ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SJ&SNSD] Catch me if you can : จับให้ได้สิ! ถ้านายแน่จริง?

    ลำดับตอนที่ #2 : CATCH ME IF YOU CAN : II

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 580
      1
      23 เม.ย. 55

    CATCH ME IF YOU CAN : II


                 “ห้ามจูบจริง” พี่ซึงฮวาน ผู้จัดการวงเอสเจพูดขณะที่เราอยู่ในห้องซ้อมละครเวทีด้วยกัน ทั้งฉัน พี่คยูฮยอน พี่ดาน่า คีย์ และนักแสดงคนอื่นๆ

                    “ทำไมล่ะครับ?” หมอนั่นพูดขึ้นมาแล้วฉันก็แทบอยากจะกัดลิ้นตาย พวกพี่ๆคนอื่นหัวเราะกันใหญ่

                    “คยูฮยอนอา ทำไมถามแบบนั้นล่ะ? ยังกับว่านายอยากจูบใครสักคนในบรรดาแคสนางเอก” พี่อึมคิจุน หรือคังแซมแห่งดรีมไฮตบบ่าเค้าเบาๆ แต่ไม่อยากบอกว่าคำพูดพี่เค้าแทงใจดำฉันเต็มๆ

                    เขาอยากจูบฉัน! จูบฉันให้ทั้งเอล์ฟและโซวอนเห็น!!!

                เป็นความคิดบ้าดีเดือดแต่ก็ทำฉันแอบดีใจสุดๆ

                    “ป...เปล่าครับ ผ...ผมก็แค่อยากให้มันออกมาดูสมจริง...” พี่คยูฮยอนแก้ตัว แต่หูงี้แดงแปร๊ดจนคีย์ยังผิวปากแซว แกว่งคอหากิโยตินชัดๆ ความลับจะแตกมั้ยเนี่ย!!!

                    “วันนี้เราจะอ่านสคริปท์กันก่อน ยึดที่ตัวแฟรงค์เป็นหลักนะ เราจะแบ่งเป็นห้าวง อ่านพร้อมกันเลย” พี่ผู้กำกับบอกเรา แล้วโดยที่ไม่ต้องบอก ฉันตั้งใจจะเดินแยกไปอ่านอีกวงที่มีคีย์ แต่โดนพี่คิมบอมแร ดับเบิ้ลแคสของบทสารวัตรฮันแรตตี้ ดึงกลับมาเข้าวงที่ฉันพยายามจะเลี่ยง แถมยังผลักให้ฉันไปนั่งข้างคยูฮยอนอีกต่างหาก

                    “ฉันเคยเล่นสามทหารเสือกับคยูฮยอนมาก่อนแล้ว เค้าบอกว่าเธอกับเค้าไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่ รีบๆทำความคุ้นเคยกันไว้นะ เพราะพวกเธอสองคนเป็นแคสหลักของละครเวทีเรื่องนี้” พี่เค้าขยิบตาให้ฉันก่อนจะเดินไปนั่งอีกข้างของพี่คยูฮยอน ฉันสบตาเจ้าตัวด้วยอารมณ์ข้องใจหน่อยๆ

                    ก่อนการอ่านสคริปท์จะเริ่ม ทางทีมงานก็เปิดให้สื่อมวลชนเข้ามาเก็บข่าวด้วย และเพราะตารางงานที่ชนกันตะพึดตะพือจนฉัน คีย์ และพี่คยูฮยอนไม่เคยได้ให้สัมภาษณ์พร้อมกันได้ซักที เพราะงั้นครั้งนี้จะเป็นครั้งแรก และครั้งเดียวที่เราจะได้มีโอกาสสัมภาษณ์ร่วมกัน

                    ไม่อยากบอกว่าฉันตัวแข็งมาก T_T เกิดมาเพิ่งจะเคยเล่นละครเวทีครั้งแรก เห็นตอนสิก้า แทยอน ฟานี่เล่นมาก่อน ยัยพวกนั้นทำตัวเป็นศพเดินได้ทุกทีหลังจบละครเวที แล้วนี่ฉันมีทั้งรายการทำไร่ไถนา เป็นพิธีกรรายการเพลง ไหนจะไลฟ์นู่นนี่นั่น ฉันจะทำได้มั้ยเนี่ย!

                    “เธอต้องทำได้ดีแน่” เสียงกระซิบที่ดังขึ้นข้างๆทำเอาหัวใจฉันพองโตยังกับอ่านความคิดฉันออกแน่ะ

                    “ไม่รู้ล่ะ ถ้าฉันเล่นไม่ดี ฉันโทษพี่คนเดียวแน่” ฉันแกล้งทำงาน แต่พี่คยูฮยอนกลับยิ้มขึ้นมา ฮึ้ย น่ารักอ้ะ >\\\\< นี่ถ้าต้องเล่นด้วยกันจะทำยังไงดีเนี่ย ฉันต้องเขินจนระเบิดกลายเป็นโกโก้ครันช์แน่เลย

                    “เอาล่ะ เริ่มกันเถอะ” พี่ผู้กำกับพูดขึ้นมา แล้วพวกเราก็เริ่มการอ่านบท ขนาดนี่เป็นแค่การอ่านบทครั้งแรก แต่พี่คยูฮยอนทำได้ดีมากเลยแฮะ น้ำเสียง วิธีการพูด อะไรหลายๆอย่างในตัวเขาทำให้แฟรงค์ อบาเนลมีตัวตนขึ้นมา แล้วก็ดูน่าหลงใหลเอามากๆด้วย

                    ไม่ช้าไม่เร็ว การอ่านบทครั้งแรกก็จบลง ไม่อยากจะบอกว่าแสงแฟลชกับเสียงชัตเตอร์นี่มันทำฉันจิตหลอนมาก -*- แบบว่ายิ่งยากๆอยู่ โคตรจะทำให้เสียสมาธิ แต่ด้วยความต้องรักษาภาพพจน์ไอดอล ฉันเลยได้แต่นั่งยิ้มหน้าบาน เอาน่า ได้เล่นละครเวทีเรื่องแรกคู่กับแฟนแค่นี้ก็โชคดีสุดๆแล้ว

                    “คุณคีย์กับคุณซันนี่ รู้สึกยังไงบ้างคะที่ได้รับงานละครเวทีครั้งแรก?” คำถามถูกยิงขึ้นมาทันที เล่นเอาฉันเกือบตั้งตัวไม่ติด

                    “สำหรับผม ตื่นเต้นมากๆเลยล่ะครับ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าครั้งแรกก็จะได้บทที่ดีมากขนาดนี้” คีย์ชิงตอบไปก่อน ทิ้งให้ฉันกลายเป็นเป้าสายตา

                    “ฉันก็เหมือนกันค่ะ ได้ทำงานกับนักแสดงที่เก่งๆตั้งหลายท่าน ^^ จะตั้งใจทำออกมาให้ดีที่สุดเลยค่ะ”

                    “แล้วคิดยังไงกับพวกฉากจูบกับฉากเลิฟซีนครับ?”

                    รุ่นพี่บอมแรกับพี่คิจุนทำเสียงเหมือนกระแอมไอ แต่ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าพี่เค้าขำ

                    “ฉากพวกนั้นมันเป็นส่วนนึงของการแสดงน่ะครับ แต่ว่าอย่างฉากจูบ เราก็ไม่ได้จูบจริง ถึงยังไงก็ตาม ผมอยากให้แฟนๆมองมันเป็นการแสดงมากกว่า ไม่ว่าจะจริงหรือไม่จริงก็ตาม มันเป็นแค่บทบาทที่เราได้รับครับ ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรแอบแฝง”

                    โกหก... ทีเมื่อกี้ยังท้วงอยู่เลยว่าทำไมไม่ยอมให้จูบจริง =*=

                    “แล้ว คุณคยูฮยอนกับคุณดาน่าได้ให้คำแนะนำอะไรกับรุ่นน้องบ้างรึเปล่าคะ?” นักข่าวถามขึ้นมา แล้วอีตามักเน่ออนท็อปก็หันมายิมกรุ้มกริ่มใส่ฉัน

                    “แน่นอนครับ รับรองว่าผมแนะนำช่วยเหลือสุดๆไปเลยล่ะ”

                    ฉันรู้สึกเสียวสันหลังวาบ

                    งานนี้... สงสัยที่รักของฉันมีแผนแล้วแหงๆ

                    ชีวิตไอดอลทำไมมันลำบากเยี่ยงนี้นะ!! T^T

     

     

                และแล้วพวกเราก็มีสถานที่เดทใหม่ชั่วคราวระหว่างการซ้อมละคร

                    นั่นคือที่ห้องเก็บฉาก ที่นี่ปกติไม่ค่อยมีใครเข้ามาใช้ เพราะมันเอาไว้เก็บพวกอุปกรณ์กับฉากของละครเรื่องเก่าๆเพื่อรอวันกำจัดทิ้ง ถึงแหมมันจะมืดแล้วก็มีกลิ่นอับ แต่มันก็เป็นที่ลับตาคนมากที่สุด

                    ซันนี่ของผม (ย้ำว่าของผม) โคตรจะกลัวความลับแตก เพราะถึงแม้เราจะไม่อยู่ให้ใครเห็น แต่การที่หายตัวไปแค่สองคนระหว่างซ้อมมันก็ไม่ค่อยดี เพราะงั้นเธอเลยเลือกซ้อมคนละเวลากับผม แต่ยอมมาก่อนล่วงหน้าสองสามชั่วโมงเพื่อให้เราได้มีโอกาสอยู่ด้วยกัน

                    “ไง เมื่อวานไปทำอะไรมาล่ะ” ผมทักซันนี่ที่รออยู่ในห้องก่อนแล้ว เธอกำลังกดมือถือเล่น แต่สีหน้าดูเพลียๆ เป็นยังงี้ประจำทุกๆวันอังคาร เวลาไปถ่ายรายการบ้านไร่อะไรนั่น

                    “ทำกับข้าว ขุดหาหอยตลับ ดูสิ มือช้ำไปหมดเลย” ซันนี่แบมือยื่นให้ผมแล้วเบะปากเหมือนเด็กๆ จนผมอดหันไปหยิกแก้มเธอเบาๆไม่ได้ ผมจับมือยัยตัวเล็กสำรวจดูความเสียหาย ตั้งแต่ไปออกรายการนี้เมื่อปีก่อนมือเธอกร้านขึ้นตั้งเยอะ แถมบางทีก็มีรอยฟกช้ำดำเขียวกลับมาตลอด ผมเห็นรอยข่วนเล็กๆที่ไม่รู้ไปโดนอะไรมา ให้ตาย! นั่นแหละคือสาเหตุที่ผมไม่อยากดูรายการนั้นเลย

                    ผมเอามือเล็กๆของเธอมาเป่าลมอุ่นๆใส่ แล้วกุมมันไว้ก่อนจะดึงมือเธอใส่ในกระเป๋าแจ็กเกตของผม

                    “อุ่นจัง” ซันนี่พูด แล้วร่างเล็กๆก็เอียงลงมาซบไหล่

                    “เหลือเวลาอีกเป็นชั่วโมงเลย หลับเถอะ เดี๋ยวพี่ปลุก” ผมโอบแขนรอบไหล่เล็กๆ นั่นแล้วดึงเธอเข้ามาใกล้ๆ พื้นเย็นเฉียบ แล้วที่นี่ก็มืดมาก แต่แค่มีซันนี่อยู่ข้างๆ ผมก็ทนได้ทั้งนั้น ซันนี่ทำให้ผมอุ่นขึ้นในทุกๆวันที่หนาว ทำให้ผมมองเห็นท่ามกลางความมืด เหมือนชื่อของเธอนั่นแหละ

                    ผมแอบเอาโทรศัพท์มาถ่ายรูปยัยตัวเล็กตอนเธอหลับ อยากจะอัพทวิตเตอร์ใจจะขาดแต่ก็ยั้งมือไว้เพราะรู้ว่าเดี๋ยวถ้าเธอจับได้ขึ้นมาต้องวีนแตกแน่ๆ ผมลูบปอยผมสีทองนุ่มๆนั่นเบาๆ หลับสนิทเลยแฮะ แล้วผมจะทำอะไรดีเนี่ย?

                    งั้นก็... ฟังเพลงที่จะใช้ในละครเวทีไปพลางๆดีกว่า

                    ผมเลือกเปิดเพลง Seven Wonders ที่เดี๋ยวจะต้องร้องคู่กับซันนี่ เพราะละครเรื่องนี้สร้างขึ้นตามแบบฉบับของบรอดเวย์เมืองนอกเด๊ะๆ เพลงประกอบในเรื่องก็เลยไปซื้อลิขสิทธิ์เค้ามาเหมือนกัน ดีตรงที่เวลาเราซ้อม พวกผมมีเดโมของต้นฉบับให้ฟังก่อน ถึงแม้มันจะเป็นภาษาอังกฤษ แต่ก็ช่วยได้เยอะเลยล่ะครับ

                    ทำนองเพลงที่คุ้นเคยดังขึ้น ระหว่างที่ผมกำลังนึกเนื้อเพลงภาษาเกาหลีไปด้วย

     

                I've seen the seven wonders if you give or take a few

                สิ่งมหัศจรรย์ทั้งเจ็ดของโลก ฉันเห็นมาหมดแล้ว เธอเองก็อาจจะเคยเห็นบางที่มาบ้าง

                But all them seven wonders, well they can't compare to you

                แต่เชื่อไหมว่าเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์นั้น ไม่มีอะไรสวยงามไปมากกว่าเธอ

                           

                I've been alot of places. Yes I've travelled near and far

                ฉันเคยไปมาตั้งหลายที่ รอนแรมทั้งใกล้และไกล

                But now I know that home is where you are

                แต่ตอนนี้ฉันรู้ไม่มีที่ไหนเหมือนบ้านเท่าที่ที่มีเธอ

     

    Yes my travelling days are over

    คืนวันแห่งการเดินทางของฉันได้สิ้นสุดลงแล้ว

    You get the check I'll pay the bill

    หยิบเช็คมาได้เลย ฉันจะจ่ายมันทั้งหมด

    Cause I see all the wonder in your eyes

    เพราะสิ่งวิเศษสุดที่ฉันเคยเห็นมา สะท้อนอยู่ในดวงตาเธอ

    Just standin' still.

    ตรึงฉันจนไม่อาจขยับไปไหน

     

    I've been alot of places but I've learned now near and far

    ฉันผ่านการเดินทางมามากมายแต่ได้เรียนรู้แล้วว่าต่อให้ใกล้หรือไกล

    There's no need to roam cause home is where you are

    ไม่จำเป็นต้องตามหา เพราะบ้านคือที่ที่มีเธอ

    There's no need to roam cause home is where you are

    ไม่จำเป็นต้องตามหา เพราะบ้านคือที่ที่มีเธอ

    yes now i know that home is where you are.

    ใช่แล้ว ตอนนี้ฉันรู้ ว่าบ้านคือที่ที่มีเธอ

     

    ผมก้มลงมองคนในอ้อมแขนที่ยังคงหลับสนิท หัวใจเต้นแรงอย่างไม่น่าเชื่อทั้งๆที่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราอยู่กันตามลำพัง ไม่ใช่ครั้งแรกที่ซันนี่หลับในอ้อมกอดผมแบบนี้ แต่ให้ตายเถอะ เนื้อเพลงมันตรงเกินไป ซันนี่ของผมมหัศจรรย์กว่าทุกสิ่งบนโลก

    ผมรักเด็กคนนี้จังเลยอ่ะ >\\\<

    “ถึงเวลาแล้วเหรอ?” ซันนี่งัวเงียตื่นขึ้นมามองผม น่ารัก

    “ยังหรอก แต่จะไปก่อนก็ได้นะ จะได้มีเวลาวอร์มเสียง”

    “เห? ไม่เอาอ่ะ ฉันอยากอยู่กับพี่นานๆนี่นา” ยัยตัวเล็กนี่กุมมือผมแน่นแล้วซบลงที่เดิม น่าหมั่นเขี้ยวขนาดนี้เดี๋ยวก็พาหนีซะเลย

    “ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปส่ง” ผมบอกเธอ แล้วซันนี่ก็ทำหน้าบูด

    “ไม่ได้นะ”

    “บอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรสิ ถ้าไม่เดินไปเองพี่จะอุ้มออกไปให้ถึงห้องซ้อมเลยนะ”

    “ไปก็ได้” ซันนี่ยังคงบ่นอิดออดนิดหน่อยแต่ก็ยอมลุกขึ้นแต่โดยดี เธอปัดฝุ่นที่ติดตามเสื้อให้ผม แล้วผมก็จูงมือเธอเดินออกไปพร้อมกัน

    “ปล่อยมือดีกว่าค่ะ” ซันนี่บอกเมื่อเราเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องซ้อม “อีกอย่าง พี่ก็ต้องไปแล้วด้วย”

    ผมยอมปล่อยมือตามที่ซันนี่บอกแต่เปลี่ยนเป็นจับไหล่เธอแล้วดันหลังยัยตัวเล็กเข้าไปในห้องพร้อมกัน แล้วสิ่งแรกที่ทักทายเราคือแสงแฟลช แน่นอน ซันนี่ช็อกตาตั้งไปแล้ว

    “วันนี้เปิดซ้อมรอบสื่อมวลชน ข่าวดีคือเราเล่นคู่กัน พยายามเข้านะที่รัก~” ผมกระซิบใส่หูซันนี่ที่ตัวแข็งทื่อก่อนจะรีบหลบฉากเดินไปหาสตาฟฟ์คนอื่นๆ หึ หึ หึ... เอาซี้~ ผมจะเล่นให้หวานหยดย้อย ให้นักข่าวเก็บไปเมาท์ทุกเม็ดเลยว่ามีซัมธิงหลังม่าน

    เอาล่ะ! แผนการแฉความลับนัมเบอร์วันเริ่มต้นแล้ว!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×