ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Angel\'s Slavery
“เลมอส อีกสองวันเตรียมตัวเดินทางไปเมืองพาราไดซ์ได้” อาเคเดียนเอ่ยกับเลมอสขณะที่อยู่ในห้องหนังสือกันเพียงสองคน
“หา! ทำไมเร็วเช่นนั้นล่ะพะย่ะค่ะ ตามกำหนดการในเทียบเชิญอีกตั้งเดือนนึงไม่ใช่หรือฝ่าบาท” เลมอสแย้งอย่างประหลาดใจ
“เอาเถอะน่า ทำตามที่ข้าบอกนั่นแหละ เราจะเดินทางไปอย่างลับ ๆ ” เมื่อเห็นสายตางุนงงของคนสนิทเขาก็อธิบาย
“ถ้าเราไปก่อนกำหนดเราก็จะได้รู้ข้อมูลมากกว่าคนอื่น บางทีอาจเตรียมหาทางหนีทีไล่ไว้ด้วย ไปดูว่าเจ้าอิคารัสมันเตรียมการอย่างไร”
“อ้อ อย่างนี้นี่เอง” เลมอสพยักหน้าหงึกหงักอย่างเข้าใจ
“ฝ่าบาทจะนำกำลังไปสักเท่าไรพะย่ะค่ะ” เขาถามต่อ
“ห้าคน ไม่รวมเราสองคน”
“จะไม่น้อยไปหรือฝ่าบาท”
“ไม่เป็นไรหรอก เพราะเราจะไปสมทบกับสายลับของเราที่นั่นด้วย เราต้องการความคล่องตัวที่สุด”
เลมอสจัดเตรียมเอกสารต่อไปในขณะที่อาเคเดียนเอ่ยเสียงเบาราวกับรำพึงกับตัวเอง
“เลมอส”
“ฝ่าบาท มีอะไรอีกหรือพะย่ะค่ะ?”
“เจ้าว่าองค์หญิงอเมเลียจะเป็นคนยังไงนะ”
“ไม่ทราบกระหม่อม อย่างที่ท่านทราบ สายของเรารายงานมาเพียงความเคลื่อนไหวเท่านั้น ไม่ได้ระบุลักษณะอื่นใดเลย  ...ว่าแต่...ท่านมีอะไรข้องใจหรือ”
“อย่างไรนางก็เป็นปีศาจ หากข้าได้พบนางแล้ว อาจต้องสังหารนางเสียก่อนที่นางจะตกอยู่ในมือของอิคารัส ไม่อย่างนั้นอันตรายจะเกิดกับโลกของเราอย่างใหญ่หลวง”
“ท่านจำเป็นต้องทำอย่างนั้นด้วยหรือ” เลมอสถามยิ้ม ๆ ก่อนเอ่ยต่อ “ท่านจะโหดร้ายได้ขนาดนั้นหรือ บางทีนางอาจจะไม่ก่อปัญหาเช่นนั้นก็ได้”
“เราไม่มีทางรู้ได้แน่หรอก ขึ้นชื่อว่าอำนาจ ไม่มีใครไม่ต้องการ หากนางและอิคารัสร่วมมือกันแล้วล่ะก็ แม้กองทัพเทพทั้งหมดร่วมมือกันก็ยังอาจรับมือไม่ไหว”
“ฝ่าบาทอย่าเพิ่งวิตกไปเลยกระหม่อม แม้สายลับของเราจะส่งข่าวมาว่านางเดินทางออกจากเมืองฮาดีส แต่ก็มิได้หมายความว่านางจะต้องมาร่วมมือกับอิคารัสนี่ฝ่าบาท”
“แต่ข้าสังหรณ์ว่าองค์หญิงอเมเลียจะต้องเดินทางมาที่เมืองพาราไดซ์แน่นอน แต่ด้วยจุดประสงค์ใดนั้น ข้ายังไม่รู้!”
.......................................................................................
“ดีใจจังเลยที่พ้นเขตป่าอาถรรพ์มาได้” อเมเลียเอ่ยกับเฮเธลขณะยืนสูดอากาศบริสุทธิ์อยู่บนดาดฟ้าเรือ
“ข้ากลับรู้สึกหนักใจแฮะ เพราะเมื่อพ้นเขตป่าอาถรรพ์แล้ว เดี๋ยวท่านก็ต้องออกมาเดินเพ่นพ่านให้ข้าต้องคอยเดินตามอีก” เฮเธลเย้าเล่นด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ
จริงอย่างที่เฟกเก้กล่าวไว้ ไฮดร้าคุ้มครองคณะเดินทางของเหล่าปีศาจจนกระทั้งพ้นเขตป่าอาถรรพ์ ซึ่งทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างรวดเร็วโดยไม่มีการรบกวนจากเหล่าปีศาจใด ๆ เลย
อย่างไรก็ตาม เฟกเก้ก็ไม่ได้ไขข้อข้องใจของทุกคนว่าทำไมเขาจึงเรียก ไฮดร้า สัตว์ในตำนานออกมาเป็นผู้พิทักษ์ได้
อเมเลียนั้นแทบจะไม่ได้ออกจากห้องตลอดการเดินทางในป่าถรรพ์ นอกจากบรรยากาศจะไม่น่าอภิรมย์แล้วหญิงสาวยังรู้สึกกลัวไฮดร้า สัตว์ในตำนานซึ่งว่ายนำอยู่หน้าเรือด้วย
เรือเข้าสู่เขตแม่น้ำขาวแล้ว แม้ระยะทางจะพอ ๆ กับจากแม่น้ำดำไปป่าอาถรรพ์ แต่ที่นี้ใช้เวลาเดินทางมากกว่า เพราะเป็นการเดินเรือทวนกระแสน้ำที่ไหลจากแม่น้ำขาวลงสู่แม่น้ำเกรย์วอเตอร์ในป่าอาถรรพ์
คณะเดินทางแวะรับพ่อค้าทาสที่บริเวณชายป่าริมน้ำซึ่งได้นัดแนะกันไว้ พ่อค้าทาสนำทาสกว่ายี่สิบชีวิตขึ้นเรือเพื่อไปขายยังเมืองหลวงของอาณาจักรเทพ โดยคิดจะตบตาด่านตรวจของเมืองพาราไดซ์ซึ่งปกติมีการค้าทาสมากมาย จึงมักจะให้เรือค้าทาสผ่านไปมาได้ง่ายกว่าเรืออื่น ๆ
เมื่อเห็นสภาพของเหล่าทาสแล้ว อเมเลียถึงกับสลดใจ
ทาสเหล่านั้นมีสภาพอะไรไม่ต่างจากสัตว์ที่ถูกจองจำ บางคนยังไม่พ้นวัยเด็กเสียด้วยซ้ำ
หญิงสาวแทบไม่อยากเชื่อว่า ในอาณาจักรเทพยังมีการค้าทาสเช่นนี้อยู่อีก
“ทาสพวกนี้จะอยู่ที่ไหนกันหรือ” หญิงสาวถามพ่อค้าทาสท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวายขณะลำเลียงทาสขึ้นเรือ
“ใต้ท้องเรือพะย่ะค่ะ” นายทาสตอบด้วยท่าทางปกติ
“อะไรนะ คนตั้งมากมายขนาดนี้อัดอยู่ในนั้นหมดได้ยังไง” อเมเลียร้องอย่างตกใจ
“นี่ยังน้อยนะพะย่ะค่ะ ปกติกระหม่อมขนมาเยอะกว่านี้เสียอีก คราวนี้เห็นว่าพระองค์มา จึงขนมาน้อยกว่าปกติ” นายทาสซึ่งดูแล้วอายุราวสี่สิบปลายตอบราวกับเป็นเรื่องปกติ
“แล้วอยู่กันได้ยังไง อัดกันขนาดนี้ไม่ตายหรอกหรือ” อเมเลียถาม ไม่อยากคิดถึงสภาพใต้ท้องเรือซึ่งเล็กแคบราวกับรูหนูและไม่มีช่องทางระบายอากาศ
“ไม่หรอกพะย่ะค่ะ เวลาเดินทางแค่อาทิตย์เดียว เดี๋ยวก็ได้ออกมาแล้ว”
“ทำไมท่านไม่ปล่อยให้พวกเขาออกมาข้างนอกบ้างล่ะ” หญิงสาวพยายามหาทางออกให้คนเหล่านั้น
“มิได้หรอกพะย่ะค่ะ ไม่อย่างนั้นพวกทาสก็โดดน้ำหนีหมด กระหม่อมซื้อมาแต่ละคน ราคาไม่ใช่น้อย เห็นจะไม่ยอมขาดทุนอย่างนี้แน่”
“เข้าไปข้างในกันเถอะ” เฮเธลชักชวนก่อนจะกระซิบที่หู “เจ้าอย่าวุ่นวายไปเลยน่า มันเป็นอาชีพของเขา” แล้วก็ดึงแขนอเมเลียจากไปอย่างรวดเร็ว
“ทำไมพวกเขาทำอย่างนั้นน่ะ น่าสงสารพวกทาสออก ฉันไม่คิดเลยว่าจะมีการค้าทาสอย่างนี้อยู่อีก” อเมเลียเอ่ยขณะอยู่กันตามลำพังในห้อง
“ตอนแรกก็ไม่มีทาสหรอก อิคารัสเป็นผู้ฟื้นฟูระบบทาสขึ้นมาหลังจากยกเลิกกันไปเมื่อหลายร้อยปีแล้ว และก็ดูเหมือนว่าธุรกิจนี้จะเฟื่องฟูเอามาก ๆ เสียด้วย” เฮเธลเอ่ย
“อิคารัสนี่ใครน่ะ” อเมเลียถาม
“ก็ผู้ปกครองอาณาจักรเทพ เจ้าเมืองพาราไดซ์ที่เรากำลังจะไปกันนี้ไงล่ะ” เฮเธลตอบอย่างแปลกใจที่หญิงสาวไม่รู้จัก
“แล้วทำไมต้องฟื้นฟูระบบทาสขึ้นมาด้วยล่ะ” อเมเลียยังไม่เข้าใจ
“ก็เพื่อเงินยังไงล่ะ อิคารัสตั้งตัวเป็นผู้ปกครองอาณาจักรเทพแต่ขาดเงินสนับสนุนกองทัพของตน จึงต้องใช้วิธีนี้หาเงินไงล่ะ”
“เป็นเทพแท้ ๆ ทำไมทำอย่างนี้ล่ะ ชั่วร้ายจริง ๆ” อเมเลียบ่นอย่างไม่เข้าใจ
“จะเป็นอะไรก็ตาม ถ้ายังมีกิเลสอยู่ก็ทำได้ทุกอย่างนั่นแหละ” ว่าแล้วเฮเธลก็ส่ายหัวให้กับความไม่ประสีประสาขององค์หญิงแห่งอาณาจักรปีศาจก่อนเดินจากไป
เมื่อใดความทรงจำขององค์หญิงจึงจะกลับคืนมา
“หา! ทำไมเร็วเช่นนั้นล่ะพะย่ะค่ะ ตามกำหนดการในเทียบเชิญอีกตั้งเดือนนึงไม่ใช่หรือฝ่าบาท” เลมอสแย้งอย่างประหลาดใจ
“เอาเถอะน่า ทำตามที่ข้าบอกนั่นแหละ เราจะเดินทางไปอย่างลับ ๆ ” เมื่อเห็นสายตางุนงงของคนสนิทเขาก็อธิบาย
“ถ้าเราไปก่อนกำหนดเราก็จะได้รู้ข้อมูลมากกว่าคนอื่น บางทีอาจเตรียมหาทางหนีทีไล่ไว้ด้วย ไปดูว่าเจ้าอิคารัสมันเตรียมการอย่างไร”
“อ้อ อย่างนี้นี่เอง” เลมอสพยักหน้าหงึกหงักอย่างเข้าใจ
“ฝ่าบาทจะนำกำลังไปสักเท่าไรพะย่ะค่ะ” เขาถามต่อ
“ห้าคน ไม่รวมเราสองคน”
“จะไม่น้อยไปหรือฝ่าบาท”
“ไม่เป็นไรหรอก เพราะเราจะไปสมทบกับสายลับของเราที่นั่นด้วย เราต้องการความคล่องตัวที่สุด”
เลมอสจัดเตรียมเอกสารต่อไปในขณะที่อาเคเดียนเอ่ยเสียงเบาราวกับรำพึงกับตัวเอง
“เลมอส”
“ฝ่าบาท มีอะไรอีกหรือพะย่ะค่ะ?”
“เจ้าว่าองค์หญิงอเมเลียจะเป็นคนยังไงนะ”
“ไม่ทราบกระหม่อม อย่างที่ท่านทราบ สายของเรารายงานมาเพียงความเคลื่อนไหวเท่านั้น ไม่ได้ระบุลักษณะอื่นใดเลย  ...ว่าแต่...ท่านมีอะไรข้องใจหรือ”
“อย่างไรนางก็เป็นปีศาจ หากข้าได้พบนางแล้ว อาจต้องสังหารนางเสียก่อนที่นางจะตกอยู่ในมือของอิคารัส ไม่อย่างนั้นอันตรายจะเกิดกับโลกของเราอย่างใหญ่หลวง”
“ท่านจำเป็นต้องทำอย่างนั้นด้วยหรือ” เลมอสถามยิ้ม ๆ ก่อนเอ่ยต่อ “ท่านจะโหดร้ายได้ขนาดนั้นหรือ บางทีนางอาจจะไม่ก่อปัญหาเช่นนั้นก็ได้”
“เราไม่มีทางรู้ได้แน่หรอก ขึ้นชื่อว่าอำนาจ ไม่มีใครไม่ต้องการ หากนางและอิคารัสร่วมมือกันแล้วล่ะก็ แม้กองทัพเทพทั้งหมดร่วมมือกันก็ยังอาจรับมือไม่ไหว”
“ฝ่าบาทอย่าเพิ่งวิตกไปเลยกระหม่อม แม้สายลับของเราจะส่งข่าวมาว่านางเดินทางออกจากเมืองฮาดีส แต่ก็มิได้หมายความว่านางจะต้องมาร่วมมือกับอิคารัสนี่ฝ่าบาท”
“แต่ข้าสังหรณ์ว่าองค์หญิงอเมเลียจะต้องเดินทางมาที่เมืองพาราไดซ์แน่นอน แต่ด้วยจุดประสงค์ใดนั้น ข้ายังไม่รู้!”
.......................................................................................
“ดีใจจังเลยที่พ้นเขตป่าอาถรรพ์มาได้” อเมเลียเอ่ยกับเฮเธลขณะยืนสูดอากาศบริสุทธิ์อยู่บนดาดฟ้าเรือ
“ข้ากลับรู้สึกหนักใจแฮะ เพราะเมื่อพ้นเขตป่าอาถรรพ์แล้ว เดี๋ยวท่านก็ต้องออกมาเดินเพ่นพ่านให้ข้าต้องคอยเดินตามอีก” เฮเธลเย้าเล่นด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ
จริงอย่างที่เฟกเก้กล่าวไว้ ไฮดร้าคุ้มครองคณะเดินทางของเหล่าปีศาจจนกระทั้งพ้นเขตป่าอาถรรพ์ ซึ่งทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างรวดเร็วโดยไม่มีการรบกวนจากเหล่าปีศาจใด ๆ เลย
อย่างไรก็ตาม เฟกเก้ก็ไม่ได้ไขข้อข้องใจของทุกคนว่าทำไมเขาจึงเรียก ไฮดร้า สัตว์ในตำนานออกมาเป็นผู้พิทักษ์ได้
อเมเลียนั้นแทบจะไม่ได้ออกจากห้องตลอดการเดินทางในป่าถรรพ์ นอกจากบรรยากาศจะไม่น่าอภิรมย์แล้วหญิงสาวยังรู้สึกกลัวไฮดร้า สัตว์ในตำนานซึ่งว่ายนำอยู่หน้าเรือด้วย
เรือเข้าสู่เขตแม่น้ำขาวแล้ว แม้ระยะทางจะพอ ๆ กับจากแม่น้ำดำไปป่าอาถรรพ์ แต่ที่นี้ใช้เวลาเดินทางมากกว่า เพราะเป็นการเดินเรือทวนกระแสน้ำที่ไหลจากแม่น้ำขาวลงสู่แม่น้ำเกรย์วอเตอร์ในป่าอาถรรพ์
คณะเดินทางแวะรับพ่อค้าทาสที่บริเวณชายป่าริมน้ำซึ่งได้นัดแนะกันไว้ พ่อค้าทาสนำทาสกว่ายี่สิบชีวิตขึ้นเรือเพื่อไปขายยังเมืองหลวงของอาณาจักรเทพ โดยคิดจะตบตาด่านตรวจของเมืองพาราไดซ์ซึ่งปกติมีการค้าทาสมากมาย จึงมักจะให้เรือค้าทาสผ่านไปมาได้ง่ายกว่าเรืออื่น ๆ
เมื่อเห็นสภาพของเหล่าทาสแล้ว อเมเลียถึงกับสลดใจ
ทาสเหล่านั้นมีสภาพอะไรไม่ต่างจากสัตว์ที่ถูกจองจำ บางคนยังไม่พ้นวัยเด็กเสียด้วยซ้ำ
หญิงสาวแทบไม่อยากเชื่อว่า ในอาณาจักรเทพยังมีการค้าทาสเช่นนี้อยู่อีก
“ทาสพวกนี้จะอยู่ที่ไหนกันหรือ” หญิงสาวถามพ่อค้าทาสท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวายขณะลำเลียงทาสขึ้นเรือ
“ใต้ท้องเรือพะย่ะค่ะ” นายทาสตอบด้วยท่าทางปกติ
“อะไรนะ คนตั้งมากมายขนาดนี้อัดอยู่ในนั้นหมดได้ยังไง” อเมเลียร้องอย่างตกใจ
“นี่ยังน้อยนะพะย่ะค่ะ ปกติกระหม่อมขนมาเยอะกว่านี้เสียอีก คราวนี้เห็นว่าพระองค์มา จึงขนมาน้อยกว่าปกติ” นายทาสซึ่งดูแล้วอายุราวสี่สิบปลายตอบราวกับเป็นเรื่องปกติ
“แล้วอยู่กันได้ยังไง อัดกันขนาดนี้ไม่ตายหรอกหรือ” อเมเลียถาม ไม่อยากคิดถึงสภาพใต้ท้องเรือซึ่งเล็กแคบราวกับรูหนูและไม่มีช่องทางระบายอากาศ
“ไม่หรอกพะย่ะค่ะ เวลาเดินทางแค่อาทิตย์เดียว เดี๋ยวก็ได้ออกมาแล้ว”
“ทำไมท่านไม่ปล่อยให้พวกเขาออกมาข้างนอกบ้างล่ะ” หญิงสาวพยายามหาทางออกให้คนเหล่านั้น
“มิได้หรอกพะย่ะค่ะ ไม่อย่างนั้นพวกทาสก็โดดน้ำหนีหมด กระหม่อมซื้อมาแต่ละคน ราคาไม่ใช่น้อย เห็นจะไม่ยอมขาดทุนอย่างนี้แน่”
“เข้าไปข้างในกันเถอะ” เฮเธลชักชวนก่อนจะกระซิบที่หู “เจ้าอย่าวุ่นวายไปเลยน่า มันเป็นอาชีพของเขา” แล้วก็ดึงแขนอเมเลียจากไปอย่างรวดเร็ว
“ทำไมพวกเขาทำอย่างนั้นน่ะ น่าสงสารพวกทาสออก ฉันไม่คิดเลยว่าจะมีการค้าทาสอย่างนี้อยู่อีก” อเมเลียเอ่ยขณะอยู่กันตามลำพังในห้อง
“ตอนแรกก็ไม่มีทาสหรอก อิคารัสเป็นผู้ฟื้นฟูระบบทาสขึ้นมาหลังจากยกเลิกกันไปเมื่อหลายร้อยปีแล้ว และก็ดูเหมือนว่าธุรกิจนี้จะเฟื่องฟูเอามาก ๆ เสียด้วย” เฮเธลเอ่ย
“อิคารัสนี่ใครน่ะ” อเมเลียถาม
“ก็ผู้ปกครองอาณาจักรเทพ เจ้าเมืองพาราไดซ์ที่เรากำลังจะไปกันนี้ไงล่ะ” เฮเธลตอบอย่างแปลกใจที่หญิงสาวไม่รู้จัก
“แล้วทำไมต้องฟื้นฟูระบบทาสขึ้นมาด้วยล่ะ” อเมเลียยังไม่เข้าใจ
“ก็เพื่อเงินยังไงล่ะ อิคารัสตั้งตัวเป็นผู้ปกครองอาณาจักรเทพแต่ขาดเงินสนับสนุนกองทัพของตน จึงต้องใช้วิธีนี้หาเงินไงล่ะ”
“เป็นเทพแท้ ๆ ทำไมทำอย่างนี้ล่ะ ชั่วร้ายจริง ๆ” อเมเลียบ่นอย่างไม่เข้าใจ
“จะเป็นอะไรก็ตาม ถ้ายังมีกิเลสอยู่ก็ทำได้ทุกอย่างนั่นแหละ” ว่าแล้วเฮเธลก็ส่ายหัวให้กับความไม่ประสีประสาขององค์หญิงแห่งอาณาจักรปีศาจก่อนเดินจากไป
เมื่อใดความทรงจำขององค์หญิงจึงจะกลับคืนมา
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น