คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 9
อัสมานสงบสติอารมณ์ของเขาได้แล้ว เมื่อเห็นสภาพอ่อนแรงของหญิงสาว เขาดึงตัวเธอขึ้นมา ปล่อยลำแขนนั้นเพียงเบาๆ ร่างของเธอก็รูดลงไปกองกับพื้นทรายอย่างน่าเวทนา ซาวานยกมือขึ้นปิดปากตัวเองแน่นด้วยความตกใจกับภาพที่เห็น อัสมานยามโกรธเกรี้ยวนั้น น่ากลัวเหลือเกิน
อัสมานขยับเข้าไปใกล้ พลิกร่างของหญิงสาวขึ้นและช่วยดึงให้เธอลุกขึ้นนั่ง ซายูริน้ำตานองหน้า หอบจนตัวโยนด้วยแรงสะอื้นและการขาดอากาศ
ภาพของอัสมานที่ผ่านม่านน้ำตาของเธอเวลานี้ ใบหน้าและรูปร่างของชายหนุ่มสูงตระหง่านในความมืด ดูพร่ามัวราวกับภาพของปีศาจและซาตานร้าย
“ไอ้คนบ้า ฉันไปทำอะไรให้นักหนา ถึงได้ทำร้ายฉันถึงขนาดนี้”อารมณ์ของซายูริระเบิดออกมาด้วยความกราดเกรี้ยวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หญิงสาวถลาตัวเข้าทุบตีเขาพัลวันด้วยความเคียดแค้นชิงชังที่มากขึ้นเป็นทวีคูณ
อัสมานเองถึงกับงันไป เผลอตัวปล่อยให้ซายูริกระหน่ำทุบตีลงมาไม่ยั้ง เพราะสายตาวาวโรจน์ราวกับแม่เสือสาวนั้น ชายหนุ่มปล่อยให้เธอระบายอารมณ์จนสาแก่ใจแล้วจึงได้บอกขึ้น
“เปลี่ยนเสื้อผ้าซะ แล้วก็เข้านอนได้แล้ว”เขาเดินจากไปซะเฉยๆ สวนทางกับนางซาวานที่ยังคงทำทีเป็นง่วนอยู่กับการก่อไฟตรงหน้า ทั้งที่หูและตาคอยสังเกตการณ์อยู่ตลอดเวลา
“ช่วยดูแลนางด้วย เปลี่ยนเสื้อผ้าแห้งๆ ให้เสร็จก็ให้นางเข้านอนซะ วันนี้ให้นางนอนด้วยกันกับเจ้าก็แล้วกัน อย่าให้นางหนีไปได้ล่ะ”อัสมานออกคำสั่ง
“เจ้าค่ะ”นางซาวานรับคำ
ทั้งที่ไม่เข้าใจนักกับอาการประเดี๋ยวดี ประเดี๋ยวร้ายของเจ้านาย ที่ทำร้ายซายูริจนเกือบตายแต่กลับสั่งให้นางดูแลอย่างดีซะอย่างนั้น ซาวานมองตามหลังเจ้านายหนุ่มไปจนลับตาจึงได้รีบสาวเท้าไปหาซายูริพร้อมกับยื่นผ้าคลุมหน้าเก่าๆ ของตัวเองให้และลงมือเช็ดผมให้หญิงสาวจนแห้งดี
“ห่มซะ เดี๋ยวจะเป็นปอดบวมตายซะก่อนที่จะได้คิดหนี เจ้าหาเรื่องเองแท้ๆ”นางก้มตัวลงพยุงร่างบางสั่นเทาของซายูริให้ลุกขึ้นก่อนจะพยุงร่างบางอ่อนระโหยของเธอเข้าไปในกระโจมอันถือเป็นที่พักของเธอ ในขณะที่อัสมานอยู่บนบ้านพักหลังน้อยแต่ทว่าอบอุ่นและกันลมหนาวในเวลากลางคืนได้ดี
“แกนี่น้า
.นังผู้หญิงต่างชาติ ไม่เจียมตัวเอาซะเลย กล้าดียังไงไปตีฝีปากกับท่านอัสมาน ไม่รู้หรืออย่างไรว่าเขาน่ะอารมณ์ร้ายนัก”นางซาวานส่ายหน้าระอา
“รู้สิ รู้ดีด้วย ว่าเจ้านายของท่านน่ะ คือปีศาจร้ายในร่างคน”
“ก็ใครใช้ให้แกไปยั่วโมโหเขาเล่า ท่านอัสมานน่ะไม่เหมือนใครหรอกนะ ผู้ชายอย่างเขา อย่าคิดว่าจะใช้ความงามหลอกล่อได้เลย เอ้า
..เสื้อผ้า เปลี่ยนซะ ท่านอัสมานสั่งให้ข้าดูแลเจ้าอย่างดี”นางซาวานบอกขึ้น ซายูริเลิกคิ้วอย่างไม่อยากเชื่อ
“เขาน่ะหรือ สั่งให้ท่านดูแลฉันอย่างดี”
“จริงๆ แล้ว ท่านอัสมานไม่ใช่คนใจร้ายใจดำหรอกนะ เขายังเคยช่วยชีวิตข้าเอาไว้แถมยังให้เงินข้าเอาไว้ใช้สำหรับตั้งตัวอีกด้วย แต่เพราะข้าไม่มีที่ไป สามีของข้าก็ตายไปแล้ว ลูกสาวของข้าก็แต่งงานไปอยู่กับผัวที่เผ่าอื่น ข้าก็เลยขอมารับใช้ท่านที่นี่”ยามเมื่อพูด สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความชื่นชม
“พอทีเถอะ ฉันมาอยากได้ยินใครพร่ำบ่นถึงความดีของผู้ชายคนนั้น”หญิงสาวบอกเสียงห้วน ลงมือผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วล้มตัวลงนอนบนผ้าผืนบางที่ปูบนพื้นทรายนั้น
น้ำตาของความระทดท้อหยาดรินขึ้นมาอีกครั้ง แม่ของเธอจะรับรู้บ้างหรือไม่หนอ ว่าลูกสาวคนนี้ลำบากแค่ไหน เพื่อหวังว่าจะพบหน้าแม่ผู้ให้กำเนิดสักครั้ง
************************************************************************************************
คหบดีโยฮานคิ้วขมวดมุ่นด้วยความไม่พอใจ เมื่อยะนีระห์ให้สาวใช้ขนกระเป๋าและข้าวของส่วนตัวอีกหลายอย่างของเธอลงมาจากห้องและแจ้งกับเขาเดี๋ยวนั้นเองว่า เธอต้องการจะไปพักค้างแรมที่บ้านของซายีน่า ถึงอย่างไรมันก็ดูไม่เหมาะนักเพราะอัสมานกับยะนีระห์ยังไม่ได้หมั้นหมายกันอย่างเป็นทางการ
“แต่ลูกจะไปค่ะ”ยะนีระห์บอกอย่างดื้อดึง
“จะไปได้อย่างไรกันเล่า ในเมื่อบ้านนั้นเป็นของอัสมาน ใครๆ ก็รู้ดี เจ้ากับเขายังไม่ได้หมั้นหมายกันเป็นเรื่องเป็นราว จะไปอยู่อย่างนั้นได้อย่างไร”โยฮานบอกขึ้นเสียงเข้มแต่ยะนีระห์ไม่สนใจ
“ลูกไม่อยากอยู่ที่นี่ เพราะมลภาวะทางอากาศมันเยอะจนเกินไป หันไปทางซ้ายก็ขยะเน่าเหม็น มองไปทางขวาก็ขยะสังคม”ไม่พูดเปล่าแต่สายตาคมกริบของเธอแลเลยมายังราริณีสลับกับการีมที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ใกล้ๆ
ชายหนุ่มขยำกระดาษหนังสือพิมพ์ที่เพิ่งเปิดอ่านจนยับแถมจะขาดคามือ ราริณีเอื้อมมือมาแตะไหล่บุตรชายเอาไว้และส่ายหน้าเป็นเชิงห้ามปราม
“พ่อก็บอกแล้วอย่างไรล่ะว่าจะสร้างบ้านให้ใหม่ ลูกก็ไม่ยอมรับ แล้วจะให้พ่อทำอย่างไร”โยฮานส่ายศีรษะอย่างระอากับความเอาแต่ใจของลูกสาวคนเดียว ผ่านมาหายปีแล้วแต่ยะนีระห์ก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมรับภรรยาคนใหม่ของเขา ทั้งที่ราริณีนั้นสงบเสงี่ยมและสงบปากสงบคำเสมอมา
“ที่นี่เป็นบ้านของท่านแม่ ลูกจะไม่ย้ายออกไปไหนทั้งนั้น”
“จะเอายังไงกันล่ะยะนีระห์ จะสร้างให้ใหม่ก็ไม่เอา จะสร้างใหม่ให้ราริณีกับการีมลูกก็ไม่ยอม”คหบดีโยฮานถามขึ้นอย่างเหลืออดกับความเอาใจของเธอ
“เรื่องอะไรลูกจะให้ท่านพ่อเอาสมบัติของบ้านเราไปสร้างบ้านให้คนอื่น หากจะให้อยู่หลังเล็กๆ เท่าเรือนคนใช้ก็ว่าไปอย่าง”ยะนีระห์เบ้หน้าอย่างถือดี
“แต่น้าราริณีเป็นภรรยาของพ่อ”โยฮานเริ่มเสียงแข็ง มือกุมหน้าอกด้วยความเจ็บ ยะนีระห์ทำท่าตกใจแต่ก็ช้ากว่าราริณีที่รีบลุกขึ้นมาประคองเอาไว้อย่างห่วงใย
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณ ฉันอยู่ที่ไหนก็ได้”
“เห็นไหมล่ะคะพ่อ เขาก็บอกอยู่แล้ว แบบนี้ท่านพ่อจะให้เขาไปอยู่ที่บ้านหลังเล็กได้หรือยัง”ยะนีระห์เย้ยหยัน เธอไม่เชื่อหรอกว่านังอดีตเกอิชาคนนี้ จะรักพ่อของเธอจริง แท้จริงแล้ว มันไม่ได้สงบเสงี่ยมอย่างที่แสดงออกต่อหน้าคนอื่นหรอกเธอรู้ดี
“เราสองคนอยู่ที่บ้านเล็กก็ได้ครับพ่อ เพราะมลพิษบ้านนี้ก็เยอะอย่างที่ยะนีระห์ว่า มลพิษทางเสียงน่ะครับ มันแหลมและก็บาดแก้วหูจนน่ารำคาญ”การีมบอกขึ้นบ้าง ตาของเขาจับจ้องใบหน้าหวานแต่นิสัยตรงกันข้ามของยะนีระห์อย่างชิงชังเช่นกัน
ผู้หญิงปากร้าย เอาแต่ใจ แบบนี้เขาจะต้องสั่งสอนให้รู้สำนึกเข้าสักวัน
“แก
ไอ้การีม ไอ้คนไร้การศึกษา ไอ้
..”ยะนีระห์ตัวสั่นด้วยความโกรธกรริ้ว การีมแสยะยิ้มเยาะหยัน มองหญิงสาวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
“ไปเรียนมาตั้งหลายปี กิริยาของคุณหนูยะนีระห์ช่างเป็นกุลสตรีโดยแท้ คุ้มค่าเงินกับที่ท่านพ่อเสียไปจริงๆ ผู้ชายบ้านไหนเห็นคงอยากจะได้เป็นเมียจนตัวสั่น”การีมบอกเสร็จก็ผละเดินหนีอย่างรวดเร็ว ยะนีระห์ปาข้าวของใกล้มือไล่หลังเขาไปไม่ยั้งท่ามกลางเสียงร้องห้ามของท่านโยฮานกับราริณี
“พ่อดูสิคะ ดูไอ้การีม มันว่าลูก”
“แกก็ทำตัวอย่างที่เขาว่าจริงๆ นั่นแหละ”ท่านโยฮานบอกขึ้นอย่างสุดทน เสียงของเขาขาดเป็นห้วงๆ ความเจ็บราวกับถูกเหยียบลงมาบนหน้าอก ทำให้เขาต้องทรุดตัวลงหอบ
“ท่านพ่อ ! ท่านพ่อเข้าข้างไอ้ไพร่นี่”ยะนีระห์ตกใจหนัก เช่นเดียวกับราริณีที่รีบเข้าไปประคองและพาร่างอ่อนแรงนั้นกลับไปนังยังบนโซฟา
“อย่าไปเลยนะคะคุณยะนีระห์ ฉันกับลูกจะไปอยู่บ้านเล็กนั่นเองค่ะ คุณพ่อคุณไม่สบายมาก อยู่ให้กำลังใจท่านเถอะนะคะ”เมื่อแม่เลี้ยงที่เธอแสนจะเกลียดชังยอมสิโรราบให้แต่โดยดี หญิงสาวจึงหมดข้ออ้างที่จะไปอยู่ในบ้านของอัสมาน แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่หัวใจร่ำร้องแต่เธอก็เป็นห่วงผู้เป็นพ่อไม่น้อยไปกว่ากัน
“อย่าไปเลยนะลูก”ท่านโยฮานบอกเสียงอ่อน หญิงสาวจึงจับเป็นต้องพยักหน้า
“ค่ะ”เธอรับคำ
เอาไว้ให้พ่อของเธออาการดีขึ้นเมื่อไหร่ เธอค่อยไปอยู่บ้านของอัสมานก็คงจะไม่ช้าเกินไป
ผู้ชายเย็นชาอย่างเขาไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนอยู่ข้างกาย ถึงอย่างไรจะช้าหรือเร็ว เขาก็ต้องเป็นของเธออยู่วันยังค่ำ ไม่มีใครในประเทศนี้ที่จะเหมาะสมกับเขามากไปกว่าเธอ
***********************************************************************************************
อากาศหนาวเหน็บของคนที่นี่แต่เย็นสบายสำหรับซายูริกำลังจะผ่านพ้นไป เพราะมันถูกแทนที่ด้วยไอแดดร้อนๆ ที่เธอยังไม่คุ้นเคย หญิงสาวขยับตัวลุกจากที่นอนอย่างเมื่อยล้า เกิดความรู้สึกปวดเมื่อตามร่างก่ายเพราะต้องนอนบนผ้าปูบางๆ ที่ไม่ต่างจากนอนบนผืนทรายขรุขระสักเท่าไหร่
ซายูริเยี่ยมหน้าออกไปภายนอกกระโจม พระอาทิตย์เพิ่งจะโผล่พ้นขอบฟ้าแต่เหตุไฉนหนอมันถึงได้ร้อนจนรู้สึกแสบไปหมดทั้งหน้าอย่างนี้ ดินแดนแห่งทะเลทรายที่แห้งแล้ง เป็นของขวัญจากพระเจ้าหรือว่าเป็นการลงทัณฑ์พวกคนบาปกันแน่นะ
“ถ้าตื่นก็ออกมาได้แล้ว”เสียงที่ดังขึ้นแต่ไม่เห็นตัวคนพูดทำให้หญิงสาวสะดุ้งเฮือกขึ้นมาทันที ภาพความป่าเถื่อนโหดร้ายที่เขาปฏิบัติต่อเธอเมื่อคืนนี้ยังติดตาไม่รู้คลาย
“พรุ่งนี้ฉันต้องกลับเข้าไปในเมือง เพราะฉะนั้นอูฐของฉันสมควรที่จะได้รับน้ำและอาหารอย่างดี ฉันมอบให้เป็นหน้าที่ของเธอ แม่เกอิชาแสนสวย”เขาก้าวเข้ามาหยุดหลังเธอเมื่อไหร่ก็ไม่ทันได้รู้ หญิงสาวรีบลุกขึ้นและจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่
“ไม่ต้องทำเป็นรักนวลสงวนตัวถึงเพียงนั้นหรอก เพราะมันไม่ได้ทำให้ตัวเธอมีค่าขึ้นมาเลยสักนิด”อีกฝ่ายยิ้มเยาะ ดวงตาสองข้างของเขายังคงแดงเรื่อเพราะฝีมือเธอ นั่นช่วยสร้างรอยยิ้มสาสมใจขึ้นเป็นครั้งแรกบนใบหน้าของซายูริ
“ขำอะไรของเธอ”
“ดวงตาปีศาจของท่านไงล่ะ ขำที่วันนี้มันช่างแดงสุกปลั่งราวกับดวงตะวันที่เพิ่งจะเริ่มทอแสงออกมารับรุ่งอรุณ”หญิงสาวเล่นลิ้นอย่างอารมณ์ดี
อย่างน้อยๆ เขาก็ควรจะเจ็บเป็นเสียบ้าง ถึงแม้มันจะแค่เล็กน้อยเมื่อเทียบกับสิ่งที่เธอได้รับแต่มันก็ยังดีกว่าที่เธอจะไม่ได้ลิ้มรสแห่งความสะใจเอาเสียเลย
“เอาอูฐไปเลี้ยงได้แล้ว มุมโน้นมีอินทผลัมร่วงอยู่เต็มไปหมด ให้มันกินและดื่มให้อิ่มหนำเสียก่อน ฉันถึงจะอนุญาตให้เธอกลับมากินข้าวได้”ชายหนุ่มบอกขึ้นแล้วคว้าข้อมือบางฉุดให้หญิงสาวลุกขึ้นจากกระโจมแล้วยัดเยียดเชือกถักขนาดใหญ่นั้นให้
“ว๊าย
”หญิงสาวเซถลา เมื่อเจ้าอูฐที่ตัวใหญ่กว่าเธอหลายเท่านักลุกขึ้นจากท่านอนแรงๆ ทำให้เธอยังไม่ทันตั้งตัว เลยถูกเชือกในมือกระชากจนหงายหลังล้มจ้ำเบ้าลงไปกองกับพื้น
อัสมานทำหน้ากลั้นยิ้มเอาไว้ในหน้าก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาอย่างขบขัน ท่ามกลางความแปลกใจของนางซาวาน ทาสผู้ซื่อสัตย์ที่รับใช้กันมาหลายปี
“หมู่นี้ท่านอัสมานหัวเราะบ่อยจนน่าแปลกใจ”นางโคลงศีรษะก่อนจะก้มหน้าก้มตาหุงหาอาหารตามปกติ มองร่างบอบบางของซายูริในชุดเสื้อคลุมเก่าๆ ถือเชือกจูงอูฐตัวโตออกเดินเลียบไปตามชายขอบแหล่งน้ำอย่างเห็นใจ ไม่รู้ว่าท่านอัสมานจงเกลียดจงชังทาสสาวคนนี้นักหนาด้วยเหตุอันใด
ซายูริกัดฟันจูงเจ้านาวาแห่งทะเลทรายตัวโตไปตามทางเดินอย่างยากลำบาก เริ่มแรกมันก็เล่นเอาเธอหกล้มหกลุกไปตลอดทางแต่สักพักก็เริ่มจับทางได้ หญิงสาวเปลี่ยนจากการกึ่งจูงกึ่งลากมาเป็นเดินขนาบข้างมัน มือถือเชือกเอาไว้มั่น
อัสมานกอดอกลอบมองร่างเล็กๆ นั้นอย่างพอใจ เสื้อคลุมของนางซาวานที่เธอเอามาใช้สะบัดตามจังหวะการก้าวเดินของคนใส่ รองเท้าคู่ใหญ่ที่เธอสวมนั้นเป็นรองเท้าหนังผูกโยงมารัดรอบข้อเท้าแทนรองเท้าหนังสานคู่เดิมของเธอ
ทุกย่างก้าวที่เหยียบย่ำลงไป เม็ดทรายระเอียดยิบที่ร้อนจัดราวกับถูกบดคั่วด้วยเปลวไฟก็ท่วมบนหลังเท้าของเธอ ซายูริปล่อยให้เจ้านาวาแห่งทะเลทรายตัวโปรดของอัสมานเล็มหญ้าและยอดกระถินป่าตามใจชอบ ส่วนเธอนั้นก้มลงเก็บอินทผลัมที่ร่วงหล่นนั้นขึ้นมาดมดูและกัดชิมดูอย่างสนใจ
“รสชาติแปลกๆ แต่ก็อร่อยดี”หญิงสาวบอกกับตัวเองแล้วจึงกัดกินเจ้าลูกอินทผลัมนั้นด้วยท่าทางเอร็ดอร่อยนักหนาพลางมองทัศนียภาพเบื้อหน้าอย่างแปลกตา เพราะเมื่อวานมัวแต่ตกใจกลัวจนไม่ทันสังเกตรอบๆ แหล่งน้ำที่ได้ชื่อว่าโอเอซิส
เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าโอเอซิสจะเป็นแหล่งน้ำที่ใหญ่และดูสมบูรณ์อย่างนี้ มีพืชทนแล้งหลายชนิดขึ้นอยู่ประปราย ทั้งต้นปาล์มและอินทผลัมที่ชูยอดไสวลู่ลมที่พัดมาเป็นระลอก ผลของมันร่วงลงเต็มพื้นดิน เพราะไม่มีใครผ่านมาเห็นมันบ่อยนัก ทุกอย่างที่นี่เลยยังคงความอุดมสมบูรณ์เอาไว้
“มิกะ เธอจะรู้ไหมนะ ว่าคำเตือนของเธอที่บอกกับฉันมันกำลังจะเป็นจริงขึ้นมาแล้ว คนที่นี่รักแรงเกลียดแรงอย่างที่เธอว่า และฉันก็มาเจอกับคนที่โหดร้ายป่าเถื่อนอย่างที่สุดแล้ว”ซายูริน้ำตาซึมขึ้นมาอีกครั้งกับโชคชะตาที่เล่นตลกกับชีวิตของเธอ
เวลานี้เธอควรที่จะได้ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังใหญ่ที่สุขสบายของท่านฮัสซาร์ไม่ใช่หรือ หากไม่ได้มาที่นี่แล้วเธอก็ยังคงจะได้อยู่ในห้องพักเล็กๆ ในสำนักเกอิชาที่ยังมีมิกะเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุข
บ้านที่ถึงแม้จะเล็กแต่ก็อบอุ่น อากาศเย็นสบายไม่ร้อนระอุเหมือนที่นี่
ทำไมหนอ ผืนแผ่นดินใต้ฟ้าเดียวกัน สภาพถึงได้แตกต่างกันลิบลับอย่างนี้
.
“ซายูริ ท่านอัสมานเรียกแหนะ รีบๆ ไปเถอะ ประเดี๋ยวจะโดนเข้าอีก”นางซาวานกระหืดกระหอบเข้ามาเรียก ทำให้อารมณ์เหม่อลอยของหญิงสาวหยุดชะงักลง
“ช่างเขาสิ”ซายูริบอกเสียงยานคางและแกล้งเอนหลังพิงกับโขดหินด้วยท่าทางเกียจคร้าน นางซาวานถอนหายใจก่อนจะฉุดข้อมือเล็กๆนั้นให้ลุกขึ้น
“อย่าเล่นลิ้นอยู่เลยน่า ทำไมเจ้าจะต้องวอนหาเรื่องอยู่เรื่อยเลยนะ เจ้าน่ะอายุพอๆ กับลูกสาวของข้า ข้าถึงได้ไม่อยากเห็นเจ้าต้องเจ็บตัว”
“ทำไมท่านจะต้องกลัวเขานักนะ”
“ท่านอัสมานเป็นคนจริง ชีวิตเขาไม่ค่อยมีเรื่องให้ต้องพูดเล่นมากนักหรอก”
“ท่านมาอยู่กับเขาได้ยังไง ท่านดูเหมือนจะเป็นชาวบ้านมากกว่าคนเมือง”ซายูริลุกตามแรงฉุดของนางซาวานและจูงเจ้าอูฐกลับไปยังที่พักที่เป็นกระโจม และบ้านของอัสมาน
บ้านที่สร้างจากไม้และอิฐสูง แตกต่างจากบ้านของชาวทะเลที่โดยทั่วไปที่สร้างจากดินเหนียวและอิฐแต่ไม่มีไม้ประกอบเลย เพราะในทะเลทรายอย่างนี้ไม้เป็นสิ่งที่หายากนัก
“ท่านอัสมานช่วยชีวิตของข้าเอาไว้ เมื่อครั้งที่ออกค้าขายกับผัวของข้า แต่โชคร้ายระหว่างทางถูกโจรร้ายเบดูอินดักปล้น ผัวของข้าถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมแต่โชคดีที่ท่านอัสมานบังเอิญท่องเที่ยวผ่านมาจึงช่วยชีวิตข้าเอาไว้ได้ทัน”
นางซาวานเล่าความหลังพลางเช็ดน้ำตาป้อยๆ ด้วยความสงสารสามีที่มาด่วนจากไปทั้งที่เหลือกันอยู่แค่สองคน ซายูริหยุดเดินแล้วหันมาถามด้วยความสงสัย
“เขาก็ร่ำรวย มีธุรกิจที่ต้องดูแลมากมายแล้วเหตุใดถึงได้มีเวลาออกมาเที่ยวเล่นอย่างนั้น แถมยังมาเที่ยวทะเลทรายลึกที่เต็มไปด้วยอันตรายมากเสียด้วย”
“ความชอบกระมัง ท่านยุซุปลูกน้องของท่านอัสมานก็เคยถามอย่างนี้ ท่านอัสมานบอกว่าบางอย่างก็ศึกษาในตำราเรียนไม่ได้ บางครั้งระหว่างทางหากเจอใครผ่านมา ท่านก็ช่วยเหลือให้เงินไปโดยไม่คิดหวังสิ่งตอบแทน”ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขาดูเหมือนนางซาวานจะชื่นชมไปเสียหมดจนน่าหมั่นไส้
“ทำความดีกับเขาก็เป็นด้วยหรือ”หญิงสาวค่อนขอด
“หากเจ้ารู้จักท่านอัสมานดีล่ะก็ เจ้าจะต้องหลงรักเขาแน่ๆ เขาเป็นผู้ชายสง่าที่ใครๆ ก็ฝันถึง”นางซาวานบอกยิ้มๆ เป็นเชิงล้อเลียนแต่ซายูริหน้าตึงขึ้นมาทันที
“ไม่มีทางหรอก”
“ข้าล้อเล่นหรอกน่า”
“พวกเบดูอินนี่ดูโหดร้ายน่ากลัวจังนะคะ แล้วเขาผ่านมาแถวนี้บ้างไหม”ซายูริเริ่มต้นเก็บข้อมูล พยายามวางสีหน้าให้ดูเฉยมากที่สุดจะได้ไม่ดูจงใจสืบข้อมูลมากจนเกินไป
“พวกเบดูอินน่ะ เป็นพวกที่ท่องเที่ยวไปในทะเลทราย มีหลายเผ่า บางพวกก็ดี บางพวกก็ร้ายกาจ เป็นพวกรักอิสระ ไม่ค่อยอยู่เป็นหลักแหล่งกันนักหรอก พวกที่ร้ายก็มักจะเป็นพวกโจรร้าย ใจคอของมันเหี้ยมโหดนัก คอยดักปล้นกองคาราวานต่างๆ ที่เดินทางรอนแรมในทะเลทราย ข้าคงตอบไม่ได้หรอกว่าพวกมันจะผ่านไปมาเมื่อไหร่ แต่โอเอซิสที่นี่อยู่หลังหุบเขาแห้งแล้ง ไม่ค่อยมีใครผ่านมานักหรอก เพราะมองดูเผินๆ ดูแห้งแล้งเกินไป ไม่มีใครกล้าเสี่ยงเข้ามาดู”
“อย่างนี้ก็แย่”ซายูริเผลอครางกับตัวเอง
“อะไรนะ”นางซาวานไม่ทันฟังให้ถนัดร้องถามขึ้น
“เปล่าจ้ะ
ฉันเพียงแต่คิดว่าพวกมันไม่มาที่นี่ก็ดีแล้ว เพราะพรุ่งนี้อัสมานก็จะไม่อยู่ ปล่อยผู้หญิงอย่างเราสองคนเอาไว้มันก็อันตาย หากมันเข้ามาเราก็แย่”ซายูริแก้ตัวได้ทันควัน จนมาถึงบ้านพักของอัสมานที่ชายหนุ่มนั่งรออยู่ก่อนแล้วด้วยสีหน้าบึ้งตึงอันป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของเขาไปเสียแล้ว
“ทำไมมาช้ากันนัก”
“ฉันเดินเอานี่ ไม่ได้นั่งรถมาจะได้เร็ว”ถ้อยคำตอบโต้ของซายูริทำเอานางซาวานต้องยกมือขึ้นตบหน้าผากของตัวเองอย่างเหนื่อยใจ เพิ่งจะสั่งสอนกันมาเมื่อครู่นี่เองแท้ๆ
“เล่นลิ้นเก่งขึ้นนี่ แสดงว่ายังไม่เหนื่อย เอาล่ะ ไปเอาอาหารออกมากินกันได้แล้ว มีงานอีกมากที่จะให้เธอทำ”ชายหนุ่มบอกหน้าตาเฉยทำเอาหญิงสาวตาค้าง
“อะไรนะ นี่ฉันต้องทำอะไรอีกเนี่ย”
“มากมายเชียวล่ะ ซักผ้า ทำความสะอาดบ้าน เตรียมอาหารสำหรับมื้อเที่ยงและมื้อเย็น ไปเก็บอินทผลัมมาตากแห้งเก็บเอาไว้”อัสมานร่ายรายการยาวเหยียดออกมา
“เอาสิ
ถึงอย่างไรฉันก็กลายเป็นเชลยของท่านไปแล้วนี่”ซายูริเชิดหน้าก่อนจะสะบัดยัดตัวออกไปช่วยนางซาวานจัดแจงล่ามอูฐเอาไว้และลำเลียงอาหารออกมาวางไว้สำหรับเขา
“วันนี้ฉันอยากจะกินข้าวกับเธอ”
“แต่ฉันไม่อยากกิน ฉันจะกินกับซาวาน”
“นี่เป็นคำสั่ง”เขาเสียงดุเข้าใส่ นางซาวานเห็นท่าจะไม่ดี จึงรีบเอ่ยแทรกขึ้น
“แต่นางผู้นี้เป็นหญิงนะเจ้าคะนายท่าน ให้มันกินกับข้าที่หลังกระโจมเถอะ”
“เจ้าคงลืมไปแล้วกระมังซาวาน ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นหญิงต่างชาติ นางไม่สนใจขนบธรรมเนียมประเพณีอันงดงามของเราหรอก”เขาพูดกับซาวานแต่ตาจับจ้องมาทางเธออย่างเยาะหยัน ซายูริกระแทกตัวลงนั่งบนพรมด้านตรงข้ามกับเขาและรวบเอาถ้วยอลูมิเนียมที่บรรจุข้าวเมล็ดป้อมนั้นขึ้นมาถือเอาไว้
“ยังกินไม่ได้”เขาแย่งถ้วยนั้นกลับมาถือเอาไส้เสียเอง ซายูริตาขวางก่อนจะตวาดแว๊ดออกไปด้วยความหงุดหงิด
“อะไรของท่านอีก บอกให้เรามากินก็กำลังจะกินอยู่นี่ยังไง”
“ฉันอยากกินในบรรยากาศของเกอิชาน่ะ ไหนลองแสดงให้ฉันดูสิว่าเกอิชามีหน้าที่อะไรบ้าง อะไรที่เรียกว่าปรนนิบัติแขก นอกจากปรนเปรอผู้ชาย”ชายหนุ่มเอนหลังกับขอบหมอนอิงทรงสูงด้วยท่าทางสบายใจ ซายูริกัดริมฝีปากตัวเองแน่นจนรู้สึกเจ็บแต่ก็ไม่เท่ากับเจ็บใจที่เขาดูถูกอาชีพของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“อย่ามาดูถูกนะ ท่านยังไม่รู้จักเกอิชาดีพอ พวกเราเป็นกันยากลำบากแค่ไหน คนภายนอกไม่มีทางรู้หรอก ไม่ใช่แค่รูปร่างหน้าตาดีแล้วจะเดินเข้าไปสมัครเป็นเกอิชาได้”หญิงสาวบอกอย่างโกรธเคือง ดูเหมือนเขาจะสนุกนักหนาที่ได้เห็นใบหน้าของซายูริยามโกรธขึ้ง โดยเฉพาะยามเมื่อได้ปะทะคารมกับเธอ
“งั้นลองแสดงให้ดูซิ ว่าทำอะไรได้บ้างแม่เกอิชา”อัสมานยิ้มยั่ว ซายูริสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ อย่างพยายามควบคุมอารมณ์ ก่อนจะเรียกสติและพลังให้เข้ามาสู่หัวใจของตัวเอง
“แล้วท่านจะได้เห็น”ซายูริลุกขึ้นยืนแล้วถอดเสื้อคลุมรุ่มร่ามของตัวเองออกโยนทิ้งไปอีกด้าน แล้วหยิบจานเปล่าที่วางอยู่ใกล้ๆ มาระบำแทนพัด
จานใบเล็กๆ หมุนติ้วในมือของเธออย่างหวาดเสียว คล้ายจะตกแต่ไม่ตก ฝีมือการระบำของเธออ่อนช้อย ร่างกายโอนอ่อนไหวเอนไปมาราวกับอินทผลัมลู่ลม ปลายเท้าจิกลึกในท่าเต้นบัลเล่ต์ วาดลวดลายสวยงาม สง่าจนชายหนุ่มอดนึกชื่นชมขึ้นมาไม่ได้ แต่สีหน้าของชายหนุ่มยังคงเรียบเฉย
อัสมานเผลอมองหญิงสาวร่ายรำอย่างเพลิดเพลินจนกระทั่งการแสดงโชว์ศิลปะแห่งเกอิชาของหญิงสาวจบลง นั่นแหละชายหนุ่มถึงได้รีบปรับสีหน้าให้เป็นเฉยชาดังเดิม
“ก็เหมือนๆ กับระบำหน้าท้องของดิลิยะห์ ไม่ต่างอะไรกันสักเท่าไหร่”ในใจคิดอีกอย่างหนึ่งแต่ปากก็พูดอีกอย่างหนึ่ง ระบำพัดของเธอลีลาอ่อนช้อยและต้องใช้สมาธิมากกว่าระบำหน้าท้องมากนัก แต่จะให้เขาเอ่ยชื่นชมเชลยอย่างเธอได้อย่างไรกัน
“ฉันก็คิดอยู่แล้ว ว่าท่านจะต้องบอกแบบนี้”ซายูริย่นจมูกขึ้น
“ก็มันคือเรื่องจริงนี่นา เฮ้อ
ไร้สาระจริงๆ เลย”อัสมานเปลี่ยนจากท่าเอนหลังพิงกับหมอนมาเป็นลุกนั่งแล้วทำท่าจะรินชาผสมหญ้าหวานใส่ถ้วยแต่ซายูริปัดมือของเขาออกห่างแล้วนั่งลงคุกเข่าข้างๆ
“ฉันจะรินให้เองค่ะ”หญิงสาวบอกอย่างอ่อนหวาน
เริ่มต้นบทบาทของการเป็นเกอิชาเต็มตัวขึ้นมาอีกครั้ง เพราะคำดูถูกของเขา สักวันหนึ่งเถอะซายูริ เกอิชาไร้ค่าในสายตาของเขา อาจจะทำให้เขาหลงรักหัวปลักหัวปำอย่างที่พ่อเขากำลังเป็นอยู่ก็ได้
“เอาสิ”อัสมานยักไหล่ ซายูริเอื้อมมือขวาไปจับฝาของกาน้ำ มือซ้ายจับตัวกาแล้วรินให้อย่างอ่อนช้อยพร้อมกับยื่นจ่อให้ถึงปากเล่นเอาคนมองชักเคลิ้ม
“ดื่มสิคะ”เธอคะยั้นคะยอ อัสมานยกขึ้นจิบแล้วรอฟังหญิงสาวเล่าเรื่องราวความเป็นมาของพิธีชงชาอันเลื่องชื่อของประเทศญี่ปุ่น ที่เจ้าตัวภาคภูมิใจนักหนา
“กว่าจะได้กิน ฉันคงหายอยากกันพอดี”ชายหนุ่มไม่วายบ่น
“พิธีชงชาของเรา เป็นการชงชาที่ประณีต งดงามและมีมนต์ขลัง ไม่ว่าชนชาติใดๆ ในโลกก็อยากจะลิ้มลองชาเขียวของเราสักครั้ง”ซายูริบอกขึ้นอย่างภูมิใจ เป็นเชิงอวดจนเขานึกหมั่นไส้
“ไม่เกินไปหน่อยหรือ”
“ไร่ชาที่ดีจะต้องปลูกอยู่ ตามเชิงเขา ในแต่ละพื้นที่รสชาติของชาก็จะไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและสภาพของดิน ส่วนที่ดีที่สุดของชาก็คือยอดของมัน ยอดอ่อนที่อยู่บนสุด ยอดของมันจะต้องถูกเด็ดด้วยมือของคนห้ามใช้เครื่องมืออย่างอื่นเป็นอันขาด จากนั้นค่อยเอามาแปรรูปตามกรรมวิธีต่างๆ”
“เล่าต่อไปสิ”อัสมานฟังเพลิน อาหารที่วางอยู่ตรงหน้าพร่องลงไปมากแล้ว ดูเหมือนเกอิชาอย่างเธอจะทำให้เขาเจริญอาหารมากเป็นพิเศษเสียด้วยสิ
“การแปรรูปของเรามีหลายแบบ ทั้งการตากแห้ง การหมักหรือไม่ก็เอาไปอบด้วยไอน้ำเดือด นำมาคั่วให้หอมแล้วนำมารีดให้แห้งให้มันยุ่ย บิดและค่อยๆ งอเพื่อให้มันคายกลิ่นหอมของมันออกมา”ซายูริหยุดเว้นระยะ เพื่อให้คนฟังอึดอัดและอยากฟังน้ำเสียงกังวานใสนั้นให้เล่าต่อ นับว่าได้ผลเมื่อคนฟังอย่างอัสมานทำท่าขัดใจ
“ผงละเอียดของชานี่เรียกว่ามัทฉะค่ะ นอกจากชาจะคัดสรรมาอย่างดีแล้ว ถ้วยชาแต่ละใบจะต้องสวยงาม โชว์ศิลปะและอารยธรรมของญี่ปุ่น พิธีชงชาไม่ใช่ว่าใครก็จะทำได้ เพราะมันจะต้องเรียนกันเป็นปีๆ เลยล่ะค่ะ”
“เหลวไหล กะอีแค่ชงชา ชั่วโมงเดียวฉันก็ทำได้”คนฟังทำหน้าไม่เชื่อถือเธอเลยสักนิดเดียว
“ชงชาแบบที่ท่านว่าไม่จำเป็นต้องเรียนฉันก็ทำได้ แต่การชงชาแบบญี่ปุ่นหรือที่รียกว่าชาโนยุนั้น ทุกอย่างของเรานั้นมีพิธีรีตอง ไม่ว่าจะเป็นท่านั่ง การจับถ้วยชา การชงชาเลยไปจนถึงการดื่มเลยทีเดียว”
“ยุ่งยากพิลึก”
“นั่นเป็นเพราะท่านไม่มีหัวใจแห่งความมีศิลปะต่างหากล่ะ นั่นล่ะคือพวกเรา เกอิชาที่ท่านดูถูกนักหนา พวกเราต้องนั่งหลังขดหลังแข็งเรียนการชงชามาเป็นปีๆ”
“ไหนลองว่ามาสิ ว่ามันต้องทำอะไรบ้าง จะยากแค่ไหนนักเชียว”
“ขั้นตอนคร่าวๆ สำหรับพิธีชงชาก็จะเริ่มต้นจากเชิญแขกของเราเข้ามาในห้องชงชา มีดอกไม้ตกแต่งสวยงามตามแบบฉบับของญี่ปุ่น พื้นห้องจะต้องปูด้วยเสื่อทาตามิ เพราะมันจะมีช่องเล็กๆสำหรับวางเตาและหม้อต้มน้ำร้อนสำหรับชงชา”ซายูริบอกขึ้นก่อนจะเริ่มสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่างและอธิบายไปด้วย
หญิงสาวนั่งลงด้านตรงข้ามกับเขาอย่างสงบเสงี่ยม ใบหน้าของหญิงสาววางนิ่งราวกับว่ามันจำเป็นต้องใช้สมาธิอย่างแรงกล้าเลยทีเดียว ซายูริลงมือเช็ดถ้วยชาช้าๆ
“หลังจากเช็ดถ้วยชาแล้ว เราก็จะใช้ช้อนตักผงชาใส่ลงไปในถ้วยเบาๆ ช้าๆ ตามด้วยการตักน้ำร้อนใส่หม้อ ใช้ไม้คนชาคนเบาๆแล้วค่อยๆ ตีแรงขึ้นๆ ตีจนกระทั่งขึ้นฟอง เมื่อได้ที่ก็ค่อยยกถ้วยชาขึ้นหมุนสามครั้งแบบนี้”ซายูริทำให้ดูเป็นตัวอย่างด้วยการหมุนถ้วยชาของอัสมานสามครั้งแล้วยกมันออกไปวางไว้หน้าผู้ดื่ม
“ลีลามากซะจริง”
“อย่าเถียงสิ ถ้าท่านอยากจะฟังต่อ”ซายูริชักเสียงขุ่น ที่ถูกชายหนุ่มขัดคอตลอดรายการ
“ก็ได้”อัสมานพยักหน้ายอมแพ้ ยังงงตัวเองอยู่บ้างเหมือนกันว่าเพราะเหตุใดเขาจะต้องยอมหล่อนด้วย คนที่เป็นเชลยน่ะคือเธอไม่ใช่เขาแต่ในเวลานี้คนที่ถูกคุกคามมากที่สุดกลับเป็นเขาเสียอย่างนั้น
“ท่านจะต้องโค้งศีรษะลงเล็กน้อย ก่อนรับถ้วยชามา แล้วจะต้องใช้มือขวาเท่านั้นในการจับถ้วยชา แล้วค่อยๆ วางลงบนฝ่ามือซ้าย หมุนถ้วยชาตามเข็มนาฬิกาก่อนและหมุนอีกสามครั้งแล้วถึงจะดื่มได้”
“เฮ้อ
.หวังว่าการดื่มคงไม่ต้องมีศิลปะอีกหรอกนะ ประเทศของเธอนี่ช่างสรรหาความยุ่งยากให้กับตัวเองโดยแท้ แทนที่จะได้กินอิ่ม นี่อะไร รอกันจนไม่อยากกิน”
“ถูกของท่าน การดื่มของเราก็ต้องมีพิธี และจะต้องดื่มให้หมดภายในสามครั้งและครั้งสุดท้ายจะต้องดื่มให้มีเสียงดังที่สุด นั่นหมายถึงการแสดงออกถึงมารยาทและการชื่นชมของรสชาติชา พอดื่มเสร็จก็จะต้องหมุนถ้วยชากลับคืนมาอีกครั้งแล้วค่อยวางลง อย่างนี้
..”หญิงสาวว่าพลางทำท่ายกดื่มและหมุนถ้วยชากลบคืนให้ดู
“ทำไมจะต้องหมุนกลับไปกลับมาให้เมื่อย”
“ก็เพราะว่าถ้วยชาของแต่ละที่จะมีความงดงามแตกต่างกัน เป็นการโชว์ความงามและศิลปะของมัน หมุนให้ครบทุกด้าน ทุกคนก็จะได้เห็นลวดลายของมัน หลังจากดื่มเสร็จพวกเราก็จะต้องพูดคุยถึงความเป็นมาของลวดลายในถ้วยชา ในระหว่างดื่มชาเราจะต้องอยู่ในลักษณะอาการสงบนิ่ง สง่างาม ไม่วอกแวก”
“โอ้ย
งั้นฉันจะไม่ขอดื่มชาจากเกอิชาอย่างเธออีกเลย”เขาว่าแล้วหันไปให้ความสนใจกับอาหารตรงหน้าต่อ ภายในใจอดนึกทึ่งไม่ได้ถึงความพยายามในการฝึกหัดของพวกเกอิชา
ยามเมื่อหญิงสาวกลับกลายเป็นเกอิชาผู้สวยงามและอ่อนหวาน ช่างเอาอกเอาใจอย่างเมื่อครู่นั้น ไม่อยากโกหกตัวเองเลยว่าเขาเองก็เกือบจะเคลิบเคลิ้มไปบ้างเหมือนกัน
“ทีนี้เห็นรึยังล่ะ ว่าเกอิชาจะต้องทำอะไรบ้าง”
“เห็น แต่ไม่รู้ว่าจะต้องมีอาชีพนี้ไปเพื่ออะไร”
“ก็เพราะผู้ชายไม่เคยพอน่ะสิคะ หากผู้ชายพอใจที่จะอยู่บ้าน ไม่ออกมาหาความสำราญนอกบ้าน อาชีพเกอิชากับโออิรันก็จะไม่มี นั่นจะต้องโทษผู้ชายล่ะ”
“แล้วเพราะอะไรเธอถึงอยากจะเป็นเกอิชา”
“บางครั้งคนเราก็เลือกเกิดไม่ได้หรอกนะคะ ความจนและความจำเป็นบางอย่างก็ทำให้ผู้หญิงอย่างเราต้องทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความคิดและความรู้สึก”ซายูริบอกเสียงเศร้า
“อย่างการแต่งงานกับพ่อฉันล่ะ เธอทำเพราะความเต็มใจหรือเพราะความจำเป็น”ชายหนุ่มถามหยั่งเชิง
“ทั้งสองอย่างมั้งค่ะ ฉันไม่ขอตอบ เพราถึงฉันจะเป็นเชลย ฉันก็ไม่ใช่นักโทษ ฉันมีสิทธิ์ที่จะตอบเฉพาะในสิ่งที่ฉันพอใจเท่านั้น เหมือนอย่างที่เกอิชามีสิทธิ์เลือกที่เราจะขายพรมจารีให้กับใครก็ได้ ถ้าเราเต็มใจ”ซายูริก้มหน้ารับประทานอาหารในส่วนของตัวเองเงียบๆ อัสมานมองซีกหน้าเศร้าสร้อยนั้นอย่างแปลกใจเพราะมันดูว้าเหว่จนน่าใจหาย และสักวันเขาจะต้องค้นหามันให้ได้
“อิ่มได้รึยังคะ”จู่ๆ ซายูริก็ถามขึ้น
“หืม”อัสมานเลิกคิ้วงุนงง
“ฉันจะรีบเก็บ แล้วจะได้ไปช่วยซาวานทำงานต่อ การเป็นเชลยไม่ควรจะนั่งสบาย นั่งๆ นอนๆ รอกินมากนัก เดี๋ยวแขนขามันจะเป็นง่อยเอา”ซายูริประชดเข้าให้ เพราะที่เธอพูดมาทั้งหมดนั้น มันเป็นพฤติกรรมของเขาโดยแท้
อัสมานในวันแรกที่เธอเห็น เขาหล่อเหลา คมคายแต่ในเวลานี้ เพราะต้องการพรางตัวในทะเลทรายและหลบหลีกจากการติดตามจากคนของฮัสซาร์ผู้เป็นพ่อ ทำให้เขาต้องปล่อยให้หนวดเคราขึ้นยาวแลดูสกปรกไม่น่ามอง ร่างสูงในชุดเสื้อคลุมมอซอจึงดูเหมือนพวกเบดูอินเร่ร่อนที่ยากจนและโหดร้ายนักในความรู้สึกของซายูริ
“เธอกำลังว่าฉันหรือแม่เกอิชา”อัสมานแยกเขี้ยว
“เปล่าเลยนะคะ ฉันจะไปบังอาจว่าท่านได้อย่างไร เกิดท่านโกรธขึ้นมาจับฉันกดน้ำเหมือนเมื่อคืน ฉันจะทำอย่างไร คนเราคงไม่อาจโชคดีถึงสองครั้งสองคราหรอกนะคะ”ซายูริจีบปากบอกแล้วสะบัดหน้าออกไปทันที ไม่รอเก็บถ้วยชามตามที่บอกสักนิด อัสมานยิ้มในหน้ากับอาการเง้างอนของเจ้าหล่อน
“แกคุยอะไรกับท่านอัสมานหรือ เขาทำร้ายอะไรอีกรึเปล่า”นางซาวานที่ทำท่าลับๆ ล่อๆ อยู่ใกล้ๆ รีบเอ่ยถามขึ้นมาทันทีที่ซายูริเดินออกมาจากบ้านของอัสมาน หญิงสาวส่ายศีรษะ
“ไม่มีหรอก ถึงทำก็ใช่ว่าฉันจะยอมง่ายๆ”
“ปากดีอีกแล้วนะ ปากดีที่ไรเป็นได้เจ็บตัวเสียทุกที มาช่วยข้าแกะอินทผลัมดีกว่า ข้าไม่อยากเห็นเจ้ามีเรื่องกับท่านอัสมาน”นางซานวานรีบจูงมือขาวผ่องของอีกฝ่ายหลบไปยังด้านหลังของกระโจม
“ดูท่านกลัวเขาซะจริง”
“หรือเจ้าไม่กลัว”คำถามของซาวานทำให้หญิงสาวนิ่งคิด ภาพความโหดร้ายดุดันของชายหนุ่มผุดขึ้นมาเป็นระรอก สิ่งที่เขาปฏิบัติต่อเธอนั้นป่าเถื่อนเกินกว่าที่สุภาพบุรุษจะทำกับสุภาพสตรีได้ แต่น่าแปลกที่เธอกลับไม่รู้สึกหวาดกลัวเขาเท่าที่ควร ในใจส่วนลึกนึกขอบคุณเขาเสียด้วยซ้ำ ที่ช่วยให้เธอไม่ต้องกลายเป็นภรรยาคนที่สี่ของท่านฮัสซาร์
ความคิดเห็น