คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : เพียงภาพฝัน
ในงานแต่งงานของนารากับภาคภูมิถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ระดับประเทศท่ามกลางแขกเหรื่อที่มาร่วมงานมากมาย
หญิงสาวอยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ เป็นชุดเกาะอกระบายลูกไม้สีเดียวกัน โดยปล่อยกระโปรงตัวยาวให้ระไปกับพื้น
ผมดำยาวสลวยถูกเกล้าเป็นมวยอย่างประณีต แซมด้วยดอกลิลลี่สีขาวเข้ากันกับชุด ใบหน้างามถูกแต่งแต้มด้วยสีเข้มกว่าปกติ ดวงตางามทาด้วยอายแชโดว์สีหวาน ขนตายาวดัดจนงอน ส่วนริมฝีปากบางได้รูปทาด้วยสีชมพูอ่อนหวาน
ซึ่งมันช่วยขับให้ใบหน้าที่สวยอยู่แล้วให้สวยเด่นขึ้นมายิ่งขึ้น เคียงคู่กับเจ้าบ่าวของเธอที่อยู่ในชุดสูทสากล ซึ่งใครๆต่างก็มองทั้งคู่ด้วยสายตาแสดงความชื่นชม
คุณหญิงจรัสศรีเช็ดน้ำตาเงียบๆด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจที่ลูกสาวได้เป็นฝั่งเป็นฝาเสียทีแถมยังได้แต่งงานกับผู้ชายที่ดีพร้อมอย่างภาคภูมิเสียอีก
“ลูกเรากำลังมีความสุข แล้วร้องไห้ทำไมกันคุณหญิง”ท่านประมุตหันมากระเซ้าภรรยายิ้มๆเมื่อเห็นเธอมาแอบยืนเช็ดน้ำตาอยู่อีกมุมหนึ่ง
“ก็ฉันดีใจนี่คะ ที่ลูกเราได้แต่งงานกับคนดีๆอย่างตาภาค เฮ้อ
ต่อไปนี้บ้านเราก็จะมีแต่ความสุขนะคะคุณ อีกหน่อยบ้านเราก็จะมีเด็กๆตัวเล็กๆวิ่งเล่นกัน”คุณจรัสศรีบอกขึ้นด้วยแววตาเพ้อฝัน สีหน้าแย้มยิ้มมีความสุข
คุณประมุตหัวเราะขึ้นเบาๆให้ภรรยาด้วยความรักใคร่ พลางโน้มตัวภรรยามากอดไว้หลวมๆพร้อมกับยืนมองคู่บ่าวสาวที่กำลังยิ้มแย้มต้อนรับแขกอยู่ด้วยสีหน้าเป็นสุข จวบจนกระทั่งถึงเวลาในการส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าหอ
ทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวกำลังนั่งพับเพียบกันอยู่ที่พื้น พร้อมกับพนมมือไหว้รอรับคำอวยพรจากผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย
“พ่อกับแม่ขออวยพรให้รักกันนานๆ ขอให้ถือไม้ยอดทองกระบองยอดเพชร ฝากดูแลยัยนาด้วยนะตาภาค น้องยังเด็กอยู่มีอะไรก็ค่อยๆพูดค่อยๆจากัน”คุณจรัสศรีบอกขึ้นเป็นคนแรกพลางเช็ดน้ำตาป้อยๆ ตามด้วยคุณประมุต
“แต่งการแต่งงานเป็นผู้ใหญ่เสียทีนะยัยนา พ่อหมดห่วงแล้วล่ะ รักกันให้มากๆ มีอะไรก็ดูแลกัน”ท่านประมุตบอกขึ้น หญิงสาวก้มลงกราบแทบเท้าของผู้เป็นพ่ออย่างซาบซึ้ง
ถ้าหาก
.ถ้าหากเธอรักภาคภูมิสักนิด ก็คงจะดีไม่น้อยเลย
หลักจากนั้นคุณอนงค์กับคุณวิวัฒน์ก็อวยพรต่อ เมื่อเสร็จพิธีแล้วจึงปล่อยให้คู่บ่าวสาวเอาไว้ให้พักผ่อนกันตามลำพัง
“เฮ้อ
..เสร็จซะทีเนอะพี่ภาค ไม่คิดเลยว่าการแต่งงานมันจะยุ่งยากวุ่นวายขนาดนี้”หญิงสาวบ่นเบาๆพร้อมกับทรุดตัวลงนั่งบนเตียงนอนหนานุ่มพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน
“แต่มันก็เป็นวันสำคัญของเราไม่ใช่เหรอ หรือนาไม่คิดอย่างนั้น”ภาคภูมิบอกพร้อมกับหันมามองเจ้าสาวหมาดๆของเขาอย่างน้อยใจ นาราได้คิดรีบลุกขึ้นไปกอดแขนเขาเอาไว้อย่างเอาใจ
“แหม
.ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย ก็นาเหนื่อยนี่คะ ต้องตื่นมาแต่งหน้าทำผมตั้งแต่เช้ามืด จนป่านนี้นายังไม่ได้พักเลย ปวดหัวจะแย่”เธอบอกขึ้นด้วยน้ำเสียงประจบ ภาคภูมิทำหน้าตกใจพร้อมกับยกมือออกไปแตะหน้าผากคนรักอย่างห่วงใย
“ปวดหัว ตายจริง
นาไม่สบายรึเปล่า ตัวก็ไม่ร้อนนี่”ท่าทางร้อนรนห่วงใยของอีกฝ่าย ทำเอาเธอถึงกับน้ำตารื้นขึ้นมา ซุกใบหน้าเข้ากับอกแข็งแรงนั้นอย่างซึ้งใจ
ดวงตากลมโตของเธอเป็นประกายขึ้นเล็กน้อย ระยะเวลายาวนานที่ได้รู้จักภาคภูมิ หญิงสาวก็ยอมรับกับตัวเองว่า ภาคภูมิได้พิสูจน์ตัวเองให้เธอเห็นแล้วว่าเขาสามารถดูแลปกป้องคุ้มครองเธอได้จริงๆทั้งในยามสุขและยามทุกข์เขาก็จะคอยอยู่เคียงข้างคอยปลอบใจเธอตลอดมา
“นาแค่ปวดหัวนิดหน่อยเท่านั้นเอง ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”เธอบอกยิ้มๆ ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอก พร้อมกับก้มใบหน้าลงจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากเกลี้ยงเกลานั้นอย่างรักใคร่
เขารักนารามากเหลือเกิน เพียงแค่ได้ยินว่าเธอไม่สบายเท่านั้น เขาก็ร้อนรนจนแทบอยากจะป่วยแทนเธอเสียเอง
ถ้าสักวัน
เขาไม่มีเธออยู่เคียงข้าง เขาจะอยู่ได้ยังไงกันนะ!
“เดี๋ยวนาขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ เหนียวตัวจัง”เธอบอกขึ้นพร้อมกับผละตัวออกจากอกของเขา เดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวกับชุดนอนที่แขวนอยู่ในตู้ตรงไปยังห้องน้ำซึ่งภายในถูกแบ่งออกเป็นห้องแต่งตัวไปด้วยอีกด้านหนึ่ง
ภาคภูมิพยักหน้ารับก่อนจะเดินลงไปข้างล่างเพื่อค้นหายาในตู้ยามาไว้ให้ แล้วนั่งรอจนกระทั่งหญิงสาวเดินออกมาจากในห้องน้ำ
เขาเงยหน้าขึ้นมองร่างเพรียวบางที่ยืนเช็ดผมอยู่หน้ากระจกด้วยความรู้สึกที่ร้อนลุ่ม เขาไม่เคยได้ใกล้ชิดกับเธอในลักษณะนี้มาก่อนเลยทั้งที่คบกันมาหลายปี
ร่างเล็กๆนั้นอยู่ใสนชุดคลุมสีขาว ร่างค่อนข้างระหงบอบบางจนมองดูเผินๆคล้ายเด็ก ผมยาวสลวยดัดสีน้ำตาลอ่อนเป็นเงา หยักเป็นลอนคลื่นเล็กๆ ใบหน้าปราศจากเครื่องสำอางแต่งแต้มทำให้ดูอ่อนเยาว์ สิ่งที่เด่นที่สุดในใบหน้าเห็นจะเป็นดวงตาดำใหญ่ที่มีแววตาดื้นรั้นปนสดใสอยู่เป็นนิตย์
ชายหนุ่มสาวเท้าไปหยุดยืนอยู่ด้านหลัง แย่งแปลงหวีผมในมือเธอขึ้นมาหวีให้เสียเองอย่างเบามือพร้อมกับก้มลงสูดลมหายใจเอากลิ่นหอมจากเรือนผมนั้นเข้าปอดลึกๆ
“หอมจัง
นาใช้แชมพูยี่ห้ออะไรน่ะ”เขาว่าพร้อมกับซุกใบหน้าลงกับซอกคอขาวเนียนนั้น หญิงสาวใจเต้นแรงอยู่นานหลายนาทีก่อนจะเอี้ยวตัวหลบ
“ก็ใช้ยี่ห้อที่นาเคยใช้นั่นแหละค่ะ เดียวนาหวีผมเองพี่ภาคไปอาบน้ำเถอะ”เธอรีบบอกขึ้นก่อนที่เขาจะทำอะไรเธอมากไปกว่านี้
ดูเหมือนภาคภูมิจะหน้าเจื่อนไปเล็กน้อยก่อนจะยอมทำตามด้วยการไปอาบน้ำตามความต้องการของนารา เพราะว่าเขาไม่เคยขัดใจเธอเลยสักครั้ง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม
ชายหนุ่มจึงขยับลุกขึ้นยืน รวบเอาผ้าเช็ดตัวที่พาดอยู่บนราวตากผ้าใกล้ๆนั้นมาพาดบ่า เขาหันกลับมามองนาราอีกครั้งสีหน้าอ่อนโยนขณะทอดสายตามองหญิงสาวที่นั่งอยู่หน้ากระจก
หลายครั้งที่เขาเฝ้าถามตัวเองว่าทำไมเขาถึงผูกพันรักใคร่กับเธอมากนัก ทั้งๆที่เขามีสาวๆสวยๆมากมายมาให้เลือก ซึ่งมีหลายคนที่พร้อมจะทอดไมตรีให้โดยง่าย ภาคภูมิถอนหายใจยาวสลัดความคิดนั้นทิ้งก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป
หญิงสาวถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก ก่อนจะมองตามหลังภาคภูมิไปด้วยความรู้สึกผิดที่ยังไม่สามารถทำตามความต้องการของเขาได้
ขอโทษนะคะพี่ภาค
..นายังไม่พร้อมจริงๆ
ภาคภูมิชะงักมือที่กำลังเช็ดผมอยู่ เมื่อออกมาจากห้องน้ำมาแล้วพบว่า เจ้าสาวของเขานอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ทั้งๆที่เวลานี้แค่สี่ทุ่มเศษเท่านั้นเองปกติแล้วเขาเห็นนารานอนดึกทุกคืน ไม่เคยนอนก่อนเที่ยงคืนเลยสักครั้ง
ชายหนุ่มล้มตัวลงนอนข้างๆนารา พร้อมๆกับเอื้อมมือไปโอบกอดร่างบางนั้นเอาไว้พลางหรี่ตาลงมองร่างที่กำลังนอนตัวแข็งทื่ออยู่อย่างนึกอยากแกล้ง หญิงสาวหลับตาปี๋ หัวใจเต้นแรงด้วยความรู้สึกตกใจแกมหวาดหวั่น
“นาแกล้งหลับใช่ไหม?นารังเกียจพี่เหรอ”เสียงเบาหวิวเจือแววน้อยใจดังขึ้น นาราที่นอนตัวแข็งทื่ออยู่รีบหันขวับกลับมาทันที
“ไม่ใช่นะ!”หญิงสาวรีบบอกขึ้นแล้วต้องหน้าแดงจัดเมื่อเขาพลิกตัวมาเป็นนอนตะแคงมองเธออยู่ด้วยสายตารู้ทัน
“พี่ภาคแกล้งนาใช่ไหม”หญิงสาวว่าพร้อมกับทุบแรงๆไปบนลำตัวเขา ภาคภูมิหัวเราะร่าพร้อมกับตวัดร่างบางของเธอมากอดเอาไว้แน่น
“ถ้าพี่ไม่พูดแบบนี้แล้วนาจะยอมตื่นเหรอ มานี่
.มาให้พี่ลงโทษซะดีๆ”เขาไม่พูดเปล่าแต่ซุกใบหน้าลงกับซอกคอของเธอ นารารีบเบี่ยงตัวหลบพัลวัน
“ปล่อยค่ะพี่ภาค ปล่อย!”นาราเสียงเขียวพร้อมกับผลักอกเขาออกไปเต็มแรง ภาคภูมิชะงักไปพร้อมกับหันมามองเธอนิ่งๆ หญิงสาวเหมือนรู้สึกตัวรีบหันมาขอโทษเขา
“เอ่อ
..นาขอโทษค่ะพี่ภาค คือวันนี้นาเหนื่อยนะค่ะ ขอนาพักนะ พรุ่งนี้เราต้องไปฮันนีมูนกันแต่เช้าไม่ใช่เหรอ นอนพักกันเถอะนะ”เจ้าตัวว่าพร้อมกับเอื้อมมือมาโอบเขาเอาไว้หลวมๆอย่างเอาใจ ทำให้ภาคภูมิที่มีท่าทีโกรธขึงเมื่อครู่ถึงกับใจอ่อนยวบกับความขี้อ้อนของเธอ
“ก็ได้ๆ
.แค่วันนี้นะ ว่าแต่ทำไมนาถึงไม่เลือกที่ฮันนีมูนของเราให้มันดูดีกว่านี้หน่อย มีใครบ้างฮะที่ไปฮันนีมูนกันที่อียิปต์นะ มีแต่ทะเลทรายแห้งๆกับปิรามิดเต็มไปหมด”ภาคภูมิเอ่ยขึ้นพลางมองหน้าคนรักอย่างไม่เข้าใจ
เพราะดูนาราจะร้อนรนอยากไปอียิปต์นักหนา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เห็นจะสนใจเรื่องราวของประเทศนี้พวกนี้เลยนอกจากจะชอบอ่านหนังสือนวนิยายแนวทะเลทรายเท่านั้น
“ก็
..นาชอบนี่คะ เคยอ่านในนิยายแล้วอยากไปเห็นของจริงบ้างก็เท่านั้น”ปากเธอบอกขึ้นอย่างนั้น แต่ภายในใจกลับไม่ค่อยแน่ใจนัก ตัวเธอเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน มันเหมือนมีบางอย่างร่ำร้องให้เธอไปอียิปต์ให้ได้
.เจ้าสัญญากับข้าแล้วนะ ว่าเจ้าจะกลับมา
“เอ๊ะ
..”นาราชะงักคำพูดเมื่อเธอได้ยินเสียงหวีดหวิวแผ่วเบาดังลอดหน้าต่างเข้ามา เสียงนุ่มหวานนั้นช่างคุ้นหูเธอนัก
“นาเป็นอะไรไป”ภาคภูมิยื่นมือมาแตะแขนเธออย่างแปลกใจที่เห็นหญิงสาวอยู่ในอาการนิ่งขึงอยู่อย่างนั้นนานหลายนาที
“ปละ
.เปล่าค่ะ นอนกันเถอะพี่ภาคจวนจะเที่ยงคืนแล้ว”หญิงสาวรีบบอกขึ้นก่อนจะทิ้งตัวลงนอนใหม่และเพียงชั่วครู่ก็หลับสนิท
ท่ามกลางความรู้สึกสะลึมสะลือ กึ่งหลับกึ่งตื่น หญิงสาวรู้สึกคล้ายกับมีเสียงเรียก เป็นเสียงที่คุ้นเคยราวกับเคยได้ยินมานานแสนนาน
“นารา
อย่าทิ้งข้าไป
.”
ใครกัน
ใครกัน ที่พร่ำเรียกเธออยู่อย่างนี้ตลอด เธอได้ยินเสียงเรียกพร่ำหาอย่างอาลัยอาวรณ์โหยหาแบบนี้มาตั้งแต่จำความได้
แต่ก็เกิดขึ้นนานๆครั้ง ผิดกับครั้งนี้
ตั้งแต่เธออายุครบ 20 ปีเธอก็ฝันแบบนี้เกือบทุกวัน ฝันจนอยากที่จะไปเยือนแดนอียิปต์ซักครั้ง
อียิปต์?............เธอรู้ได้ยังไงว่าความฝันนี้มาจากคนที่อียิปต์ ทั้งที่เธอมองไม่เห็นภาพ ได้ยินแต่เสียงเรียกที่ไร้ตัวตนเท่านั้น
และหลังจากนั้นเพียงแค่ครู่เดียว เธอก็มองเห็นร่างใหญ่โตของใครบางคนยืนเด่นตระหง่านอยู่ท่ามกลางหมอกควัน เงานั้นอยู่ไม่ไกลนัก หากแต่เมื่อเธอพยายามเอื้อมมือจะไขว่คว้า
กลับพบว่าเงานั้นกลับถอยห่างออกไปเรื่อยๆ ท่ามกลางกลุ่มควันที่หนาตัวขึ้นจนบดบังร่างของชายผู้นั้นจนมิด
“อย่า!..........อย่าจากฉันไปอีก”หญิงสาวพร่ำบอกกับตัวเองอย่างนั้นทั้งๆที่แน่ใจว่าเธอเองก็ไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ อีกครั้งที่น้ำตาของเธอไหลรินออกมาโดยไม่รู้ตัว
เธอรู้แล้ว
..รู้แล้วว่าเสียงเรียกหาเธอทุกครั้งยามหลับ คือเสียงของชายที่ยืนอยู่ท่ามกลางหมอกควันนี่เอง!
“ไม่นะ!.........อย่าไปเมเนสรา อย่าไป!”หญิงสาวตะโกนก้องพร้อมๆกับสะดุ้งพรวดตื่นขึ้นมา ท่ามกลางความตกใจของภาคภูมิ
นาราลืมตาขึ้นในความมืด เหงื่อเม็ดเล็กๆผุดซึมขึ้นเต็มใบหน้า หญิงสาวหายใจหอบถี่ทั้งที่น้ำตายังคงไหลรินออกมาเรื่อยๆ
“นารา
นารา!”ภาคภูมิตะโกนเรียกเสียงดังแต่เธอก็ยังไม่รู้สึกตัวจนเขาต้องลุกขึ้นมาเขย่าร่างบางของเธอไปมา
“โอ๊ย
..พอแล้วพี่ภาค นาเจ็บ”นาราโอดครวญเมื่อมือแข็งแรงของภาคภูมิกำลังเขย่าตัวเธอจนหัวสั่นหัวคลอน
“นาเป็นอะไรรึเปล่า ฝันร้ายมากเลยเหรอ”ชายหนุ่มหันมาถามอย่างห่วงใย
“ปละ
..เปล่าค่ะ นาก็ฝันร้ายธรรมดา ไม่มีอะไร”เธอบอกขึ้นเสียงอ่อนพร้อมกับฝืนยิ้มแห้งแล้งส่งกลับไปให้
“พี่เรียกนาตั้งนาน แต่นายังนั่งตาลอยอยู่พี่ตกใจแทบแย่ ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”ภาคภูมิบอกสีหน้าคลายกังวลลง
“ขอโทษจริงๆค่ะ เอ๊ะ
เช้าแล้วนี่นา งั้นนาขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ”เธอบอกขึ้นพร้อมกับ
ผลุนผลันเข้าห้องน้ำไปท่ามกลางสายตางุนงงของภาคภูมิ
ความคิดเห็น