ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rose of the Underworld

    ลำดับตอนที่ #43 : The Winner

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 48
      1
      21 ก.พ. 58

    อเมเลียลุกขึ้นโห่ร้องอย่างดีใจ เมื่อครู่นางนั่งลุ้นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ แน่ละว่าอาเคเดียนมีฝีมือมาก แต่เขายังบาดเจ็บอยู่ทำให้นางอดเป็นห่วงไม่ได้ คู่ต่อสู้ของอาเคเดียนเข้ามาจับมือแสดงความยินดีอย่างมีน้ำใจนักกีฬา เขาบอกกับอาเคเดียนอย่างจริงใจ

    “ท่านว่องไวจริงๆ ข้าเองยังมองตามไม่ทัน หากท่านไม่ยั้งดาบไว้ข้าคงถึงแก่ชีวิตไปแล้ว”

    “หามิได้ ท่านเองก็ฝีมือไม่เบา ข้าไม่อาจออมมือได้เลย”

    เบื้องล่าง เสียงผู้ชมยังโห่ร้องกึกก้อง อาจเรียกได้ว่าเหนือคาด ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าชายหนุ่มแปลกหน้ารูปร่างสูงโปร่งจะเอาชนะชายฉกรรจ์ตัวใหญ่กล้ามโตได้

    เอย่าเดินขึ้นมาบนเวทีเพื่อมอบรางวัล ครั้นยกมือขึ้นผู้ชมก็เงียบเสียงลง นางยื่นทองคำหนึ่งถุงให้กับอาเคเดียนซึ่งเขาก็รับไว้ เสียงปรบมือดังกึก้อง เอย่าหันไปถามเขาอย่างปรานี

    “พ่อหนุ่ม รางวัลของผู้ชนะนอกจากจะได้ทองคำหนึ่งถุงแล้ว ยังมีคำขออีกข้อหนึ่งที่เจ้าจะขอจากชาวเมืองแห่งนี้ จงบอกความประสงค์ของเจ้ามาเถิด หากเป็นไปได้ เราจะจัดให้ตามนั้น”

    “ขอได้ทุกอย่างหรือขอรับ” เขาถามย้ำ

    “คำขอที่เป็นไปได้ หากชาวเมืองเห็นว่าสมควร ก็ไม่เป็นปัญหา” เอย่าตอบ

    อาเคเดียนนิ่งไปนิดหนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมา “ข้าขอให้พวกท่านโปรดนำทางข้าและภรรยาไปส่งยังปากทางอันเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างเมืองเทพและป่าอาถรรพ์ด้วยเถิด”


    สิ้นคำขอเสียงอึงอลก็ดังขึ้นในหมู่ผู้ชม เมืองลึกลับแห่งนี้ปิดตายจากโลกภายนอก อย่าว่าแต่จะออกไปจากป่าอาถรรพ์เลย การจะออกจากเมืองนี้ยังต้องให้มีเหตุจำเป็นจริงๆ เอย่าหันไปมองชายหนุ่มอย่างสงสัย บุคคลที่สามารถผ่านเข้ามาในเมืองนี้ได้ล้วนไม่มีผู้ใดต้องการออกไปผจญกับความวุ่นวายของโลกภายนอกอีก นางจึงถามย้ำเขาอีกครั้ง

    “เจ้าแน่ใจนะพ่อหนุ่ม”

    “แน่ใจขอรับ” เขาตอบมั่นคง

    “เหตุใดเจ้าและภรรยาจึงไม่อยู่ที่นี่เสีย รับรองว่าที่นี่จักปลอดภัยสำหรับพวกเจ้า แม้ว่าพวกเจ้าจะต่างเผ่าพันธุ์กัน” เอย่าพยายามโน้มน้าว

    “ข้ายังมีภารกิจที่ต้องทำที่โลกภายนอกนั้นอยู่ขอรับ ข้าขอขอบคุณในความปรารถนาดีของท่าน แต่ในยามนี้ ข้ายังมิอาจตกลงอยู่ที่นี่อย่างถาวรได้”

    “เอาล่ะ ถ้าเจ้ายังยืนยันเช่นนั้น ข้าคงไม่อาจเปลี่ยนใจเจ้าได้ ทีนี้ก็เป็นเรื่องของชาวเมืองจะเป็นผู้ตัดสินว่าคำขอเจ้านั้นพอจะเป็นไปได้ไหม”

    เอย่าหันไปพูดกับชาวเมืองที่นั่งประชุมกันอยู่ ณ ที่นั้น

    “พวกท่านเห็นว่าอย่างไรกับคำขอของผู้ชนะ เราจงมาตัดสินใจกันเถิด แต่ละท่านเห็นว่าอย่างไรกันบ้าง”

    “ข้าไม่เห็นด้วย” ชายคนหนึ่งพูดขึ้นทันที “เมืองของเราเป็นเมืองปิดตาย ผู้ที่เข้ามาแล้วจะออกไปอีกไม่ได้ ไม่เช่นนั้นอาจเป็นอันตรายต่อชาวเมืองคนอื่นๆที่เหลือ”

    เสียงฮือฮาดังขึ้นอย่างเห็นด้วย ทว่าอีกเสียงหนึ่งกลับเห็นขัดแย้ง

    “มันจะไปยากอะไรเล่า ถ้าเขาไม่อยากอยู่ก็ปล่อยไปเถิด ทางเข้าออกเมืองเราก็มีผู้สัญจรไปมาออกบ่อย ชายป่าอาถรรพ์ก็มิได้ไกลมาก เราไปส่งเขาสักหน่อยจะเป็นไรไป” บางคนก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย

    ทว่าการถกเถียงนี้ดูจะไม่จบง่ายๆ เมื่อมีผู้อาวุโสท่านขึ้นขัดขึ้นมา

    “พวกท่านลืมเจตนารมณ์ของผู้ก่อตั้งเมืองนี้หรือ เมืองนี้คือสถานที่เร้นกายของผู้ที่ไม่มีที่จะไปอย่างพวกเรา พวกที่ดินแดนเทพก็ขับไล่ แดนปีศาจก็ไม่ต้อนรับ บ้างก็หนีภัยคุกคาม มาอยู่ที่นี่ การออกไปของคนคู่หนึ่งอาจทำให้เมืองนี้ไม่เป็นความลับอีกต่อไป”

    “ข้าจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ให้ผู้ใดทราบ” อาเคเดียนรีบให้สัญญา “ข้าเข้าใจดีถึงความลำบากใจของท่าน หากแต่ข้ามีความจำเป็นทำให้ไม่อาจอยู่ที่นี่ได้ ข้ารู้สึกชื่นชมในความเป็นอันหนึ่งอันเดียวของเมืองนี้ และรู้สึกยินดีเป็นอันมากที่ปากทางเข้าเมืองได้เปิดให้ข้าและภรรยาได้ผ่านเข้ามา แต่น้ำใจของพวกท่านที่จะให้ข้าพำนักอยู่ที่นี่อย่างถาวรนั้น ข้าคงรับไว้ไม่ได้”

    “ข้าว่าเจตนารมณ์เดิมของเมืองเราคือเสรีภาพ ผู้ที่หนีร้อนมาพึ่งเย็นยังสถานที่แห่งนี้ก็เพราะถูกไล่ล่าเพียงเพราะความแตกต่าง ไม่ว่าจะด้านความคิดเห็นหรือเผ่าพันธุ์ ฉะนั้นการสืบสานเจตนารมณ์ของผู้ก่อตั้งเมืองน่าจะหมายถึงการให้อิสระแก่ผู้ที่ได้ผ่านเข้ามายังเมืองแห่งนี้ว่าจะอยู่หรือจะจากไป” ผู้อาวุโสอีกท่านหนึ่งกล่าว

    อันเป็นธรรมดา มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เหตุผลที่แต่ละฝ่ายหยิบมาโต้แย้งต่างก็น่าฟังด้วยกันทั้งคู่ สำหรับฝ่ายที่ไม่ให้ไป เหตุผลที่หยิบยกขึ้นมาคือเรื่องความปลอดภัย

    “ตอนนี้โลกภายนอกกำลังจะเกิดสงคราม เราไม่อาจไว้ใจใครได้ทั้งนั้น สองคนนี้จะว่าไปก็คือคนแปลกหน้า หากโลกภายนอกรู้ถึงการมีอยู่ของเมืองนี้ เราคงไม่ได้อยู่กันอย่างสงบสุขอีกต่อไป”

    เมื่อหยิบยกเรื่องสงครามขึ้นมาดูจะยุติข้อโต้เถียงไปได้แทบจะในทันที ในยามปกติคำขอของอาเคเดียนอาจจะพอเป็นไปได้ แต่ในยามสงครามไม่มีชาวเมืองคนใดอยากจะเสี่ยงให้ต้องเข้าไปพัวพัน

    “ข้าว่าจะเป็นการดีต่อพวกเจ้ามากกว่าหากพวกเจ้าอยู่ในเมืองนี้ยามที่มีสงคราม พวกเจ้าจะปลอดภัยและไม่ต้องเผชิญกับความอดอยากดังโลกภายนอก” ชาวเมืองคนหนึ่งเอ่ยกับเขา

    เมื่อชาวเมืองดูจะเห็นด้วยกันการกักตัวอาเคเดียนและอเมเลียไว้มากกว่า เอย่าจึงหันไปกล่าวอย่างเห็นใจ


    “อาเคเดียน เห็นทีคำขอของเจ้าคงเป็นไปไม่ได้ ชาวเมืองไม่อาจทำตามได้ เช่นนั้นเจ้าประสงค์จะขอสิ่งอื่นใดแทนหรือไม่”

    “ถ้าเช่นนั้นก็เองก็ไม่มีความประสงค์อื่นใดแล้ว ขอบคุณทุกท่านมากขอรับ”

    ชายอาวุโลคนเดิมได้แต่หันมากล่าวย้ำกับเขา

    “โลกภายนอกเป็นเพียงอดิตไปแล้วสำหรับเจ้า จงลืมเสียเถิด”


    “เราจะอยู่ที่นี่กันจริงๆหรืออาเคเดียน” อเมเลียถามเมื่อทั้งสองอยู่ตามลำพังในห้อง

    หลังเลิกงาน ทุกคนแยกย้ายกลับบ้าน ชาวเมืองหลายคนเดินมาพูดคุยกับอาเคเดียนขณะเดินกลับบ้าน เขากลายเป็นขวัญใจคนใหม่ของชาวเมืองที่ชื่นชมฝีมือการต่อสู้ของเขา อาเคเดียนมีท่าทีเหมือนจะเลิกล้มความตั้งใจที่จะออกไปจากเมืองนี้เสีย ทำให้อเมเลียรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก

    “ไม่หรอก ยังไงข้าก็ต้องหาทางออกไปให้ได้” เขาตอบอเมเลียที่จ้องมองมาอย่างสงสัย

    “แล้วทำไมเจ้าจึงพูดคุยกับชาวเมืองราวกับจะอยู่ที่นี่ต่อล่ะ”

    “หากเราทำให้เขาระแวงสงสัย เราอาจจะหาโอกาสหนีไปยากน่ะสิ ทำทีว่าเราคล้อยตามแล้วค่อยหาโอกาสหนีไปน่าจะง่ายกว่า รอให้ข้ารักษาตัวหายดีกว่านี้อีกสักหน่อยเถิด” เขาตอบ

    “แต่ว่าสงครามจะเกิดขึ้นในอีกไม่นานแล้วไม่ใช่หรือ”

    “อย่าห่วงไปเลยอเมเลีย เราจะออกเดินทางไปก่อนหน้านั้นแน่นอน” เขาตอบก่อนจะล้มตัวลงนอนกับพื้น “รีบนอนเสียเถิด เรายังมีอะไรต้องทำอีกเยอะในวันพรุ่งนี้” เขาบอกก่อนพลิกตัวหันหลังให้ก่อนหลับไป



    วันรุ่งขึ้นทั้งสองตื่นแต่เช้า อาเคเดียนรีบออกไปขุดหาอาหารให้ลูกเหยี่ยวหิมะ หลังจากทานอาหารเช้าเรียบร้อยทั้งคู่ก็เอ่ยกับเอย่า

    “วันนี้ข้าว่าจะออกไปหาซื้อของจำเป็นสักหน่อย อยู่ที่นี่รบกวนท่านมากแล้ว หากมีทางขยับขยายได้ ข้าจะรีบย้ายออกไปโดยเร็วขอรับ”

    “ไม่ต้องรีบหรอกอาเคเดียน ที่นี่ก็ออกกว้างขาง อยู่ไปจนกว่าจะพอใจเถอะ ห้องหับก็มีมากมาย ไม่มีคนอยู่ฝุ่นก็จับเสียปล่าวๆ” เอย่าตอบอย่างใจกว้าง นางคือผู้มีพระคุณของทั้งคู่ทีเดียว

    ทั้งสองมองเอย่าอย่างซาบซึ้งใจก่อนจะเอ่ยขอบคุณออกมาพร้อมกัน

    “อ้อ เมื่อคืน เงินรางวัลที่ได้มากพอจะใช้จ่ายได้อีกนาน ข้าขอบคุณท่านมากที่ให้พวกเรายืมเงินตอนมาถึงใหม่ๆ ข้าขอคืนเงินท่านเลยแล้วกันขอรับ” อาเคเดียนเอ่ยพร้อมกับควักเงินจากถุงออกมานับคืนให้เอย่า

    “ไม่ต้องรีบคืนก็ได้ เก็บไว้ทำทุนก่อนเถิดเผื่อพวกเจ้าอยากจะทำมาค้าขายอะไร” เอย่าเอ่ย

    “ที่เหลืออยู่ก็เพียงพอแล้วขอรับ ข้าขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจของท่านจริงๆ”

    เอย่ามองทั้งคู่เดินออกจากบ้านไปพลางยิ้มกับตัวเองอย่างเงียบๆ

    เมื่อทั้งคู่ออกเดินดูของตามร้านรวง ชาวเมืองต่างเข้ามาทักทายทั้งคู่อย่างเป็นมิตร หลังจากการประลองเมื่อคืน คู่สามีภรรยาที่มาใหม่ดูจะเป็นที่กล่าวขวัญถึงเป็นอย่างมาก เพราะตัวฝ่ายชายก็รูปงามและเก่งกล้าไม่ใช่น้อย ฝ่ายภรรยาก็งดงามน่ารักนัก เป็นที่น่าเอ็นดูของชาวเมือง ทว่าก็ทำให้ทั้งสองออกจะทำตัวลำบากไม่ใช่น้อย เมื่อไปไหนก็มีแต่สายตาจับจ้อง

    อาเคเดียนพาอเมเลียไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ เพราะชุดที่ใช้ผลัดเปลี่ยนอยู่นั้นเป็นของที่เอย่าให้ยืม เมื่อก้าวเข้าไปในร้าน หญิงเจ้าของร้านก็ทักทายอย่างยินดี

    “พวกเจ้าทั้งสองนี่เอง แหม เมื่อคืนในงานเทศกาล ข้าลุ้นแทบแย่ เอาใจช่วยพ่อหนุ่ม แหม ดูสิ ไม่น่าเชื่อจะเอาชนะพวกผู้ชายตัวโตๆพวกนั้นได้”

    อาเคเดียนเพียงแต่ยิ้มให้ไม่ได้เอ่ยอะไร นางจึงหันมาทางอเมเลีย

    “แม่หนูต้องการอะไรหรือจ๊ะ” นางกวาดสายตาผ่านร่างบางที่สวมเสื้อผ้าพื้นๆ พลางเอ่ย “มาซื้อชุดใหม่หรือ ให้ข้าช่วยเลือกให้ไหม”

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ข้าขอดูทั่วๆก่อนก็แล้วกัน”

    อเมเลียก้าวลึกเข้าไปในร้านโดยมีอาเคเดียนสาวเท้าก้าวตามเข้าไปติดๆ คนขายได้แต่มองทั้งคู่อย่างเพ่งพินิจพลางคิดในใจว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมกันเหลือเกิน ฝ่ายชายดูจะรักภรรยามาก ดูซิตามประกบไม่ห่างเชียว

    อเมเลียหยิบชุดสีฟ้าอ่อนขึ้นมาตัวหนึ่ง ปกเสื้อทำจากผ้าเนื้อเดียวกันแต่มีสีเข้มขึ้นมาหนึ่งเฉด หญิงสาวหันไปถามคนขาย

    “ข้าลองชุดนี้ได้ไหมคะ”

    “เชิญเลยจ้ะแม่หนู เข้าไปลองหลังม่านได้เลย”

    อาเคเดียนหยิบชุดแบบคล้ายกันแต่ต่างสีให้หญิงสาวเข้าไปลองอีกสองสามตัว อเมเลียเงยขึ้นมองหน้า

    “ซื้อไปอีกสองสามตัวสิ จะได้มีผลัดเปลี่ยน”

    หญิงสาวเพียงพยักหน้าแล้วรับชุดจากมืออาเคเดียน คนขายแอบอมยิ้มเอ่ยกับชายหนุ่ม

    “เจ้าไม่เข้าไปช่วยภรรยาเปลี่ยนชุดหรือ ข้าไม่ถือหรอก ตามสบาย”

    อาเคเดียนไม่ตอบ ใบหน้าขรึมไม่แสดงความรู้สึก เขาต้องการแสดงออกให้เจ้าของร้านรู้ว่าไม่พอใจที่นางเอ่ยเช่นนั้น แต่สองแก้มกลับปรากฎสีแดงขึ้น

    หญิงคนขายแสร้งทำเป็นไม่เห็น เอ่ยกับเขาต่อ

    "ตัวเจ้าเองไม่เลือกไปสักชุดหรือ"

    เมื่อนางกล่าวเช่นนั้น อาเคเดียนจึงหยิบชุดสีดำใกล้มือจากราวเสื้อผ้าบุรุษส่งให้ คนขายเลิกคิ้ว

    "ข้าเอาชุดนี้"

    "เจ้าไม่คิดจะลองเสียหน่อยหรือ"

    "ไม่จำเป็น นี่ก็ใช้ได้แล้ว" เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆราวกับไม่ต้องการต่อความ


    อเมเลียออกมาจากหลังม่านในชุดสีฟ้าสดใสตัดกับกับผมยาวดำขลับ ดวงตาใสมองอาเคเดียนอย่างขอความเห็น ชายหนุ่มยิ้มอย่างพอใจ อเมเลียจึงหายกลับเข้าไปหลังม่าน เปลี่ยนกลับเป็นชุดเดิมก่อนหอบเสื้อผ้าทั้งหมดออกมา

    “ไม่ลองชุดอื่นหรือ” อาเคเดียนถาม

    “ไม่ล่ะ เสียเวลา ท่านจะได้รีบไปทำธุระที่อื่นต่อ แบบเดียวกันน่าจะเหมือนๆกันนะ” อเมเลียตอบ

    อาเคเดียนรับชุดจากอ้อมแขนของหญิงสาวส่งให้เจ้าของร้านคิดเงิน นางคว้าเชือกขึ้นมามัดชุดทั้งหมดรวมกันก่อนเอ่ย

    “เจ้าช่างเป็นสามีที่ดีจริงๆ ข้าอยู่กับสามีมาจนป่านนี้ยังไม่เคยพาข้าไปซื้อเสื้อผ้าเลย เฮ้อ”

    ทั้งสองคนทำหน้าไม่ถูก คนขายยังพูดต่อไป

    “ข้าลดให้เป็นพิเศษนะ เพราะประทับใจโชว์เมื่อคืนของเจ้า เอ้า เรียบร้อย หมดนี่แปดสิบเหรียญ”


    "ขอบคุณท่านมากค่ะ ซื้อตั้งมากมาย คิดเงินเท่านี้เอง ไม่ขาดทุนหรือคะ จริงๆไม่ต้องลดให้พวกเราก็ได้ อุ๊บ" อเมเลียเอ่ยอย่างเกรงใจ ทว่ารู้สึกได้ถึงแรงกระตุกที่แขน ร่างบางปลิวไปยืนเบื้องหลังอาเคเดียนที่แทรกตัวเข้าขวางระหว่างหญิงทั้งสอง


    มือเรียวยาวล้วงเงินจากถุงที่ผูกไว้ข้างเอว ส่งให้คนขายช่างคุย อาเคเดียนรับห่อผ้ามาถือไว้

    "ขอบคุณมาก วันหลังข้าจะมาอุดหนุนใหม่" เขาเอ่ยก่อนดุนหลังอเมเลียออกจากร้าน


    "อะไรของท่านเนี่ยอาเคเดียน ทำอะไรน่าเกลียดจริงๆ" อเมเลียโวยเมื่อทั้งสองเดินพ้นร้านมาแล้ว


    "เจ้าไม่รู้อะไรจะทำเสียเรื่อง เราจำเป็นต้องซื้อของอีกหลายรายการ หากเงินไม่พอขึ้นมาจะทำอย่างไร" เขาตอบท่าทางไม่เดือดร้อน


    "รู้แล้วๆ ต่อไปนี้ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องเงินอีกแล้วก็ได้ อยากจะจัดการยังไงก็ตามใจเลย" ร่างบางเอ่ยอย่างแสนงอน แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเขาซื้อชุดให้นางถึงสามชุด ท่าทีจึงสงบลง


    "แล้วจะซื้อชุดให้ข้าทำไมตั้งมากมาย" หญิงสาวไม่วายถามด้วยความสงสัย


    "ขืนซื้อไปน้อยเอย่าก็สงสัยสิ ผู้หญิงที่ไหนบ้างที่ใส่ชุดเดิมๆอยู่ได้ทุกวัน" คนปากแข็งตอบ


    อเมเลียพยักหน้าอย่างเข้าใจ "ท่านนี่รอบคอบจริงๆ"



    "รีบไปกันเถอะ" อาเคเดียนเอ่ยพลางก้าวนำ ในใจคิดถึงของจำเป็นอื่นๆซึ่งจะเป็นในการเดินทาง



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×