ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Miracle Earth พิภพปาฏิหาริย์ : ปฐมบทแห่งราชันย์

    ลำดับตอนที่ #73 : ตอนที่ 71 เมธีซ่อนเร้น

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.46K
      67
      31 พ.ค. 64

                 ก่อนที่หญิงสาวจะโถมตัวเข้าบุกโรมรันกับนักดาบที่มีฝืมือทัดเทียมกับตนอีกครั้ง อาจจะเรียกได้ว่าศีกในครั้งนี้หนักหนากว่าครั้งที่ไรเซลและโรสแมรี่ใช้วิธีกลุ้มรุมโนอาห์มากนัก ในตอนนี้ถึงจะได้รับความบาดเจ็บกันทั้งสองฝ่าย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าโนอาห์ไม่ทำอะไรที่ไม่เสี่ยงทำอะไรบางอย่างขึ้นมาในตอนนี้ บางทีคงเป็นไรเซลและโรสแมรี่ที่ต้องเอาชีวิตมาทิ้งในรั้วโรงเรียนอวาลอน

     

                บางสิ่งบางอย่างที่พิสดารเกินกว่าเด็กอายุแค่นั้นจะสามารถทำได้

     

                นับว่ายังโชคดีที่ตอนนั้นเหมือนจะการทดลอง

     

                ไม่งั้นผลลัพธ์คงจะออกมาในรูปแบบสุดแสนยากลึกหยั่งถึง

     

                ขณะที่โรสแมรี่กำลังต่อสู้อยู่กับยูกิอย่างก้ำกึ่ง ต่างฝ่ายพลัดกันใช้กระบวนท่าที่ตนถนัดเพื่อเอาชิงความเป็นหนึ่งอยู่นั้น ทางด้านอารันและไรเซล ศึกระหว่างจอมเวทและจอมเวทกลับตระการกว่ามากนัก เวทมนตร์สารพัดชนิดซึ่งมีที่มาจากอารันห้าคนผลัดกันใช้ใส่ไรเซลอย่างสนุกมือ ทว่าหัตถ์ขวาแห่งเทพผู้สร้างก็นับได้ว่าเป็นเวทมนตร์ประจำตัวชั้นยอด นอกจากจะป้องกันการโจมตีได้ทั้งหมดจนมีบางส่วนกระเด็นไปโดนข่ายมนตร์ ยังมีบางจังหวะที่สามารถโจมตีสวนเข้ามาได้อีก

     

                แต่อารันคิดว่าการเก็บเกี่ยวข้อมูลเอาไว้เพียงเท่านี้คงจะดีเสียกว่า

     

                “เวทมนตร์ประจำตัวของนายน่าสนใจก็จริง แต่มันมีข้อบกพร่องอะไรบางอย่างใช่ไหมล่ะ” อารันหนึ่งคนเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่อารันร่างแยกสี่คนที่เหลือคอยโจมตีด้วยเวทมนตร์สารพัดชนิดจากม้วนคัมภีร์เวทที่ดูเหมือนจะไม่มีวันหมด ทำให้ไรเซลได้แต่ฟังอยู่ข้างเดียว ไม่มีสิทธิ์ตอบโต้อะไรทั้งนั้น

     

                “ฉันว่าในข้อนี้โนอาห์ก็รู้เหมือนกันกับฉัน แต่น่าเสียดาย...สำหรับเจ้านั่นคงเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยเกินกว่าที่จะปริปากบอก นิสัยเสียของมันเลยล่ะ ว่างั้นไหม” ชายหัวเขียวยักไหล่ถามความคิดเห็น แน่นอนว่าเขาไม่ได้หวังคำตอบจากไรเซลตั้งแต่แรก

     

                “ด้วยเวทมนตร์ประจำตัวของนาย ทำให้นายไม่สามารถใช้เวทมนตร์ชนิดใดๆได้อีกเลย ข้อนี้ฉันก็สงสัยตั้งแต่ที่ได้ฟังเจ้านั่นเล่าแล้ว แต่ว่าก็อยากลองพิสูจน์ด้วยตาตัวเองอีก ซึ่งผลที่ได้ก็เป็นอะไรที่น่าพอใจน่าดู”  อารันยิ้มน้อยๆ เหลือบมองไปทางเซเรน่าที่ดูเหมือนจะใกล้แก้ข่ายมนตร์ที่คอยตัดขาดพวกเขาจากโลกภายนอกได้อย่างสมบูรณ์เข้าไปทุกขณะ

              “แต่ว่าสิ่งที่ฉันพูดไปเมื่อกี้มันก็จะไปขัดกับข่ายมนตร์ที่ขังพวกเราอยู่ตอนนี้ ซึ่งคนร่ายมันก็คือนายแน่ๆ ก็เลยลองทดสอบโดยการโยนหินถามทางนิดหน่อย...ผลที่ได้ก็เป็นที่ชัดเจน” อารันแสยะยิ้ม ในขณะที่ไรเซลซึ่งกำลังรับมือกับเวทมนตร์จากร่างแยกของอารันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ไม่นึกเลยว่าเวทมนตร์เกือบทั้งหมดที่กระเด็นไปทางอื่นด้วยผลของหัตถ์ขวาแห่งเทพผู้สร้างจะมาจากความตั้งใจของเจ้าตัวเอง

     

                “สัมผัสของคนร่ายเวทเองกับคนที่ใช้คัมภีร์มันเหมือนกันข้อนี้ใครๆก็รู้ แค่นึกไม่ถึงว่าจอมเวทที่ดูทรงภูมิอย่างนายจะมาใช้คัมภีร์เวทกับเขาด้วย แต่มันก็ทำให้ฉันรับรู้ข้อมูลใหม่ๆหลายอย่างเลยล่ะ เช่น พวกนายคงจะมีคนอื่นร่วมขบวนการอยู่อีก และดูเหมือนจะมีฝีมืออยู่ไม่น้อย น่าสนใจๆ...” อารันยกมือกุมคางพยักหน้าไปมาอย่างน่าถีบ ทว่าไรเซลกลับทำเช่นนั้นไม่ได้ จึงได้แต่กัดฟันกรอดๆอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก

     

              หัตถ์ขวาแห่งเทพผู้สร้าง

     

              พริบตาร่างแยกของอารันทั้งสี่ร่างพลันสลายหายกลายเป็นหมอกควัน ในขณะที่ตัวจริงกำลังนั่งยองๆอยู่คนละจุดก่อนหน้าที่อารันยืนอยู่ เจ้าตัวค่อยๆปัดมือพลางลุกขึ้นช้าๆ ในตอนนี้ใบหน้าของพ่อค้าจอมเวทกำลังจริงจังต่างจากเมื่อครู่เป็นคนละคน

     

                ดวงตาแห่งธอธ

     
           ไรเซลมองภาพตรงหน้า ก่อนที่จะคิดทบทวนในใจเพียงอย่างเดียวว่าต้องจัดการคนตรงหน้าลงให้ได้ เพราะดูเหมือนความอันตรายที่มีอยู่ในตัวของชายผู้นี้จะมีไม่น้อยไปกว่าคนต่างโลกอย่างโนอาห์เลยด้วยซ้ำ อีกทั้งยังสามารถคาดเดาข้อเสียของหัตถ์ขวาแห่งเทพผู้สร้างได้อย่างแม่นยำ และเรื่องของข่ายมนตร์ที่มีเพียงเขากับชาร์ลเท่านั้นที่รู้

     

                บางทีถ้าชายคนนั้นได้เติบใหญ่ต่อไปในวันข้างหน้า

     

                ความสำเร็จที่อารันสามารถทำได้อาจจะยิ่งใหญ่ไม่แพ้วีรกรรมเมื่อครั้งกาลก่อน

     

                แน่นอนว่าอารันก็คิดเฉกเช่นเดียวกับที่ไรเซลวิตกกังวล

     

                แค่แตกต่างกันตรงที่ในความสำเร็จนั้นไม่ได้มีเพียงตนผู้เดียวที่ได้ยืนอยู่ตรงจุดนั้น

             

    “ไม่นึกเลยนะครับว่าคุณโนอาห์จะมีฝีมือร้ายกาจถึงขนาดนั้น” นิกซ์พูดขึ้นในขณะที่เดินออกมาจากสนามประลองพร้อมกับโนอาห์และซายากะ ซึ่งในตอนแรกมีฮาร์ทเดินเกาะติดมาด้วย แต่ว่าได้แยกออกไปก่อนหน้านี้

     

                ผลการประลองจบลงอย่างเหนือความคาดหมายของใครหลายๆคน ในอีกมุมหนึ่งก็ตรงกับใครที่บางคนคิดเอาไว้ในใจ ทั้งนี้เนื่องจากไม่มีใครคาดคิดอย่างเด็ดขาดว่าผู้ที่ถูกกล่าวถึงในช่วงเวลานี้มากที่สุดอย่างโนอาห์ จะมีความสามารถโดดเด่นไม่แตกต่างจากชื่อเสียงของเจ้าตัวเลยแม้แต่น้อย ซึ่งในส่วนนี้โนอาห์เองก็ได้ยิ้มกรุ้มกริ่มในใจอยู่คนเดียว เพราะว่าอุบายเก็บงำฝีมือของตนประสบผลสำเร็จอย่างงดงาม

     

                ถ้าเหตุการณ์ครั้งนี้ช่วยให้ชื่อเสียงของโนอาห์ถูกกล่าวถึงไปในทางที่ดีมากขึ้น ในขณะเดียวชื่อชั้นของอาเบลกลับถูกลดระดับลงชนิดที่ว่าฟังดูแล้วน่าใจหาย และหลังจากการประลองโนอาห์ก็ได้รับรู้ถึงข้อเท็จจริงอีกอย่างในโลกใบนี้ว่ายังไม่ไร้น้ำใจไปซะทีเดียว เพราะยังมีนักเรียนจำนวนไม่น้อยมาร่วมแสดงความยินดีหรือผูกมิตรกับเขาจนต้องให้ฮาร์ทใช้สิทธิของประธานนักเรียนช่วยเบิกทางเดินให้ โนอาห์คิดว่าในบรรดานักเรียนคงไม่ได้ปักใจเชื่อเรื่องเขาเป็นบุคคลในคำทำนายไปซะหมด

     

                ในทางกลับกัน ผู้ใดที่ยึดมั่นในคำทำนายนั้น

     

                ก็ยิ่งเป็นการตอกตะปูย้ำฝาโลงเข้าไปอีกหลังจากได้เห็นความสามารถของโนอาห์

     

                “ดูท่าเจ้านั่นกับฉันคงมองหน้ากันไม่ติดไปอีกนาน” โนอาห์เปรยขึ้นด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ ถ้าเลือกได้เขาก็ไม่อยากจะเดินในเส้นทางนี้เท่าไหร่นัก การสร้างความบาดหมางแม้เพียงหนึ่งครั้งก็ยังนับว่าไม่ควรที่จะทำ ยิ่งในสภาวะเช่นนี้ที่โนอาห์ต้องระวังตัวเป็นพิเศษ

     

                “ไม่หรอกค่ะ คิดในอีกมุมหนึ่งเราอาจจะได้เพื่อนร่วมเดินทางที่คาดไม่ถึงก็ได้นะคะ” ซายาแย้ง เหรียญมักมีสองเหรียญสองด้านเสมอ เช่นเดียวกับผลลัพธ์ของการกระทำที่อาจจะเป็นได้มากกว่าหนึ่ง

     

                “ถ้าเป็นแบบนั้นฉันจะดีใจมากเลยล่ะซายา...เฮ้อ หวังว่าพวกที่ออกไปข้างนอกจะได้ข่าวคราวอะไรมาบ้างนะ” โนอาห์ถอนหายใจออกมาเบาๆ วันนี้เขาเจอเรื่องแย่ๆมามากแล้ว ถ้าเลือกได้ก็ขอให้มีเรื่องอะไรดีๆเข้ามาในชีวิตบ้างก็ยังดี

     

                ราวกับสวรรค์กลั่นแกล้ง มหาอเวจีสาปแช่ง

     

                ชีวิตของคนเรามันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น


     

              บนฟากฟ้าที่เต็มไปด้วยก้อนเมฆและแสงแดดพอประมาณ พลันปรากฏเส้นแสงสีดำพาดผ่านนภากาศ เริ่มจากจุดเล็กๆจนขยายออกมาเป็นจุดที่ใหญ่ขึ้น จนเห็นได้แน่ชัดแล้วว่าเป็นลูกศรสีดำสนิทราวกับท้องฟ้ายามราตรี อีกทั้งยังพุ่งแหวกชั้นบรรยากาศมาหาใครบางคนที่กำลังเดินอยู่บนพื้นดินด้วยความรวดเร็วราวกับเรื่องโกหก เร็วซะจนผู้ฝึกยุทธ์อย่างโนอาห์ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเป้าหมายของศรดอกนั้นยังไม่ทันที่จะล่วงรู้ถึงการคงอยู่ของศรดอกนั้น

     

                “ระวัง!!” ซายากะตะโกนเสียงดังลั่น จนโนอาห์และนิกซ์สะดุ้งเล็กน้อย แหงนหน้ามองหัวลูกศรสีดำทมิฬด้วยความรวดเร็ว ที่เธอสามารถรับรู้ถึงลูกศรดอกนั้นได้ก่อนโนอาห์ไม่ได้หมายความว่าประสาทสัมผัสโดยรวมของเธอจะเหนือกว่า แต่เป็นเพราะนิสัยขี้ระแวงกางข่ายเวทตรวจสอบไว้ตลอดเวลา โดยข่ายเวทที่ว่ามีขนาดสิบเมตรโดยอิงจากตัวเธอเป็นศูนย์กลาง

     

                หลังจากนั้นพลันสีหน้าของทั้งสามพลันตื่นตระหนกจนถึงขีดสุด

     

                ในขณะที่บางคนยิ้มกระหย่องในสถานที่ที่ไกลออกไป

     

               

               

        เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ เธอ ยูกิและอารันได้รีบบึ่งกลับมาโรงเรียนแทบจะในทันทีที่เวทแจ้งเตือนทำงาน ถึงอย่างนั้นเซเรน่าก็ยังคงมีความหวังอยู่ในใจว่าอย่างน้อยก็ขอให้เป็นแค่ความผิดพลาดของวงจรเวทหรือเกิดอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อย น่าเสียที่ความจริงมักเป็นเรื่องบาดหู ทันทีที่พวกเธอสามคนย่างเท้าก้าวเข้ามาในโรงเรียน นักเรียนทั้งหมดต่างพากันบอกเล่าเป็นเรื่องเดียวกันจนไม่น่าจะใช่เรื่องบังเอิญ จนจุดหมายแรกของพวกเธอเป็นห้องพยาบาล

     

                คำบอกเล่าที่มีเนื้อหาสั้นๆไม่กี่ประโยค

     

                แต่ก็ทำให้ผู้ฟังบางคนถึงกับหนาวสะท้านจนจิตใจสั่นไหว

     

     

                ได้ข่าวไม่ตายก็คาดว่าไม่น่าจะฟื้นมาอีกเลย

     

                “นายว่าหลังจากนี้จะมีเรื่องอะไรตามมาบ้าง” เสียงๆหนึ่งดังขึ้นตามมา ต้นตอมาจากบุรุษผมดำที่เดิมแล้วเป็นเป้าหมายของลูกศรปริศนาดอกนั้น ซึ่งในยามนี้ไม่เหลือเค้าของชายหนุ่มผู้ร่าเริงได้ตลอดศกอยู่เลยแม้แต่น้อย

     

                “อาเบย์โนะต้องเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน รวมถึงคำเตือนที่ใครก็ตามมันแฝงมากับลูกศรดอกนั้น...” คนที่ดูรอบรู้มากที่สุดตอบด้วยน้ำเสียงที่ปราศจากความมั่นใจโดยสิ้นเชิง ชายหัวเขียวไม่ได้คาดคิดเลยว่าผลที่ออกมาจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้

     

                “แต่ที่สำคัญ....คุณยูกิครับ หวังว่าคุณจะไม่ทำอะไรบ้าๆนะ” นิกซะพูดขึ้น  หันไปมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ใกล้ชิดกับซายากะซึ่งนอนอยู่บนเตียงมากที่สุด

    “แต่ที่สำคัญ....คุณยูกิครับ หวังว่าคุณจะไม่ทำอะไรบ้าๆนะ” นิกซะพูดขึ้น  หันไปมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ใกล้ชิดกับซายากะซึ่งนอนอยู่บนเตียงมากที่สุด

     

                มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่ตอบกลับมา ถึงกระนั้นพวกเขาทั้งหมดก็เข้าใจดีว่าสภาพจิตใจของยูกิตอนนี้จะมีสภาพยังไง ขนาดพวกเขาที่รู้จักผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งปียังเป็นเอาได้มากขนาดนี้ ถ้าเป็นยูกิที่อยู่กับซายากะมาตั้งแต่ยังเล็กยังน้อยราวกับพี่น้องท้องเดียวกันจะรู้สึกแบบไหน แค่เธอไม่สติแตกโผล่พรวดถามหาคนที่เป็นต้นเหตุของลูกศรดอกนั้นก็ถือว่าใจเย็นมากเท่าไหร่แล้ว

     

                หรือบางทีการที่ไม่พูดอะไรเลยซักคำ

     

                อาจจะเป็นเรื่องที่พึงต้องระวังมากกว่าปกติก็เป็นได้

     

               

     

                “แล้วแบบนี้...พวกเราจะเอายังไงกันต่อ” เซเรน่าถาม เธอสับสนซะจนไม่รู้แล้วว่าควรทำอะไรต่อไป หรือควรเริ่มจากจุดไหนดี

     

                ในตอนแรกที่เซเรน่ามาถึงห้องพยาบาล พอได้เห็นคนที่นอนซมบนเตียงท่ามกลางเพื่อนๆชั้นปีหนึ่งหอซูซาคุที่บางคนอุตส่าห์รีบบึ่งมาดูอาการเพื่อนสาวคนสำคัญ ห้วงความคิดของหญิงสาวพลันลืมเลือนภารกิจที่ต้องทำในวันนี้ไปโดยสิ้นเชิง ในขณะที่อารันมีสีหน้าซีดเผือดเป็นครั้งแรกในรอบหลายวัน ส่วนยูกินั้นรีบปราดเข้าไปดูซายากะใกล้ๆตั้งแต่แรกเห็น

     

                มันอาจจะมีความหวังอยู่บ้าง ถ้าสิ่งที่ทำให้เซเรน่าต้องมานอนอยู่ในสภาพนี้เป็นเวทมนตร์สายคำสาปซึ่งนับได้ว่ามีอานภาพร้ายแรงชนิดที่หวังผลได้ในทันที โชคดีที่หญิงสาวมีสายเลือดของกึ่งหนึ่งเป็นปิศาจตามต้นกระกูลของเธอ ทำให้ชีวิตดวงน้อยๆยังไม่ดับดิ้นไปในทันที แต่ว่านั้นก็ทำให้ซายากะต้องอยู่ในสภาพเจ้าหญิงนิทราจนกว่าจะหาคนแก้คำสาปนี้ได้

     

                และนั้นเองที่คอยดับความหวังของพวกเขาโดยสิ้นเชิง

     

                ไม่เคยมีบันทึกฉบับใดที่จะบอกวิธีแก้คำสาป”ร้อยอเวจี”หรือคนที่รอดพ้นจากคำสาปชนิดนี้มาก่อน ขนาดอารันยังไม่มั่นใจว่าระดับเจ็ดจ้าวมนตราจะแก้ไขคำสาปบทนี้ได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม พวกเขาต้องหาข้ออ้างกันยกใหญ่ถึงจะเบี่ยงปัดพ้นประเด็นสำคัญของการลอบสังหารครั้งนี้ซึ่งพวกโนอาห์ต่างรู้กันดี และด้วยเหตุผลนี้ที่ทำให้เจ้าของต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมดมีสีหน้าไม่แตกต่างไปจากยูกิ จนกระทั่งจำนวนคนเริ่มบางตาจนเหลือไว้เพียงผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องราวครั้งนี้อย่างลึกซึ้ง

     

                บางทีเขาไม่ควรจะมีตัวตนอยู่โลกใบนี้

     

                โนอาห์คิดเช่นนั้นหลังจากภายในห้องเหลือเพียงหกคน

     

                “ในตอนนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน...” อารันตอบ แม้แต่คนๆนี้ยังให้คำตอบเธอไม่ได้ คนที่เธอคิดว่าวางแผนเอาไว้ทุกอย่างสำหรับเรื่องราวภายในวันนี้ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ เซเรน่าก็คิดว่าคงไม่มีใครที่สามารถตอบคำถามเธอได้อีก

     

                หลังจากนั้นทั้งห้องก็ถูกปกคลุมไว้ด้วยความเงียบ

     

                ความเงียบที่คอยปลอบโยนพวกเขาเอาไว้

     

                ไม่ให้แสดงความรู้สึกอื่นใดมามากกว่านี้

     

     

     

    แจ้งข่าวเล็กน้อย

     

    ตอนซ้ำผมได้ทำการแก้ไขแล้วนะครับ 

    ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×