ลำดับตอนที่ #17
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : Escape!
จากช่องที่มองลอดออกไปอเมเลียเห็นเพียงช่วงขาเพรียวยาวของผู้ที่เข้ามาในห้อง ร่างนั้นมาหยุดยืนกลางห้องก่อนจะหมุนไปดูรอบ ๆ ชะงักไปนิดหนึ่งแล้วเดินตรงมาที่ตู้ซึ่งอเมเลียแอบซ่อนอยู่
    หญิงสาวหลับตากลั้นใจเมื่อคิดว่าในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้าประตูตู้จะต้องถูกเปิดแน่และเธอก็จะถูกจับได้ แต่จนแล้วจนรอดประตูตู้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะถูกเปิด หญิงสาวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองลอดออกไป เห็นร่างนั้นเดินกลับไปยืนอยู่ข้างหน้าต่าง แล้วเสียงทุ้มที่ฟังดูคุ้นหูก็ดังขึ้น
    “ออกมาเถอะ ข้าไม่ทำอันตรายเจ้าหรอก”
    อเมเลียเบิกตากว้างอย่างตกใจ นี่เขารู้อยู่แล้วว่าเธอซ่อนตัวอยู่ที่นี่ หญิงสาวลังเลไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี ครั้นจะหลบซ่อนตัวอยู่ในตู้ต่อไปรอให้เขามาจับตัวออกไปก็คงไม่ดีนัก ไหน ๆ เขาก็รู้แล้ว สู้ออกไปคุยกันให้รู้เรื่องเลยดีกว่า ครั้นแล้วหญิงสาวจึงค่อย ๆ ยันกายขึ้น ผลักบานประตูแล้วก้าวออกมาช้า ๆ
    แสงแดดสาดส่องเข้ามาทาบทาร่างที่ยืนอยู่ริมหน้าต่าง หญิงสาวหรี่ตาหลบแสงจ้า ภาพที่เธอเห็นตรงหน้าคือชายร่างสูงยืนกอดอก ใบหน้าผินไปทางหน้าต่าง เสี้ยวหน้าของเขาอยู่ในเงามืดซึ่งเห็นไม่ถนัดนัก
    ร่างนั้นค่อย ๆ หันกลับมาและเดินมาเผชิญหน้ากับหญิงสาว เมื่อเห็นหน้าได้ถนัด หญิงสาวก็จำได้ทันทีว่า เขาคือชายที่เธอพบเมื่อวานในเมืองพาราไดซ์นั่นเอง วันนี้เขาใส่ชุดสีขาว ท่าทางไม่ลึกลับเหมือนเช่นเคย ใบหน้าคมสันของเขาปรากฏรอยยิ้มเครียด ๆ ที่มุมปากยามเดินเข้ามาใกล้
    “ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง” เขาเอ่ยทักขึ้นก่อนอย่างขรึม ๆ
    อเมเลียพูดอะไรไม่ออกได้แต่ยืนมองตาค้างอยู่เช่นนั้น ในใจเกิดความรู้สึกหวาดกลัวและไม่แน่ใจในสถานการณ์ของตน ดวงตาสีน้ำเงินเข้มของชายหนุ่มแลมาอย่างสำรวจตรวจตราราวกับจะจับพิรุธ
    “ข้ามีเรื่องจะต้องพูดกับเจ้ามากทีเดียว ว่าแต่เจ้าหิวหรือยัง”
    เมื่อได้ยินเขาถามเช่นนี้ ท้องของหญิงสาวก็เริ่มอุธรณ์ขึ้นมาทันที ก็เธอยังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วนี่นะ หญิงสาวพยักหน้าหงึกหงักแล้วก้มหน้างุด
    แววตาของชายหนุ่มปรากฏแววขบขันวูบหนึ่งแล้วก็หายไปโดยหญิงสาวไม่ทันเห็น นับว่าเธอเป็นคนที่ซื่อตรงต่อความรู้สึกของตนเองมากทีเดียว แม้ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้
    “อีกสักครู่ เลมอสคนสนิทของข้าจะนำอาหารมาให้ ระหว่างนั้นข้ามีเรื่องจะถามเจ้าหน่อย” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่บ่งความรู้สึก
    อเมเลียมองเขาอย่างไม่ค่อยไว้ใจ เขาจะถามอะไรเธอหรือ คงจะไม่ใช่นิดหน่อยอย่างที่เขาว่า หญิงสาวคิดแต่ก็ไม่ได้พูดออกมา
    “บอกได้ไหมว่าเจ้าขึ้นมาบนเรือลำนี้ได้อย่างไร” เขาถามแล้วเดินไปทรุดตัวนั่งที่เตียง
    อเมเลียยืนคว้างอยู่คนเดียวกลางห้องราวกับเป็นเด็กนักเรียนทำผิดที่โดนครูสอบสวนเอาก็ไม่ปาน หญิงสาวไม่พอใจที่เขาถามเช่นนี้  แต่ก็ทำอะไรไม่ได้จึงตอบไปตามกวน ๆ
    “ก็ปีนขึ้นมาน่ะสิ”
    ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างยุ่งยากใจ
    “ข้าหมายความว่า เจ้าขึ้นเรือมามีจุดประสงค์อะไรและด้วยความช่วยเหลือของใคร”
    “จะรู้ไปทำไม”
    “แล้วขึ้นมาทำไม”
    อเมเลียเงียบไป หญิงสาวไม่รู้ว่าจะตอบว่าอย่างไร เธอไม่ต้องการจะเปิดเผยฐานะของตัวเองซึ่งจะเป็นภัยกับตัว ถ้าจะตอบชายหนุ่มไปตามตรงเขาก็จะสาวความไปจนได้ หญิงสาวจึงตัดสินใจใช้ความเงียบเป็นการตัดบท
    โชคดีที่มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ชายหนุ่มเอ่ยอนุญาต ประตูเปิดออกโดยมีชายหน้าเป็นยกถาดอาหารเข้ามา เขามองมาที่คนทั้งสองอย่างสนใจใคร่รู้ ก่อนจัดแจงวางถาดอาหารบนโต๊ะ เสียงของชายหนุ่มคนเดิมเอ่ยอนุญาต
    “ทานอะไรเสียก่อน แล้วค่อยคุยกันต่อ” ว่าแล้วชายทั้งสองก็จัดแจงนั่งลงเตรียมรับประทานอาหารด้วย
    อเมเลียนั่งร่วมโต๊ะด้วยความรู้สึกประดักประเดิดเนื่องจากไม่คุ้นเคยกันมาก่อน หญิงสาวพาลจะกลืนอะไรไม่ลงทั้ง ๆ ที่หิว อาเคเดียนดูเหมือนจะสังเกตเห็นจึงชวนหญิงสาวคุยเพื่อคลายความประหม่า ส่วนเลมอสนั่งเฉย ๆ ตามประสาลูกน้องและผู้ตามที่ดี
    “เจ้าชื่ออะไร”
    “อเมเลีย” หญิงสาวตอบไปแล้วก็ให้นึกเสียใจในความปากไวของตัวเอง เธอไม่ควรบอกชื่อจริงไปเลย เขาอาจนึกสงสัยเอาได้ แต่ในเมื่อพูดไปแล้วก็เลยตามเลย
    จริงอย่างที่คิด ชายหนุ่มทั้งสองชะงักไปนิดทันทีที่ได้ยินชื่อนี้ลอดผ่านริมฝีปากของเธอออกมา อเมเลียลอบชำเลืองด้วยใจหวั่นว่าทั้งสองจะมีปฏิกิริยาเช่นไร แต่ก็เห็นเฉย ๆ ไปทั้งคู่ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำให้หญิงสาวค่อยใจมาว่าพวกนั้นคงไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร
    “เรียกข้าว่า อาเคเดียน ส่วนนี่ คนสนิทของข้า เลมอส” อาเคเดียนเอ่ยแนะนำตัวเอง และคนสนิท
    แล้วเขาก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีกเลย
    ชายทั้งสองรับประทานอาหารเสร็จอย่างรวดเร็วในขณะที่เธอค่อย ๆ และเล็มขนมปังไปอย่างช้า ๆ เมื่ออิ่มแล้ว ชายทั้งสองก็ลุกยืนขึ้น อาเคเดียนหันมาพูดกับเธอ
    “เจ้ากินไปก่อน เสร็จแล้วเลมอสจะมาเก็บถาดอาหาร ตอนนี้อยู่แต่ในนี้อย่าเพิ่งเดินออกไปไหน” ว่าแล้วก็หันหลังเดินออกจากห้องไปทันทีโดยมีเลมอสตามไป
    เมื่อถูกทิ้งให้อยู่ในห้องตามลำพังอีกครั้งหนึ่งอเมเลียก็เกิดความคิดที่จะหนีอีก ไม่รู้ว่าคนบนเรือมีจำนวนเท่าใดและเป็นฝ่ายใด หากเป็นพวกเดียวกับทหารที่จับตัวพรรคพวกปีศาจไปเธอก็คงลำบากแน่ หญิงสาวคิด อีกอย่างเธอยังไม่รู้ว่าเรือนี้จะมุ่งหน้าไปยังที่ไหน อาจทำให้เธอพลัดหลงห่างไกลจากพรรคพวกไปอีก
    เสียงฝีเท้าของทั้งสองห่างออกไปแล้ว อเมเลียขยับกายลุกขึ้นมองออกไปนอกหน้าต่าง
    แม่น้ำสายนี้กว้างพอดูทีเดียว ถ้าเธอกระโดดลงไปอาจว่ายไปไม่ถึงฝั่งก็ได้
    แต่อย่างไรก็ตามหญิงสาวตัดสินใจแล้วว่าจะต้องหนีไม่ว่าจะเป็นอย่างไร หญิงสาวเดินไปแง้มดูที่ประตูเห็นไม่มีใครอยู่ตามทางเดินก็รีบวิ่งตรงไปยังซึ่งออกไปยังดาดฟ้าเรือ
..............................................................
เมื่อออกจากห้องไปแล้ว อาเคเดียนกับเลมอสก็ปรึกษากันเป็นการส่วนตัวในอีกห้องหนึ่ง
    “เธอบอกว่าชื่ออเมเลีย เจ้าคิดว่าจะใช่คนเดียวกันหรือปล่าว” อาเคเดียนเอ่ยถามขึ้น
    “ไม่ทราบสิฝ่าบาท กระหม่อมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน  แต่อาจไม่ใช่ก็ได้ คนที่ชื่อเหมือนกันมีเยอะแยะจะตาย ถ้าเป็นเธอจริง ๆ คงจะไม่พูดออกมาตรง ๆ แบบนี้หรอก” เลมอสเสนอความเห็น
    “อืม... จริงสินะ ถ้าเป็นเธอจริง ๆ คงไม่บอกตรง ๆ อย่างนี้หรอก” อาเคเดียนมีสีหน้าสบายใจขึ้น
    “แล้วเราจะพาเธอกลับไปเมืองเฮปตากอนด้วยหรือฝ่าบาท” เลมอสถามยิ้ม ๆ
    “ก็แน่ล่ะสิ หรือเจ้าเห็นว่าข้าสมควรทิ้งเธอไว้ที่นี่” อาเคเดียนแกล้งถามหยั่งเชิง
    “นั่นก็แล้วแต่พระประสงค์ของฝ่าบาท กระหม่อมมิบังอาจขัด” รอยยิ้มเปิดกว้างมากขึ้นจนเห็นฟันขาวเรียงเป็นระเบียบ “แต่คงไม่กระมัง”
    อาเคเดียนหัวเราะหึ ๆ ในลำคอ เอ่ยตอบ
    “รู้อยู่แล้วยังจะแกล้งถาม”
    “แล้วฝ่าบาทจะบอกคนอื่น ๆ ด้วยไหม”
    อาเคเดียนนิ่งคิดไป ยังไม่ทันจะตอบว่าอะไรก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายและเสียงน้ำแตกกระจาย ทั้งสองรีบวิ่งตรงไปยังต้นเสียงที่ดาดฟ้าเรือทันที โดยไม่ต้องคิด อาเคเดียนเดาได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
...............................................................................
    หญิงสาวหลับตากลั้นใจเมื่อคิดว่าในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้าประตูตู้จะต้องถูกเปิดแน่และเธอก็จะถูกจับได้ แต่จนแล้วจนรอดประตูตู้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะถูกเปิด หญิงสาวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองลอดออกไป เห็นร่างนั้นเดินกลับไปยืนอยู่ข้างหน้าต่าง แล้วเสียงทุ้มที่ฟังดูคุ้นหูก็ดังขึ้น
    “ออกมาเถอะ ข้าไม่ทำอันตรายเจ้าหรอก”
    อเมเลียเบิกตากว้างอย่างตกใจ นี่เขารู้อยู่แล้วว่าเธอซ่อนตัวอยู่ที่นี่ หญิงสาวลังเลไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี ครั้นจะหลบซ่อนตัวอยู่ในตู้ต่อไปรอให้เขามาจับตัวออกไปก็คงไม่ดีนัก ไหน ๆ เขาก็รู้แล้ว สู้ออกไปคุยกันให้รู้เรื่องเลยดีกว่า ครั้นแล้วหญิงสาวจึงค่อย ๆ ยันกายขึ้น ผลักบานประตูแล้วก้าวออกมาช้า ๆ
    แสงแดดสาดส่องเข้ามาทาบทาร่างที่ยืนอยู่ริมหน้าต่าง หญิงสาวหรี่ตาหลบแสงจ้า ภาพที่เธอเห็นตรงหน้าคือชายร่างสูงยืนกอดอก ใบหน้าผินไปทางหน้าต่าง เสี้ยวหน้าของเขาอยู่ในเงามืดซึ่งเห็นไม่ถนัดนัก
    ร่างนั้นค่อย ๆ หันกลับมาและเดินมาเผชิญหน้ากับหญิงสาว เมื่อเห็นหน้าได้ถนัด หญิงสาวก็จำได้ทันทีว่า เขาคือชายที่เธอพบเมื่อวานในเมืองพาราไดซ์นั่นเอง วันนี้เขาใส่ชุดสีขาว ท่าทางไม่ลึกลับเหมือนเช่นเคย ใบหน้าคมสันของเขาปรากฏรอยยิ้มเครียด ๆ ที่มุมปากยามเดินเข้ามาใกล้
    “ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง” เขาเอ่ยทักขึ้นก่อนอย่างขรึม ๆ
    อเมเลียพูดอะไรไม่ออกได้แต่ยืนมองตาค้างอยู่เช่นนั้น ในใจเกิดความรู้สึกหวาดกลัวและไม่แน่ใจในสถานการณ์ของตน ดวงตาสีน้ำเงินเข้มของชายหนุ่มแลมาอย่างสำรวจตรวจตราราวกับจะจับพิรุธ
    “ข้ามีเรื่องจะต้องพูดกับเจ้ามากทีเดียว ว่าแต่เจ้าหิวหรือยัง”
    เมื่อได้ยินเขาถามเช่นนี้ ท้องของหญิงสาวก็เริ่มอุธรณ์ขึ้นมาทันที ก็เธอยังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วนี่นะ หญิงสาวพยักหน้าหงึกหงักแล้วก้มหน้างุด
    แววตาของชายหนุ่มปรากฏแววขบขันวูบหนึ่งแล้วก็หายไปโดยหญิงสาวไม่ทันเห็น นับว่าเธอเป็นคนที่ซื่อตรงต่อความรู้สึกของตนเองมากทีเดียว แม้ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้
    “อีกสักครู่ เลมอสคนสนิทของข้าจะนำอาหารมาให้ ระหว่างนั้นข้ามีเรื่องจะถามเจ้าหน่อย” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่บ่งความรู้สึก
    อเมเลียมองเขาอย่างไม่ค่อยไว้ใจ เขาจะถามอะไรเธอหรือ คงจะไม่ใช่นิดหน่อยอย่างที่เขาว่า หญิงสาวคิดแต่ก็ไม่ได้พูดออกมา
    “บอกได้ไหมว่าเจ้าขึ้นมาบนเรือลำนี้ได้อย่างไร” เขาถามแล้วเดินไปทรุดตัวนั่งที่เตียง
    อเมเลียยืนคว้างอยู่คนเดียวกลางห้องราวกับเป็นเด็กนักเรียนทำผิดที่โดนครูสอบสวนเอาก็ไม่ปาน หญิงสาวไม่พอใจที่เขาถามเช่นนี้  แต่ก็ทำอะไรไม่ได้จึงตอบไปตามกวน ๆ
    “ก็ปีนขึ้นมาน่ะสิ”
    ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างยุ่งยากใจ
    “ข้าหมายความว่า เจ้าขึ้นเรือมามีจุดประสงค์อะไรและด้วยความช่วยเหลือของใคร”
    “จะรู้ไปทำไม”
    “แล้วขึ้นมาทำไม”
    อเมเลียเงียบไป หญิงสาวไม่รู้ว่าจะตอบว่าอย่างไร เธอไม่ต้องการจะเปิดเผยฐานะของตัวเองซึ่งจะเป็นภัยกับตัว ถ้าจะตอบชายหนุ่มไปตามตรงเขาก็จะสาวความไปจนได้ หญิงสาวจึงตัดสินใจใช้ความเงียบเป็นการตัดบท
    โชคดีที่มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ชายหนุ่มเอ่ยอนุญาต ประตูเปิดออกโดยมีชายหน้าเป็นยกถาดอาหารเข้ามา เขามองมาที่คนทั้งสองอย่างสนใจใคร่รู้ ก่อนจัดแจงวางถาดอาหารบนโต๊ะ เสียงของชายหนุ่มคนเดิมเอ่ยอนุญาต
    “ทานอะไรเสียก่อน แล้วค่อยคุยกันต่อ” ว่าแล้วชายทั้งสองก็จัดแจงนั่งลงเตรียมรับประทานอาหารด้วย
    อเมเลียนั่งร่วมโต๊ะด้วยความรู้สึกประดักประเดิดเนื่องจากไม่คุ้นเคยกันมาก่อน หญิงสาวพาลจะกลืนอะไรไม่ลงทั้ง ๆ ที่หิว อาเคเดียนดูเหมือนจะสังเกตเห็นจึงชวนหญิงสาวคุยเพื่อคลายความประหม่า ส่วนเลมอสนั่งเฉย ๆ ตามประสาลูกน้องและผู้ตามที่ดี
    “เจ้าชื่ออะไร”
    “อเมเลีย” หญิงสาวตอบไปแล้วก็ให้นึกเสียใจในความปากไวของตัวเอง เธอไม่ควรบอกชื่อจริงไปเลย เขาอาจนึกสงสัยเอาได้ แต่ในเมื่อพูดไปแล้วก็เลยตามเลย
    จริงอย่างที่คิด ชายหนุ่มทั้งสองชะงักไปนิดทันทีที่ได้ยินชื่อนี้ลอดผ่านริมฝีปากของเธอออกมา อเมเลียลอบชำเลืองด้วยใจหวั่นว่าทั้งสองจะมีปฏิกิริยาเช่นไร แต่ก็เห็นเฉย ๆ ไปทั้งคู่ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำให้หญิงสาวค่อยใจมาว่าพวกนั้นคงไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร
    “เรียกข้าว่า อาเคเดียน ส่วนนี่ คนสนิทของข้า เลมอส” อาเคเดียนเอ่ยแนะนำตัวเอง และคนสนิท
    แล้วเขาก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีกเลย
    ชายทั้งสองรับประทานอาหารเสร็จอย่างรวดเร็วในขณะที่เธอค่อย ๆ และเล็มขนมปังไปอย่างช้า ๆ เมื่ออิ่มแล้ว ชายทั้งสองก็ลุกยืนขึ้น อาเคเดียนหันมาพูดกับเธอ
    “เจ้ากินไปก่อน เสร็จแล้วเลมอสจะมาเก็บถาดอาหาร ตอนนี้อยู่แต่ในนี้อย่าเพิ่งเดินออกไปไหน” ว่าแล้วก็หันหลังเดินออกจากห้องไปทันทีโดยมีเลมอสตามไป
    เมื่อถูกทิ้งให้อยู่ในห้องตามลำพังอีกครั้งหนึ่งอเมเลียก็เกิดความคิดที่จะหนีอีก ไม่รู้ว่าคนบนเรือมีจำนวนเท่าใดและเป็นฝ่ายใด หากเป็นพวกเดียวกับทหารที่จับตัวพรรคพวกปีศาจไปเธอก็คงลำบากแน่ หญิงสาวคิด อีกอย่างเธอยังไม่รู้ว่าเรือนี้จะมุ่งหน้าไปยังที่ไหน อาจทำให้เธอพลัดหลงห่างไกลจากพรรคพวกไปอีก
    เสียงฝีเท้าของทั้งสองห่างออกไปแล้ว อเมเลียขยับกายลุกขึ้นมองออกไปนอกหน้าต่าง
    แม่น้ำสายนี้กว้างพอดูทีเดียว ถ้าเธอกระโดดลงไปอาจว่ายไปไม่ถึงฝั่งก็ได้
    แต่อย่างไรก็ตามหญิงสาวตัดสินใจแล้วว่าจะต้องหนีไม่ว่าจะเป็นอย่างไร หญิงสาวเดินไปแง้มดูที่ประตูเห็นไม่มีใครอยู่ตามทางเดินก็รีบวิ่งตรงไปยังซึ่งออกไปยังดาดฟ้าเรือ
..............................................................
เมื่อออกจากห้องไปแล้ว อาเคเดียนกับเลมอสก็ปรึกษากันเป็นการส่วนตัวในอีกห้องหนึ่ง
    “เธอบอกว่าชื่ออเมเลีย เจ้าคิดว่าจะใช่คนเดียวกันหรือปล่าว” อาเคเดียนเอ่ยถามขึ้น
    “ไม่ทราบสิฝ่าบาท กระหม่อมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน  แต่อาจไม่ใช่ก็ได้ คนที่ชื่อเหมือนกันมีเยอะแยะจะตาย ถ้าเป็นเธอจริง ๆ คงจะไม่พูดออกมาตรง ๆ แบบนี้หรอก” เลมอสเสนอความเห็น
    “อืม... จริงสินะ ถ้าเป็นเธอจริง ๆ คงไม่บอกตรง ๆ อย่างนี้หรอก” อาเคเดียนมีสีหน้าสบายใจขึ้น
    “แล้วเราจะพาเธอกลับไปเมืองเฮปตากอนด้วยหรือฝ่าบาท” เลมอสถามยิ้ม ๆ
    “ก็แน่ล่ะสิ หรือเจ้าเห็นว่าข้าสมควรทิ้งเธอไว้ที่นี่” อาเคเดียนแกล้งถามหยั่งเชิง
    “นั่นก็แล้วแต่พระประสงค์ของฝ่าบาท กระหม่อมมิบังอาจขัด” รอยยิ้มเปิดกว้างมากขึ้นจนเห็นฟันขาวเรียงเป็นระเบียบ “แต่คงไม่กระมัง”
    อาเคเดียนหัวเราะหึ ๆ ในลำคอ เอ่ยตอบ
    “รู้อยู่แล้วยังจะแกล้งถาม”
    “แล้วฝ่าบาทจะบอกคนอื่น ๆ ด้วยไหม”
    อาเคเดียนนิ่งคิดไป ยังไม่ทันจะตอบว่าอะไรก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายและเสียงน้ำแตกกระจาย ทั้งสองรีบวิ่งตรงไปยังต้นเสียงที่ดาดฟ้าเรือทันที โดยไม่ต้องคิด อาเคเดียนเดาได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
...............................................................................
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น