คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ฮันนีมูนขม
“ว้าว
สวยจังค่ะพี่ภาค อียิปต์นี่มีมนต์เสน่ห์จังนะคะ”นาราในชุดเสื้อแขนยาวสีขาวกับกางเกงยีนส์เข้ารูป บนศีรษะสวมหมวกสานใบเก๋สีเขียวอ่อนหันมาบอกกับคนรักที่เป็นสารถีคอยขับรถพาเที่ยวทั่วอียิปต์ในการมาฮันนีมูนครั้งนี้
ภาคภูมิปรายตามองคนรักเพียงแวบหนึ่ง เพราะว่าต้องใช้สมาธิในการขับรถด้วยไม่คุ้นเคยในการขับรถในต่างแดนแบบนี้
“มนต์เสน่ห์ตรงไหนกันฮะ ตั้งแต่ขับรถมาพี่ก็เห็นมีแต่ทราย แล้วก็ทราย ไม่เหมาะที่จะมาฮันนีมูนเลยสักนิด”ภาคภูมิบ่นขึ้นเบาๆ
เขาเองก็ยังคงไม่ชอบใจอยู่นั่นเอง ที่นาราชวนเขามาฮันนีมูนในสถานที่ที่มีแต่ทะเลทรายกับปิรามิดแบบนี้
“ฮื๋อ
.พี่ภาคไม่รู้อะไร เอ๊ะ
.จริงด้วยเรายังไม่ได้ไปพิพิธภัณฑ์ไคโรเลยนะคะ ดูจากแผนที่อยู่ไม่ไกลนี่เอง”เจ้าตัวว่าพร้อมกับควักแผนที่ออกมากางด้วยสีหน้าร่าเริง
“เอาสิ
..ยังไงพี่ก็ไม่เคยขัดใจนาได้อยู่แล้วนี่”ภาคภูมิยักไหล่ พร้อมกับทำหน้าที่ขับรถไปเรื่อยๆ จนกระทั่งรถยนต์สีแดงเพลิงวิ่งเข้ามาจอดอยู่หน้าพิพิธภัณฑ์
มีเจ้าหน้าที่ชายรูปร่างสูงใหญ่ ดวงตาสีฟ้าสดใสเข้ามาทักทายเธอกับภาคภูมิด้วยภาษาอังกฤษพร้อมกับเปิดประตูให้เข้าไปข้างใน
หญิงสาวกวาดสายตาดูข้าวของต่างๆภายในพิพิธภัณฑ์ด้วยความรู้สึกตื่นตาตื่นใจ หัวใจวาบหวิวคล้ายเด็กที่จากบ้านไปไกลแล้วได้กลับสู่บ้านเกิดกระนั้น
หญิงสาวเดินเข้าห้องโน้นออกห้องนี้ไปเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่ซากมัมมี่แห้งๆของใครคนหนึ่งนอนทอดกายอยู่บนโลงทองคำที่สลักลวดลายวิจิตรงดงาม
ทันทีที่เห็นร่างของมัมมี่นั้นชัดเจน เธอรู้สึกคล้ายกับว่าตัวเองจะชะงักไปในทันที คล้ายจะนึกอะไรออกแต่ไม่ใช่ ความรู้สึกโหยหาแล่นเข้ามาจับขั้วหัวใจจนแทบอยากจะโผเข้ากอดซากมัมมี่นั้นเสียด้วยซ้ำ
บ้า
..ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆถ้าคิดจะทำแบบนั้น
“นี่มัมมี่ของใครหรือคะ”นาราเงยหน้าขึ้นถามเจ้าหน้าที่ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ฟาโรห์เมเนสราครับ เป็นฟาโรห์ที่ยิ่งใหญ่มากเมื่อสมัยหลายพันปีก่อน และเป็นฟาโรห์เพียงพระองค์เดียวในประวัติศาสตร์อียิปต์ที่มีราชินีคู่กายเพียงแค่พระองค์เดียวโดยไม่ยอมมีสนมคนอื่นๆเลย เห็นว่าทรงรักราชินีของพระองค์มากถึงขนาดสลักเรื่องราวของพระนางเอาไว้ทั่วมหาวิหาร แต่น่าแปลกที่นักโบราณคดีค้นหาไม่พบประวัติของพระนางเลย”เจ้าหน้าที่คนเดิมอธิบายช้าๆเมื่อเห็นสายตาแสดงความสนใจของหญิงสาว
“ช่างเป็นผู้ชายที่น่าชื่นชมจังเลยนะคะ จริงไหมคะพี่ภาค”ประโยคสุดท้ายนาราหันมาหาภาคภูมิที่ยืนฟังเงียบๆอยู่ เพราะเขาไม่มีความคิดที่จะสนใจซากมัมมี่แห้งๆแบบนี้เลยสักนิดเดียว
“พี่ก็รักเดียวใจเดียวไม่เห็นนาจะชื่นชมพี่แบบนี้บ้างเลย”ภาคภูมิว่าพร้อมกับเดินมาหยุดยืนข้างๆพลางชะโงกหน้าเข้าไปมองมัมมี่นั้นให้ชัดๆ
“ครับ
น่าชื่นชม แต่น่าเสียดาย
”ประโยคสุดท้ายของเจ้าหน้าที่ถูกกลืนหายไป เมื่อเห็นหน้าของหญิงสาวชัดๆ
อุปทานเหมือนว่าเห็นหญิงสาวอยู่ในชุดทรงขัตติยะนารีชั้นสูงของอียิปต์!
เจ้าหน้าที่คนนั้นหลับตาลงใหม่แรงๆก่อนจะลืมตาขึ้นใหม่ ถอนหายใจโล่งอกเมื่อหญิงสาวตรงหน้ายังคงสวมชุดเสื้อแขนยาวกับกางเกงยีนส์เช่นเดิม
“เสียดาย? เสียดายอะไรหรือคะ”นาราหันมาเร่งเร้าเมื่อเห็นอีกฝ่ายชะงักคำพูดไปนาน ดูเหมือนเขาจะรู้สึกตัวรีบหันมาตอบคำถาม
“เสียดาย
.ที่ฟาโรห์พระองค์นี้ทรงมีพระชนมายุสั้นครับ ทรงสิ้นพระชนม์แค่พระชนมายุ 35 ชันษาเท่านั้นเอง”คำตอบของเจ้าหน้าที่คนนั้นสร้างความเศร้าสร้อยให้เกิดขึ้นกับเธอได้อย่างประหลาด
เธอไม่เคยจะรู้สึกเสียใจ ระคนปวดใจอะไรได้เท่าครั้งนี้มาก่อนเลย ราวกับว่าเธอกับฟาโรห์พระองค์นี้เคยเกี่ยวข้องผูกพันกันมากระนั้น
น้ำตาของหญิงสาวไหลออกมาเป็นทางยาวจนภาคภูมิถึงกับตกใจต้องรีบยื่นมือออกมาแตะแขนกลมกลึงนั้น
“โธ่นา
.ได้ยินแค่นี้ถึงกับร้องไห้เลยเหรอ ไม่เอาล่ะ ไปดูที่อื่นกันต่อเถอะนะ”ภาคภูมิว่าพร้อมกับหัวเราะขึ้นเบาๆให้กับความบ่อน้ำตาตื้นของเธอ หญิงสาวหันมาขอเวลากับเขาชั่วครู่เพื่อหันกลับไปมองพระศพนั้นให้เต็มตาอีกครั้ง
พลัน! สายตาของเธอก็ปะทะเข้ากับแหวนทองคำเกลี้ยงเกลาที่หัวแหวนทำเป็นรูปงูเห่าสองตัวเอาหัวเข้าชนกัน ส่วนของลำตัวเกี่ยวกระหวัดกันแน่นจนแทบจะเบียดเป็นเนื้อเดียวกันหากมองแค่เพียงผิวเผิน หญิงสาวเขม้นมองแหวนวงนั้นนิ่งนานราวกับต้องมนต์
“แหวนวงนี้อยู่ติดกับนิ้วของท่านตลอดเลยครับ ติดแน่นซะจนเราไม่กล้าแกะออกมาดู”เจ้าหน้าที่อธิบาย เมื่อเห็นเธอจ้องมองมันด้วยความสนใจ
“ไป เถอะนา”ภาคภูมิหันมาเร่งเร้า หญิงสาวพยักหน้าก่อนจะเดินตามหลังเขาออกไปเงียบๆ
“กลิ้ง
”เสียงดังคล้ายกับมีของจากที่สูงหล่นลงมา เจ้าสิ่งนั้นกลิ้งหลุนๆจนมาหยุดอยู่แทบเท้าของเธอ
หญิงสาวขมวดคิ้วก่อนจะก้มลงหยิบมันขึ้นมาดู ใจหายวาบเมื่อมันช่างเหมือนกับแหวนวงนั้น
..วงที่อยู่บนนิ้วของฟาโรห์เมเนสราไม่มีผิดเพี้ยน
ทันทีที่ได้สัมผัสมัน เธอก็รู้สึกว่ามือของตัวเองอยู่เหนือการควบคุม มือเรียวหยิบมันขึ้นมาสวมกับนิ้วนางข้างซ้าย แต่ทั้งที่ดูด้วยตาเปล่าเหมือนขนาดของมันจะใหญ่มาก แต่กลับสวมลงบนนิ้วของเธอได้อย่างพอดิบพอดีจนน่าแปลกใจ
“แหวนอะไรเหรอนา”ภาคภูมิที่เดินนำหน้าอยู่หันกลับมาเห็นเข้าพอดี นาราหน้าเจื่อนไม่รู้ว่าจะตอบคำถามของเขายังไงดี
เพราะการที่เธอเก็บแหวนวงนี้ได้แล้วถือโอกาสเอามันมาสวมที่นิ้วตัวเองเลยนี่ก็ไม่ต่างอะไรกับการขโมยดีๆนี่เอง
“คือ
.นาเก็บได้ค่ะ ก็เลย
เผลอเอามาสวมที่นิ้ว”หญิงสาวเงยหน้าเจื่อนๆขึ้นตอบพร้อมกับถอดแหวนที่นิ้วออกมาแต่ต้องหน้าแหย เพราะว่ามันติดแน่นกับนิ้วเธอจนแกะไม่ออก
“ตายจริงพี่ภาค นาแกะไม่ออกเลย”นารารีบหันมาบอก ภาคภูมิขมวดคิ้วก่อนจะมาช่วยดึงแต่มันก็ยังคงติดแน่นไม่ยอมออกอยู่นั่นเอง
“โธ่เอ๊ย
ยัยนา ทำไงดีล่ะ ถ้าเกิดเจ้าของเขามาตามจะทำยังไง ดูสิเนี่ยดึงจนนิ้วแดงไปหมดแล้วยังไม่ออกอีก”ภาคภูมิว่าพร้อมกับหันมาทำตาดุใส่จนคนถูกว่าหน้าเจื่อนจนเขาเองอดที่จะหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
“เรานี่จริงๆเลย
.ช่างเถอะ พี่จำได้ว่ามันเหมือนแหวนของมัมมี่ที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ คงเป็นแค่แหวนเลียนแบบขึ้นไม่กี่ตังค์หรอก”ชายหนุ่มหันมาปลอบใจ หญิงสาวพยักหน้ารับด้วยสีหน้าดีขึ้น
“เราไปนั่งเรือชมแม่น้ำไนล์กันนะคะ”นาราบอกขึ้นอย่างร่าเริง ลืมเรื่องแหวนประหลาดวงนั้นไปเสียสนิทใจ ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนจะขึ้นรถขับพาหญิงสาวไปยังที่หมาย
รถยนต์คันงามแล่นออกไปท่ามกลางสายลมเอื่อยๆที่พัดเข้ามาภายในรถเบาๆ เพราะนาราเปิดกระจกออกมารับอากาศบริสุทธิ์จากภายนอก รถมุ่งสู่ท่าเรือเพื่อพาเธอมาชมมหาวิหารคาร์นัก
หญิงสาวขึ้นนั่งบนเรือสีขาวขนาดกลางด้วยท่าทางมีความสุข มีละอองน้ำจากแม่น้ำไนล์กระเซ็นโดนใบหน้า ให้ความรู้สึกสดชื่นขึ้นมาอย่างประหลาด
ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาเกือบ 5 โมงเย็นแล้ว ความร้อนจากแสงอาทิตย์ที่แผดเผาร้อนแรงมาทั้งวันค่อยคลายลงไปได้บ้าง
“นา
ถ่ายรูปหน่อยเร็ว”ภาคภูมิตะโกนบอกแฟนสาวพร้อมกับตั้งกล้องอัตโนมัติเอาไว้แล้วเดินอ้อมมาเคียงคู่กับเธอ หญิงสาวยิ้มกว้างหันมาโบกมือให้กับกล้องพร้อมกับโพสต์ท่าเต็มที่
เพียงชั่วครู่แผ่นรูปจากกล้องโพลาลอยด์ก็ออกมา ชายหนุ่มยกมันขึ้นสะบัดไปมาพร้อมกับยื่นออกไปตรงหน้านารา
“ว๊าว
..สวยจัง องค์หญิงเมืองไหนกันนี่”หญิงสาวยื่นหน้าออกไปมองรูปนั้นพลางกล่าวชมตัวเองเสียงดังพร้อมกับหยิบปากกาจากกระเป๋าถือมาสลักชื่อพร้อมวันเดือนปีที่ถ่ายภาพเอาไว้ก่อนจะเก็บมันลงไว้ในกระเป๋าเสื้อ
เพราะกลัวว่าลมที่พัดแรงขึ้นมาเรื่อยๆจะพัดเอารูปนั้นปลิวตกลงไปในน้ำ ชายหนุ่มหัวเราะขำๆพร้อมกับขยี้ผมของภรรยาทางนิตินัยของเขาเบาๆ
เขาแทบจะอดใจไม่ไหว ยามที่ได้นอนอยู่เคียงข้างร่างบางนุ่มนิ่มนั้นแต่กลับทำอะไรเธอไม่ได้ นาราไม่รู้หรอกว่าเขาต้องทนทุกข์ทรมานแค่ไหน
..
แต่ช่างเถอะ
.ในเมื่อเขาเองก็รักเธอมาก เขาก็จะรอจนกว่าเธอจะพร้อมที่จะยอมรับเขาทั้งตัวและหัวใจ!
“องค์หญิงอียิปต์ไงล่ะ”คำตอบทีเล่นทีจริงของภาคภูมิทำเอาหญิงสาวสะอึกอึ้งไปกับคำๆนี้ คำพูดเมื่อครู่นี้มันแจ่มชัดในสมองของเธอราวกับความจริง
หญิงสาวสะลัดศีรษะไปมาก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับธรรมชาติเบื้องหน้าแทนพร้อมกันนั้นก็สูดลมหายใจเอากลิ่นอายธรรมชาติเข้าไปเต็มปอด
เธอกวาดสายตามองทิวทัศน์เบื้องหน้าอย่างตื่นตาตื่นใจ จนเผลอตัวเข้าไปยืนชิดขอบเรืออยู่อย่างหมิ่นเหม่
“นา
..ระวังด้วยนะอย่าเข้าไปยืนชิดขอบเรือแบบนั้นสิ”ภาคภูมิเอ่ยเตือนเสียงขรึม หากแต่หญิงสาวกลับไม่สนใจแถมยังโบกมือให้เขาอย่างร่าเริงเสียอีก
“ไม่ตกหรอกค่ะ ถึงตกนาก็ว่ายน้ำเก่ง”เจ้าตัวบอกพร้อมกับอวดยิ้มกว้างขวาง แต่ก็ได้เพียงครู่เดียวเพราะจู่ๆเธอก็รู้สึกปวดหน่วงที่ต้นคอราวกับมีหินก้อนใหญ่ตรงเข้ามาทุบลงไปเต็มแรง ปวดจนเธอแทบจะคุมสติเอาไว้ไม่อยู่
“ตุ๊บ!”เสียงนั้นดังขึ้นพร้อมๆกับร่างของนาราลอยละลิ่วหล่นลงไปบนผืนน้ำของแม่น้ำไนล์ ท่ามกลางความตกตะลึงของภาคภูมิ
“นารา!”ชายหนุ่มตะโกนก้องก่อนจะวิ่งถลาเข้าไปเกาะขอบเรือเอาไว้ เขาตะโกนบอกให้เจ้าหน้าที่ตามมาช่วยอีกแรงส่วนตัวเขากระโดดลงไปในน้ำอย่างไม่คิดห่วงชีวิตตัวเอง
ชายหนุ่มดำผุดดำว่ายอยู่นานก่อนจะโผล่พรวดขึ้นมาจากผืนน้ำครั้งแล้วครั้งเล่า โดยที่ไม่มีร่างของหญิงคนรักที่เปรียบเสมือนดวงใจของเขาติดมือมาด้วย
หญิงสาวผู้ที่เปรียบเสมือนหัวใจทั้งดวงของเขาจากไปแล้วแบบนี้ แล้วเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร?.........
ความคิดเห็น