ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Miracle Earth พิภพปาฏิหาริย์ : ปฐมบทแห่งราชันย์

    ลำดับตอนที่ #80 : ตอนที่ 78 ท้องพระโรง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.47K
      63
      12 เม.ย. 64

     

     

                “ประวัติของเด็กคนนั่นถือว่าน่าสนใจเหลือคาด ลีลาเพรียวพราวในรั้วโรงเรียนช่วยผลักดันชื่อเสียงให้กับเจ้าตัวได้ไม่ยาก แต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่หลายๆคนมองข้ามไป..ที่มาของเขาเป็นปริศนาดำมืด ประกอบกับก่อนหน้าวันที่โรงเรียนอวาลอนรับสมัครนักเรียนเข้าใหม่ ก่อนหน้านั้นไม่กี่วันเกิดเหตุอะไรขึ้นท่านย่อมรู้เป็นอย่างดี” ซาราซาพูดเสริม พร้อมกับจี้จุดให้เวลเบอร์ระลึกได้ว่าในตอนนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้น

     

                เหตุการณ์ที่ทั้งเขาและประชาชนชาวไอช่าจะไม่มีวันลืมเลือน

     

                     ภายในค่ำคืนหนึ่งที่เงียบสงบเหมือนดั่งเช่นทุกครั้ง ชาวเมืองพากันเข้านอนเพราะถึงแก่กาล เหลือเพียงบ้านบางหลัง คนบางคนเท่านั้นที่ยังคงไม่หลับใหลไปตามบรรยากาศยามราตรี ท้องฟ้ายามราตรีที่ควรจะเต็มไปด้วยหมู่ดาว กลับมีดาวตกสีแดงชาดพาดผ่านท้องนภาราวกับจะย้อมแผ่นฟ้าให้กลายเป็นสีเลือด

     

                มีการพูดถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นไว้สองสิ่ง

     

                บ้างก็ว่าเป็นอาเพศที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็ววัน

     

                อีกพวกก็คือเห็นพ้องต้องกันกับพวกแรก

     

                “ถึงอย่างนั้นพวกเราก็ไม่มีสิทธ์ที่จะไปดึงตัวเด็กนั่นภายใต้การคุ้มครองของเมอร์ลิน” เวลเบอร์ยังคงค้านเสียงแข็ง เพราะถึงยังไงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นมันก็ดูเหลือเชื่อเกินกว่าที่เขาจะรับมันไหวจริงๆ

     

                อาจจะเพราะเขาได้ฟังสิ่งที่พ่อค้าคนนั้นพูดมาแล้วก็เป็นได้

     

                เวลเบอร์ยังคงเชื่อเหมือนคนอื่นๆว่าโนอาห์นั้นมาจากไหน ซ้ำยังรู้ซึ้งในรายละเอียดมากกว่าคนอื่นๆเสียด้วยซ้ำ ทว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในมุมมองของคนที่รับรู้เรื่องราวของทั้งสองฝั่งแล้ว ดูยังไงก็เป็นการใส่ร้ายป้ายสีเพื่อจุดประสงค์อะไรบางอย่างที่แม้แต่พ่อค้ารายนั้นยังคาดเดาไม่ได้

     

                “องค์จักรพรรดิทรงได้พูดคุยเรื่องนี้กับท่านเมอร์ลินเป็นการส่วนตัว และผลสรุปก็คือการอนุมัติโดยตรงให้เข้าไปจับกุมคนที่พวกเราเชื่อว่าเป็นคนในคำทำนายมาตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม” ผู้หญิงนางหนึ่งกล่าวขึ้น เธอยืนอยู่ตรงข้ามกับซาราซาและเกลนดอน อายุประมาณสี่สิบต้นๆ ผมสีดำถูกมัดรวบเกล้าเอาไว้ หน้าตาและผิวพรรณเปล่งประกายอะไรบางอย่างออกมาอยู่ตลอดเวลา และที่โดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็นสีตาเหลืองอ่อนที่นับว่าหาได้ยากแม้ในโลกที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์และคาถา

     

                ผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวในเสาหลักทั้งสี่แห่งอัลเทร่า

     

                ลูซิน เกรดาดีน

     

                “เรื่องทั้งหมดก็เป็นดั่งที่เจ้าได้ยิน เวลเบอร์” อัลเครอซกล่าวปิดท้ายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทว่าแววตาของราชันมนตรากลับดูเศร้าหมองอย่างเห็นได้ชัด

     

                แต่นั่นก็เป็นเพราะชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น

     

                “การจับกุมจะเริ่มในอีกกี่วัน” เวลเบอร์ถาม ตัวเขาเองย่อมรู้ดีว่าไม่มีหนทางใดที่จะยุติคำสั่งนี้ให้สิ้นสุดลงได้ เพราะดูท่าจักรพรรดิอัคเครอซจะทรงอนุมัติเรื่องนี้ด้วยตัวพระองค์เอง

     

                “ไม่เกินหกวัน” คำพูดสุดท้ายของเจ้าเหนือหัวที่ราวกับเป็นเครื่องเตือนใจแก่ขุนนางทุกคนในท้องพระโรงแห่งนี้

     

                ทุกแห่งหนล้วนมีก้าวเดินที่แตกต่างกันออกไป

     

                แต่ทั้งหมดย่อมมีจุดมุ่งหมายอยู่เหมือนๆกัน

     

                จุดหมายมั่นที่ตั้งใจจะให้สิ่งที่พวกตนหวังไว้กลายเป็นจริง

     

    “เมื่อกี้เธอว่าอะไรนะ!!” เสียงตะโกนตื่นตกใจดังขึ้นพร้อมกับอาการสำลักอาหารที่กำลังเคี้ยวอยู่ในปาก จนคนที่นั่งอยู่ข้างๆต้องรีบประเคนแก้วน้ำให้กับชายผู้ไม่เจียมตัว ก่อนที่พรุ่งนี้จะมีข่าวนักเรียนปีหนึ่งสำลักตาย ณ โรงอาหารหอซูซาคุ

     

                รู้ถึงไหนอุบาทว์ถึงนั่น

     

                โรงเรียนอวาลอนในตอนนี้นับได้ว่าเป็นช่วงเวลาสำหรับการพักกลางวัน ซึ่งกิจวัตรหลักๆของนักเรียนแต่ละคนก็ย่อมหนีไม่พ้นการหาเสบียงลงท้อง เพื่อที่จะรับศึกในภาคบ่ายเป็นการณ์สืบไป เฉกเช่นเดียวกับพวกโนอาห์ที่ยังคงยึดมั่นคตินั้นไว้ใจในอยู่เสมอ โดยโนอาห์ให้เหตุผลประมาณว่าหากกองทัพไม่เดินด้วยท้องแล้ว เห็นทีกองทัพหน่วยนั้นจะต้องแพ้พ่ายเป็นแน่แท้

     

                ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็ช่วยชี้ชัดได้เป็นอย่างดี

     

                ว่ากองทัพที่เดินด้วยท้อง ก็อาจจะตายได้เหมือนกัน

     

                “เบาๆหน่อยสิ เดี๋ยวคนอื่นได้ยินเข้านายจะรับผิดชอบยังไงฮึ” เซเรน่าหรี่เสียงลงให้อยู่ในระดับที่พอได้ยินกันในโต๊ะเท่านั้น ไม่เช่นนั้นแล้วสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาย่อมอยู่ในวิสัยสุดที่จะคาดเดาได้

     

                    “เบาๆหน่อยสิ เดี๋ยวคนอื่นได้ยินเข้านายจะรับผิดชอบยังไงฮึ” เซเรน่าหรี่เสียงลงให้อยู่ในระดับที่พอได้ยินกันในโต๊ะเท่านั้น ไม่เช่นนั้นแล้วสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาย่อมอยู่ในวิสัยสุดที่จะคาดเดาได้

     

                “เรื่องสิ! ก็มันเกี่ยวข้องกับฉันโดยตรงไม่ใช่หรือไง ได้ยินแบบนั้นใครจะไปใจเย็นไหว” โนอาห์สบถออกมาเบาๆ แต่ก็ปรับระดับเสียงให้เบาลงเหมือนคุยปกติ เพราะถึงเขาจะบ้าบิ่นแค่ไหนก็ยังไม่อยากเสี่ยงกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง

     

                โดยเฉพาะเรื่องไม่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเอง

     

                “ฉันก็ไม่เห็นว่ามันจะน่าหนักใจตรงไหน ยังไงพวกเราก็คิดกันไว้อยู่แล้วไม่ใช่หรือว่าวันนี้ต้องมาถึงซักวัน ก็แค่เพิ่มฝ่ายที่ต้องเฝ้าระวังไปอีกหนึ่งเท่านั้น ฉันเชื่อว่าเรื่องแค่นี้นายรับมือได้สบายอยู่แล้ว” อารันเพื่อนผู้แสนดีหันมาพูดกับโนอาห์ด้วยรอยยิ้ม ซึ่งโนอาห์แทบอยากจะหาอะไรมาสะบั้นหน้าชายคนนี้ให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปซักทีอยู่รำไร

     

                รับมือได้กับผีน่ะสิ

     

     

     

             โนอาห์คิดในใจแต่ไม่ได้พูดออกมา เขาเพียงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เท่านั้น ถึงจะเป็นไปตามที่อารันพูดเอาไว้เมื่อซักครู่ เหตุการณ์ที่ว่ามานั้นพวกเขาได้คาดการณ์เอาไว้ตั้งแต่ซายากะยังไม่กลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา แต่โนอาห์กลับนึกไม่ถึงอย่างเด็ดขาดว่าแนวป้องกันที่ชื่อว่าอวาลอนจะพังทลายลงได้รวดเร็วถึงเพียงนี้

     

                “เอาเถอะครับ ถึงยังไงพวกเราก็ยังพอมีเวลา...ก่อนที่ทางการจะมาจับกุมตัวคุณโนอาห์ ผมว่าในระหว่างนั้นพวกเราคงทำอะไรได้มากพอดูเหมือนกัน” นิกซ์ให้ความคิดเห็นไปในอีกแนวทาง ส่วนหนึ่งแล้วต้องการปลอบโยนจิตใจให้กับชายต่างโลก อีกส่วนก็เพื่อคลายความวิตกในวงสนทนาให้เบาลงได้บ้าง

     

                ความวิตกกังวลจากข่าวสารชิ้นสำคัญของเซเรน่า

     

                เนื้อความสั้นๆจับใจความได้ง่ายแม้จะเป็นคนที่โง่ที่สุด การที่เป็นบุตรตรีเพียงคนเดียวในตระกูลขุนนางใหญ่ย่อมช่วยเหลือพวกโนอาห์ได้มากในเรื่องของข่าวสาร และในคราครั้งนี้ก็เช่นกัน เซเรน่าเปิดบทสนทนาของวันนี้ด้วยการบอกเล่าถึงเรื่องที่ทางวังหลวงได้ตระเตรียมหน่วยทัพ พร้อมที่จะเข้ามาจับกุมโนอาห์ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นบุรุษในคำทำนาย

     

                คำทำนายที่โผล่มาได้ถูกที่ถูกเวลาเสียจนน่ากลัว

     

                “พูดก็พูดเถอะ ไอ้ระบบรักษาความปลอดภัยของโรงเรียนนี้ที่บอกย้ำกันนักหนาว่าแน่ มันไม่เห็นจะช่วยอะไรฉันได้เลยให้ตายเถอะ หรือว่าในตอนนี้สถานการณ์มันจะย่ำแย่ซะจนไม่ต้องเห็นหัวเมอร์ลินกันแล้ว” โนอาห์พูดปลงๆพลางเขี่ยอาหารยัดเข้าปากหวังคลายอารมณ์ร้อน เขาคิดว่าการที่ทางเบื้องบนเร่งรัดเรื่องจับกุมเขาในเวลานี้ ย่อมเป็นไปได้แค่แนวทางเดียว นั้นก็คือตอนนี้ทางอัลเทร่าไร้ซึ่งข่าวคราวจากกองทัพทางตอนเหนือ ทำให้อะไรที่ทำได้ก็ต้องทำกันไปก่อน

     

                “อาจารย์ใหญ่อาจจะมีเหตุผลของเขาก็ได้นะครับ” นิกซ์ยิ้มเจื่อนตอบ แต่ในใจก็ยังเกิดความสงสัยอยู่ดีว่าในช่วงเวลาที่บ้านเมืองต้องการปราชญ์เมธีชั้นยอดมากที่สุด เหตุใดกันถึงทำให้เมอร์ลินยังคงนิ่งเฉย

     

                “มนุษย์ทุกคนล้วนมีวิธีคิดที่ไม่เหมือนกัน อีกทั้งขอบเขตความคิดของเมอร์ลินกว้างขวางปานไหนเจ้าน่าจะรู้ดี ทำเหมือนคนอดอาลัยตายอยากไม่สมกับเป็นเจ้าเลยซักนิด” ยูกิร่ายยาวออกมาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เรียบเฉย ในขณะที่ผู้อื่นได้แต่กระพริบตาปริบๆมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างงุนงงสงสัย โดยเฉพาะโนอาห์เองที่แทบจะหยุดลมหายใจไปเลยทีเดียว

     

                คนที่พูดน้อยที่สุดกลับเป็นฝ่ายที่พูดมากที่สุด

     

                คนที่ควรร้อนใจมากที่สุดกลับเป็นคนที่สงบสติได้ดีที่สุด

     

                บางทีเขาควรเอาอย่างเธอ

     

                หลายวันที่ผ่านมายูกิสงบสติอารมณ์ได้อย่างดี จนพวกโนอาห์ยังคิดไปว่าบางทีแบบนี้อาจจะย่ำแย่ไปกว่าเก่า เพราะตราบใดที่คนเราเลือกที่จะเก็บงำความรู้สึกที่ซ่อนไว้ในใจแล้วไซร้ หนทางเบื้องหน้าเมื่อถึงคราวที่ต้องประสบเรื่องทุกข์ยากร้อยแปด ในยามนั้นสิ่งที่คนผู้นั้นจะทำคงจะเป็นอะไรที่หนักหนาและสาหัสเป็นอย่างยิ่ง

     

                ทั้งกับศัตรูและตัวเอง

     

                “ถ้านายหญิงยังอยู่ ก็คงจะพูดแบบนั้น” ยูกิเปรยเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะลุกขึ้นไปเก็บจานอาหารเงียบๆ

          

     

                “และคงจะพูดอีกประโยค” เซเรน่าเอ่ย “บางทีนายก็ไม่ควรต้องแบกรับไว้อยู่คนเดียวซักหน่อย ยังมีตาหัวเขียว หรือจะเป็นนายนิกซ์นั่นอีก ที่สำคัญยังมีพวกฉัน....เข้าใจแล้วใช่ไหม” เซเรน่าอยู่ๆก็เว้นจังหวะไปชั่วครู่ ก่อนจะตัดจบประโยคด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ทางด้านตาหัวเขียวได้แต่เลิกคิ้วพลางยิ้มนิดๆ เช่นกันกับนายนิกซ์ที่ตบบ่าโนอาห์เบาๆ

     

                “เจ้าตัวเกิดฟื้นขึ้นมาแล้วได้ยินเข้าคงตกใจน่าดู” โนอาห์หัวเราะออกมาเบาๆ ท่ามกลางรอยยิ้มของผู้คนบนโต๊ะอาหารแห่งนี้

     

                โต๊ะอาหารที่สมควรจะครึกครื้นกว่านี้เป็นสิบเท่า

     

                “เข้าใจใช่ไหม” เซเรน่าพูดขึ้นหลังจากเห็นโนอาห์ลุกพรวดจากเก้าอี้

     

                “เข้าใจเป็นอย่างดีเลยล่ะ” โนอาห์ยิ้มนิดๆก่อนจะกล่าวประโยคต่อไปด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง

     

                “เพราะงั้นฉันต้องทำให้คนที่นอนอยู่ตื่นมาช่วยฉันแบกปัญหาอีกล่ะนะ จะหลับนานเกินไปหน่อยแล้วว่างั้นไหม” โนอาห์ทิ้งท้ายเอาไว้แบบนั้น ก่อนจะสาวเท้าออกจากวงสนทนา

     

                วงสนทนาที่คละเคล้าไปด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกันไป

     

                มีเพียงหนึ่งเท่านั้นที่โดดเด่นยิ่งกว่าใครๆ

     

     

            สิ่งที่ได้ยินเมื่อซักครู่ ช่วยขีดเส้นคั่นเวลาให้กับโนอาห์ได้เป็นอย่างดี ซ้ำยังโชคดีที่ระยะเวลายังไม่กระชั้นชิดซะจนพวกเขาเตรียมการไม่ทัน ทั้งในส่วนภาครวมและส่วนแผนหลัก แต่ว่าเขาก็ยังวางใจไม่ได้อยู่ดี เพราะตราบใดที่ยังไม่รู้ว่าศัตรูไร้ตัวตนของเขาเป็นใครรวมถึงต้องการอะไร ก้าวเดินสำหรับฝ่ายเขานั้นช่างมีน้อยซะยิ่งกว่าน้อย

     

                โนอาห์คิดเรื่อยเปื่อยหลังจากเดินไปเก็บจานอาหาร

     

                พร้อมกับการรอต้อนรับของใครบางคนที่เขาไม่คาดคิดว่าจะโผล่ขึ้นมาในตอนนี้

    ประกาศ

    ในตอนนี้ผมคิดว่าสมควรแก่เวลาแล้ว  ที่จะเริ่มทำการรีไรท์ตอนแรกๆให้มีความอ่านง่าย กระชับ ไม่เยิ่นเย้อ ทั้งเพื่อเกลาภาษาและสำนวนให้ดีขึ้น ตรงไหนไม่จำเป็นก็ตัดทิ้ง หรือจะเพิ่มเนื้อหาบางส่วนเข้ามาให้เนื้อเรื่องมีความสมเหตุสมผลมากขึ้นกว่าเดิมในหลายๆด้าน

    เร็วๆนี้แน่นอนครับ =w=b

     

     

               

     

                

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×