คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Chapter 12 : Goodbye
12
Goodbye
" Sometimes I feel like I'm waiting for something that isn't
going to happen."
#Impassible_mn
ลาก่อนมาร์คจอมโง่เง่าคนเดิม!
ประโยคที่เคยบอกกับตัวเองในครั้งนั้น ทว่าในวันนี้กลับไร้ความหมาย เพียงแค่เห็นใบหน้าที่คุ้นตา ได้ยินเสียงที่จำฝังใจ ความทรงจำเดิมๆที่พยายามลืมเลือนกลับทยอยกลับเข้ามาราวกับขบวนรถไฟและเป็นขบวนรถไฟที่ยาวคล้ายไม่มีจุดจบ มาร์คขบกรามแน่น มือเย็นเฉียบ ความปวดร้าวแพร่กระจายไปทั่วร่าง
ก่อนที่จะให้ผู้หญิงคนเดิมได้เปล่งเสียงขึ้นซ้ำเป็นครั้งที่สองร่างสูงก็ชิงหมุนตัวกลับหันหลังเสียก่อน
“มาร์ค
อย่าเพิ่งไป คุยกับพี่ก่อน” เสียงหวานตะโกนเสียงดังพร้อมกับวิ่งตามไปยึดแขนข้างหนึ่งเพื่อหยุดยั้งไม่ให้ชายหนุ่มได้ก้าวเท้าออกจากสถานที่นี้ไป
แจ็คสันกับเจบีมองหน้ากันด้วยความงุนงง พลางปรึกษากันทางสายตาว่าเกิดอะไรขึ้น หากคนที่รู้คงจะมีแค่สองคนที่ยืนยื้อยุดกันอยู่ตรงหน้าเท่านั้น จึงได้แต่ยืนสังเกตการณ์อย่างเงียบๆ ไม่อยากเข้าไปวุ่นวาย ใบหน้าของเพื่อนสนิทชาวไต้หวันตอนนี้เป็นสีขาวและว่างเปล่าคล้ายกับกระดาษ
พวกเขารู้ดีว่ามาร์คต้วนเวอร์ชั่นนี้น่ากลัวและอันตรายยิ่งกว่าพายุไต้ฝุ่นเสียอีก
“ปล่อย...” เสียงต่ำลึกคล้ายเค้นจากลำคอเอ่ยขึ้นหลังจากนิ่งงันไปชั่วครู่
คนฟังสีหน้าเจื่อนลงเมื่อได้ยินทว่ายังดึงดัน “ไม่...พี่ไม่ปล่อยจนกว่ามาร์คจะยอมคุยกับพี่ดีๆ” ไม่เพียงแต่ถ้อยคำปฏิเสธ เยจินยังยึดแขนของคนพูดแน่นขึ้นกว่าเดิม เป็นการบอกกลายๆว่าถ้าไม่พูดกันให้เข้าใจเธอก็จะไม่มีวันยอมปล่อยเขาไปเป็นอันขาด
ชายหนุ่มนิ่งไปอีกครั้งก่อนริมฝีปากได้รูปจะเหยียดออกอย่างเย้ยหยัน
“คุณควรจะคุยกับผมตั้งแต่สี่ปีก่อนแล้วหรือเปล่า”
คำพูดเรียบๆแต่แฝงความนัยนั้นคล้ายมีดแหลมคมที่ปักเข้าอวัยวะสำคัญ หญิงสาวเม้มปากแน่นระงับก้อนสะอื้น ก่อนเอ่ยเสียงเครือ
“พี่รู้ว่ามาร์คยังโกรธพี่ แต่พี่แค่อยากให้มาร์ครู้ว่าพี่เสียใจจริงๆ พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้ง....”
“อย่าโกหก!!!” เสียงทุ้มต่ำตวาดลั่น
ดวงตาที่เคยมีแว่นสายตาบดบังบัดนี้เป็นประกายกล้าด้วยแรงอารมณ์ “คุณน่ะตั้งใจแน่ๆ วางแผนอย่างดีเสียด้วย.........สนุกมากมั้ยที่เล่นกับความรู้สึกของคนอื่น” ประโยคหลังถึงแม้ยังแข็งกร้าวทว่าเจือด้วยความปวดร้าว
มาร์คอยากถามผู้หญิงใจร้ายคนนี้มานานแล้ว..........สนุกมากไหมที่หลอกให้ผู้ชายโง่ๆคนหนึ่งรัก
สนุกมากไหมที่หลอกให้มันมีความหวัง สนุกมากไหมที่ทำลายหัวใจของคนอื่นอย่างไม่มีชิ้นดี
ความรู้สึกของเขามันก็เหมือนกับแก้วที่ถูกผลักให้ตกลงแตกกระจายกับพื้นนั่นแหละ ถูกทำให้แตกไปแล้ว
ไม่มีทางที่จะกลับมาดีได้เหมือนเดิม
เพียงเท่านั้นก็ทำให้คนที่พยายามกลั้นน้ำตาปล่อยโฮ
“พะ...พี่..
รู้..ว่า..พี่..มัน..ฮึก...เลว..พี่..ไม่ขอ...ให้..มาร์ค..ฮึก...ยกโทษ..ห..ให้..แต่...ขอ...ได้มั้ย..อ..อย่า..เป็น..แบบ..นี้..เลย..”
เจ้าของชื่อไม่แม้แต่จะปรายตามามอง หนำซ้ำยังใช้มือที่แข็งแรงกว่าแกะมือที่ยึดเขาไว้ออกช้าๆ
“คนที่ทิ้งไป
ไม่มีสิทธิ์ร้องขออะไรหรอก.....จำไว้”
ร่างสูงลับสายตาไปแล้ว หายไปพร้อมกับความหวังทั้งหมดที่เธอมี เยจินทรุดลงกับพื้นสะอื้นไห้อย่างน่าสงสาร
เธอมาวันนี้ด้วยความหวัง หวังว่าอย่างน้อยจะได้รับการยกโทษ ถือแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ทำมันยากที่จะให้อภัย
มาร์คคงจะเจ็บปวดกับการกระทำของเธอมาก แต่เยจินก็ยังหวังอย่างล้มแล้งๆว่าเวลาจะช่วยเยียวยาให้ชายหนุ่มรุ่นน้องกลับมาเป็นเหมือนเดิม
แต่เธอคิดผิด ผิดอย่างสิ้นเชิง ไม่ใช่แค่จะไม่ช่วยอะไรเท่านั้นวันเวลาที่ผันผ่านยังหล่อหลอมให้เด็กหนุ่มที่เคยมองโลกในแง่ดี
มีความหวังในชีวิต และมีจิตใจที่อ่อนโยนอยู่เสมอเปลี่ยนไปเป็นคนละคนชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ
มาร์คกลายเป็นชายหนุ่มที่ไม่เชื่อมั่นในความรัก มองโลกในแง่ร้าย
และมีหัวใจที่เย็นชา
นี่เธอทำอะไรลงไป
เธอจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองเป็นอันขาด!
#Impassible_mn
“มาร์คมึงโอเคเปล่าวะ? ” เจบีที่เดินแกมวิ่งตามมาร้องถามด้วยความเป็นห่วง เขาทิ้งแจ็คสันไว้ให้อยู่เป็นเพื่อนหญิงสาวแปลกหน้าที่เขาสองคนไม่เคยรู้จัก ตอนนี้มันก็คงมีเครื่องหมายคำถามประดับบนหน้าผากเหมือนเขานี่แหละ มาร์ครู้จักผู้หญิงคนนั้นได้ยังไงยังเป็นปริศนาที่หาคำตอบไม่ได้และคำถามที่ว่าทำไมผู้หญิงคนนั้นต้องร้องไห้เสียใจขนาดนั้นด้วยยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้คิ้วขมวดเป็นปม
“กูโอเค ไม่มีอะไร” เจ้าของชื่อตอบทั้งๆที่ยังไม่หยุดก้าวเท้าเร็วๆ
ยิ่งฟังน้ำเสียงที่ตอบกลับมายิ่งทำให้เจบีแน่ใจว่าตอนนี้คนที่เดินนำกำลังไม่โอเคอย่างมาก เสียงของมาร์คเหมือนสัตว์ที่กำลังบาดเจ็บ
“แต่มึงดูไม่โอเคเลยนะ ” เสียงห้าวปนหอบน้อยๆตะโกนตามหลัง ระยะห่างของเขากับคนข้างหน้าห่างกันประมาณสามเมตร
ขาที่กำลังก้าวไปตามทางเดินของมาร์คหยุดชะงัก ร่างโปร่งหมุนตัวกลับมาอย่างหมดความอดทน
“บอกว่าโอเคก็โอเคไงวะ! กลับไป....กูอยากอยู่คนเดียว”
คนฟังอยากจะรั้งคนเป็นเพื่อนไว้แต่น้ำเสียงจริงจังประกอบกับใบหน้าเรียบเฉยคล้ายฉาบไว้ด้วยน้ำแข็ง ทำให้เขาต้องยอมแพ้
“เออ
ก็ได้เว้ย มีอะไรก็บอกกูได้นะ” เจบีหยุดเดิน พร้อมส่งสายตาเป็นห่วงแกมครุ่นคิดให้กับแผ่นหลังของเพื่อนที่เดินลับสายตาไปทางมุมตึก
แต่ยังไม่ทันจะกลับหลังหันเสียงฝีเท้าคู่ใหม่ก็ดังใกล้เข้ามา
“พี่บี
พี่มาร์ค พะ....พี่มาร์คล่ะครับ” เด็กหนุ่มรุ่นน้องถามเสียงกระหืดกระหอบ ถ้าให้เดาคงวิ่งมาจากโรงยิมสินะ และถ้าจะให้เดามากขึ้นการที่ผู้หญิงคนนั้นมาอยู่ที่นี่เวลานี้ก็คงจะเป็นแผนการของเจ้าตัวไม่ใช่ใครอื่น
คนโตกว่าถอนหายใจยาว
“มันวิ่งไปทางนู้นแล้ว เดี๋ยวๆจินยอง อย่า...” เสียงร้องห้ามหายลับไปในลำคอเมื่อร่างที่เพิ่งวิ่งมาถึงวิ่งเลยต่อไปตามทางที่เขาชี้บอก
เจบีกลืนน้ำลายลงคอ เขารู้นิสัยเพื่อนรักดีเวลานี้เป็นเวลาที่อารมณ์ของมันรุนแรงและแปรปรวนราวกับคลื่นที่สาดซัดเข้าหาฝั่งในวันเกิดสึนามิ
ถ้าเดาไม่ผิดมันคงกำลังหาฝั่งที่จะระบายอารมณ์
และคงไม่มีใครที่จะเหมาะสมไปมากกว่าน้องรหัสของเขาอีกแล้ว
#Impassible_mn
ทันทีที่วิ่งมาถึงสถานที่ซึ่งคาดว่าจะปรากฏร่างของคนที่ตามหา
ก็พอดีกับที่สายตาปะทะเข้ากับรถสปอร์ตคันหรูสีส้มเปิดประทุนที่เจ้าของกำลังเข้าเกียร์ถอยหลังขับเคลื่อนออกจากบริเวณนี้ไป
จินยองไม่รอช้าวิ่งพรวดกระโดดขึ้นรถคันนั้นไปทันที
“ใครอนุญาตให้นายขึ้นรถฉัน...ลงไป! ”
ความเย็นชาทำให้หัวใจจินยองเต้นผิดจังหวะด้วยความกลัว แต่ก็แข็งใจถามต่อไป
“พี่มาร์คจะไปไหนครับ?”
“เรื่องของฉัน ได้ยินไหมฉันบอกว่าให้ลงไป! ” คราวนี้ไม่เพียงแต่น้ำเสียงที่เยียบเย็นเท่านั้น ท่าทีของมาร์คบอกให้รู้ว่าพร้อมจะเอาจริงหากเด็กหนุ่มรุ่นน้องไม่เชื่อฟัง จินยองเองก็กลัวว่าจะถูกลากลงจากรถไม่วินาทีใดก็วินาทีหนึ่งจึงตัดสินใจเอ่ยสิ่งที่เขาคิดแต่ยังไม่ได้พูดออกไป
“ทำไมพี่มาร์คไม่คุยกับพี่เยจินให้รู้เรื่องล่ะครับ พี่หนีความจริงตลอดไปไม่ได้หรอกนะ”
เท่านั้นอารมณ์รุนแรงที่พยายามสะกดกลั้นของมาร์คก็ระเบิดขึ้น เขาพอจะเดาได้แล้วว่าใครที่เป็นต้นเหตุทั้งหมด ใครที่เป็นคนวางแผน เป็นคนที่พาผู้หญิงคนนั้นมา
“นายเป็นตัวการอย่างนั้นสิ? ”
“.....” จินยองไม่ตอบหากทอดสายตาลงต่ำ ยอมรับในโทษทัณฑ์และชะตากรรมของตัวเอง
ความร้อนพลุ่งขึ้นมาบนใบหน้าและผิวกายของมาร์คทันทีก่อนไหลวนไปทั่วทั้งร่าง การที่อีกฝ่ายนิ่งไม่ปฏิเสธก็เท่ากับยอมรับดีๆนี่เอง ตอนนี้เขาโกรธ....โกรธมาก จนไม่แน่ใจว่าจะทนเห็นใบหน้าของตัวต้นเรื่องได้อีกต่อไป
นิ้วที่ชี้ไล่สั่นด้วยแรงอารมณ์ เสียงที่เปล่งออกมาเต็มไปด้วยโทสะ
“ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย
ออกไป!... ลงไปจากรถฉัน”
ตรงกันข้ามกับคำสั่งจินยองดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาด
“ไม่ครับ ผมไม่ลง
ผมอยากให้พี่ยอมรับความจริงสักที”
“ไม่ลงใช่มั้ย...ได้...”
แรกเริ่มผู้โดยสารค่อนข้างงุนงงที่เห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบไปคล้ายกับว่าจะยอมให้เขานั่งรถไปด้วย หากเพียงเสี้ยววินาทีก็ต้องร้องลั่นเมื่อมาร์คกระชากรถถอยหลังจนศรีษะของคนไม่ระวังตัวกระแทกขอบเบาะอย่างแรง และชั่วพริบตาก็เหยียบคันเร่งจนรถทะยานไปข้างหน้าราวกับมีมือที่มองไม่เห็นฉุดกระชาก
เป็นเวลานานเท่าไหร่เขาเองก็ไม่แน่ใจที่ต้องทนนั่งเกร็งบนรถเปิดประทุนคันนั้น ก่นด่าตัวเองในใจมาตลอดทางว่าการตัดสินใจของตัวเองครั้งนี้อาจพาให้ตัวเองไปพบกับจุดจบที่คาดไม่ถึง คนขับคงเหยียบคันเร่งไม่ต่ำกว่า120 เพื่อระบายอารมณ์กรุ่นโกรธของตัวเองหรือไม่ก็จงใจทำให้เขากลัว และถ้าหากเจ้าของรถประสงค์เช่นนั้นก็คงสมความปรารถนาทุกอย่าง เพราะตอนนี้จินยองกลัวมาก....กลัวที่สุดในชีวิต....กลัวยิ่งกว่าตอนขึ้นรถกระเช้าที่ความสูงเหนือพื้นดินหลายพันเมตรเสียอีก
นอกจากความเร็วของตัวรถที่น่ากลัวแล้ว ลมแรงที่ผ่านปะทะหน้าตลอดเส้นทางก็ยิ่งทำให้ความน่ากลัวเพิ่มขึ้นอีกไม่รู้กี่เท่า มันเหมือนกับกำลังเผชิญกับอะไรสักอย่างที่ไม่รู้ว่าเราจะสามารถรอดพ้นเงื้อมมือของมันได้หรือเปล่า
และเวลาเลวร้ายก็สิ้นสุดลงเมื่อมาร์คเหยียบเบรกดังเอี๊ยดจนศรีษะของคนที่กำลังตื่นตกใจกระแทกคอนโทรลรถอย่างแรงอีกครั้ง
เอี๊ยดดด!!
ป๊อกกก..
“โอ้ยย !”
ยังไม่ทันที่คนเจ็บจะทันได้ยืดตัวนั่งดีๆ คำถามก็ดังขึ้นด้วยแรงอารมณ์เห็นได้ชัดว่าความโกรธไม่ได้ลดน้อยลงจากเมื่อครั้งอยู่ที่ลานจอดรถเลย
“บอกมา!!.....บอกมาว่านายต้องการอะไร ทำไมถึงต้องมาวุ่นวายกับชีวิตของฉัน”
จินยองนิ่งไปชั่วครู่ พยายามรวบรวมสติที่กระเจิดกระเจิงไปจากการนั่งรถที่เร็วยิ่งกว่ารถไฟเหาะเมื่อสักครู่ ตอบช้าชัด
“ผมแค่อยากให้พี่มาร์คคุยกับพี่เยจิน มันไม่มีประโยชน์อะไรที่พี่จะหนีความจริงนะครับ”
ปลั้กก!!
แขนข้างหนึ่งกระแทกที่พวงมาลัยรถเพื่อระบายอารมณ์จนคนฟังสะดุ้ง ก่อนตวาดเสียงดัง “แล้วทำไมต้องมายุ่งด้วยวะ!.....ฉันจะเป็นยังไงจะจมปลักกับอดีตอีกกี่สิบปีก็ไม่ใช่เรื่องของนาย”
สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าทำให้ต้องกะพริบตาหลายครั้งด้วยความประหลาดใจ ตามปกติสิ่งที่เห็นจากคนตรงหน้ามีแต่ความเย็นยา เมินเฉยราวกับไม่มีความรู้สึกอะไรทั้งนั้น ทว่าตอนนี้ทุกอย่างกลับตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิงความโกรธ ความไม่พอใจ
และความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสสะท้อนให้เห็นชัดผ่านทางสีหน้าแววตาและการกระทำ จึงเกิดความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะช่วยอีกคนให้ลืมอดีตอันเลยร้ายลงเสียที
จินยองจึงเอ่ยอย่างหวังดี “ถ้าพี่ยังเป็นแบบนี้
พี่ก็จะไม่สามารถเริ่มต้นใหม่กับใครได้เลยนะครับ” ถึงแม้เขาจะไม่เคยประสบพบเจอกับตัวแต่ใครๆเขาก็บอกกันทั้งนั้นว่าความรักครั้งเก่ามักจะทิ้งตะกอนบางอย่างไว้ในใจจนทำให้ไม่สามารถเริ่มต้นกับคนใหม่ได้
แต่คนฟังกลับเข้าใจไปอีกทาง มุมปากของมาร์คจึงยกกระตุกขึ้นอย่างปริศนา
“อ้อ...ฉันเข้าใจแล้วที่นายมาวุ่นวายกับชีวิตของฉันตั้งแต่นายอยู่ปีหนึ่งจนถึงตอนนี้ก็เพราะนายอยากให้ฉันเปิดใจให้นายใช่มั้ย....ทำไมไม่พูดกันตรงๆล่ะจินยอง”
จินยองถอยหลังแทบติดกับประตูรถเมื่อเจ้าของข้อความที่เขายังประมวลผลไม่ได้เมื่อครู่โน้มตัวเข้าหาเขาอย่างจู่โจม
“พี่จะทำอะไรอ่ะครับ ผมไม่..”
แทนคำตอบคือริมฝีปากอุ่นจัดที่ทาบทับลงมา จินยองนิ่งอึ้ง สมองว่างเปล่า แรกเริ่มคือความไม่เข้าใจหากเพียงชั่วครู่ความอึดอัดอันแปลกประหลาดก็ทำให้เขาต้องเบือนหน้าหนีสัมผัสที่รุนแรงนั้น ทว่าความพยายามของเขาก็ต้องสูญเปล่า เนื่องจากไม่ว่าจะหันหนีไปทางทิศทางใดริมฝีปากคู่เดิมก็จะตามมาประกบอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างรุนแรงและหนักหน่วง แรงบีบบริเวณปลายคางให้สัมผัสคล้ายกับคีมเหล็กจนต้องเผยอปากขึ้นตามความต้องการของเจ้าของมือด้วยความเจ็บปวด......มันอึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก.......หยาดน้ำตาเม็ดแรกกลิ้งลงมาจากหางตาพร้อมๆกับที่เรียวลิ้นของอีกฝ่ายสอดเข้ามาอย่างจาบจ้วง เกี่ยวกระหวัดและดูดดึง..........จินยองเจ็บ เจ็บไปหมด....เจ็บทั้งจากสัมผัสที่รุนแรงหยาบคาย เจ็บที่เขาไม่สามารถขัดขืนอะไรได้ และเจ็บที่สุดเมื่อความรักและความปรารถนาดีของเขาถูกตีค่าเพียงแค่นี้...
เจ็บจนรู้สึกว่าร่างกายจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
...เนิ่นนานกว่าช่วงเวลาแห่งความทุกข์ทรมานที่ยาวนานจะสิ้นสุดลงมาร์คถอนริมฝีปากซึ่งประกบจูบอยู่หลายนาทีออกไปช้าๆ ไม่ลืมใช้ฟันคมขบกัดริมฝีปากอิ่มที่เริ่มบวมเจ่อเป็นการทิ้งท้าย จนรสเลือดจางๆแทรกซึมอยู่ที่ปลายลิ้นของคนที่ยังคงนิ่งงัน
“นายคงพอใจแล้วสินะ”
“......”
ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่ยังนิ่งสนิทอยู่กับที่ราวกับถูกตรึงติดไว้ตรงนั้น น้ำตาที่กลิ้งหยดลงมาเมื่อสักครู่บัดนี้ไหลเป็นทาง ดวงตาบวมช้ำ ริมฝีปากบวมเจ่อและมีรอยแตก จินยองหลับตาอย่างไร้ซึ่งเรี่ยวแรง
พอแล้ว.....พอแค่นี้
พอกันที่กับการกระทำที่ไร้ค่า
พอกันที่กับการทำให้เขารำคาญ
พอกันที่กับความรักที่เขาไม่เคยแม้แต่จะรับรู้
“ผ..ผม...ไม่รู้เลย..ไม่รู้เลย..ว่าพี่มาร์คจะเกลียดผมถึงขนาดนี้”
หลังจากนิ่งอยู่นานเจ้าของร่างที่บอบช้ำทั้งกายและใจก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือ
“ข..ขอโทษที่มาวุ่นวายกับชีวิตของพี่นะครับ...ผมขอโทษจริงๆ”
จินยองเม้มปากที่มีรอยแผลเข้าหากันเพื่อกลั้นก้อนสะอื้น แต่มันก็ยากลำบากเต็มที รอยแผลที่เกิดจากฟันคมยิ่งสร้างความเจ็บปวดหนักขึ้นจนแทบทนไม่ไหว
แข็งใจหน่อยนะจินยอง
อีกไม่นานนายจะได้ออกไปจากตรงนี้แล้ว...
เพราะมีความหวังเช่นนั้นยิ้มบางๆจึงถูกสร้างขึ้นมาฉาบใบหน้าที่แดงเรื่อ
“หลังจากนี้ขอให้พี่สบายใจได้....เพราะ..ว่า........เพราะว่า......เพราะว่าผมจะไม่มาให้พี่เห็นหน้าอีก..”
กว่าจะแข็งใจพูดประโยคที่ทำร้ายตัวเองจนจบ เรี่ยวแรงก็แทบไม่มีเหลือ มันยากและเจ็บปวดเหมือนกับการหยิบมีดมากรีดที่แขนตัวเอง เจ็บแต่ก็ต้องทำ.....เพราะการทำร้ายตัวเองอาจเจ็บน้อยกว่าโดนเขาทำร้าย
ตอนนี้จินยองมองไม่เห็นอะไรอีกต่อไปแล้วม่านน้ำตาทำให้เขาไม่เห็น....ไม่สังเกตแม้สักนิดว่าคนฟังก็เงียบลงอย่างประหลาด
“ข....ขอโทษจริงๆครับ”
ทิ้งท้ายเพียงแค่นั้นมือที่สั่นระริกก็เอื้อมเปิดประตูรถที่เขาเคยเพิ่งเคยนั่งเป็นครั้งที่สอง ก่อนจะก้าวเท้าพ้นออกไปยังหันกลับมาส่งยิ้มบางๆให้อีกคน
ยิ้มบางๆที่มีความหมายว่าลาก่อน....
แต่ก็ไร้ซึ่งการตอบรับเพราะตอนนี้เจ้าของรถได้แปรสภาพเป็นรูปปั้นที่ยังมีลมหายใจไปแล้ว
#Impassible_mn
MoonDream_
ความคิดเห็น