[1 SHOT SNSD] ...Drama... (Yuri x Jessica x Minho) - [1 SHOT SNSD] ...Drama... (Yuri x Jessica x Minho) นิยาย [1 SHOT SNSD] ...Drama... (Yuri x Jessica x Minho) : Dek-D.com - Writer

    [1 SHOT SNSD] ...Drama... (Yuri x Jessica x Minho)

    โดย Noon_YS

    ผู้เข้าชมรวม

    7,833

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    17

    ผู้เข้าชมรวม


    7.83K

    ความคิดเห็น


    156

    คนติดตาม


    28
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  5 พ.ย. 54 / 11:35 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
     
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Drama

      “สวัสดีค่ะ ควอน ยูริพูดค่ะ”หญิงสาวร่างสูงที่ในมือกำลังเก็บสัมภาระลงในกระเป๋า เนื่องจากวันนี้เธอจะต้องเดินทางไปพรีเซนต์งานที่ต่างประเทศ และด้วยเหตุนี้ทำให้ช่วงนี้เธอวุ่นๆอยู่กับงานโปรเจคชิ้นใหญ่ จนแทบจะไม่ได้พูดคุยกับคนรักมากเท่าไรนัก เพราะเหตุผลนี้ทำให้เธอได้รับโทรศัพท์เลขหมายแปลกๆอยู่บ่อยครั้ง

      [“ถ้าไม่ใส่ใจเค้าคนนั้น ทำไมไม่ปล่อยเขามาให้ฉันล่ะ”] สิ้นประโยคนั้น มันทำให้หญิงสาวร่างสูงสะอึกไปเล็กน้อย พร้อมขมวดคิ้วเข้มเข้าหากันอย่างแปลกใจ

      ใช่..ใครกันที่โทรมาอีกแล้ว คนรักเก่าหรือใครคนที่เขาแอบแฝงมันไว้ ใครคนที่เขาบอกว่าไม่มีอะไร ไร้สาระที่จะคิดถึงเรื่องนั้นอีกครั้ง และเพราะคำพูดนั้นมันทำให้ฉันไว้ใจและเชื่อจนสนิทใจ

       

      “เขาไม่ได้รักเธอเลยยูริ ทำไมยังหลอกตัวเองอยู่อีกล่ะ” อยู่ๆข้อความในโสตความคิดก็ดังก้องขึ้นมาในสมอง มันไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเบอร์แปลกโทรมาอย่างนี้ แล้วคนพวกนี้ได้เบอร์ของเธอมาจากไหน ถ้าไม่ใช่จากเขา..

       

      รถBMW m5 523i highline จอดนิ่งสนิทที่หน้าประตูบ้านหลังนึงเพื่อรอคอยใครบางคน หญิงสาวร่างบางผมยาวดัดรอนสีบรอนด์ทองที่ดูเข้ากับรูปร่างและใบหน้าที่เรียวเล็กของเธอ เจสสิก้า จองหญิงสาวผู้ที่เกิดมาพร้อมทุกอย่างทั้งฐานะรูปร่างหน้าตา ความรู้ความสามารถที่ไม่ต้องเอ่ยถึง ตอนนี้เธอนั่งแท่นหนึ่งในผู้บริหารของ Jung Group ที่ทำธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ซึ่งเธอคือทายาทของตระกูลจองนั่นเอง

      ไม่นานก็ปรากฏร่างของคนที่เธอรอคอย ร่างบางเปิดประตูรถลงมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างเช่นทุกครั้ง ซึ่งมันต่างจากอีกคนที่ปรากฏใบหน้าที่นิ่งขรึม รอยยิ้มบางๆเท่านั้นที่ร่างสูงเผยมันออกมา

      “สิก้าช่วยถือของนะยูล”เธอไม่รีรอที่จะเข้าไปช่วยอีกคนถือกระเป๋าใบโต แต่เหมือนว่ายูริจะไม่รับในน้ำใจนั้นโดยการชักกระเป๋ากลับ แล้วเดินเลยผ่านร่างบางไปยังตำแหน่งข้างคนขับ ซึ่งการกระทำนี้ทำให้เจสสิก้าสัมผัสได้ถึงความผิดปกติอะไรบางอย่างจากอีกคน

      ภายในรถยนต์คันหรูที่ร่างบางเป็นผู้ขับ ไร้ซึ่งเสียงใดๆเอ่ยออกมาจากร่างสูงที่เขามัวแต่กดโทรศัพท์มือถือ เหมือนว่าส่งข้อความคุยกับใครหรือกำลังค้นหาข้อมูลอะไรบางอย่าง เจสสิก้าก็ไม่ได้คิดที่จะขัดแต่อย่างใด

      RRRrrr RRRrrr แล้วจู่ๆเครื่องมือสื่อสารของเจ้าของรถก็ส่งเสียงออกมา ร่างสูงละสายตาจากหน้าโทรศัพท์ของตัวเองแล้วมองไปยังร่างบาง สายตาที่ดูสงสัยฉายแววว่าร่างบางจะรับหรือไม่ แต่แล้วร่างบางก็ตัดสินใจกดตัดสายไป ยูริมองพลางยกยิ้มที่มุมปากแล้วหันกลับมาสนใจสิ่งที่อยู่ในมือต่อ

      “อีกสองวันสิก้าจะมารับที่สนามบินนะ”แล้วเป็นเจสสิก้าเองที่เอ่ยทำลายความเงียบนั่น

      “ค่ะ”ร่างสูงเอ่ยตอบรับ แต่ใบหน้าของเขาก็ยังสนใจเจ้ามือถือเครื่องนั้นอย่างไม่ละสายตา

      “นี่ยูล เลิกสนใจมือถือเครื่องนั้นสักทีได้มั้ย”ร่างบางเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย และเหมือนว่าร่างสูงรับรู้ถึงอารมณ์อีกคน เขาจึงเก็บมันลงไปในกระเป๋าของตัวเอง

      “มีเบอร์แปลกๆโทรศัพท์โทรมาหายูลอีกแล้วนะ”ยูริเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ

      “เหรอคะ..” “แล้วมินโฮเขาว่ายังไงล่ะ” เจสสิก้าย้อนถามยูริที่ดูสีหน้าไม่ค่อยดีนัก

      “สั้นๆน่ะ แค่บอกว่าไม่มีอะไร”ยูริเอ่ยตอบ

      “เหนื่อยไหม? ที่ต้องคอยโกหก”คำถามจากร่างบาง ไร้ซึ่งคำตอบใดจากผู้ที่ถูกตั้งคำถามใส่ ยูริถอนหายใจยาวออกมา พร้อมกับเจสสิก้ากลับเร่งเครื่องยนต์ให้พุ่งออกไปเร็วขึ้น และแล้วความเงียบก็กลับมาปกคลุมอีกครั้ง

       

      หลังจากที่เจสสิก้าพายูริไปส่งยังสนามบินเธอก็ขับรถมุ่งตรงมายังสถานที่แห่งหนึ่งนั่นก็คือจุดนัดพบของเธอกับเขา เขาเป็นบุคคลซึ่งเธอเคยมอบความรักให้ เขาผู้มอบความเจ็บปวดอันแสนทรมาน กว่า 1 ปีที่เขาจากไป ซึ่งการจากไปของเขานั้นสร้างความเจ็บปวดอย่างไร้เหตุผลซึ่งเธอฟังดูไม่ขึ้นเลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้เขาจะกลับมาและตอนนี้ฉันมีเขาอีกคนผู้ที่ทำให้เธอหายจากความเจ็บปวดที่ผ่านมา

      เพียงรถยนต์คันหรูเคลื่อนมาจอดยังจุดนัดพบซึ่งก็คือสวนสาธารณะที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำฮัน เขาผู้นั้นก็มองเธอผู้มาเยือนอย่างไม่วางตา

      “สวัสดีค่ะพี่มินยอง”

      “สวัสดีเจส..” น้ำเสียงเอ่ยเรียกชื่อเธอจากริมฝีปากบางของปาร์ค มินยองผู้ที่เคยเป็นรักแรกของเธอ แต่เป็นความรักที่แฝงมาด้วยความหลอกลวง มีเขาคนเดียวที่เรียกเธอว่า “เจส” ยิ่งคิดยิ่งย้อนถึงสิ่งที่ผ่านมา ความเจ็บปวดเธอไม่โทษเขา เธอโทษตัวเองที่หลงไปเชื่อคำหลอกลวงนั่น และเธอสัญญาว่าจะไม่หลงกลับไปหาความเจ็บปวดนั้นอีก

      “สิก้าบอกพี่ไปแล้วว่าไม่ต้องโทรกลับมาอีก ทำไมยังโทรอีกล่ะคะ”

      “พี่น้องกันโทรหากันไม่ได้เหรอ”รอยยิ้มอันแสนเจ้าเล่ห์เช่นทุกครั้งปรากฏบนใบหน้าของเขา

      “ถ้าถูกหักอกมาล่ะก็ พี่ก็ไปหาอดีตคนรักคนอื่นของพี่ดีกว่านะคะ อย่าโทรมาสิก้าอีกเลย”เจสสิก้าทำสีหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน

      “หึหึ เด็กน้อย”มินยองพยายามที่จะเดินเข้าไปหาอีกคนที่ยืนอยู่ แต่เหมือนว่าเจสสิก้าจะก้าวเท้าถอยหลังอย่างอัตโนมัติ

      “อย่ามาเรียกอย่างนี้เลยค่ะ ทุกอย่างมันจบไปแล้ว” “ถ้าไม่มีอะไร สิก้าขอตัว”

      “ยังรักกันดีอยู่เหรอ?”สิ้นเสียงเขา เจสสิก้าที่กำลังจะเปิดประตูรถถึงกลับหยุดการกระทำนั้นลง สายตาละจากบานประตูรถ เปลี่ยนหันไปมองร่างที่ยืนอยู่แทน

      “กับแฟนเหรอคะ ยังรักกันดีอยู่ค่ะ”

      “งั้นก็ดีแล้ว พี่เป็นห่วงน่ะ”

                      “ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ สิก้าดูแลตัวเองได้”หลังพูดจบร่างบางก็ปิดประตูรถลงพร้อมกับขับผ่านหน้าของอีกคนไปอย่างไม่รีรอ

      ………………………………………………………

                  “ยูลคะ ยูลอยู่ตรงไหนเหรอ สิก้ามารอนานแล้วนะ”หญิงสาวร่างบางมองไปรอบบริเวณก็ไม่พบกับคนที่เธออาสามารอรับ

                  “อยู่นี่ไงสิก้า..” น้ำเสียงที่ฟังดูคุ้นเคยเอ่ยดังมาจากทางด้านหลัง เพียงเจสสิก้าหันหลังกลับไปเธอก็พบร่างสูงยืนยิ้มอยู่ รอยยิ้มแบบนี้เจสสิก้าเคยเตือนร่างสูงแล้วว่าอย่ายิ้มแล้วมองเธอด้วยสายตาแบบนี้

                  “ดีจ๊ะยูล เป็นไงบ้างเดินทางเหนื่อยมั้ย” “เดี๋ยวสิก้าพายูลไปส่งบ้านนะ”           

      “เหนื่อยนิดหน่อยน่ะ”ยูริยิ้มรับ

       

      หลังจากมาส่งยูริถึงที่พักของเขา เขาชวนเธอเข้าไปในบ้านซึ่งเจสสิก้าก็เห็นว่านั่งพักแตกแอร์เย็นๆสักหน่อยก็คงจะไม่เป็นไร เพราะว่าถึงยังไงวันนี้เธอก็ว่างทั้งวันอยู่แล้ว

                  “สิก้ามีธุระต่อที่ไหนรึเปล่า”ยูริเอ่ยในระหว่างที่มือของเธอกำลังรินน้ำใส่แก้ว

                  “ไม่มีค่ะ ทำไมเหรอ”

                  “อ่านี่น้ำเย็นๆ” “ยูลว่าจะโชว์ฝีมือทำอาหารน่ะ ทานด้วยกันนะคะ” ยูริส่งแก้วน้ำให้เจสสิก้าพร้อมกับนั่งลงที่อีกฝั่งของโซฟา

                  “แล้วยูลโทรหามินโฮรึยัง เรื่องที่มาถึงเกาหลีแล้ว”

                  “เค้าคงไม่สนใจยูลหรอก”

                  “ยูลโทรหามินโฮดีกว่านะ สิก้าว่านั่นเป็นสิ่งที่แฟนที่ดีควรกระทำ”สิ้นเสียงเจสสิก้ายูริก็เหมือนกับถูกตบหน้าเข้าอย่างจัง

                “..สิ่งที่แฟนที่ดีควรกระทำ..”  คำพูดนี้จากปากของร่างบาง ทำให้ร่างสูงนิ่งอึ้งไปในทันที เหมือนเธอต้องการสื่ออะไรที่มากไปกว่าสิ่งที่พูดออกมา

       

      Jung Group

                  “คุณยูริอยู่ในห้องรึเปล่าจ๊ะ”หญิงสาวร่างบางเดินตรงมายังหน้าห้องทำงานของยูริแล้วเอ่ยถามกับพนักงานที่นั่งอยู่หน้าห้องของเขา

                  “อยู่ค่ะ รู้สึกว่าจะเพิ่งกลับเข้ามาเมื่อสักครู่นี้เอง”

                  “ขอบใจจ๊ะ”เจสสิก้าเอ่ยพร้อมรอยยิ้มแล้วเปิดประตูเข้าไปภายในห้องนั้น

                  เป็นอย่างนี้ประจำที่เจ้านายสาวของเธอเจสสิก้า  จองทายาทของบริษัทแห่งนี้จะแวะมาที่ห้องของยูริเป็นประจำทุกกลางวัน แล้วเมื่อเวลาช่วงบ่ายเจสสิก้าก็จะกลับออกมาเอง เป็นภาพที่ทุกคนในที่แห่งนี้เห็นอยู่บ่อยๆ

       

                  “คุณมินโฮจะมาพบคุณยูริเหรอคะ”พนักงานหน้าห้องเอ่ยทักผู้ที่กำลังจะเดินผ่านหน้าโต๊ะของเธอไป เธอคาดการณ์ว่าเขาน่าจะมาหาเจ้านายสาวของเธออย่างแน่นอน เพราะปกติมินโฮไม่ได้มีหน้าที่อะไรจะต้องขึ้นมายังตึกแห่งนี้ เขาทำงานอยู่อีกบริษัทนึงซึ่งเป็นลูกค่ายของ Jung Group

                  “ใช่ แล้วคุณยูริอยู่รึเปล่าล่ะ”

                  “คุณเจสสิก้าก็เพิ่งเข้าไปคุยงานเมื่อสักครู่ ดิฉันว่ารอบ่ายๆดีกว่านะคะ ให้คุณมาอีกรอบ”

                  “ทำไมล่ะ เธอโทรเข้าไปสิ แล้วบอกว่าฉันมาหา”

                  “แต่ว่า ...นี่ก็ใกล้เวลาพักเที่ยงแล้ว ดิฉันว่าคุณกลับไปก่อนดีกว่าค่ะ”

                  “แล้วทำไมฉันจะเข้าไปไม่ได้ล่ะ”ชายหนุ่มไม่มีรีรอหรือฟังคำร้องห้ามใดใด เขาเดินตรงไปยังหน้าห้องแล้วจับที่ประตูเพื่อเปิดมันออก แต่เหมือนว่ามันจะถูกล๊อคไว้จากทางด้านใน ทำให้เขาเปิดมันไม่ได้

                  “ดิฉันว่าเชิญคุณกลับไปดีกว่าค่ะ ไม่งั้นดิฉันคงต้องเรียก...”พนักงานสาวพยายามเข้ามาห้ามชายหนุ่ม แต่แล้วคนที่อยู่ภายในห้องก็เปิดมันออกมา

                  “เสียงดังอะไรกันเหรอ”เป็นเจ้าของห้องที่เปิดออกมาดูต้นต่อของเสียงวุ่นวายนั่น

                  “อ้าว! มินโฮนั่นเองมีอะไรเหรอคะ พอดีว่ายูลกำลังคุยธุระสำคัญอยู่น่ะค่ะ ถ้ามีอะไรไว้คุยกันตอนเลิกงานก็แล้วกันนะคะ”ยูริเอ่ยตัดปัญหาอย่างรวดเร็ว เพราะเธอหวังว่าชายหนุ่มจะจากไปแต่โดยดี

                  “ดิฉันห้ามคุณมินโฮแล้ว..”พนักงานสาวพยายามเอ่ยรายงานสถานการณ์ก่อนหน้านั้น แต่ยูริได้ยกมือห้ามไว้ แล้วให้พนักงานคนนั้นกลับไปทำงานของตัวเองต่อ

                  “มินโฮคะ กลับไปก่อนนะ เดี๋ยวยูลโทรหาค่ะ”ยูริส่งรอยยิ้มหวานๆให้กับเขา ซึ่งมันก็ทำให้ชายหนุ่มมีท่าทีที่อ่อนลงไป

                  “งั้นเย็นนี้เจอกันนะครับ”เมื่อกล่าวจบชายหนุ่มก็หันหลังเดินจากไปแต่โดยดี ยูริถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วเธอก็เดินกลับเข้าห้องไป

       

                  ในซุปเปอร์มาร์เก็ตคืนหนึ่งเป็นคืนที่เงียบสงบผู้คนไม่ขวักไขว่เท่าไรนัก ทำให้ร่างบางเดินดูของได้อย่างสบายใจที่ไม่ต้องเดินเบียดเสียดกับคนอื่น เมื่อได้ของที่ต้องการเจสสิก้าก็เตรียมที่จะเดินกลับที่พักซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมากนัก ค่ำคืนที่เงียบสงบเสาไฟเรียงตามทางเดิน แสงสีส้มจากหลอดไฟกลับสะท้อนให้ร่างบางได้เห็นว่ามีเงาของใครคนนึงกำลังเดินตามมาทางด้านหลังของเธอ เธอเร่งฝีเท้าและเหมือนว่ายิ่งเร่งฝีเท้าบุคคลนั้นก็จะเร่งตามมาเช่นกัน ยังดีที่ระหว่างทางที่เธอเดินกลับนั้นยังพอมีคนเดินสวนทางอยู่บ้าง ถึงจะเกิดอะไรขึ้นสิ่งที่ทำได้คือ ตะโกนร้องเรียกให้คนช่วย แต่แล้วสิ่งที่ทำให้ตกใจยิ่งกว่าคือ

                  “สิก้าออนนี่!” เสียงเรียกชื่อเธอ เสียงนี้ช่างดูคุ้นหู

                  “ยุนอา..” ร่างบางหยุดฝีเท้าแล้วหันกลับตามเสียงเรียกนั่น พร้อมอุทานชื่อเขาคนนั้นออกมา

                  “สบายดีรึเปล่าคะ”รอยยิ้ม น้ำเสียงอ่อนโยน ความห่วงใย สายตาแบบนี้ทำให้เจสสิก้าหวั่นไหวอีกครั้ง

                  “กลับมาตั้งแต่เมื่อไร?”คำถามแรกที่เจสสิก้าเอ่ยออกมา ใช่..เธอแปลกใจที่เจอยุนอาที่นี่ ยุนอาไปทำงานที่ญี่ปุ่น เขาเป็นนักแสดงที่สร้างชื่อให้เกาหลีมากในยุคนี้

                  “คิดถึงออนนี่จังค่ะ”ยุนอาไม่ตอบคำถาม เธอกลับเอ่ยความรู้สึกข้างในออกมา

                  “แล้วจะอยู่ที่เกาหลีนานเท่าไรเหรอ?”เจสสิก้ายิ่งคำถามอีกประโยคออกมา แต่เหมือนว่ายุนอาจะไม่สนใจในคำถามนั่น เธอกลับเดินเข้ามาแล้วสวมกอดร่างบางอย่างรู้สึกห่วงหา เจสสิก้ายืนนิ่งด้วยความแปลกใจที่เห็นเขา ปนตกใจเล็กน้อย เธอได้รับข้อความก่อนออกมาจากห้องพักจากร่างโปร่ง ข้อความสั้นๆคำว่า “คิดถึงออนนี่จังค่ะ” แต่เธอไม่คิดว่าตอนนี้เขาจะมายืนอยู่กับเธอ ณ ตรงนี้

                  “เหงารึเปล่าคะ ฉันนะเหงามากเลยที่ไม่ได้เจอพี่”อ้อมกอดที่กระชับแน่นขึ้น เจสสิก้าเห็นว่ามันอาจมากไปเธอจึงพยายามดันร่างเขาออกห่าง เมื่อสองร่างผละออกจากกันได้ก็เป็นเจสสิก้าที่เอ่ยออกมา

                  “อย่าทำอย่างนี้อีกเลยนะยุนอา มันคงไม่เหมาะ”เจสสิก้าหยุดพูดเพราะยุนอาเอ่ยแทรกขึ้นมาแทน

      “เฮ้อ!!! นั่นสินะ คงไม่เหมาะ..”ยุนอาเอ่ยด้วยน้ำเสียงปนน้อยใจ พร้อมกับถอนหายใจยาวๆออกมา

                  “แล้วบอกยูลรึยังว่ามาถึงเกาหลีแล้ว”

                  “ยังค่ะ ว่าจะมาเซอร์ไพร์น่ะ”คำพูดพร้อมรอยยิ้มของยุนอาที่ดูสดใส เจสสิก้าจำวันแรกที่เจอกันได้เธอรู้จักยุนอาก่อนยูริเสียอีก ซึ่งมันดูเหมือนว่าโลกกลมมากเมื่อมารู้ทีหลังว่าสองคนนั้นเป็นพี่น้องกันนั่นเอง ยุนอาเป็นรุ่นน้องที่โรงเรียนของเธอ ส่วนยูริเธอทำงานที่บริษัทของเจสสิก้า แต่ด้วยนิสัยอะไรหลายๆอย่างทำให้เจสสิก้าและยูริสนิทกันเร็วจนน่าแปลกใจ

                  “ดึกแล้วพี่ว่าเธอกลับดีกว่านะ”

                  “ก็ได้ค่ะ ไม่กวนแล้ว”ยุนอาตอบอย่างไม่เต็มใจมากนัก แต่ก็ต้องทำตามนั้นอย่างฝืนๆ

                  “จร้า งั้นพี่กลับเข้าห้องก่อนนะ เราก็เดินทางกลับดีๆล่ะ เอารถมาใช่มั้ย?

                  “ค่ะ ยุนดูแลตัวเองได้ บายๆค่ะพี่สิก้า”

                  “บายจร้า”แล้วเจสสิก้าก็เดินเข้าสู่ที่พัก ยุนอายืนมองดูเจสสิก้าจนเธอหายเข้าไปในตึก แววตาที่สดใสกลับเปลี่ยนเป็นเศร้าไปในทันที

      .

      .

                  “กลับมาเกาหลีไม่เคยบอกพี่สาวตัวเองสักคำ แต่กลับมานัดพบกับเพื่อนพี่ตัวเอง..”เสียงนิ่งๆเอ่ยออกมายุนอาถึงกับลืมตาโพรงด้วยความตกใจที่เห็นพี่สาวตัวเองยืนหลบอยู่ที่มุมตึกใกล้ๆกับที่เขาจอดรถเอาไว้

                  “พี่ยูล!

                  “พี่รู้นะที่ยุนเลือกที่จะอยู่ที่ญี่ปุ่นก็เพราะเรื่องของสิก้าใช่รึเปล่า”

                  “ไม่ใช่ซะหน่อยค่ะ”ยุนอาเปลี่ยนสีหน้าเขินในทันทีเมื่อเห็นว่าพี่สาวของเธอเหมือนจะรู้ทัน

                  “ถึงเราจะบอกไม่ใช่ แต่พี่เป็นพี่สาวเรานะยุนพี่รู้ว่าเราคิดอะไรอยู่ เราชอบสิก้าใช่รึเปล่า”

                  “ถึงยุนจะคิด แต่สิก้าออนนี่ไม่ได้คิดกับยุนเกินน้องสาวเลย..”

                  “ยุนขอตัวกลับก่อน บายค่ะ”ยุนอาเดินไปที่รถของเธอ ยูริมองตามน้องสาวพรางสายศีรษะก่อนที่จะยกยิ้มออกมาอย่างคิดอะไรบางอย่างได้

                 

                  แกร๊ก ร่างบางเปิดประตูห้องของตัวเองอย่างทุลักทุเลนิดหน่อยเนื่องจากของที่ถือมาด้วย

                  “ซื้อของมาเยอะจังเลยค่ะ”เมื่อยูริคุยกับยุนอาจบเขาก็เลือกที่จะเดินตามร่างบางขึ้นมายังห้องพักของเธอ

                  “ยูล ทำไมมาหาสิก้าดึกอย่างนี้ล่ะ”เจสสิก้าก็แปลกใจเช่นกัน ที่เห็นยูริมาหาเธอในเวลาเช่นนี้

                  “จะแวะมาชวนไปเที่ยวด้วยกันคืนนี้น่ะ”

                  “อืม งั้นรอแป๊บนะคะ” เจสสิก้าเอ่ยรับคำชวนก่อนที่เธอจะเดินเอาของไปวางที่โต๊ะ แล้วเข้าห้องส่วนตัวเพื่อเปลี่ยนชุด ยูริซึ่งเดินตามเข้ามาในห้อง เธอก็นั่งอ่านหนังสือนิตยสารรออีกคนเพื่อออกไปพร้อมกัน

       

                  เพียงสองสาวก้าวเข้ามายังสถานบันเทิงแห่งนี้ชายหนุ่มหลายคนต่างเหลียวมองเป็นตาเดียวกัน ด้วยรูปร่างและหน้าตา ผสมกับการแต่งตัวที่ดูดีทำให้เป็นจุดสนใจได้ไม่ยาก สองสาวเลือกทำเลที่ดูจะไม่เป็นจุดสนใจใครมากนัก

                  “ยูลว่าวันนี้น่าจะถึงเวลาแล้วล่ะ”ยูริกระซิบที่ข้างหูเพื่อให้ร่างบางที่นั่งอยู่ข้างๆได้ยินถนัด

                  “สวัสดีครับ”และแล้วคนที่ยูริรอคอยเขาก็มาถึงจนได้

                  “ยูลไม่คิดว่าคุณจะมาเร็วขนาดนี้”ร่างสูงเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม

                  “ผมมาถึงได้สักพักแล้ว แต่ว่าคุยกับเพื่อนอยู่เลยมาทักช้าไปหน่อย”ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับนั่งลงที่โซฟาฝังตรงข้ามกับสองสาว ซึ่งยูริและเจสสิก้านั้นนั่งอยู่ที่โซฟายาวตัวเดียวกันนั่นเอง

                  “เดี๋ยวยูลมานะคะ ไปสั่งเครื่องดื่มก่อน”ยูริเอ่ยพร้อมกับลุกเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงเจสสิก้าและแฟนหนุ่มของเธอ

                  “เราไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะคะคุณมินโฮ”ร่างบางเผยรอยยิ้มหวานออกมา ซึ่งก็ทำให้มินโฮหวั่นไหวได้ไม่น้อย

                  “นั่นสิครับ ทั้งๆที่คุณก็เป็นเพื่อนกับแฟนของผม แต่ผมกลับเจอคุณสิก้านับครั้งได้เลย”

                  “คุณมินโฮคะ สิก้ามีอะไรอยากจะบอก..”เจสสิก้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจังมากขึ้น

                  “อะไรเหรอครับ”

                  “คุณรักยูลจริงๆรึเปล่าคะ”

                  “ทำไมถึงถามอย่างนั้นล่ะครับ”

                  “เพราะสิก้าแอบปลื้มคุณมานานแล้วยังไงล่ะคะ”

                  เมื่อชายหนุ่มได้ยินดังนั้นเขาก็ดูมีท่าทีตกใจเล็กน้อย แต่ว่ายังคงรักษาฟอร์มไว้ได้อยู่

                  “ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆนะครับ ผมมียูลแล้ว และผมคงจะไม่นอกใจเธอ”

                  “อืม อย่างนั้นเหรอคะ แน่ใจเหรอคะว่ามีแค่ยูลคนเดียว”เจสสิก้าย้อนถามเพื่อความแน่ใจและให้เห็นพิรุทของเขา ที่ตอนนี้เริ่มมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาที่บริเวณหน้าผาก เมื่อเจสสิก้าเห็นว่าชายหนุ่มเริ่มเสียการทรงตัว เธอจึงอาศัยจังหวะนี้รุกเข้าหา โดยย้ายตำแหน่งที่นั่งของเธอไปนั่งยังข้างๆชายหนุ่ม

                  “คุณสิก้าจะทำอะไรครับ”มินโฮที่พยายามขยับหนี แต่ก็ไม่พ้นเจสสิก้าเธอดึงรั้งชายหนุ่มไว้ไม่ให้ลุกไปไหน

                  “ก็สิก้าจะเช็ดเหงื่อให้ยังไงคะ”ตอนนี้หากชายหนุ่มคนไหนเดินผ่านมาคงอิจฉามินโฮไม่น้อย เพราะหญิงสาวรูปร่างดีถึงขั้นนางแบบ หน้าตาลูกครึ่งนิดๆบวกกับการชุดเดรสสั้นสีแดงเพลิงที่เธอสวมใสซึ่งทำให้ขับผิวสีขาวเนียนละเอียดอ่อนของเธอได้เป็นอย่างดี

                  RRRrrr RRRrrr เครื่องมือสื่อสารของร่างบางที่วางอยู่บนโต๊ะเบื้องหน้าก็ส่งเสียงดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน

                  “ว่าไงยูล”

                  “ติดธุระเหรอ ได้ค่ะเดี๋ยวสิก้ากลับเองได้ บายๆค่ะ”ในระหว่างที่เจสสิก้าเอ่ยกับปรายสายอยู่นั้น สายตาชายหนุ่มก็มองดูเธอพรางก็ยกทิชชูขึ้นซับเม็ดเหงื่อที่เริ่มผุดออกมามากขึ้น ผู้หญิงเบื้องเขาเธอดูร้อนแรงมาก เธอมีเสน่ห์ต่อผู้ชายและสามารถฆ่าผู้ชายตายได้ด้วยแววตาอันยั่วยวนของเธอ

                  “มินโฮคะ ไปส่งสิก้าได้รึเปล่าคะ”เพียงร่างบางหันมาสบตาแล้วเอ่ยคำพูดเชิงอ้อนใส่ ชายหนุ่มก็มีท่าทีประหม่ามากขึ้นไปอีก

       

                  แล้วเป็นดังที่เจสสิก้าขอร้องเขามาส่งเธอถึงคอนโดและเมื่อเขามาส่งเธอถึงขนาดนี้แล้ว ร่างบางคงไม่ปล่อยเขาหลุดมือไปอย่างแน่นอน

                  “เข้ามาข้างในก่อนสิคะ เดี๋ยวสิก้าหาน้ำเย็นให้ทานแทนคำขอบคุณ”ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะเอ่ยอะไรร่างบางก็ดึงรั้งเขาให้เข้ามาแต่โดยดี

      ในระหว่างที่มินโฮนั่งรอสายตาเขาก็กวาดมองไปรอบๆห้อง ภาพในห้องส่วนใหญ่จะเป็นภาพถ่ายสีขาวดำที่ประดับไว้ในกรอบขนาดเล็กที่แปะเต็มผนังห้อง โดยภาพภาพนึงทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสะดุดกับมันไม่น้อย นั่นก็คือภาพเบื้องหลังของชายคนหนึ่ง เขายืนจ้องมองมันอยู่นานอย่างพิจารณา ก่อนที่เจ้าของห้องจะเอ่ยขัดขึ้นมาก่อน

      “น้ำค่ะ ดื่มก่อนสิคะ”ร่างบางยื่นแก้วน้ำส่งให้ชายหนุ่มเขายืนมือออกมารับอย่างไม่รีรอ

      “กำลังดูรูปนี้อยู่เหรอคะ รูปนี่เป็นรูปด้านหลังของคุณยังไงล่ะคะ”

      “ด้านหลังของผม คุณสิก้าชอบถ่ายภาพด้วยเหรอครับ แล้วคุณแอบถ่ายผมทำไม”

      “ก็อย่างที่สิก้าบอกคุณไงคะ ว่าสิก้าสนใจและปลื้มคุณมานานแล้ว”หญิงสาวเอ่ยด้วยแววตาที่ดูจริงจังกับคำพูดนั้นของเธอ

      “แต่ผมเป็นแฟนเพื่อนคุณนะ ทำไมยังไม่เลิกความคิดนั่นล่ะครับ”

      “เราก็คบกันอย่างเงียบๆก็ได้นี่คะ”ซึ่งเป็นจังหวะที่มินโฮกำลังดื่มน้ำอยู่ และคำพูดเธอทำให้เขาถึงกับสำลักในทันที

      “เป็นอะไรไปคะ”เจสสิก้าเอ่ยถามออกมาด้วยความห่วงใย แล้วรับแก้วน้ำคืนมาจากชายหนุ่มแล้ววางมันลงบนโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆ

      “เปล่าๆครับ”แล้วในจังนั้นเองที่ชายหนุ่มกำลังก้มหน้าจากการสำลักก็ต้องตกใจเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเจอใบหน้าสวยของหญิงสาวเจ้าของห้อง

      สิ้นเสียงใดๆจากคนทั้งสอง สายตาของทั้งคู่ต่างจ้องมองกันและกันอย่างแน่นิ่ง ใบหน้าของทั้งสองค่อยๆเคลื่อนเข้าหากันอย่างช้าๆ

      “ทำอะไรกันน่ะ”เสียงใครที่ดังขัดขึ้นมาทำให้ทั้งสองได้สติและผละออกจากกันในทันที

      “ยูล!”ชายหนุ่มอุทานชื่อคนรักออกมา ตอนนี้ไม่ต้องตอบก็รู้ว่ายูริรู้สึกยังไงกับสิ่งที่เธอเห็นในตอนนี้ อีกคนคือคนรัก ส่วนอีกคนก็คือเพื่อนรัก

                  “ตกใจเหรอคะ แม้กระทั่งเพื่อนของยูล คุณยังมาทำอย่างนี้เหรอ เป็นคนอื่นฉันจะไม่ยุ่งด้วยเลย” “ฟังผมอธิบายก่อนนะ”ชายหนุ่มพยายามเอ่ยขอร้องให้เธอฟังเขา แต่เหมือนว่ามันจะไม่เป็นผล

                  “โอกาสนั้นมันหมดไปแล้วล่ะค่ะมินโฮ เราเลิกกันเลยดีกว่าค่ะ ยูลไม่อยากมานั่งทนกับสาวๆของคุณอีก”

                  “แต่เพื่อนคุณมายั่วผมเองนะ”ชายหนุ่มเอ่ยด้วยเสียงที่ดังขึ้น และมันยิ่งทำให้ยูริโกรธเป็นอย่างมาก เธอเดินตรงเข้ามาหาเขาและฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าเขาอย่างแรง

                  เพลี้ย!!!  

                  “อย่ามาโทษคนอื่น ยูลให้โอกาสคุณมามากพอแล้วนะคะ ยูลไม่อยากคอยรับโทรศัพท์จากเหล่าสาวๆของคุณอีก ยูลเหนื่อย...”

                  “ออกไปให้พ้น แล้วไม่ต้องกลับมาอีก”ยูริเอ่ยด้วยน้ำเสียงโกรธอย่างมาก มินโฮเห็นเป็นดังนั้นเขาก็ไม่รั้งที่จะอยู่ต่อ แล้วก่อนที่เขาจะปิดประตูออกไปเขาได้ทิ้งประโยคนึงไว้อย่างรู้สึกหัวเสียไม่น้อย

                  “แล้วคุณจะเสียใจที่เลิกกับผมควอน ยูริ!”สิ้นเสียงประตูที่ถูกปิดลง ร่างสูงเดินกดล็อคประตูในทันที ก่อนที่จะหันมามองร่างบางที่ยืนเงียบอยู่นานแล้ว

                  “เล่นละครเก่งจังเลยนะคะ”ยูริเอ่ยคำพูดแรกกับร่างบางออกมา เมื่อได้ยินเขาพูดอย่างนั้นเจสสิก้าก็ไม่รอช้าที่จะเดินเข้าไปใกล้ๆเธอยกมือสองข้างโอบรอบคอร่างสูงแล้วรั้งลงมาอย่างช้าๆ แล้วเหมือนว่ายูริทราบดีว่าเจสสิก้าต้องการอะไร เขาจึงไม่รีรอที่จะกดจูบลงไป จากจูบที่แสนนุ่มนวลในตอนแรกกลายเป็นร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆจนเจสสิก้าร้องขออากาศเพื่อให้เธอได้หายใจบ้าง ยูริจึงละออกแต่มือสองข้างของเขาก็ไม่ละไปจากเอวคอดของเธอ กลับกระชับร่างเธอเข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้น

                  “หึงเหรอคะ ทำไมรุนแรงจังล่ะ”ร่างบางไม่พูดเปล่าริมฝีปากเธอยังคงก่อกวนที่ข้างแก้มเขาไม่หยุด           “ยูลยังไม่ได้เคลียร์เรื่องยุนอาเลยนะ แล้ววันนี้ทำให้ยูลรู้แล้วล่ะว่าสิก้าน่ะ มีเสน่ห์แค่ไหน”

                  “ถ้าสิก้าไม่รัก สิก้าจะไม่ไปยุ่งด้วยอย่างเด็ดขาด”เจสสิก้าเอ่ยย้ำเพื่อให้เขาได้มั่นใจ

                  “อย่างน้อยสิก้าก็ช่วยให้ยูลได้รู้ว่ายูลต้องการอะไรกันแน่”สายตายั่วยวนของเธอทำให้เขาอยากจะกินเธอไปทั้งตัวเสียตอนนี้

                  “งั้นเราก็มาตอกย้ำความเป็นตัวตนกันดีกว่านะคะ”ยูริไม่พูดเปล่า เขาก้มใบหน้าลงเพื่อจุมพิตเธออีกครั้ง

                  “อืม ใจเย็นๆสิคะ สิก้าขอจัดการอะไรที่ขวางหูขวางตาก่อน”ร่างบางผละจากอ้อมกอดนั่นแล้วเดินไปยังกรอบรูปที่ติดอยู่ที่ฝาผนังแล้วดึงภาพของชายหนุ่มออก ซึ่งจริงๆแล้วมันแค่ถูกแปะไว้เพื่อให้แกะออกได้โดยง่าย ซึ่งภาพจริงๆของกรอบรูปนี้คือ ภาพระหว่างเธอและยูริในแบบแนบชิดที่สุด หากใครได้เห็นคงไม่พ้นคำถามอย่างแน่นอน ยูริเดินเข้าไปสวมกอดร่างบางที่ยืนมองรูปนั่นอยู่จากทางด้านหลังของเธอ

                  “ในสุดละครก็จบลงแล้วสินะ ยูลไม่ต้องโกหกอีกต่อไป”ยูริเอ่ยออกมา เจสสิก้าได้ยินดังนั้นเธอจึงหันหน้ากลับมาหาร่างสูง

                  “ใครว่าจบล่ะคะ ต่อไปนี้ยูลจะต้องเป็นพระเอกของสิก้า แล้วสิก้าจะเป็นนางเอกของยูล ตกลงมั้ยคะ”รอยยิ้มหวานจากร่างบางทำให้ร่างสูงยิ้มตามออกมาเช่นกัน ตอนนี้ยูริรู้สึกผ่อนคลายลงไม่น้อยที่สามารถเคลียร์อะไรออกไปได้บ้าง แม้มันจะดูเอาเปรียบมินโฮก็ตามแต่ แต่เธอก็ไม่อยากที่จะรั้งเค้าเอาไว้

                  “ยูลมีรางวัลสำหรับนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมด้วยล่ะ”ยูริเอ่ยทีเล่นทีจริง

                  “รางวัลเป็นอะไรเหรอคะ”เจสสิก้ามองเขาด้วยแววตาใสซื่อ

                  “เป็น...”ยูริกระซิบที่ข้างหูของร่างบางเบาเบา แล้วใบหน้าเจสสิก้าก็เปลี่ยนสีไปในทันที แล้วยูริก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้เมื่อเห็นเจสสิก้ามีท่าทีเขินอายหน้าแดงอย่างเห็นได้ชัด

       

      ............................................................................................................................

      อะไรเกิดขึ้นในห้องทำงานของยูริ อยากรู้ฝากอีเมลไว้ค่ะจะส่งให้ พร้อม NC 18+
      (ใครที่ขอไว้แล้วไม่ส่งให้ภายใน 3 วัน แจ้งมาทาง yulsica2009@hotmail.com พร้อมระบุชื่อเรื่องด้วยค่ะ)


      ...........................................................................................................................

       

                 

                             

      จากไรเตอร์

      หวังว่าเรื่องนี้จะไม่ทำให้ผิดหวังนะคะ ขอบคุณทุกคอมเม้นที่ให้กัน
      กำลังใจจากเพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกคน เป็นกำลังใจที่ดีค่ะ

      คำเตือน ถ้างงอ่านใหม่อีกรอบไม่ว่ากันค่ะ

      ติดต่อได้ที่
      yulsica2122@hotmail.com >> facebook
      @noon_snsd >> Twitter
      yulsica2009@hotmail.com >> MSN

                 

       

       

       

       

       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×