ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (จบแล้ว) #จินฮวานพันทิป | JUNHOE x JINHWAN

    ลำดับตอนที่ #21 : 18-2 : เล่าเรื่องจินฮวาน (ตอนที่4) - ไอแฮฟอะแผน ไอแฮฟอะพัง ah แผนพัง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.13K
      12
      26 มี.ค. 60




     18/2
    เล่าเรื่องจินฮวาน (ตอนที่4) 
    ไอแฮฟอะแผน ไอแฮฟอะพัง ah แผนพัง






                         หลังจากเข้ามาภายในห้าง ผมก็เดินนำจินฮวานไปที่แมคตามแผนที่วางเอาไว้ครับ แต่เพราะวันนี้เป็นวันอาทิตย์ เป็นวันครอบครัวครับ โต๊ะในแมคโดนัลด์มันเต็ม แถมคนยังเยอะอย่างกับโรงทานวัดธรรมกาย เมื่อคนต่อคิวกินแมคเยอะอย่างกับแจกฟรีแบบนี้ สุดท้ายจินฮวานก็เลยใช้วิธีซื้อแบบ Take Home ตั้งใจจะเอาเข้าไปเดินกินในอควาเรียมครับ ท่าทางจะหิวมากเพราะจินฮวานสั่งแมคฟิชเซ็ท แถมเพิ่มโค้กและเฟร้นช์ฟรายแบบ Extra ด้วยครับ


                         แต่ชีวิตยากเสมอ ไม่มีอะไรเป็นไปตามแผนที่วางไว้ เพราะอควาเรียมห้ามเอาเครื่องดื่มและอาหารเข้าครับ ผมก็เลยถือถุงเฟร้นช์ฟรายให้จินฮวาน เพื่อให้จินฮวานแทะเบอร์เกอร์และดูดน้ำ ยืนกินให้มันเสร็จๆ จะได้เข้าไปในอควาเรียมเพื่อทำงาน ระหว่างที่ยัยหมวยกำลังเคียวตุ้ยจนแก้มป่อง ผมก็เลยเดินไปซื้อตั๋วเข้าชมอควาเรียมครับ ค่าตั๋วก็ไม่ได้แพงอะไรมากมาย เพราะฉะนั้นเราก็ต้องโชว์ความแมนด้วยการเลี้ยงค่าตั๋วครับ  ผมซื้อเสร็จก็เดินออกมาหาจินฮวาน ที่ยังคงถือโค้กแก้วใหญ่ และงับเบอร์เกอร์ไปด้วยอย่างทุลักทุเล



                         "ตั๋วมันหมื่นสี่พันวอน แต่ว่าเดี๋ยวเค้าออกให้ เพราะก้นบุหรี่นั่นมันของเค้า"


                         พอได้ตั๋วมา ผมก็เดินกลับไปหาจินฮวานที่ยืนเคี้ยวแฮมเบอร์เกอร์อยู่แล้วก็แจกแจงให้เขาฟังเรื่องค่าตั๋วครับ แต่เขาก็ไม่ได้ตอบอะไรเพราะกำลังเคี้ยวอยู่ เวลาแก้มขาวๆนั่นอูมป่องออกเพราะของกินในกระพุงแก้ม มันดูเป็นภาพที่น่ารักไม่หยอกเลยครับ แม้จะวางแผนเอาไว้ว่าจะจูบเขาในอควาเรียม แต่พอเห็นแก้มใสๆของเขาแล้ว ผมก็ยั้งไม่อยู่จริงๆครับ


                         มันน่ารักอะ
                         ผมก็เลยยื่นหน้าไปใกล้ๆ แล้วจุ๊บแก้มยุ้ยๆนั่นไปทีนึง 

                         ผลคือจินฮวานหันมาถลึงตามองผมหน้าแดงแปร๊ดเลยครับ รีบเคี้ยวๆแฮมเบอร์เกอร์ในปาก กลืนลงคอไปแล้วหันมาแหวผมเสียงสู๊งยิ่งกว่าน้องปันปันสิบคนรวมกันซะอีก


                         "ทำอะไรของแกวะ!!"

                         "เฮ้ย เบาดิ คนหันมามองกันหมดแล้วเนี่ย"

                         คือตอนผมหอมแก้มพี่แก ก็ไม่มีใครมาสนใจอะไรหรอกครับ แต่อาจอชี่และคุณป้าวัยไม้ใกล้ฝั่งหันมาจ้องผมกับจินฮวานยกใหญ่ ก็เพราะว่าเขาเสียงดังจนผมกลบเกลื่อนแทบไม่ทัน

                         "ไม่มีอะไรครับ ไม่มีอะไร ผมเหยียบตีนเพื่อนผมอะครับ"

                         ผมฉีกยิ้มแล้วทำใสใสริงมายเบลแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้นใส่คนอื่นที่มองมาครับ แต่จินฮวานหันมาทำตาเขียวปั้ดใส่แถมบ่นกระปอดกระแปดไม่ยอมหยุด

                         "ทำอะไรของแกวะ เราไม่ใช่เพื่อนเล่นนะเว้ย คิดจะจูบ คิดจะหอมแก้มเมื่อไหร่ก็ได้เหรอ นี่มันที่สาธารณะ อยากตายมากปะ"

                         ถ้าผมตายก็กำพร้าผัวเลยนะ ขึ้นคานไม่มีใครเอาลงแน่

                         "ก็ตอนแรกแม่งก็ไม่มีใครสนใจหรอก จนกระทั่งพี่ตะโกนโวยวายเนี่ย ตอนนี้รู้กันทั้งห้างแล้วมั้ง" ผมกระซิบขุ่นๆแล้วยิ้มหยอกใส่เขาครับ แน่นอนว่าจินฮวานก็ทำหน้าคว่ำ หันมามองแรงผมตามเคย ทำท่าเงื้อมือจะตบกระโหลกผมอีก แต่ผมชินแล้วล่ะครับ~



     
    # จิ น ฮ ว า น พั น ทิ ป   




                         หลังจากเดินเข้ามาในส่วนจัดแสดง โซนแรกเป็นโซนของพวกปลาพื้นบ้านครับ ก็เลยมีฉากแบบม็อคอัพที่ทำประกอบไว้ให้ได้บรรยากาศพื้นบ้านๆ เอาไว้ให้พวกชอบเซลฟี่ได้ถ่ายรูปกัน ผมนึกถึงคำพูดอาจารย์ขึ้นมาได้ก็เลยนึกอะไรดีๆออก

                         "หมวย!! ถ่ายรูปกัน" ผมฉีกยิ้มและกวักมือเรียกให้เขาเดินมานั่งที่ฉากใกล้ๆกัน แล้ววานเด็กแถวนั้นที่ยืนเด๋อด๋าอยู่ให้มาช่วยถ่ายรูปให้ ฝึกน้องทำประโยชน์ให้สังคมน่ะครับ โตไปจะได้เจริญงอกงามเป็นอนาคตของชาติ

                         "ขอบคุณคร้าบน้อง" ผมทำเสียงสดใสและรับโทรศัพท์คืนมาจากน้องเขา ซึ่งมองหน้าผมแปลกๆแล้วก็เผ่นแน่บเดินตามพ่อแม่ไปเลยครับ สงสัยจะรู้สึกซวยๆที่จู่ๆก็ต้องมาเป็นตากล้องจำเป็นให้พวกผม แต่ไม่เป็นไรครับ ถ่ายรูปสวยก็ถือว่าใช้ได้ 


                         ผมดูดีมากครับ ในขณะที่จินฮวานทำหน้าเหมือนตูดทั้งสามรูปที่ถ่ายไว้เลย ผมเลื่อนไปเลื่อนมา เลือกรูปที่เขาดูดีที่สุดแล้วเอาให้จินฮวานดู

                         "รูปนี้พี่ดูดีเลยนะเนี่ย เอาปะ เดี๋ยวผมส่งให้---ในไลน์" ผมฉีกยิ้มให้ จำมุกนี้มาจากน้องนาย พระเอกเรื่องพรจากฟ้าตอนขอไลน์น้องวี-วิโอเลต ภริยาท่านทูตครับ 

                         และจินฮวานก็อาจจะเคยดูพรจากฟ้ามาเหมือนกัน เพราะทำหน้าตูดเหมือนวีไม่มีผิดเลยครับ คล้ายจะบอกว่ามุกนี้ไม่เนียนไปเรียนมาใหม่





                         "เราเลิกเล่นไปแล้วอะ" เขาบอกผมเซ็งๆแล้วเดินสะบัดตูดจากไป เดินไปตามตู้ปลา ผมเลยเดินตามประกบแล้วพูดเบาๆใกล้ๆหูเขาครับ

                         "เพราะงี้ใช่ไหม ก็เลยไม่อ่านไลน์เลย"

                         ผมกระซิบเบาๆเท่านั้นครับ แต่จินฮวานมีท่าทีอึกอักอย่างเห็นได้ชัด คงจะรู้สึกอะไรกับคำพูดผมไม่มากก็น้อย แบบนี้ในภาษาไทยเขาเรียกว่า พูดแทงใจดำครับ

     
     
    # จิ น ฮ ว า น พั น ทิ ป   

     


                         สักพักใหญ่เราก็ได้ข้อมูลในรายงานครบหมดครับ เหลืออย่างเดียวก็คือภารกิจมิชชั่นประจำวัน ที่ผมจะเผด็จศึกจูจุ๊บจินฮวานแล้วก็ขอจินฮวานเป็นแฟน และในที่สุดเวลานี้ก็มาถึงครับ เพราะจินฮวานกับผมเดินมาถึงกลางอุโมงค์ที่ผมได้มามาร์คพื้นที่เอาไว้ว่าจะเป็นสถานที่เกิดเหตุที่ผมจะจัดการจูบจินฮวาน


                         ผมไม่รู้จะเริ่มไงดีครับ ก็เลยแกล้งทำเป็นดูปลาในกระจกแล้วก็โม้นั่นนี่นู่นให้มันมีเรื่องคุย                    


                         “พี่ดูไอ้ตัวนี้ดิ ตลกมากอะ เนี่ย ตัวนี้แม่งต้องจีบตัวนี้แน่นอน มันว่ายตามตูดตลอด ขนาดตัวนี้ว่ายหนีไปซ่อน ยังไปตามไล่เขาอีก นั่น ดูมันดิ”

                         ผมโม้เป็นคุ้งเป็นแควสามบ้านแปดบ้าน แต่จินฮวานก็ยังยืนทำหน้านิ่งเหมือนจ่าเฉยเหมือนเดิมครับ ผมก็เลยเปลี่ยนเรื่องคุยแบบกระทันหันอีกรอบ
                        

                         "หมวยว่า ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกไปแค่รูปเดียว อาจารย์จะโอเคมั้ย"


                         เงียบครับ
                         ไม่มีสัญญาณตอบรับ 


                         ผมก็เลยถือวิสาสะชูโทรศัพท์มือถือเปิดกล้องหน้าและ แชะแชะแชะ ไปทั้งสิ้นห้าช็อทด้วยกัน และแน่นอนว่าจินฮวานก็ยังคงทำหน้าเหมือนจ่าเฉยครับ แต่คราวนี้มีบทพูดประกอบด้วย

                         "อย่ามาใกล้เรามากได้ป๊ะ เราไม่อยากโดนแรงอาฆาตจากผู้หญิงคนไหนอีก"

                         น่ะ พูดถึงแรงอาฆาตแล้วก็รู้สึกเหมือนกำลังโดนจินฮวานแซะอีกแล้วครับเรื่องที่ผมดูแลเขาไม่ดีจนเจนนี่ปาบอลอัดหัว

                         "ใครจะกล้ามาทำไรหมวย เดี๋ยวเค้าจัดการให้"

                         ผมพูดๆไปงั้นอะครับ แต่เอาเข้าจริงๆมันก็จัดการได้ไม่ทั้งหมดหรอก แต่ผมตั้งใจไว้แล้วว่าไม่ว่าในอนาคตอะไรจะเกิดขึ้น ผมก็จะดูแลจินฮวานให้มากขึ้นเพื่อไม่ให้ใครมารังแกจินฮวานได้อีก

                         "เจนนี่ไง ไปตีเจนนี่ให้เรารึยัง"

                         โอ้โห เซ็งครับ
                         พูดเรื่องเก่าอีกแล้ว ส่อแววความเป็นมนุษย์เมียมากๆ ผิดครั้งเดียวแต่ความจำดี เก็บเรื่องนี้ไว้ด่าเราวนซ้ำได้อีกสามชาติ ผมทำเสียงหงุดหงิดใส่ เพราะทุกวันนี้ต่อให้ผมไม่ไปทำอะไรเจนนี่ แต่โดยอนก็เหมือนจะหาโอกาสทำแทนอยู่ตลอดเลยครับ

                         "พี่ก็เห็นว่าโดยอนจะฆ่ายัยนั่นทิ้งอยู่แล้ว" 

                         “แล้วจริงเหรอที่มีคนบอกว่าแกเคยตีผู้หญิง”

                         จินฮวานทำท่าทีเล่นทีจริง คงตั้งใจจะกวนประสาทครับ
     
                         เรื่องที่ผมเคยตีผู้หญิงเนี่ย เป็นข่าวลือที่โคตรเกินจริงเพราะพวกขี้เม้าท์เอาไปนินทาและพูดเสริมเติมแต่งเอาเองโดยต่อยอดจากสิ่งที่รู้มา คือตอนนั้นมีผู้หญิงคนนึงครับที่คบกับผม แต่พอไปกันไม่ได้ ผมก็พยายามจะขอเลิกกับเธอ แต่เธอไม่ยอม

                         เธอกรีดข้อมือตั้งใจจะฆ่าตัวตายครับ แต่ก็ไม่ได้กรีดจริงเลือดสาดนะครับ แค่เอาใบมีดโกนข่วนๆเนื้อตรงข้อมือของตัวเองให้เลือดออกแล้วก็โทรมาหาผมให้ผมไปที่ห้องครับ สุดท้ายแล้วผมก็เลยเรียกรถพยาบาลไปรับเธอแทน และจากวันนั้นเธอก็ลาออกจากโรงเรียนไปกลางคัน ไม่ได้คุยอะไรกันอีก

                         แต่พวกขาเม้าท์นี่สิครับ แม่งนินทาเกินเบอร์ไปถึงขั้นว่าผมซ้อมผู้หญิงคนนั้นปางตายคาคอนโดจนต้องเรียกรถพยาบาลมารับกันเลย


                         “ใครบอก”

                         ว่าแต่จินฮวานพึ่งย้ายมา คงไปฟังใครเขาพูดมาเหมือนคนอื่นๆนั่นแหละครับ

                         “ก็...เราได้ยินเขาพูดกันมา” 

                         นั่นไหมล่ะ ซื้อหวยก็ไม่ถูกแบบนี้ 

                         “เขานี่ใคร”

                         ผมถามเค้นแต่จินฮวานอึกอักครับ รู้จักกันมานาน เวลาเขากลบเกลื่อนโกหกทำไมผมจะดูไม่ออกละครับคุณ นี่ว่าที่แฟนของกูจุนฮเวเลยนะ

                         “ก็พูดกันตั้งเยอะแยะ”

                         พอจินฮวานอ้อมแอ้มตอบแบบนั้น ผมก็เลยหันไปจ้องหน้าเขาและตั้งคำถามกลับแทน เราจะตัดเข้าสู่ช่วงจริงจังแล้วครับ เดี๋ยวปรับความเข้าใจกันเสร็จ ผมก็จะเผด็จศึกเลย


                         "แล้วพี่ล่ะ หนีผมไปจีนทำไม"
     

                         "ใครบอกว่าเราหนีแก" จินฮวานทำเสียงแข็ง ท่าทีขึงขังขึ้นมา ไม่รู้เพราะเงาที่สะท้อนจากกระจกในอควาเรียมหรือเปล่า แต่แววตาของจินฮวานในตอนนี้เศร้าเกินไปจนผมใจสั่น..


                         "ก็ไม่มี... แต่พี่ไม่บอกผมว่าพี่ไปไหน ผมต้องมารู้จากบยองอีกทีนึง ทั้งที่มันควรจะเป็นผมที่รู้เป็นคนแรก ผมรู้สึกแย่นะ" ผมตัดพ้อนิดๆ อยากให้เขารู้ว่าสำหรับผมเขาคือคนสำคัญ และผมเองก็แคร์เขา รักเขา ไม่ต่างจากเพื่อนๆ หรือพ่อแม่ของเขาเลย
     

                         "ก็ตอนนั้นแกมีเจนนี่แล้ว..."


    จินฮวานเงียบไปพักนึง และพูดเสียงเครือเหมือนจะร้องไห้

     
                         "แกทำให้เรารู้สึกว่า..ตรงนั้นไม่ต้องมีเราก็ได้"

    ...

                         "ก็เราชอบแก แต่แกไปรักคนอื่น เราก็เลยไม่รู้ว่าต้องอยู่ตรงนั้นไปทำไม"


                         จินฮวานน้ำตาคลอ และไหล่เล็กๆนั่นก็สั่นจนผมรู้สึกผิด.. มันทำให้ผมเข้าใจเลยว่าที่ผ่านมาผมโง่มากจริงๆ เข้าใจทุกอย่างว่าที่เขาไปจีนเพราะอะไร เข้าใจว่าทำไมไลน์ที่ผมเขียนถึงเขา ไม่เคยได้รับการตอบกลับ หรือแม้แต่กดอ่านอีกเลย

                         ทุกอย่างมันเพราะผมโง่เองจริงๆ

                         ผมจ้องมองดวงตากลมโตคู่นั้นของจินฮวาน รู้สึกเหมือนความทุกข์ความเศร้าจากการรอคอยทั้งหมดถูกแปรเปลี่ยนกลายเป็นความรู้สึกผิด มือที่สั่นเทาของผมค่อยๆรวบไหล่เล็กนั้นและรั้งเข้ามาใกล้อย่างระมัดระวัง

                         ถ้าจินฮวานบอกกับผมตั้งแต่วันนั้นว่าเขารักผม
                         เราคงไม่ต้องห่างกันนานขนาดนี้..

                         ถ้าผมฉลาดกว่านี้อีกนิด..
                         ถ้าจินฮวานกล้ากว่านี้อีกหน่อย..


                         "พวกเราสองคนนี่โง่เนอะ..ที่มีอะไรก็ไม่ยอมพูดกัน"

                         ผมแนบริมฝีปากหยุ่นแตะที่กลีบปากแดงของจินฮวานอย่างเชื่องช้า มันเต็มล้นไปด้วยความรู้สึก และมากมายกว่าที่ผมคิดและตั้งใจไว้ มันเป็นมากกว่าจูบที่ใช้บอกความรู้สึกรัก แต่มันคือการขอโทษในความโง่เขลาและเวลา3ปีที่เสียเปล่าไปเพราะการตัดสินใจแบบเด็กๆของผม

                         เพราะผมมันโง่จริงๆ..

       
     
    # จิ น ฮ ว า น พั น ทิ ป   


                         จินฮวานร้องไห้ยกใหญ่ เรียกได้ว่าถ้าเป็นเด็กทารกร้องไห้หนักขนาดนี้ก็บ้านพังแน่ครับ สุดท้ายจังหวะมันไม่ได้ ผมก็เลยยังไม่ได้ขอเขาเป็นแฟนตามแผน คิดว่าค่อยๆปลอบให้จินฮวานหายแพนิคและจิตตกแล้วบอกชอบจินฮวานที่หน้าบ้าน ขอเป็นแฟน และส่งเขาเข้าบ้าน คงเป็นภาพที่สวยงามที่สุดแล้ว

                         plan B : PERFECT!!!


                         ผมตั้งใจจะแวะกินผัดไทเจ้าอร่อยที่เขาชอบด้วยครับ แต่ว่าเขาบอกไม่หิว ก็เลยขับกลับบ้านเลย ระหว่างที่กำลังเก็บข้าวของเตรียมจะเอาข้อมูลแบ่งกันไปเขียนรายงาน ผมก็แกล้งพูดลอยๆ สร้างบรรยากาศเพื่อเข้าเรื่องตามแพลนบีที่วางไว้ครับ

                         "วันนี้ดีจังเลยอะ ได้ไปเที่ยวกับหมวย ได้รู้แล้วว่าหมวยหนีไปจีนทำไม"

                         "อ๋อ อือ" 

                         จินฮวานยังคงซึมเป็นแมวป่วยเหมือนเดิมครับ เอียงคางนิดๆให้ผมช่วยถอดหมวกกันน็อคให้แต่ก็ไม่พูดอะไรมากกว่านั้น ผมเลยแซวต่ออีกดอก


                         "แบบนี้เค้าเรียกว่า ความรู้คู่ความรักใช่ไหม" 

                         งั้นเรามารักกันเลยดีกว่า 

                         "คืองี้นะ.... พี่ไม่แน่ใจอะ....ระหว่างเราสองคน" จินฮวานทำสีหน้าลำบากใจ "พี่แค่รู้สึกว่า..." 

     
                         ยังไม่ทันที่ผมกับจินฮวานจะได้พูดอะไรกันต่อ เสียงของบุคคลที่สามก็แทรกขึ้นมา พอพวกผมหันไปมอง ก็เห็นเด็กโข่งหน้าบื้อๆคนนึง ยืนเรียกจินฮวานอยู่แถมยังโบกมือหยอยๆเหมือนแมวน้ำสติไม่เต็มอีก ข้างๆเป็นพ่อกับแม่ของจินฮวานส่งยิ้มกรุ้มกริ่มมาให้


                         "พี่จินฮวาน!!"

                         คือจินฮวานเองก็ช็อคพอๆกับผม ยืนมองไอ้แมวน้ำสติไม่ดีนั่นด้วยสีหน้างงๆ และดูเหมือนว่าเขาจะตั้งสติได้ก่อน เรียกชื่อของไอ้แมวน้ำนั่นเสียงแผ่วๆ

                         "ช..ชานอู"

                         ชานอูไหนวะ

                         "ทำไมไม่บอกก่อนว่าจะมา"

                         จินฮวานถามครับ ดูเหมือนตอนนี้พวกเขาสองคนจะหลุดไปอยู่ในโลกที่มีแค่พวกเขาสองคน ท่าทางและสีหน้าน้ำเสียงของจินฮวานฟังดูไม่สบายใจเลยครับ ผมก็เลยยืนจ้องไอ้ชานอูอะไรนี่กึ่งๆจะกดดัน ถ้ามันทำให้จินฮวานร้องไห้ ผมต่อยมันแน่ครับ


                         "ก็ถ้าบอกก่อน ผมกลัวพี่ไม่เซอร์ไพรส์ไงครับ" ไอ้แมวน้ำนั่นยิ้มแฉ่งแล้วตอบชัดถ้อยชัดคำ ทำท่าทางร่าเริงเกินพอดี

                         กลัวไม่เซอร์ไพรส์... หึ..
                         เซอร์ไพรส์เหี้ยอะไรล่ะครับ

                         "เห็นคุณแม่พี่บอกว่าพี่ไปทำงานส่งอาจารย์ ผมก็เลยขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่ท่านรอทานข้าวเย็นพร้อมพี่น่ะครับ"  ไอ้แมวน้ำสาธยาย พอพูดจบจินฮวานก็หันมามองหน้าผม ทำหน้าอึ้งๆ บวกกับสายตาล่อกแล่กเหมือนจะขอความช่วยเหลืออะไรสักอย่าง แต่ยังไม่ทันที่เราจะพูดอะไรกัน ไอ้แมวน้ำนั่นก็พูดต่อ


                         "นี่คงเป็นจุนฮเวสินะครับ" ผมพยักหน้าครับ สงสัยว่ามันรู้จักชื่อผมได้ยังไง 


                         "ผมชื่อชานอูครับ เป็นแฟนพี่จินฮวาน พึ่งกลับมาจากจีน"


                         ไอ้แมวน้ำตอบด้วยน้ำเสียงสดใสแบบไร้สติเช่นเคย เค้นเสียงคล้ายจะเน้นคำว่า แฟน-พี่-จิน-ฮวาน จนผมขมวดคิ้วหนึบทันที

                         สัส

                         ผมหันไปมองหน้าจินฮวานคล้ายจะขอคำยืนยัน แต่พอหันไปสบตาจินฮวาน มันก็ทำให้ผมเกือบเสียศูนย์ไปเลยครับ เพราะแทนที่จินฮวานจะปฏิเสธอะไรออกมาว่ามันไม่ใช่ แต่ยัยหมวยก็มองผมด้วยแววตารู้สึกผิดและหัวเราะแหะๆออกมา 

      
                         และผมก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดได้ในวินาทีนั้นแหละครับ
                         แพลนบีมันพังไปแล้ว เรื่องบางอย่างก็เหมือนกัน มันไม่ทันแล้วครับตอนนี้ 


       
     
    # จิ น ฮ ว า น พั น ทิ ป   


                         ทุกความรู้สึกที่ผมรู้สึกได้อยู่ตอนนี้ ก็คือรู้สึกแย่ครับ ทุกอย่างมันเร็วไปหมด และไม่มีอะไรสักอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกมั่นคงหรือสบายใจ รู้สึกเหมือนทุกอย่างมันพังไปหมด หยิบจับอะไร ตั้งใจจะทำอะไร ก็ชิบหายวายวอดไปหมด

                         ผมรักจินฮวาน และจินฮวานก็ชอบผม แต่เพราะตอนนั้นผมไปคบกับเจนนี่แท้ๆ จินฮวานเลยหนีผมไปอยู่ที่จีน แถมยังมีแฟน ซึ่งถ้าหน้าตาดีก็จะไม่ว่าเลย แต่นี่เหมือนเด็กยังไม่หย่าจุกนม ผมเห็นแล้วปวดประสาท


                         นี่คงเป็นคำตอบว่าทำไม ผมถึงไม่ใช่คนที่สำคัญที่สุดของจินฮวานอย่างที่ผ่านมา ทำไมผมถึงกลายเป็นคนแปลกหน้าในวันแรกที่เปิดเทอม มันน่าหดหู่และผิดหวังมากเลยครับ ผมก็เลยไม่อยากเข้าเรียน ไม่อยากเจอหน้าจินฮวานตอนนี้ ผมไม่พร้อมเลยจริงๆ


                         "มาอยู่นี่นี่เอง ชอบโดดเรียนตลอดเลยนะ"


                         เเน่นอนว่าสถานที่ๆผมอยู่ก็คือห้องชมรมดนตรีถิ่นเดิมของชาวเราครับ เสียงที่ดังขึ้นหน้าประตูทำให้ผมแอบถอนหายใจเซ็งๆครับเพราะรู้ได้ทันทีว่าเป็นเสียงของใคร ผมลืมล็อคประตูห้อง ทำให้ตอนนี้เจนนี่เดินเข้ามาในห้องชมรมแบบที่ผมก็ไม่ได้เชิญ ผมก็เลยถามเธอไปตรงๆครับ

                         "เจนไม่เรียนเหรอ"

                         "อือ ไม่ค่อยอยาก" เจนยักไหล่นิดๆและจิ้มคีย์บอร์ดที่วางอยู่ในห้องอย่างอ้อยอิ่ง "อยู่ด้วยคนได้ไหม"

                         ใจจริงผมอยากบอกว่าไม่ได้ครับ แต่ก็กลัวจะแรงไป

                         "เราอยากอยู่คนเดียวเงียบๆหน่อย เจนเข้าใจเราไหม"

                         ผมหันไปทำหน้าจริงจังใส่เจน ตอนนี้ผมอารมณ์ไม่ดีเลยครับ ไม่มีแก่ใจจะมานั่งต่อล้อต่อเถียงกับเจนแน่ๆ และดูเหมือนเจนก็สัมผัสได้ถึงความเซ็งของผม เธอเลยพึมพำในลำคอ

                         "อือ เราจะอยู่เงียบๆแล้วกัน จะไม่รบกวนจุนฮเวหรอก"

                         และเจนก็เงียบจริงๆครับ ผมใช้เวลาจนหมดคาบหนึ่งไปกับการนั่งหง่าว เซ็งๆ ฟังเพลง และพอถึงจุดนึง ผมก็หลับไปครับในห้องอัดเสียง

                         ความรู้สึกเหนื่อย เศร้า ทุกข์ใจ มันประดังประเดเข้ามาสุมจนผมรู้สึกหนักไปหมด ผมมีพ่อที่ทำตัวไม่สมเป็นพ่อ มีแม่ที่ผมไม่สามารถอ่อนแอให้เขาเห็นได้ เพราะเธอคือคนที่ต้องปกป้อง มีพี่สาวที่หวังอยากจะปรึกษาหรือพูดคุย แต่เธอก็กลับไม่เคยหันมาดูดำดูดีครอบครัวเลย
     
                         ผมเคยมีจินฮวานคนที่เข้าใจผมมาตลอดตั้งแต่เด็ก คนที่คอยอยู่เคียงข้างและแบกรับทุกสิ่งทุกอย่างไปพร้อมกับผม คนที่เข้าใจในตัวตนและไม่เคยมองผมเป็นคนไม่ดี

                         ผมเคยมีเขา
                         แต่เพราะผมมันโง่เองแหละครับ


                         สุดท้ายแล้ว แม้แต่คนที่ผมหวังจะฝากใจไว้ได้อย่างจินฮวาน ก็ยังหันหลังให้กัน และที่น่าโมโหยิ่งกว่านั้นคือมันเป็นความผิดของผมเอง

                         
                         ผมรู้สึกตัวอีกครั้งกระดุมของผมก็ถูกแกะจนหมดแล้วครับ ส่วนเจนนี่ก็ถอดเสื้อนักเรียนของเธอออกเหลือแต่กระโปรงท่อนล่างและบราเซียสีดำลายลูกไม้ เธอกึ่งยืนกึ่งนั่งคร่อมตักผม จูบเบาๆที่หางตาเพื่อซับน้ำตาของผมออกไป

                         ผมผละออกและถามเธอด้วยเสียงแหบแห้งคล้ายจะโวยวายว่าเธอกำลังจะทำอะไร แต่ยังไม่ทันที่เจนนี่จะตอบ จินฮวานที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนก็โผล่พรวดเข้ามาในห้องครับ


                         ทันทีที่หมวยเห็นผมอยู่ในห้องซ้อมดนตรีกับเจนนี่ และเจนนี่ทำท่าเหมือนกำลังจะคร่อมตักผม จินฮวานก็หันหลังขวับ เดินออกจากห้องไปเกือบจะทันทีเลยครับ แม้ว่าจินฮวานจะพยายามทำเสียงร่าเริงและกลบเกลื่อนว่าไม่มีอะไร แต่ผมรู้นะครับว่าจินฮวานไม่โอเค

                         ผมก็เลยทำท่าจะลุกขึ้นเพื่อใส่เสื้อและตามจินฮวานออกไป แต่เจนนี่ที่ยังคงสวมเพียงแค่บราเซียตัวเล็กๆกับกระโปรงนักเรียนก็จับแขนผมไว้และเริ่มร้องไห้ครับ

                         "จุนฮเว อย่าไปเลยนะ ก็ในเมื่อเขาไม่ได้สนใจนายแล้ว เค้าทิ้งนายไปตั้งสามปี นายจะยังไปจมปลักอยู่กับคนแบบนั้นเพื่ออะไร"

                         
                         "เจนปล่อยเราเหอะ" 


                         ผมแกะมือเล็กๆของเจนนี่ที่พยายามรั้งข้อมือของผมเอาไว้ครับ รู้สึกว่าอยากสะบัดเธอแรงๆทิ้งไว้ตรงนี้ แต่เธอก็เป็นผู้หญิงนี่ครับ ผมไม่กล้าทำแบบนั้นหรอก

                         
                         "เจน ยอมรับเหอะ ระว่าเรากะเจนมันไม่ใช่มาตั้งแต่ต้นแล้วอ่ะ เจนก็รู้ว่าต่อให้ฝืนไป เราก็ไม่รักเจนหรอก" ผมจับมือทั้งสองข้างของเจนนี่ และรวบเอาไว้ด้วยมือเดียว 


                         เจนร้องไห้จนน้ำตานองหน้าเลยครับ สภาพดูไม่จืดเลย


                         "ทำไมอะ บอกเราสิว่าจินฮวานมีดีอะไร ทำไมจุนฮเวจะต้องไปแคร์ขนาดนั้นกะอีแค่พี่ชายข้างๆบ้าน"

                         เจนพูดด้วยสีหน้าเหยเก เธอดูคับแค้นใจจริงๆ แต่เจนไม่มีวันเข้าใจสิ่งที่ผมรู้สึกหรอกครับ


                         "จินฮวานไม่ต้องทำอะไรเลย ไม่จำเป็นต้องมีดีอะไรเลย ต่อให้จินฮวานหนีเราไปอีกห้าปีสิบปี เราก็อยากรอจินฮวานอยู่ดี"


                         ผมตอบเจน พูดช้าๆ ย้ำชัดๆทีละคำ



                         "เจน ขอโทษนะ เรารักจินฮวานอะ

                         ระหว่างที่เจนกำลังอึ้งกับสิ่งที่ผมบอกอยู่นั้นเอง ผมก็ตัดบทแค่นั้นและทิ้งเจนเอาไว้ในห้องซ้อม ได้ยินเสียงเธอร้องไห้ไล่หลังมาครับ แต่คิดว่าอีกไม่นานเจนก็จะทำใจได้เอง



     
    # จิ น ฮ ว า น พั น ทิ ป   



                         ผมกลับไปที่ห้องเรียนในสภาพที่ไม่เรียบร้อยเท่าไหร่ ระหว่างเดินกลับไปผมก็ร้อนใจครับ แต่ก็เดินไปแต่งตัวไป พยายามให้ตัวเองดูอยู่ในสภาพเรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ตอนแรกผมจะไม่พร้อมเจอจินฮวานเพราะเรื่องชานอูก็เหอะ แต่ตอนนี้ผมอยากจะเคลียร์กับเขาให้รู้เรื่องมากกว่า


                         แต่พอกลับไปถึงห้อง ก็ไม่เจอจินฮวานแล้วครับ แหลมกับมินฮยอกบอกว่าจินฮวานย้ายกลับมานั่งที่นั่งเดิมข้างๆผมตั้งแต่เช้าแล้วครับ หาอยู่ว่าผมหายไปไหน พอพูดอย่างงี้ผมยิ่งรู้สึกผิดครับ ผมพยายามโทรเข้ามือถือจินฮวาน แต่ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขาเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ไปเรียบร้อยแล้วครับ

                         
     วันนั้นทั้งวันเจนนี่และจินฮวานหายไปจากชั้นเรียน ผมเครียดครับ แต่ก็ร้อนใจ ไม่รู้จะทำยังไงดี ที่สำคัญคือจินฮวานไม่เคยโดดเรียนเลยครับ ผมก็เลยรอที่ห้องเรียน แต่จินฮวานก็ไม่เข้าเรียนตลอดทั้งวัน แถมไม่ได้สอบเก็บคะแนนในคาบสามด้วยครับ 


                         มันอึดอัดไปหมดจนสุดท้ายพอถึงเวลาเลิกเรียน ผมก็ต้องลากคอไอ้บยองซึ่งสนิทกับจินฮวานที่สุดมาเพื่อระบายความในใจที่ร้านกาแฟของป้าโดยองแหละครับ แต่วันนี้ป้าไม่อยู่เพราะไปซ้อมดรัม พวกผมก็เลยซื้อน้ำมานั่งกินแถวๆหน้าร้าน


                         "ไอ้สัส กูไม่ไหวแล้วโว้ยยยยยย แม่ง"

                         ผมเดินไปเดินมาทำท่าเหมือนหนูติดจั่น น้ำเสียงที่โหวกเหวกเหมือนจะร้องไห้ น้ำตาจะแชร์ขอไหลนะคะ ไอ้บยองเองก็คงช็อคครับเพราะผมไม่เคยฟูมฟายเบอร์แรงขนาดนี้ ตอนนี้ผมอยากเจอจินฮวานอะครับ ผมอยากปรับความเข้าใจ


                         "มึง ใจเย็นก่อนนะ เป็น_วยอะไร ค่อยๆพูด ค่อยๆเล่านะเพื่อนรัก"


                         "คืองี้นะ..." ผมจับต้นชนปลายไม่ถูกครับ ไม่รู้จะเริ่มยังไง เลยเริ่มตรงนี้เลยแล้วกัน



                         "กูรักพี่จินฮวาน กูรักเค้า"



                         ผมละล่ำละลักบอกบยองที่ตอนนี้ทำหน้าอึ้งแดกเหมือนพระถังซัมจั๋งที่เผชิญหน้ากับหลวงเจ๊ธัมมี่ ณ ธรรมกายโดยบังเอิญ



                         "มึงใจเย็นนะ.. รักก็บอกเขาดิวะ"

                         บอกเหี้ยอะไรละครับ... 

                         "ไอ้สัส พี่เค้ามีผัวใหม่แล้ว!!"

                         ผมหันไปตะคอกมันอย่างเจ็บใจและเริ่มต้นเล่าเรื่องเมื่อวานนี้ให้บยองฟังตั้งแต่ต้นจนจบที่จินฮวานไม่เข้าเรียนเลยตลอดทั้งบ่ายเมื่อได้เห็นผมกับเจนนี่แก้บน(แต่ยังไม่แก้ล่าง)อยู่ด้วยกันสองต่อสองแบบนั้น และเมื่อเล่าจบ บยองก็เงียบไปครึ่งนาทีเหมือนครุ่นคิดอะไรสักอย่าง



                         "มึงพูดไรหน่อยดิวะ" ผมร้อนใจนะครับ บยองมันทำหน้าเหมือนอยากปลอบแต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไง ดูดโอเลี้ยงในมือสองทีแล้วก็ปลอบใจผมเสียงเนิบ


                         "อืม....มึงอย่าเศร้านะ เดือนหน้ากูมีคอนเสิร์ตเดี่ยว เดี๋ยวกูให้บัตรหลุมคิวหน้าสุดสองใบ"


                         .....สัสเอ้ย
                         ไอ้หัวล้าน ไอ้แชมป์แรปอิสนาว...

                         เพื่อนผมนี่มันเพื่อนผมจริงๆครับ

                         "กูจะทำไงดีวะ กูรักเขาจริงๆนะ" ผมขยี้หัวตัวเอง รู้สึกขัดใจไปหมดทุกอย่าง "กูไม่อยากเสียเขาไปอีกแล้วอะ มึงเข้าใจกูมั้ย"

                         "เอ่อ... ก็เข้าจาย แต่คือกูไม่เห็นพี่จินฮวานจะเคยพูดเรื่องไอ้ผัวจีนอะไรนี่เลยนะ ทุกวันนี้เวลาไปกินข้าวกับพี่มินโฮพี่แชรยอง พี่เขาก็ยังเอาเรื่องมึงมาปรับทุกข์อยู่เลย" บยองพูดพลางก็ดูดโอเลี้ยงไปด้วย แต่ผมตาโตเลยครับ 

                         คือแฟนของไอ้บยอง(พี่แชรยอง)เป็นเพื่อนสนิทกลุ่มเดียวกับพี่จินฮวาน สนิทพอๆกันกับพี่จีจี้และ(ไอ้)พี่มินโฮ(ดำ) เพราะงั้นการที่ผมยังถูกพูดถึงและนำไปปรับทุกข์กับเพื่อนๆ มันก็แปลว่าเขายังคิดเรื่องผมอยู่ใช่ไหมครับ


                         "ปรับทุกข์อะไร ปรับทุกข์ว่าไง แล้วเขาไม่เคยพูดถึงไอ้แมวน้ำนั่นเลยเหรอ"


                         น้ำเสียงผมคงดีใจไปหน่อยครับ...บยองถึงทำหน้าเซ็งๆ อารมณ์ประมาณว่า'ทำไมกูถึงมีเพื่อนโง่แบบนี้' 

                         "นี่ จุนฮเว"

                         "ห้ะ"

                         "กูถามจริง ว่ามึงพึ่งรู้จริงอะ ว่าเขางอนมึงจนหนีไปจีนก็เพราะเรื่องพี่เจน" บยองทำเสียงดูแคลนครับ ราวกับจะด่าว่าเรื่องแค่นี้ทำไมไม่รู้ โง่ในโง่ชัดๆ

                         "ก็เออสิวะ ถ้ากูรู้ตัวเร็วกว่านี้ ป่านนี้กูกะพี่เค้าคบกันไปนานแล้ว" ผมฉุนเฉียวจนบยองถอนหายใจใส่แบบท้อๆ 

                         
                         "มึง กูจะเอาอะไรให้มึงอ่าน... มานี่" มันกวักมือและทำสีหน้าปลงๆใส่ผม แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้อ่าน ไอ้วอนอูก็โทรมาครับ


                         "ฮัลโหล ว่า"


                         "พี่จินฮวานอยู่คอนโดกูนะ"



                         "คอนโดมึง!!?!" ผมเสียงสูงแบบน้องปันปันทันทีครับ หายไปทั้งวันแล้วไปโผล่คอนโดไอ้วอนอู พลิกข้อมือดูนาฬิกาตอนนี้ก็เกือบจะทุ่มนึงแล้ว ไม่น่าเป็นไปได้ และเหมือนไอ้วอนอูจะเดาออกว่าผมกำลังคิดอะไร เลยอธิบายด้วยน้ำเสียงรู้ทัน


                         "เขามาหาพี่อูจี แต่ตอนนี้เมา มึงมารับเขากลับซิ"


                         "เออ กูจะไปเดี๋ยวนี้อะ" ผมรีบตอบกลับไปอย่างรวดเร็วและคว้ากุญแจบิ๊กไบค์แต่ก็นึกขึ้นได้ครับว่าพี่จินฮวานคงซ้อนลำบากแน่ๆ เลยตัดสินใจว่าจะกลับบ้านไปเอาฮอนด้าเวฟดีกว่าครับ อย่างน้อยก็ซ้อนง่ายหน่อย 


                         "สัสบยอง กูกลับแล้วนะ ไว้คุยกันในไลน์ กูต้องไปรับพี่จินฮวาน" ขอบคุณพระเจ้าที่ส่งคนแบบสัสบยองมาเป็นเพื่อนผมครับ เพราะมันพยักหน้าอย่างว่าง่ายและโบกมือบ๊ายบายผมด้วยสีหน้าปลงๆอีกตามเคย 


                         "เออ...บายมึง โชคๆ"



     
    # จิ น ฮ ว า น พั น ทิ ป   




                         พอไปถึงคอนโดของพี่จีจี้กับไอ้วอนอู คนเปิดประตูก็คือผัวอาภัพ วอนอูเพื่อนรักของผมเองครับ มันพยักเพยิดเข้าไปในห้อง พี่จีจี้นั่งดูทีวีโดยมีจินฮวานนอนเมาเรื้อนอยู่ที่พื้นห้อง...

                         จินฮวานไม่ใช่คนผอมบาง แต่ก็ตัวเล็กกว่าผมมากจนสามารถอุ้มได้โดยไม่รู้สึกหนักครับ หลังจากพาเขาซ้อนฮอนด้าเวฟกลับบ้าน ผมชั่งใจอยู่ครู่ใหญ่และตัดสินใจพาจินฮวานเข้าบ้านตัวเองแทนที่จะเป็นบ้านเขา 

                         เพราะถ้าม๊าป๊าตื่นมาเจอและเห็นว่าหมวยเมาเละอย่างนี้ล่ะก็ รับรองว่าสร่างเมาเมื่อไหร่ มีหวังได้หัวหลุดจากบ่าแน่ๆ

                         ผมเลยอุ้มหมวยเข้ามาในห้องนอนของผมซึ่งอยู่ชั้นสองตรงกันข้ามกับหน้าต่างห้องนอนเขาพอดีครับ ซึ่งแม่ผมก็ไม่ได้ออกมาดู สงสัยจะหลับไปแล้ว ทางสะดวกครับ


                         จินฮวานไม่ใช่พวกดื่มแอลกอลฮอลล์เก่งอยู่แล้ว และนี่ก็ดูเหมือนว่าจะดื่มเข้าไปเยอะมากครับ ประเมินเอาจากลมหายใจกลิ่นเบียร์และโซจู

                         ผมเลยแปะเจลลดไข้ให้จินฮวานและตั้งใจจะไปเอาผ้าห่มที่ห้องพี่จินฮีมาเพิ่ม แต่เขาก็ดึงข้อมือผมไว้ และทำเสียงอู้อี้พูดอยู่ในลำคอครับ 



                         "คุณหมี เค้าเหนื่อยจัง"


                         ผมขมวดคิ้วกับคำสรรพนามที่จินฮวานใช้ นั่งลงข้างเตียงและยื่นหน้าไปพูดกับเขาใกล้ๆ และตั้งใจฟังเผื่อเขาพยายามจะตอบหรือสื่อสารอะไรกับผม


                         "คุณหมูต้องนอนพักก่อนนะครับ..คุณหมูไม่สบายแล้วนะ"


                         ผมจับหน้าม้าชื้นเหงื่อที่ปรกหน้าผากออกให้และขยับเสื้อผ้าเพื่อให้เขานอนได้สบายขึ้น ริมฝีปากแดงๆนั่นเจื้อยแจ้วไม่ยอมหยุด เรียกผมด้วยชื่อเล่นๆที่พวกเราตั้งให้ตุ๊กตาหุ่นมือสมัยเด็กๆที่เคยเล่นด้วยกันให้เป็นของขวัญวันเกิดของพี่จินฮี


                         เมาแถมละเมอ..
                         ต้องน่ารักขนาดนี้เลยเหรอวะ..


                         แม้จะอยากปรับความเข้าใจกับจินฮวานไวๆ แต่ปฏิเสธไม่ได้หรอกครับ ว่าเขาตอนนี้น่ารักจริงๆ 

                         จินฮวานไม่เคยละเมอแบบนี้ ไม่เคยเมาต่อหน้าผมมากขนาดนี้ และก็ไม่เคยพูดถึงชื่อคุณหมีกับคุณหมูมานานแล้วตั้งแต่เริ่มเข้ามัธยม มันนานจนผมนึกว่าจินฮวานลืมเรื่องพวกนี้ไปหมดแล้วซะอีก


                         พอคิดแบบนั้น ผมก็รู้สึกดีใจขึ้นมาครับ.. 
                         ดีใจขึ้นมา ว่าลึกๆแล้วผมก็ยังมีความหมายและความสำคัญกับจินฮวานอยู่


                         เป็นเวลาครู่ใหญ่เลยครับที่ผมจ้องมองเขาที่นอนคุดคู้อยู่ตรงหน้า จ้องมองริมฝีปากแดงและเปลือกตาที่ปิดสนิทของจินฮวาน มองภาพตรงหน้าและค่อยๆคลายยิ้มออกมา


                         มันทั้งสุข ทั้งเหงา
                         เพราะทั้งๆที่จินฮวานนอนอยู่ตรงหน้า ใกล้กันจนผมได้ยินเสียงลมหายใจ แต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้เลยครับนอกจากมอง


                         พูดให้ถูกคือ ผมไม่กล้าทำอะไรเลยมากกว่า
                         เดาไม่ออกเลยว่าถ้าผมจูบเขาตอนนี้ พอเขาตื่นมาแล้วจะโกรธกว่าเดิมขนาดไหน 



                         อาจจะไปฟ้องไอ้เบื๊อกชานอูนั่น หรือไม่ผมก็คงโดนโกรธที่ทำตัวรุ่มร่ามไปทั่ว เพราะเมื่อบ่าย จินฮวานก็เพิ่งจะโกรธผมไปหยกๆที่เห็นเจนนี่กำลังทำท่าจะ..แบบว่า...อย่างนั้นกัน


                         แต่มันก็ทำให้ผมนึกอะไรเล่นๆในใจออกขึ้นมา 



                         ผมเข้าข้างตัวเองได้ไหมว่าเหตุผลที่จินฮวานไปเมาขนาดนี้ เพราะที่จริงแล้ว เขาเองก็ยังรักผมอยู่ และผมเองก็มีความสำคัญกับเขาเหมือนกันที่เขามีอิทธิพลที่สุดในชีวิตผม


                         เขาดูน่ารักมากตอนที่หลับอยู่แบบนี้ ไม่ขี้บ่น ไม่พูดมาก ไม่ประชดประชัน และที่สำคัญคือไม่เดินหนีผมไปไหนด้วย


                         "คุณหมีคิดถึงคุณหมูจังครับ..." ผมกระซิบและยิ้มออกมา ยิ้มอยู่นาน และลูบผมหน้าม้าชื้นเหงื่อที่เปิดขึ้นเพราะเจลลดไข้ที่แปะคาไว้บนหน้าผาก ตัดสินใจว่าจะนอนที่พื้นแทน จะได้ให้จินฮวานหลับสบายๆ ไม่ต้องนอนเบียดกัน



                         ผมคิดถึงจินฮวาน คิดถึงที่สุด ทั้งที่รู้แล้วว่าไม่มีสิทธิ์


                         แต่มือนิ่มๆของเขากำมือผมเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยเลยครับ 
                         คืนนั้นผมหลับไปที่พื้นข้างๆเตียงทั้งที่ยังจับมือจินฮวานอยู่อย่างนั้น และสาบานได้ครับว่าผมไม่อยากจะปล่อยมือจากจินฮวานเลย




     
     

      
     
    กลับมาอัพอีกครั้งกับวันสุกผู้กำลังซ่อมบ้านและจุนฮเวคนโง่ของทุกคน 
    น้ำตาจะไหลลลลลลลลลลลขอแชร์นะคะ เดากันได้ใช่มะว่าบยองกำลังจะเอาอะไรให้จุนฮเวอ่าน นี่เขียนไปก็วงวานนางไปเด้อ เป็นอีพีที่เขียนยาวมากที่สุดเท่าที่เขียนมาจนต้องแบ่งเป็นสองตอนย่อย(คือตอนที่แล้วกะตอนนี้) และก็จบลงแล้วเด้อสำหรับการเล่าเรื่องผ่านมุมของจุนฮเว อีพีหน้า ตอนที่19 เราจะกลับมาประสาทกินกันเช่นเคยกับการเถียงกับเสียงในหัวตัวเองของจินฮวาน และฉากยิ้มที่ทุกคนรอก็กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆแล้ว.... ถึงแม้ช่วงนี้จะชีวิตวุ่นวายมากจนไม่สามารถอัพตามตารางเวลาได้ แต่ก็จะพยายามเขียนให้สนุกสมการรอคอยของทุกคนนะคะ ฮรึก อย่าลืมกดตุ่มโหวต ตุ่มรีทวิต และพิมพ์คอมเม้นท์ส่งมาให้วันสุกคนอาภัพได้อ่านกันด้วย ใครมีข้อสงสัยหรืออยากให้สปอยอะไรในฟิค เชิญได้ที่ ask.fm/yur1du นะเจ้าคะ

    พบกันใหม่เมื่อฉันเขียนจบตอน รักและคิดถึงทุกท่าน
    จาก วันสุกผู้บ้านไฟไหม้ที่พึ่งรับปริญญาคนนั้นแหละ
    21.11น.  26/3/2017
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×