป แต่เจคกลับรุดหน้าผลักประตูเข้าไปก่อน



    “จินยองเปิดไฟให้หน่อย ผมจะเปิดฮีตเตอร์ จะจุดเตาผิงด้วย”

     

    “เปิดฮีตเตอร์อย่างเดียวก็พอมั้งครับ ไม่ต้องจุดเตาผิงหรอก”   เขาไม่เห็นด้วยเมื่อเปิดฮีตเตอร์แล้วก็ไม่จำเป็นจะต้องจุดเตาผิงให้เปลืองฟืน

     


    “เตาผิงมันอุ่นเร็วกว่า”   เจคให้เหตุผล ก่อนพูดต่อ   “คุณมานั่งตรงนี้ก่อน ตัวสั่นไปหมดแล้ว..แล้วถ้ายังไม่ง่วงนั่งคุยกันก่อนได้มั้ย”


    “ได้ครับ”    ตอบพร้อมทรุดนั่งลงบนพรมหน้าเตาผิงอย่างว่าง่าย ไม่นานนักเจคที่จุดเตาเรียบร้อยก็ทรุดตัวลงนั่งตาม





    แสงไฟสีส้มที่แลบเลียสูงๆต่ำๆส่งผลให้ดวงหน้าของชายหนุ่มชาวไต้หวันดูแปลกตาไปกว่าทุกครั้ง เจคเป็นผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาเหมือนๆกันกับผู้ชายเชื้อชาติเดียวกันอีกคนที่เขารู้จัก แต่ดวงตากว้างและคิ้วเข้มจัดทำให้ใบหน้าของเจคออกคมมากกว่าเขาคนนั้น และก่อนที่จินยองจะได้ทันตั้งตัวใบหน้าของเจคก็โน้มใกล้เข้ามา ใกล้มากจนจินยองกระถบหนีด้วยความตกใจ


    “เจคจะทำอะไร?!

     


    เจคดึงตัวเองกลับไปนั่งตามเดิม ก่อนระบายยิ้มเศร้าเป็นคำตอบ

     


    “ทำให้จินยองรู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับคุณ”     ถ้อยคำตรงไปตรงมานั้นทำเอาจินยองนิ่งอึ้ง อันที่จริงก็ใช่ว่าจะไม่รู้ ตลอดเวลาที่อยู่พักอยู่บ้านหลังเดียวกันมา การกระทำ คำพูด สายตา หลายอย่างๆทำให้เดาความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ไม่ยากนัก

     

    “...แต่ก็พอรู้แล้วว่าผมไม่มีหวัง.....จินยองมีใครบางคนอยู่ในใจแล้ว...ที่ผมพูดจริงใช่มั้ย”

     

    คำถามง่ายๆนั้นกลับยากเหลือเกินที่จะตอบ หลังจากนิ่งอยู่อึดใจจินยองก็พยักหน้าขึ้นลงช้าๆ

     

    “เจครู้ได้ยังไง?”

     

    “ไม่ยากหรอก....คุณเดินทางมาปารีสเมื่อวันที่15เดือน6แต่ปฏิทินของคุณกลับขีดฆ่าตั้งแต่วันที่9 ก็แสดงว่าเหตุผลที่คุณบอกผมมันไม่จริง”

     

    ข้อสังเกตของคนตรงหน้าชัดเจนและเป็นความจริงจนต้องยอมรับ

     

    “ขอโทษที่โกหกนะครับ แต่ผมไม่เห็นว่าจะบอกเจคยังไง”

     

    “...ผมเข้าใจ....บางอย่างมันก็เป็นเรื่องส่วนตัว”

     


    จินยองยิ้มให้อีกฝ่าย เจคเป็นคนดีอย่างนี้เสมอ ตลอดเวลาที่รู้จักกัน เคยสุภาพ อ่อนโยน ดีกับเขาอย่างไรทุกวันนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้นอยู่

     

    สายตาของเจคหลุบต่ำลง ไม่กล้าประสานสายตา “จินยองคงรักเขามาก...”

     

    “วันที่30นี้ก็จะครบสามปีแล้ว”     เสียงที่ตอบแผ่วเบาทว่าหนักแน่น จนเจคต้องปิดเปลือกตาช้าๆเพื่อข่มความรู้สึก


    “...อิจฉาเขาจัง”   ก่อนพูดต่อ   “จินยองไปนอนเถอะ.”

     

    “ได้.....ผมจะไปนอนแต่อยากให้เจครู้ไว้ว่าผมขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆ ....ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เจคให้ผมมาตลอด”


    เท่านั้นเปลือกตาที่ถูกปิดไว้ก็เลื่อนเปิดขึ้น  รอยยิ้มเศร้าบนใบหน้าหล่อเหลาทำให้จินยองรู้สึกสงสารจับใจ


    “จินยองนั่งนิ่งๆนะ”


    ยังไม่ทันจะเอ่ยถามว่าอะไร และก่อนที่จะรู้ตัว   ริมฝีปากเย็นจัดของอีกฝ่ายก็ประทับลงมา  แนบสนิทอยู่นิ่งนาน ปราศจากการรุกล้ำ จินยองนั่งนิ่ง ตัวแข็งทื่อ และเจคก็ยังคงเป็นเจคเพียงไม่นานเขาก็ถอนริมฝีปากกลับไป แทนที่ด้วยนิ้วโป้งเย็นจัดที่ยกขึ้นมาแตะที่หน้าผากของอีกฝ่ายแทน


    “ฝันดีครับจินยอง”


     กล่าวทิ้งท้ายพร้อมลุกขึ้นเข้าห้องนอนของตัวเองไปทิ้งให้จินยองนั่งนิ่งเป็นรูปปั้นอยู่ไม่ต่ำกว่าห้านาที








    #Impassible_mn






                     ชเวเยจินควงคู่มากับเจ้าบ่าวร่างสันทัด ในชุดเจ้าสาวสีขาวเปิดไหล่ข้างหนึ่ง ผมยาวม้วนตลบขึ้นกลางศรีษะแซมด้วยดอกกุหลาบขาว ใบหน้าตกแต่งอย่างประณีตไม่อ่อนหรือเข้มจนเกินไป เมื่อดวงตาล้อมกรอบด้วยขนตางอนยาวหันมาเห็นร่างโปร่งในชุดสูทสีเทาเข้มก็รีบสาวเท้าเดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว

     


                    “พี่ดีใจที่มาร์คมาวันนี้”    เสียงของหญิงสาวบ่งบอกถึงความยินดีเช่นเดียวกับคำพูด

     


                    ชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยช้าๆ    “ผมมาแสดงความยินดี ยินดีด้วยนะครับ ยินดีด้วยจริงๆ”   ยิ้มอ่อนหวานถูกระบายบนใบหน้างดงามราวตุ๊กตาของเจ้าสาว  ดวงตาของชเวเยจินคลอคลองไปด้วยหยาดน้ำตา

     


                    “ผมมาคิดดูแล้ว พี่กับผม เราคงไม่ใช่เนื้อคู่กัน...เรื่องราวระหว่างเราจึงต้องจบลงแบบนั้น..”     มาร์คทอดสายตาไปมองเจ้าบ่าวของอีกฝ่าย     “ตรงกันข้ามกับพวกพี่สองคนที่เป็นเนื้อคู่กันจริงๆแม้ตอนนั้นจะอยู่กันคนละประเทศก็ยังได้มาเจอกัน”

     


                    หยาดน้ำตาหยดหนึ่งกลิ้งลงบนใบหน้าของผู้ฟัง     “ขอบคุณที่เข้าใจพี่นะมาร์ค...และขอโทษสำหรับความผิดที่พี่เคยทำไว้..”

     


                    “....ผมเองก็ต้องขอโทษพี่เช่นกัน ขอโทษสำหรับความวู่วามในวันนั้นที่โรงยิม”    เยจินพยักหน้ารับรู้ มาร์คจึงพูดต่อ     “ และขอบคุณ ขอบคุณที่ทำให้ผมได้รู้จักความรัก ถึงมันจะทำให้ผมเจ็บปวดมากก็ตาม”



                    ประกายตาของเจ้าสาวคนใหม่หม่นลงทันทีที่ได้ยินประโยคหลัง แต่เพียงไม่นานก็กลับทอแสงขึ้นอีกครั้ง



                    “ถ้าอย่างนั้นถือว่าเราต่างคนต่างไม่มีข้อติดค้างกันแล้วนะจ๊ะ.....พี่ดีใจที่ตอนนี้มาร์คได้เจอคนดีๆ คนที่เขารักมาร์คอย่างจริงใจ...”    มาร์คคลี่ยิ้มทันทีเมื่อฟังมาถึงประโยคนี้ 

     


                    “...ขอบคุณนะครับ....ขอบคุณที่ทำให้จินยองเข้ามาในชีวิตของผม..” ถ้าเขาไม่ผิดหวังในคราวนั้น ถ้าเขาไม่คิดย้ายสาขาและมหาวิทยาลัยที่เรียน เขาก็คงไม่ได้มาเจอกับปาร์คจินยอง ปาร์คจินยองที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและความปรารถนาดีที่มีให้เขาตลอดมา

     

     




     #Impassible_mn 

     




                    มาร์คแปลกใจเล็กน้อยเมื่อได้รับโทรศัพท์จากล๊อบบี้ชั้นล่างของโรงแรมว่ามีพัสดุจ่าหน้าถึงเขา ที่อยู่ที่ส่งมาก็เป็นภาษาอะไรสักอย่างที่เขาอ่านไม่ออก เมื่อลงมือแกะกล่องพัสดุสีน้ำตาลอ่อนก็พบว่าเป็นกล่องของขวัญขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่วางสงบอยู่ก้นกล่อง


                    กระดาษห่อของขวัญสีเทาสลับขาวที่ทำหน้าที่ปกปิดสิ่งของภายในกล่องถูกแกะและฉีกเปิดออกจนเห็นSnow ball รูปหอไอเฟลมีเกล็ดเงินแวววาวจำลองคล้ายหิมะวาววับเป็นประกายภายใต้แก้วกลม ในกล่องเดียวกันยังมีโปสการ์ดรูปร่างคล้ายทางเดินทอดยาวขนานไปกับต้นไม้สองฟากฝั่ง ด้านหลังของโปสเตอร์มีข้อความไม่ยาวนักเขียนด้วยลายมือตัวเล็กเป็นระเบียบว่า

     

     


    ถึงพี่มาร์ค 

     

    ของขวัญและโปสการ์ดฉบับนี้คงเดินทางมาถึงคอนโดฯของพี่มาร์ค

    หลังวันรับปริญญาของพี่มาร์คไม่เกินสองวัน ยินดีกับบัญฑิตคนใหม่ด้วยนะครับ


    ปาร์ค จินยอง



     

                    มาร์คระบายยิ้มเมื่ออ่านจบ จินยองก็ยังคงเป็นจินยองคนเดิม คนที่ใส่ใจรายละเอียดของเขาในทุกๆเรื่อง ในทุกๆอย่าง มาร์คไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทราบข่าวได้อย่างไรว่าเขาจะรับปริญญา    เพราะเป็นเงื่อนไขของจินยองอีกเช่นกันที่ไม่ให้เขาติดต่อไปหา จินยองให้เหตุผลว่า การที่ยังติดต่อกันอาจทำให้เราถูกยึดกันด้วยความผูกพัน ไม่ใช่ความรัก มาร์คยกยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อคิดว่าคราวนี้จินยองกลับเป็นฝ่ายผิดเงื่อนไขเสียเอง แต่การผิดข้อตกลงของอีกฝ่ายกลับทำให้มาร์ครู้สึกหัวใจพองโตที่ได้รู้ว่าตลอดหกเดือนที่ผ่านมาความรู้สึกของจินยองที่มีต่อเขายังไม่ถูกระยะเวลาและระยะทางสั่นคลอนทำให้มันลดลงไป

     

                    ตอนนี้มาร์คก็ได้แต่หวังว่าอีกหกเดือนต่อจากนี้ความรู้สึกของคนที่อยู่แดนไกลจะยังคงเหมือนเดิมและก็ได้แต่หวังอีกอย่างว่าเมื่อถึงวันที่ 9 ในอีกหกเดือนข้างหน้าเขาจะไม่ต้องไปสะพานแห่งสัญญานั้นเพียงคนเดียว

     





      #Impassible_mn




    Moondream_





    © themy butter

     




     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×