ลำดับตอนที่ #18
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : Suspicion
ที่ดาดฟ้าเรือมีเสียงโหวกเหวกโวยวายของทหารยามและคนอื่น ๆ ที่วิ่งมาสมทบดูเหตุการณ์ คนเหล่านั้นชี้โบ๊ชี้เบ๊ลงไปยังสายน้ำที่เชี่ยวกรากเบื้องล่าง อาเคเดียนวิ่งไปถึง ก็ชะโงกลงไปดู เห็นร่างของหญิงสาวผลุบโผล่อยู่ทำท่าว่าจะว่ายไปไม่ถึงฝั่งเนื่องจากหมดแรง
    อาเคเดียนถอดเสื้อคลุมออก  กระโจนลงน้ำไปทันที
    เขาว่ายน้ำฝ่ากระแสน้ำที่เชี่ยวกรากตรงไปยังร่างของหญิงสาวที่ผลุบโผล่เหนือผิวน้ำเบื้องหน้า กระแสน้ำทำท่าจะพัดเธอห่างออกไปจากเขาหลายครั้ง คนบนเรือตะโกนโหวกเหวกลงมา แต่เขาไม่สนใจฟังอะไรทั้งสิ้น
    ความเย็นเยียบของสายน้ำชำแรกเข้าไปถึงกระดูก กล้ามเนื้อทุกส่วนสัมผัสกับความเย็นจัดจนราวกับจะเป็นอัมพาตแต่ชายหนุ่มก็พยายามฝืนต่อสู้กับความหนาวเหน็บที่ไล่ไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
    ความแรงของกระแสน้ำทำให้เขาไม่สามารถเข้าถึงตัวเธอได้เร็วนัก ในที่สุดหญิงสาวก็สำลักน้ำ หมดแรงที่จะพยุงตัวไว้ เธอสุดที่จะฝืนได้อีกต่อไป ร่างของเธอค่อย ๆ จมลงสู่สายน้ำเบื้องล่าง
    เมื่อเห็นเช่นนั้นอาเคเดียนรีบใช้แรงทั้งหมดเท่าที่มีว่ายทวนกระแสน้ำเข้าไป เขาดำลงไปในน้ำเพื่องมร่างของเธอขึ้นมา ร่างนั้นอ่อนปวกเปียกและเย็นจัด
อาเคเดียนพาร่างอันไร้สติของหญิงสาวว่ายกลับมายังเรือซึ่งเลมอสได้ปล่อยบันไดเชือกมารอรับอยู่แล้ว เขาเหนี่ยวเชือกโหนร่างขึ้นไปด้วยมือหนึ่ง อีกมือหนึ่งโอบร่างหญิงสาวไว้ เลมอสรีบปราดเข้ามารับทันที่ที่เขาขึ้นมาบนเรือ
    “ฝ่าบาทเป็นอย่างไรบ้างพะย่ะค่ะ” เลมอสถามด้วยความเป็นห่วง
    “ข้าไม่เป็นอะไร รีบดูอาการของเธอก่อน” เขาพูดพลางสะบัดน้ำออกจากศีรษะ
    อเมเลียนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นเรือ อาเคเดียนคว้าเสื้อคลุมที่ถอดทิ้งไว้ขึ้นมาคลุมให้อย่างลวก ๆ เพื่อปกปิดสภาพอันล่อแหลมของหญิงสาว เลมอสรีบปราดเข้ามาช่วยกดท้องเพื่อไล่น้ำออก
    อเมเลียสำลักน้ำออกมา แต่ยังไม่ได้สติ อาเคเดียนจึงอุ้มหญิงสาววิ่งเข้าไปในห้อง
    เขาวางเธอลงกับที่นอนโดยไม่สนใจว่าร่างนั้นจะเปียกโชกเพียงไร เลมอสวิ่งตามเข้ามาแต่ก็ทำอะไรไม่ถูก อาเคเดียนจึงสั่งการให้เลมอสหาเสื้อผ้ามาให้เธอผลัดเปลี่ยน ส่วนเขาซึ่งขณะหลบหนีออกมาจากเมืองพาราไดซ์ไม่ได้เตรียมสัมภาระมา ก็หาเสื้อผ้าบุรุษที่มีติดอยู่บนเรือนั้นผลัดเปลี่ยนไปพลาง
    สักครู่เลมอสก็วิ่งหน้าตาเลิกลั่กมาหาเขาพร้อมกับเสื้อผ้าในมือ
    “เสื้อผ้าหาได้แล้วฝ่าบาท” ว่าแล้วเลมอสก็ยื่นเสื้อผ้าสตรีสำหรับอเมเลียมาให้เขา
    “เอาให้ข้าทำไม เอาไปให้นางเสียสิ” อาเคเดียนเอ่ยงง ๆ
    “เอ่อ ...ยังไม่ได้สติเลยฝ่าบาท กระหม่อมมิบังอาจ”
    อาเคเดียนเบิกตากว้างอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้ บนเรือนี้นอกจากอเมเลียแล้ว ไม่มีผู้หญิงติดมาเลยสักคน ปัญหาก็คือ ใครจะเป็นคนผลัดเสื้อผ้าให้หญิงสาวผู้ซึ่งไม่ได้สติอยู่ในขณะนี้เล่า คิดแล้วเขาก็ถอนใจอย่างกลัดกลุ้ม เหลือบมาทางเลมอส
    “เจ้าจัดการไปก็แล้วกัน เลมอส”
    เลมอสทำสีหน้าปั้นยากก่อนเอ่ย
    “อย่าเลยดีกว่าฝ่าบาท หม่อมฉันยังกิเลสหนาอยู่  เอาอย่างนี้ดีกว่า เราก็ปล่อยให้นอนไปก่อนแล้วกัน ถ้าตื่นแล้วเดี๋ยวก็ค่อยให้เปลี่ยนเอง” เลมอสเสนอทางออก
    “ไม่ได้หรอก น้ำเย็นจัดมาก เธออาจไม่สบายเอาได้” อาเคเดียนเอ่ยด้วยสีหน้าหนักใจ
    “เจ้านั่นแหละมาช่วยข้า” เขาเอ่ยอย่างตัดสินใจในที่สุดก่อนที่จะเดินนำเลมอสไปยังห้องพักของหญิงสาว
................................................................
อเมเลียนอนขดตัวด้วยความหนาวสั่นอย่างทรมาน ความเย็นจัดของสายน้ำในยามเช้าและความเปียกชื้นของเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ทำให้เธอรู้สึกราวกับอยู่ในช่องแช่แข็งก็ไม่ปาน
หญิงสาวปวดร้าวไปทั้งตัว  แม้จะรู้สึกว่ามีคนดึงผ้าคลุมกายออกแต่ก็ลืมตาไม่ขึ้นได้แต่ส่งเสียงประท้วงอยู่ในลำคอ
เชือกผูกเอวถูกปลดออก ผ้าห่มผืนใหม่ถูกคลุมลงมาบนร่างพร้อม ๆ กับที่เธอได้ยินเสียงหนึ่งสั่ง
“จับเอาไว้ดี ๆ นะ ข้าจะค่อย ๆ ดึงชุดนี่ออก”
เป็นเสียงของอาเคเดียนนั่นเอง เขารู้สึกว่างานที่กำลังทำอยู่นี้ยากกว่าการรบทัพจับศึกเป็นไหน ๆ ชายหนุ่มค่อย ๆ จับแขนของหญิงสาวยกขึ้นเพื่อดึงแขนเสื้อออก เลมอสคอยยืนจับผ้าห่มคลุมไว้ไม่ให้เลื่อนหลุดลงมา เมื่อถอดแขนเสื้อเสร็จแล้ว อาเคเดียนจึงค่อย ๆ ดึงชุดลงมาทางปลายเท้าอย่างยากลำบาก
อเมเลียรู้สึกแห้งสบายขึ้นแม้ว่าที่นอนจะยังเปียกชื้นอยู่นิด ๆ ก็ตาม ผ้าห่มอีกหลายผืนถูกคลุมทับลงมา ความอบอุ่นเกิดขึ้นทีละน้อยจนหญิงสาวหลับไปอย่างเป็นสุขโดยไม่รู้สักนิดว่าชายหนุ่มสองคนยืนถอนหายใจอย่างโล่งอกอยู่ข้าง ๆ เตียง
“เอาล่ะ เรียบร้อยไปหนึ่งเรื่อง แล้วพวกที่อยู่ข้างนอกล่ะฝ่าบาท เราจะอธิบายว่ายังไงดี”
เลมอสเอ่ยขึ้นพลางใช้หลังมือปาดเหงื่อที่หน้าผาก
“เดี๋ยวข้าจะออกไปบอกพวกนั้นเองก็แล้วกัน ว่าข้าเป็นคนพาเธอมาเอง” อาเคเดียนเอ่ยอย่างตัดสินใจ
“เอางั้นหรือฝ่าบาท ไม่ทรงกลัวคำครหาหรือหากคนพวกนี้ไปพูดต่อในวังว่าพระองค์..”
“ช่างเถอะน่า” อาเคเดียนตัดบท
“ใครจะพูดอะไรก็ปล่อยให้พูดไป ถ้ามีปัญหามากนักก็จัดการลงโทษไปเสีย ตอนนี้จะอธิบายไปอย่างไรได้อีก หรือเจ้าว่าไง”
“กระหม่อมแล้วแต่ฝ่าบาทพะย่ะค่ะ แต่หากพระมารดาทรงทราบ” เลมอสยังไม่วายวิตก
“เอาเถอะน่า ข้าจัดการเอง ดูท่าเจ้ากังวลยิ่งกว่าข้าเสียอีกนะ” อาเคเดียนยิ้มนิด ๆ ก่อนเอ่ยต่อ
“เรื่องนี้ยังไม่ร้ายแรงเท่าไหร่หรอก แต่เรื่องอื่นสิน่าคิดกว่า ข้าว่าที่เราคิดกันไว้ท่าทางจะเข้าเค้าแล้วนะ นางต้องเป็นอเมเลีย จักรพรรดินีแห่งโลกปีศาจแน่ ไม่เช่นนั้นนางจะคิดหนีทำไม จริงไหม”
“หม่อมฉันไม่เชื่อเด็ดขาดฝ่าบาท ก็นางเพิ่งตื่นขึ้นมาเห็นคนแปลกหน้าบนเรือก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา อีกอย่างบนนี้ก็มีผู้ชายทั้งนั้น เป็นใครก็ต้องคิดหนีทั้งนั้นแหละ ถ้านางเป็นพวกปีศาจจริงทำไมถึงหนีรอดมาได้คนเดียว พวกปีศาจจะปล่อยให้จักรพรรดินีออกมาร่อนเร่พเนจรตามลำพังเช่นนี้หรือฝ่าบาท”
เลมอสแย้งด้วยเหตุผลที่น่าฟัง แต่ก็หาทำให้อาเคเดียนคล้อยตามไม่
“ดูท่าเจ้าจะเข้าข้างนางเสียเหลือเกินนะ เอาเถอะ ยังไงเราก็ดูกันไปก่อน แต่เจ้าอย่าประมาทก็แล้วกัน นางอาจเป็นอันตรายต่อพวกเราก็ได้ ใครจะรู้”
อาเคเดียนกล่าวทิ้งท้ายโดยไม่ได้เอ่ยถึงข้อกังขาและความคลางแคลงใจอื่น ๆ ของเขาให้เลมอสฟัง เนื่องจากเห็นว่าเปล่าประโยชน์ เพราะเลมอสปักใจเชื่อเช่นนั้นแล้ว
พร้อมกันนั้นเขาก็นึกทึ่งในมนต์สเน่ห์ของหญิงสาวซึ่งทำให้เลมอสมองข้ามข้อเท็จจริงบางประการไป
อาเคเดียนก็เดินออกจากห้องโดยมีเลมอสเดินตามออกมา ทิ้งให้อเมเลียหลับใหลอยู่ในห้องนั้นตามลำพัง
    อาเคเดียนถอดเสื้อคลุมออก  กระโจนลงน้ำไปทันที
    เขาว่ายน้ำฝ่ากระแสน้ำที่เชี่ยวกรากตรงไปยังร่างของหญิงสาวที่ผลุบโผล่เหนือผิวน้ำเบื้องหน้า กระแสน้ำทำท่าจะพัดเธอห่างออกไปจากเขาหลายครั้ง คนบนเรือตะโกนโหวกเหวกลงมา แต่เขาไม่สนใจฟังอะไรทั้งสิ้น
    ความเย็นเยียบของสายน้ำชำแรกเข้าไปถึงกระดูก กล้ามเนื้อทุกส่วนสัมผัสกับความเย็นจัดจนราวกับจะเป็นอัมพาตแต่ชายหนุ่มก็พยายามฝืนต่อสู้กับความหนาวเหน็บที่ไล่ไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
    ความแรงของกระแสน้ำทำให้เขาไม่สามารถเข้าถึงตัวเธอได้เร็วนัก ในที่สุดหญิงสาวก็สำลักน้ำ หมดแรงที่จะพยุงตัวไว้ เธอสุดที่จะฝืนได้อีกต่อไป ร่างของเธอค่อย ๆ จมลงสู่สายน้ำเบื้องล่าง
    เมื่อเห็นเช่นนั้นอาเคเดียนรีบใช้แรงทั้งหมดเท่าที่มีว่ายทวนกระแสน้ำเข้าไป เขาดำลงไปในน้ำเพื่องมร่างของเธอขึ้นมา ร่างนั้นอ่อนปวกเปียกและเย็นจัด
อาเคเดียนพาร่างอันไร้สติของหญิงสาวว่ายกลับมายังเรือซึ่งเลมอสได้ปล่อยบันไดเชือกมารอรับอยู่แล้ว เขาเหนี่ยวเชือกโหนร่างขึ้นไปด้วยมือหนึ่ง อีกมือหนึ่งโอบร่างหญิงสาวไว้ เลมอสรีบปราดเข้ามารับทันที่ที่เขาขึ้นมาบนเรือ
    “ฝ่าบาทเป็นอย่างไรบ้างพะย่ะค่ะ” เลมอสถามด้วยความเป็นห่วง
    “ข้าไม่เป็นอะไร รีบดูอาการของเธอก่อน” เขาพูดพลางสะบัดน้ำออกจากศีรษะ
    อเมเลียนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นเรือ อาเคเดียนคว้าเสื้อคลุมที่ถอดทิ้งไว้ขึ้นมาคลุมให้อย่างลวก ๆ เพื่อปกปิดสภาพอันล่อแหลมของหญิงสาว เลมอสรีบปราดเข้ามาช่วยกดท้องเพื่อไล่น้ำออก
    อเมเลียสำลักน้ำออกมา แต่ยังไม่ได้สติ อาเคเดียนจึงอุ้มหญิงสาววิ่งเข้าไปในห้อง
    เขาวางเธอลงกับที่นอนโดยไม่สนใจว่าร่างนั้นจะเปียกโชกเพียงไร เลมอสวิ่งตามเข้ามาแต่ก็ทำอะไรไม่ถูก อาเคเดียนจึงสั่งการให้เลมอสหาเสื้อผ้ามาให้เธอผลัดเปลี่ยน ส่วนเขาซึ่งขณะหลบหนีออกมาจากเมืองพาราไดซ์ไม่ได้เตรียมสัมภาระมา ก็หาเสื้อผ้าบุรุษที่มีติดอยู่บนเรือนั้นผลัดเปลี่ยนไปพลาง
    สักครู่เลมอสก็วิ่งหน้าตาเลิกลั่กมาหาเขาพร้อมกับเสื้อผ้าในมือ
    “เสื้อผ้าหาได้แล้วฝ่าบาท” ว่าแล้วเลมอสก็ยื่นเสื้อผ้าสตรีสำหรับอเมเลียมาให้เขา
    “เอาให้ข้าทำไม เอาไปให้นางเสียสิ” อาเคเดียนเอ่ยงง ๆ
    “เอ่อ ...ยังไม่ได้สติเลยฝ่าบาท กระหม่อมมิบังอาจ”
    อาเคเดียนเบิกตากว้างอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้ บนเรือนี้นอกจากอเมเลียแล้ว ไม่มีผู้หญิงติดมาเลยสักคน ปัญหาก็คือ ใครจะเป็นคนผลัดเสื้อผ้าให้หญิงสาวผู้ซึ่งไม่ได้สติอยู่ในขณะนี้เล่า คิดแล้วเขาก็ถอนใจอย่างกลัดกลุ้ม เหลือบมาทางเลมอส
    “เจ้าจัดการไปก็แล้วกัน เลมอส”
    เลมอสทำสีหน้าปั้นยากก่อนเอ่ย
    “อย่าเลยดีกว่าฝ่าบาท หม่อมฉันยังกิเลสหนาอยู่  เอาอย่างนี้ดีกว่า เราก็ปล่อยให้นอนไปก่อนแล้วกัน ถ้าตื่นแล้วเดี๋ยวก็ค่อยให้เปลี่ยนเอง” เลมอสเสนอทางออก
    “ไม่ได้หรอก น้ำเย็นจัดมาก เธออาจไม่สบายเอาได้” อาเคเดียนเอ่ยด้วยสีหน้าหนักใจ
    “เจ้านั่นแหละมาช่วยข้า” เขาเอ่ยอย่างตัดสินใจในที่สุดก่อนที่จะเดินนำเลมอสไปยังห้องพักของหญิงสาว
................................................................
อเมเลียนอนขดตัวด้วยความหนาวสั่นอย่างทรมาน ความเย็นจัดของสายน้ำในยามเช้าและความเปียกชื้นของเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ทำให้เธอรู้สึกราวกับอยู่ในช่องแช่แข็งก็ไม่ปาน
หญิงสาวปวดร้าวไปทั้งตัว  แม้จะรู้สึกว่ามีคนดึงผ้าคลุมกายออกแต่ก็ลืมตาไม่ขึ้นได้แต่ส่งเสียงประท้วงอยู่ในลำคอ
เชือกผูกเอวถูกปลดออก ผ้าห่มผืนใหม่ถูกคลุมลงมาบนร่างพร้อม ๆ กับที่เธอได้ยินเสียงหนึ่งสั่ง
“จับเอาไว้ดี ๆ นะ ข้าจะค่อย ๆ ดึงชุดนี่ออก”
เป็นเสียงของอาเคเดียนนั่นเอง เขารู้สึกว่างานที่กำลังทำอยู่นี้ยากกว่าการรบทัพจับศึกเป็นไหน ๆ ชายหนุ่มค่อย ๆ จับแขนของหญิงสาวยกขึ้นเพื่อดึงแขนเสื้อออก เลมอสคอยยืนจับผ้าห่มคลุมไว้ไม่ให้เลื่อนหลุดลงมา เมื่อถอดแขนเสื้อเสร็จแล้ว อาเคเดียนจึงค่อย ๆ ดึงชุดลงมาทางปลายเท้าอย่างยากลำบาก
อเมเลียรู้สึกแห้งสบายขึ้นแม้ว่าที่นอนจะยังเปียกชื้นอยู่นิด ๆ ก็ตาม ผ้าห่มอีกหลายผืนถูกคลุมทับลงมา ความอบอุ่นเกิดขึ้นทีละน้อยจนหญิงสาวหลับไปอย่างเป็นสุขโดยไม่รู้สักนิดว่าชายหนุ่มสองคนยืนถอนหายใจอย่างโล่งอกอยู่ข้าง ๆ เตียง
“เอาล่ะ เรียบร้อยไปหนึ่งเรื่อง แล้วพวกที่อยู่ข้างนอกล่ะฝ่าบาท เราจะอธิบายว่ายังไงดี”
เลมอสเอ่ยขึ้นพลางใช้หลังมือปาดเหงื่อที่หน้าผาก
“เดี๋ยวข้าจะออกไปบอกพวกนั้นเองก็แล้วกัน ว่าข้าเป็นคนพาเธอมาเอง” อาเคเดียนเอ่ยอย่างตัดสินใจ
“เอางั้นหรือฝ่าบาท ไม่ทรงกลัวคำครหาหรือหากคนพวกนี้ไปพูดต่อในวังว่าพระองค์..”
“ช่างเถอะน่า” อาเคเดียนตัดบท
“ใครจะพูดอะไรก็ปล่อยให้พูดไป ถ้ามีปัญหามากนักก็จัดการลงโทษไปเสีย ตอนนี้จะอธิบายไปอย่างไรได้อีก หรือเจ้าว่าไง”
“กระหม่อมแล้วแต่ฝ่าบาทพะย่ะค่ะ แต่หากพระมารดาทรงทราบ” เลมอสยังไม่วายวิตก
“เอาเถอะน่า ข้าจัดการเอง ดูท่าเจ้ากังวลยิ่งกว่าข้าเสียอีกนะ” อาเคเดียนยิ้มนิด ๆ ก่อนเอ่ยต่อ
“เรื่องนี้ยังไม่ร้ายแรงเท่าไหร่หรอก แต่เรื่องอื่นสิน่าคิดกว่า ข้าว่าที่เราคิดกันไว้ท่าทางจะเข้าเค้าแล้วนะ นางต้องเป็นอเมเลีย จักรพรรดินีแห่งโลกปีศาจแน่ ไม่เช่นนั้นนางจะคิดหนีทำไม จริงไหม”
“หม่อมฉันไม่เชื่อเด็ดขาดฝ่าบาท ก็นางเพิ่งตื่นขึ้นมาเห็นคนแปลกหน้าบนเรือก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา อีกอย่างบนนี้ก็มีผู้ชายทั้งนั้น เป็นใครก็ต้องคิดหนีทั้งนั้นแหละ ถ้านางเป็นพวกปีศาจจริงทำไมถึงหนีรอดมาได้คนเดียว พวกปีศาจจะปล่อยให้จักรพรรดินีออกมาร่อนเร่พเนจรตามลำพังเช่นนี้หรือฝ่าบาท”
เลมอสแย้งด้วยเหตุผลที่น่าฟัง แต่ก็หาทำให้อาเคเดียนคล้อยตามไม่
“ดูท่าเจ้าจะเข้าข้างนางเสียเหลือเกินนะ เอาเถอะ ยังไงเราก็ดูกันไปก่อน แต่เจ้าอย่าประมาทก็แล้วกัน นางอาจเป็นอันตรายต่อพวกเราก็ได้ ใครจะรู้”
อาเคเดียนกล่าวทิ้งท้ายโดยไม่ได้เอ่ยถึงข้อกังขาและความคลางแคลงใจอื่น ๆ ของเขาให้เลมอสฟัง เนื่องจากเห็นว่าเปล่าประโยชน์ เพราะเลมอสปักใจเชื่อเช่นนั้นแล้ว
พร้อมกันนั้นเขาก็นึกทึ่งในมนต์สเน่ห์ของหญิงสาวซึ่งทำให้เลมอสมองข้ามข้อเท็จจริงบางประการไป
อาเคเดียนก็เดินออกจากห้องโดยมีเลมอสเดินตามออกมา ทิ้งให้อเมเลียหลับใหลอยู่ในห้องนั้นตามลำพัง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น