ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Miracle Earth พิภพปาฏิหาริย์ : ปฐมบทแห่งราชันย์

    ลำดับตอนที่ #72 : ตอนที่ 70 พ่อค้าปิศาจ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.49K
      75
      4 พ.ค. 64

                            “ชีวิตของพวกเจ้า” ไรเซลและโรสตอบพร้อมกันราวกับว่านัดกันมาก่อน

     

     

     

               

                “ไม่นึกเลยว่าท่านจะต้อนรับข้าได้ดีถึงเพียงนี้”  ชาร์ลที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นของคฤหาสถ์ตระกูลสวานีเซียร์กล่าวขึ้น ดวงตาสีแดงสดมองมายังคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าของตนอย่างสนอกสนใจ

     

                หนึ่งในคนที่ทรงอำนาจที่สุดในเมืองแห่งนี้

     

                เวลเบอร์ สวานีเซียร์ หัวหน้าตระกูลสวานีเซียร์คนปัจจุบัน

     

                “ข้าคงต้องขออภัยแทนบุตรสาวของข้าด้วย ถ้าเผลอทำให้เจ้าขุ่นเคืองเข้า” เวลเบอร์พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะเอ่ยประโยคถัดไปด้วยน้ำเสียงที่กดลงต่ำเสียจนบรรยากาศในห้องแห่งนี้เริ่มเย็นลงถนัดตา

     

                “มีธุระอะไรก็จงเร่งว่ามา” ชายวัยกลางคนเกือบย่างวัยชราทิ้งท้ายประโยคด้วยท่าทีเป็นการเป็นงานมากกว่าปกติ ชาร์ลเองที่เห็นเช่นนั้นจึงได้แต่ลอบยิ้มอยู่ในใจอยู่คนเดียว

     

    “ข้าจะยังคงยืนยันคำเดิม บุตรสาวของข้าจะต้องปลอดภัย” เวลเบอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง นิ่งเสียจนชาร์ลอ่านไม่ออกว่าขุนนางคนนี้คิดอะไรอยู่กันแน่

     

                “ท่านคงล้อข้าเล่น” ชาร์ลยิ้มหยัน ถึงภายในใจกลับคิดไปอีกอย่าง

     

                “เหมือนอย่างที่เด็กคนนั้นบอกเอาไว้ไม่มีผิด บางทีเจ้าอาจจะหลงลืมไปเสียแล้วว่าเพื่อนของนางคือใคร” คำพูดของเวลเบอร์ที่ถึงกับทำให้ชาร์ลต้องหรี่ตามอง

     

                “นายวานิชที่น่ากลัวที่สุดในไอช่าคงเดินทางไปถึงที่นั่นแล้วกระมัง” ชายวัยสี่สิบกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจอย่างมากล้น ทุกอย่างล้วนอยู่การคาดการณ์ของเด็กหนุ่มคนนั้นแทบทั้งสิ้น

     

                เด็กหนุ่มที่บอกกับเขาว่าตนเป็นเพียงพ่อค้าธรรมดาที่พบเห็นได้ทั่วไป

     

                เวลเบอร์เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งว่าเด็กหนุ่มคนนั้นเป็นเพียงพ่อค้าธรรมดา

     

                พ่อค้าธรรมดาที่คอยคุมหมากกระดานนี้เอาไว้เสียจนอยู่หมัด

     

     

     

     

                “ข้าไม่นึกเลยว่าพักนี้ข่ายมนตร์ของเจ้าจะพังได้ง่ายปานนี้” โรสแมรี่เอ่ยทีเล่นทีจริง เพราะตั้งแต่คราวที่โนอาห์สามารถทำลายข่ายมนตร์ของไรเซลได้อย่างอัศจรรย์ ก็ยังมีครั้งนี้อีกหนที่ดูเหมือนว่าข่ายมนตร์ของไรเซลจะถูกทำลายลงอีกแล้ว

     

                ทว่ามันกลับไม่ใช่เช่นนั้น

     

                “ไม่ใช่...ข่ายมนตร์ของข้ายังคงอยู่ครบถ้วน” ไรเซลเอ่ยเสียงเครียดขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นการปรากฏตัวของบุรุษผู้มาใหม่  ในขณะที่ยูกิเลิกคิ้วตกใจเหมือนกับคาดไม่ถึงว่าคนๆนั้นจะมาอยู่ในที่แบบนี้ได้ ทางด้านเซเรน่าที่กำลังแก้ข่ายมนตร์จึงไม่อาจพูดอะไรได้แต่สีหน้าของเธอก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

     

                ถ้าหนึ่งในคนที่เธอไว้ใจที่สุดมาถึงที่นี้ด้วยตัวเองแล้วล่ะก็

     

                รับรอบได้ว่าเรื่องราวจะต้องง่ายดายราวกับปลอกกล้วยเข้าปาก

     

                สายตาทุกคู่ยกเว้นนัยต์ตาสีฟ้าของเซเรน่าจับจ้องไปที่ชายหนุ่มซึ่งอยู่ๆก็โผล่พรวดขึ้นมาอยู่ดื้อๆ โดยไม่มีใครซักคนในข่ายมนตร์แห่งนี้สามารถรับรู้ถึงการมาของชายคนนั้นได้เลยถ้าไม่หันไปมองเสียก่อน ผู้มาใหม่เป็นชายหนุ่มร่างสูง ใบหน้าหวานราวกับผู้หญิง แววตาสีฟ้าทอประกายวิบวับราวกับเจอเรื่องสนุก ผมสีเขียวปลิวไสวตามแรงผม สองมือไพล่หลังเดินเข้ามาหาพวกยูกิอย่างช้าๆแต่มั่นคง ทุกย่างก้าวของการเดินให้ความรู้สึกกดดันอย่างเห็นได้ชัด

     

                “เจ้าเป็นใครกัน...” ไรเซลถาม ไม่นึกมาก่อนว่าในแผนการครั้งนี้จะมีตัวหมากที่คาดไม่ถึงปรากฏตัวขึ้น

     

                “พ่อค้าที่บังเอิญผ่านทางมา...ก็เท่านั้น” เขาตอบกลับไปด้วยท่าทีสบายๆเสมือนหนึ่งมาเดินเล่นตลาดในเมืองก็เท่านั้น

     

                พ่อค้าที่มีนามว่า อารัน อลันเทียร์

     

       ถ้าโนอาห์เปรียบได้ตัวตลกที่มักสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับคนรอบข้างได้เสมอ อารันก็เปรียบประหนึ่งผู้เดินหมากในเกมกระดาน ที่สามารถรู้ความเป็นไปในองค์รวมประหนึ่งดูลายฝ่ามือของตน อาจจะกล่าวได้อย่างไม่เกินเลยซักนิดว่าห้วงความคิดของอารันนั้นมีน้อยคนนักที่จะเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ แม้กระทั่งปลาไหลอย่างโนอาห์ยังจนปัญญาในบางโอกาสเสียด้วยซ้ำ

             ถ้าโนอาห์เปรียบได้ตัวตลกที่มักสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับคนรอบข้างได้เสมอ อารันก็เปรียบประหนึ่งผู้เดินหมากในเกมกระดาน ที่สามารถรู้ความเป็นไปในองค์รวมประหนึ่งดูลายฝ่ามือของตน อาจจะกล่าวได้อย่างไม่เกินเลยซักนิดว่าห้วงความคิดของอารันนั้นมีน้อยคนนักที่จะเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ แม้กระทั่งปลาไหลอย่างโนอาห์ยังจนปัญญาในบางโอกาสเสียด้วยซ้ำ

     

                ยูกิเหลือบมองชายผู้มาใหม่ด้วยความรู้สึกประหลาด นายหญิงของเธอซึ่งก็คือซายากะเคยบอกมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วว่า ในโรงเรียนแห่งนี้จะเป็นศัตรูกับใครก็ได้ ยกเว้นผู้ชายที่ชื่ออารัน แต่ถึงอย่างนั้นอารันก็ยังเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่นายหญิงของเธอไว้ใจ เพราะตราบใดที่ผู้ชายคนนี้ยังเป็นมิตรอยู่ ก็ไม่มีเรื่องอะไรในโลกหล้าที่ต้องกังวลอีกต่อไป

     

                ในครั้งแรกยูกินึกว่านายหญิงของเธอชื่นชมผู้ชายคนนั้นเสียจนเกิดเหตุ

     

                จนมาวันนี้ถึงได้รู้กับตัวเองจนแจ่มแจ้งกระจ่างชัด

     

                ว่าใครกันที่เป็นผู้คุมหมากกระดานนี้อย่างแท้จริง

     

                “พวกเธอได้ซองจดหมายมาแล้วใช่หรือเปล่า” อารันเอ่ยถาม สายตายังคงจับจ้องไปยังศัตรูทั้งสองคนอย่างไม่วางตา

     

                “ใช่ พวกข้าได้รับมาแล้ว” ถึงแม้ยูกิจะประหลาดนิดหน่อยว่าทำไมอารันถึงได้รู้ว่าข่าวที่พวกเธอได้รับอยู่ในรูปแบบของจดหมาย แต่จะมาคิดตอนนี้ก็ไม่สร้างผลประโยชน์อันใด ยูกิจึงเลือกตอบไปตามความสัตย์จริง

     

                “ตอนนี้ฉันเองก็ยื่นมือเข้าไปแก้ข่ายเวทไม่ได้ด้วยสิ ยุ่งยากจริงๆแฮะ...เอาเป็นว่าสาวสวยคนนั้นฉันยกให้เธอจัดการแล้วกัน ส่วนอีกคนฉันจะรับมือเอง”  อารันถอนหายใจออกมาเบาๆ ถ้าไม่ติดขั้นตอนยุ่งยากในเรื่องความละเอียดอ่อนของการแก้ข่ายมนตร์แล้ว อะไรๆมันก็คงจะง่ายกว่านี้นับร้อยนับพันเท่า

     

                โดยปกติการที่จะแก้ข่ายมนตร์โดยการทำลายตรงๆนั้น ถ้าไม่ทดแทนขุมพลังแหล่งอื่นที่ทรงอำนาจกว่า เช่น ร่ายข่ายมนตร์ซ้อนทับ หรือระเบิดพลังอย่างที่โนอาห์เคยทำ ก็มีแต่ต้องร่ายเวทแก้ไขเป็นชั้นๆเท่านั้น ซึ่งในกรณีนี้ถ้าเริ่มขั้นตอนไปแล้วจะมีคนมาแทรกทีหลังไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นพลังเวทจะย้อนกลับจนอาจเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ หรืออย่างร้ายแรงที่สุดก็คือข่ายมนตร์ระเบิดออกเพราะขาดความเสถียร

     

                แน่นอนว่าถ้าเป็นแบบนั้นคนที่อยู่ข้างย่อมเสียชีวิตกันหมดทุกคน

     

                อีกอย่างมันเอิกเกริกเกินความจำเป็นในความคิดของอารัน

     

                “จะมั่นใจตัวเองเกินไปหน่อยแล้วมั้ง นึกว่ากลบร่องรอยตัวตนได้แล้วจะแน่มากหรือไง” โรสแมรี่เอ่ยเสียงเครียด พยายามทำให้ฝ่ายตนเป็นต่อมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

     

                เสียแต่ว่าเธอเล่นผิดคน

     

              เสียแต่ว่าเธอเล่นผิดคน

     

                “ใครบอกกันว่าฉันกลบร่องรอยตัวเอง แล้วก็....มัวแต่พูดแบบนั้นระวังโดนดีเข้าล่ะ” อารันพูดพลางหัวเราะขึ้นมาเบาๆ ก่อนจะเพยิดหน้าไปทางด้านข้างเหมือนส่งสัญญาณเตือนอะไรบางอย่าง

     

                เวลานั้นเองโรสแมรี่พลางรู้สึกถึงจิตสังหารที่พุ่งเข้ามาคุกคามตนได้อย่างชัดเจน ยูกินั้นได้เคลื่อนตัวเข้ามาโจมตีเธอตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่ทราบ ทำให้มือสังหารสาวสวยไม่มีทางเลือกนอกจากถอยฉากหนีไปด้านข้างเพื่อขยายขอบเขตการปะทะให้มากที่สุด ที่สำคัญในตอนนี้เธอย่อมรู้ดีว่าคนอย่างไรเซลย่อมไม่มีกะใจมาร่วมมือหรือช่วยเหลือเธออยู่แล้ว

     

                เพราะมันได้เจอกับเหยื่อชิ้นโตเข้าแล้ว

     

                “ไม่นึกเลยว่ายุคสมัยนี้จะมีเด็กรุ่นใหม่ที่ทำให้ข้าตกใจได้อยู่ตลอดเวลา...” ไรเซลพึมพำด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พยายามหาช่องโหว่ในตัวของอารันแทบทุกซอกทุกมุม ทว่ากลับไม่พบเลยแม้แต่จุดเดียวที่ซึ่งไรเซลสามารถหยิบฉวยโอกาสได้

     

                “คลื่นลูกหลังมักแรงกว่าคลื่นลูกแรกเสมอ” อารันยิ้มพราวระยับ ยกมือทั้งสองข้างที่แต่เดิมไพล่หลังขึ้นมาด้านหน้า พร้อมกับถือคัมภีร์เวทที่ไม่รู้ว่าหยิบมาตั้งแต่ตอนไหนอยู่ข้างละม้วน อารันทิ้งม้วนคัมภีร์ที่อยู่ในมือข้างซ้ายลงกับพื้น ก่อนจะโยนอีกม้วนในมือข้างขวาไปด้านหน้า

     

                เวทมนตร์ไร้ธาตุ ระดับ 3 เสริมกายา

     

              ม้วนคัมภีร์เวทที่ถูกทิ้งที่พื้นสำแดงอิทธิฤทธิ์ก่อนใครเพื่อน แสงสว่างจากวงเวทที่ใต้เท้าของอารันทอแสงเจิดจ้าขึ้นชั่วครู่  ก่อนจะดับมอดลงไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน แต่อารันกลับรู้สึกได้ชัดเจนว่าในตอนนี้พลังกายของตนเพิ่มสูงขึ้นจนแทบกลายเป็นคนใหม่ ผลลัพธ์ของเวทเสริมพลังไม่เคยทำให้เขาผิดหวังจริงๆ

     

                เวทมนตร์ธาตุดิน ระดับ 2 หมอกทราย

     

              พายุทรายขนาดเล็กพลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้าอารันเสมือนกับกำแพงป้องกัน ทว่าสิ่งที่พ่อค้าคนนี้ตั้งความหวังเอาไว้ไม่ใช่ให้มันป้องกันหรือโจมตีไรเซล แต่เพียงเพราะบดบังทัศนวิสัยของไรเซลให้มืดบอดไปชั่วครู่ หลังจากนั้นตนจะทำการสิ่งใดย่อมง่ายดายขึ้นมาก

     

                “แต่ถ้าไม่มีคลื่นลูกแรกพัดพามาก่อน เจ้าคิดหรือว่าจะมีคลื่นลูกหลังตามมา” ไรเซลกล่าววาจาเย็นยะเยือกหวังจะให้ผู้ฟังทุกคนหนาวจนใจสะท้านไปถึงทรวงใน มือขวาของเขาตวัดลงฉับพลันราวกับว่าไล่แมลงตัวเล็กๆตัวหนึ่ง

     

                หัตถ์ขวาแห่งเทพผู้สร้าง

     

           

          แรงบีบอากาศบีบอัดยังเบื้องหลังของม่านหมอกทรายทุกทิศทุกทาง หลังจากนั้นเพียงไม่กี่กระพริบตาคน หมอกทรายขนาดเล็กก็ได้สลายหายไปจนสิ้น ไรเซลคิดว่าตนจะต้องได้เห็นศพของคนปากดีหรือแม้กระทั่งร่อยรอยการบาดเจ็บอยู่บ้าง แต่ว่าสิ่งที่นัยต์ตาสีม่วงมองเห็นนั้นกลับพบแต่เพียงความว่างเปล่า

     

                “นายนี่เองคนที่โนอาห์บอกเมื่อตอนนั้น ผู้ใช้เวทสายพิเศษที่ไม่เคยมีมาก่อน ดูเหมือนว่าจะเจ้าหมอนั่นจะกล่าวเกินจริงไปหน่อยซะล่ะมั้ง” อารันที่ซึ่งโผล่มาทางด้านซ้ายของไรเซลยิ้มหยันขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่จะคลี่คัมภีร์เวทในมือข้างซ้ายเพื่อให้เวทที่ผนึกไว้ทำงาน

     

                เวทมนตร์มายา ระดับ 4 เงาภูตพราย

                 ร่างของอารันพลันแยกออกมาถึงห้าร่าง อีกทั้งแต่ละร่างยังขยับตัวพร้อมกันทุกระเบียดนิ้ว ไรเซลเริ่มทวีความเครียดขึ้นมาทันที เพราะเขาคิดได้ว่าบางทีบุรุษหัวเขียวคนนั้นอาจจะล่วงรู้ถึงความลับในเวทมนตร์ประจำตัวของเขาแล้วก็เป็นได้ อีกทั้งไรเซลยังไม่เคยได้มาก่อนว่ามีจอมเวทคนใดในโลกใบนี้ใช้คัมภีร์เวทในการต่อสู้จริงประหนึ่งอาวุธหลัก

     

                ถ้าไม่ใช่จอมเวทที่โง่เง่าเต่าตุนที่สุดในประวัติศาสตร์

     

                ก็คงเป็นมหาปราชญ์ผู้ชาญณรงค์ในทุกสิ่งสรรพ

     

                “เจ้านั่น...” โรสแมรี่ที่กำลังรับมือกับยูกิพึมพำขึ้นมาเบาๆ หลังจากเห็นเพื่อนร่วมงานของตนเจอสถานการณ์ที่ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่นัก บางทีถ้าเขาและเธอร่วมมือกันต่อสู้ผลที่ได้อาจจะออกมาดีกว่านี้ แต่ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนจะเป็นไปตามที่ชายหัวเขียวลิขิตเอาไว้ซะหมด โรสแมรี่ไม่สามารถปลีกตัวไปช่วยไรเซลได้เพราะติดพันกับยูกิ เช่นเดียวกับไรเซลที่แค่คอยตั้งสมาธิรับมืออารันก็ลำบากมากพอแล้ว

                

     

              “ช่องว่าง” ยูกิรำพึงรำพันขึ้นมาเบาๆก่อนจะง้างดาบคาตะนะในมือฟาดฟันไปที่โรสแม่รี่เต็มแรง หมายมั่นปั้นมือจะให้ตายในการโจมตีเพียงครั้งเดียว

     

                แต่ยอดฝีมือก็ยังคงเป็นยอดฝีมือ โรสแมรี่สามารถชักมีดกลับมาป้องกันดาบคาตะนะของยูกิไว้ได้ทันท่วงที ทว่าการโจมตีของนักดาบเวทมนตร์ไม่ได้มีแค่นั้น หญิงสาวตวัดปลอกดาบในมืออีกข้างฟาดเข้าไปที่เอวของโรสแมรี่ด้วยความว่องไวเกินกว่ามือสังหารสาวจะป้องกันทัน

     

                “อั๊ก!” โรสแมรี่เซถลาไปทางด้านหลัง แม้เธอจะถอยหนีเพื่อลดแรงปะทะได้กึ่งหนึ่งแต่โดยรวมแล้วยังถือได้รับความเสียหาย ในใจพาลคิดไปว่าต้องมีกระดูกซีกใดซักหนึ่งหักไปแล้วเป็นแน่แท้

     

                 ก่อนที่หญิงสาวจะโถมตัวเข้าบุกโรมรันกับนักดาบที่มีฝืมือทัดเทียมกับตนอีกครั้ง อาจจะเรียกได้ว่าศีกในครั้งนี้หนักหนากว่าครั้งที่ไรเซลและโรสแมรี่ใช้วิธีกลุ้มรุมโนอาห์มากนัก ในตอนนี้ถึงจะได้รับความบาดเจ็บกันทั้งสองฝ่าย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าโนอาห์ไม่ทำอะไรที่ไม่เสี่ยงทำอะไรบางอย่างขึ้นมาในตอนนี้ บางทีคงเป็นไรเซลและโรสแมรี่ที่ต้องเอาชีวิตมาทิ้งในรั้วโรงเรียนอวาลอน

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×