[SF]___Trait___
...ฟิควายเจ้าเดิม...
ผู้เข้าชมรวม
262
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
[SF]___Trait___
[Yusuke X Kei(Fu)]
ถ้าหากว่าพี่รักผมให้มากกว่านี้ล่ะก็ผมจะไม่เป็นแบบนี้เลย...หรือว่าพี่ก็รักผมจนหมดหัวใจ? ผมไม่รู้เพียงแต่ตอนนี้ผมต้องการมันอย่างแรงกล้าเท่านั้นแหละ....
“แฮ่กๆ....อ๊า....อ๊า.....แฮ่กๆๆ..แบบนั้นแหละฮะพี่เคตะ...อ๊า...แฮ่กๆ...” บทรักมันกำลังเริ่มขึ้นและร้อนระอุวินาทีต่อวินาที ภายใต้ร่างแข็งแกร่งที่กำลังรุกเร้านั้นมีร่างเล็กๆน่ารักกำลังทำหน้าเหยเก แต่ความรู้สึกนั้นบ่งบอกได้ถึงความสุขที่ล้นออกมาจากร่างกายของคนข้างบนที่ส่งลีลารักมาให้
สะโพกของคนทั้งสองโยกเป็นจังหวะสม่ำเสมอกัน อาจมีช้าบ้างเร็วบ้างแต่นั่นก็ไม่เป็นปัญหาเพราะทุกครั้งในการขยับร่างกายมันทำให้เขาทั้งสองคนมีความสุขทั้งนั้น
แล้วในเวลาต่อมาคนที่ถูกเจ้าตัวเล็กเรียกว่าพี่เคตะก็กระแทกสะโพกครั้งสุดท้ายด้วยความอยากสุดจะรั้ง ไม่นานน้ำแห่งความรักก็ถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมกับเสียงครางเบาๆด้วยความพึงพอใจในลีลาของเจ้าตัวน้อย รอยยิ้มยิ้มกริ่มทำให้คนตัวเล็กเบนหน้าหนีด้วยความอาย
“วันนี้นายน่ารักจังเลยนะ...เคจัง...” เขาบอกกับเจ้าตัวน้อยพร้อมกับเอามือปัดผมหน้าม้าที่บังใบหน้าแดงของตัวเล็กออกไป แล้วก็ละร่างที่เขาตักตวงความสุขมานอนข้างๆพร้อมกับกรงแขนอันแข็งแกร่งกอดรัดเจ้าตัวน้อยไว้แน่น
“อย่ามายอผมหน่อยเลยฮะ..ผมไม่ตกหลุมพี่ง่ายๆหรอก” ตัวเล็กบอกพยายามไม่สบตาเจ้าของอ้อมแขน
“แต่พี่ก็ตกหลุมรักเราไปหมดตัวแล้วนี่ ช่วยดึงพี่มาหน่อยได้ไหมล่ะ” เคตะหัวเราะเบาๆหมั่นเขี้ยวคนในอ้อมกอดเหลือเกิน
“ไม่มีทาง ตกเองก็ดึงเองเหอะ...ผมต้องกลับแล้วล่ะ..พี่ไม่ต้องไปส่งผมหรอกนะฮะ เดี๋ยวพี่ยูสุเกะจะว่าเอา เดี๋ยวนี้พี่เขายิ่งตามกวดผมอยู่ด้วย” เคตะน้อยสปริงตัวเด้งขึ้นหันไปบอกเคตะ แล้วก็ลุกจากที่นอนไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
เคตะมองตามหลังเจ้าตัวเล็กไปด้วยสายตาละห้อย เขาเสียดายที่เจ้าตัวเล็กน่าจะอยู่กับเขาต่ออีกหน่อย เขายังกวาดความหวานจากเรือนร่างนี้ไม่พอเลย ยิ่งได้สัมผัสยิ่งได้ใกล้ชิดเคตะน้อยมักจะทำให้เขากลายเป็นคนไม่รู้จักพอโลภและอยากให้เคตะน้อยอยู่กับเขาตลอดเวลา ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เพราะเคตะน้อยมีพี่ชายสุดหวงยังกะอะไรดี ที่เขาคบกับเคตะน้อยก็เป็นความลับ
เคตะถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมารอเคตะน้อยระหว่างอาบน้ำ เขามองไปที่นาฬิกาตอนนี้เพิ่งหกโมงเย็นเอง เคตะน้อยต้องกลับบ้านก่อนหนึ่งทุ่มเขาคิดว่าทำไมยูสุเกะต้องคอยหวงเคตะน้อยมากขนาดนี้ หลายครั้งที่เขาถามเรื่องยูสุเกะออกไปเขาก็มักจะได้คำตอบแบบเดิมๆเสมอ
“พี่ยูสุเกะเขาเป็นห่วงอ่ะฮะ ยิ่งใกล้จะเอนท์แล้วเขายิ่งกวดผมเป็นพิเศษ” เคตะน้อยมักจะตอบแบบนี้โดยอัตโนมัติ เรื่องจริงเป็นยังไงเขาเองก็ไม่อาจรู้ เพราะแต่ละครั้งที่เรื่องลงเอยที่โรงแรมเขาไม่ได้มีโอกาสไปบ้านเคตะน้อยเลย ไม่ว่าเวลาไหน ส่วนมากจะอยู่ด้วยกันตอนเลิกเรียน เวลาเดทก็แล้วแต่ว่ายูสุเกะจะอนุญาติหรือไม่? แล้วการอนุมัติของยูสุเกะนั้นทำให้ความหวังของเคตะลดลงเหลือ0%
เคตะน้อยออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูผืนเดียวเคตะยิ่งเห็นยิ่งเกิดอารมณ์ ผิวขาวเนียนไร้ที่ติทำให้เขาอยากจะเข้าไปสัมผัสอีกครั้ง เมื่อเห็นสีหน้านิ่งเฉยของคนรักแล้วจึงได้แต่เก็บอาการ ไว้แค่นั้นเขาเลือกที่จะตามใจคนตัวเล็กมากกว่าที่จะเอาแต่ใจตัวเอง การทะเลาะกับเคตะน้อยนั้นถือเป็นเรื่องที่งี่เง่าและไม่สมควรทำเอามากๆ
“ผมไปก่อนนะ พี่ก็อาบน้ำไปเหอะฮะ...ใกล้จะหกโมงครึ่งละเดี๋ยวไม่ทันรถเมล์รอบนี้” เคตะน้อยบอกพร้อมกับพลิกนาฬิกาข้อมือมาดู “เหลือเวลาไม่มากแล้วล่ะฮะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะฮะ” ว่าแล้วเคตะน้อยก็รีบหอมแก้มเคตะแล้วก็ผลักเคตะให้เข้าห้องน้ำไป ส่วนตัวเองก็รีบจัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้าใส่สูทนักเรียนสีเทาแล้วคว้าเป้ออกจากห้องไปและไม่ลืมที่จะลืมล็อคประตูเรียบร้อย
และเป็นประจำทุกวันที่เคตะน้อยจะมายืนรอรถเมล์เวลานี้เป็นประจำ และเวลานี้เขาเองก็จะพบกับบุคคลคนเดิมเช่นกัน
“ว่าไงฟุรุยะ?...” น้ำเสียงคุ้นหูดังขึ้นหลังเคตะน้อย เขาหันไปมองต้นเสียงอย่างช้าๆ แล้วก็พบกับชินยะคนที่เขารู้จักและคุ้นเคย
“ไม่ว่าไงนี่ฮะ...วันนี้มาเร็วจังเลยนะ” เคตะน้อยบอก น้ำเสียงดูตื่นเต้นแต่ตรงข้ามกับใบหน้าที่แสดงความนิ่งเฉย
“ก็มาหานายไงล่ะ” ชินยะบอก เขาชินกับอาการนิ่งๆ เฉยๆของเคตะน้อยเสียแล้ว เขากลับคิดว่าตรงนี้แหละที่เป็นเสน่ห์ที่ทำให้เขาหลงหัวปักหัวปำเจ้าตัวเล็กขนาดนี้
“งั้นเหรอฮะ?...ว่าแต่ชินยะเองก็มาหาผมทุกวันเลยนี่หน่า” พอบอกเสร็จเคตะน้อยก็หันหน้าออกมองหารถเมล์ต่อไป เหลือเวลาอีกเกือบยี่สิบนาทีที่รถเมล์ที่เขาจะโดยสารจะมา แต่ยังไม่ทันที่จะรอเขาก็โดนมือของชินยะดึงออกไปจากตรงนั้น
“ชะ..ชินยะฮะ..ผมมีเวลาไม่มากหรอกนะฮะ....” เคตะน้อยละล่ำละลักออกมา หันรีหันขวางกลัวใครมาเห็นเข้า
“ไม่มีใครเห็นหรอก รับรองนะเคตะนายจะต้องกลับบ้านทันเวลาแน่นอน” ว่าแล้วชินยะก็รวบเอวเคตะน้อยให้เข้ามาหาตน เคตะน้อยเซไปตามแรงหน้าท้องของทั้งสองแนบชิดติดกัน ด้วยความสูงที่มีมาเคตะน้อยแหงนหน้ามองชินยะด้วยอาการงงๆ
“ขอชั้นนิดนึงนะเจ้าตัวเล็ก” พอสิ้นเสียงเคตะน้อนก็รับรู้ได้ถึงริมฝีปากที่เปียกชื้นของชินยะที่ได้ส่งมาให้สัมผัสกับริมฝีปากอวบอิ่มของเขา ไม่เพียงแค่นั้นชินยะยังส่งบางอย่างมากวาดในปากราวกับหาความหวานที่ตัวเล็กพอจะมีได้
เจ้าตัวเล็กครางออกมาเสียงเบา ชินยะยิ้มออกมาอย่างพอใจ แล้วเขาก็จัดการฝังใบหน้าลงไปในซอกคอขาวเนียนของเคตะน้อย จมูกทำหน้าที่ชอนไชและสูดดมความหอมที่เคตะน้อยมีไปเรื่อยๆ เคตะน้อยเอามือทั้งสองข้างโอบคอชินยะด้วยสัญชาตญาณ เมื่อรู้สึกได้ว่าชินยะจะขบเม้นซอกคอเขาจึงรีบผลักออกมา
“ไม่นะฮะ!! ทำแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด” เคตะน้อยบอกเสียงดัง ใบหน้าแสดงถึงความไม่พอใจ ชินยะหน้าเสียเล็กน้อย
“ขอโทษ..งั้นเอาใหม่นะ” ชินยะรวบร่างของเคตะน้อยมากอดไว้แน่นอีกครั้ง เขาพยายามห้ามใจอย่างเต็มที่ที่จะไม่ทิ้งร่องรอยกับซอกคออันนี้ เป็นที่รู้ดีของชินยะนั่นแหละว่าการทำให้เคตะน้อยไม่พอใจนั้นมันเป็นเรื่องที่ไม่น่าทำเด็ดขาด
แล้วความปรารถนาของชินยะก็ต้องถูกหยุดไว้แค่นั้น เมื่อได้ยินเสียงรถเมล์มาจอดยังป้าย
“ผมไปกอ่นนะฮะ..ไว้เจอกันใหม่” ว่าแล้วเคตะน้อยก็รีบวิ่งหลุนๆออกไปพร้อมกับคอเสื้อที่รุ่ยลงมานิดนึง เขาดึงขึ้นมาเพื่อให้กระชับแล้วจึงคว้าเป้ออกไป
ชินยะมองตามหลังเคตะน้อยด้วยอาการเสียดาย......
“กลับมาแล้วค้าบบบบบบบบ~” เคตะน้อยมาถึงบ้านในเวลาต่อมา วันนี้ก็เป็นอีกวันนึงที่เขากลับบ้านตามปกติ ทำตัวเป็นเด็กดีของพี่ชาย...
เคตะน้อยบิดประตูเข้าไปในบ้านก็ต้องพบกับสิ่งที่เขาจำเป็นต้องเจอมันทุกวัน
ยูสุเกะพี่ชายของเขากำลังจูบกับผู้หญิงใครไม่รู้ที่เขาไม่รู้จักอีกเช่นเคย
“กลับมาแล้วเหรอ?” ยูสุเกะถามออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เคตะน้อยมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นเป็นเชิงถามว่าคือใคร? เพราะที่ยูสุเกะพามาที่บ้านแต่ละวันนั้นไม่เคยซ้ำกันเลย
“มินาโกะค่ะ นี่สินะคะที่คุณเล่าให้ฟังน่ะ เคตะคุง น่ารักจังเลยนะคะ” เด็กสาววัย18พูดจีบปากจีบคอหันไปมองยูสุเกะ ยูสุเกะพยักหน้าเห็นด้วยมองไปที่เคตะน้อยแล้วยิ้มตาหยี
“คุณไปได้แล้วล่ะ..เดี๋ยวผมต้องติวการบ้านให้เจ้าตัวเล็กนี่สักหน่อย” ยูสุเกะบอก เด็กสาวที่ชื่อมินาโกะก็เข้ามาหาแล้วหอมแก้มยูสุเกะด้วยความไร้กระดากอาย(นี่กูไม่ได้ด่าว่ามันด้านใช่ไหม?) แล้วก็จับกระเป๋าออกไปจากบ้าน
“แล้วจะเป็นอีกคนที่ผมจะไม่ใส่ใจ..” เคตะน้อยบอกแล้วเดินเข้าไปข้างในบ้านฉับๆ เขาได้ยินเสียงประตูปิดตามหลังที่ยูสุเกะทำมัน แล้วก็เสียงฝีเท้าที่เดินตามหลังเขามา
“ไง?? โกรธงั้นเหรอ? ช่วยไม่ได้นะก็นายไม่อยู่บ้านนี่หน่า” เสียงฟังดูแลเยาะเย้ยของยูสุเกะดังขึ้น เคตะน้อยกำมือไว้แน่นพยายามข่มใจตัวเองเอาไว้ให้เข้มแข็ง
“ก็ไม่ได้ว่าไรนี่? พี่ทำอะไรผมก็เห็นจนเบื่อแล้วล่ะ” เคตะน้อยว่า
“ใช่แล้วล่ะ..อย่างนายน่ะว่าอะไรชั้นไม่ได้แม้แต่คำเดียว เพราะนายไม่มีสิทธิ์” สิ้นคำของยูสุเกะ เคตะน้อยอยากจะฆ่าเจ้าของประโยคนี้ให้ตายไปต่อหน้าต่อตา ที่ทำได้ตอนนี้เพียงแต่ข่มเอาไว้เท่านั้น ซึ่งใบหน้าที่ไร้อาการใดๆก็ทำให้มันได้ผลดีเยี่ยมด้วย
“แน่นอนที่สุดเลยล่ะว่ามันเป็นเรื่องที่ผมไม่ควรยุ่ง เพราะผมก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับคุณ..”
“เกี่ยวเฉพาะเรื่องบนเตียง” ยูสุเกะรีบแก้รอยยิ้มที่ส่งมาให้เยือกเย็นเหลือเกิน จนเคตะน้อยเองก็สัมผัสกับมันได้
“นั่นก็เป็นเรื่องนอกประเด็น ..ขอโทษนะผมขอตัว” เคตะน้อยจะเดินออกไปแต่ก็โดนมือของยูสุเกะฉุดข้อมือบอบบางของเขาเอาไว้ เคตะน้อยมองไปที่หน้ายูสุเกะด้วยอาการไม่พอใจ ยูสุเกะยิ้มแล้วก็ชักมือเข้าหาตัวเอง เคตะน้อยเซไปปะทะร่างของยูสุเกะอย่างจัง
“ตอนนี้นายขอตัวไม่ได้หรอกนะ เพราะชั้นยังต้องการตัวของนายอยู่ ขอโทษทีนะที่ชั้นไม่ได้อนุญาติ..” สิ้นเสียงยูสุเกะก็ก้มลงจูบเคตะน้อยอย่างแผ่วเบาและทะนุถนอม เคตะน้อยได้รับถึงสัมผัสนั้นก็อ่อนระทวยสนองจูบที่ยูสุเกะส่งมาให้อย่างง่ายดาย
ฝีปากที่ยูสุเกะพูดกับเขานั้นมันช่างต่างกับการกระทำที่อ่อนโยนนี่เหลือเกิน ความจริงแล้วเคตะน้อยกับยูสุเกะไม่ได้เป็นพี่น้องตามที่ใครหลายๆคนเข้าใจ หากแต่พวกเขาเป็นคู่รักกันที่หนีออกจากบ้านมาเพื่อจะใช้ชีวิตโดยไร้การกีดกันความรักของพวกเขาจากพ่อแม่ ตัวยูสุเกะนั้นเองเต็มใจที่จะพาหนี แต่เคตะน้อยนั้นไม่ได้ต้องการสักนิด เขาอยากจะอยู่กับพ่อแม่มากกว่าที่จะมาอยู่กับคนหลายใจอย่างยูสุเกะ ในเมื่อสลัดไม่หลุดเคตะน้อยจึงต้องยอมให้ยูสุเกะพาหนีมาจนได้ แล้วตัวเองก็ต้องมาช้ำอย่างที่เห็น
และก็เป็นอีกครั้งที่เรื่องราวของการทะเลาะของพวกเขาสองคนจบลงที่บนเตียง มักจะเป็นแบบนี้ประจำถ้าหากเกิดการทะเลาะหรือทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ
น้ำตาไหลเป็นที่เท่าไหร่ไม่รู้ตั้งแต่ห่างพ่อแม่มาสำหรับเคตะน้อย เขาได้แต่ร้องไห้เงียบๆคนเดียวที่ระเบียงระหว่างที่ยูสุเกะหลับไปแล้ว เขามักจะขอดาวให้พ่อกับแม่ของเขาลืมเขาไปได้เร็วๆสักที เขาไม่มีหน้าจะไปสู้กับพ่อแม่เลย เขาคิดว่าแค่นี้เขาก็สกปรกเกินที่จะรับไหวแล้วตอนนี้เขาเองก็รู้สึกรังเกียจตัวเองมากขึ้นทุกที
ไม่รู้ว่ายูสุเกะรักเขาหรือไม่? ไม่รุ้ว่าที่ทำทั้งหมดนั้นเพื่ออะไร? การมีหลายๆคนของเขานั้นมันเหมือนเป็นการประชด แต่เขาก็ทำใจไม่ได้เมื่อเห็นยูสุเกะกับผู้หญิง เป็นเขาทุกทีที่ต้องเสียใจเขารู้สึกสับสนและไร้ทางออก ทุกวันนี้ได้แต่อาศัยความหวังว่ายูสุเกะจะเลิกเป็นแบบนี้สักที แต่ดูเหมือนว่าไฟแห่งความหวังสำหรับเขานั้นมันช่างลดน้อยถอยลงทุกที.....
RRRRRRRRRRR~ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นกลางดึก เคตะน้อยสะดุ้งตัวหน่อยๆ เขาลุกขึ้นไปรับอย่างว่าง่ายพลางสงสัยในใจว่าดึกดื่นป่านนี้ใครกันที่โทรมา
“ฮัลโหล???...” เคตะน้อยกรอกเสียงไปให้เบาเพื่อที่จะไม่ให้ปลุกยูสุเกะขึ้นมา
“เคตะเหรอ?...นี่ชั้นเองนะ...อากิระไง” เสียงนั้นทำให้ใจเคตะน้อยเต้นลิงโลด เพื่อนเก่าเพื่อนแก่อากิระที่ตอนนี้มีเพียงคนเดียวที่เป็นคนรับปรึกษาปัญหาให้
“อะ...อากิระเองเหรอ?...ว่าไงโทรมาซะดึกดื่นเชียว” เคตะน้อยหรี่เสียงให้เบาขึ้นไปอีก
“ชั้นมีเรื่องจะมาบอกนาย เรื่องสำคัญน่ะ”
“เรื่องอะไรงั้นเหรอ?” เมื่อมาในแบบนี้เคตะน้อยแทบจะไม่อยากให้อากิระเล่าให้ฟังอีกต่อไปเลย กลัวพ่อแม่เป็นอะไรไป อากิระเป็นเพื่อนที่คอยส่งข่าวเรื่องทางบ้านให้เขา
“พ่อแม่นาย....” เคตะน้อยทายถูกเผงเลยทีเดียว มันเป็นเรื่องของพ่อแม่เขาจริงๆด้วย
“พอเหอะอากิระ ชั้นไม่อยากรับรู้แล้วว่าตอนนี้พ่อแม่จะเป็นยังไง? ขอโทษด้วยนะชั้นไม่อยากจะรู้สึกผิดไปมากกว่านี้แล้วจริงๆ” เคตะน้อยบอกเสียงแข็งทำให้อากิระเงียบลง
“ก็ได้...แต่ชั้นก็ยังแนะนำให้นายกลับมาเหมือนเดิมนะ” อากิระบอกด้วยเสียงที่เป็นห่วง ถึงตอนนี้เคตะน้อยถึงกับน้ำตาไหลอาบสองแก้ม ทำไมเขาจะไม่อยากกลับล่ะ ฟุกุโอกะคือบ้านแล้วทุกสิ่งทุกอย่างของเขา เพียงแต่ตอนนี้เขาไม่มีหน้าไปสู้แล้วเท่านั้นเอง
“ร่างกายของชั้นมันแปดเปื้อนจนน่ารังเกียจแล้วล่ะ” เคตะน้อยบอกด้วยเสียงแผ่วเบา
รุ่งเช้า..
“ไปก่อนนะฮะ ไว้เจอกันตอนเย็นพร้อมกับผู้หญิงอีกคนนึง” เคตะน้อยบอกกับยูสุเกะที่กำลังนั่งจิบกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์ ยูสุเกเหล่ตาขึ้นมามองนิดนึงก่อนที่จะมุดหน้าอยู่กับหนังสือพิมพ์ต่อไปเหมือนกับไม่ได้ยินสิ่งเคตะน้อยพูด
เคตะน้อยเบือนหน้าหนีกับกิริยาของยูสุเกะ เขาเข้าไปในห้องนอนพร้อมกับหยิบเป้ออกมาเพื่อที่จะเตรียมตัวไปโรงเรียน
หมับ... ยูสุเกะตามเคตะน้อยเข้ามาในห้องพร้อมกับกอดรัดเจ้าตัวเล็ก
“ปล่อยผมไปก่อนได้ไหมวันนี้? ผมจะรีบไปโรงเรียน” เคตะน้อยบอกด้วยน้ำเสียงเชิงรำคาญ แต่ยูสุเกะกลับยิ้มย่องได้ใจที่ทำให้เจ้าส้มน้อยไม่สบอารมณ์
“วันนี้หยุดเรียนดีกว่ามั้ง..” ว่าแล้วยูสุเกะก็ลากพาเคตะน้อยมาที่เตียง พร้อมกับผลักลงเหมือนอย่างเคย เคตะน้อยมองหน้าอย่างหาเรื่อง
“ผมบอกแล้วไงว่าจะไปโรงเรียน!! ไม่ได้ยินหรือไง?”
“ทุกทีชั้นได้ยินแต่เสียงนายร้องเวลาอยู่บนเตียงมากกว่านะ” ยูสุเกะตอบกลับด้วยท่าทีกวนๆ
“งั้นสมองของคุณก็คงจะแยกแยะไม่ออกว่าอันไหนคือสันดาน อันไหนคือจริยธรรม!!!” เคตะน้อยตวาดขึ้นอย่างเหลืออด เขาผุดลุกนั่งส่งสายตาเคืองแค้นมาให้ยูสุเกะ ทั้งรักและเกลียดไปในคราวเดียวกัน เส้นเลือดเต้นตุบๆด้วยความโกรธสองมือกำปั้นแน่นเพราะว่าโมโห
“นั่นสินะ...แต่ทั้งหมดนี้ก็คงเป็นเพราะนายนั่นแหละ” แล้วยูสุเกะก็จัดการผลักเคตะน้อยลงนอนต่อไปอีก คราวนี้เขารีบขึ้นคร่อมร่างนั้นด้วยความชำนาญ
“ผมไม่เห็นจะเกี่ยวตรงไหนเลยถ้าหากว่าใจของคุณมันสกปรกแล้วตั้งแต่แรก....” ยังไม่ทันสิ้นคำพูดเคตะน้อยก็โดนริมฝีปากอวบอิ่มเข้าประกบทันที ความเจ็บปวดใจแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจน้อยๆ ก้อนเนื้อที่หลับไหลได้ตื่นขึ้นมาเต้นอย่างบ้าคลั่ง หัวใจของเขาเต้นไปตามทุกวินาทีที่ยูสุเกะได้ส่งจูบมาให้ ร่างน้อยๆของเขาได้อ่อนปวกเปียกลงไม่เหมือนปากที่มันกล้าดี ตอนนี้เด็กผู้ชายคนนึงที่เคยอวดดีกลับได้ไหลรินน้ำตาใสๆออกมาจากสองเบ้าตา
แต่ทว่ายูสุเกะกลับไม่หยุด เขายังรุกเร้าเจ้าตัวเล็กต่อไป เขาเองก็เจ็บเหมือนกันนั่นแหละที่ทำให้คนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาร้องไห้เสียน้ำตาแบบนี้ มันเหมือนมีดที่กรีดแทงเข้าไปในหัวใจอย่างช้าๆให้ทรมาน แต่เขาไม่มีทางเลือกมากนัก ถ้าหากไม่รั้งตัวเคตะน้อยไว้แบบนี้ ไม่ทำให้เคตะน้อยรู้ตัวว่าเป็นของเขาแล้วแบบนี้ เขาเองนั่นแหละที่ต้องปวดใจเมื่อต้องมารับรู้ว่าวันๆนี้เคตะน้อยต้องไปออกเดทกับใครหลังเลิกเรียน
บทรักระหว่างยูสุเกะและเคตะน้อยได้เริ่มขึ้นท่ามกลางแสงแดดอุ่นจากพระอาทิตย์ที่สาดส่อง แต่มันก็เทียบไม่ได้กับน้ำตาอุ่นๆของเคตะน้อยที่มันไหลรินตลอดเวลา มันพร้อมที่จะแผดเผาทุกสิ่งทุกอย่างให้ไหม้ไปในพริบตา เขารู้สึกเจ็บปวดอย่างที่สุด
เคตะน้อยลุกขึ้นจากเตียงอย่างช้าๆพร้อมกับเสียงสะอื้นไห้เพียงเล็กน้อย เขาเดินออกมาจากห้องนอนแล้วตรงไปยังห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายที่เขาคิดกับมันมาตลอดเวลาว่ามันเป็นสิ่งที่สกปรกมากที่สุดเท่าที่คนๆนึงจะมีได้ ยูสุเกะได้แต่มองตามเจ้าตัวเล็กเข้าห้องน้ำไปด้วยสายตาละห้อย แต่ทำยังไงได้เขามีเพียงทางนี้เท่านั้น
สิบโมงกว่าแล้วตอนนี้ เคตะน้อยได้แต่งตัวในชุดนักเรียนอีกครั้งนึง ไร้ซึ่งการพูดจาระหว่างสองคนที่อยู่ในคอนโดหลังนี้ เขาอยากจะหนี อยากจะหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เขาก็ไม่กล้าพอ เขาไม่กล้าพอที่จะโบยบินออกไปเพียงลำพัง ใบหน้านิ่งๆแสดงอาการเฉยชายากนักต่อการที่จะเดาว่าคนตัวเล็กนี้กำลังนึกคิดอะไรอยู่
“ยังจะไปอีกเหรอ? สายแล้วนะ” ยูสุเกะพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง นานนักที่จะได้ยินน้ำเสียงแบบนี้จากคนๆนี้ เคตะน้อยไม่ตอบ เขาจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองต่อไป พร้อมกับจัดตารางสอนในเป้ใหม่ ตารางสอนสำหรับเรียนภาคบ่าย
เคตะน้อยคว้าเป้พาดบ่าแล้วเดินออกจากห้องไป เขาไม่อยากพูดอะไรทั้งนั้น เขาเบื่อกับชีวิตที่ต้องเจอกับอะไรจำเจแบบนี้เหลือเกิน แต่เขาก็ทำให้มันเปลี่ยนแปลงอะไรไปไม่ได้ เขารู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอเสียเหลือเกิน
“งั้นรีบๆกลับมาล่ะ” ยูสุเกะตะโกนตามหลังออกไปเมื่อเคตะน้อยปิดประตูออกไปแล้ว เคตะน้อยไม่มีท่าทีว่าจะได้ยินกลับประโยคอันนี้เลยสักนิด เขาเดินออกมาจากคอนโดด้วยสภาพร่างกายที่ล้าเต็มที
มันเหมือนการตบหัวแล้วลูบหลังชัดๆ สิ่งนี้เหรอคือค่าตอบแทนที่มีให้กับเขา นี่หรือค่าตอบแทนที่เขาสมควรจะได้ ในเมื่อมาเป็นแบบนี้เขาก็ไม่ต้องการที่จะอยากได้มันหรอก แค่คำพูดแสดงความห่วงใยนี่มันทำให้เขามีความสุขได้ถ้าหากเจ้าของคำพูดนี้เป็นคนที่ทำให้เขารู้สึกดีมาตลอด ทั้งรัก แล้วก็เกลียดมันเหมือนเป็นบ่วงเขาไม่สามารถออกมาจากการพันธนาการเหล่านี้ได้เลย ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ในจะพบกับความสดใส เมื่อไหร่ที่จะได้รับการปลดปล่อย แล้วเมื่อไหร่ที่เขาจะได้มีความสุขสักที.....
“ความสุขงั้นเหรอ? อย่างชั้นเนี่ยนะสมควรจะได้รับมัน? หึตลกสิ้นดีเลย” เคตะน้อยพูดกับตัวเองขณะที่เขากำลังเดินไปเรื่อยเปื่อยไปตามถนน เขาไม่ได้มีจุดมุ่งหมายไปที่โรงเรียนอีกแล้ว เขาเดินออกมาตรงถนนใหญ่แล้วเขาก็นึกขึ้นได้..
“สะพานลอยนั้นมันดูสวยดีนะ” เคตะน้อยเหลือบไปเห็นสะพานลอยเล็กๆแห่งหนึ่งโดยข้างใต้นั้นคือแม่น้ำไหลเชี่ยวแรง ความกว้างของมันก็พอๆที่รถยนต์ใหญ่ๆสองคันจะตกลงไปได้ เคตะน้อยมองไปข้างล่างแล้วยิ้มอยู่คนเดียว
“นี่ไงล่ะทางออกทั้งหมด” แล้วในชั่ววูบเคตะน้อยได้หย่อนตัวลงไปในแม่น้ำเชี่ยวกรากนั้น ร่างของเขาก็ถูกกระแสน้ำพัดออกไปในที่สุด
“วันนี้แหละชั้นจะขอโทษนายด้วยความตั้งใจจริงทั้งหมดของชั้นที่มี...เคจัง ชั้นรักนายนะ....” ยูสุเกะเอ่ยขึ้นให้กับอาหารที่อยู่บนโต๊ะทั้งหมด เหล่านี้เป็นฝีมือของเขาเอง นี่เป็นของขวัญวันเกิดของเจ้าตัวเล็ก ต่อจากนี้ต่อไปเขาจะเริ่มทำตัวดีๆให้เจ้าตัวเล็กรู้สึกขึ้นบ้าง
แล้วอย่างนี้มันไม่สายไปแล้วเหรอ?
คำว่าขอโทษน่ะมันไม่เคยรอใครหรอกนะ พูดๆไปเหอะก่อนที่คนที่เราจะพูดด้วยจะเป็นเหมือนเคตะน้อย ........
THE END ..
ผลงานอื่นๆ ของ นู๋ไอติมร้อน ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ นู๋ไอติมร้อน
ความคิดเห็น