ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Miracle Earth พิภพปาฏิหาริย์ : ปฐมบทแห่งราชันย์

    ลำดับตอนที่ #234 : นายคิดเหมือนฉันใช่ไหม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 295
      14
      12 ก.ย. 63

    อีกด้านหนึ่งสหายสนิทที่ว่าก็กำลังเผชิญหน้ากับเรื่องยุ่งยากที่คาดไม่ถึงเช่นเดียวกัน จริงอยู่ที่อารันแอบใส่ทริคในสมการเวทมนตร์นิดหน่อย ซึ่งผลลัพธ์ในหัวก็คือโนอาห์กับเซเรน่าสมควรไปโผล่ที่เดียวกัน เพียงแต่ด้วยข้อผิดพลาดที่เขาเองก็ยังไม่ทราบ อารันจึงมาโผล่พร้อมกับอาเบลที่กำลังกุมหัวอยู่เช่นกัน

                “เอาล่ะ นับดูซิว่ามีกี่คน” อาเบลเอ่ย “หนึ่งคือนาย สองคือฉัน...แล้วสามล่ะ? หมดแล้ว! เหลือกันแค่นี้!”

                ไม่แปลกที่อาเบลจะหัวเสีย สถานการณ์ในเมืองยามาไทร้ายแรงขนาดไนเด็กสามขวบในทวีปไอช่าก็ยังรู้ดี ด้วยสถาวะการณ์เช่นนี้ จริงอยู่ที่เพื่อนพ้องหน้าใหม่ของเขาแต่ละคนมีแต่พวกเหนือมนุษย์กันทั้งนั้น แต่ว่ากันตามตรงก็สมควรกลมเกลียวกันไว้ถึงจะดีไม่ใช่หรือ ดังภาษิตที่ว่ารวมกันเราอยู่แยกหมู่เราตาย แต่พอมาเป็นแบบนี้ เกรงว่าจะได้แยกกันตายสมใจอยาก

                “นายก็มองโลกในแง่ร้ายเกินไป คิดในแง่ดี...อย่างน้อยเราก็มาถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย” อารันยิ้มเจื่อนๆ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าอาเบลจะไม่จินตนาการดีถึงขนาดเดาถูกว่าต้นเหตุของความผิดพลาดมาจากเขา

                อาเบลกลอกตาไปมา อันที่จริงได้จับคู่กับอารันเองก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเท่าไหร่ อย่างน้อยฝีมือหมอนี่ก็ไว้ใจได้ และว่ากันตามเนื้อผ้า อารันมีความเป็นผู้เป็นคนที่สุดแล้วถ้าเทียบกับคนอื่น

                “นั่นก็ไม่แน่ ยกเว้นแต่ว่านายคนมาแถวเมืองยามาไทมาก่อน” อาเบลแค่นยิ้ม ตรงนี้มองไปทางไหนก็เจอแต่ต้นไม้ ที่แปลกหน่อยก็คือบรรยากาศแปลกๆที่น่าจะมีผลมาจากการบุกโจมตีของพวกปิศาจ

                อารันยิ้มละไม “โชคดีที่ฉันเคยแวะมาเมืองยามาไทอยู่บ้าง อืม...ถึงจะดูแปลกไปซักหน่อย แต่เรามาถูกที่ไม่ผิดแน่” เขามองรอยๆก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงแปลกๆ

                อาเบลหรี่ตามองพ่อค้าหัวเขียวด้วยความรู้สึกลึกล้ำสุดหยั่ง หากจะบอกว่าในบรรดาคนทั้งหมดอารันมีคุยง่ายที่สุด ในอีกมุมหนึ่งเจ้าหมอนี่ก็เต็มไปด้วยความลับมากที่สุดเช่นเดียวกัน เพราะแม้กระทั่งเจ้าโนอาห์ที่เนื้อแท้มาจากต่างโลกเขายังรู้แล้วเลย แต่ที่มาของอารันออกจะมืดมนอยู่บ้างจริงๆ

                “ตอนนี้พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน เรารีบออกเดินทางกันดีกว่า ยกเว้นนายอยากยืดเส้นยืดสายล่ะก็นะ” อารันยักไหล่ ไม่สนใจสายตาแปลกๆที่อาเบลส่งมาให้แม้แต่น้อย

                ทั้งสองจึงมุ่งหน้าเดินเท้าโดยมีอารันเป็นคนนำทาง แต่ยิ่งเดินไปไกลจากจุดเดิมเท่าไหร่ทั้งคู่ยิ่งรู้สึกได้ถึงพลังเวทอันดำมืดที่หนาแน่นมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งในสถานการณ์ทั่วไปออกจะเป็นเรื่องประหลาดโดยแท้จริง ยิ่งไม่ต้องพูดถึบกับตอนนี้ที่ทั่วทั้งแผ่นดินจะลุกเป็นไฟอยู่แล้ว

                “ฉันว่ามันแปลกๆอยู่นะ...” อาเบลคิ้วกระตุก ภาวนาให้ความคิดของเขามันไม่ถูกต้อง

                อารันเองก็สัมผัสได้เช่นเดียวกัน จากประสบการณ์เฉียดเป็นเฉียดตายของเขาหลายต่อหลายครั้ง รวมไปถึงองค์ความรู้ด้านเวทมนตร์ที่มีอยู่ในหัว ต่อให้พื้นที่แถบนี้จะเคยมีพวกปิศาจเดินเพ่นพ่านกันมากไหน หรือมีการประกอบพิธีกรรมมนต์ดำมากเพียงใด มันก็ไม่น่าจะมีไอมนต์ชั่วร้ายลอยคลุ้งอยู่แบบนี้

                ยกเว้นเสียแต่ว่า...

                ในที่สุดทั้งคู่ก็เดินพ้นตัวป่ามาได้เสียที ก่อนจะพบเข้ากับความจริงที่ทำให้หนังคิ้วของนักเรียนจากอวาลอนกระตุกพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย เบื้องหน้าพวกเขาเป็นทุ่งโล่งกว้างที่มีค่ายขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ค่ายตรงหน้าไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นพวกมนุษย์หรือปิศาจ

                อาเบลรีบหลบพุ่งตัวหลบหลังต้นไม้ที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที ด้วยหวังว่าพวกปิศาจที่อยู่ในค่ายจะไม่เห็น “นั่นปะไร อยู่กับนายมีแต่เรื่องซวยๆทั้งนั้น!”

                อารันไม่อยากจะรับคำนั้นเท่าไหร่ แต่เขาเองที่กลิ้งหลบหลังก้อนหินใหญ่ที่อยู่ใกล้กันไม่เท่าไหร่ก็พูดอะไรมากไม่ได้ เพราะถึงอย่างไรความผิดพลาดของประตูมิติส่วนมากก็มาจากเขาเป็นต้นเหตุทั้งนั้น

                “เอาน่า อย่างน้อยนี่ก็ไม่ใช่ค่ายใหญ่ของพวกปิศาจหรอก เป็นไปไม่ได้ที่มันจะบุกยามาไทด้วยจำนวนเพียงเท่านี้” อารันมองปราดเดียวจากระยะไกลก็รู้แล้วว่าค่ายที่ตั้งอยู่เบื้องหน้ามีจำนวนปิศาจมากสุดก็เพียงหลักพันเท่านั้น อีกทั้งในค่ายยังไม่มีระดับตัวเบ้งๆมากพอ หลักฐานก็คือเขากับอาเบลยังสามารถหยอกล้อต่อเถียงได้ถึงตอนนี้

                “ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเลยซักนิด!” อาเบลกระแทกเสียง

                “แบบนึ้คงย้อนไปไม่ได้แล้วสิ ช่วยไม่ได้” อารันถอนหายใจ แต่สีหน้ากลับไม่เห็นร่องรอยความหนักใจอะไรทั้งนั้น

                อาเบลเห็นแบบนั้นก็พอจะคาดเดาอะไรได้ลางๆ จริงอยู่ที่พวกเขามาที่เมืองยามาไทก็เพื่อตามหาตัวซายากะ แต่อาเบลก็เตรียมใจมาบางส่วนแล้วว่าต้องปะฉะดะกับปิศาจพวกนี้กันไปข้าง แต่ด้วยจำนวนที่แตกต่างกันขนาดนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องไหมไอ้หัวเขียว!

                “นายอย่าบอกนะว่า...” อาเบลถามเสียงเครียด ใบหน้ายิ่งเต็มไปด้วยความวิตกกังวล เหงื่อแทบจะไหลเป็นสายน้ำแล้วด้วยซ้ำ

                อารันยิ้มตอบ “ฉันก็คิดแบบนายนั่นแหละ มาถล่มค่ายนั้นให้ราบกันเลยเถอะ!”

                “คิดแบบนายบ้านแกน่ะเซ่!!” 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×