ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ Yaoi] AllHan, SiHan, Chulhan, KyuHan, MiHan, etc.

    ลำดับตอนที่ #2 : [SF] [ChulHan] You Are Not My Type!!! Part 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 573
      4
      13 พ.ย. 54

    Title: You Are Not My Type!!!

    Author: imazawa

    Pairing: Heechul/Hangeng

    Rate: PG-15 (มีการใช้ภาษาไม่เหมาะสมมากมายBy:ฮีชอลและผองเพื่อนค่ะ =v=”)

     

     

    Part 1

     

    “ไอ้ตี๋! กูรู้ว่ามึงทำการบ้านภาษาญี่ปุ่นเสร็จแล้ว ส่งมาให้กูลอกอย่างด่วน!” เสียงแหลมแสบแก้วหูดังแหวกอากาศพร้อมกับคนพูดที่
    วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในห้องเรียน

     

    ฮันคยองขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความไม่พอใจ เขาไม่ชอบเลยเวลาที่ใครพูดกับเขาด้วยคำพูดและน้ำเสียงกระโชกโฮกฮากแบบนี้
    อย่างน้อยในเวลาที่อีกฝ่ายต้อการความช่วยเหลือจากเขามันก็ควรจะเกรงใจกันบ้างสิ

     

    “ฉันเคยบอกนายแล้วใช่มั้ยฮีชอลว่าฉันไม่ชอบให้ใครมาเรียกฉันว่าไอ้ตี๋?” ร่างเพียวพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ พยายามสะกดกลั้น
    ความโกรธเอาไว้

     

    “ถ้ามึงไม่ชอบให้กูเรียกว่าไอ้ตี๋ งั้นมึงจะให้กูเรียกมึงว่าอีหมวยแทนมั้ยล่ะ? อ้อ! กูลืมไปว่ามึงเป็นตุ๊ด มึงคงอยากใช้สรรพนามของผู้หญิงมากกว่า กูขอโทษละกันที่ไม่รู้ใจมึง ทีนี้จะเอาการบ้านมาให้กูลอกได้หรือยังอีหมวย?” พูดจบฮีชอลก็วางกระเป๋าลงข้างๆที่นั่งของฮันคยองอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวก่อนจะหยิบเครื่องเขียนออกมาวางบนโต๊ะแสดงความพร้อมที่จะลอกการบ้านจากเพื่อนเต็มที่

     

    ฮันคยองถอนหายใจยาว เขาเลือกที่จะเงียบเพราะรู้ว่าเถียงไปก็ไม่ชนะ มิหนำซ้ำยังจะทำให้เขาหงุดหงิดมากขึ้นเสียเปล่าๆ

     

    มือบางหยิบหนังสือภาษาญี่ปุ่นออกมาจากกระเป๋าก่อนที่จะเปิดไปหน้าที่มีแบบฝึกหัดแล้วส่งให้เพื่อน

     

    ไม่มีคำขอบคุณหลุดออกมาจากปากของฮีชอล เขาตั้งหน้าตั้งตาลอกการบ้านเมื่อรู้ว่าเหลือเวลาอีกไม่กี่นาทีก่อนที่จะเข้าเรียน

     

    “ฉันสงสัยจริงว่านายเลือกเรียนศิลป์ภาษาญี่ปุ่นทำไมในเมื่อนายไม่เคยทำการบ้านภาษาญี่ปุ่นด้วยตัวเองเลยสักครั้งแถมยัง
    ชอบโดดเรียนอีก” ฮันคยองพูดขึ้นมาลอยๆขณะที่สายตาจับจ้องอยู่กับหนังสือการ์ตูนที่อยู่ในมือ

     

    “กูชอบดูหนังโป๊ญี่ปุ่นไงมึง กูเลยอยากรู้ว่ามันพูดอะไรกันก็เลยเลือกเรียนศิลป์ฯญี่ปุ่นแม่งเลย” ฮีชอลตอบยิ้มๆ ส่วนฮันคยองก็ได้แต่ส่ายหน้าด้วยความเบื่อหน่าย เขาเองก็ไม่ได้หวังว่าจะได้ยินคำตอบที่ดีกว่านี้จากปากของอีกฝ่ายหรอก

     

    ร่างเพรียวพยายามจะเพ่งสมาธิกับหนังสือการ์ตูนตรงหน้าแต่ก็ถูกขัดจังหวะอีกจนได้

     

    “ว่าแต่วันนี้ผัวมึงไม่มาหาเหรอ? ปกติกูมาถึงทีไรก็เห็นมันนั่งสวีทกับมึงตลอดเลยนี่หว่า” คนหน้าสวยถามพร้อมกับส่งสายตาแซวๆ
    ไปให้เพื่อนสนิท

     

    ฮันคยองปิดหนังสือแล้วส่งเสียงจิ๊จ๊ะความไม่พอใจ

     

    “ซีวอนเขาไม่ได้เป็นอะไรกับฉัน นายอย่าพูดแบบนี้ ถ้าใครมาได้ยินแล้วเข้าใจผิดซีวอนจะเสียหาย” ร่างเพรียวพูดเสียงเข้ม

     

    “แหม~ ปกป้องกันเหลือเกินนะมึง เนี่ยนะไม่ได้เป็นอะไรกัน อ๊ะ! นั่นไงผัวมึง! พูดถึงก็โผล่หัวมาเลยนะ ตายยากชิบหาย” ร่างโปร่งพูดพร้อมกับพยักเพยิดไปทางประตูหน้าห้องเรียนซึ่งมีเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ยืนอยู่

     

    “อรุณสวัสดิ์ซีวอน~” ฮันคยองตะโกนทักพร้อมกับโบกมือให้อีกฝ่าย

     

    “อรุณสวัสดิ์ครับพี่ฮันคยอง” ซีวอนตอบแล้วก้มศีรษะให้คนที่อายุมากกว่าอย่างสุภาพก่อนที่จะเดินกลับไปยังห้องเรียนของตัวเอง
    ซึ่งอยู่ข้างๆห้องของฮีชอลกับฮันคยอง

     

    ร่างเพรียวดูจะประหลาดใจเล็กน้อยกับท่าทางของซีวอน ปกติเด็กหนุ่มจะเดินเข้ามานั่งคุยกับเขาก่อนเข้าเรียนเสมอทั้งเรื่องเกี่ยวกับภาษาจีนซึ่งเป็นวิชาเอกของเด็กหนุ่มและเรื่องทั่วๆไป แต่วันนี้...ไม่สิ...พักหลังมานี้ซีวอนกลับดูแปลกๆ ราวกับมีเรื่องอะไรอยู่ในใจ
    สักอย่าง

     

    “ไอ้เด็กนั่นมันดูตึงๆไปนะ พวกมึงทะเลาะกันอยู่เหรอวะ? หรือว่าเมื่อคืนมึงไม่ยอมนอนกับมัน วันนี้มันเลยงอน? ไอ้ฮันเอ๊ย~
    กูรู้นะว่ามึงอ่ะใสซื่ออ่อนต่อโลก แต่ยอมๆมันบ้างก็ไม่เสียหายนะเว้ย เล่นตัวมากๆแบบนี้เดี๋ยวผัวมึงก็ไปมีเมียน้อยหรอก
    จะเก็บซิงไว้ชิงโชคหรือไงวะไอ้เชี่ยนี่” ฮีชอลพูดด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆราวกับกำลังพูดถึงเรื่องอาหารค่ำมากกว่าเรื่องบนเตียง

     

    ฮันคยองเริ่มหมดความอดทนเมื่ออีกฝ่ายยังไม่ยอมหยุดเสียที ตัวเขาเองน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่เขากลัวว่าคนที่ต้องรักษาภาพลักษณ์
    ทางสังคมอย่างซีวอนจะเดือดร้อนถ้าหากคนอื่นมาได้ยินและเข้าใจผิด

     

    “ที่นายยัดเยียดซีวอนให้ฉันทุกวันๆแบบนี้น่ะ จริงๆแล้วนายเองต่างหากล่ะมั้งที่อยากได้เขา ไม่ต้องอายหรอกน่าฮีชอลลี่ ชอบผู้ชายเหมือนกันก็บอกมาเหอะ หน้านายก็ออกจะสวยขนาดนี้ ถ้าเป็นเกย์ก็รุ่งเลยนะ หนุ่มหล่อๆล่ำๆต้องรุมจีบนายแน่” ร่างเพรียวพูด
    ด้วยน้ำเสียงยียวนกวนประสาทที่ไม่ค่อยได้ทำบ่อยนัก แต่มันก็ได้ผลเกินคาดเมื่อร่างโปร่งที่นั่งอยู่ข้างเขาถึงกับวางปากกาในมือลง
    แล้วหันมาเผชิญหน้ากับเขาด้วยท่าทางเอาเรื่อง

     

    “ไอ้เชี่ยฮัน! มึงอย่ามาพูดหมาๆแบบนี้นะโว้ย! มึงจะเป็นตุ๊ด เป็นเกย์ เป็นห่าเหวอะไรกูก็ไม่ว่า แต่อย่ามาลากกูเข้าไปเป็นพวกเดียว
    กับมึง แม่งเอ๊ย
    ! ถ้ามึงเป็นผู้ชายกูชกมึงไปแล้ว” ร่างโปร่งพูดเสียงเขียว กำหมัดแน่นแสดงให้เห็นว่าเขากำลังโกรธมาก

     

    “แล้วตอนนี้ฉันมีอะไรบ้างเหรอที่ไม่เหมือนผู้ชาย? เอาสิ อยากชกก็ชกเลย” ร่างเพรียวเอ่ยพร้อมกับยื่นหน้าให้อีกฝ่ายอย่างท้าทาย

     

    ฮีชอลเงื้อกำปั้นขึ้น กัดฟันกรอดด้วยความโมโห แต่ในที่สุดกำปั้นนั้นก็ถูกชกลงบนพื้นโต๊ะแทนที่จะเป็นแก้มเนียนใสของเด็กหนุ่มชาวจีน

     

    “เชี่ยเอ๊ย! กูไม่รู้หรอกว่ามึงไม่เหมือนผู้ชายตรงไหน ก็รู้แค่ว่ากูเป็นผู้ชาย แล้วมึงกับกูก็ต่างกันลิบลับ”

     

    “ถ้านายเอาตัวเองเป็นมาตรฐานของคำว่าผู้ชายล่ะก็ในโลกนี้คงมีผู้ชายแท้ๆไม่เยอะนักหรอก”

     

    “มึง!...

     

    “รีบลอกการบ้านไปซะ! เสร็จแล้วก็ส่งให้ด้วย!” ฮันคยองตัดบทก่อนที่จะหยิบหนังสือการ์ตูนพร้อมกระเป๋านักเรียนขึ้นมาแล้วย้ายไปนั่งข้างเยซองแทน ทิ้งให้ฮีชอลมองตามเพื่อนสนิทไปด้วยความรู้สึกสับสน

     

    ทำไมเมื่อกี๊เราถึงไม่กล้าชกไอ้ตี๋นั่นนะ? ก็แค่ชกแท้ๆ มันเอง...ถึงยังไงก็เป็นผู้ชาย ไม่ได้บอบบางเหมือนผู้หญิงอยู่แล้ว แต่ทำไมถึงรู้สึกว่าชกมันไม่ได้? ทำไมถึงไม่อยากทำให้มันเจ็บ? นี่เรา...เป็นอะไรไปแล้วเนี่ย?

     

    -*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

     

    อีกสิบห้านาทีจะถึงเวลาเรียนพลศึกษา นักเรียนชายหญิงกว่าสี่สิบคนวิ่งกันวุ่นวายตามทางเดินในอาคารเพื่อจะลงไปรวมตัวกัน
    ที่สนามกีฬาหน้าโรงเรียน

     

    ภายในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าชาย เด็กหนุ่มหลายคนยังคงค่อยๆเปลี่ยนเสื้อด้วยท่าทางเฉื่อยชาราวกับไม่เต็มใจที่จะเรียนวิชาต่อไปนัก

     

    “เซ็งว่ะแม่ง! กูอยากรู้ชิบหายว่าใครเป็นคนจัดหลักสูตรวิชานี้ กูแม่งอยากเล่นบาสฯ ดันเสือกบังคับให้กูเรียนฟุตบอล เห็นกูเรียนศิลป์ฯญี่ปุ่นแล้วคิดว่าไอดอลของกูคือสึบาสะเจ้าหนูนักเตะหรือไงวะ?” คิมฮีชอลบ่นไม่หยุดปากขณะที่กำลังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเองไปด้วยโดยที่มีเพื่อนหลายคนส่งเสียงสนับสนุนความคิดของเขา แต่ก็มีอีกหลายคนที่คัดค้าน

     

    “ช่างเถอะน่า เขาจัดให้เรียนอะไรก็เรียนๆไปเถอะ บ่นไปเขาก็ไม่เปลี่ยนหลักสูตรให้นายอยู่ดี” คนที่ใจเย็นที่สุดในห้องอย่างฮันคยองเอ่ยพร้อมกับพับเสื้อของตัวเองอย่างเรียบร้อยก่อนจะวางใส่ในล็อกเกอร์

     

    ฮีชอลหันขวับมาหาเพื่อน กำลังจะอ้าปากด่าในความหัวอ่อนเกินไปของเด็กหนุ่มชาวจีนแต่แล้วก็ต้องตะลึงกับภาพที่ได้เห็น

     

    ท่อนบนที่เปลือยเปล่าของฮันคยองนั้นเป็นช่างขาวบริสุทธิ์ ผิวเนียนละเอียดขับให้ร่างเพรียวยิ่งดูบอบบางยิ่งขึ้นไปอีก เอวคอดกิ่วและหน้าท้องที่แบนราบไร้มัดกล้ามนั้นดูสมบูรณ์แบบจนผู้หญิงหลายคนยังต้องอาย

     

    ยังไม่ทันที่ฮีชอลจะได้ตั้งสติ เพื่อนของเขาก็ถอดเครื่องแต่งกายท่อนล่างลงอีก เหลือเพียงแค่กางเกงขาสั้นที่เจ้าตัวใส่เตรียมเอาไว้แล้วเท่านั้น ต้นขาของฮันคยองทั้งขาวและเนียนไม่แพ้ผิวกายส่วนอื่น

     

    ร่างกายของคนคนนี้ช่างชวนมองจนเพื่อนผู้ชายหลายคนที่อยู่ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยกันอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงครางออกมาด้วยความตะลึง

     

    “ฮันคยองหุ่นดีจังเลยว่ะ ผิวสวยด้วยอย่างกับผู้หญิงแน่ะ ไม่เคยสังเกตมาก่อนเลย” เยซองเอ่ยชมด้วยใบหน้าแดงเรื่อ ถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชาย แต่สวยขนาดนี้มันก็ทำให้เขารู้สึกเขินอย่างช่วยไม่ได้

     

    ร่างเพรียวได้แต่ยิ้มรับคำชมจากเพื่อนๆแล้วก็หยิบเสื้อขึ้นมาสวม ยังไม่ทันที่เขาจะสวมเสื้อเสร็จจู่ๆก็มีเสียงดังโหวกเหวกขึ้นจนเขาต้องหันไปดู

     

    สิ่งที่เห็นตรงหน้าก็คือภาพของคนหน้าสวยที่อยู่ในเสื้อเชิ้ตเปื้อนเลือด เลือดที่ไหลออกมาจากจมูกโด่งสวยราวกับน้ำตก

     

    “เฮ้ย! ไอ้ฮีชอลเลือดกำเดาไหล! ใครก็ได้หาผ้าขี้ริ้วมาอุดจมูกมันที” เพื่อนคนหนึ่งตะโกนก่อนที่จะต้องหยุดเมื่อถูกคิมฮีชอลเขกหัว

     

    “หุบปากไปเลยพวกมึง ไม่งั้นกูจะตบให้เลือดกบปากเลย” ร่างโปร่งประกาศกร้าวทั้งๆที่สภาพของตัวเองตอนนี้ก็แทบจะดูไม่ได้

     

    “ปากเก่งไปเหอะมึง ห้ามเลือดตัวเองให้ได้ก่อนเถอะแล้วค่อยขู่พวกกู เออ...ว่าแต่ทำไมจู่ๆมึงถึงเลือดกำเดาไหลวะ?” เยซองตั้งข้อสงสัยขึ้น

     

    “กูว่ามันเห็นฮันคยองโป๊แล้วต่อมหื่นแตกแหงๆ คิดอะไรลามกอยู่ล่ะสิมึง?” คังอินแซวด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์ก่อนที่จะเอี้ยวตัวหลบหมัดลุ่นๆของฮีชอลไปได้อย่างเฉียดฉิว

     

    “ไอ้เชี่ยคังอิน! ปากหมานะมึงอ่ะ กูไม่ใช่พวกมึงนะโว้ย! กูไม่เกิดอารมณ์กับผู้ชายด้วยกันหรอก” ร่างโปร่งเถียงด้วยท่าทางเกรี้ยวกราด ไม่ได้สนใจเลยว่าตอนนี้เลือดจากจมูกบางส่วนกำลังจะไหลเข้าปากแล้ว

     

    “เหรอ~ แล้วไอ้การที่มึงเลือดกำเดาไหลเวลาที่เห็นร่างกายของฮันคยองแบบนี้มันหมายความว่ายังไงวะ?” คังอินถามด้วยท่าทางมั่นใจ ดูเหมือนว่าคำพูดของฮีชอลจะไม่มีน้ำหนักเลยสักนิดสำหรับเขา

     

    “กูเลือดกำเดาไหลแล้วมันเกี่ยวอะไรกับไอ้ตี๋นี่? ก็แค่อากาศมันร้อน เส้นเลือดฝอยในโพรงจมูกกูเลยทนไม่ไหวจนต้อง
    ระเบิดตัวเองออกมาแบบนี้ไง” ฮีชอลเถียงขณะที่ใช้หลังมือปาดเลือดไปด้วย

     

    “เอ้านี่” ฮันคยองส่งผ้าเช็ดหน้าสีน้ำตาลของเขาให้เพื่อนร่างโปร่ง

     

    “วิ้ว~ มีการส่งผ้าเช็ดหน้าให้กันด้วยอ่ะ ปรนนิบัติสามีดีจังเลยนะไอ้ฮัน” เยซองเอ่ยแซวโดยที่มีเพื่อนอีกหลายคนผิวปากผสมโรง
    ตามไปด้วย

     

    ฮันคยองส่ายหน้ายิ้มๆ

     

    “ไม่ใช่สักหน่อย ฉันก็แค่ทนเห็นภาพคนเปื้อนเลือดไม่ไหวน่ะ มันน่าขยะแขยง” ร่างเพรียวหันไปขอคำยืนยันจากเพื่อนซึ่งต่างก็พากันพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย

     

    ฮีชอลรับผ้าเช็ดหน้าจากเพื่อนสนิทไปแล้วเริ่มต้นเช็ดเลือดด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด

     

    “เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ไปล้างหน้าล้างตาซะนะ แล้วก็รีบไปเรียนได้แล้ว เดี๋ยวก็ถูกทำโทษยกห้องหรอก” ฮันคยองพูดทิ้งทายก่อนที่จะเดินออกจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าไปเป็นคนแรก เพื่อนร่วมห้องที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วต่างก็พากันทยอยเดินออกไปจนในที่สุดก็เหลือเพียงแค่ฮีชอลคนเดียวที่ยังนั่งซับเลือดกำเดาอยู่

     

    มือบางข้างที่ยังว่างวางทาบลงบนอกข้างซ้ายที่ตอนนี้กำลังเต้นรัวแรงราวกับนักกีฬาโอลิมปิกที่เพิ่งวิ่งเข้าเส้นชัย ในหัวของเขามีแต่ภาพเรือนร่างของเพื่อนสนิทอยู่เต็มไปหมด ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะสะบัดหัวเพื่อไล่ความคิดครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผลเลยสักนิด

     

    “เชี่ยแล้วมั้ยล่ะ! กูเกิดอารมณ์กับไอ้ตี๋นั่นจริงๆเหรอวะเนี่ย!

     

    -*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-


    “กริ๊งงงงงงง
    ~

     

    ทันทีที่เสียงกริ่งเลิกเรียนดังขึ้น ฮีชอลก็ลุกพรวดขึ้นจากโต๊ะพร้อมกับคว้ากระเป๋านักเรียนขึ้นพาดบ่า

     

    “กูกลับก่อนนะ วันนี้ก็จะพาแฟนไปซื้อของ” ร่างโปร่งบางพูดกับเพื่อนซึ่งกำลังค่อยๆเก็บเครื่องเขียนใส่กระเป๋าอย่างระมัดระวัง

     

    “อือ” ฮันคยองพยักหน้ารับแล้วก้มหน้าก้มตาเก็บของต่อไปโดยที่ไม่ได้ใส่ใจคู่สนทนาเลยแม้แต่น้อยซึ่งนั่นก็ทำให้คนหน้าสวยรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ

     

    เชี่ย! มึงจะเงยหน้าขึ้นมาบอกลากูสักนิดไม่ได้หรือไงวะ? ถ้าวันนี้กูข้ามถนนแล้วโดนรถชนตายมึงจะไม่มีโอกาสได้บอกลากูอีกแล้วนะโว้ย!’

     

    เมื่อรู้สึกว่าร่าโปร่งยังไม่ยอมไปไหนสักที ฮันคยองจึงต้องเงยหน้าขึ้นอย่างเสียมิได้

     

    “ทำไมยังไม่ไปอีกล่ะ? เดี๋ยวแฟนนายก็รอนานหรอก” ร่างเพรียวถามแต่สายตากลับไม่ได้โฟกัสอยู่ที่ฮีชอล เขามองออกไปนอกห้อง
    ตรงตำแหน่งที่รุ่นน้องร่างสูงใหญ่กำลังยืนคุยกับเพื่อนๆอยู่

     

    ฮีชอลมองตามสายตาของฮันคยองด้วยความอยากรู้อยากเห็นแล้วก็ได้รู้ว่าใครคือคนที่ร่างเพรียวมองอยู่

     

    “อ๋อ! มึงอยากให้กูรีบๆกลับเพื่อที่มึงจะได้ไปสวีทกับผัวมึงสินะ เชี่ยเอ๊ย! วันหลังบอกกูมาตรงๆเลยก็ได้ ไม่ต้องทำมาเป็นมองมัน
    ตาละห้อยแบบนี้หรอก” พูดจบฮีชอลก็กระแทกเท้าปึงปังออกจากห้องไปและถ้าฮันคยองไม่ได้คิดไปเอง ดูเหมือนว่าร่างโปร่งจะ
    จงใจเดินไปกระแทกไหล่ซีวอนด้วย

     

    ร่างเรียวทำท่าเหมือนชั่งใจอยู่สักพักก่อนที่จะตัดสินใจเดินไปหารุ่นน้องหน้าหล่อที่เขามองอยู่เมื่อสักครู่นี้

     

    “ซีวอน~ จะกลับบ้านเลยหรือเปล่า?” ฮันคยองถามรุ่นน้องด้วยท่าทางเป็นมิตร

     

    “อ๊ะ พี่ฮัน ผมกะว่าจะไปหาอะไรกินสักหน่อยก่อนน่ะครับ วันนี้คุณแม่จะกลับดึก ไม่มีใครทำกับข้าวให้กิน พี่ฮันไปด้วยกันมั้ย?”
    ซีวอนเอ่ยชวนพร้อมรอยยิ้มสดใสจนคนมองใจเต้นรัว

     

    “อ่ะ อืม ไปสิ วันนี้พี่ก็ขี้เกียจทำกับข้าวกินเองเหมือนกัน” ร่างเพรียวเกาแก้มอย่างเขินๆ เขารู้สึกประหม่าทุกครั้งที่คุยกับรุ่นน้องคนนี้

     

    ซีวอนมองปฏิกิริยาของคนตรงหน้าด้วยความเอ็นดูก่อนที่จะยกมือขึ้นโอบไหล่บางอย่างถือวิสาสะโดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่ากำลังจะทำให้คนที่อายุมากกว่าเป็นลมด้วยความเขิน

     

    “งั้นก็ไปกันเลยนะครับ” พูดจบเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ก็พาคนตัวบางเดินออกไป

     

    ทั้งคู่ไม่ได้สังเกตเลยว่ามีดวงตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่ด้วยความรู้สึกสับสนและหงุดหงิดเป็นที่สุด

     

    -*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

     

    เด็กหนุ่มร่างโปร่งบางวิ่งเหยาะๆเข้าไปหาเด็กสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งซึ่งกำลังอ่านหนังสืออยู่ที่ม้านั่งใกล้ๆกับประตูโรงเรียน

     

    “ขอโทษนะยุนอา รอนานหรือเปล่า?” ร่างโปร่งถามพลางลูบท้ายทอยด้วยความรู้สึกผิด

     

    เด็กสาวเงยหน้าขึ้นก่อนจะส่งยิ้มน่ารักให้กับคู่สนทนา แล้วก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อพบว่าเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่ายเปื้อนเปรอะไปด้วยคราบเลือด

     

    “ตายแล้ว! พี่ฮีชอลไปทำอะไรมาคะเนี่ย? ทำไมตัวถึงเปื้อนเลือดแบบนี้ล่ะ?” ยุนอาเอ่ยถามอย่างร้อนใจ เธอพยายามแตะตัวของอีกฝ่ายตรงบริเวณที่มีรอยเลือดเพื่อสำรวจดูว่าอีกฝ่ายบาดเจ็บหรือไม่

     

    มือเรียวของฮีชอลกุมมือเล็กของยุนอาเอาไว้แล้วบีบแรงๆเพื่อให้เด็กสาวใจเย็นลง

     

    “พี่ไม่ได้เป็นอะไรหรอกยุนอา แค่เลือดกำเดาไหลน่ะ ช่วงนี้อากาศมันร้อยจะตายไปเราก็รู้” เสียงทุ้มเอ่ยเป็นเชิงปลอบโยน ส่วนยุนอาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

     

    “โชคดีนะคะที่ไม่ได้เป็นอะไร ฉันก็คิดว่าพี่ไปมีเรื่องกับใครมาซะอีก”

     

    ฮีชอลหัวเราะกับประโยคที่คนรักพูด

     

    “พูดอย่างกับว่าพี่เป็นพวกนักเลงที่ชอบหาเรื่องชกต่อยกับชาวบ้านเขาไปทั่วอย่างงั้นแหละ”

     

    “ก็พี่เคยทำอย่างงั้นจริงๆนี่คะ” ยุนอาสวนขึ้นทันควันพลางนึกย้อนไปถึงวันที่ฮีชอลปรากฏตัวต่อหน้าเธอในสภาพที่บาดแผลเต็มตัว ใบหน้าสวยๆเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำดำเขียวและรอยแตกจำนวนมาก เหลือเชื่อที่พวกมันไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดๆไว้บนผิวขาวเนียนของ
    คนคนนี้เลย

     

    “วันนั้นคนอื่นมันมาหาเรื่องพี่ก่อนนี่นา จะให้พี่โดนมันทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียวได้ไง พี่ก็ต้องตอบโต้สิ” ร่างโปร่งแก้ตัว

     

    “ค่าๆ~” ยุนอายอมแพ้ ป่วยการที่จะเถียงกับคนอย่างฮีชอล

     

    “ถ้าอย่างงั้นพี่แวะไปเปลี่ยนเสื้อที่บ้านฉันก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันจะซักเสื้อตัวนี้ให้”

     

    “เฮ้ย~ ไม่รบกวนดีกว่ามั้งยุนอา พี่ซักเองก็ได้” ร่างโปร่งปฏิเสธด้วยความเกรงใจ

     

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ขืนให้พี่ซักเองฉันว่าทิ้งเสื้อตัวนี้ไปเลยคงจะง่ายกว่า” เด็กสาวแลบลิ้นใส่อีกฝ่ายอย่างทะเล้นๆ

     

    ฮีชอลยิ้มก่อนจะขยี้ผมคนน่ารักด้วยความหมั่นเขี้ยว จากนั้นทั้งคู่ก็จูงมือกันเดินออกไปจากบริเวณโรงเรียน

     

    น่าแปลกที่มือซึ่งเกาะกุมกันอยู่ในวันนี้ไม่สามารถทำให้หัวใจของคนทั้งสองเต้นรัวได้เหมือนที่ผ่านมา

     

    -*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

     

    เด็กหนุ่มสองคนกำลังนั่งทานอาหารเย็นด้วยกันอยู่ในร้านเล็กๆแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนของพวกเขามากนัก

     

    คนหน้าหวานลอบสังเกตอาการของรุ่นน้องรูปหล่ออยู่นานแล้ว วันนี้ร่างสูงดูจะเหม่อลอยผิดปกติและบางทีก็แสดงสีหน้าราวกับกำลังกลุ้มใจเรื่องอะไรบางอย่างอยู่ แต่เมื่อเด็กหนุ่มรู้ตัวว่าถูกเขามองก็จะยิ้มออกมาอย่างร่าเริงทันทีราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนในที่สุด
    ฮันคยองก็ทนไม่ไหวและตัดสินใจถามออกไปด้วยความเป็นห่วง

     

    “มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าซีวอน? พี่เห็นนายทำหน้าเครียดหลายครั้งแล้วนะ พอจะเล่าให้พี่ฟังได้มั้ย?”

     

    ซีวอนยิ้มกว้างก่อนที่จะส่ายหน้า

     

    “ไม่มีอะไรหรอกครับ พอดีช่วงนี้การบ้านผมเยอะ ผมกลัวว่าจะทำเสร็จไม่ทันก็เลยเครียดนิดหน่อย พี่ฮันคยองไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
    ร่างสูงตอบอย่างนั้นแต่ฮันคยองก็เชื่อว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่ เพียงแต่เด็กหนุ่มเลือกที่จะไม่บอกเขา เขาจึงตัดสินใจเล่นตามบทที่เด็กหนุ่มส่งมาให้

     

    “การบ้านภาษาจีนหรือเปล่า? ให้พี่ช่วยได้นะ”

     

    ได้ยินเช่นนั้น ซีวอนก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจพร้อมกับทำตาวิบวับเหมือนกับเด็กตัวเล็กๆที่ได้ของเล่นใหม่

     

    “ขอบคุณมากครับพี่ฮันคยอง ผมโชคดีจริงๆเลยที่ได้รู้จักพี่ ต้องไปขอบคุณผ.อ.ที่จัดให้ห้องศิลป์ฯญี่ปุ่นกับศิลป์ฯจีนอยู่ติดกัน ไม่งั้นผมคงไม่ได้เจอพี่แหงๆ”

     

    “พี่ก็โชคดีเหมือนกันที่ได้รู้จักรุ่นน้องน่ารักๆอย่างนาย” ร่างบางพูดด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มซึ่งออกมาจากความรู้สึกที่แตกต่างกับซีวอน
    อย่างสิ้นเชิง

     

     

    To be continued…

     

    Talk: ใครที่อ่านThe Perfect Boy Next Doorมาก่อนจะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายมหาศาลของภาษาที่ตัวละครใช้ค่ะ
    ฮี่ๆๆ อยากจะลองแต่งฟิคที่พระเอกพูดจาดิบๆเถื่อนๆดูบ้างน่ะค่ะ เลยออกมาอย่างที่เห็น
    = =”
    แต่โดยส่วนตัวรู้สึกว่าฮีชอลยังแรงกว่านี้ได้อีกนะเนี่ย XD

     

    ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นท์และทุกคนที่คลิกเข้ามาอ่านนะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ ^^
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×