[fic Holmes] The secret of Watson's diary [2] - [fic Holmes] The secret of Watson's diary [2] นิยาย [fic Holmes] The secret of Watson's diary [2] : Dek-D.com - Writer

    [fic Holmes] The secret of Watson's diary [2]

    ....สิ่งที่เรามองเห็นนั้น...บางทีอาจจะเป็นภาพลวงตาก็เป็นได้... เพราะประสาทสัมผัสทั้ง5นั้น...ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อล่อลวงเหล่ามนุษย์ผู้โง่เขลา....

    ผู้เข้าชมรวม

    248

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    248

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    5
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  6 ธ.ค. 56 / 11:36 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    Note :   ย้ายฟิคมาเก็บจาก gloomygirls.exteen.com ค่ะ
    ขอคำแนะนำติชมด้วยนะคะ 
    ส่วนใหญแล้วจะไม่ค่อยอัพเดทลงในเว็บเด็กดีเท่าไหร่
    ถ้าสนใจติดตามงานก็เชิญที่นี่เลยค่ะ >> 
    http://yuhankung.wordpress.com
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      กรุณาอย่าลืมว่าคอมเม้นต์คือแหล่งพลังงานสำคัญของนักแต่งฟิคนะคะ^^

      Title : The secret of Watson's diary [2]Warning Yaoi!!

      Author : ++YuHankunG ++ (gloomygirl_loveless@hotmail.com    yuhankung@gmail.com)

      Fandom : Shrelock Holmes

      Pairing : watson x holmes

      Rate : PG-15

      Category : Drama

       

             ....สิ่งที่เรามองเห็นนั้น...บางทีอาจจะเป็นภาพลวงตาก็เป็นได้...

      เพราะประสาทสัมผัสทั้ง5นั้น...ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อล่อลวงเหล่ามนุษย์ผู้โง่เขลา....ด้วยเหตุนี้...เมื่อถึงเวลาต้องเลือก....จงเชื่อในความรู้สึกของตนเองเถิด...

       

       

             ในครั้งแรกที่ข้าพเจ้าจับปากกาขึ้นมาเพื่อเป็นบทต่อของบันทึกฉบับนี้

      ข้าพเจ้ามีความรู้สึกลังเลอยู่ว่าเรื่องราวเหล่านี้ควรจะบันทึกเอาไว้หรือไม่

      หากแต่การพลาดช่วงหนึ่งช่วงใดของนักสืบผู้ใหญ่ซึ่งผมได้อุทิศชีวิตเพื่อ

      ชีวประวัติของเขานั้น ก็คงจะถือว่าความพยามนั้นเสียเปล่า

      ดังนั้นข้าพเจ้าจึงตัดสินใจที่จะบันทึกเรื่องราวที่น่าเศร้านี้ต่อไปโดยที่ตั้งใจ

      เอาไว้แล้วว่าส่วนหนึ่งของบันทึกเหล่านี้จะไม่ถูกเผยแพร่ออกไป

       

             เช้าวันหนึ่งในฤดูหนาว ปี 18xx เป็นเวลา 5 ปีให้หลังจากการสูญเสีย

      ครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตที่ทำให้ข้าพเจ้าต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างชืดชาต่อเหตุการณ์

      ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต มีโทรเลขฉบับหนึ่งถูกส่งมา มันจ่าหน้าเอาไว้ว่ามาจาก

      สโมสรดาโอจินิส ข้าพเจ้าต้องยอมสารภาพว่ารู้สึกตื่นเต้นมากขณะที่กำลังแกะซอง

      การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโฮล์มส์เป็นเวลาหลายปีนั้นคงทำให้ข้าพเจ้าตินิสัยกระหาย

      ที่จะได้ปริศนามาให้ขบคิด ในระยะหลังมานี้แม้จะไม่มีเขาแต่

      ข้าพเจ้าก็ยังคงพยามไขคดีต่างๆโดยอาศัยการอนุมานตามหลักของเขา

      ซึ่งมันอาจจะบ้างไม่สำเร็จบ้างตามแต่ความสามารถที่ข้าพเจ้ามี

       

             ข้าพเจ้าเปิดอ่านมันทันทีอย่างรวดเร็ว ทว่าภายในกลับเขียนไว้ด้วยข้อความ

      สั้นๆเพียงหกคำ ดังนี้

       

             "เขาต้องการคุณ พบผมด่วน

                                                             M.H."

       

                      แม้จะไม่มีข้อความหรือจุดบ่งบอกว่ามันถูกส่งมาจากใครและเพื่อจุดประสงค์ใด

      แต่ข้าพเจ้าก็มั่นใจเสียเหลือเกินว่ามันต้องเป็นของมิสเตอร์ ไมครอฟต์ โฮล์มส์

       ผู้ชายเพียงคนเดียวที่โฮล์มส์ยกย่องว่าอยู่เหนือกว่าเค้าในลอนดอนแห่งนี้

      ข้าพเจ้าจัดการเก็บจดหมายลงในลิ้นชักก่อนจะลั่นดาลเก็บมันเอาไว้ในลิ้นชัก

      จากนั้นจึงไปลาแมรี่และลูกๆบอกว่าตนมีธุระด่วนต้องรีบไปที่ลอนดอน

      จากนั้นก็ฝากร้านเอาไว้กับนายแพทย์ที่ประจำอยู่ที่คลินิกข้างๆ

      เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วข้าพเจ้าจึงว่าจ้างรถม้าคันแรกที่ผ่านมาเพื่อ

      มุ่งหน้ากลับไปยังลอนดอน 

       

             การเดินทางครั้งนี้เร็วกว่าที่คาดเอาไว้มากเพราะใช้เวลาแค่เพียงไม่กี่ชม.

      ข้าพเจ้าก็มายืนอยู่ที่หน้าสโมสรแห่งนี้แล้ว ในขณะที่กำลังชั่งใจอยู่ว่าควรจะเข้าไปเลยดีหรือไม่

      ก็มีเสียงทักมาจากรถม้าซึ่งเพิ่งแล่นมาจอดอยู่ด้านหลัง

       

               "สวัสดีวัตสัน พวกเรารอคุณมานานแล้วขึ้นมาเถอะ" และแล้วก็เป็นดังที่ข้าพเจ้า

      คาดโทรเลขฉบับนั้นถูกส่งมาจากพี่ชายของโฮล์มส์จริงๆเสียด้วย 

       

       

             บรรยากาศของการเดินทางในครั้งนี้ช่างต่างกับครั้งที่ผ่านๆมาระหว่างข้าพเจ้า

      กับโฮล์มส์เสียเหลือเกิน เพราะตามปกตินั้นโฮล์มส์มักจะเล่าเรื่องราวอันน่าตื่นตา

      หรือไม่ก็ถามปัญหาเพื่อทดสอบความสมารถไปตลอดทาง แต่กับพี่ชายของเขา

      นั้นมีแต่เพียงความเงียบเท่านั้น มีหลายครั้งที่ข้าพเจ้าพยายามที่จะเอ่ยปากถาม

      เขาถึงสาเหตุที่ตนถูกเรียกตัวมา แต่ไม่ทราบเพราะเหตุใดแค่เพียงเขาเหลือบมองมาเท่านั้น

      คำพูดที่ต้องการจะว่ากล่าวออกไปกลับจุกอยู่ที่คอหอย

       

             ในระหว่างที่ข้าพเจ้ากำลังรู้สึกกระวนกระวายกับความน่าอึดอัดเหล่านี้

      ชายผู้ซึ่งนั่งเงียบมาตลอดทางก็ได้เอ่ยปากขึ้นราวกับมองเห็นความคิดได้

       

             "ผมคาดว่าคุณกำลังรู้สึกอึดอัดและมีคำถามมากมายอยากจะถามผมล่ะสิ

      ต้องขอโทษด้วยจริงๆเพราะผมเป็นคนไม่ค่อยพูดจึงมักไม่เปิดประเด็นการสนทนา

      ขึ้นมาก่อน แต่ในกรณีนี้ถ้าผมไม่เอ่ยอะไรทำลายความเงียบขึ้นมา

      ก่อนละก็พวกเราคงไม่ได้สนทนากันสักนิดจนกระทั่งถึงที่หมายเป็นแน่" 

      ข้าพเจ้าต้องยอมรับว่าในส่วนนี้เขาเหมือนกับโฮล์มส์จริงๆ

      หากแต่ถ้าเป็นโฮล์มส์คงไม่มานั่งสนใจหรอกว่าใครจะรุ้สึกยังไง

       

             "เขาในโทรเลขหมายถึงโฮล์มส์ใช่มั๊ยครับ"

      บางทีนี่อาจจะเป็นคำถามที่โง่ที่สุดในชีวิตนับสามกว่าปีที่ผ่านมาก็ก็เป็นได้

      ทั้งๆที่รู้ว่าเขาไม่ได้อยู่บนโลกนี้เสียแล้วแต่ก็ยังแอบหวังอยู่ลึกๆว่าเขา

      อาจจะได้ปาฏิหาริย์ช่วยให้รอดชีวิต

       

             "ใช่แล้ว"

            หากข้าพเจ้าสังเกตเขาให้ละเอียดในตอนนั้นคงเห็นได้ถึงความแปลกใจ

      ที่เกิดขึ้นเล็กน้อยในแววตา ซึ่งเขาได้เอ่ยขึ้นมาในตอนหลังว่ารู้สึกประหลาดใจ

      เล็กน้อยจริง "และธุระในครั้งนี้ก็เป็นตามที่เขียนไว้ในจดหมายนั่น" แต่ด้วยความ

      ยินดีที่ได้รับคำยืนยันทำให้ข้าพเจ้าไม่สนใจที่จะสังเกตอาการเหล่านั้นแต่

      กลับระดมคำถามรัวอย่างกับเด็กเพิ่งหัดพูด

       

               "ถ้าเป้นอย่างนั้นก็แสดงว่าเขารอดชีวิตมาจากน้ำตกนั่น แล้วทำไม

      ห้าปีมานี้ผมถึงไม่ได้ยินข่าวคราวของเขาเลย แล้วที่ผ่านมาเขาหายไปไหน..."

      ยังไม่ทันที่ข้าพเจ้าจะได้พูดจนจบก็ถูกขัดขึ้นจากชายผู้นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม 

       

             "คำตอบของคำถามเหล่านั้นคุณจะทราบเองเมื่อได้พบกับเชอร์ล็อก คุณวัตสัน"

      เขากล่าวก่อนจะเปิดประตูออกไป

       

             และนั่นทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกตัวว่าการเดินทางได้จบลงแล้ว ทันทีที่ประตูรถม้า

      ถูกเปิดออกให้ได้ยลภาพเบื้องหน้าอันแสนตระการ คฤหาสน์สีขาวหลังโตถูกปลูก

      อยู่ท่ามกลางป่าลึก เป็นความงดงามที่ข้าพเจ้าไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้มาพบเจอ

       

             "ผมคงต้องส่งคุณแค่นี้ล่ะคุณหมอ เพราะถ้าเจ้าเชอร์ล็อกมาเห็นเขาต้องไม่พอใจ

      แน่ๆที่ผมพาคุณมาที่นี่ หลังจากที่เขาได้รับบาดเจ็บที่น้ำตกนั่นทำให้เขาค่อนข้าง

      จะอารมณ์รุนแรงกว่าที่เคยอยู่สักหน่อย"

       

             "เขาได้รับบาดเจ็บงั้นหรือ?" ข้าพเจ้าเอ่ยทวนอย่างสงสัย

      แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อเขากลับขึ้นไปยังรถม้าเป็นสัญญาณ

      ว่าจะไม่มีการตอบคำถามใดๆทั้งสิ้นอีกแล้ว ดังนั้นข้าพเจ้าจึงตัดสินใจ

      เดินเข้าไปด้านในของตัวคฤหาสน์ทันที

       

       

             เสียงฝีเท้าดังก้องไปทั่วทางเดินอันโอ่โถงแต่กลับดูเงียบเหงาวังเวงอย่างประหลาด

      เสียงไวโอลินแสนคุ้นเคยที่ลอยมาตามลม ทำให้ข้าพเจ้าสามารถหาโฮล์มส์ได้ไม่ยากนัก

      น่าแปลกที่ข้าพเจ้ารีบเร่งเสียจนเกิดเสียงฝีเท้าดังก้องไปทั่วโดยไม่คำนงถึงมารยาทใดๆ

      ทั้งสิ้นเพราะต้องการที่จะพบกับโฮล์มส์ให้เร็วที่สุดแต่กลับมาหยุดเอาเสียดื้อๆตรงหน้า

      ประตูแกะสลักเพียงบานเดียวที่กั้นระหว่างเราทั้งสองเอาไว้ 

       

             ข้าพเจ้ากำลังรู้สึกกลัว ความหนาวยะเยือกพุ่งขึ้นมาจากบริเวณใดก็ไม่อาจทราบ

      แต่มันกำลังกัดกินเข้าไปถึงกระดูกสันหลัง อาการป่วยของโฮล์มส์เป็นอย่างไรกันแน

      ่  เพราะอะไรเขาถึงไม่ยอมติดต่อกลับมาเลยตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา

      ประตูแผ่บางเบื้องหน้านี้เปรียบได้กับหีบของแพนดอร่าที่หากเผลอไปเปิดมันเข้า

      ก็จะเกิดภัยพิบัตินับไม่ถ้วน

       

             ระหว่างที่ข้าเพจ้ากำลังชั่งใจอยู่นั่นเอง เสียงหนึ่งที่ดังมาจากอีกฝั่งของประตู

      ก็ทำให้ความรู้สึกนึกคิดทั้งหมดของข้าพเจ้าเป็นหมันไปโดยสิ้นเชิง

      นั่นเป็นเสียงของโฮล์มส์ไม่ผิดแน่

       

             "ถ้าแกมาถึงที่นี่แล้วก็เข้ามาสิ วัตสัน"

       

             ใบหน้าของโฮล์มส์ประดับดับร้อยยิ้มจางที่ข้าพเจ้ามองแล้วรู้สึกสะเทือนใจ

      เสียเหลือเกิน พลาดไปเสียแล้ว ข้าพเจ้าอุทานในใจ  สภาพของเขาในเวลานาน

      ช่างน่าเวทนาสงสารอย่างที่สุดจริงๆ ภายในห้องที่กว้างใหญ่ หน้าต่างทุกบานต่าง

      ถูกรูดม่านปิดเอาไว้จนแสงไม่สามารถส่องเข้าได้ดูจากฝุ่นที่จับอยู่สามารถบอกได้เลยว่า

      หน้าต่างเหล่านี้ไม่ได้ถูกเปิดมาเป็นเวลานานอย่างน้อยที่สุดก็ไม่ต่ำกว่าสามเดือน

      เป็นแน่ซึ่งนั่นคงเป็นธรรมดาของเขา

       

             แต่สิ่งที่ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกเศร้าโศกกลับเป็นสุขภาพที่ดูเหมือนจะก้าวข้ามคำว่า

      ทรุดโทรมไปไกลโข ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาบัดนี้ซูบซีดร่วงโรยด้วยอาการของการเจ็บไข้

      ริมฝีบางบางแห้งแตกระแหง ข้อมือบางที่โอบซอสตราดิวาเรียสก็เหลือแต่เพียงผิวหนัง

      ที่หุ้มกระดูกอยู่เท่านั้น และดูเหมือนมันจะกระตุกอยู่น้อยๆ

        บรรยากาศแห่งความสิ้นหวังอบอวลไปทั่วภายในห้องแห่งนั้น 

       

                "สภาพของกันดูแย่ขนาดนั้นเลยรึ วัตสัน" เขาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นแววตาของข้าพเจ้า

      " อืม....สำหรับกันแล้ว กันเองก็คิดว่า มันน่าสมเพชมากพอดูเหมือนกันล่ะ

       ไม่ต้องรอให้แกมามองกันด้วยสายตาแบบนั้นหรอก กันรู้ตัวกันเองดีว่าตอนนี้กันมีสภาพยังไง" 

       

             ภาพเบื้องหน้าทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นใบ้อย่างกะทันหัน จึงได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น

      มีคำพูดมากมายเหลือเกินที่อยากบอกออกไป แต่การพบเจอที่แสนกะทันหันนี้

      ทำให้ระบบความคิดของข้าพเจ้าสับสนจนไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี จึงตอบออกไปได้แค่เพียง 

       

             "โฮล์มส์ แกหายไปไหนมาตั้งนาน รู้มั๊ยว่ากันรู้สึกยังไงน่ะ"

      เมื่อกล่าวจบข้าพเจ้ารู้สึกได้ถึงน้ำอุ่นๆที่ปริ่มอยู่บริเวณขอบตา

      จึงต้องรีบหันหน้าไปทางอื่นเสีย 

       

              "เพราะกันรู้น่ะสิว่าแกรู้สึกยังไง ตลอดหลายปีมานี้แกจึงไม่ได้ยินข่าวของกันเลย

      ว่าแต่แกยังอยากรู้รึเปล่าว่ากันรอดออกมาจากน้ำตกนรกนั่นได้ยังไง" มันเป็นการหันเหหัว

      เรื่องที่ชาญฉลาด เพราะไม่มีประโยชน์ที่เราจะพูดเรื่องนี้กันต่อไป

      โฮล์มส์จึงได้เลี่ยงไปสนทนาในประเด็นอื่นแทน 

       

              "อ่า...แน่นอนโฮล์มส์"ข้าพเจ้ากล่าวก่อนที่ทรุดลงนั่งลงบนโซฟาที่ตั้งอยู่ข้างเตาผิง

      ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดแสงเพียงแห่งเดียวภายในห้อง

       

              "เรื่องมันก็คือว่า อย่างที่แกเห็น มันยากมากที่จะปีนขึ้นมาจากเบื้องล่างของน้ำตกนั่น

      แม้จะเป็นตัวกันเองก็ตาม แต่นั่นมันก็ในกรณีที่กันตกลงไปน่ะนะ" โฮล์มส์กล่าว

      ก่อนจะขยับยิ้มเล็กน้อย 

       

             "แต่ที่กันเห็นมันไม่มีรอยเท้าของแกกลับมานี่นา"

      ข้าพเจ้าเถียงเพราะจากสิ่งที่เห็นนั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่ได้ตกลงไปด้วย

       

             "วัตสันที่รัก กันบอกแกกี่ครั้งแล้ว ว่ารายละเอียดเพียงเล็กน้อยจะนำแกไปสู่

      ความจริงที่ถูกปกปิดน่ะ รอยเท้าที่แกเห็นเดินคู่กันตรงไปยังน้ำตกเลยใช่หรือไม่

      แกคิดว่าพวกกันจะยอมฆ่าตัวตายไปโดยที่ไม่ทำอะไรเลยงั้นหรือ แกพลาดจุดเล็กน้อย

      นี่ไปแล้ว  ขอซิก้าร์ให้กันที่วัตสัน แค่กๆ"

      โฮล์มส์ไอออกมาพลางหอบจนตัวโยนสีหน้าของ

      เขาดูไม่สู้ดีนักจนข้าพเจ้าอดไม่ได้ที่จะเคลื่อนตัวเข้าไปดูอาการของเขาใกล้ๆ

       

             "ถอยออกไป ! ถอยไปเดี๋ยวนี้ ! ไปไกลๆเลย !"เขาสั่งด้วยน้ำเสียงที่เฉียบขาดซึ่ง

      ข้าพเจ้ามักจะได้ยินในเวลาคับขันเท่านั้น "ถ้าขืนแกยังเข้ามาใกล้กันอีกแม้แต่นิดเดียว

      กันจะเรียกคนให้มาลากตัวแกออกไป !!!" 

       

              "ทำไมล่ะ โฮล์มส์ แกกำลังไม่สบาย และกันเองก็เป็นหมอ

      และกันก็คิดว่าแกกำลังต้องการหมอมาดูอาการด่วนอย่างที่สุดเลยด้วย!!" 

       

              "เพราะมันเป็นความต้องการของกัน เป็นไง แค่นี้พอมั๊ย?"

      แม้แต่ในขณะที่สิ้นเรี่ยวแรงอย่างนี้เขาก็ยังแผลงฤทธิ์ได้อยู่ดี 

       

             "แต่กันอยากจะช่วยแก" 

       

            "แกช่วยกันมามากพอแล้วในฐานะหมอ" 

       

            "แต่นี่ในฐานะเพื่อนสนิท" 

       

            " นั่นยิ่งไม่จำเป็น กันไม่ได้ป่วย มันเป็นเพราะอากาศเฮงซวยนี่ต่างหากที่

      ทำให้กันดูไม่ดี" แม้มันจะดูเป็นเหตุผลที่สิ้นคิดเพียงใดก็ตาม

      แต่ถ้าหลุดออกมาจากปากของเชอร์ล็อก โฮลมส์แล้วล่ะคุณก็คงคิดเหมือนกัน

      ว่ามันอาจจะจริงก็ได้ 

       

             แต่ข้าพเจ้าในตอนนั้นกลับไม่เชื่อถือมัน เนื่องจากต้องการตรวจดูด้วยตัวเอง

      ให้แน่ใจว่าอาการของเขาเป็นเช่นไรกันแน่ จึงไม่ฟังคำเตือนของเขา

      และเลิกผ้าห่มหนาที่คลุมอยู่ออก 

       

             "หยุดเดี๋ยวนี้นะวัตสัน!" เขาตะตอกเสียงดังลั่นในขณะที่ข้าพเจ้าได

      ้แต่ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้นขาของเขาพิการไปเสียแล้วข้างนึงอย่างไม่ต้องสงสัย

      จากลักษณะกล้ามเนื้อที่ผิดปกตินั้น  

       

             "พระเจ้าช่วย!!!!" ข้าพเจ้าทำได้แค่เพียงอุทานออกมา 

       

              "เราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้ววัตสัน ! กลับไปเดี๋ยวนี้ ! แกละเมิดข้อตกลง

      ที่มีไว้กับกัน และกันต้องการให้แกออกไปเดี๋ยวนี้!!!!" เขาตวาดข้าพเจ้าด้วยน้ำเสียง

      ที่เกรี้ยวกราดอย่างน่าตกใจ 

       

            "โฮล์มส์ขาแกมันยังมีทางรักษานะ ถ้าแกทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่องกันรับรอง

      ว่าแกจะต้องกลับมาเดินได้เหมือนปกติแน่" ข้าพเจ้าพยามกล่าวเตือนสติเขาเป็นครั้งสุดท้าย

      ก่อนจะจากต้องจากไป เสียงร้องเมื่อครู่คงดังไปถึงด้านล่างและอีกไม่นาน

      ข้าพเจ้าคงจะถูกคนของที่นี่ลากออกไปตามคำสั่งโฮล์มส์  

       

             "ยังมีคดีอีกมากมายที่รอแกกลับไปสะสางอยู่นะ แต่ถ้าแกจะยอมแพ้อยู่นี่ก็ตามใจแก"

      ข้าพเจ้าตัดสินใจประชดเพื่อหวังว่ามันจะกระตุ้นเขาขึ้นมาจากสภาพหมดอาลัยตาย

      อยากในตอนนี้ 

       

             "แค่เดินงั้นหรือวัตสัน" เขาพึมพำออกมาเบาๆ " กันรู้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในสถานการณ์น

      ี้ก็คือกันแค่กลับเดินได้ แต่กันจะไม่สามารถวิ่งหรือกระโดดได้อีกต่อไป

      แล้วแกว่านักสืบที่ไม่สามารถจะไล่ตามจับคนร้ายได้เนี่ย จะยังเป็นนักสืบอยู่อีกรึเปล่าล่ะ"

      น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยการตัดพ้อนั้นทำให้ข้าพเจ้าหลุดปากพูดสิ่งที่ไม่ควรพูดมากที่สุดออกไป 

       

            "ถ้าอย่างนั้น กันจะเป็นขาแทนแกเอง!!!!" 

       

             "เฮอะ" เขาเพียงแค่นเสียงก่อนจะมองมาที่ข้าพเจ้าอย่างสมเพช "แกก็เป็นอย่างนี้เสมอ

      วัตสัน ความใจอ่อนของแกจะนำภัยมาให้ แกจะเป็นขาให้กันได้อย่างไรในเมื่อแกยังมีครอบครัว

      มีลูกๆที่ต้องกลับไปดูแล" 

       

             ต้องยอมรับว่าคำพูดของเขาทำให้ข้าพเจ้าจนมุมจริงๆ แม้จะอยากร่วมทางไปกับเขาแค่ไหน

      แต่ข้าพเจ้าก็ไม่สามารถละทิ้งภาระที่แบกอยู่บนบ่าออกไปได้ 

       

             "เอาเถอะ กันขอโทษที่พูดเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่กันไม่อยากเห็นแกในสภาพแบบนี้อีก" 

       

             "นั่นแกต้องโทษความจุ้นจ้านของมิสเตอร์ไมครอฟต์นู่น 

      ที่ไปลากแกมาจนได้ถึงนี่ กันจะมีสภาพแบบไหนมันก็เรื่องของกัน แค่ก..แค่กกๆ

      คดีของเรามันจบสิ้นลงแล้วและจะไม่มีคดีต่อไปอีก และเมื่อแกไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ที่นี่อีก

      ก็เชิญกลับไปซะ"

       

             "ตกลงโฮล์มส์ กันจะไป ถ้าการที่กันอยู่มันทำให้แกรู้สึกไม่ดีนักล่ะก็"

      โฮล์มส์นิ่งเงียบไม่ตอบคำราวกับจะบอกว่ามันจบลงแล้ว "แต่กันอยากให้รู้ว่ากัน

      เป็นห่วงแกจากใจจริง ไม่ได้เป็นเพราะกันสงสารแก แต่เป็นเพราะกันรักแก ลาก่อน โฮล์มส์" 

       

             ข้าพเจ้ากล่าวคำอำลาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหมุนลูกบิดเพื่อก้าวออกไป แต่ก็มีเสียงหนึ่งรั้งเอาไว้ 

       

             "กันขอโทษที่พูดจาไม่ดีใส่แกวัตสัน การที่แกมากันรู้สึกดีใจมาก

      แกจะมาเยี่ยมกันก็ได้ถ้าแกสัญญาว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครแม้แต่เมียแก

      กันยินดีจะเป็นเพื่อนคุยให้แกได้เสมอตราบเท่าที่แกไม่เข้ามายุ่งเรื่องของกัน" 

       

             ความมืดสลัวนั้นทำให้ข้าพเจ้าไม่อาจสังเกตได้ชัดว่าเขากำลังทำหน้าเช่นใดอยู่

      เพียงแต่น้ำเสียงที่ได้ยินนั้นช่างดูอ้างว้างเหลือเกิน  

       

             "แล้วเจอกันนะโฮล์มส์" ข้าพเจ้ากล่าวก่อนจะปิดประตูให้เหมือนเดิมแล้วจากมา

      ชั่วเวลาเดียวกันกันเสียงไวโอลินที่ดังขึ้นอีกครั้ง

      แม้จะยังคงบรรเลงด้วยทำนองที่หงอยเหงาแต่กลับแฝงไปด้วยความอบอุ่นจางๆ

      ราวกับเจ้าของใช้มันเพื่อบอกกล่าวข้อความถึงใครบางคน 

       

       

      ...แน่นอน..คู่หู..

      ...แล้วพบกันใหม่...

       

      the end  part II

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×