คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : กาลครั้งหนึ่ง... ความรัก
กาลครั้งหนึ่ง… ความรัก
ความรัก…
เกิดจากความรู้สึกดีๆ ที่คนสองคนมีให้กัน
แต่ถ้าวันหนึ่ง ความรักได้จากเราไปไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม จงเก็บความรู้สึกดีๆเหล่านั้นไว้ เผื่อวันใดที่คุณย้อนกลับไปคิดถึงมัน คุณอาจจะมีรอยยิ้มผุดขึ้นมาบนใบหน้าโดยไม่รู้ตัว
.
.
.
.
.
“ลืมตาได้” คำสั่งจากร่างบาง ทำให้ร่างสูงของคนรักค่อยๆลืมตาขึ้นมาช้าๆ ก็พบกับสร้อยเชือกสีดำเส้นหนึ่ง มีจี้รูปฟันเฟืองห้อยอยู่ ที่ร่างบางยื่นให้ตรงหน้า
“ใจอยู่ที่เกียร์ เกียร์คือใจ เกียร์อยู่ที่ใด ใจอยู่ที่นั่น!!!! ฝากพี่โน่ดูแล….เกียร์.…ของกันด้วยนะครับ^^” ร่างบางพูดไปก็เขินไป ทำให้ร่างสูงอดเอ็นดูกับท่าทีนั่นไม่ได้ จึงขยี้ผมร่างบางอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ
“น้ำเน่าวะ”
“โหยยยพี่โน่!!!! อะไรอ่ะ กันอุตส่าห์ทำซึ้ง กว่าจะได้มามันลำบากนะเว่ย พูดแบบนี้เสียใจว่ะ” ร่างบางเบะปากเล็กน้อยทำท่าเหมือนเด็กโดนขัดใจ
“โอ๋ๆ พี่แค่พูดเล่นเฉยๆ มีแฟนเป็นเด็กวิศวะนี่มันเท่จะตายเนอะ” ร่างบางยิ้มอย่างภูมิอกภูมิใจกับคำพูดเอาใจของร่างสูง
“มะ!!!! เดี๋ยวกันใส่ให้ ฝากดูแลมันดีๆนะครับ” ร่างสูงก้มหัวให้ร่างบางใส่สร้อยคอให้อย่างว่าง่าย
“ถึงไม่ฝากพี่ก็พร้อมจะดูแล…..อย่างดีอยู่แล้ว” ดูแลที่ร่างสูงหมายถึง ไม่ใช่หมายถึงเกียร์ แต่หมายถึงคนตรงหน้าของเค้าต่างหาก สายตาที่สื่อความหมายชัดเจนทำให้ร่างบางรับรู้ถึงความรู้สึกนั้น ก็อดที่จะเขินไม่ได้
ครื้ดดดดดดดดดดด แรงสั่นเตือนจากโทรศัพท์ทำให้ร่างบางหลุดออกจากภวังค์ รู้สึกถึงกล้ามเนื้อบนใบหน้าที่ได้ใช้งาน ก็นึกขำตัวเองที่เผลอยิ้มให้กับเรื่องราวในอดีต เค้าคงแก่แล้วสินะ ถึงชอบมานั่งรื้อฟื้นเรื่องราวเก่าๆ ตาก็เหลือบไปมองต้นเหตุของรอยยิ้มครั้งนี้บนฝ่ามือ ก่อนจะเก็บมันเข้าลิ้นชักตามเดิม แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูว่าใครไลน์มา ก็พบว่าก๊วนเพื่อนไลน์มาชวนไปเที่ยวคืนนี้ ก็ดีเหมือนกันเพราะตั้งแต่เรียนจบมา ก็ไม่ค่อยได้เจอพวกมันสักเท่าไหร่ จึงไลน์ไปถามเวลาสถานที่ มองดูนาฬิกาก็เหลือเวลาอีกไม่เท่าไหร่จึงตัดสินใจไปอาบน้ำแต่งตัว
“ช้านะมึง มาๆ เดี๋ยวกูชงเหล้าให้” ยังไม่ทันจะหย่อนก้นนั่งดีไอ้นัทก็เอามือมารั้งคอผมลงไปนั่งข้างๆมัน อื้อหือ!!!กลิ่นเหล้าฟุ้งเชียวนะมึง ท่าทางพวกมันคงกรึ่มๆกันแล้วแหละ
“รถมันติด กูมาช้านิดเดียวเมากันแล้วหรอวะ”
“มาถึงก็เห็นไอ้นัทมันกินไปเยอะแล้ว นี่ก็ชงให้กูเอาๆ เริ่มกรึ่มๆแล้วเหมือนกัน” ไอ้แทนเป็นคนตอบ พอผมหันไปมองไอ้นัทก็เห็นมันกระดกเอาๆ
“มันเป็นอะไรวะ”
“เห็นว่าเพิ่งเลิกกับแฟน แต่มึงไม่ต้องไปสนใจมันหรอก เดี๋ยวไม่พ้นคืนนี้ก็ได้หญิงใหม่แล้ว” ผมพยักหน้าเชิงว่าเข้าใจ
“เอ่า!!!! มัวคุยอะไรกัน แดกสิวะ” ไอ้นัทยัดแก้วเหล้าใส่มือผม แล้วคะยั้นคะยอให้ผมดื่มทีเดียวหมด มันดันแก้วตอนผมยกขึ้นดื่มกรอกใส่ปากผมรวดเดียวจนหมด แอลกอฮอล์ที่ไหลเข้าไปในร่างกายทำให้รู้สึกร้อนวาบในลำคอ
ไอ้นัททำท่าจะรินเหล้าใส่แก้วผมอีกรอบแต่ไอ้แทนมันห้ามไว้ก่อน
“พอเลยไอ้นัทมึงจะมอมเหล้ามันหรือไง มึงก็เหมือนกันรู้ว่าคออ่อนยังจะเสือกแดกเยอะอีก”
“ประโยคเมื่อกี้ของไอ้แทนมันทำให้ผมนึกถึงคำพูดของอีกคนที่ซ้อนทับขึ้นมา ในภาวะที่สติผมไม่ครบร้อยเปอร์เซ็นด้วยซ้ำ”
“รู้ว่าคออ่อนแล้วยังจะกินเยอะอีก” ร่างสูงว่าให้ร่างบางทั้งๆที่กำลังช่วยพยุงร่างบอบบางนั่นไปส่งที่ห้อง
“คายยยย ใครคออ่อนนน กันยางม่ายมาวววววว”
“ไอ้เด็กดื้อเอ๊ย ไม่เมาก็ไม่เมา แต่กรุณาช่วยให้ความร่วมมือก้าวขาหน่อย เล่นลากขาแบบนี้พี่ก็หนักเป็นนะเว่ย”
“ขี่หลังโหน่ยย เดินม่ายหวายยย” ร่างบางเอามือมาโอบรอบคอร่างสูงไว้ มองร่างสูงตาแป๋ว ดวงตาที่ว่าหวานอยู่แล้วพอเจอฤทธิ์แอลกอฮอล์เข้าไปทำมันดูหวานหยาดเยิ้มเข้าไปใหญ่
“กัน!!! จะทำอะไร” ร่างบางโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ร่างสูงเรื่อยๆ โดยไม่สนใจเสียงห้ามปรามจากร่างสูงเลยสักนิด
“กัน!!! พี่ไม่เล่นนะ”
อ้วกกกกกกกกกกกก!!!! ร่างบางโก่งคออ้วกใส่ร่างสูงเต็มที่ และมีทีท่าว่ามันจะไม่หยุดแค่ครั้งเดียว
อ้วกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!
“เห้ยยยย!!! กันนนนน”
“กัน!!!” ร่างบางสะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้สึกถึงแรงเขย่าที่ต้นแขน
“ฮะ!!! ว่าไง”
“มึงไหวป่ะว่ะ นั่งเหม่ออยู่นั่นล่ะ เรียกก็ไม่ได้ยิน”
“กูคงมึนๆว่ะ แล้วนี่ไอ้นัทไปไหนแล้วล่ะ”
“หิ้วหญิงกลับบ้านไปแล้ว”
“จริงมั้ย??” ไหนว่าเพิ่งอกหักไงล่ะ??? แล้วมึงไปสปาร์คกันตอนไหน?????
“ไม่ต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้น นี่มึงยังไม่ชินอีกหรอ แล้วสรุปว่างานวันเสาร์นี้จะไปหรือเปล่า”
“ไปดิ!!! ไม่ไปได้ไงงานพี่ชายทั้งที”
“งั้นเดี๋ยวกูไปรับ จะได้ไปพร้อมๆกัน”
“อื้อ”
“แล้วนี่มึงจะกลับยังไง?”
“แท็กซี่”
“มึงนี่ยังไง ดึกๆดื่นมันอันตรายกลับแท็กซี่ไม่รู้ไว้ใจได้หรือเปล่า ทำไมไม่ลองหัดขับรถเองบ้างวะ ไม่มีพี่โน่คอยไปรับไปส่งเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะเว้ย มึงต้องหัดดูแลตัวเองดิ ชอบให้กูเป็นห่วงอยู่เรื่อย เดี๋ยวกูไปส่งเอง” ด้วยความเป็นห่วงเพื่อน แทนจึงเอ่ยถ้อยคำที่ไม่สมควรพูดออกไป พอเห็นสีหน้าของกันสลดลงไปจึงรู้สึกผิด แต่ไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่อเพราะกลัวไปกวนตะกอนให้มันขุ่นขึ้นมาอีก
“ไม่ต้องห่วงกูหรอก กูกลับเองได้ ถ้าวันไหนไม่มีมึง กูจะได้ดูแลตัวเองได้ไง” ร่างบางส่งยิ้มบางๆให้กับเพื่อน ก่อนที่จะเอ่ยคำล่ำลาเพราะเห็นว่าดึกมากแล้ว
พอขึ้นแท็กซี่ก็บอกจุดมุ่งหมายเสร็จสรรพ พลางนึกไปถึงคำพูดของเพื่อน
“เลี้ยวซ้ายๆๆๆ ”
“กัน!!! ระวังหมา”
“เหยียบเบรกกันเหยียบเบรก”
เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด หัวของร่างบางไปกระแทกกับพวงมาลัยรถ พอร่างสูงเห็นจึงรีบถลาเข้ามาดูร่างบางทันที
“กัน!!! เป็นไงบ้าง เจ็บหรือเปล่า ไหนขอพี่ดูหน่อยซิ” ร่างสูงเห็นร่างบางเอามือกุมหน้าผากไว้จึงขอดู ก็พบว่ามันแค่เป็นรอยแดงๆ
“แค่หัวโนน่ะ ดีนะที่หัวไม่แตก คราวหน้าก็ระวังๆหน่อย”
“ยังจะมีคราวหน้าอีกหรอพี่โน่ กันว่ามันไม่เวิร์คว่ะ จะต้องหัดขับทำไมในเมื่อกันมีพี่โน่อยู่ทั้งคน”
“แล้วถ้าวันไหนไม่มีพี่ล่ะ”
“พี่โน่อย่าพูดแบบนั้นดิ กันใจคอไม่ดีเลย”
“ครับๆไม่พูดแล้ว งั้นเรามาเริ่มขับกันใหม่เนอะ!!!”
“พี่โน่นี่เป็นเด็กยังไง กันบอกว่าไม่ก็ไม่ดิ”
“คุณครับคุณ ถึงแล้วครับ”
เหลือบตาออกไปมองนอกหน้าต่างก็พบว่ารถจอดหน้าคอนโดที่ผมพักอยู่เรียบร้อยแล้ว นี่ผมแอบคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอีกแล้วหรอเนี่ย เผลอยิ้มไปบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ แล้วลุงแท็กซี่จะว่าผมบ้ามั้ย? เลยรีบจ่ายค่าโดยสารแล้วเดินเข้าคอนโดไป ระหว่างทางรู้สึกมึนๆเหมือนกันแฮะ แค่แก้วเดียวถึงกับเดินเซเลยหรอวะ พอเข้ามาในห้องก็พบกับความว่างเปล่ามีเพียงแสงไปสลัวๆที่ลอดผ่านมาทางหน้าต่างเท่านั้น ผมตัดสินใจเดินไปล้มตัวนอนบนโซฟาตัวใหญ่กลางห้องโดยที่ไม่ได้เปิดไฟ สักพักก็มีแสงสว่างจากหน้าจอโทรศัพท์ ผมเลยหยิบขึ้นมาดู ปรากฏว่าเป็นไอ้แทนไลน์มา ถามว่าถึงห้องหรือยัง แล้วก็ขอโทษที่พูดอะไรไม่คิด
นี่ไอ้แทนมันเป็นคนคิดมากตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมจึงตอบมันไปว่าถึงแล้ว บอกให้มันไม่ต้องคิดมากเพราะผมไม่ได้คิดอะไร
อันที่จริงก็ถูกอย่างที่มันว่านั่นแหละ
พระเจ้าสร้างให้คนเรามีแขนที่ยาวเพื่อกอดตัวเองในวันที่ไม่มีใคร… ในเมื่อไม่มีพี่โน่แล้วผมก็ต้องดูแลตัวเองให้ได้เช่นกัน
…………………………………………………………………………..
เช้าวันเสาร์ผมตื่นตั้งแต่เช้าเพราะต้องเดินทางไปหัวหิน นัดกับไอ้แทนไอ้นัทไว้ตอน10โมง พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็นั่งรอให้ถึงเวลานัด
จะว่าไปผมก็ไม่ได้ไปหัวหินนานแล้วเหมือนกัน ครั้งสุดท้ายที่ไปก็คงไปกับพี่โน่
.
.
.
มันเป็นวันที่ผมและพี่เค้าตัดสินใจจะถอยออกมากันคนละก้าว
เป็นวันที่เราลดสถานะของกันและกันให้เหลือเพียงพี่น้อง
เราทั้งสองต่างเข้าใจในความเป็นไป มันไม่มีประโยชน์อะไรถ้าจะยื้อความสัมพันธ์ในรูปแบบที่เรียกว่าคนรัก ไม่ใช่เพราะไม่รัก แต่ในเมื่อความรักครั้งนี้ได้เดินทางมาถึงทางตัน มันคงจะดีกว่าถ้าเราปล่อยให้ความรักเลือกเส้นทางของมันเองดูบ้าง
อย่าคิดว่าผมเข้มแข็งขนาดนั้น เพราะถึงแม้จะเข้าใจแต่มันก็อดไม่ได้ที่จะเสียน้ำตา
“กัน!! อย่าร้องนะ”ร่างสูงเอานิ้วเกลี่ยน้ำตาออกจากใบหน้าของคนที่เคยขึ้นชื่อว่าคนรัก
“กันจะไม่ร้อง กันจะเข้มแข็ง พี่โน่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” ร่างบางยิ้มให้ร่างสูงทั้งที่ยังมีน้ำตาเปรอะเปื้อนอยู่เต็มใบหน้า
ร่างทั้งสองร่างโผเข้ากอดกันอีกครั้ง เสมือนว่ามันคือการกอดลา…
ย้อนไปเมื่อ1ชั่วโมงก่อนหน้า
บรรยากาศชายทะเลยามอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้ามันช่างดูโรแมนติก เหมาะกับคู่รักที่ต้องการซึมซับบรรยากาศอันน่าหลงใหลนี้ไว้ ร่างสองร่างเดินเคียงคู่กันไปโดยไร้การสัมผัส ทั้งสองต่างรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงในไม่ช้า
“วันนึงเมื่อความรักมาถึงจุดอิ่มตัว คนเราไม่สามารถค้นหาอะไรในตัวของกันและกันได้อีกแล้ว
กันว่ามันถึงเวลาหรือยังที่ต้องเอ่ยคำลาต่อกัน?” ร่างสูงเอื้อนเอ่ยประโยคคำถามเพื่อทำลายความเงียบที่ชวนอึดอัดนี้ แต่ดูเหมือนว่าประโยคคำถามเมื่อครู่จะไม่ได้ช่วยทำลายความอึดอัดนั้นเลย รันแต่จะเพิ่มความอึดอัดมากขึ้นด้วยซ้ำ
“…….” ร่างบางไม่ได้ตอบคำถามนั้นไป เขารู้ดีว่าโตโน่ต้องการจะสื่อถึงอะไร พลางเงยหน้ามองใบหน้าคนร่างสูงเพื่อให้พูดต่อ
“โลกนี้ยังมีอะไรให้ค้นหาอีกมากมาย เพียงแต่เรากลัวที่จะนับหนึ่งกันใหม่ เราถึงเลือกที่จะยอมยื้อเวลาต่อไปเพื่อหาคำตอบว่าทำไมเราถึงไม่ต้องการกัน เพราะอะไร ทั้งที่คำตอบอยู่ที่ตัวเรา กันว่ามั้ย?”
“……” ผมเงียบ
“…….”พี่โน่เงียบ
เราต่างใช้ความเงียบเพื่อกดดันให้อีกฝ่ายเป็นคนพูดก่อน
“เราละ…” แต่เมื่อพี่โน่จะเป็นฝ่ายพูดเอง กลับเป็นผมที่ไม่กล้าฟังคำนั้น รู้ว่าตอนจบจะเป็นยังไง แต่ของเลี่ยงคำว่าเลิกกันก็ยังดี
“กันเข้าใจทุกอย่างแล้วครับ ขอบคุณสำหรับทุกๆอย่างที่ผ่านมา ขอบคุณที่มาสร้างความทรงจำดีๆให้กัน” ร่างบางยิ้มให้ร่างสูงทั้งน้ำตา
“พี่ขอคืนหัวใจให้กันนะ เก็บไว้ให้คนที่ดีกว่าพี่ได้ดูแล” โตโน่ถอดสร้อยคอที่มีจี้รูปฟันเฟือง ที่กันเคยให้ไว้ส่งคืนให้เจ้าของ
ร่างบางหยิบของสำคัญที่เก็บไว้ในลิ้นชักขึ้นมา หัวใจของเขาที่เคยฝากไว้กับใครคนนั้น บัดนี้มันได้กลับคือมาอยู่ที่เจ้าของแล้ว และไม่เคยมีใครได้ครอบครองมันอีกเลย ไม่ใช่ว่าไม่มีใครเข้ามาชีวิต หลายๆคนผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านไป อยู่ที่ว่าเขาเลือกที่จะเก็บความทรงจำเหล่านั้นไว้กับใครต่างหาก กันหยิบใส่สร้อยคอขึ้นมาใส่ ก่อนจะได้ยินเสียงเตือนจากโทรศัพท์ พบว่าแทนและนัทมาถึงที่คอนโดแล้ว จึงรีบลงไปขึ้นรถ
ใช้เวลาเดินทางอยู่หลายชั่วโมง พอถึงที่พักก็ผลอยหลับไปเพราะเพลียจากการเดินทาง ตื่นมาก็เกือบห้าโมงเย็นแล้ว ร่างบางตัดสินใจออกมาเดินรับลมที่ชายหาด
บรรยากาศหัวหินยามเย็นยังคงสวยงามเหมือนเดิมสายลมพัดเอื่อยๆกระทบผิวกาย พระอาทิตย์ดวงโตทอแสงสีส้มทองเป็นประกายนวลตา ร่างบางเดินเรียบชายหาดไปเรื่อยๆ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเพลงในเพลย์ลิสต์ที่โหลดเก็บไว้นานแล้วแต่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ฟัง ใส่หูฟังพลางทอดสายตาไปยังทะเลที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา
เธอคงพอรู้ ในสิ่งเหล่านี้
โดยไม่มีถ้อยคำบอกไว้
เธอคงพอรู้ จากทุกความเป็นไป
ในวันที่สองเราใกล้กัน
ร่างบางนั่งลงบนพื้นทรายละเอียดสีขาว พลางหลับตาลงเพื่อซึมซับบทเพลง
แม้ในวันนั้น ยั่งยืนเพียงฝัน
เป็นแค่เพียงเมื่อวานผ่านไป
เธอคงพอรู้ไม่ว่านานเพียงใด
ไม่นานเกินไปให้ใจฉันจำ
เสียงหวานฮัมเพลงเบาๆ ตาบทเพลงที่ได้ฟัง
จะเก็บมันเอาไว้ในใจ เมื่อครั้งมีเธอ
และฉันรู้สึกครั้งนี้ยังไง
ให้เป็นความคิดถึง แม้นานเท่าไหร่
เธอจะอยู่ในใจ เป็นเรื่องจริงในความทรงจำ
“ยังเสียงเพราะเหมือนเดิมเลยนะ” คนที่อยู่ห้วงอารมณ์ของบทเพลง เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยจึงหันไปตามเสียงนั้นก็พบกับร่างของคนที่คุ้นตานั่งอยู่ข้างๆ
“พี่โน่” ทั้งสองคนยิ้มให้กันอย่างยินดี นานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่ได้พบกัน
“พี่ดีใจที่เจอกันที่นี่นะ”
“กันจะไม่มาได้ยังไงล่ะครับ วันสำคัญของพี่ชายทั้งที กันต้องมาร่วมแสดงความยินดีอยู่แล้ว” ร่างสูงมองไปยังร่างบางพลางสังเกตเห็นสร้อยคอที่ร่างบางใส่อยู่ เมื่อร่างบางเห็นสายตาของร่างสูงจึงจับสร้อยคอที่ตนใส่ แล้วพูดขึ้น “กันยังหาคนดูแลมันไม่ได้เลย”
“ป่านนี้ยังหาแฟนไม่ได้อีกหรอเรา” ร่างสูงโยกหัวร่างบางไปมา อย่างเอ็นดู
“ยังเลือกไม่ได้ตั้งหากล่ะ เผอิญเป็นคนหล่อเลือกได้” ร่างบางลอยหน้าลอยตาพูดจนร่างสูงอดไม่ได้ที่จะดึงแก้มบุ๋มๆนั่น ร่างบางยู่หน้าอย่าไม่ค่อยชอบใจนัก ทำให้ร่างสูงหัวเราะลั่น
“ยังน่ารักเหมือนเดิมเลยนะ”
“เอ่อ!!! ใกล้เวลาแล้ว งั้นเจอกันที่งานนะครับ” ร่างบางพูดตัดบทก่อนจะเดินกลับที่พักอย่างรวดเร็ว
.
.
.
.
.
.
บรรยากาศงานแต่งริมทะเล เต็มไปด้วยความชื่นมื้น บรรดาเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่มาร่วมแสดงความยินดีในธีมชุดสีฟ้าขาว ต่างพากันโยกย้ายตามเสียงเพลงที่เปิดคลอเบาๆ เมื่อถึงเวลาเปิดตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวทุกคนต่างพากันโห่ร้องแสดงความยินดี ผมมองดูพระเอกนางเอกของงานประคองกันมา แล้วก็อดยิ้มตามไม่ได้ ทั้งคู่เหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก
“จูบเลย จูบเลย จูบเลย” เสียงเชียร์จากบรรดาแขกในงาน ต่างพากันโห่ร้อง คู่บ่าวสาวมีท่าทีขัดเขินนิดๆ ก่อนจะบรรจงจูบกันอย่างแสนหวาน
เวลาล่วงเลยไปจนเกือบ4ทุ่ม กันจึงได้มีโอกาสเข้าไปแสดงความยินดีอย่างเป็นทางการกับคู่บ่าวสาวอีกครั้ง
“ยินดีด้วยนะครับพี่โน่ เจ้าสาวพี่สวยมากๆ ขอให้พี่ทั้งสองคนเดินเคียงข้างกันบนเส้นทางต่อจากนี้ไป ด้วยความรักความเข้าใจนะครับ” ร่างบางยื่นกล่องของขวัญกล่องเล็กๆสีฟ้าให้กับโตโน่ ทั้งคู่ยิ้มให้กันอีกครั้งก่อนคู่บ่าวสาวจะขอตัวไปทักทายแขกต่อ
ผมมองพี่ชายของผมเดินเคียงคู่ไปกับคนที่เค้ารัก เค้าได้เข้ามาสร้างความทรงจำมากมายในชีวิตของผม ถึงแม้สถานะความสัมพันธ์ของเราจะไม่เหมือนก่อน แต่ความผูกพันที่เรามีให้กันยังคงเหมือนเดิม
บางความทรงจำมันคือสิ่งที่สวยงาม
และอาจสวยงามที่สุดในชั่วชีวิตคนคนหนึ่ง
แต่เราสัมผัสมันไม่ได้ เราจับต้องมันไม่ได้
เราใช้ชีวิตร่วมกับมันไม่ได้อีกต่อไป
ทำได้เพียงคิดถึง และปล่อยให้มันมีค่าอยู่กับอดีต
ปล่อยให้มันสวยงามอยู่ตรงนั้น
กาลครั้งหนึ่ง… ความรัก
* ชี้แจง ตัวเอียงจะเป็นพาร์ทอดีตนะ
งงกันมั้ย? เนื้อเรื่องกระโดดไปกระโดดมา 5555
สำหรับคนที่ขอดราม่าไว้ ขอเวลาบิ้วอารมณ์นิดนึงนะ
คือเห็นสภาพพี่กันจักรยานคว่ำแล้วอดสงสารไม่ได้
ไม่อยากทำร้ายพี่ซ้ำ เอ็นดูววววว
ช่วงนี้โมเม้นริทกันเกลื่อนมาก
อยากเห็นโมเม้นโน่กันบ้าง คงต้องรอคอนฯประกาศผลดาว11 สินะ
กำลังใจในการแต่งจะเพิ่มขึ้นอีก63เท่า 5555
ส่วนใครอยากได้แนวไหน แบบไหนบอกได้นะ เอาจริงๆ คือเราเริ่มคิดไม่ออกแล้วล่ะ
ปล. ผิดพลาดตรงไหนติชมกันมาได้นะ เราจะพยายามปรับปรุงให้ดีขึ้น^^
ความคิดเห็น