ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rose of the Underworld

    ลำดับตอนที่ #3 : Body and Soul

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.ค. 50


                                      Chapter 3
                                  Body and Soul













     “เจ้าไปสืบข่าวที่วังปีศาจได้เบาะแสอะไรมาบ้าง?”



        “มีข่าวว่าองค์หญิงอเมเลียยังไม่สิ้นพระชนม์ฝ่าบาท เพียงแต่บาดเจ็บสาหัส แต่ยังไม่มีใครเห็นกับตาว่ายังมีชีวิตอยู่จริงหรือไม่ มีแต่เพียงข่าวออกมาจากพวกฝ่ายในขอรับ”



        “ถ้าเช่นนั้นเจ้าจงหาทางพิสูจน์ให้ได้ว่าองค์หญิงยังมีชีวิตอยู่จริง แล้วเราจึงจะเริ่มดำเนินงานตามแผนขั้นต่อไป”



        “ขอรับ ฝ่าบาท”



        คล้อยหลังจารชนหนุ่มแล้ว เจ้าชายอาเคเดียนยังคงนั่งนิ่งอย่างใช้ความคิด รอยยิ้มนิด ๆ ผุดขึ้นที่มุมปาก ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น



        “ใคร”



        “ข้าเอง เลมอส”



        “เข้ามาได้”



        สิ้นเสียงอนุญาต ร่างสูงโปร่งในชุดขาวขององครักษ์มือขวาก็ปรากฏขึ้น เลมอสคุกเข่าทำความเคารพ เจ้าชายอาเคเดียนทำสัญญาณให้ลุกขึ้นพร้อมกับกล่าวต่อไป



        “เจ้ามีธุระอะไรรึ”



        “หน่วยสอดแนมรายงานมาว่ากองทัพของอิคารัสเตรียมเตรียมซ้อมพลรบแล้วฝ่าบาท”



        “หมายความว่าอิคารัสพร้อมจะยกทัพโจมตีเมืองปีศาจแล้วสิ”



        “ข้าคิดว่าไม่น่าจะใช่ เพราะไพร่พลของอิคารัสในขณะนี้ยังมีไม่มากพอที่ฝ่าไปให้พ้นจากป่าอาถรรพ์ได้ เรื่องที่จะโจมตีเมืองปีศาจจึงเป็นไปไม่ได้ เพราะถึงแม้เจ้าหญิงอเมเลียแห่งเมืองฮาดีสจะมีข่าวว่าถูกลอบปลงพระชนม์ก็ตาม แต่กองกำลังทหารมีความเข้มแข็งเกรียงไกรมาก แม้จะระส่ำระสายจากข่าวปลงพระชนม์ก็ยังไม่สามารถหักหาญเอาได้โดยง่าย”



        “หึ เดี๋ยวนี้เจ้าชักวิเคราะห์เก่งขึ้นแล้วสินะ” เจ้าชายตรัสชม



        “หามิได้ เป็นเพราะเจ้าชายโปรดอบรมสั่งสอนข้าด้วยพระองค์เองต่างหาก ข้าจึงสามารถวิเคราะห์สถานการณ์ได้นิดหน่อยเท่านั้นเองไม่ลึกซึ้งเท่าฝ่าบาทหรอก”



        “เอาเถอะ ว่าแต่เจ้ารู้ไหมว่า อิคารัสเตรียมพลรบทำไมในเมื่อยังไม่เข้าโจมตีเมืองปีศาจ?” เจ้าชายอาเคเดียนเอ่ยถามอย่างหยั่งเชิง



        “แหะ ๆ อันนี้ข้าก็ยังไม่รู้เหมือนกันฝ่าบาท คิดว่าจะเอามากราบทูลขอความเห็นจากฝ่าบาทนี่แหละ” เลมอสทูลตอบหน้าแหย ๆ



        อาเคเดียนหัวเราะเบา ๆ ก่อนอธิบาย



        “ข้าว่าคนอย่างอิคารัสมันไม่มีปัญญาไปรบทัพจับศึกกับใครในตอนนี้หรอก แต่มันคงมีไพ่ตายถึงได้กล้าซุ่มซ่อนกำลังโดยละเมิดข้อตกลงของอาณาจักรเทพ แต่เอาเถอะ ข้าจะรอดูต่อไปว่ามันคิดจะทำอะไร แต่ถ้าข้าคาดการณ์ไม่ผิดแล้วละก็ มันคงจะคิดยื่นข้อเสนอต่อเมืองต่าง ๆ ในอาณาจักรเทพให้เข้าร่วมสงครามกับมันอย่างแน่นอน เพราะลำพังมันคนเดียวคงไม่มีปัญญา จึงต้องยืมมือผู้ครองนครต่าง ๆ โดยมีข้อแลกเปลี่ยน แต่น่าเสียดาย ข้าเดาไม่ออกว่าข้อแลกเปลี่ยนของมันคืออะไร คงต้องรอให้มันเดินหมากไปอีกตานึงก่อน”



        “ท่านไม่คิดว่ามันจะยกพลมาตีเมืองเฮปตากอนเราให้สิ้นซากหรือ?” เลมอสเอ่ยถาม



        “มันจะมีประโยชน์อะไร ข้อแรก เรามีกองทัพทหารที่เข้มแข็งกว่ามันหลายเท่า ข้อสอง เมืองเราสิ้นอำนาจปกครองไปตั้งแต่มันก่อการกบฏเมื่อสองปีก่อนแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะโจมตีนอกจากจะเอาชีวิตมาทิ้งเสียเปล่า ๆ”



        “ใจข้านั้นอยากให้ท่านชิงความเป็นจักรพรรดิแห่งอาณาจักรเทพกลับคืนมาเสียเหลือเกิน ท่านเป็นผู้ที่ควรได้รับเกียรติสูงสุดเช่นนั้น” เลมอสรำพันอย่างแสนเสียดาย



                    “เราอย่าเพิ่งก่อศึกกันอีกเลย ตอนนี้ทั้งอาณาจักรเทพและปีศาจต่างก็วุ่นวายกันพออยู่แล้ว เราเป็นฝ่ายดูอยู่เงียบ ๆ ดีกว่า จะได้ประเมินสถานการณ์เตรียมพร้อมไว้ทุกเมื่อ” อาเคเดียนแนะ



                    “อืม ข้าเห็นด้วยกับท่าน ว่าแต่เกือบลืม มีสารเชิญมาจากเจ้าวายร้ายอิคารัสมายังเจ้าเมืองทั้งหลายรวมถึงท่านด้วย ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไร”



                    อาเคเดียนรับบัตรเชิญจากเลมอสแล้วเปิดอ่านทันที



                    “มันว่าอย่างไรบ้างหรือท่าน” เลมอสถามอย่างใคร่รู้



                    “เห็นว่าจะมีงานเลี้ยงสังสรรค์ แต่ข้าว่ามันคงเตรียมยื่นข้อเสนอแล้วล่ะ”



                   “แล้วท่านจะไปไหมล่ะ”



                   “โอกาสอย่างนี้จะพลาดได้ยังไง เลมอส เจ้าเตรียมตัวออกเดินทางพร้อมกับข้า เราจะไปดูกันว่าแผนชั่วของเจ้าอิคารัสคืออะไร”



                   “ขอรับฝ่าบาท”



                ………………………………………..



                  “องค์หญิงเสร็จหรือยัง” เสียงของเฮเธลแว่วออกมาจากประตูห้อง



                  “จวนแล้ว ไม่ต้องเร่งหรอกน่า” อเมเลียตอบอย่างขุ่นเคือง เธอจงใจแต่งชุดสีดำเพื่อเป็นการไว้อาลัยให้กับการตายของตัวเองและเพื่อเป็นการประชดเหล่าปีศาจทั้งหลายที่มางานเลี้ยงรื่นเริงต้อนรับการคืนชีพของเธอ



                  “เสร็จแล้ว” อเมเลียกระชากประตูเปิดพร้อมกับก้าวออกมาอย่างอารมณ์ไม่ดี



                  เฮเธลกวาดสายตามองอย่างชื่นชมซึ่งทำให้อเมเลียผิดคาด คิดว่าจะโดนตำหนิที่แต่งชุดดำ



                 “ท่านเหมาะกับสีดำจริง ๆ สมกับเป็นจักรพรรดินีแห่งโลกปีศาจ” เฮเธลเอ่ย



    อเมเลียลืมไปว่าที่นี่เป็นโลกปีศาจ ฉะนั้นสีดำจึงมิใช่สีที่เป็นอัปมงคลหรือสื่อถึงความเศร้าแต่อย่างใด ซ้ำยังเป็นที่นิยมเสียอีก



                 “ถ้าอย่างนั้น ฉันจะไปเปลี่ยน”



                 “ไม่ต้องหรอก สวยดีแล้ว อีกอย่างเราเลยเวลาไปมาก” เฮเธลขัด



    ทั้งสองเดินไปตามทางเดิน เฮเธลพาเธอไปหยุดยืนที่บันไดซึ่งทอดยาวลงไปยังห้องโถงที่จัดงาน เมื่อหญิงสาวปรากฏตัวที่หัวบันได เสียงอึงอลก็เงียบลงทันที อเมเลียรู้สึกขัดเขินเล็กน้อยเพราะสายตาทุกคู่จับจ้องอยู่ที่เธอเพียงผู้เดียว ทันใดนั้นเสียงมารดาปีศาจของเธอก็กังวานขึ้นท่ามกลางความเงียบ



                 “เอ้า ขอให้ทุกคนดื่มอวยชัยให้กับอเมเลียที่หายประชวร”



                 “จักรพรรดินีจงเจริญ ๆ ๆ” ทุกคนเปล่งเสียงอวยพรอย่างยินดีทำให้อเมเลียรู้สึกตื้นตัน



    เธอเดินลงจากบันไดลาดพรมแดงด้วยท่วงท่าที่งามสง่าราวกับนางพญา มารดาเดินมาโอบกอดเธอพร้อมกับเอ่ยถึงความภักดีของเจ้าเมืองทั้งหลายที่มาร่วมแสดงความยินดีและแสดงความสวามิภักดิ์ในค่ำคืนนี้  อเมเลียตื้นตันและอบอุ่นในใจ อ้อมกอดของราชินีช่วยคลายความอ้างว้างในใจลงไปได้มาก ทำให้ความรู้สึกของเธอดีขึ้นนิดหนึ่ง หากแต่ความรู้สึกนี้ก็อยู่ได้ไม่นาน



    งานเฉลิมฉลองคืนนี้มีบรรดาเชื้อพระวงศ์และเจ้าผู้ครองแคว้นต่าง ๆ ในเครือจักรภพปีศาจมาร่วมด้วยเป็นอันมาก ผู้คนจึงพลุกพล่านเป็นพิเศษ สาวใช้ถือถาดเครื่องดื่มคอยให้บริการนางหนึ่งถูกชนจนเซ นางทำเครื่องดื่มหกใส่เนลล์ รัชทายาทแห่งเมืองเนฟาน เสียงตะคอกอย่างกราดเกรี้ยวของเนลล์ทำให้ทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียว



                   “อะไรกันนี่ ถือภาษาอะไรกัน หกเลอะเทอะอย่างนี้จะทำยังไง”



                   “ขออภัยโทษเถิดเจ้าค่ะ ดิฉันไม่ได้ตั้งใจ”



                    มารดาของอเมเลียรีบจูงเธอเข้าไปแก้ไขสถานการณ์อย่างรวดเร็ว



                   “ขอโทษด้วยนะคะ คนของเราซุ่มซ่ามเอง เดี๋ยวอาจะจัดการให้เองนะจ๊ะ” ราชินีพูดอย่างอ่อนหวาน



                   “ไม่” สีหน้าของเนลล์เหี้ยมเกรียม



                   “ข้าจะจัดการด้วยวิธีของข้า”



    ว่าแล้วเนลล์ก็ตั้งท่าจะลงไม้ลงมือกับสาวใช้ผู้เคราะห์ร้าย อเมเลียกำลังคิดจะเข้าไปขวางไว้ แต่ก่อนที่เธอจะได้ทำเช่นนั้น ราชินีก็ขวางหน้าชายหนุ่มไว้ก่อน



                   “ใจเย็น ๆ ซีจ๊ะ เนลล์ วันนี้งานรื่นเริง อย่างเพิ่งอารมณ์เสียเลย”



                   “โธ่ ท่านอาไม่น่าห้ามผมเลย” เนลล์บ่นอย่างหัวเสีย ราชินีรีบเปลี่ยนเรื่องโดยแนะนำให้เขารู้จักกับอเมเลีย



                   “เนลล์รู้จักกับน้องหรือยังจ๊ะ อเมเลีย นี่พ่อเนลล์จ๊ะ รัชทายาทแห่งเมืองเนฟาน หัวเมืองทางฝ่ายใต้ที่แข็งแกร่งที่สุด” ราชินียกยอเขาเพื่อให้อารมณ์ดีขึ้น



    เมื่อได้มองใกล้ ๆ อย่างนี้ เนลล์ถึงกับตะลึงงันไปกับความงามของเจ้าหญิงอเมเลียที่เลื่องลือ เมื่อตั้งสติได้เขาจึงกล่าวตอบด้วยท่าทีกะลิ้มกะเหลี่ย



                   “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ สู้เมืองหลวงอย่างฮาดีสไม่ได้หรอก จริงไหมครับ” เขาหันมาถามอเมเลีย



    อเมเลียนิ่งเฉย เธอรู้สึกรังเกียจชายหนุ่มที่โหดร้ายป่าเถื่อนถึงกับจะลงไม้ลงมือกับผู้หญิงเช่นนี้ เนลล์ถึงกับหน้าเสียเมื่อหญิงสาวทำไม่สนใจ บรรยากาศเริ่มอึดอัด ราชินีจึงตัดบท



                   “เดี๋ยวอาพาอเมเลียไปแนะนำตัวกับผู้ใหญ่ทางด้านนั้นก่อนนะจ๊ะ” ราชินีกล่าว



                   “เดี๋ยวก่อนครับท่านอา ไม่ทราบว่าเจ้าหญิง ไม่ใช่สิ จักรพรรดินีอเมเลียจะให้เกียรติเต้นรำกับหม่อมฉันสักเพลงไหม” เนลล์ยังไม่ยอมแพ้และก้มศีรษะเป็นเชิงขออนุญาต



                    คราวนี้ไม่ต้องรอให้ราชินีเป็นผู้ตอบ อเมเลียชิงขัดขึ้นเสียเอง



                    “คงไม่ได้หรอกค่ะ ดิฉันเพิ่งหายป่วย คงจะเต้นรำไม่ไหว” ว่าแล้วก็สะบัดหน้าเดินจากไปทันที ราชินีหันมายิ้มเจื่อน ๆ ให้เนลล์ก่อนเดินตามอเมเลียไป



                     เนลล์มองตามไปอย่างขุ่นเคือง



                     “หนอย เล่นตัวดีนัก สักวันเถอะ จะเสียใจ”



    งานเลี้ยงยังไม่ทันเลิก อเมเลียก็แอบปลีกตัวออกมานั่งอยู่คนเดียวเงียบ ๆ  ที่สวน ไม่นานเฮเธลก็เดินมาสมทบ



                     “เป็นอะไรไป เบื่อหรือ” เฮเธลถาม



                     “ฮื่อ ฉันไม่ชอบงานแบบนี้ ยิ่งเป็นที่โลกปีศาจแล้วฉันยิ่งไม่ชอบใหญ่เลย มีแต่คนน่ารังเกียจทั้งนั้น”



                     “ทำไมล่ะ เมื่อก่อนท่านชอบงานเลี้ยงจะตายไป ท่านบอกว่ามันทำให้บรรยากาศครื้นเครงไม่เงียบเหงา”



                     “ก็ไม่รู้สิ ฉันอาจจะยังไม่ชินมั้ง” อเมเลียตอบอย่างไม่แยแส



                     “มีอะไรก็เล่าให้ข้าฟังได้นะ เราเป็นเพื่อนสนิทกันมาตลอดนี่แม้ท่านจะจำไม่ได้ก็เถอะ”



                    “ฉันไม่อยากอุดอู้อยู่ในวังนี้ มันน่าเบื่อแถมบรรยากาศก็ชวนหดหู่อีกต่างหาก ฉันอยากออกไปเที่ยวบ้าง” อเมเลียเผยความในใจ



                    “ฐานะอย่างท่านไม่อาจออกไปเที่ยวเล่นได้ตามใจหรอก อีกอย่างราชินีจะต้องไม่ยอมแน่ ๆ เพราะท่านเพิ่งถูกลอบสังหาร”



                   “เหรอ” อเมเลียรับคำซึม ๆ



                   “แต่ว่า อาจมีทางก็ได้ ข้าจะขออนุญาตราชินีพาท่านไปสอดแนมยังอาณาจักรเทพด้วย ราชินีอาจจะอนุญาตก็ได้”



                   “จริง ๆ นะ” อเมเลียร้องขึ้นอย่างดีใจ ท่าทางสดใสขึ้นมาทันควัน “ฉันอยากเห็นอาณาจักรเทพเสียจริง ทุกสิ่งจะต้องสวยงามกว่าที่นี่แน่ ๆ เหมือนอย่างในเทพนิยายไงเนอะ”



                   “อย่าคาดหวังมากนั้น มันอาจไม่เป็นอย่างที่ท่านคิดก็ได้” เฮเธลบอกเรียบ ๆ “อีกอย่าง เราไปสอดแนมกันนะท่าน ไม่ได้ตั้งใจไปเที่ยว”



                   “นั่นแหละน่า ได้เปลี่ยนบรรยากาศเสียที่ เบื่อจะตายอยู่แล้ว”



                 ...................................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×